เธอคนนี้สู้ชีวิตมากนะ - นิยาย เธอคนนี้สู้ชีวิตมากนะ : Dek-D.com - Writer
×

    เธอคนนี้สู้ชีวิตมากนะ

    ชีวิตที่แสนเบอะบะของเธอนั้นทำให้ได้เข้ามาพัวพันกับอะไรบางอย่าง

    ผู้เข้าชมรวม

    129

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    129

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  1 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  5 ต.ค. 65 / 21:18 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

     08:00น.

    ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!!!

    "นี่ยัยมิ้น!!ตื่นได้แล้วนะ!!!!"

    "อื้ออออ~"

    "ขออีกห้านาที~"

    "นี่ไม่ตื่นแม่จะเข้าไปแล้วนะ!"

    "...."

    ผู้เป็นแม่ได้พูดขู่ลูกสาวแต่ก็ไม่เป็นผล
    แกร็ก

    "ยัยมิ้น!!ตื่นได้แล้ว วันนี้แกต้องไปแก้งานที่โรงเรียนนะ!!!"

    "อื้อออ..แปปนึง~"

    "พี่y/n!!บ่ายสองแล้ว!!!!!!"

    ทว่าก็ได้มีเสียงของเด็กหนุม ตะโกนอย่างแตกตื่นออกมา

    "ห้ะ!!อะไรนะ บ่ายสองส่งงานบ่ายสางอร๊ากกกกก!!"

    "ไม่ไม่ทันแล้วโว้ยยยย ไปละ ไปเข้าห้องน้ำก่อนอร๊ากกก"

    ปึก!!!

    "เอ๊อะ!"

    เสียงบางอย่างกระทบกับตู้เสื้อผ้าอย่างแรง...ใช่นั่นก็คือหัวของมิ้นนั่นเอง ทำเอาซะเธอเกือบล้มเลยทีเดียว

    "โอ้ยยยยยย เจ็บๆๆๆๆๆ"

    "5555555555555555"

    เสียงเด็กหนุ่มได้หัวเลอะดังลั่นห้องเลยก็ว่าได้ กับการกระทำของพี่สาวที่แสนจะเงอะงะเสียจริง

    "เห้ยเป็นไรไหมลูก!!!"

    ต่างจากผู้เป็นแม่ที่หัวใจแทบจะหล่นไปถึงตาตุ่มเมื่อลูกสาวสุดที่รักของเธอได้วิ่งหัวชนตู้

    "โอ้ยเจ็บๆ ฮึ้ยขอให้สำลักน้ำลาย"

    ร่างบางได้ชี้นิ้วไปที่น้องชายตัวแสบ

    "อึก..แค็ก แค็ก!!"

    "ไอพี่!!"

    "555"

    "สมน้ำหน้า55555"

    "ดูตัวเองก่อนมั้ยไอพี่"

    ถึงน้องชายตัวแสบคนนี้จะหัวเลอะพี่และดูท่าจะสะใจเอามากแต่ลึกลึกแล้วเขาก็แอบเป็นห่วงพี่มากเช่นกัน

    :ก็แน่สิ มีพี่คนเดียวนี่เนาะ และอีกอย่างพี่ที่อ๋องยาแบบนี้จะไปหาที่ไหนได้อีกล่ะเนอะๆ

    (ผมดูหล่อขึ้นมั้ยล้า~)

    "เฮ้ยสายแล้วนี่หว่าไปอาบน้ำแล้ว!!"

    ปังง!!!

    "แม่หยิบผ้าขนหนูให้หน่อยยย!!!"

    "จ้า"

    "เห้อ"

    "นี่ผมมีพี่หรือมีน้องกันแน่ว่ะเนี่ย! ตอนป.5ที่แม่ใช่ให้ไปซื้อไข่ก็ทำไข่แตกจนต้องเอาตังค์ผมไปซื้อใหม่"

    "ห้ะ!อะไรนะพูดให้แม่ฟังใหม่หน่อย"

    "ไอ!!!เมฆ!!!!!!!!!!"

    "อุ๊ ผมไปอาบน้ำดีกว่าา!!"

     

     

    "อ้าวมิ้นอาบน้ำเสร็จแล้วหรอลูก มากินข้าวก่อนสิ"

    "ไม่เป็นไรค่ะแม่เดี๋ยวไม่ทัน บัย~"

    "แต่นี่มันพึ่งแปดโมงครึ่งเองนะพี่"

    "ห้ะ"

    "แม๊!!!!!!!!"

    "จ๋าาาาา ว่าไงจ๊ะลูกรัก มากินข้าวดีกว่านะคุณลูกกกกก"

    "เห้อ~ ไอเราก็รีบแทบตาย โถ๊ะ!"

    เอาข้าวสองทัพพีนะคะแม่"

    "จ้า"

    "เออมิ้นแม่ฝากซื้อพัดลมติดกรงหมาที่สำเพ็งให้หน่อยสิเอามาหลายๆอันเลยนะ เดี๋ยวพังอีก"

    "ได้เลยค่ะขุนแม่!!!!"

    "เอ้าแบมือทำไม"

    "มันนี่ มันนี่"

    "เห้อขี้เหนียวจริงๆเลยลูกคนนี้"

    "ได้พ่อมาค่าา"

    "เอ้า พ่อเกี่ยวไรอ่ะ"

    พ่อของเธอได้สดุ้งโหยงเมื่อลูกสาวกล่าวหาตน

    "อ่ะ เอาไปสองพันค่าทุกสิ่งทุกอย่างใช้ให้พอล่ะ"

    "จ่ะแม่~~"

    พอทานข้าวเสร็จร่างบางก็ได้สวมหน้ากากอนามัยเตรียมตัวจะออกจากบ้าน แต่หางตาเธอได้เหลือบไปเห็นนาฬิกาสีทองเรือนหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะคอมของน้องชายตัวแสบของเค้า  ร่างเล็กได้ยกยิ้มอันอรุ่มเจ๊าะของเธอก่อนที่จะหยิบนาฬิกาเรือนนั้นมาสวมที่ข้อมือ และได้เขียนโน๊ตแปะไว้ว่า

     

    ถ้าคุณมาอ่านโน้ตนี้แล้วแสดงว่าคุณกำลังหาเอ้~ นาฬิกาสีทองๆอยู่ใช่มั้ยล่าา
    ไม่ต้องร้อนใจไปไอชาย พี่สาวสุดสวยผู้แสนน่ารักคนนี้~
    ได้เอาไปเองคร่ะ!!
    ยืมหน่อยนะน้องชาย อุ้ยข่อมค่ะ! จุ๊ฟมั้วะ!!

     

                                                            จากy/nพี่สาวสุดส๊วยของแกเอง

     

    ตอนนี้ร่างบางได้เดินออกมาจากบ้านของเธอเพื่อจะขึ้นรถไฟฟ้าไปยังจุดหมายปลายทาง

    บรรยากาศบนรถไฟฟ้าที่เธอได้นั่งนั้นชั่งเงียบเหงา ไม่มีผู้คนเลยทั้งๆที่เวลาที่เธอขึ้นมานั้นเป็นเวลาที่ทุกคนควรจะเร่งรีบไปทำงาน        

    ร่างเล็กที่มาคนเดียวกับส่วนสูงแค่ร้อยหกสิบของเธอ เเละสไตล์การแต่งตัว ที่ชั่งเหมือนกันกับเด็กป.สี่ ไม่ผิดเพี้ยน ทั้งๆที่ร่างเล็กนั้นอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่สี่แล้วแท้แท้....


    "ฮึ้ยทำไมบนรถเงียบแท้ว่ะ หยิบกล้องมาถ่ายรูปดีกว่า"

    หลังจากy/nคุยกับตัวเองเสร็จก็ได้หยิบกล้องคู่ใจที่ห้อยคร้องคออยู่ขึ้นมาถ่ายรูปอย่างเพลิดเพลินจน......


    ติ้ง ติ้ง ติ้ง! สถานนีต่อไปสถานีรถไฟฟ้า MRT วัดมังกร

    "อ่าาา ถึงละในนั้นวังเวงฉิบหายเลย ทำไมมันเหมือนมีใครมาพิงไหล่เราเลยคิดแล้วขนหัวลุก????”

    หลังจากที่เธอได้บ่นพึมพำกันตัวเองเสร็จก็ได้เดินตั้งหน้าตั้งตาไปยังสำเพ็งทันทีพอร่างบางได้เดินตามทางไปสักพักนึงก็ได้มีบางอย่างแปลกๆเกิดขึ้น

    "หึ"

    อยู่อยู่ร่างบางก็ได้หยุดชะงักมือตนได้ยินเสียงกระซิบข้างหูหัวเราะในลำคอน้ำเสียงนั้นชั่งเยือกเย็นพลางขนลุกแต่เธอกลับรู้สึกโหยหาเอามากๆ มันเป็นเสียงที่เธอคุยเคยถึงแม้ว่าจะได้ยินแค่คำเดียวก็ทำเอาร่างเล็กน้ำตาซึมอย่างไม่รู้ตัว แต่ความรู้สึกนั้นก็ได้หายไปพร้อมกับเสียงบีบแตรของรถยนต์

    "นี่!ไอ้หนูอย่ายืนขวางทางรถสิ เดี๋ยวก็โดนรถชนเอาหลอก"

    "เฮ้ย ขอโทษค่ะ!"

    "แล้วกูเดิมมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วเสียงเมื่อกี้คือเสียงใครวะ"           
    (ทำไมรู้สึกหวิวหวิวที่หัวใจจัง...)

    "เออชั่งแม่งรีบไปดีกว่าร้อนก็ร้อนรีบไปดีกว่า"

     

    เมื่อร่างบางได้เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทางเธอก็แทบทรุดเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า

    "ไม่มีร้านไหนเปิดเลย"

    ตลาดสำเพ็งที่เคยครึกครื้นก็ได้เงียบสงัดยังกับป่าช้า ทุกทุกร้านมาป้ายติดไว้ว่าหยุดวันสงกรานต์ทุกร้านไม่เว้นแม่แต่ร้านเดียวร่างเล็กรู้สึกเซ็งเอามากที่ตนเลือกมาผิดวัน เธอได้เดินเคว้งลัดเลาะไปตามตรอกซอยสักพักจนพบกับร้านขายหมูปิ้งริมครองและเหลือตับปิ้งของโปรดเธอวางอยู่สองไม้สุดท้ายรออะไรล่ะร่างบางก็ได้ทำการซื้อตับปิ้งมาทันทีและก็ได้เดินไปยังโรงเรียนหญิงล้วนย่าน อนุดเสาวรีย์ชัย นั้นก็คือ “โรงเรียนสตรีวิทยา”แต่เหมือนว่าชีวิตจะสู้ร่างบางกลับนะ

    "เชี้ยนั้นมันไอตูบ กับไอโบ้ที่เราเคยแกล้งโยนลูกชิ้นใส่หัวมันนี่หว่าชิบหายละ"

    ภาพที่เธอเห็นตรงหน้าคือหมาบางแก้วแถวโรงเรียนสองตัวที่กำลังตั้งท่าจะเข้ามาไล่งับร่างเล็กอยู่ มันแยกเขี้ยวและทำตาโตใส่เธอ เตรียมพุ่งเต็มที่ ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นวันที่ไม่ค่อยดีของร่างเล็กซะเท่าไหร่เลยนะ

    "กริ๊สสส วิ่งดิ่รอไร อร๊ากกกกกกกก"

    ว่าจบเธอก็ได้วิ่งหน้าตั้งหนีหมาสองตัวนั้นความเร็วสี่คูณร้อยทันที พร้อมตะโกนขอความช่วยเหลือทันที

    "แม่จ๋าพ่อจ๋าช่วยลูกด้วย!"

    "ฮ่อง!ฮ่อง โฮ่ง!โฮ่ง!"

    "ไอเหี้ยย!!ม่ายยยยยยย"

    หลังจากวิ่งหนีหมาบางแก้วสองตัวออกมายังถนนใหญ่ได้สักพักมันก็ได้หยุดตามมาแล้ว แต่กว่าจะสลัดหมาหลุดออกมาได้ก็ทำเอาเธอเหนื่อยหอบเลยและ และร่างบางก็ได้มาหยุดอยู่ที่หน้าโรงเรียนของเธอพอดี

    "เห้อ เหนื่อยชิบหายเลย กว่ามันจะเลิกตาม"

    "นี่ยังหนู หมาน่ะมันเลิกตามตั้งแต่เธอออกมาจากตรอกซอยแล้วจ่ะฉันนั่งรถตามเธอมาเลยเห็น"

    "ห้ะ! จริงหรอคะ"

    "ใช่สิจ๊ะ ว่าแต่เธอควรไปแข่งวิ่งนะได้ที่หนึ่งแน่แน่ 555"

    "เห้อเหนื่อยฟรีเลยเรา"

    "ไปก่อนนะคะ"

    "จ้าา"


    "ห้ะะะ!!!"

    "อะไรนะคะอาจารย์ ขอใหม่ชัดชัด เน้นเน้นอีกที"

    "งานเนี้ย อาจารย์นัดแก้ อาทิตย์หน้า!"

    "ห้ะ เข่าแทบทรุด"

    "อ่าวงั้นหนูกลับแล้วนะคะ สวัสดีค่ะ"

    "จ้าา"

    "เห้ยมิ้นใช่มิ้นป้ะ!!!"

    "เอ้าไอมุกมาไออ่ะ"

    "อ๋อเรามาช่วยงานอาจารย์ จะกลับละรอหน่อยดิ่"

    "อ่าาเครเคร เดี๋ยวไปรอใต้ต้นโพธิ์นะ"

    "เครค่า"

    หลังจากที่เพื่อนของเธอได้เดินจากไปแล้วร่างก็ได้เดินไปนั้งเซ็งใต้ต้นโพธิ์คิดทบทวนเรื่องราวต่างต่าง ผ่านไปสักพักในจังหว่ะที่เธอกำลังลุกลุกขึ้นชูมือบิดขี้เกียจอยู่นั้น ใบโพธิ์ก็ได้ร่วงหล่นลงมาในมือของเธออย่างพอเหมาะพอเจาะเหมือนเตี้ยมกันมา เมื่อร่างบางเห็นก็ได้อุทานขึ้นมาว่า

    "เชี้ย!!"

    หลังจากนั้นโลกทั้งใบก็ดับมืดลงทันทีร่างเล็กได้เป็นลมนอนกองไปกับพื้น เหตุเป็นเพราะเธอพึ่งวิ่งมาทำให้เหนื่อยก่อนแล้วพวกกับเจอเรื่องที่ช็อกจึงทำให้เธอลงไปนอนกองอยู่กับพื้น

     

    จบ!!!!!!

     

    หลายคนอาจจะสงใสนะคะว่าทำไมมายมิ้นถึงได้ตกใจขนาดนั้นเมื่อใบโพธิ์หล่นใส่มือ

    ก็เพราะว่าโรงเรียนสตรีวิทยามีความเชื่อกันจากรุ่นสู่รุ่นว่าถ้าพี่ม.6เนี่ยมาเก็บใบโพธิ์ด้วยมือเท่านั้นและต้องเก็บเป็นเลขคี่เท่านั้นก็จะทำให้   ประสบความสำเร็จในการสอบติดเข้ามหาลัยที่ต้อนต้องการ

    ต้นโพธิ์เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นสตรีวิทยาอย่างหนึ่ง รุ่นพี่จะเล่าให้ฟังรุ่นสู่รุ่นกันว่า

    "เมื่อถึงฤดูกาลที่จะจบการศึกษาของปีนั้นๆ เป็นช่วงเดียวกับที่ใบโพธิ์กำลังจะร่วงหล่นไป และ ใบโพธิ์ใบใหม่กำลังจะผลิออกมา เหมือนกับพี่ ม.6 ที่กำลังจะจบไป และน้องๆ รุ่นใหม่ที่กำลังจะก้าวเข้ามาในรั้วแดง-ขาวแห่งนี้"

    แต่!!!!!!!

    ถ้ารุ่นน้องที่ไม่ใช่พี่ม.6ที่กำลังจะจบไปจับใบโพธิ์ได้ก็จะให้ผลตรงกันข้าม เพราะจนกว่าจะจบม.6ก็จะซวยไปตลอด

     


    (อันนี้รุ่นพี่เราเขาก็เล่าให้ฟังนะ)

     

    เครดิตรูปปก:ข้าวๆ
     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น