ในเวลาเช้าตรู่ของเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งที่ผู้คนต่างเร่งรีบในการใช้ชีวิตในแต่ละวัน ไม่เพียงแค่ผู้คนเท่านั้นหากมองไปที่ร้านเบเกอรี่เล็กๆในหัวมุมสุดของตรอกจะเห็นผู้คนต่างเข้ารุมล้อมหมายมุ่งซื้อของหวานรสเริด ที่ไม่ว่าใครจะอยู่มุมไหนของตรอกซอกซอยก็จะได้กลิ่นหอมหวานชวนให้ลิ้มลองของขนมสดใหม่ที่เพิ่งออกจากเตาอบในทุกวัน
"ไงลมเหนือ ขายดีนะเนี้ยวันนี้" คำทักทายทำเอาคนที่โดนทักถึงกับยิ้มไม่หุบก่อนจะส่ายหัวแล้วตอบกลับแบบไม่ถ่อมตัวสักนิด
"ธรรมดาว่ะ" เมื่อได้รับคำตอบ นทีส่ายหัวให้กับเจ้าของคำตอบพร้อมกับเดินปรี่เข้าไปในห้องทำงานเล็กๆในร้าน ลมหนาวเปิดร้านเบเกอรี่โดยมีหุ้นส่วนเป็นเพื่อนรักอย่างนทีที่คอยจัดการคิดเรื่องบัญชีการเงินของร้าน ตั้งแต่เปิดร้านมาธุรกิจก็ค่อนข้างเป็นไปได้ดีแต่วันนี้ดูจะขายดีเป็นพิเศษ ชีวิตของลมหนาวจะเรียกว่าเพอร์เฟคก็ได้ เพราะทั้งเก่งทั้งสวย(?) และพ่อรวยมาก มาตั้งแต่เกิดมีคนคอยประคบประหงมอยู่ตลอดอย่างกับไข่ในหินเพราะเป็นทายาทเพียงคนเดียวในตระกูลระไพทองพรรณ ตระกูลที่ครองบริษัทยักษ์ใหญ่เป็นอันดับต้นๆของประเทศ ถ้าถามว่าทำไมลมหนาวถึงเลือกมาเปิดร้านเบเกอรี่แทนที่จะไปดูแลบริษัทของตระกูล ลมหนาวขอชี้แจงตรงนี้เลยว่า//ก็เพราะมันยังไม่ถึงเวลาครับ จริงๆก็ถึงแล้วนั่นแหละแค่ยังไม่อยากทำเฉยๆ เดี๋ยวเบื่อร้านเบเกอรี่แล้วจะไปทำเองไม่ต้องมาเรียก เข้าใจป๊ะ อ่ะโชว์ปากแซ่บไปหนึ่ง ก็จังหวะมันได้อ่ะเนอะ
แน่นอนว่าชีวิตจะมีแค่เรื่องดีๆไม่ได้ ไม่งั้นมันคงขัดใจพระเจ้าแน่ๆ ชีวิตของลมหนาวก็เช่นกัน เป็นไปได้ด้วยดีมาตลอดตั้งแต่เด็กจนโต กระทั่ง...
"อะไรนะ! จะให้หมั้น?!!!!"
"มันเป็นสัญญาของตระกูลน่ะลูก แม่ก็ขัดอะไรไม่ได้หรอกจ้ะ"
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี้ย ยังใช้ชีวิตชายโสดแถมแส่บได้ไม่คุ้มเลยนะเห้ย!
ใครนะใครกัน ใครมันเป็นคนเขียนไอ้สัญญาบ้านี่!
"มันเป็นสัญญาตั้งแต่สมัยคุณทวดของต้นตระกูลเราแล้ว ทำตามสัญญาท่านเถอะนะลูก" คุณนายใหญ่ของบ้านทำได้เพียงแค่อธิบายเหตุผลให้ลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลฟัง
"แล้วทำไมต้องเป็นลมหนาวด้วยล่ะครับคุณแม่ รอทายาทรุ่นอื่นๆก็ได้นี่" ทันทีที่ได้ยินคำตอบ ลมหนาวก็พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดและร้อนรนเพราะไม่อยากหมั้น
"ในใบสัญญาระบุว่าต้องเป็นทายาทรุ่นที่สี่ของตระกูลเท่านั้นค่ะคุณหนู" อิ่ม แม่บ้านคนเก่าแก่ของตระกูลพูดขึ้น
"....."
"โถ่เว้ย!!!!!!!!!" //ชั้นจะบ้าตายรายวัน!รายเดือน!รายปี!
"อย่าโมโหสิคะ เดี๋ยวไม่สวยเอา แม่ลืมบอก พรุ่งนี้หนูต้องไปดูตัวนะคะ"
.....
"คุณแม่ว่ายังไงนะครับ"
"พรุ่งนี้หนูต้องไปดูตัวที่บ้านของตระกูล ณ เวียงคำพิ้งค่ะ"
"...." ลมหนาวได้ยินดังนั้นก็หยุดโวยวายพร้อมเบิกตากว้างก่อนจะรีบวิ่งปรี่ออกไปที่สวนดอกไม้หลังบ้านและกรีดร้องออกมาด้วยความหงุดหงิดและบ้าคลั่งจนดังก้องไปทั่วหมู่บ้าน "เชี่ยแม่มมึง โว้ยยยยยยยยย!!!!!!!!!" //ใครก็ได้เอามีดมาแทงกูทีค๊าาา!!!!
"ทำหน้าดีๆสิคะคนสวยของแม่ เดี๋ยวคุณแม่ยายที่บ้านนั้นเค้าจะไม่ชอบเอานะ"
"ก็ดีสิครับจะได้ไม่ต้องหมั้น" ลมหนาวทำหน้าบึ้งตึง
"ได้ยังไงกัน หนูต้องเปิดใจสิคะคนสวย" คุณนายอัปสรพูดเชิงน้าวใจผู้เป็นลูก ส่วนตัวของคุณนายแล้วการหมั้นก็ไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้ายอะไร เดี๋ยวอยู่กันไปก็คงรักกันไปเอง
"โอ้ยย! คุณแม่ก็พูดได้สิครับ คนที่ต้องหมั้นคือหนาวนี่นา ไม่ใช่คุณแม่" ลมหนาวเริ่มมีท่าทีงอแงกับเรื่องที่คนเป็นแม่กำลังโน้มน้าวตนอยู่
"ไม่เอาค่ะ ไม่งอแง ไปค่ะได้เวลาแล้ว" ลมหนาวยู่หน้าและกอดอกพร้อมกับเดินย่ำเท้าตรงไปที่ทางออกทันทีโดยไม่สนคนเป็นแม่ที่กำลังยิ้มและส่ายหัวเล็กน้อยให้กับท่าทีของเจ้าตัวเพราะความเอ็นดู
"รถพร้อมแล้วค่ะคุณนาย" อิ่ม ผู้ที่คอยจัดการเรื่องทุกอย่างในบ้านเอ่ยบอก
"ขอบคุณมากค่ะแม่อิ่ม" คุณนายอัปสรยกมือขึ้นไหว้เป็นการขอบคุณแม่บ้านที่ตนนับถือพร้อมส่งยิ้มและก้าวขึ้นรถสีดำคันหรูพร้อมมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทาง คฤหาสน์ ณ เวียงคำพิ้ง
/
ทันทีก้าวเท้าลงจากรถลมหนาวจัดการเสยกลุ่มผมสีน้ำตาลขึ้นแบบลวกๆและพินิจมองคฤหาสน์หลังโตด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่งแต่ภายใจนั้น//หลังใหญ่ชิบหาย ใหญ่กว่าบ้านกูอีกจะหลงมั้ยวะน่ะ
นั่นแหละค่ะคุณผู้ชม เค้าถึงได้บอกว่าอย่ามองคนแค่ภายนอก
"สวัสดีค่ะคุณหนู เชิญทางนี้ค่ะ" แม่บ้านของตระกูล ณ เวียงคำพิ้ง ออกมาต้อนรับผู้มาเยือนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ลมหนาวที่ยังล่องลอยกับการพินิจมองคฤหาสน์หลังโตสะดุ้งเล็กน้อยก่อนยกมือไหว้ผู้มาต้อนรับตามมารยาทและเดินตามหลังเข้าไปยังห้องรับแขก
ภายในคฤหาสน์หลังโอลานที่พินิจมองจากภายนอกแล้วดูน่าดึงดูดให้เข้ามาเยี่ยมไม่น้อยเมื่อลมหนาวก้าวเท้ามายังห้องรับแขกขนาดใหญ่ในระดับหนึ่ง เจ้าของร่างเล็กหย่อนกายลงที่โซฟาหรูสีแดงสดรอคุณนายของบ้าน ด้วยขนาดของห้องที่ค่อนข้างใหญ่สำหรับลมหนาวแล้วจึงทำให้เจ้าตัวรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ทำเอามือที่กำกันแน่นมีเหงื่อชุ่มไปทั่ว //ถามได้มั้ยพี่จี้ นี่ห้องรับแขกหรือหอประชุมคะ เกร็งตูดไปหมด ขนาดมีแอร์เหงื่อยังไหลอ่ะคิดดู
"เอ่อ.. ขอออกไปเดินเล่นได้มั้ยครับ"
"ได้ค่ะ แต่คุณหนูอย่าไปไหนไกลนะคะ"
ลมหนาวยิ้มหวานตอบพี่แม่บ้านคนสวยก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูงและเดินปรี่ออกไปจากห้องรับแขก ปล่อยให้คุณนายอัปสรนั่งอ่านวารสารภายในห้องนั้นไป
ลมหนาวเดินตามทางมาเรื่อยๆจนกระทั่งมาถึงสวนดอกไม้ของบ้าน สิ่งที่เจ้าตัวชอบไม่แพ้จากการทำขนมคือการเดิมชมดอกไม้นานาพันธ์ุ กลิ่นหอมเฉพาะของดอกไม้เมื่อสูดดมเข้าไปแล้วจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายเป็นพิเศษ ลมหนาวเดินชมดอกไม้ไปเรื่อยๆจนไม่ได้สนใจรอบข้างเลยว่ามีสายตาคู่คมกำลังยืนกอดอกมองตนอยู่
"คุณเป็นใครครับ" เจ้าของร่างสูงที่ยืนมองคนตัวเล็กกว่ามาสักพักใหญ่ๆแล้ว เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
"อุ้ยแม่ร่วง! เอ้ย.. เอ่อ คือ..." //ก็เลิ่กลั่กไปเลยสิคะ เออชั้นเป็นใครนะลืมตัวตนไปเลอ แต่เสียงกร้าวใจมากอ่ะแก อยากเห็นหน้าเบย
ลมหนาวหันหลังมามองเจ้าของเสียงช้าๆพร้อมกับค่อยๆคลี่ยิ้มอ่อนให้คนตรงหน้าด้วยความประหม่า
อุ้ย! สเต็กเลยอ่า หล่อโดนใจมากค่ะพี่ชาย
"ว่าไงครับ ตกลงบอกผมได้หรือยัง"
"คือ.." //ต้องพูดยังไงวะ ชั้นเป็นว่าที่เมีย เอ้ย! ว่าที่สะใภ้บ้านนี้ งี้หรอ หรือที่จริงแล้วชั้นเป็นประธานบริษัท อ่ะพูดเป็นเล่นไป
"คือ ผมเป็นแขกของคุณนายพิณทองน่ะครับ แหะ" //ก็แหะไปเลย ไม่รู้จะบอกไงอ่ะเขิน
ใบหน้าคมขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะถอนหายใจและกล่าวตักเตือนคนตัวเล็กกว่าตรงหน้าไป "คราวหลังเวลาไปที่อื่นขออนุญาตเจ้าของบ้านก่อนนะครับ ทำสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้มันดูไม่มีมารยาท"
เลี้ยหู้มาดดด เค้าหล่อแต่เค้าปากหมาอ่ะแกกกก มือทาบอกแทบไม่ทัน
"อ้าว คุณหนูมาอยู่กันที่นี่เองหรอคะ"ป้าแม่บ้านที่ดูเหมือนจะตามหาใครสักคนอยู่เอ่ยทักขึ้น
"ครับ แม่ว้านมีอะไรหรือเปล่า" ร่างสูงหันกลับไปตอบป้าแม่บ้านที่ยืนรอคำตอบอยู่
"ได้เวลาแล้วค่ะ เชิญคุณหนูทั้งสองไปที่ห้องรับแขกนะคะ"
"ห๊ะ" //ทั้งสอง? อะไรกันอย่าบอกนะว่า..
"วายุ ณ เวียงคำพิ้ง เป็นคู่หมั้นของนายเอง พระพาย"
ลางสังหรณ์ไม่ดีเลยแห๊ะกู
โฮรรรร นิยายแบบบรรยายเรื่องแรกคลอดแล้ววว???????????? ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
และอย่าลืมให้กำลังใจนักเขียนตัวน้อยๆคนนี้กันด้วยนะคะ ??????????’?
ความคิดเห็น