“ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับทุกคน ขอจบการประชุมสำหรับวันนี้นะครับ” เจ้าหน้าที่ผู้เป็นหัวหน้าการประชุมกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างเป็นเอกลักษณ์
“ขอบคุณครับคุณรอสส์” ทุกคนในห้องประชุมกล่าวกับหัวหน้าการประชุม
จากนั้นทุกคนก็พากันเก็บเอกสารที่ใช้ประชุมในวันนี้เข้าแฟ้มและล็อคอย่างแน่นหนาก่อนที่ทุกคนจะกล่าวอำลาและขอตัวไปพักผ่อนที่ห้องพักผ่อนส่วนตัวที่อยู่ในอาคารด้านหลัง
เจ้าหน้าที่เอเวอร์เรตต์
รอสส์หรือคุณรอสส์ อย่างที่ทุกคนเรียกกำลังเก็บเอกสารที่ใช้ในการประชุมวันนี้อย่างตั้งใจ
เจ้าหน้าที่พิเศษทุกคนจะมีการประชุมสรุปงานในทุกๆวันศุกร์เสมอ ซึ่งงานก็ไม่ใช่อะไร
ทุกเรื่อง ทุกครั้งที่ใช้ในการประชุมจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ‘ทีมอเวนเจอร์’
เหล่าฮีโร่ที่ทั้งดื้อ ทั้งแสบ ทั้งซน ทั้งเอาแต่ใจของเขานี่แหละ
ทีมอเวนเจอร์เป็นฮีโร่ที่อยู่ในการกำกับดูแลของคุณรอสส์
เอาง่ายๆเลยเหมือนพวกเขาเป็นลูกรักเลยก็ว่าได้
แต่เป็นลูกรักที่ไม่ถูกตามใจเท่าไหร่เพราะทุกคนจะไปไหนมาไหนจะทำอะไรก็ต้องมาบอกคุณรอสส์ก่อนทุกครั้ง
แต่คุณรอสส์ก็ใจดีไม่ค่อยว่าอะไร ถ้าไม่ไปสร้างความวุ่นวายในประเทศอื่นๆอย่างเคย
เขาก็มักจะให้อาวุธ อุปกรณ์ส่วนตัวของบรรดาเหล่าฮีโร่เอาไปใช้บ้างบางคราว
ไม่ได้หวงห้ามอะไร
ใครๆก็รู้ว่าคุณรอสส์น่ะใจดี
ขอแค่ทำตามข้อตกลงก็พอ ไม่ดื้อ ไม่เรื่องมาก คุยกันง่าย เคลียร์กันง่าย
ยกเว้นสมาชิกในทีมคนล่าสุดไว้หนึ่งคน
รายนั้นออกจะเป็นอภิสิทธิ์ชนเหนือสมาชิกทีมคนอื่นๆเล็กน้อย ก็เขาน่ะไม่ใช่แค่ ‘ลูกรัก’ ของคุณรอสส์ แต่สมาชิกคนนี้ยังเป็น ‘คนรัก’ ของคุณรอสส์อีกด้วย
เขาพึ่งมาใหม่และพลังวิเศษของเขาก็ค่อนข้างไม่เหมือนใคร
คนอื่นได้พลังมาจากวิทยาศาสตร์และการวิจัย แต่คนนี้….อืม….เขาบอกว่ามันคือเวทมนตร์ ทุกอย่างไม่สามารถอธิบายได้ทางวิทยาศาสตร์
ทุกวันนี้คุณรอสส์ยังต้องทำความเข้าใจกับเวทมนตร์เหล่านั้นเพื่อรวบรวมเป็นข้อมูลอ้างอิงหากเกิดเรื่องฉุกเฉินอยู่เลย
สิทธิพิเศษที่สมาชิกคนนี้ได้รับในฐานะเป็นคนรักของคุณรอสส์ก็เห็นว่าจะเป็นเขาไม่ต้องขออนุญาตเข้าประเทศแบบคนอื่นๆ
อยากมาเมื่อไหร่ก็มาได้เลยไม่ต้องบอก
นั่นเป็นสิทธิที่ฝ่าบาทมอบให้แก่คุณรอสส์เนื่องจากเข้าใจคุณรอสส์ที่อยู่ห่างจากคนรักมาเป็นเวลานานเป็นอย่างดี
คุณรอสส์เองก็ไม่ค่อยหยุดงาน ไม่ค่อยไปไหน
การที่ให้คนรักมาหาบ้างก็ไม่เห็นเป็นอะไร นอกจากนั้นสเตรนจ์ก็ไม่ต้องไปนั่งตอบคำถามในห้องประชุม
ไม่ต้องไปทดสอบสภาพจิตว่าเป็นคนดีแค่ไหนในห้องประชุม
แต่เขาสามารถมาตอบคำถามทั้งหลายได้ในห้องนอนของคุณรอสส์
ส่วนสถานที่นั่งตอบคำถามก็ไม่ใช่ที่โต๊ะทำงาน หากแต่ว่าจะเป็น ‘บนเตียงนอน’
ซะเป็นส่วนใหญ่อีกด้วย
…ได้รับสิทธิพิเศษสุดๆ
รอสส์ในชุดสูทสีเทาผูกเนคไทด์เรียบร้อยตามแบบยูนิฟอร์มเจ้าหน้าที่พิเศษของสหรัฐอเมริกาพาร่างที่สูงไม่ถึง
170
เซนติเมตรของตัวเองเดินกลับมาที่อาคารด้านหลังซึ่งเป็นอาคารพักผ่อนสำหรับเจ้าหน้าที่ทุกคน
ฝ่าบาททีชาล่า
กษัตริย์หนุ่มผู้ปกครองประเทศวากานด้าได้ให้สร้างอาคารนี้ขึ้นเพื่อความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ทุกคนโดยคุณรอสส์ผู้เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่พิเศษได้ครอบครองชั้นบนสุดทั้งชั้น
เพื่อความเป็นส่วนตัวสูงสุด
ลิฟต์เปิดออกที่ชั้น
36
รอสส์หยิบบัตรเจ้าหน้าที่ที่ติดอยู่ที่หน้าอกมาทาบที่ประตูจนประตูห้องพักเปิดออก
เขาวางแฟ้มเอกสารไว้ที่โต๊ะใกล้ประตู
มืออีกข้างก็กำลังปลดเนคไทด์ให้คลายออกแต่เขาต้องหยุดมือไว้เท่านั้นเพราะเนคไทด์ของเขามันคลายออกเอง
!
รอสส์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายเมื่อรู้ว่าเนคไทด์มันถอดเองได้อย่างไร
“สตีฟ คุณเข้ามาเล่นในห้องผมโดยที่ผมไม่อนุญาตอีกแล้วนะ” รอสส์กล่าวในความมืด
เมื่อสิ้นสุดเสียงไฟในห้องก็สว่างขึ้น
รอสส์เงยหน้ามองหลอดไฟบนศรีษะ
จังหวะนั้นเองคนฉวยโอกาสก็รีบจู่โจมเข้าที่แก้มของคนรักทันที
“เอ๊ะ…” รอสส์ร้องขึ้นเบาๆอย่างตกใจเมื่อรู้สึกถูกจูบที่แก้มขวา
แต่นั่นคงยังไม่พอใจล่ะมั้ง เพราะไม่นานนักรอสส์ก็ถูกจูบที่แก้มซ้ายด้วยเช่นกัน
“เล่นอะไรเนี่ย” รอสส์ถามคนรัก
คนตัวสูงในชุดสีน้ำเงินดีไซน์แปลกตา
ยืนยิ้มกริ่มอย่างพอใจกลางห้อง “ได้จูบแก้มสองข้างพร้อมกันเลย การถอดจิตนี่ดีจริง”
เขาพูดแล้วทำหน้าคิดอยู่ครู่หนึ่ง “แต่ที่จริงใช้ตัวจริงจูบเลยน่าจะดีกว่า
ความรู้สึกมันคมชัดกว่า” เขาพูดแล้วยื่นหน้าเตรียมจะจูบคนตัวเล็กอีกครั้ง
“พอได้แล้ว ผมขอพักก่อน ผมพึ่งเลิกงานนะ” รอสส์ผลักหน้าคนตัวสูงออกไป
“ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องทำงาน เดี๋ยวผมหาเลี้ยงเอง” ด็อกเตอร์สตีเฟ่น
สเตรนจ์ อดีตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาท หรือ สตีฟ
อย่างที่รอสส์เรียกกล่าวขึ้นอย่างงอนๆ “เห็นแมวยักษ์นั่นดีกว่าผมตลอดเลย
ผมไม่พอใจเลยนะ”
“บอกว่าฝ่าบาทคือเสือดำไม่ใช่แมวยักษ์” รอสส์พูดแล้วชี้ไปที่วงกลมที่มีไฟล้อมรอบที่ลอยอยู่กลางห้อง
“ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ใช้ไฟเย็นวันคริสมาสตร์แอบเข้ามาในห้องของผม”
สเตรนจ์โบกมือกลางอากาศวงกลมไฟนั้นจึงหายไป
“มันไม่ใช่ไฟเย็นซะหน่อย แค่หน้าตาคล้ายๆเอง” เขาพูด “มันคือประตูมิติ ทำให้ผมไปไหนก็ได้”
“ประตูไปไหนก็ได้แบบประตูวิเศษของโดเรม่อน” รอสส์พูดแล้วเดินไปหยิบแก้วน้ำเพื่อเทน้ำในตู้เย็นให้ตนเอง
“คุณเคยใช้ประตูไปไหนก็ได้ของคุณแอบไปดูชิซูกะอาบน้ำมาหรือยัง”
สเตรนจ์ชี้ไปที่แก้วว่างเปล่านั้นจู่ๆมันก็มีน้ำผลไม้สีสวยใส่ไว้จนเต็ม
“คุณเรียกเวทมนตร์ของผมซะกลายเป็นของเล่นเด็กไปเลย” เขาพูด
“ผมจะไปดูตัวการ์ตูนผู้หญิงอาบน้ำทำไม
ผมมาดูคุณอาบน้ำดีกว่าอีก”
“ขอน้ำเปล่า ไม่เอาน้ำผลไม้” รอสส์พูดแล้วชูแก้วขึ้นมา
สเตรนจ์ชี้ไปที่แก้วเพื่อเปลี่ยนน้ำผลไม้เป็นน้ำเปล่าให้รอสส์
“ขอบคุณ” รอสส์พูดแล้วยกแก้วน้ำเปล่าดื่ม
เขาเดินเข้าตรงไปที่ห้องนอนเพื่อจะได้เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า สเตรนจ์เดินตามไม่ห่าง
รอสส์เปิดประตูห้องนอนที่ทำมาจากไม้ชนิดดีเข้าไปด้านใน
ไฟในห้องนอนสว่างพรึ่บขึ้นมาทันทีด้วยอำนาจแห่งเวทมนตร์ของคนรัก
รอสส์เหลือบตามองคนที่ช่วยเปิดไฟให้แว้บหนึ่งก่อนจะก้าวเท้าเข้าไป
แต่เขาก้าวเข้าไปได้แค่ก้าวเดียวเท่านั้นก็ต้องชะงักกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
ผ้าคลุมผืนสวยสีแดงเข้มลอยค้างอยู่กลางอากาศ
มันลอยอยู่นิ่งๆไม่ขยับไปไหน รอสส์กลอกตามองแล้วชี้นิ้วไป “เก็บของๆคุณให้ดีๆด้วย
ไม่ใช่อยากจะไปไหนก็ได้แบบนี้ ไม่เช่นนั้นผมจะเอามันไปขังในห้องนิรภัยใต้ดิน”
“ทำยังไงได้ก็เธอเอาแต่ใจ” สเตรนจ์พูดแล้วยกแขนขึ้น “มานี่มา”
ผ้าคลุมสีแดงลอยมาคลุมที่แผ่นหลังของผู้เป็นเจ้าของทันที
มันทำตามคำสั่งทุกอย่างได้ราวกับมันมีชีวิตจิตใจเหมือนมนุษย์เลยทีเดียว
“Say
Hi โรส แฟนชั้นหรือยัง” สเตรนจ์พูดกับผ้าคลุม
ผ้าคลุมยกชายผ้าโบกขึ้นเบาๆอย่างไม่ใส่ใจ
“ไม่เต็มใจไม่ต้องทำก็ได้นะ
ชั้นจะถือว่าผ้าคลุมเป็นสิ่งไม่มีมารยาทก็แล้วกัน” รอสส์พูดกับผ้าคลุม
“นี่ชั้นยังไม่ได้เอาเรื่องที่พังตู้กระจกนิรภัยของชั้นจนแตกกระจายเลยนะ”
“โถ่โรส เธอก็แค่คิดถึงผมเท่านั้นเอง เธอไม่ชอบถูกขัง เธอเลยดื้อนิดหน่อย”
รอสส์ชี้ไปที่ผ้าคลุม
“นี่สรุปว่าเป็น She ไม่ใช่ He หรือ
It หรอ”
สเตรนจ์ยิ้ม
“ผมว่าน่าจะเป็น She นะ
ผู้หญิงทาปากสีแดงสีเดียวกับสีผ้า”
“ผมควรจะรู้สึกยังไงกับการที่มีผู้หญิงทาปากสีแดงมาเกาะหลังคนรักอยู่ตลอดเวลาแบบนี้”
คนถูกถามหัวเราะแล้วยื่นมือโอบเอวคนรัก
“คุณหึงผ้าคลุมหรอโรส นี่ผมควรจะดีใจไหม”
“ผมว่าคุณน่าจะเสียใจมากกว่า
เพราะนอกจากผ้าคลุมแล้วก็ไม่มีใครเข้าใกล้คุณให้ผมหึงได้อีก”
สเตรนจ์ยิ้มแล้ววางคางลงบนศรีษะผมบลอนด์ของคนรัก
“คิดถึงคุณจังเลย ไม่เจอตั้งกันตั้งหลายเดือน”
“ผมเห็นว่าคุณสบายดี ในมอนิเตอร์ของผมบอกว่าคุณพึ่งกลับมาจากฮ่องกง”
“ใช่ ผมพึ่งกลับมา” สเตรนจ์ตอบ “ไปตรวจสอบแซนทั่มมา”
“ไหนล่ะของฝาก” รอสส์ถาม
สเตรนจ์ยิ้ม
“ของฝากไม่เห็นไปถึงฮ่องกงเลย ผมมีให้คุณตลอด” เขาพูดแล้วหมุนตัวคนรักให้หันหน้ามาหาแล้วพรมจูบไปทั่วทั้งใบหน้าของคนตัวเล็ก
รอสส์ยิ้มกับสิ่งที่คนรักทำให้
“ของฝากพอหรือยัง” สเตรนจ์ถาม
“ผมว่าผมยังได้ไม่ครบ” รอสส์ตอบ
สเตรนจ์ยิ้มแล้วใช้ปลายนิ้วแตะปลายคางคนตัวเล็กให้ยกขึ้น
ก่อนที่เขาจะค่อยๆโน้มใบหน้าลงไปเพื่อจะได้จูบปากช่างพูดช่างถามของคนรัก
มืออีกข้างที่ว่างงานก็ค่อยๆบรรจงปลดกระดุมเสื้อเชิร์ตออกให้อย่างเบามือ
แต่ทุกอย่างต้องหยุดไว้เท่านั้นเพราะเจ้าผ้าคลุมสีแดงจอมดื้อที่แสนจะเอาแต่ใจกลับดึงให้สเตรนจ์เอาหน้าออกห่างจากรอสส์
มันกระชากหัวไหล่ที่คลุมด้วยผ้าอย่างสุดแรงจนสเตรนจ์ต้องผละออกจากคนรักที่กำลังจูบกันอย่างดูดดื่มเพราะกลัวว่าคนตัวเล็กจะได้รับบาดเจ็บ
“เฮ้ๆๆๆ นี่เธอทำอะไร ชั้นจูบแฟนชั้นอยู่เห็นไหม” สเตรนจ์ดุผ้าคลุมอย่างหงุดหงิด
“ถ้าแฟนชั้นล้มขึ้นมา เธอโดนดีแน่”
ผ้าคลุมมีทีท่าสลดลง
มันยกชายผ้าขึ้นมาถูไปที่มือที่สเตรนจ์ใช้ปลดกระดุมเสื้อของรอสส์
จากนั้นก็ไปถูที่ริมฝีปากของเสตรนจ์ที่ใช้จูบรอสส์เมื่อสักครู่
“ผมว่าคุณไปเคลียร์กับผู้หญิงปากแดงของคุณดีกว่าสตีฟ
ดูเหมือนเธอจะไม่ชอบเห็นคุณจูบผม” รอสส์กล่าวอย่างหงุดหงิดแล้วเดินไปหยิบผ้าขนหนูสีขาวที่แขวนไว้อยู่หน้าห้องน้ำ
“เชิญเคลียร์กันให้เรียบร้อยถ้าเคลียร์ไม่ได้เชิญคุณกลับไป
ผมจะพักผ่อน” เขาพูดแล้วปิดประตูห้องน้ำ
สเตรนจ์มองตามคนรักที่เข้าห้องน้ำไปด้วยสายตาเศร้าสร้อย
ก่อนจะดึงผ้าคลุมที่คลุมร่างตัวเองออกด้วยความไม่พอใจ
“เธอทำโรสโกรธชั้น เธอนิสัยไม่ดีเลย” สเตรนจ์ตำหนิ “โรสเขาขี้งอนและง้อยากมาก นี่เขางอนชั้นแล้ว ชั้นจะง้อเขายังไง”
ผ้าคลุมบิดไปมาเบาๆอย่างสำนึกผิด
“โรสเขาไม่ใช่ศัตรู เขาเป็นคนรักของชั้นอีกไม่นานเราจะหมั้นกัน
เธอต้องทำตัวให้คุ้นชินกับโรสของชั้นเอาไว้ให้มากๆ” สเตรนจ์พูด
“ไม่เช่นนั้นเราอยู่ด้วยกันไม่ได้เพราะชั้นต้องเลือกโรสอยู่แล้ว”
ผ้าคลุมรีบลอยมาโอบสเตรนจ์อย่างเอาใจ
เขามองดูผ้าคลุมขี้ประจบอย่างถอนใจ ก่อนที่เขาจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูอีกผืนเตรียมจะก้าวเข้าห้องน้ำ
“อยู่ตรงนี้ ไม่ต้องเข้าไป ไม่มีใครคลุมผ้าคลุมตอนอาบน้ำ” สเตรนจ์พูด “ชั้นจะไปอาบน้ำกับโรส รอตรงนี้
ถ้ารอไม่ได้ก็ออกไปห้องรับแขกข้างนอก”
ผ้าคลุมลอยนิ่งๆอย่างเหงาหงอยจนประตูห้องน้ำปิดลง มันกระแทกตัวเข้าที่ประตูห้องน้ำอย่างไม่พอใจ แต่ก็ทำได้แค่กระแทกเบาๆเท่านั้น เพราะถ้าสเตรนจ์หงุดหงิดขึ้นมาอีก เดี๋ยวจะสเตรนจ์จะมาดุเอาได้
เวลาผ่านไปนับชั่วโมงที่สองคนนั้นอาบน้ำด้วยกันอยู่ในห้องน้ำ
ไม่รู้อาบน้ำยังไงทำไมถึงมีเสียงครางเบาๆอย่างมีความสุขของทั้งสองคนลอดออกมาจากในห้องน้ำด้วย
ผ้าคลุมสีแดงลอยไปมาอยู่หน้าห้องน้ำอย่างกังวลจนกระทั่งประตูห้องน้ำเปิดออก
รอสส์สวมเสื้อผ้าซึ่งเป็นชุดนอนเรียบร้อยดีแล้วส่วนสเตรนจ์เขาคลุมท่อนล่างด้วยผ้าขนหนูสีขาวผืนใหญ่
ผมเปียกชุ่มยังไม่แห้งถูกคลุมด้วยผ้าขนหนูสีขาวอีกผืน
รอสส์จูงมือคนตัวสูงให้ไปนั่งที่เก้าอี้
ส่วนเขาก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่เพื่อหยิบไดร์เป่าผมออกมา
ผ้าคลุมสีแดงฉวยจังหวะที่รอสส์เผลอเข้าไปคลุมร่างของสเตรนจ์ที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเอาไว้
มันยกชายผ้าขึ้นมาถูเบาๆไปที่เส้นผมสีดำเหมือนกับว่ามันพยายามจะเช็ดผมให้สเตรนจ์อยู่
“ออกจากแฟนชั้นเดี๋ยวนี้” รอสส์ออกคำสั่งเสียงเข้ม
ผ้าคลุมคลุมร่างของสเตรนจ์แน่นขึ้น
“เชื่อฟังสิ่งที่โรสพูดสิ อย่าดื้อกับโรส” สเตรนจ์พูดเบาๆกับเสื้อคลุม
ผ้าคลุมหงอยลงและจำยอมถอยออกมา แต่ก็ไม่วายลอยวนเวียนอยู่ใกล้ๆสเตรนจ์
รอสส์มองผ้าคลุมด้วยสายตาไม่พอใจ
เขาเดินไปเสียบปลั๊กไดร์เป่าผมและเช็ดผมให้คนรัก
“ของวิเศษมีตั้งมากตั้งมาย คุณเลือกผ้าคลุมบ้าๆนี่มาได้ยังไงสตีฟ” รอสส์ถาม
“ของวิเศษเป็นคนเลือกผม ผมไม่ได้เป็นคนเลือกพวกเขามา” สเตรนจ์ตอบ “ผ้าคลุมก็เลือกผมเอง”
“เลือกคุณเพราะคุณหล่อน่ะสิ” รอสส์พูดแล้วเหลือบตามองผ้าคลุม
“เป็นผ้าคลุมบ้าผู้ชายหรือไง”
ผ้าคลุมดูมีทีท่าฟึดฟัดไม่พอใจอยู่ข้างๆแต่ทำอะไรไม่ได้
สเตรนจ์ยิ้ม
“เธอเอาแต่ใจ แต่อย่าไปถือสาเลยนะโรส ถือเสียว่ามีเด็กอายุ 17-18 มาตามกรี๊ดผมเหมือนในอดีตก็แล้วกัน”
“แล้วเวลาคุณอยู่นิวยอร์ค ผ้าคลุมของคุณจะเก็บไว้ที่ไหน”
“ก็ในห้องนอนนั่นแหละ” สเตรนจ์ตอบ
“ห้องนอน !” รอสส์ตกใจ “คุณเก็บผ้าคลุมนิสัยแบบนี้ไว้ในห้องนอนได้ยังไง”
“ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย”
“เป็นสิ เป็นแน่ๆ ผ้าคลุมนิสัยแบบนี้มองคุณนอนหลับ มองคุณเปลี่ยนเสื้อผ้า…..นี่ผมไม่ยอมจริงๆนะ” รอสส์หันไปมองผ้าคลุม “ชั้นจะจับเธอใส่ตู้นิรภัยชั้นใต้ดิน ตู้ต้องหนากว่าเดิม
เธอพังตู้อีกไม่ได้แน่”
ผ้าคลุมลอยมาซบที่ตักสเตรนจ์อย่างออดอ้อน
“โรสเขาพูดเล่น เขาขี้เล่น” สเตรนจ์ปลอบ “อย่ากลัวโรสเลยนะ”
“ผมจะสั่งคนทำตู้นิรภัยพรุ่งนี้เลย” รอสส์ขู่แล้วหยิบมีดโกนเล็กๆมากันเคราที่ขึ้นบนใบหน้าคนรักให้มันเข้าที่เข้าทาง
สตีเฟ่นของเขาไม่เคยไว้หนวดเครามาก่อน
แต่นับตั้งแต่ประสบอุบัติเหตุแล้วเปลี่ยนไปเขาก็ไว้เคราบางๆ
มันทำให้หน้าของเขาเปลี่ยน ไม่ได้แย่ลงแต่มันทำให้ดูหล่อมากขึ้นเลยทีเดียว
หล่อจนผ้าหลุมยังหลง !!!
รอสส์เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าอีกครั้งเพื่อหาเสื้อผ้าที่ใส่สบายกว่าชุดสีน้ำเงินเข็มขัดเจ็ดเส้นของคนรัก
เขามองหากางเกงนอนขายาว กับเสื้อตัวใหญ่ๆที่อยู่ในตู้
ผ้าคลุมลอยมาข้างๆแล้วยกชายผ้าเขี่ยไม้แขวนในตู้เหมือนกับกำลังมองหาเสื้อผ้าในสเตรนจ์อยู่เช่นกัน
รอสส์ใช้นิ้วเขี่ยชายผ้านั้นออกไปอย่างรำคาญตา
สเตรนจ์หัวเราะ
“ปกติแล้วเธอชอบทำแบบนี้เวลาอยู่นิวยอร์คกับผม คุณอย่าโกรธเธอเลยนะ”
เขาพูดขณะรับเสื้อผ้าสำหรับใส่นอนมาถือไว้
“สรุปผ้าคลุมของคุณคือกิ๊กลับๆที่อยู่ที่นิวยอร์คหรือยังไง” รอสส์พูดแล้วหันไปหาผ้าคลุมแดงนั้น “หันไป
แฟนชั้นเขาจะใส่เสื้อผ้า”
ผ้าคลุมหมุนตัวกลับหลังทันทีที่รอสส์สั่ง
สเตรนจ์จึงเริ่มสวมเสื้อผ้า อยู่ๆรอสส์ก็คิดถึงบางอย่าง “เดี๋ยวนะ….. ลูกตาของผ้าคลุมอยู่ตรงไหน ข้างหน้าหรือข้างหลัง?”
สเตรนจ์ยิ้ม
“ผมก็ไม่รู้” เขาตอบ “หรือที่จริงเธออาจจะไม่มีลูกตา”
“แล้วตอนอยู่นิวยอร์คเปลี่ยนเสื้อผ้ายังไง”
“ก็เปลี่ยนในห้องเลย”
“ไม่ได้ !!!!” รอสส์ออกคำสั่ง “ต่อไปนี้คุณต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ
ส่วนผ้าคลุมของคุณต้องรอข้างนอกเท่านั้น”
“โอเค ก็ได้ๆ” สเตรนจ์ตอบ “ผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ
อย่าทะเลาะกันตอนผมเผลอล่ะ”
เมื่อประตูห้องน้ำปิดลง
ผ้าคลุมรีบลอยไปหน้าห้องน้ำทันที….แต่เผอิญว่ารอสส์ไวกว่า
เจ้าหน้าที่ตัวเล็กสามารถยึดครองหน้าประตูห้องน้ำได้สำเร็จ
“อย่ามายุ่งกับแฟนของชั้น” รอสส์ขู่อีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ
ผ้าคลุมก็ฟึดฟัดไปมาด้วยความโกรธที่แพ้ศึกในครั้งนี้
“คุณไม่หิวหรอโรส ผมยังไม่เห็นคุณทานอะไรเลย” เสียงสเตรนจ์ดังมาจากในห้องน้ำ
“ผมไดเอ็ต” รอสส์ตอบ “แล้วคุณหิวไหม”
เสียงประตูเปิดออก
สเตรนจ์จูบแก้มคนรักเบาๆ “กินคุณเมื่อกี้ก็อิ่มแล้ว”
รอสส์ยกมือขึ้นขยับเสื้อนอนของคนรักให้เข้าที่ดี
ผ้าคลุมก็ลอยมายกชายผ้าแตะๆไปที่เสื้อนอนอย่างเลียนแบบเช่นกัน
รอสส์ถลึงตามองด้วยความหงุดหงิด
สเตรนจ์และรอสส์นั่งโอบกอดกันอยู่บนโซฟาโดยมีผ้าคลุมสีแดงลอยวนเวียนอยู่ข้างๆ รอสส์ต้องคอยใช้นิ้วเขี่ยเจ้าผ้าคลุมจอมยุ่งที่ชอบมาเกาะแกะกับคนรัก เผลอเมื่อไหร่ก็แอบเอาตัวเองมาคลุมหลังสเตรนจ์บ้าง เอาชายผ้าสะกิดหาบ้าง แล้วจะไม่ให้รอสส์หงุดหงิดได้อย่างไร
“ผ้าคลุมของคุณทำผมโมโหแล้ว คุณส่งกลับไปนิวยอร์คเดี๋ยวนี้เลย” รอสส์พูด
สเตรนจ์ยิ้ม
“เธออยู่ห่างผมไม่ได้ คุณก็รู้ ขนาดห้องนิรภัยของคุณยังพังมาแล้ว”
“มาเกาะแกะแฟนคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง” รอสส์พูด
“เธอยังเด็กอยู่เลยโรส เด็กๆย่อมติดผู้ปกครองเป็นธรรมดา” สเตรนจ์พูดแล้วลูบแขนคนรักอย่างปลอบโยน “ถึงเธอจะมีชีวิต
แต่เธอไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นกับผมหรอก”
“เด็กอะไรกัน
ดูจากชนิดผ้าและลายผ้าก็รู้ว่าผ้าคลุมมีอายุมากกว่าอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอย่างอารยธรรมเมโสโปเตเมีย
แน่นอน ผมเป็นเจ้าหน้าที่ต่างประเทศนะ เรื่องแค่นี้ผมดูออก” รอสส์พูด
“จะเรียกว่าคุณทวดยังน้อยไปด้วยซ้ำ”
ผ้าคลุมลอยมาเกาะไหล่สเตรนจ์
เจ้าของผ้ายิ้มแล้วลูบไปที่ผ้าคลุมช่างอ้อนเบาๆ “โรสพูดเล่นนะ”
“ผมพูดจริง” รอสส์ตอบ
“ผมไม่รู้ว่าผ้าคลุมสร้างมาตั้งแต่เมื่อไหร่เพราะอาจารย์ของผมไม่ได้บอก
แต่เธอถูกสร้างมาด้วยเวทมนตร์จึงมีชีวิต
เวทมนตร์ของผมมีอายุมากกว่าโลกใบนี้เสียอีก เธอก็คงอายุเท่าๆกับโลก” สเตรนจ์พูด “แต่เธอถูกจับขังไว้ในตู้กระจกเวทย์รอจนกว่าคนที่เหมาะสมจะได้ครอบครองมาหา
คุณดูสิ ถูกสร้างขึ้นมาไม่นานก็ถูกจับขังในตู้แก้วมาตั้งกี่ล้านปีกว่าผมจะมา”
“ผมจะจำพล็อตไว้เขียนนิยายน้ำเน่าก็แล้วกัน” รอสส์ตอบอย่างงอนๆ
สเตรนจ์ยกมือคนรักขึ้นมาจูบเบาๆ
“คุณไม่สงสารหรอโรส ลองนึกถึงเด็กที่ถูกจับขังในบ้านตั้งแต่เกิดสิ
พอวันหนึ่งได้ออกมานอกบ้าน เธอจะร่าเริงขนาดไหน” สเตรนจ์ลูบเบาๆไปที่ผ้าคลุม
“เธอยังเด็กมากเลย เธอเลยติดผมและจะงอแงเวลาไม่ได้อยู่กับผม
เหมือนตอนที่คุณเอาเธอไปขังในห้องนิรภัยไง ที่เธอโวยวายจนห้องพังเพราะเธอไม่อยากถูกขัง”
“เด็กโข่งล่ะสิ ถึงชอบสร้างแต่ปัญหา” รอสส์พูด “ขนาดค้อนโยเนียร์ของผู้ครองแอสการ์ดที่มีพลังสูงสุดในจักรวาลยังไม่เคยทำลายข้าวของขนาดนี้เลย”
“ก็ของพวกนั้นไม่มีชีวิต แต่ผ้าคลุมของผมเธอมีชีวิตนะโรส
เหมือนคุณเอาเด็กเล็กๆไปไว้ในที่แคบ เป็นใครก็ต้องกลัวทั้งนั้น”
รอสส์คลายอ้อมกอดอก
“ปกป้องกันจังเลย กลับนิวยอร์คไปเลยไป”
“ทีสมาชิกทีมของคุณมีแต่ผู้ชายหน้าตาดีผมยังไม่ว่าคุณเลย” สเตรนจ์พูด “ผ้าคลุมของผมน่ะแค่ผืนเดียว
ทำได้มากสุดก็แตะตัว แล้วลูกทีมคุณล่ะ?”
“ทีมของผม…อันที่จริงก็คือทีมของเราเพราะคุณก็อยู่ในทีม….ทีมของเรามีผู้หญิงด้วยนั่นก็คือนาตาชา โรมานอฟและวานด้า แม็กซิมอฟ
ไม่ใช่ทีมชายล้วนเสียหน่อย” รอสส์พูด “ส่วนหนุ่มๆก็มีแฟนกันหมดแล้ว
ไม่มีใครโสดเลยสักคนเดียว”
“ฝ่าบาทแมวยักษ์ของคุณไงที่โสด แล้วเขาก็อยู่กับคุณตลอดเวลาเลย นี่ผมหวงนะ”
“ทีผ้าคลุมเกาะหลังคุณอยู่ตลอดเวลาผมไม่หวงคุณเลยมั้ง”
“แต่ผมทิ้งเธอไม่ได้ เธอเลือกผม และเธอก็ยังเด็ก
เด็กที่ว่าคือประสบการณ์นอกตู้กระจกไม่ใช่อายุจริง ที่จริงเธอน่ารักนะโรส” สเตรนจ์พูด “เธอแค่ยังไม่คุ้นชินกับคุณ
เพราะยังกลัวคุณที่คุณเอาเธอไปไว้ห้องนิรภัย แล้วยังมาเจอผมจูบคุณอีก เธอคงตกใจ
คิดว่าคุณมาแย่งผมไปจากเธอน่ะสิ”
“ผมต่างหากที่ถูกแย่ง คุณอยู่กับผ้าคลุมนานกว่าอยู่กับผมอีกนะสตีฟ” รอสส์พูด “และที่ผมเอาผ้าคลุมของคุณไปไว้ห้องนิรภัยมันก็เป็นหนึ่งในขั้นตอน ผมไม่ได้จับเธอไปขังแม้แต่นิดเดียว”
“เดี๋ยวไว้ผมจะอธิบายให้เธอเข้าใจเอง” สเตรนจ์ยิ้ม
“ผมจะไปนอนแล้ว” รอสส์พูดแล้วลุกขึ้น “ถ้าคุณจะนอนที่นี่ ผ้าคลุมของคุณต้องอยู่ข้างนอก
ผมไม่อนุญาตให้อยู่ในห้องนอนของผม”
ผ้าคลุมโอบสเตรนจ์เบาๆแล้วค่อยๆลอยไปอยู่นิ่งๆที่มุมห้อง
สเตรนจ์ยิ้มแล้วเดินตามคนรักเข้าห้องนอนไป
ตกกลางดึกหลังจากที่ทั้งสองหลับสนิท
ผ้าคลุมสีแดงก็ค่อยลอยเบาๆ มาเปิดประตูห้องนอน
แล้วค่อยๆพาตัวเองไปคลุมตัวของสเตรนจ์ไว้อย่างที่เคยทำเป็นปกติเวลาอยู่ที่นิวยอร์ค
รอสส์ขยับพลิกตัวอยู่ครั้งหนึ่ง
มือที่โอบกอดคนรักไว้สัมผัสโดนปลายผ้าเบาๆ เขาลืมตาตื่นขึ้นมาดูก็เห็นผ้าคลุมสีแดงจอมดื้อคลุมทับคนรักของตนอยู่….โอเค…สรุปว่าอยู่ห่างไม่ได้จริงๆใช่ไหม???….เขาจะพยายามคิดว่านี่คือเด็ก
เป็นเด็กที่ติดพ่อมากๆ อยู่ห่างพ่อไม่ได้
จะพยามไม่นึกถึงผู้หญิงทาปากสีแดงเข้มก็แล้วกัน
รอสส์คิดเช่นนั้นแล้วล้มตัวลงนอนต่อ
ทุกคนย่อมมีภารกิจที่ต้องกลับไปทำ
สเตรนจ์ก็เช่นกัน เขามีงานที่คลีนิกเล็กๆที่ต้องกลับไปดูแล
เมื่อผ้าคลุมรู้ว่าจะได้กลับนิวยอร์คก็มีท่าทีดีใจอย่างออกนอกหน้าจนรอสส์รู้สึกหมั่นไส้
ผ้าคลุมก็ดูจะพยายามทำความคุ้นเคยกับรอสส์อยู่นิดหน่อย
อย่างน้อยวันนี้ก็ไม่พยายามทำอะไรเลียนแบบ พยามไม่แตะตัวสเตรนจ์มากคนรอสส์โมโห
และที่สำคัญตอนจูบลา ผ้าคลุมก็ไม่กระชากสเตรนจ์ออกจากรอสส์อย่างที่เคยทำอีก
….สเตรนจ์คงทำความเข้าใจแล้วว่าผ้าคลุมควรปฏิบัติตัวต่อรอสส์ในฐานะคนรักของเจ้าของผ้าคลุมอย่างไรจึงจะเหมาะสม….ผ้าคลุมก็ดูจะฉลาดและมีวิธีเอาตัวรอดได้ดี จึงพยายามทำตัวดีๆไม่ให้รอสส์โกรธจนจะจับไปขังในห้องนิรภัยอย่างที่เคยขู่ไว้
สำหรับรอสส์แล้วผ้าคลุมก็ดูจะมีประโยชน์อยู่บ้างเมื่อสเตรนจ์ผู้เป็นคนรักต้องไปอยู่ที่อเมริกา….คนรักของเขาเป็นคนหน้าตาดีจึงเป็นที่หมายปองของบรรดาสาวๆทั้งหลาย
…. ผ้าคลุมสีแดงจอมเอาแต่ใจนี้ช่วยได้มาก…ผ้าคลุมจะคอยก่อกวนผู้หญิงที่ชอบมาเกาะแกะทำตัวยุ่มย่ามหรือพยายามอ่อยสเตรนจ์จนพวกนั้นถอยทัพกลับไปเลยโดยที่รอสส์ไม่ต้องออกแรง
นี่ถือว่าเป็นข้อดีข้อแรกที่รอสส์มองเห็นในตัวผ้าคลุมสีแดงผืนนี้
…..อย่าให้เห็นว่าเธอมาเป็นฝ่ายเกาะแกะยุ่มย่ามคนรักของชั้นเองก็แล้วกัน ห้องนิรภัยหนากว่าเดิม 3 เท่าที่ห้องใต้ดินสร้างเสร็จแล้ว ถ้าเธอนอกลู่นอกทางเมื่อไหร่ เธอถูกจับขังแน่ ยัยผ้าคลุมสีแดง !!!
***********************************
Talk :
ฟิคนี้เกิดจากความเอ็นดูผ้าคลุมล้วนๆค่ะ 555555
อ่านไปก็ขำไปผ้าคลุมvsเจ้าหน้าที่รอส ถถถถถ
อิมเมจผ้าคลุมเหมือนกันเลยค่ะ ดูตุ้งติ้งเด็กวัยรุ่นตามติดคุณหมอตัลหลอด! *ร้ายกาจ
ฟิคน่ารักมากเลยค่ะ อบอุ่นเเบบน่าหยิกยังไงไม่รู้ นี่แหละน้าา คู่ที่ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะหากันเจอตลอด(?)
แต่คุณหมอไว้หนวดเคราบางๆนี่ก็ดีต่อตับจริงๆนะคะ เรียกได้ว่าเจอจอใหญ่ๆในโรงหนังเข้าไปได้แต่นั่งสกรีมอยู่ในใจเงียบๆคนเดียว ถถถถ หล่อขนาดผ้าคุมยังหลงเจ้าหน้าที่รอสก็ต้องหึงเป็นของธรรมดา อ่าาห์ ฟินค่ะ คู่นี้ที่รอคอย เอ้า เพลงเนื้อคู่มา!
ปล.ไม่ต้องบอกเลยค่ะว่าอาบน้ำกันแบไหน แค่คิดก็กำเดาไหลเป็นสีรุ้งเเล้วค่ะ
อ่านไปยิ้มไปตลอดเลย