ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟิคสามก๊ก [Sun Shang Xiang x Zhou Yu x Xu Shu]

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ :: ข่าวร้าย ณ เมืองกังแฮ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 125
      0
      8 มิ.ย. 56

    ณ อาณาจักรกังตั๋ง ปีคริสตศักราช 208

    เมืองกังแฮตั้งอยู่บริเวณปลายน่านน้ำแยงซีเกียง พระราชวังถูกสร้างอยู่เลียบริมฝั่งแม่น้ำดูงดงาม แม้จะมิอาจจะใหญ่โตรโหฐานดั่งหัวเมืองใหญ่อย่างเกียนเงียบหรือง่อ ทว่าดูงามวิจิตรบรรจงด้วยฝีมือของสถาปนิกชาวใต้ผู้มีชื่อเสียงแห่งยุค สถาปัตยกรรมชิ้นเอกนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยความประสงค์ของเจ้าเมืองคนก่อนอย่างซุนเซ็ก ทว่าน่าเศร้ายิ่งนักที่มันเพิ่งจะถูกสร้างเสร็จสิ้นเมื่อฤดูร้อนปีกลาย เจ้าเมืองคนก่อนที่ได้สิ้นชีพตักษัยไปเมื่อราวๆเจ็ดปีก่อน มิเคยได้มีโอกาสพำนักเลยแม้แต่คราเดียว...

    รถม้าหนึ่งคันวิ่งเหยาะไปเรื่อยๆ หญิงสาวสองคนนั่งอยู่ภายในรถในชุดขาวสำหรับการไว้ทุกข์ หล่อนทั้งสองนั่งอยู่ในทิศที่ตรงข้ามกัน หนึ่งในนั้นมีผมสั้นระต้นคอราวกับเด็กผู้ชาย ใบหน้าของหล่อนดูเพิ่งจะพ้นวัยสิบแปดสิบเก้ามาหมาดๆ ดวงตาสุกใสแวววาวของนางดูเลื่อนลอย หล่อนนั่งมองออกไปนอกบริเวณหน้าต่าง มองทัศนียภาพของเมืองท่าที่บรรยากาศดูอึมครึมผิดกับทุกครา บรรดาชาวเมืองเมื่อทราบข่าวร้ายจากราชสำนักต่างก็พากันเศร้าโศกเสียใจจนพาให้บรรยากาศดูเซื่องซึมพิลึก

    หญิงสาวอีกนางอายุราวๆยี่สิบปลายๆ เรือนร่างดูบอบบางอ้อนแอ้น หล่อนดูงดงามราวกับเทพธิดาที่ตกสวรรค์ อาจจะงามเสียยิ่งกว่านางจิ้งจอกที่ใช้เวทมนต์จำแลงกาย กิติศัพท์ของหล่อนเป็นที่ลืออย่างหนาหูไปไกลจนถึงพันลี้ จนถึงหอนกยูงที่ตั้งอยู่ในเมืองเงียบกุ๋น บุตรชายของสมุหนายกถึงกับบรรจงเขียนโคลงขึ้นมาสรรเสริญรูปโฉมของพวกนางโดยเฉพาะ

    พวกนาง...ใช่แล้ว แต่นับจากนี้เป็นต้นไปจะเหลือเพียงแค่นางเดียว

    นางทั้งสองดูไม่ค่อยจะเป็นสุขนัก โดยเฉพาะหญิงสาวที่อาวุสโสกว่า หล่อนนั่งก้มหน้ามองมือเรียวบางของตนเอง นิ่งเงียบมาเป็นเวลาหลายชม.นัก ขอบตาของนางบวมและแดงก่ำจากที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก

    "พี่สะใภ้..."หญิงสาวที่อ่อนอาวุสโสกว่าเริ่มขึ้น นางดูนิ่งไม่ไหวติงหลังจากที่เฝ้าสังเกตอาการหล่อนมาหลายชม. ดูสีหน้าของคนเป็นพี่สะใภ้จะอมทุกข์ยิ่งนัก ที่ผ่านมานั้นเธอได้ยินเพียงเสียงสะอื้นเบาๆและสูดจมูก เธอหวังจะให้พี่สะใภ้ปรับทุกข์ออกมาเสียบ้าง แต่ทว่ากลับไม่มีวลีใดหลุดออกมาจากปากหล่อนแม้แต่วลีเดียว กอรปกับด้วยความที่มีบุคลิกที่ค่อนข้างอยู่ไม่ค่อยสุข... โดยปกติแล้วตัวเธอเองเป็นคนพูดมาก ถึงแม้ว่าจะตระหนักรู้ดีว่าในยามนี้อาจจะมิควรที่จะพูดอะไรออกมา แต่ถ้าหากให้นางนั่งนิ่งๆอีกแม้แต่วินาทีเดียวละก็ เห็นทีจะต้องเสียสติเป็นแน่

    "อะไรหรือซ่างเซียง...?"เจ้าของเสียงหวานพูดเนิบๆ ยังคงไม่เงยหน้าจากขึ้นจากฝ่ามือ

    "...."ธิดาพยัคฆ์แห่งกังตั๋งนิ่งตะลึง ลืมไปแล้วว่าจะพูดอะไรออกมาเพื่อปลอบประโลมคนเศร้า ซุนซ่างเซียงกลอกตาไปมา นางไม่เก่งเรื่องพวกนี้เอาเสียด้วย..

    น้องเล็กแห่งตระกูลซุนกลอกตาไปมา สูดหายใจเข้าลึก พยายามเค้นความคิด สักพักจึงนึกอะไรบางอย่างออก

    "พี่ไต้ชมทัศนียภาพของเมืองบ้าง อย่าเอาแต่มัวนั่งก้มหน้าเสียใจอยู่เลย..."เธอกล่าว

    ไต้เกี้ยวมองหน้าซุนซ่างเซียงราวกับหล่อนพูดจาอะไรบางอย่างที่ผิดครรลองคลองธรรม...

    "จะมิให้พี่เศร้าโศกเสียใจได้อย่างไรซ่างเซียง การที่ข้าต้องสูญสิ้นสามีไปเสียแต่ยังสาวนับว่าไม่ใช่เรื่องที่สาหัสสำหรับข้าอีกหรือ เหตุใดสวรรค์จึงชังข้านักถึงต้องให้น้องสาวคนเดียวของข้าต้องมาด่วนตายจากไปก่อนข้าอีกด้วย!"นางเกี้ยวผู้พี่ตัดพ้อด้วยอารมณ์ที่น้อยใจเป็นอย่างยิ่งในโชคชะตา ดวงตาที่มองผ่านหน้าต่างไปยังบนฟ้าดูเคียดแค้นชิงชังเบื้องบนนัก

    "น้องสาวของข้า น้องเสี่ยวที่รัก เสมือนเป็นแขนขาของข้า"นางพูดด้วยอารมณ์ถึงน้องสาวคนเดียวที่รักใคร่ ริมฝีปากอิ่มสั่นระริก ไม่อาจจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ให้อยู่ จำต้องร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ก่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าสีแดงขึ้นมาซับน้ำตา

    ซ่างเซียงมองดูอากัปกิริยาของพี่สะใภ้ก็รู้สึกสงสารจับใจ... ไม่รู้จะทำเช่นไร ในเวลานี้ซ่างเซียงยิ่งรู้สึกคิดถึงนางเสี่ยวเกี้ยวที่พึ่งจะด่วนจากไป นอกจากนางจะเป็นคนสวย กิริยางดงาม และอ่อนหวานน่ารัก เสี่ยวเกี้ยวยังเป็นคนที่จิตใจอ่อนโยนและเป็นหญิงสาวที่ชาญฉลาด เธอมักจะรู้ดีว่าเวลาไหนควรจะพูดอะไรกับทุกๆคน...

    เมื่อยิ่งคิดแล้วซ่างเซียงเองก็แทบจะพลอยร้องไห้ตามพี่สะใภ้ของหล่อน คิดถึงนางเกี้ยวผู้น้องเสียเหลือเกิน แต่นางพยายามข่มใจให้แข็ง กำหมัดแน่น แล้วเตือนสติตัวเองว่าในยามนี้ไต้เกี้ยวนั้นต้องการที่พักพิงหัวใจยิ่งนัก ซ่างเซียงลุกขึ้นจากที่นั่งบนรถม้าที่ขลุกขลัก หมายจะไปนั่งข้างๆพี่สะใภ้เพื่อช่วยซับน้ำตา แต่แล้วก็ลืมตระหนักถึงความสูงของเพดานรถม้า ทำให้ศีรษะของหล่อนชนเข้ากับเพดานอย่างจัง

    "โครม!"ซุนซ่างเซียงได้แต่คลำศีรษะตัวเองป้อยๆ

    "เจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะ..."ทว่ามันได้ผลชะงัก ไต้เกี้ยวหยุดร้องไห้ก่อนที่จะหันมามองท่าทางที่ดูน่าขันของบุตรสาวแห่งพยัคฆ์กังตั๋ง

    "ข้า...โอย..เพียงแต่จะไปนั่งข้างๆพี่.."หล่อนอุทานด้วยความเจ็บปวด

    "โถ่เอ๋ย ยายเด็กโง่"ฮูหยิน[1]ของซุนเซ็กกระตุกยิ้มเล็กๆ ก่อนที่สีหน้าจะกลับเป็นอมทุกข์ดังเดิม...

    "ข้านึกว่ามันจะได้ผลเสียอีก..."ซุนซ่างเซียงบ่นเบาๆ

    "เจ้าพยายามจะปลอบใจข้าหรือ?"

    "ข้า...ข้า...พี่ไต้...ขอร้องทีเถิด ท่านอย่าคิดว่าโลกของท่านได้แหลกสลายไปทั้งใบ อย่างน้อยได้โปรดอย่าลืมว่า ทั้งพี่กวน และ ข้า เองก็ยังเป็นครอบครัวของท่าน... ไม่ใช่แค่เฉพาะพวกเรา จิวยี่ หรือ แม่ทัพคนอื่นๆในง่อ ต่างก็เป็นพี่น้องของเราด้วยกันทั้งนั้น!"หล่อนพูดอย่างเหลืออด

    นานๆครั้งที่ซ่างเซียงจะพูดประโยคยาวๆออกมาเช่นนี้ หล่อนเป็นคนช่างพูด แต่ซุนซ่างเซียงรู้ดีว่าตัวเองมักจะพูดในสิ่งที่หาสาระใจความไม่ได้ ทำให้เจ้าตัวเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจไม่ใช่น้อย อีกทั้งก็อดใคร่ครวญอีกครั้งไม่ได้ว่า น้ำเสียงเมื่อครู่ของตนนั้นฟังดูโผงผาง รุนแรงเกินไป

    ซ่างเซียงเฝ้ามองสีหน้าของพี่สะใภ้อีกครั้ง ด้วยความหวั่นเกรง หัวใจเต้นตุบตับ

    ไต้เกี้ยวอ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แรกเริ่มสีหน้าหล่อนดูต้องการจะเถียงอะไรบางอย่าง

    "แต่ว่า..."เกี้ยวฮูหยินชะงัก ใคร่ครวญไตร่ตรองดูสักครู่ ก่อนพยายามกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก แล้วกล่าวว่า

    "บางทีเจ้าอาจจะพูดถูกซ่างเซียง ข้าต้องขอโทษที่ทำให้เจ้าลำบากใจ"ไต้เกี้ยวพยักหน้าแล้วยิ้มออกมาบางๆ ทำให้ซ่างเซียงรู้สึกใจชื้นขึ้นนัก

    การเดินทางจากเมืองง่อมายังกังแฮในครานี้ เนื่องด้วยเพราะเหตุการณ์เศร้าสลดที่เกิดขึ้นกับเสี่ยวเกี้ยว หรือภรรยาจิวยี่แม่ทัพใหญ่แห่งง่อ ที่เกิดจากไปอย่างกะทันหันโดยที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดมาก่อน เรื่องราวยิ่งสะเทือนหัวใจยิ่งนัก เมื่อสาส์นจากม้าเร็วเมืองกังแฮระบุว่านางเสี่ยวเกี้ยวนั้นจากไปเนื่องด้วยเพราะการตกโลหิตจากอาการครรภ์เป็นพิษ

    "ไม่รู้ว่าป่านนี้กงจิ้น[2]จะเป็นยังไงบ้าง..."ไต้เกี้ยวเอ่ยขึ้นมาลอยๆ รู้สึกอดห่วงความรู้สึกของคนเป็นสามีของน้องสาวตนเองไม่ได้ นางเข้าใจดีถึงความรู้สึกของการสูญเสียคู่ชีวิต แถมเหตุการณ์ยังซ้ำร้ายให้เขาทั้งสูญเสียภรรยาและบุตรในวันเดียวกันอีกด้วย...

    "ข้าคิดว่า..เขาเป็นคนเข้มแข็ง"นางลองวิเคราะห์ พูดอย่างตรงไปตรงมา... แต่สายตากลับเลี่ยงไปมองทางอื่นไม่สบตาไต้เกี้ยว

    ก็อีตากงจิ้นเด็ดขาดเสียขนาดนั้น เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่แห่งกังตั๋ง แต่ละแผนการรบการศึกถูกเขาวางได้อย่างแยบยล หลอกใช้คนได้อย่างแนบเนียน

    ทุกครั้งที่หล่อนได้ยินชื่อนี้ ความรู้สึกหลายๆอย่างนั้นได้เกิดขึ้นในตัวของหล่อน ทั้งรักและชิงชังในตัวเขา หล่อนรู้ตัวดีว่าตนเองนั้นเป็นคนที่ช่างไร้เหตุผลเสียเหลือเกิน แต่ถึงแม้ว่าซ่างเซียงจะแอบมีใจให้กงจิ้นเสียแต่ครั้นยังเยาว์วัย แต่หล่อนก็ไม่เคยที่จะเกิดความรู้สึกริษยาใดๆต่อเสี่ยวเกี้ยว ไม่กล้าแม้แต่ที่จะรู้สึกเช่นนั้นแม้แต่วินาทีเดียว นอกจากเพราะเสี่ยวเกี้ยวจะเป็นสตรีที่เพียบพร้อมและคู่ควรแล้ว นางและไต้เกี้ยวยังรักใคร่เอ็นดูซ่างเซียงเหมือนดั่งน้องสาวแท้ๆอีกคนหนึ่ง

    แต่ในทางตรงกันข้ามหล่อนกลับรู้สึกขัดเคืองต่อจิวยี่ ไม่ใช่เพราะที่เขาไม่เลือกหล่อน แต่ในสายตาของเขาไม่เคยเห็นหล่อนเป็นหญิงสาวแม้แต่วินาทีเดียว... เขาเห็นหล่อนเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง ที่ไม่รู้จักโต ที่วิ่งตามหลังเขาเสมอมา...

    "ไม่หรอกซ่างเซียง พวกผู้ชายน่ะ ถึงแม้ภายนอกจะดูเข้มแข็งเยี่ยงไร แต่ภายในจิตใจอาจจะเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าพวกเราเสียอีก"ไต้เกี้ยวกล่าวเสียงหวาน

    "ท่านพี่รู้ได้อย่างไร?"

    "ก็เขาปลดปล่อยโดยการร้องไห้ฟูมฟายอย่างพวกเราไม่ได้นะซี..."หล่อนพูดแล้วยิ้ม

    "จริงสินะ"องค์หญิงอาณาจักรง่อยิ้มตอบ แต่สายตาดูเลื่อนลอยยากที่จะคาดเดา

    ระหว่างนั้นเองที่รถม้าเริ่มชะลอก่อนจะจอดเทียบ ซ่างเซียงและไต้เกี้ยวต่างมองตากัน

    "ถึงที่หมายแล้วขอรับองค์หญิง"ทหารองครักษ์กล่าว

    ซุนฮูหยินพยักหน้าก่อนที่จะถอนหายใจ

    "ไปกันเถิดพี่ไต้..."

    ______________________________________________________________________________________________________________

    กงจิ้น-ชื่อรองจิวยี่

    ฮูหยิน-คำเรียกภรรยา/ผู้หญิงซึ่งแต่งงานแล้ว

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×