เดอะไวท์โรด ตอน รักครั้งแรกของเจ้าชายน้ำแข็ง - เดอะไวท์โรด ตอน รักครั้งแรกของเจ้าชายน้ำแข็ง นิยาย เดอะไวท์โรด ตอน รักครั้งแรกของเจ้าชายน้ำแข็ง : Dek-D.com - Writer

    เดอะไวท์โรด ตอน รักครั้งแรกของเจ้าชายน้ำแข็ง

    ในเดอะไวท์โรด เฟริสซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเจ้าชายน้ำแข็งไม่เคยมีใครทำให้น้ำแข็งละเลยได้ซักคนจนมาเจอสาวคนนี้

    ผู้เข้าชมรวม

    1,488

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    1.48K

    ความคิดเห็น


    21

    คนติดตาม


    4
    หมวด :  แฟนตาซี
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 มี.ค. 49 / 00:14 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                 

                      หลายคนที่อ่านเดอะ  ไวท์โรด ของ ดร. ป๊อป คงสงสัยกันว่า เด็กชายที่ชื่อ " เฟริส  ซีเบอตัน" เคยมีความรักกะเขาบ้างรึเปล่า  เพราะชื่อที่ถูกขนานนามว่า  เจ้าชายน้ำแข็ง  จึงยังไม่เคยมีใครทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มคนนี้ละลายได้ซักที  แต่มาตอนนี้ที่ทุกท่านกำลังจะได้อ่านเป็นความรักของเฟริสที่มีต่อเด็กผู้หญิงคนนี้  แล้วทุกท่านที่อ่านเรื่องนี้ก็จะได้อ่านถึงการที่เฟริสได้พูดเป็นครั้งแรก  ว้าว ! พระเจ้าไม่อยากจะเชื่อเลย ก็ขอให้ทุกท่านสนุกกับเรื่องนี้นะคะ ( ชื่อของนางเอกเป็นชื่อสมมุติไม่มีในไวท์โรดขอให้ผู้อ่านโปรดอย่าเข้าใจผิด )

                      ถ้าพูดคนที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่มของวีรบุรุษของโลกแล้วก็คงหนีไม่พ้นพอล เอลแกน แต่ก็มีอีกคนที่โดดเด่นเหมือนกันไม่แพ้พอล  คนที่ถูกเชิญชวนให้ไปถ่ายแบบลงหน้าปกของนิตยสารดังในโลกอากาเซีย  คนที่ถูกพ่อและแม่นำเอาใบหน้าอันหล่อเหลาของลูกชายไปลงกับหน้าปัดของนาฬิกาซีแมกซ์ยี่ห้อ   F- EN ใช่แล้วคนนั้นเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เฟริส ซีเบอตัน ตั้งแต่พวกเพื่อนๆรู้จักเขามาแน่นอนยังไม่มีใครได้ยินเสียงเฟริสพูดซักครั้ง ( พ่อแม่ของเฟริสอาจจะไม่เคยได้ยินเสียงลูกตัวเองด้วยซ้ำ ) แต่ความที่เขาเป็นคนเงียบขรึมอย่างนี้ก็ทำให้สาวๆเกือบครึ่งห้องกรี๊ดสลบลงได้ภายใน 3 นาที  ขณะนี้พวกเขากำลังเดินออกจากห้องเรียนของวิชากฎหมายด้วยสีหน้ายินดีเป็นที่สุด  เพราะอะไรหนะหรอ  เพราะวิชานี้เป็นวิชาสุดท้ายที่พวกเขาจะเรียนวันนี้  และแน่นอนที่ที่พวกเขาจะไปกันนั้นก็คือ ซีมูเลชั่นสปีด

                      "ที่นี้แหละฉันจะไปแก้แค้นเจ้าไวเปอร์ตัวนั้นให้ได้"  โทนี่พูด  จะไม่ให้เขาโกรธได้ยังไง

      ก็เมื่อวานนี้พอเขากำลังออกจากเกมก็ถูกไวเปอร์จัดการเลย  ตัวเดียวไหวพออยู่หรอกแต่นี้มันมาเป็น 30-40  ตัว  เงี่ยเผ่นลูกเดียว

                      "เออแก้แค้นไปคนเดียวเถอะ  เดี๋ยวนี้ฉันชักไม่อยากยุ่งกับมันแล้วตั้งแต่มีระบบใหม่"  อเล็กซ์พูด  เพราะตั้งแต่มีระบบใหม่ซึ่งทำให้มอนสเตอร์ที่เคยอยู่ตัวเดียวกลับมีเพื่อนมาด้วยไม่ต่ำกว่า 4-5 ตัว

              ตุ๊บ! อุ๊ย!ขอโทษด้วยคะ

                      ขณะที่พวกเขากำลังเดินคุยกันอยู่ก็มีผู้หญิงเดินมีชนเฟริสอย่างจังๆ  แม้ว่าเฟริสเคยโดนเดินชนหลายครั้งทั้งที่เจตนาแต่เขาก็รู้ว่าครั้งนี้เป็นการเดินชนแบบไม่ได้เจตนาซะแล้ว "ขอบคุณมากคะ"  เธอพูดแล้วรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว 

                      "เอ๊  รู้สึกว่าฉันเคยเจอคนนั้นมาก่อนนะ"  เจอร์รี่พูดแล้วทำท่านึกคิด  "แต่จำไม่ได้อ่ะเห็นหน้าไม่ค่อยชัด"  เธอพูดพลางส่ายหน้า 

                      "ฉันว่าคนที่ยัยนั่นรู้จักต้องไม่ธรรมดาแน่"  อเล็กซ์หันไปกระซิบกับโทนี่อย่างแผ่วเบา    โทนี่พยักหน้าเห็นด้วยเมื่อมองไปทางเฟริสก็ได้เห็นสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้  หน้าของเฟริสที่เป็นคนที่เย็นชาแต่ตอนนี้กำลังยิ้มอย่างมีความสุขจนโทนี่รู้สึกว่าเป็นเรื่องประหลาดมาก  เขาเคยเห็นเฟริสยิ้มอยู่หรอกนะแต่ยิ้มเมื่อกี้นี้อยากจะบอกว่าประหลาดสุดๆเหมือนกับเห็นสุนัขกำลังออกลูกเป็นหมูเลย  แต่เมื่อเฟริสเห็นโทนี่กำลังมองมาที่เขา  เขาก็หุบยิ้มทันที  อเล็กซ์เห็นโทนี่เอาแต่มองเฟริสเขาจึงตีแขนโทนี่

                      "โอ๊ย!!  นายตีฉันทำไม"  โทนี่หันมาตวาดอเล็กซ์

                      "ก็ฉันเห็นนายมองแต่ทางเฟริสน่ะสิ"  อเล็กซ์เอ่ย  "หรือว่าแอบชอบเฟริสอยู่  อ๊าก!ฉันมีเพื่อนเป็นเกหรอเนี่ย"

                      "นายจะบ้าหรอไง!!!!!"

                      "ล้อเล่นน่า"

                      เมื่อหลายนาทีที่แล้วเขาควรจะอยู่ที่ซีมูเลชั่นสปีดแต่ตอนนี้พวกเขาต้องกลับมานั่งอยู่ในร้านที่เจอร์รี่พามา ( เพราะอะไรน่ะหรือก็เพราะมีผู้เล่นใช่ระเบิดทำลายล้างสูงทีเดียว 10 ลูกระบบเลยเจ๊งเลย  ) แค่ชื่อร้านก็ทำเอาขนลุกแล้ว  ร้านที่เจอร์รี่พามานั้นเป็นร้านชื่อ " In Love "

      ภายในร้านถูกตกแต่งด้วยโทนสีชมพูเป็นหลัก  ตรงกลางมีลานน้ำพุที่ทำจากแก้วคริสตัลใส  น้ำต่างๆหลากสีสันพุ่งออกมาจากปากของโลมาตัวสีชมพูและสีฟ้าที่หันหน้าเข้าหากัน  ทำให้บรรยากาศในร้านเปลี่ยนเป็นหวานแหววทันที

      "จะรับอะไรดีค่ะ"  พนักงานเสริฟเดินเข้ามาถามโต๊ะพวกเขา  เธออยู่ในชุดสีชมพู่ลายเกล็ดหิมะยาวเท่าเข่า  กลางหลังยังมีโบว์อันใหญ่สีแดงติดอยู่ตรงเอวแถมกลางหลังยังมีปีกนางฟ้าสีขาวอันเล็กๆติดอยู่  บวกกับหน้าตาสักประมาณไม่เกินสามสิบไม่แปลกที่เฟริสจะสังเกตว่าเธอเป็นพนักงานที่สวดที่สุดในร้านนี้

      "เอาราสเบอร์รี่ปั่นโรยเกล็ดหิมะค่ะ"  เจอร์รี่บอกพนักงานซึ่งเธอก็กดปุ่มที่เครื่องที่เธอถือมาครั้งหนึ่ง

      "ฉันเอาด้วย"  แชมพูบอก

      "งั้นฉันเอาคาปูชิโนช๊อก"

      "ฉันเอาน้ำแอปเปิ้ลเขียวผสมคอกเทล"

      "ฉันด้วยดิ"

      "ขอไอซี่คูลด้วยครับ"

      "ฉันเอาน้ำเปล่า"

      "นี่! มาดื่มทั้งที่ให้คุ้มหน่อยดิ"

      "แล้วมันผิดไหมล่ะ"

      และตามมาด้วยอีกหลายเสียงซึ่งพนักงานกดปุ่มเมนูอย่างรวดเร็ว  เพียงไม่กี่นาทีเครื่องดื่มทั้งหมดก็มาวางตรงหน้าพวกเขาแล้ว

      "คือว่าปิดเทอมคริสต์มาสปีนี้เราไปเที่ยวคฤหาสน์วอเลนส์กันดีไหม"  พอลเสนอความคิดเพราะเขาก็อยากให้เพื่อนๆมาเที่ยวบ้านเขาบ้าง ( ย้ำว่า บ้าน )  "มาลาไจน์อนุญาตให้ไปได้"

      "เป็นความคิดที่สุดยอดไปเลย  ฉันอยากไปที่นั่นอีกซักรอบ"  เจอร์รี่พูด  "ที่นั้นมีแต่หนุ่มหล่อเต็มไปหมดเลย"  และนั้นเป็นสาเหตุที่เธออยากไป

      "จริงหรอเจอร์รี่  ว้าว! อยากไปจัง"  แชมพูพูด "เออ  พอลจ๊ะฉันพาเพื่อนไปอีกคนได้มั้ย"

      "ได้สิ  แล้วเพื่อนเธอคนนั้นเป็นใครหรอ"  พอลถามพลางตักน้ำในแก้วเข้าปาก

      "เป็นเพื่อนนางแบบฉันเอง  พรุ่งนี้เธอจะย้ายมาอยู่สาขาพวกเธอนั้นแหละ" 

      "ว้าวผู้หญิงชอบบู๊  ไม่ธรรมดาซะแล้ว"  อเล็กซ์พูดด้วยสีหน้าแฝงไปด้วยความเจ้าชู้

      "ประสาท" วอร์ช่าพูดออกมาลอยๆ

      เฟริสที่นั่งดูดน้ำอยู่เงียบๆแต่ภายในใจลึกๆนั้นกำลังนึกถึงคนที่เดินชนเขาอยู่  ผมสีเหลืองทองพริ้วไสว  ตาสีฟ้าดวงโตเข้ากับทุกส่วนบนใบหน้าตั้งแต่จมูกที่โด่งได้รูปกับริมฝีปากสีชมพูเรียวเล็ก  และผิวที่ขาวผ่องนวลราวกับนางฟ้า  เพื่อนๆของเขาอาจมองไม่เห็นเหมือนเขาเพราะเขาเป็นคนที่ก้มลงเก็บหนังสือให้เธอแล้วได้สบตากันพอดี  บ้าน่าตอนนี้เขาคิดอะไรอยู่  ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่เผอิญเดินมาชนเขาแค่นั้นเอง  เขาพยายามสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นออกไปแต่ภาพของเธอนั้นก็ไม่ยอมหายสักที  จนเป็นที่สังเกตของเพื่อนๆ เพราะเฟริสไม่เคยแสดงอาการอย่างนี้

      "เฟริส"  บิลลี่ที่นั่งอยู่ใกล้ๆเรียกเขา  แต่เขาก็ยังเหม่อ

      "เฟริส"  คราวนี้บิลลี่เอามือจับไหล่เขาแล้วเขย่าน้อยๆ  แต่ผลก็ยังเหมือนเดิม  และในที่สุด

      เฮ้ย!? เฟริส

      เฮือก!!!!

      เฟริสที่อยู่ในอาการเหม่อลอยกลับมามีสติอีกครั้ง  รอบตัวเขามีแต่เพื่อนๆที่หันหน้ามามองเขาด้วยสายตาที่สงสัยเป็นที่สุด  และเฟริสก็กำลังนั่งงงว่า  เพื่อนๆมองเขาทำไม ?

                      "นายเป็นไรป่าวเห็นนั่งเหม่อตั้งนาน"  โฮการ์ดถาม  แต่เฟริสได้แต่ส่ายหน้า

                      "คุณเฟริสครับ  พวกเราจะไปเยี่ยมบ้านคุณพอลกันคุณไปด้วยไหมครับ"  โทเป้พูด  แน่นอนวันนี้เขาก็เน้นโทนขาวเหมือนทุกๆวัน  เฟริสก็พยักหน้าพร้อมยิ้มน้อยๆให้  ทำให้เพื่อนทำหมดห่วงกันไปได้

                      วันรุ่งขึ้นเมื่อพวกเขามาถึงมหาลัยแล้ววิชาแรกที่เรียนคือวิชาของอาจารย์เครก  และไม่แปลกที่จะได้ยินเสียงอันน่ารำคาญของริกกี้ดังมาแต่ไกล   ตอนนี้อเล็กซ์กับโทนี่กำลังคุยกันเรื่องเพื่อนคนใหม่กันอยู่อย่างถึงพริกถึงขิง

                      "คนที่เป็นเพื่อนกับแชมพูนายว่าน่าจะเป็นคนยังไง"  โทนี่ถาม

                      "ไอ้เรื่องแบบเนี่ยนะนายก็คอยสังเกตเอาเองตอนที่เขาเข้ามาดิ"  อเล็กซ์ตอบ

                      "นี่พวกเราถ้าเขามาแล้วเราก็ชวนเข้ากลุ่มเลยสิ  พวกนายว่าดีมั้ย"  วอร์ช่าพูด

                      "น่าจะดีนะ  เพราะเขาอาจจะไม่มีเพื่อนก็ได้"

                      "โอเคตกลงตามนี้"  พอลพูด  "เพราะไหนๆเธอก็จะได้ไปเที่ยวกับพวกเราอยู่"

                      "นักเรียนเงียบๆกันหน่อย"  เครกเดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดีเหมือนเดิม  เสียงของนักเรียนก็ค่อยๆซาลงจนทั้งห้องเงียบกริบ  แต่ที่นักเรียนสงสัยกันที่สุดก็คงเป็นเด็กผู้หญิงที่ยินอยู่หน้าห้อง  ซึ่งเครกก็พอเดาอารมณ์ของนักเรียนออก

                      "วันนี้มีเพื่อนใหม่ที่จะมาเรียนกับเรา  ช่วยกันตอนรับเพื่อนใหม่หน่อยเร็ว"  แล้วเสียงปรบมือก็ดังกระหึ่มทั่วห้องเมื่อนักเรียนใหม่เดินเขามา  ผมสีเหลืองทองพลิ้วไปตามลมของเครื่องปรับอากาศในห้อง  ตาสีฟ้าโตกับจมูกที่โด่งได้รูปช่วยเพิ่มให้ตัวเธอเพิ่มความน่ารักเข้าไปอีก  เสียงเชิ้ตแขนยาวสีขาวตรงกลางปักด้ายด้ายสีชมพูระยิบระยับว่า   In My Heart

      เด่นอยู่ตรงกลางบวกกับกระโปรงยาวถึงเข่าสีบานเย็นทำให้เธอดูเพอเฟ็กมากๆ  ไม่แปลกที่เมื่อเธอเดินเข้ามาในห้องนักเรียนทั้งห้องต่างพากันมองไปตามๆกัน  และหนึ่งในนั้นก็คืนเฟริสซึ่งเขาแน่ใจแล้วว่า  ผู้หญิงคนนี้กับคนที่เดินชนกับเขาเป็นคนคนเดียวกัน

                      "โคตรน่ารักเลยวะ"  โฮการ์ดพูด

                      "ตามธรรมเนียมเมื่อมีนักเรียนมาใหม่ก็ต้องแนะนำกันหน่อย"  เครกบอกพร้อมผายมือให้เธอ  "เชิญครับคนสวย"  แล้วตอนนี้เธอก็มายืนอยู่กลางห้องพร้อมกับไมโครโฟน

                      "สวัสดีค่ะเพื่อนๆคณะอาร์ทพาว"  เพียงคำพูดคำแรกก็ทำเอาทั้งห้องตกอยู่ในภวังค์ได้  "ฉันชื่อ  นาเดีย  โรเวร่า  ยินที่ได้รู้จักเพื่อนๆทุกคนค่ะ"  เธอพูดก่อนที่จะเดินออกไปยืนข้างๆเครก

                      "เอาล่ะเธอไปหาที่นั่งได้แล้ว  มีใครจะให้เพื่อนไปนั่งด้วยมั้ย"  เพียงแค่เครกพูดแค่นั้นมือทั้งห้องก็พร้อมใจกันยกขึ้นเหมือนกับนัดแนะมา  เครกได้แต่ยิ้มแห้ง  แต่สายตาของนาเดียเหลือบไปเห็นเพื่อนเก่ายกมืออยู่เธอจึงเดินขึ้นไปหา  และเพื่อนที่เธอไปหานั้นนั่นก็คือ  วอร์ช่านั่นเอง

                      "ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะได้เจอเธอที่นี่"  นาเดียพูดพร้อมรอยยิ้มให้วอร์ช่า  "ตั้งแต่ม. 4 แล้วสินะที่เราไม่ได้เจอกันเลย  คิดถึงเธอจัง"

                      "ฉันนึกว่าเธอจะย้ายไปเรียนเอพริเครดซะอีก"  วอร์ช่าเอ่ย  และแน่นอนว่าทั้งคาบพวกเขาไม่ได้เรียนกันเลยเพราะวอร์ช่ามัวแต่เล่าประวัติความเป็นมาของนาเดียกับเธอ  เฟริสที่นั่งมองอยู่เพิ่งรู้ว่านาเดียเป็นนางแบบถ่ายนิตรยสารดังหลายที่เล่ม  ซึ่งเธอก็ดังไม่แพ้เจอร์รี่เลย  และเหตุลที่เธอรู้จักวอร์ช่าเพราะว่า  เธอเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ม. หนึ่ง  แต่เมื่อถึงม. สี่เธอก็ต้องหยุดเรียนเพราะมีงานหลายแห่งที่เธอจัดไว้ไม่ทัน  เธอจึงต้องย้ายโรงเรียนไปเรียนที่เอพริเครดซึ่งอยู่ใกล้บ้านเธอเพื่อจะได้สะดวกยิ่งขึ้นต่อมาวอร์ช่าก็แนะนำให้รู้จักเพื่อนของเธอ  ส่วนอเล็กซ์กับโทนี่ก็หน้าแดงเถือกเวลาเธพูดด้วย  แต่บุคคลที่เธอสนใจมากที่สุดคือ

                      "ยินดีที่ได้รู้จักนะเฟริส"  นาเดียพูดพร้อมยื่นมือมาโดยให้เขาจับ  แต่ทั้งคู่รู้สึกจะจับมือกันนานเหลือเกินจนเพื่อนๆต้องส่งเสียง "อะแฮ่ม" ทั้งสองจึงรีบปล่อยมือด้วยสีหน้าที่แดงยิ่งกว่ามะเขือเทศซะอีก  ซึ่งเพื่อนๆก็ส่งเสียงหัวเราะกัน

                      "ตกลงเธอจะไปเที่ยวกับพวกเราด้วยใช่ไหม"  พอลถาม

                      "อืม  อยากลองไปเหมือนกันนะเพราะฉันเคยอ่านแต่ในหนังสือ"  นาเดียพูด  ซึ่งเพื่อนๆก็รู้กันเลยว่า  เธอต้องเป็นคนที่ฉลาดมาก  ตอนนี้พวกเขาเพิ่งเรียนเสร็จในวันนี้

                      นาเดีย

                      แชมพูป้องปากตะโกนเรียกมาแต่ไกล  นั้นไม่ได้ทำให้นาเดียรู้สึกเขินอายเลยสักนิดแถมเธอยังยิ้มรับด้วย  ต่างจากคนอื่นที่อยากจะเอาหน้ามุดดินอยู่แล้ว

                      "ไม่ได้เจอกันตั้งนานสวยขึ้นนะเธอ"  แชมพูพูด  "แล้วเดี๋ยวนี้งานถ่ายแบบเยอะมั้ย"

                      "ไม่เยอะแล้วล่ะ"

                      "แล้วปิดเทอมคริสต์มาสปีนี้เธอจะไปกับเราป่าว"  แชมพูถาม

                      "ไปสิเพื่อนชวนไม่ไปได้ไงล่ะ"  เธอตอบพร้อมรอยยิ้ม  นั่นทำเอาเฟริสหน้าแดงโดยไม่รู้ตัว

                      "โอเคงั้นฉันจะบอกมาลาไจน์เอง  คืนวันที่  25  ธันวา  ให้ทุกคนไปรวมกันที่ห้องพวกฉันแล้วกัน"  พอลพูด

                      เมื่อกลับมาถึงพวกเขาก็แยกย้ายกันเข้าห้อง  ขณะนี้เฟริสกำลังนอนอยู่บนเตียง  ใบหน้าของเด็กสาวกำลังวนเวียนอยู่ในหัวเขา  เขาไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับผู้หญิงคนไหน  แต่ทำไมเวลาที่เขาเจอผู้หญิงคนนี้เขาต้องหน้าแดงด้วย  หรือว่านี่อาจเป็นรักครั้งแรก  บ้าน่าจะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง  เธอแค่น่ารักจนสะดุดตาแค่นั้นแหละเดี๋ยวก็คงลืมไปเอง  เฟริสคิดในใจแล้วพยายามนอนให้หลับแต่ยังไงเขาก็ไม่ยอมหลับ  พอหลับตาลงเห็นก็เห็นแต่หน้าเธอ  โอ๊ย!นี่เขาเป็นถึงอย่างนี้เลยหรอ  ความจริงเธอก็น่ารักดีนะ  เฟริสคิด  แต่หารู้ไม่ว่าความคิดของเขาดันไปตรงกับคนที่เพิ่งย้ายมาพอดี

                      คืนวันที่  25  ผ่านมาถึงอย่างรวดเร็ว  ขณะนี้ไวท์ซิตี้ถูกหิมะครอบคลุมทั้งเมืองจนมองไปทางไหนก็มีแต่สีขาว  สีขาว  แล้วก็ขาว  เฟริสเดินออกมาพร้อมกับยิ้มน้อยๆให้กับรูมเมททั้งหลายซึ่งพวกเขาก็พอรู้อยู่ว่าความหมายนั้นหมายถึงอะไร  เขาเดินไปยังโต๊ะรับประทานอาหารซึ่งเมนูตอนเช้าที่หุ่นยนต์ซื่อบือทำมาให้น่าทานกว่าทุกวัน  เมื่อเขานั่งมันก็จัดแจงเทน้ำส้มคั่นลงในแก้วของเขา  แล้วตอนนี้เพื่อนๆกำลังทยอยมาที่นี้เป็นระยะๆ

                      "พอล  เมื่อไรช่องว่างมิติเวลาจะมาซะที"  อเล็กซ์ถาม  วันนี้เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีเหลืองกับกางเกงยีนต์ก็ดูเท่ไปอีกแบบ

                      "อีกซักครู่"  พอลตอบน้ำเสียงเขาดูรำคาญเต็มทีเพราะอเล็กซ์ถามมาเป็นรอบที่  8  แล้ว  "ช่องว่างมิติไม่ใช่ว่าจะเปิดง่ายๆนะ  เราต้องรอโนอาร์ก่อน  ใจเย็นไว้น่า"  ผ่านไปซักครู่โนอาร์ก็มาถึง  อเล็กซ์ดีใจจนออกหน้าออกตาเรียกเสียงหัวเราะของเพื่อนๆได้เป็นอย่างดี  เมื่อโนอาร์ทำการเปิดมิติเวลาเสร็จแน่นอนต้อง  Lady  Farst  ก่อนเริ่มจากเจอร์รี่  แชมพู  นาเดีย  คีตาร์  วอร์ช่า  โทเป้   เฟริส  โฮการ์ด  บิลลี่  อเล็กซ์  โทนี่  โนอาร์  และปิดท้ายด้วยพอล  พวกเขาเดินทางมาถึงเมืองพรีดิกซึ่งมีด้าร์และคอลล่ารอพวกเขาอยู่

                      "ยินดีต้อนรับกลับมาเจ้าชาย"  คอลล่าต้อนรับด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นเช่นเคย

                      "ท่านจะให้ผมเรียกคูรูคูลาให้เลยไหมครับ"  มีด้าร์ถาม

                      "ไม่เป็นไรหรอกครับพวกคุณกลับไปพักผ่อนเถอะ"  พอลตอบกลับอย่างสุภาพก่อนจะตะโกนเรียกสัตว์พาหนะของพวกเขามา  "คูรูคูล่า!!!"  พอลป้องปากตะโกนสุดเสียงทันใดนั้นสัตว์พาหนะเทพแห่งชนเผ่าคลอโรเนียก็ปรากฏกายขึ้น

                      "ยังเท่ไม่หยอกเหมือนเดิมเลย"  เจอร์รี่พูด

                      "เจอ-เจอร์รี่เราต้องขึ้นพวกนี้ไปจริงๆหรอ"  เจอร์รี่พยักหน้า  "ฉันกลัวอ่ะ"

                      "ไม่ต้องกลัวหรอกพวกนี้น่ารักจะตาย"  เจอร์รี่พูดแล้วเดินไปที่คูรูคูล่าตัวหนึ่งซึ่งย่อตัวรับเธอขึ้นอย่างสวยงาม  นั้นทำให้แชมพูคลายกังวลลงไปเยอะ  แล้วเธอก็ไปที่คูรูคูล่าอีกตัวหนึ่งซึ่งเธอก็ได้รับความช่วยเหลือจากโทนี่ในการขึ้นนั่ง

                      ส่วนคนที่มีปัญหาในการขึ้นนั่งอีกสองคนคือโทเป้และนาเดีย  โทเป้ไม่กล้าขึ้นนั่งแม้คูรูคูล่าจะพยายามย่อตัวแทบติดพื้นให้เขาแต่โทเป้ก็ก้าวขาไม่ออกจนทำให้โนอาร์ต้องใช้พลังจิตส่งให้โทเป้ขึ้นนั่งจนได้  และอีกคนคือนาเดียเธออาการคล้ายโทเป้คือก้าวขาไม่ออก  ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่ว่าจะทำอย่างไรก็มีมือมาจับเอวเธอแล้วยกเธอขึ้นนั่งบนคูรูคูล่าตัวนั้น  เมื่อเธอหันไปก็พบกับ เฟริสที่กำลังส่งยิ้มน้อยให้เธอทำให้เธอหน้าแดงเถือกแต่ก็ไม่ลืมที่กล่าวคำว่า  ขอบคุณ  ให้เขา  นั่นทำให้เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่กลับไปที่คูรูคูล่าของตัวเอง

                      "เอาล่ะทุกคนจับแน่นๆนะ"  พอลสั่ง  "ไปเลย !"

                      คูรูคูลาทุกคนพร้อมใจกันสยายปีกออกแล้วบินขึ้นสู่ท้องฟ้าตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของโทนี่  วอร์ช่า  โทเป้  และแชมพูที่ดังลั่น  ส่วนนาเดียนั้นตอนแรกเธอก็ตกใจอยู่หรอกแต่พอไปๆมาๆเธอก็เริ่มชินแล้ว  นั่นทำให้เธอยิ้มร่าออกมา  เฟริสที่บินตามหลังเธอเห็นว่ามีความสุขนั่นทำให้เขามีความสุขไปด้วย  และในที่สุดพวกเขาก็มาถึงนครลอยฟ้าออโรลาดินแดนแห่งเทพ  เมื่อพวกเขาไปถึงคฤหาสน์วอเลนส์คณะเดินทางก็พบผู้รอคอยการมาเยือนของพวกเขา

                      "ยินดีต้อนรับการกลับมาครับเจ้าชาย"  เมดาโบรันโค้งทำความเคารพพร้อยรอยยิ้ม  "พร้อมสหายของท่านด้วย  ก่อนที่กระผมจะพาทุกท่านเข้าไปที่ที่พักผมมีเรื่องหลายอยากจะขอร้องพวกท่าน  เดิมทีที่คลอโรเนียแห่งนี้อยู่ในอีกมิติหนึ่งซึ่งพวกเราเป็นเทพปกป้องรักษาพวกคุณที่อยู่ในมิติอาการ์เซีย  ถ้าทางฝ่ายนั้นรู้ต้องเกิดเรื่องไม่ดีแน่จึงอยากจะขอความร่วมมือจากทุกท่านขอให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้มั้ยครับ"

                      "พวกเราขอสัญญา"  ทุกคนพร้อมใจกันพูด

                      "ต้องขอขอบคุณทุกท่านด้วย  เดียวผมจะให้มานิซัสกับฟูกิซัสพาไปที่ห้องพักนะครับ" ทันใดนั้นก็มีเทพหนุ่มฝาแฝดปรากฏตัวออกมาข้างหลังของเมดาโบรันด้วยทำความเคารพ  "ท่านสุภาพบุรุษโปรดเดินตามมานิซัสไป  ส่วนท่านสุภาพสตรีโปรดเดินตามฟูกิซัสไป  แล้วเราจะไปเจอกันที่สวนหลังคฤหาสน์ในตอนพลบค่ำโปรดแต่งกายด้วยชุดที่เหมาะสมแล้วในงานจะมีการเต้นรำด้วยนะครับ  เวลานี้ขอให้พักผ่อนก่อนเถิด"

                      เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อถ้าหากว่าจะมาเดินคนเดียวในคฤหาสน์แห่งนี้โดยไม่มีผู้นำคงต้องหลงทางกันแน่ๆเพราะนาเดียคงไม่มีปัญญาจะจำทุกส่วนของที่นี่ได้หมดหรอก  เมื่อมาถึงที่พักทุกคนก็ต้องตกตะลึง  ถึงเจอร์รี่จะเคยมาแล้วครั้งหนึ่งแต่เธอก็อดตื่นตะลึงไม่ได้

                      "เมื่อพลบค่ำผมจะมาตามพวกคุณไปงานเลี้ยงนะครับ"  ฟูกิซัสเอ่ยก่อนจะโค้งเคารพแล้วเดินออกไป

                      "เขามารยาทดีจัง"  วอร์ช่าพูด

                      "ทีนี้หรูมากๆเลยนะเนี่ย"  คีตาร์พูดหลังจากที่เธอเดินสำรวจ

                      "เอาล่ะมีเตียงอยู่ 3 เตียงใครจะนอนกับใคร"  เจอร์รี่ถาม

                      "ฉันขอนอนคนเดียว"  แน่นอนประโยคนี้เป็นของคีตาร์

                      "โอเค  งั้นเจอร์รี่นอนกับแชมพู  วอร์ช่านอนกับฉันโอเคม่ะ"

                      "ไม่มีข้อโต้เถียง"  ทุกคนพร้อมใจกันพูด

                      "งั้นไปอาบน้ำกันดีกว่า"  เจอร์รี่พูด  "วันนี้ฉัน  แชมพู  และนาเดียต้องช่วยกันแปลงโฉมสาวๆกันหน่อย"

                      "ฉันรู้สึกว่าท่าจะไม่ดีซะแล้ว"  วอร์ช่าหันไปพูดกันคีตาร์ที่มีสีหน้าเดียวกัน  "เห็นด้วย"

                      ในงานเลี้ยงที่สวนหลังคฤหาสน์วอเลนส์หนุ่มกำลังเพลิดเพลินกับอาหารเลิศรสที่วางอยู่บนโต๊ะยาวมีผ้าปูสีขาวสะอาด  การจัดโต๊ะมีการจัดแบบเหลือที่ไว้ตรงกลางสำหรับเต้นรำ มีเวทีไม่ใหญ่มากตั้งอยู่ด้วย  แม้ภายนอกหิมะจะตกหนักแต่ที่ๆพวกเขายืนอยู่เมดาโบรันได้เสกโดมใสมาครอบพื้นที่ในงานไว้  ทำให้พื้นที่ในงานอุ่นอยู่ตลอด  แต่คนที่ไม่มีเวลาสังสรรค์กับพวกเขาก็คือ  พอล  นั่นเอง  เพราะเขาต้องต้อนรับแขกที่มางาน

                      "เมื่อไหร่ยัยพวกนั้นจะมาซะที"  อเล็กซ์พูด  "แต่งตัวนานอย่างกับจะไปงานกษัตริย์ที่ไหน"

                      "เอออเล็กซ์  ก็นี่แหละงานกษัตริย์"  โทนี่บอก  ทำเอาเขาหน้าแตกเลยที่เดียวเรียกเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนๆได้เป็นอย่างดี

                      "ก็ได้ๆฉันผิดแต่พวกนั้นคงเดินหลงทางกันแหงเลย" 

                      "ขอโทษย่ะที่ทำให้รอกันนานแสนนาน"  เจอร์รี่ปรากฏตัวอยู่ข้างอเล็กซ์ทำเอาเขาตกใจจนรีบหันกลับไปมอง  วันนี้เจอร์รี่อยู่ในชุดราตรีสีแดงยาว  แชมพูอยู่ในชุดสีม่วงอ่อน  ส่วนคีตาร์และวอร์ช่าอยู่ในชุดราตรีสีขาวแต่สีหน้าของพวกเธอดูไม่มีความสุขเท่าไหร่เพราะในห้องพวกเธอถูกเจอร์รี่กับแชมพูจับแต่งตัวแบบสุดๆ  และสุดท้ายคือ  นาเดียเธออยู่ในชุดกระโปรงสีชมพูยาวถึงขา  มีผ้าคลุมไหล่สีเงินประกายเพชร  การปรากฏตัวของทั้งห้าสาวทำเอาพวกเพื่อนผู้ชายไม่เว้นแต่      เฟริสตกตะลึงรวมทั้งแขกในงานด้วย

                      "พวกนายจ้องพวกฉันนานไปเลยย่ะ"  เจอร์รี่พูด

                      "เอาล่ะครับทุกท่าน"  เมดาโบรันเอ่ยบนเวที  "ขณะนี้แขกที่มาในงานได้ครบแล้วขอให้ทุกท่านหาคู่เต้นรำกันนะครับ"  เมื่อเขาพูดจบเสียงดนตรีได้ดังขึ้น  แขกแต่ละคนได้หาคู่เต้นรำกัน  และมีแขกบางคนมาขอเจอร์รี่เต้นรำด้วย  แต่เธอตอบกลับไปว่า

                      "ขอโทษค่ะ  ดิฉันมีคู่แล้ว"  แล้วเธอก็ดึงแขนอเล็กซ์ออกไปที่ฟลอเต้นรำทันที  สร้างความแปลกใจให้เด็กหนุ่มไม่น้อย  เป็นไปอย่างที่คาดกัน  แชมพูได้เต้นกับโทนี่  วอร์ช่าได้เต้นกับพอล   คีตาร์ได้เต้นกับโนอาร์  และนาเดียได้เต้นคู่กับ

                      "เธอขอฉันเต้นรำหรอ"  นาเดียพูดอย่างแปลกใจปนดีใจ  เมื่อเธอเห็นเฟริสเดินมาแตะไหล่เธอแล้วผายมือไปยังฟลอเต้นรำ  ซึ่งเธอก็พอรู้ความหมาย 

                      "ขอบคุณจ๊ะ"  ว่าแล้วเธอก็เดินจับมือกับเฟริสไปตรงกลางฟลอเต้นรำแล้วเต้นรำด้วยกัน  เฟริสสังเกตเห็นว่านาเดียเต้นเก่งไม่น้อยแถมลีลาเธอยังพริ้วไปตามเพลงอีกด้วย  นั่นยิ่งทำให้เขานึกถึงนางฟ้าในเทพนิยาย  เพราะเธอไม่ต่างอะไรจากนางฟ้าเลย  ขณะที่แขกในงานกำลังเต้นรำอยู่นั้นก็มีผู้ที่ไม่มีคู่เต้นเหมือนกันอย่าเช่นสามหนุ่มพวกนี้

                      "ทำไมเราต้องไม่มีคู่ทุกทีเลย"  โฮการ์ดบ่น  ทันใดนั้นก็มีสองสาวกำลังเดินเข้ามาทางพวกเขา  โอการ์ดยืดตัวสุดๆแต่แล้วพวกเธอก็เดินมาถึงที่พวกเขาก่อนจะพูดว่า

                      "เต้นรำกันไหมจ๊ะ"  สองสาวพูดพร้อมกันก่อนจะดันตัวบิลลี่กับโทเป้ไปยังฟลอเต้นรำ  นั่นทำให้โฮการ์ดเสียหน้าทันทีก่อนจะพึมพำกับตัวเองเบาๆว่า  "ฉันขอย้ำคำเดิม  ทำไมเราไม่มีคู่เต้นรำเหมือนเขาทุกทีเลย"

                      เมื่อเวลาผ่านไปจนเกือบถึงเที่ยงคืน  เสียงเพลงได้ค่อยเบาลงจรเงียบสนิท  แล้วเมดาโบรันได้ขึ้นมาบนเวที

                      "ขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่ได้สละเวลามาในงานวันนี้  วันคริสต์มาสเป็นวันที่เราจะได้แบ่งปันความทุกข์ให้กับทุกคนไม่ใช่เฉพาะกับพ่อแม่แต่และสหายญาติมิตร  แต่เป็นการแบ่งปันความสุขให้กับเพื่อนทั้งโลก  ฉะนั้นวันนี้เป็นเวลาที่ดีที่กระผมจะบอกคำว่า  เมอรี่คริสต์มาสครับ"  เมื่อเมดาโบรันพูดจบได้มีพลุหลากหลายสีจุดขึ้นทั่วท้องฟ้าในออโรลา  สีสันของมันดูสวยแปลกตาจนแขกในงานไม่อาจละสายตาได้  และพลุอันสุดท้ายได้จุดขึ้น  และเมื่อมันระเบิดก็เกิดเป็นเกล็ดดาวเรียงตัวกันเรียงเป็นคำว่า   Marry  Chrismas  อย่างสวย

      งามบนท้องฟ้า

                      "เอ้า  เมอรี่คริสต์มาส"  เจอร์รี่พูดกับอเล็กซ์พลางส่งกล่องของขวัญสีเหลืองให้เขา 

                      "มีระเบิดรึป่าวเนี่ย"

                      "ไม่มีหรอกย่ะ"

                      "ฉันแค่พูดเล่น เอ้า!"  อเล็กซ์ส่งของขวัญกล่องสีชมพูให้เจอร์รี่  "เมอร์รี่คริสต์มาส"

                      และมีอีกหลายๆคู่ที่นำของขวัญออกมามอบให้กัน  (ขนาดโทเป้ยังได้เลย)  แต่จะมีคู่ไหนที่เพื่อนๆจะต้องตกใจเท่ากับคู่นี้

                      "เฟริส"  นาเดียพูดอย่างเขินอายซึ่งเฟริสก็หันมามองเธอ  "หนะนี่ของขวัญ"  เธอพูดพร้อมกับส่งส่งกล่องของขวัญสีครีมให้เขา  "เมอรี่คริสต์มาสนะ"   นั้นไม่ทำให้เพื่อนๆแปลกใจเท่าไหร่แต่ตอนนี้พวกเขาต้องเปลกใจแล้วเมื่อเฟริสกดเรียกกล่องของขวัญสีชมพูจากนาฬิกาแล้วส่งให้เธอ  ก่อนจะก้มลงไปใกล้หน้าเธอก่อนที่เฟริสจะพูดคำว่า  "เมอร์รี่คริสต์มาส"  แล้วหอมแก้มเธออย่างรวดเร็วจนเธอหน้าแดงจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว

                      เมื่อกลับมาที่ห้องแน่นอนก็ต้องเกิดการคุยกันอย่างพวกนกกระจอกแตกรังอยู่แล้ว  ยิ่งเรื่องของเฟริสกับนาเดียพวกเธอยิ่งคุยกันอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน

                      "ไม่น่าเชื่อว่าเฟริสเปิดปากพูด"  เจอร์รี่พูด  "ตั้งแต่ฉันเป็นเพื่อนกับเขามาฉันยังไม่เคยได้ยินเขาพูดซักคำเลย  คนที่เขาพูดด้วยต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว  แต่กรณีของเธอมันถือว่าประหลาดสุดๆยิ่งเขาก้มลงหอมแก้มเธออีก  ไม่อยากเชื่อเล้ยว่ามันจะเกิดขึ้น  เธอต้องเป็นผู้หญิงที่ดวงดีแบบสุดๆเลยรู้มั้ย  เฟริสต้องตกหลุมรักเธอแน่ๆเลย"  เจอร์รี่เดินไปเดินมา  ปากก็พูดไม่หยุด  เพื่อนที่นั่งฟังก็พลอยคิดไปว่า  เธอเป็นคนโดนเองหรือไงถึงพูดได้ขนาดเนี่ย  ส่วนทางนาเดียไม่ต้องพูดถึงเธอนั่งอยู่บนเตียงนั่งจ้องของขวัญของเฟริสอยู่นานแล้ว  จนวอร์ช่าหันมาแซวเป็นระยะๆนั่นทำให้เธอยิ่งหน้ามากขึ้นกว่าเดิม

                      วันคริสต์มาสผ่านไปอย่างรวดเร็วจนพวกเขาเพิ่งนึกว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ไม่ทันไรก็เดือนมกราแล้ว (เร็วเหมือนโกหกเลย) แล้วเดือนนี้พวกเขาก็ต้องไปงานศิษย์เก่าที่ไวท์โรด  และงานนี้ต้องหาคู่ไปด้วยจะเป็นศิษย์หรือไม่ก็ได้แค่ให้มีแล้วกัน  และแน่นอนคู่ที่เฟริสเลือกก็ต้องเป็นนาเดียอยู่แล้ว  เมื่อถึงวันนั้นทุกคนต่างแต่งกายในชุดที่สุภาพแล้วมายืนร่วมกับผู้ที่จะไปไวท์โรด  ผ่านไปสักครู่เครื่องบินของไวท์โรดก็มารับพวกเขา  เมื่อทุกคนขึ้นครบแล้วยานออกเดินทางสู่ท้องฟ้าและมาถึงไวท์โรดอย่างปลอดภัย  ที่นั่นเขาได้เจอกับเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันตั้งนาน  เมื่อพวกเขาเข้าไปในสถานที่จัดงานก็ต้องตกใจเพราะที่นั่นไม่มีอะไรเลยนอกจากความว่างเปล่าและมีแค่เวทีขนาดใหญ่ตั้งอยู่  เมื่อทุกคนเข้ามากันครบอาคีดีมัสก็ก้าวขึ้นบนเวทีแล้วกล่าวอะไรบางอย่าง

                      "สวัดดีนักเรียนศิษย์เก่าไวท์โรดทุกคน  วันนี้เราได้มาร่วมตัวกันพบปะสังสรรค์กับอีกครั้งถือว่าเป็นฤกษ์งานยามดีมาก  ตลอดเวลาที่พวกเธอจากบ้านหลังนี้ไปไม่มีวันไหนที่ครูจะไม่เป็นห่วงพวกเธอ  แต่เวลานี้พวกเธอได้มารวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้งก็ขอให้พวกเธอมีความสุข  และจำไว้เมื่อใดที่พวกเธอมีปัญหาสามารถกลับมาได้ทุกเวลา  บ้านหลังนี้ยังคอยให้ที่พักพิงและกำลังใจพวกเธอเสมอ  และตอนนี้ครูว่าพวกเธอคงหิวแล้วขอเชิญทุกคนรับประทานอาหารกันได้แล้ว"  เมื่ออาคีดีมัสพูดจบเขาก็กดปุ่มบนนาฬิกาทันใดนั้นโต๊ะอาหารก็ปรากฏขึ้นจากพื้นพร้อมกัยกลิ่นอาหารที่หอมฉุยน่ารับประทาน  ยังไม่ทันทีอาคีดีมัสจะบอกทุกคนก็ตรงไปยังโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว

                      "ว้าว!!  มีแต่น่ากินๆทั้งนั้นเลย"  โทนี่พูด  "ไม่เกรงใจแล้วน้า"

                      เมื่อเวลาผ่านไปราว  2  ชั่วโมง  ไฟในห้องจัดงานได้ดับลงเหลือไฟสปอตไลต์ที่ยังส่องอยู่ที่เวทีเหมือนเดิม  แล้วบนเวทีมีอาคีดีมัสยืนอยู่อีกด้วย!?

                      "เอาล่ะนะทุกคนในเมื่อพวกเธอได้มาพร้อมหน้าพร้อมตากันดีแล้วครูมีเกมสนุกๆมาให้ทุกคนได้เล่นกัน  กติกามีอยู่ว่า  เมื่อครูบอกว่าเริ่มเกมได้จะมีการสุ่มผู้เล่นเกมมา  5  คู่เมื่อสปอตไลต์ส่องไปที่ใครคนๆนั้นจะต้องออกมาเล่นเกมที่เวทีแห่งนี้  โดยจะมีการสุ่มกิจกรรมให้ทำดังนี้  มีวิดพื้น  แสดงการขอแต่งงาน  วิ่งรอบโรงเรียน  และสุดท้ายที่เด็ดสุด  คือ  จุมพิต"  อาคีดีมัสกล่าวซึ่งนักเรียนก็คุยกันดังห้องจัดงาน

                      "เอาล่ะเริ่มเกมได้!"  แสงสปอตไลต์ส่องไปทุกที่ของห้องจัดงานท่ามกลางความลุ้นระทึกของนักเรียนศิษย์เก่าไวท์โรดและผลที่ออกมาก็คือ.....

              พรึบ!?

      แสงสปอตไลต์หยุดอยู่ตรงคู่ของแต่ละคนซึ่งหนึ่งในนั้นดันมีเฟริสรวมอยู่ด้วย

                      "ขอเชิญตัวแทนขึ้นมาบนเวทีด้วยนะครับ"  อาคีดีมัสกล่าวเมื่อทุกคนอยู่บนเวทีจนครบแล้วก็ได้มีการสุ่มกิจกรรมให้ทำ  คู่แรกผลออกมาน่าตกใจมาก  พวกเขาได้วิ่งรอบโรงเรียน  คู่สองสามสี่ต่อๆมาขอไม่มีคู่ไหนได้ที่ดีๆซักอันจนมาถึงคู่ของเฟริสกับนาเดียที่เป็นคู่สุดท้าย  ซึ่งที่ทั้งคู่ได้ก็คือ

                      จุมพิต

      ทุกคนได้ส่งเสียงกรี๊ดกันยกใหญ่โดยเฉพาะผู้หญิงจนห้องจัดงานเลี้ยงอาจจะกลายเป็นงานคอนเสิร์ตในเร็วๆนี้  ส่วนนาเดียที่ยืนอยู่บนเวทีอายจนไม่กล้าจะขยับแล้ว  อาคีดีมัสจึงได้กล่าวขึ้น

      "เฟริสเธอทำได้ไหมถ้าไม่ได้ก็............." 

      สิ่งที่ทุกคนเห็นอยู่ตรงหน้าแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง  ขนาดพวกเพื่อนๆเขายังยังต้องตะลึงจนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้  ก็จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงล่ะเมื่อภาพที่อยู่ตรงหน้าคือ  เฟริส  และ  นาเดีย  กำลังจูบกัน  ย้อนกลับไปใหม่ตอนที่อาคีดีมัสกำลังพูด  เฟริสรีบถึงแขนนาเดียมามาสู่อ้อมกอดของเขาแล้วประทับริมฝีปากของเขาไว้กับเธอทันที  เพื่อนที่อยู่ข้างล่างได้แต่อึ้งรับประทานกันเป็นแถบ  เมื่อเฟริสได้ถอนปากออกจอกนาเดียเขาก็ได้นั่งท่าคุกเข่าและจับมือข้างซ้ายของนาเดียก่อนจะพูดว่า 

      "เราเป็นแฟนกันนะ"  เพียงคำพูดแค่นั้นจากปากเฟริสทำให้กระตุ๊กต่อมกรี๊ดสาวทั้งหมดได้และทำให้นาเดียที่อยู่ในอาการตะลึงได้แต่ยืนยิ้ม

      "ถ้าเธอมีรักที่มั่นคงต่อฉัน  แล้วทำไมฉันต้องปฏิเสธล่ะ"  เธอพูด  นั่นทำให้เฟริสยิ้มอย่างมีความสุขที่สุดกอดทั้งคู่จะกอดกันกลมที่เวทีแห่งนั้น  ทุกคนพร้อมใจกันปรบมือให้ทั้งคู่อย่างตื้นตันใจ  เฟริสและนาเดียหันมามองหน้ากันก่อนจะยิ้มและโบกมือให้กับเพื่อนๆ  ก่อนที่เพดานของสถานที่จะเปิดออกเศษกระดาษเหลี่ยมหลายหมื่นพันชิ้นร่วงกรูลงมาจนสวยงามทั้งสถานที่เหมือนอวยพรให้ความรักของทั้งคู่ยืนยงนานตลอดกาล

                     

                     

                     

                     

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×