เดอะไวท์โรด ตอน รักครั้งแรกของเจ้าชายน้ำแข็ง
ในเดอะไวท์โรด เฟริสซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเจ้าชายน้ำแข็งไม่เคยมีใครทำให้น้ำแข็งละเลยได้ซักคนจนมาเจอสาวคนนี้
ผู้เข้าชมรวม
1,488
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
หลายคนที่อ่านเดอะ ไวท์โรด ของ ดร. ป๊อป คงสงสัยกันว่า เด็กชายที่ชื่อ " เฟริส ซีเบอตัน" เคยมีความรักกะเขาบ้างรึเปล่า เพราะชื่อที่ถูกขนานนามว่า เจ้าชายน้ำแข็ง จึงยังไม่เคยมีใครทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มคนนี้ละลายได้ซักที แต่มาตอนนี้ที่ทุกท่านกำลังจะได้อ่านเป็นความรักของเฟริสที่มีต่อเด็กผู้หญิงคนนี้ แล้วทุกท่านที่อ่านเรื่องนี้ก็จะได้อ่านถึงการที่เฟริสได้พูดเป็นครั้งแรก ว้าว ! พระเจ้าไม่อยากจะเชื่อเลย ก็ขอให้ทุกท่านสนุกกับเรื่องนี้นะคะ ( ชื่อของนางเอกเป็นชื่อสมมุติไม่มีในไวท์โรดขอให้ผู้อ่านโปรดอย่าเข้าใจผิด )
ถ้าพูดคนที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่มของวีรบุรุษของโลกแล้วก็คงหนีไม่พ้นพอล เอลแกน แต่ก็มีอีกคนที่โดดเด่นเหมือนกันไม่แพ้พอล คนที่ถูกเชิญชวนให้ไปถ่ายแบบลงหน้าปกของนิตยสารดังในโลกอากาเซีย คนที่ถูกพ่อและแม่นำเอาใบหน้าอันหล่อเหลาของลูกชายไปลงกับหน้าปัดของนาฬิกาซีแมกซ์ยี่ห้อ F- EN ใช่แล้วคนนั้นเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เฟริส ซีเบอตัน ตั้งแต่พวกเพื่อนๆรู้จักเขามาแน่นอนยังไม่มีใครได้ยินเสียงเฟริสพูดซักครั้ง ( พ่อแม่ของเฟริสอาจจะไม่เคยได้ยินเสียงลูกตัวเองด้วยซ้ำ ) แต่ความที่เขาเป็นคนเงียบขรึมอย่างนี้ก็ทำให้สาวๆเกือบครึ่งห้องกรี๊ดสลบลงได้ภายใน 3 นาที ขณะนี้พวกเขากำลังเดินออกจากห้องเรียนของวิชากฎหมายด้วยสีหน้ายินดีเป็นที่สุด เพราะอะไรหนะหรอ เพราะวิชานี้เป็นวิชาสุดท้ายที่พวกเขาจะเรียนวันนี้ และแน่นอนที่ที่พวกเขาจะไปกันนั้นก็คือ ซีมูเลชั่นสปีด
"ที่นี้แหละฉันจะไปแก้แค้นเจ้าไวเปอร์ตัวนั้นให้ได้" โทนี่พูด จะไม่ให้เขาโกรธได้ยังไง
ก็เมื่อวานนี้พอเขากำลังออกจากเกมก็ถูกไวเปอร์จัดการเลย ตัวเดียวไหวพออยู่หรอกแต่นี้มันมาเป็น 30-40 ตัว เงี่ยเผ่นลูกเดียว
"เออแก้แค้นไปคนเดียวเถอะ เดี๋ยวนี้ฉันชักไม่อยากยุ่งกับมันแล้วตั้งแต่มีระบบใหม่" อเล็กซ์พูด เพราะตั้งแต่มีระบบใหม่ซึ่งทำให้มอนสเตอร์ที่เคยอยู่ตัวเดียวกลับมีเพื่อนมาด้วยไม่ต่ำกว่า 4-5 ตัว
ตุ๊บ! อุ๊ย!ขอโทษด้วยคะ
ขณะที่พวกเขากำลังเดินคุยกันอยู่ก็มีผู้หญิงเดินมีชนเฟริสอย่างจังๆ แม้ว่าเฟริสเคยโดนเดินชนหลายครั้งทั้งที่เจตนาแต่เขาก็รู้ว่าครั้งนี้เป็นการเดินชนแบบไม่ได้เจตนาซะแล้ว "ขอบคุณมากคะ" เธอพูดแล้วรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
"เอ๊ รู้สึกว่าฉันเคยเจอคนนั้นมาก่อนนะ" เจอร์รี่พูดแล้วทำท่านึกคิด "แต่จำไม่ได้อ่ะเห็นหน้าไม่ค่อยชัด" เธอพูดพลางส่ายหน้า
"ฉันว่าคนที่ยัยนั่นรู้จักต้องไม่ธรรมดาแน่" อเล็กซ์หันไปกระซิบกับโทนี่อย่างแผ่วเบา โทนี่พยักหน้าเห็นด้วยเมื่อมองไปทางเฟริสก็ได้เห็นสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ หน้าของเฟริสที่เป็นคนที่เย็นชาแต่ตอนนี้กำลังยิ้มอย่างมีความสุขจนโทนี่รู้สึกว่าเป็นเรื่องประหลาดมาก เขาเคยเห็นเฟริสยิ้มอยู่หรอกนะแต่ยิ้มเมื่อกี้นี้อยากจะบอกว่าประหลาดสุดๆเหมือนกับเห็นสุนัขกำลังออกลูกเป็นหมูเลย แต่เมื่อเฟริสเห็นโทนี่กำลังมองมาที่เขา เขาก็หุบยิ้มทันที อเล็กซ์เห็นโทนี่เอาแต่มองเฟริสเขาจึงตีแขนโทนี่
"โอ๊ย!! นายตีฉันทำไม" โทนี่หันมาตวาดอเล็กซ์
"ก็ฉันเห็นนายมองแต่ทางเฟริสน่ะสิ" อเล็กซ์เอ่ย "หรือว่าแอบชอบเฟริสอยู่ อ๊าก!ฉันมีเพื่อนเป็นเกหรอเนี่ย"
"นายจะบ้าหรอไง!!!!!"
"ล้อเล่นน่า"
เมื่อหลายนาทีที่แล้วเขาควรจะอยู่ที่ซีมูเลชั่นสปีดแต่ตอนนี้พวกเขาต้องกลับมานั่งอยู่ในร้านที่เจอร์รี่พามา ( เพราะอะไรน่ะหรือก็เพราะมีผู้เล่นใช่ระเบิดทำลายล้างสูงทีเดียว 10 ลูกระบบเลยเจ๊งเลย ) แค่ชื่อร้านก็ทำเอาขนลุกแล้ว ร้านที่เจอร์รี่พามานั้นเป็นร้านชื่อ " In Love "
ภายในร้านถูกตกแต่งด้วยโทนสีชมพูเป็นหลัก ตรงกลางมีลานน้ำพุที่ทำจากแก้วคริสตัลใส น้ำต่างๆหลากสีสันพุ่งออกมาจากปากของโลมาตัวสีชมพูและสีฟ้าที่หันหน้าเข้าหากัน ทำให้บรรยากาศในร้านเปลี่ยนเป็นหวานแหววทันที
"จะรับอะไรดีค่ะ" พนักงานเสริฟเดินเข้ามาถามโต๊ะพวกเขา เธออยู่ในชุดสีชมพู่ลายเกล็ดหิมะยาวเท่าเข่า กลางหลังยังมีโบว์อันใหญ่สีแดงติดอยู่ตรงเอวแถมกลางหลังยังมีปีกนางฟ้าสีขาวอันเล็กๆติดอยู่ บวกกับหน้าตาสักประมาณไม่เกินสามสิบไม่แปลกที่เฟริสจะสังเกตว่าเธอเป็นพนักงานที่สวดที่สุดในร้านนี้
"เอาราสเบอร์รี่ปั่นโรยเกล็ดหิมะค่ะ" เจอร์รี่บอกพนักงานซึ่งเธอก็กดปุ่มที่เครื่องที่เธอถือมาครั้งหนึ่ง
"ฉันเอาด้วย" แชมพูบอก
"งั้นฉันเอาคาปูชิโนช๊อก"
"ฉันเอาน้ำแอปเปิ้ลเขียวผสมคอกเทล"
"ฉันด้วยดิ"
"ขอไอซี่คูลด้วยครับ"
"ฉันเอาน้ำเปล่า"
"นี่! มาดื่มทั้งที่ให้คุ้มหน่อยดิ"
"แล้วมันผิดไหมล่ะ"
และตามมาด้วยอีกหลายเสียงซึ่งพนักงานกดปุ่มเมนูอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่นาทีเครื่องดื่มทั้งหมดก็มาวางตรงหน้าพวกเขาแล้ว
"คือว่าปิดเทอมคริสต์มาสปีนี้เราไปเที่ยวคฤหาสน์วอเลนส์กันดีไหม" พอลเสนอความคิดเพราะเขาก็อยากให้เพื่อนๆมาเที่ยวบ้านเขาบ้าง ( ย้ำว่า บ้าน ) "มาลาไจน์อนุญาตให้ไปได้"
"เป็นความคิดที่สุดยอดไปเลย ฉันอยากไปที่นั่นอีกซักรอบ" เจอร์รี่พูด "ที่นั้นมีแต่หนุ่มหล่อเต็มไปหมดเลย" และนั้นเป็นสาเหตุที่เธออยากไป
"จริงหรอเจอร์รี่ ว้าว! อยากไปจัง" แชมพูพูด "เออ พอลจ๊ะฉันพาเพื่อนไปอีกคนได้มั้ย"
"ได้สิ แล้วเพื่อนเธอคนนั้นเป็นใครหรอ" พอลถามพลางตักน้ำในแก้วเข้าปาก
"เป็นเพื่อนนางแบบฉันเอง พรุ่งนี้เธอจะย้ายมาอยู่สาขาพวกเธอนั้นแหละ"
"ว้าวผู้หญิงชอบบู๊ ไม่ธรรมดาซะแล้ว" อเล็กซ์พูดด้วยสีหน้าแฝงไปด้วยความเจ้าชู้
"ประสาท" วอร์ช่าพูดออกมาลอยๆ
เฟริสที่นั่งดูดน้ำอยู่เงียบๆแต่ภายในใจลึกๆนั้นกำลังนึกถึงคนที่เดินชนเขาอยู่ ผมสีเหลืองทองพริ้วไสว ตาสีฟ้าดวงโตเข้ากับทุกส่วนบนใบหน้าตั้งแต่จมูกที่โด่งได้รูปกับริมฝีปากสีชมพูเรียวเล็ก และผิวที่ขาวผ่องนวลราวกับนางฟ้า เพื่อนๆของเขาอาจมองไม่เห็นเหมือนเขาเพราะเขาเป็นคนที่ก้มลงเก็บหนังสือให้เธอแล้วได้สบตากันพอดี บ้าน่าตอนนี้เขาคิดอะไรอยู่ ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่เผอิญเดินมาชนเขาแค่นั้นเอง เขาพยายามสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นออกไปแต่ภาพของเธอนั้นก็ไม่ยอมหายสักที จนเป็นที่สังเกตของเพื่อนๆ เพราะเฟริสไม่เคยแสดงอาการอย่างนี้
"เฟริส" บิลลี่ที่นั่งอยู่ใกล้ๆเรียกเขา แต่เขาก็ยังเหม่อ
"เฟริส" คราวนี้บิลลี่เอามือจับไหล่เขาแล้วเขย่าน้อยๆ แต่ผลก็ยังเหมือนเดิม และในที่สุด
เฮ้ย!? เฟริส
เฮือก!!!!
เฟริสที่อยู่ในอาการเหม่อลอยกลับมามีสติอีกครั้ง รอบตัวเขามีแต่เพื่อนๆที่หันหน้ามามองเขาด้วยสายตาที่สงสัยเป็นที่สุด และเฟริสก็กำลังนั่งงงว่า เพื่อนๆมองเขาทำไม ?
"นายเป็นไรป่าวเห็นนั่งเหม่อตั้งนาน" โฮการ์ดถาม แต่เฟริสได้แต่ส่ายหน้า
"คุณเฟริสครับ พวกเราจะไปเยี่ยมบ้านคุณพอลกันคุณไปด้วยไหมครับ" โทเป้พูด แน่นอนวันนี้เขาก็เน้นโทนขาวเหมือนทุกๆวัน เฟริสก็พยักหน้าพร้อมยิ้มน้อยๆให้ ทำให้เพื่อนทำหมดห่วงกันไปได้
วันรุ่งขึ้นเมื่อพวกเขามาถึงมหาลัยแล้ววิชาแรกที่เรียนคือวิชาของอาจารย์เครก และไม่แปลกที่จะได้ยินเสียงอันน่ารำคาญของริกกี้ดังมาแต่ไกล ตอนนี้อเล็กซ์กับโทนี่กำลังคุยกันเรื่องเพื่อนคนใหม่กันอยู่อย่างถึงพริกถึงขิง
"คนที่เป็นเพื่อนกับแชมพูนายว่าน่าจะเป็นคนยังไง" โทนี่ถาม
"ไอ้เรื่องแบบเนี่ยนะนายก็คอยสังเกตเอาเองตอนที่เขาเข้ามาดิ" อเล็กซ์ตอบ
"นี่พวกเราถ้าเขามาแล้วเราก็ชวนเข้ากลุ่มเลยสิ พวกนายว่าดีมั้ย" วอร์ช่าพูด
"น่าจะดีนะ เพราะเขาอาจจะไม่มีเพื่อนก็ได้"
"โอเคตกลงตามนี้" พอลพูด "เพราะไหนๆเธอก็จะได้ไปเที่ยวกับพวกเราอยู่"
"นักเรียนเงียบๆกันหน่อย" เครกเดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดีเหมือนเดิม เสียงของนักเรียนก็ค่อยๆซาลงจนทั้งห้องเงียบกริบ แต่ที่นักเรียนสงสัยกันที่สุดก็คงเป็นเด็กผู้หญิงที่ยินอยู่หน้าห้อง ซึ่งเครกก็พอเดาอารมณ์ของนักเรียนออก
"วันนี้มีเพื่อนใหม่ที่จะมาเรียนกับเรา ช่วยกันตอนรับเพื่อนใหม่หน่อยเร็ว" แล้วเสียงปรบมือก็ดังกระหึ่มทั่วห้องเมื่อนักเรียนใหม่เดินเขามา ผมสีเหลืองทองพลิ้วไปตามลมของเครื่องปรับอากาศในห้อง ตาสีฟ้าโตกับจมูกที่โด่งได้รูปช่วยเพิ่มให้ตัวเธอเพิ่มความน่ารักเข้าไปอีก เสียงเชิ้ตแขนยาวสีขาวตรงกลางปักด้ายด้ายสีชมพูระยิบระยับว่า In My Heart
เด่นอยู่ตรงกลางบวกกับกระโปรงยาวถึงเข่าสีบานเย็นทำให้เธอดูเพอเฟ็กมากๆ ไม่แปลกที่เมื่อเธอเดินเข้ามาในห้องนักเรียนทั้งห้องต่างพากันมองไปตามๆกัน และหนึ่งในนั้นก็คืนเฟริสซึ่งเขาแน่ใจแล้วว่า ผู้หญิงคนนี้กับคนที่เดินชนกับเขาเป็นคนคนเดียวกัน
"โคตรน่ารักเลยวะ" โฮการ์ดพูด
"ตามธรรมเนียมเมื่อมีนักเรียนมาใหม่ก็ต้องแนะนำกันหน่อย" เครกบอกพร้อมผายมือให้เธอ "เชิญครับคนสวย" แล้วตอนนี้เธอก็มายืนอยู่กลางห้องพร้อมกับไมโครโฟน
"สวัสดีค่ะเพื่อนๆคณะอาร์ทพาว" เพียงคำพูดคำแรกก็ทำเอาทั้งห้องตกอยู่ในภวังค์ได้ "ฉันชื่อ นาเดีย โรเวร่า ยินที่ได้รู้จักเพื่อนๆทุกคนค่ะ" เธอพูดก่อนที่จะเดินออกไปยืนข้างๆเครก
"เอาล่ะเธอไปหาที่นั่งได้แล้ว มีใครจะให้เพื่อนไปนั่งด้วยมั้ย" เพียงแค่เครกพูดแค่นั้นมือทั้งห้องก็พร้อมใจกันยกขึ้นเหมือนกับนัดแนะมา เครกได้แต่ยิ้มแห้ง แต่สายตาของนาเดียเหลือบไปเห็นเพื่อนเก่ายกมืออยู่เธอจึงเดินขึ้นไปหา และเพื่อนที่เธอไปหานั้นนั่นก็คือ วอร์ช่านั่นเอง
"ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะได้เจอเธอที่นี่" นาเดียพูดพร้อมรอยยิ้มให้วอร์ช่า "ตั้งแต่ม. 4 แล้วสินะที่เราไม่ได้เจอกันเลย คิดถึงเธอจัง"
"ฉันนึกว่าเธอจะย้ายไปเรียนเอพริเครดซะอีก" วอร์ช่าเอ่ย และแน่นอนว่าทั้งคาบพวกเขาไม่ได้เรียนกันเลยเพราะวอร์ช่ามัวแต่เล่าประวัติความเป็นมาของนาเดียกับเธอ เฟริสที่นั่งมองอยู่เพิ่งรู้ว่านาเดียเป็นนางแบบถ่ายนิตรยสารดังหลายที่เล่ม ซึ่งเธอก็ดังไม่แพ้เจอร์รี่เลย และเหตุลที่เธอรู้จักวอร์ช่าเพราะว่า เธอเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ม. หนึ่ง แต่เมื่อถึงม. สี่เธอก็ต้องหยุดเรียนเพราะมีงานหลายแห่งที่เธอจัดไว้ไม่ทัน เธอจึงต้องย้ายโรงเรียนไปเรียนที่เอพริเครดซึ่งอยู่ใกล้บ้านเธอเพื่อจะได้สะดวกยิ่งขึ้นต่อมาวอร์ช่าก็แนะนำให้รู้จักเพื่อนของเธอ ส่วนอเล็กซ์กับโทนี่ก็หน้าแดงเถือกเวลาเธพูดด้วย แต่บุคคลที่เธอสนใจมากที่สุดคือ
"ยินดีที่ได้รู้จักนะเฟริส" นาเดียพูดพร้อมยื่นมือมาโดยให้เขาจับ แต่ทั้งคู่รู้สึกจะจับมือกันนานเหลือเกินจนเพื่อนๆต้องส่งเสียง "อะแฮ่ม" ทั้งสองจึงรีบปล่อยมือด้วยสีหน้าที่แดงยิ่งกว่ามะเขือเทศซะอีก ซึ่งเพื่อนๆก็ส่งเสียงหัวเราะกัน
"ตกลงเธอจะไปเที่ยวกับพวกเราด้วยใช่ไหม" พอลถาม
"อืม อยากลองไปเหมือนกันนะเพราะฉันเคยอ่านแต่ในหนังสือ" นาเดียพูด ซึ่งเพื่อนๆก็รู้กันเลยว่า เธอต้องเป็นคนที่ฉลาดมาก ตอนนี้พวกเขาเพิ่งเรียนเสร็จในวันนี้
นาเดีย
แชมพูป้องปากตะโกนเรียกมาแต่ไกล นั้นไม่ได้ทำให้นาเดียรู้สึกเขินอายเลยสักนิดแถมเธอยังยิ้มรับด้วย ต่างจากคนอื่นที่อยากจะเอาหน้ามุดดินอยู่แล้ว
"ไม่ได้เจอกันตั้งนานสวยขึ้นนะเธอ" แชมพูพูด "แล้วเดี๋ยวนี้งานถ่ายแบบเยอะมั้ย"
"ไม่เยอะแล้วล่ะ"
"แล้วปิดเทอมคริสต์มาสปีนี้เธอจะไปกับเราป่าว" แชมพูถาม
"ไปสิเพื่อนชวนไม่ไปได้ไงล่ะ" เธอตอบพร้อมรอยยิ้ม นั่นทำเอาเฟริสหน้าแดงโดยไม่รู้ตัว
"โอเคงั้นฉันจะบอกมาลาไจน์เอง คืนวันที่ 25 ธันวา ให้ทุกคนไปรวมกันที่ห้องพวกฉันแล้วกัน" พอลพูด
เมื่อกลับมาถึงพวกเขาก็แยกย้ายกันเข้าห้อง ขณะนี้เฟริสกำลังนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าของเด็กสาวกำลังวนเวียนอยู่ในหัวเขา เขาไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับผู้หญิงคนไหน แต่ทำไมเวลาที่เขาเจอผู้หญิงคนนี้เขาต้องหน้าแดงด้วย หรือว่านี่อาจเป็นรักครั้งแรก บ้าน่าจะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง เธอแค่น่ารักจนสะดุดตาแค่นั้นแหละเดี๋ยวก็คงลืมไปเอง เฟริสคิดในใจแล้วพยายามนอนให้หลับแต่ยังไงเขาก็ไม่ยอมหลับ พอหลับตาลงเห็นก็เห็นแต่หน้าเธอ โอ๊ย!นี่เขาเป็นถึงอย่างนี้เลยหรอ ความจริงเธอก็น่ารักดีนะ เฟริสคิด แต่หารู้ไม่ว่าความคิดของเขาดันไปตรงกับคนที่เพิ่งย้ายมาพอดี
คืนวันที่ 25 ผ่านมาถึงอย่างรวดเร็ว ขณะนี้ไวท์ซิตี้ถูกหิมะครอบคลุมทั้งเมืองจนมองไปทางไหนก็มีแต่สีขาว สีขาว แล้วก็ขาว เฟริสเดินออกมาพร้อมกับยิ้มน้อยๆให้กับรูมเมททั้งหลายซึ่งพวกเขาก็พอรู้อยู่ว่าความหมายนั้นหมายถึงอะไร เขาเดินไปยังโต๊ะรับประทานอาหารซึ่งเมนูตอนเช้าที่หุ่นยนต์ซื่อบือทำมาให้น่าทานกว่าทุกวัน เมื่อเขานั่งมันก็จัดแจงเทน้ำส้มคั่นลงในแก้วของเขา แล้วตอนนี้เพื่อนๆกำลังทยอยมาที่นี้เป็นระยะๆ
"พอล เมื่อไรช่องว่างมิติเวลาจะมาซะที" อเล็กซ์ถาม วันนี้เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีเหลืองกับกางเกงยีนต์ก็ดูเท่ไปอีกแบบ
"อีกซักครู่" พอลตอบน้ำเสียงเขาดูรำคาญเต็มทีเพราะอเล็กซ์ถามมาเป็นรอบที่ 8 แล้ว "ช่องว่างมิติไม่ใช่ว่าจะเปิดง่ายๆนะ เราต้องรอโนอาร์ก่อน ใจเย็นไว้น่า" ผ่านไปซักครู่โนอาร์ก็มาถึง อเล็กซ์ดีใจจนออกหน้าออกตาเรียกเสียงหัวเราะของเพื่อนๆได้เป็นอย่างดี เมื่อโนอาร์ทำการเปิดมิติเวลาเสร็จแน่นอนต้อง Lady Farst ก่อนเริ่มจากเจอร์รี่ แชมพู นาเดีย คีตาร์ วอร์ช่า โทเป้ เฟริส โฮการ์ด บิลลี่ อเล็กซ์ โทนี่ โนอาร์ และปิดท้ายด้วยพอล พวกเขาเดินทางมาถึงเมืองพรีดิกซึ่งมีด้าร์และคอลล่ารอพวกเขาอยู่
"ยินดีต้อนรับกลับมาเจ้าชาย" คอลล่าต้อนรับด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นเช่นเคย
"ท่านจะให้ผมเรียกคูรูคูลาให้เลยไหมครับ" มีด้าร์ถาม
"ไม่เป็นไรหรอกครับพวกคุณกลับไปพักผ่อนเถอะ" พอลตอบกลับอย่างสุภาพก่อนจะตะโกนเรียกสัตว์พาหนะของพวกเขามา "คูรูคูล่า!!!" พอลป้องปากตะโกนสุดเสียงทันใดนั้นสัตว์พาหนะเทพแห่งชนเผ่าคลอโรเนียก็ปรากฏกายขึ้น
"ยังเท่ไม่หยอกเหมือนเดิมเลย" เจอร์รี่พูด
"เจอ-เจอร์รี่เราต้องขึ้นพวกนี้ไปจริงๆหรอ" เจอร์รี่พยักหน้า "ฉันกลัวอ่ะ"
"ไม่ต้องกลัวหรอกพวกนี้น่ารักจะตาย" เจอร์รี่พูดแล้วเดินไปที่คูรูคูล่าตัวหนึ่งซึ่งย่อตัวรับเธอขึ้นอย่างสวยงาม นั้นทำให้แชมพูคลายกังวลลงไปเยอะ แล้วเธอก็ไปที่คูรูคูล่าอีกตัวหนึ่งซึ่งเธอก็ได้รับความช่วยเหลือจากโทนี่ในการขึ้นนั่ง
ส่วนคนที่มีปัญหาในการขึ้นนั่งอีกสองคนคือโทเป้และนาเดีย โทเป้ไม่กล้าขึ้นนั่งแม้คูรูคูล่าจะพยายามย่อตัวแทบติดพื้นให้เขาแต่โทเป้ก็ก้าวขาไม่ออกจนทำให้โนอาร์ต้องใช้พลังจิตส่งให้โทเป้ขึ้นนั่งจนได้ และอีกคนคือนาเดียเธออาการคล้ายโทเป้คือก้าวขาไม่ออก ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่ว่าจะทำอย่างไรก็มีมือมาจับเอวเธอแล้วยกเธอขึ้นนั่งบนคูรูคูล่าตัวนั้น เมื่อเธอหันไปก็พบกับ เฟริสที่กำลังส่งยิ้มน้อยให้เธอทำให้เธอหน้าแดงเถือกแต่ก็ไม่ลืมที่กล่าวคำว่า ขอบคุณ ให้เขา นั่นทำให้เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่กลับไปที่คูรูคูล่าของตัวเอง
"เอาล่ะทุกคนจับแน่นๆนะ" พอลสั่ง "ไปเลย !"
คูรูคูลาทุกคนพร้อมใจกันสยายปีกออกแล้วบินขึ้นสู่ท้องฟ้าตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของโทนี่ วอร์ช่า โทเป้ และแชมพูที่ดังลั่น ส่วนนาเดียนั้นตอนแรกเธอก็ตกใจอยู่หรอกแต่พอไปๆมาๆเธอก็เริ่มชินแล้ว นั่นทำให้เธอยิ้มร่าออกมา เฟริสที่บินตามหลังเธอเห็นว่ามีความสุขนั่นทำให้เขามีความสุขไปด้วย และในที่สุดพวกเขาก็มาถึงนครลอยฟ้าออโรลาดินแดนแห่งเทพ เมื่อพวกเขาไปถึงคฤหาสน์วอเลนส์คณะเดินทางก็พบผู้รอคอยการมาเยือนของพวกเขา
"ยินดีต้อนรับการกลับมาครับเจ้าชาย" เมดาโบรันโค้งทำความเคารพพร้อยรอยยิ้ม "พร้อมสหายของท่านด้วย ก่อนที่กระผมจะพาทุกท่านเข้าไปที่ที่พักผมมีเรื่องหลายอยากจะขอร้องพวกท่าน เดิมทีที่คลอโรเนียแห่งนี้อยู่ในอีกมิติหนึ่งซึ่งพวกเราเป็นเทพปกป้องรักษาพวกคุณที่อยู่ในมิติอาการ์เซีย ถ้าทางฝ่ายนั้นรู้ต้องเกิดเรื่องไม่ดีแน่จึงอยากจะขอความร่วมมือจากทุกท่านขอให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้มั้ยครับ"
"พวกเราขอสัญญา" ทุกคนพร้อมใจกันพูด
"ต้องขอขอบคุณทุกท่านด้วย เดียวผมจะให้มานิซัสกับฟูกิซัสพาไปที่ห้องพักนะครับ" ทันใดนั้นก็มีเทพหนุ่มฝาแฝดปรากฏตัวออกมาข้างหลังของเมดาโบรันด้วยทำความเคารพ "ท่านสุภาพบุรุษโปรดเดินตามมานิซัสไป ส่วนท่านสุภาพสตรีโปรดเดินตามฟูกิซัสไป แล้วเราจะไปเจอกันที่สวนหลังคฤหาสน์ในตอนพลบค่ำโปรดแต่งกายด้วยชุดที่เหมาะสมแล้วในงานจะมีการเต้นรำด้วยนะครับ เวลานี้ขอให้พักผ่อนก่อนเถิด"
เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อถ้าหากว่าจะมาเดินคนเดียวในคฤหาสน์แห่งนี้โดยไม่มีผู้นำคงต้องหลงทางกันแน่ๆเพราะนาเดียคงไม่มีปัญญาจะจำทุกส่วนของที่นี่ได้หมดหรอก เมื่อมาถึงที่พักทุกคนก็ต้องตกตะลึง ถึงเจอร์รี่จะเคยมาแล้วครั้งหนึ่งแต่เธอก็อดตื่นตะลึงไม่ได้
"เมื่อพลบค่ำผมจะมาตามพวกคุณไปงานเลี้ยงนะครับ" ฟูกิซัสเอ่ยก่อนจะโค้งเคารพแล้วเดินออกไป
"เขามารยาทดีจัง" วอร์ช่าพูด
"ทีนี้หรูมากๆเลยนะเนี่ย" คีตาร์พูดหลังจากที่เธอเดินสำรวจ
"เอาล่ะมีเตียงอยู่ 3 เตียงใครจะนอนกับใคร" เจอร์รี่ถาม
"ฉันขอนอนคนเดียว" แน่นอนประโยคนี้เป็นของคีตาร์
"โอเค งั้นเจอร์รี่นอนกับแชมพู วอร์ช่านอนกับฉันโอเคม่ะ"
"ไม่มีข้อโต้เถียง" ทุกคนพร้อมใจกันพูด
"งั้นไปอาบน้ำกันดีกว่า" เจอร์รี่พูด "วันนี้ฉัน แชมพู และนาเดียต้องช่วยกันแปลงโฉมสาวๆกันหน่อย"
"ฉันรู้สึกว่าท่าจะไม่ดีซะแล้ว" วอร์ช่าหันไปพูดกันคีตาร์ที่มีสีหน้าเดียวกัน "เห็นด้วย"
ในงานเลี้ยงที่สวนหลังคฤหาสน์วอเลนส์หนุ่มกำลังเพลิดเพลินกับอาหารเลิศรสที่วางอยู่บนโต๊ะยาวมีผ้าปูสีขาวสะอาด การจัดโต๊ะมีการจัดแบบเหลือที่ไว้ตรงกลางสำหรับเต้นรำ มีเวทีไม่ใหญ่มากตั้งอยู่ด้วย แม้ภายนอกหิมะจะตกหนักแต่ที่ๆพวกเขายืนอยู่เมดาโบรันได้เสกโดมใสมาครอบพื้นที่ในงานไว้ ทำให้พื้นที่ในงานอุ่นอยู่ตลอด แต่คนที่ไม่มีเวลาสังสรรค์กับพวกเขาก็คือ พอล นั่นเอง เพราะเขาต้องต้อนรับแขกที่มางาน
"เมื่อไหร่ยัยพวกนั้นจะมาซะที" อเล็กซ์พูด "แต่งตัวนานอย่างกับจะไปงานกษัตริย์ที่ไหน"
"เอออเล็กซ์ ก็นี่แหละงานกษัตริย์" โทนี่บอก ทำเอาเขาหน้าแตกเลยที่เดียวเรียกเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนๆได้เป็นอย่างดี
"ก็ได้ๆฉันผิดแต่พวกนั้นคงเดินหลงทางกันแหงเลย"
"ขอโทษย่ะที่ทำให้รอกันนานแสนนาน" เจอร์รี่ปรากฏตัวอยู่ข้างอเล็กซ์ทำเอาเขาตกใจจนรีบหันกลับไปมอง วันนี้เจอร์รี่อยู่ในชุดราตรีสีแดงยาว แชมพูอยู่ในชุดสีม่วงอ่อน ส่วนคีตาร์และวอร์ช่าอยู่ในชุดราตรีสีขาวแต่สีหน้าของพวกเธอดูไม่มีความสุขเท่าไหร่เพราะในห้องพวกเธอถูกเจอร์รี่กับแชมพูจับแต่งตัวแบบสุดๆ และสุดท้ายคือ นาเดียเธออยู่ในชุดกระโปรงสีชมพูยาวถึงขา มีผ้าคลุมไหล่สีเงินประกายเพชร การปรากฏตัวของทั้งห้าสาวทำเอาพวกเพื่อนผู้ชายไม่เว้นแต่ เฟริสตกตะลึงรวมทั้งแขกในงานด้วย
"พวกนายจ้องพวกฉันนานไปเลยย่ะ" เจอร์รี่พูด
"เอาล่ะครับทุกท่าน" เมดาโบรันเอ่ยบนเวที "ขณะนี้แขกที่มาในงานได้ครบแล้วขอให้ทุกท่านหาคู่เต้นรำกันนะครับ" เมื่อเขาพูดจบเสียงดนตรีได้ดังขึ้น แขกแต่ละคนได้หาคู่เต้นรำกัน และมีแขกบางคนมาขอเจอร์รี่เต้นรำด้วย แต่เธอตอบกลับไปว่า
"ขอโทษค่ะ ดิฉันมีคู่แล้ว" แล้วเธอก็ดึงแขนอเล็กซ์ออกไปที่ฟลอเต้นรำทันที สร้างความแปลกใจให้เด็กหนุ่มไม่น้อย เป็นไปอย่างที่คาดกัน แชมพูได้เต้นกับโทนี่ วอร์ช่าได้เต้นกับพอล คีตาร์ได้เต้นกับโนอาร์ และนาเดียได้เต้นคู่กับ
"เธอขอฉันเต้นรำหรอ" นาเดียพูดอย่างแปลกใจปนดีใจ เมื่อเธอเห็นเฟริสเดินมาแตะไหล่เธอแล้วผายมือไปยังฟลอเต้นรำ ซึ่งเธอก็พอรู้ความหมาย
"ขอบคุณจ๊ะ" ว่าแล้วเธอก็เดินจับมือกับเฟริสไปตรงกลางฟลอเต้นรำแล้วเต้นรำด้วยกัน เฟริสสังเกตเห็นว่านาเดียเต้นเก่งไม่น้อยแถมลีลาเธอยังพริ้วไปตามเพลงอีกด้วย นั่นยิ่งทำให้เขานึกถึงนางฟ้าในเทพนิยาย เพราะเธอไม่ต่างอะไรจากนางฟ้าเลย ขณะที่แขกในงานกำลังเต้นรำอยู่นั้นก็มีผู้ที่ไม่มีคู่เต้นเหมือนกันอย่าเช่นสามหนุ่มพวกนี้
"ทำไมเราต้องไม่มีคู่ทุกทีเลย" โฮการ์ดบ่น ทันใดนั้นก็มีสองสาวกำลังเดินเข้ามาทางพวกเขา โอการ์ดยืดตัวสุดๆแต่แล้วพวกเธอก็เดินมาถึงที่พวกเขาก่อนจะพูดว่า
"เต้นรำกันไหมจ๊ะ" สองสาวพูดพร้อมกันก่อนจะดันตัวบิลลี่กับโทเป้ไปยังฟลอเต้นรำ นั่นทำให้โฮการ์ดเสียหน้าทันทีก่อนจะพึมพำกับตัวเองเบาๆว่า "ฉันขอย้ำคำเดิม ทำไมเราไม่มีคู่เต้นรำเหมือนเขาทุกทีเลย"
เมื่อเวลาผ่านไปจนเกือบถึงเที่ยงคืน เสียงเพลงได้ค่อยเบาลงจรเงียบสนิท แล้วเมดาโบรันได้ขึ้นมาบนเวที
"ขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่ได้สละเวลามาในงานวันนี้ วันคริสต์มาสเป็นวันที่เราจะได้แบ่งปันความทุกข์ให้กับทุกคนไม่ใช่เฉพาะกับพ่อแม่แต่และสหายญาติมิตร แต่เป็นการแบ่งปันความสุขให้กับเพื่อนทั้งโลก ฉะนั้นวันนี้เป็นเวลาที่ดีที่กระผมจะบอกคำว่า เมอรี่คริสต์มาสครับ" เมื่อเมดาโบรันพูดจบได้มีพลุหลากหลายสีจุดขึ้นทั่วท้องฟ้าในออโรลา สีสันของมันดูสวยแปลกตาจนแขกในงานไม่อาจละสายตาได้ และพลุอันสุดท้ายได้จุดขึ้น และเมื่อมันระเบิดก็เกิดเป็นเกล็ดดาวเรียงตัวกันเรียงเป็นคำว่า Marry Chrismas อย่างสวย
งามบนท้องฟ้า
"เอ้า เมอรี่คริสต์มาส" เจอร์รี่พูดกับอเล็กซ์พลางส่งกล่องของขวัญสีเหลืองให้เขา
"มีระเบิดรึป่าวเนี่ย"
"ไม่มีหรอกย่ะ"
"ฉันแค่พูดเล่น เอ้า!" อเล็กซ์ส่งของขวัญกล่องสีชมพูให้เจอร์รี่ "เมอร์รี่คริสต์มาส"
และมีอีกหลายๆคู่ที่นำของขวัญออกมามอบให้กัน (ขนาดโทเป้ยังได้เลย) แต่จะมีคู่ไหนที่เพื่อนๆจะต้องตกใจเท่ากับคู่นี้
"เฟริส" นาเดียพูดอย่างเขินอายซึ่งเฟริสก็หันมามองเธอ "หนะนี่ของขวัญ" เธอพูดพร้อมกับส่งส่งกล่องของขวัญสีครีมให้เขา "เมอรี่คริสต์มาสนะ" นั้นไม่ทำให้เพื่อนๆแปลกใจเท่าไหร่แต่ตอนนี้พวกเขาต้องเปลกใจแล้วเมื่อเฟริสกดเรียกกล่องของขวัญสีชมพูจากนาฬิกาแล้วส่งให้เธอ ก่อนจะก้มลงไปใกล้หน้าเธอก่อนที่เฟริสจะพูดคำว่า "เมอร์รี่คริสต์มาส" แล้วหอมแก้มเธออย่างรวดเร็วจนเธอหน้าแดงจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว
เมื่อกลับมาที่ห้องแน่นอนก็ต้องเกิดการคุยกันอย่างพวกนกกระจอกแตกรังอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องของเฟริสกับนาเดียพวกเธอยิ่งคุยกันอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน
"ไม่น่าเชื่อว่าเฟริสเปิดปากพูด" เจอร์รี่พูด "ตั้งแต่ฉันเป็นเพื่อนกับเขามาฉันยังไม่เคยได้ยินเขาพูดซักคำเลย คนที่เขาพูดด้วยต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว แต่กรณีของเธอมันถือว่าประหลาดสุดๆยิ่งเขาก้มลงหอมแก้มเธออีก ไม่อยากเชื่อเล้ยว่ามันจะเกิดขึ้น เธอต้องเป็นผู้หญิงที่ดวงดีแบบสุดๆเลยรู้มั้ย เฟริสต้องตกหลุมรักเธอแน่ๆเลย" เจอร์รี่เดินไปเดินมา ปากก็พูดไม่หยุด เพื่อนที่นั่งฟังก็พลอยคิดไปว่า เธอเป็นคนโดนเองหรือไงถึงพูดได้ขนาดเนี่ย ส่วนทางนาเดียไม่ต้องพูดถึงเธอนั่งอยู่บนเตียงนั่งจ้องของขวัญของเฟริสอยู่นานแล้ว จนวอร์ช่าหันมาแซวเป็นระยะๆนั่นทำให้เธอยิ่งหน้ามากขึ้นกว่าเดิม
วันคริสต์มาสผ่านไปอย่างรวดเร็วจนพวกเขาเพิ่งนึกว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ไม่ทันไรก็เดือนมกราแล้ว (เร็วเหมือนโกหกเลย) แล้วเดือนนี้พวกเขาก็ต้องไปงานศิษย์เก่าที่ไวท์โรด และงานนี้ต้องหาคู่ไปด้วยจะเป็นศิษย์หรือไม่ก็ได้แค่ให้มีแล้วกัน และแน่นอนคู่ที่เฟริสเลือกก็ต้องเป็นนาเดียอยู่แล้ว เมื่อถึงวันนั้นทุกคนต่างแต่งกายในชุดที่สุภาพแล้วมายืนร่วมกับผู้ที่จะไปไวท์โรด ผ่านไปสักครู่เครื่องบินของไวท์โรดก็มารับพวกเขา เมื่อทุกคนขึ้นครบแล้วยานออกเดินทางสู่ท้องฟ้าและมาถึงไวท์โรดอย่างปลอดภัย ที่นั่นเขาได้เจอกับเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เมื่อพวกเขาเข้าไปในสถานที่จัดงานก็ต้องตกใจเพราะที่นั่นไม่มีอะไรเลยนอกจากความว่างเปล่าและมีแค่เวทีขนาดใหญ่ตั้งอยู่ เมื่อทุกคนเข้ามากันครบอาคีดีมัสก็ก้าวขึ้นบนเวทีแล้วกล่าวอะไรบางอย่าง
"สวัดดีนักเรียนศิษย์เก่าไวท์โรดทุกคน วันนี้เราได้มาร่วมตัวกันพบปะสังสรรค์กับอีกครั้งถือว่าเป็นฤกษ์งานยามดีมาก ตลอดเวลาที่พวกเธอจากบ้านหลังนี้ไปไม่มีวันไหนที่ครูจะไม่เป็นห่วงพวกเธอ แต่เวลานี้พวกเธอได้มารวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้งก็ขอให้พวกเธอมีความสุข และจำไว้เมื่อใดที่พวกเธอมีปัญหาสามารถกลับมาได้ทุกเวลา บ้านหลังนี้ยังคอยให้ที่พักพิงและกำลังใจพวกเธอเสมอ และตอนนี้ครูว่าพวกเธอคงหิวแล้วขอเชิญทุกคนรับประทานอาหารกันได้แล้ว" เมื่ออาคีดีมัสพูดจบเขาก็กดปุ่มบนนาฬิกาทันใดนั้นโต๊ะอาหารก็ปรากฏขึ้นจากพื้นพร้อมกัยกลิ่นอาหารที่หอมฉุยน่ารับประทาน ยังไม่ทันทีอาคีดีมัสจะบอกทุกคนก็ตรงไปยังโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว
"ว้าว!! มีแต่น่ากินๆทั้งนั้นเลย" โทนี่พูด "ไม่เกรงใจแล้วน้า"
เมื่อเวลาผ่านไปราว 2 ชั่วโมง ไฟในห้องจัดงานได้ดับลงเหลือไฟสปอตไลต์ที่ยังส่องอยู่ที่เวทีเหมือนเดิม แล้วบนเวทีมีอาคีดีมัสยืนอยู่อีกด้วย!?
"เอาล่ะนะทุกคนในเมื่อพวกเธอได้มาพร้อมหน้าพร้อมตากันดีแล้วครูมีเกมสนุกๆมาให้ทุกคนได้เล่นกัน กติกามีอยู่ว่า เมื่อครูบอกว่าเริ่มเกมได้จะมีการสุ่มผู้เล่นเกมมา 5 คู่เมื่อสปอตไลต์ส่องไปที่ใครคนๆนั้นจะต้องออกมาเล่นเกมที่เวทีแห่งนี้ โดยจะมีการสุ่มกิจกรรมให้ทำดังนี้ มีวิดพื้น แสดงการขอแต่งงาน วิ่งรอบโรงเรียน และสุดท้ายที่เด็ดสุด คือ จุมพิต" อาคีดีมัสกล่าวซึ่งนักเรียนก็คุยกันดังห้องจัดงาน
"เอาล่ะเริ่มเกมได้!" แสงสปอตไลต์ส่องไปทุกที่ของห้องจัดงานท่ามกลางความลุ้นระทึกของนักเรียนศิษย์เก่าไวท์โรดและผลที่ออกมาก็คือ.....
พรึบ!?
แสงสปอตไลต์หยุดอยู่ตรงคู่ของแต่ละคนซึ่งหนึ่งในนั้นดันมีเฟริสรวมอยู่ด้วย
"ขอเชิญตัวแทนขึ้นมาบนเวทีด้วยนะครับ" อาคีดีมัสกล่าวเมื่อทุกคนอยู่บนเวทีจนครบแล้วก็ได้มีการสุ่มกิจกรรมให้ทำ คู่แรกผลออกมาน่าตกใจมาก พวกเขาได้วิ่งรอบโรงเรียน คู่สองสามสี่ต่อๆมาขอไม่มีคู่ไหนได้ที่ดีๆซักอันจนมาถึงคู่ของเฟริสกับนาเดียที่เป็นคู่สุดท้าย ซึ่งที่ทั้งคู่ได้ก็คือ
จุมพิต
ทุกคนได้ส่งเสียงกรี๊ดกันยกใหญ่โดยเฉพาะผู้หญิงจนห้องจัดงานเลี้ยงอาจจะกลายเป็นงานคอนเสิร์ตในเร็วๆนี้ ส่วนนาเดียที่ยืนอยู่บนเวทีอายจนไม่กล้าจะขยับแล้ว อาคีดีมัสจึงได้กล่าวขึ้น
"เฟริสเธอทำได้ไหมถ้าไม่ได้ก็............."
สิ่งที่ทุกคนเห็นอยู่ตรงหน้าแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ขนาดพวกเพื่อนๆเขายังยังต้องตะลึงจนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ก็จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงล่ะเมื่อภาพที่อยู่ตรงหน้าคือ เฟริส และ นาเดีย กำลังจูบกัน ย้อนกลับไปใหม่ตอนที่อาคีดีมัสกำลังพูด เฟริสรีบถึงแขนนาเดียมามาสู่อ้อมกอดของเขาแล้วประทับริมฝีปากของเขาไว้กับเธอทันที เพื่อนที่อยู่ข้างล่างได้แต่อึ้งรับประทานกันเป็นแถบ เมื่อเฟริสได้ถอนปากออกจอกนาเดียเขาก็ได้นั่งท่าคุกเข่าและจับมือข้างซ้ายของนาเดียก่อนจะพูดว่า
"เราเป็นแฟนกันนะ" เพียงคำพูดแค่นั้นจากปากเฟริสทำให้กระตุ๊กต่อมกรี๊ดสาวทั้งหมดได้และทำให้นาเดียที่อยู่ในอาการตะลึงได้แต่ยืนยิ้ม
"ถ้าเธอมีรักที่มั่นคงต่อฉัน แล้วทำไมฉันต้องปฏิเสธล่ะ" เธอพูด นั่นทำให้เฟริสยิ้มอย่างมีความสุขที่สุดกอดทั้งคู่จะกอดกันกลมที่เวทีแห่งนั้น ทุกคนพร้อมใจกันปรบมือให้ทั้งคู่อย่างตื้นตันใจ เฟริสและนาเดียหันมามองหน้ากันก่อนจะยิ้มและโบกมือให้กับเพื่อนๆ ก่อนที่เพดานของสถานที่จะเปิดออกเศษกระดาษเหลี่ยมหลายหมื่นพันชิ้นร่วงกรูลงมาจนสวยงามทั้งสถานที่เหมือนอวยพรให้ความรักของทั้งคู่ยืนยงนานตลอดกาล
ผลงานอื่นๆ ของ มากาเร็ต ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ มากาเร็ต
ความคิดเห็น