ตอนที่ 15 : MAFIA 15 :: ล่า [100%]
วันต่อมา
“อย่าคิดถึงฉันล่ะ”
ชายหนุ่มยกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะยกมือขึ้นบีบแก้มใสๆตรงหน้าอย่างหมันเขี้ยว ข้าวยู่ปากกับการกระทำของแทฮยองและยกมือขึ้นปัดมือหนาออกจากแก้มตัวเอง
“ไม่หลงตัวเองไปหน่อยเหรอ”
ข้าวพูดขำๆ เธอเริ่มจับจุดหรือรู้นิสัยของคนเจ้าเล่ห์คนนี้มากพอสมควร เพราะตลอดเวลาที่ข้าวมาอยู่บ้านกลางป่าก็มีแทฮยองอยู่ข้างๆตลอดเวลา ตั้งแต่วันนั้นเขายังไม่ได้กลับโซลเลย
แต่อย่าพึ่งคิดไปไหนไกลล่ะ ถึงจะอยู่ด้วยกันแต่ทั้งคู่ก็แยกห้องนอนกัน
“ไปจริงๆแล้วนะ”
“ไปเถอะค่ะ”
“อยากไปกับฉันหรือเปล่า”
จู่ๆสีหน้าและน้ำเสียงของแทฮยองกลับจริงจังขึ้นมาจนเธอตามอารมณ์เขาไม่ทัน แทฮยองยังคงนิ่ง รอคำตอบจากอีกฝ่าย
“...”
“อยากอยู่ที่นี่ หรืออยากกลับไปอยู่กับมัน”
น้ำเสียงแทฮยองแผ่วเบาเมื่อได้จ้องเข้าไปในดวงตากลมโต ไม่มีวินาทีไหนเลยที่ทำให้แทฮยองคิดว่าข้าวอยากอยู่กับเขา
“...”
“ถึงฉันจะดูใจดี แต่ก็ไม่ชอบให้ใครเมินเวลาที่ฉันคุยด้วย”
ข้าวกัดริมฝีปากตัวเองแน่น เธอก้มหน้าลงมองปลายเท้าตัวเอง ตลอดเวลาหลายวันที่ผ่านมา ทำไมเธอจะดูไม่ออกว่าคิมแทฮยองเป็นคนยังไง
ถึงเขาจะพยายามทำตัวใจดีแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ชายคนนี้จะน่ากลัวน้อยกว่ามินยุนกิเลย แค่เขาไม่แสดงออกต่อหน้าเธอก็เท่านั้น
“ฉัน...”
“...”
“ฉันอยู่ที่ไหนก็ได้ค่ะ”
ข้าวรู้ตัวว่าคนตรงหน้ากำลังเดินเข้ามาใกล้ เธอจึงเงยหน้าขึ้นก็พบกับใบหน้าหน้าหล่อเหลาที่มีส่วนคลับคล้ายพี่ชายของเขาเอง แทฮยองฉีกยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นเกลี่ยเส้นผมออกจากใบหน้าหวานเบาๆ
“ถ้าตอบแบบนี้ ฉันจะไม่มีวันคืนเธอให้มัน”
“...”
“ขาดเหลืออะไรบอกป้าซงนะ เขาจะหาทุกอย่างมาให้เธอ”
“ค่ะ”
บนใบหน้าหล่อปรากฏรอยยิ้มและแววตาอ่อนโยนเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กยอมเชื่อฟังในสิ่งที่เขาต้องการ ร่างสูงหมุนตัวขึ้นรถคันหรูของตัวเองก่อนจะขับออกไปด้วยความเร็ว
ภายในรถที่เงียบกริบ มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศและเสียงลมหายใจของตัวเอง แทฮยองคิดถึงใบหน้าหวานๆที่กำลังหวาดกลัวเขา...ทำไมแทฮยองจะไม่รู้ว่าข้าวไม่เคยไว้ใจตัวเขาเลยแม้แต่นิดเดียว แววตาที่หม่นหมองและสั่นระริกนั่นแต่ชายหนุ่มก็แกล้งทำเป็นมองไม่เห็น และยืนยันที่จะกักขังตัวเธอไว้ให้พี่ชายตัวเองกระอักใจตายเล่นๆ
บอกแล้วไงว่าคิมแทฮยองจะไม่มีวันคืน ถึงแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าถ้าให้เลือกจริงๆ...ข้าวคงเลือกมินยุนกิไม่ใช่เขา
ร่างบางยืนมองท้ายรถยนต์ที่ขับไกลออกไปจนลับสายตา เสียงถอนหายใจของคนที่กำลังสับสน เธอกำลังสับสน...
ความอึดอัดก่อกินภายในจิตใจจนน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง เธอยังยืนอยู่ที่เดิมและร้องไห้ออกมาเงียบๆ พลางคิดถึงเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตของตัวเอง คนพวกนี้เห็นเธอเป็นอะไรกันนะ แทฮยองเหมือนจะเป็นแสงสว่างที่คอยช่วยเธอออกมาจากขุมนรกนั่น แต่เอาเข้าจริง...ทุกคนก็ไม่แตกต่างกันเลย แทฮยองไม่ได้ช่วยให้ชีวิตของเธอดีขึ้นมาเลยสักนิด
ถ้าเขาจะช่วยจริงๆ ป่านนี้เธอคงได้กลับไปอยู่ในอ้อมกอดของลุงกับป้าไปตั้งนานแล้ว
ห้ามแตะต้องโทรศัพท์ ห้ามออกจากบ้าน แทฮยองไม่ต่างจากยุนกิ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนเธอก็ไม่ต่างจากนักโทษคนหนึ่ง
“ต้องการอะไรกับฉันนักหนา ฮึก”
และเรื่องที่เลวร้ายที่สุดในตอนนี้ก็คือเรื่องของเจนนี่ เพราะเหลือเวลาอีกแค่สองอาทิตย์เท่านั้น เธอควรจะทำยังไง? เธอควรจะจบเรื่องบ้าๆพวกนี้ยังไง!
Agust D
“งานการไม่ทำเอาแต่นั่งเหม่อ”
หลังจากจบประโยค ปาร์คจีมินต้องรีบหุบปากทันทีเพราะถูกสายตาพิฆาตส่งกลับมา ก่อนจะยิ้มแหยะๆให้เพื่อนรักที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ประจำตำแหน่งของตัวเอง
“มึงมาทำไม?”
“กูเพื่อนมึงนะ! มาหาเพื่อนนับว่าผิดมากไหม!!”
“มาก”
ยุนกิตวัดสายตาคมจ้องเพื่อนตัวดีที่นั่งบนเก้าอี้ตรงข้าม กั้นเพียงโต๊ะทำงานของยุนกิเท่านั้น
“ชิ! ว่าแต่แปลกจริงๆ ทำไมป่านนี้ยังหาไม่เจอวะ?”
จีมินลูบคางตัวเองพลางช่วยเพื่อนรักคิดหาวิธีที่จะตามหาข้าว ยุนกิถอนหายใจอย่างหงุดหงิดเพราะเขาเองก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะทำอย่างไร
“นี่มึงไม่รู้จริงๆเหรอว่าใครมากวนตีนมึงอยู่”
“รู้”
“เฮ้ย! รู้แล้วรออะไรวะ?”
“รอมันกลับมาไง”
“ใคร? อย่าบอกนะ”
“แม่งมีอยู่คนเดียวไอ้สัด”
ยุนกิสบถออกมา ยิ่งคิดถึงหน้าน้องชายเฮงซวยเขายิ่งหงุดหงิด ยุนกิมั่นใจตั้งนานแล้วว่าแทฮยองเป็นคนลักพาตัวข้าวไป แต่ที่เขายังทำอะไรไม่ได้เพราะตอนนี้แทฮยองยังไม่กลับจากสวิซแลนด์
จองโฮซอกไปสืบตั้งแต่วันแรกที่ข้าวหายไปว่าเวลานั้น คิมแทฮยองอยู่ที่ไหน แต่ผลที่ได้คือไฟล์เที่ยวบินขากลับของแทฮยองยังไม่มีปรากฏออกมา นั่นหมายความว่าแทฮยองยังไม่กลับเกาหลีจริงๆ หรือตั้งใจสร้างเรื่องเพื่อหลอกยุนกิอยู่ ถ้าเป็นอย่างหลัง ยุนกิจะทำอะไรไม่ได้เลยเพราะเขาจะไปเค้นคำตอบจากใครกันล่ะ ถึงตามฆ่าลูกน้องของแทฮยองจนหมดโลกใบนี้ คำตอบที่ได้คงหนีไม่พ้นคำว่าไม่รู้อยู่ดี เพราะยุนกิรู้นิสัยแทฮยองดี เรื่องเลวๆแบบนี้น้องชายของเขาไม่มีทางปล่อยให้ใครรู้เรื่องหลายคนหรอก เพราะฉะนั้นคนที่ยุนกิสามารถเค้นคำตอบได้ล้านเปอร์เซ็นก็คือเจ้าตัว
ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่ามันหายหัวไปไหน!
“น้องมึงแม่งลอบกัดแท้ๆ”
“...”
“เลวเหมือนพี่มันจริงๆ โอ๊ย!!เหี้ย ขว้างมาได้เจ็บนะ!”
“สมน้ำหน้า”
ยุนกิตวัดสายตาจิกกัดจีมินที่นั่งลูบหน้าผากตัวเองปอยๆ
“ถ้ามันไม่กลับมาล่ะ?”
“...”
“มึงจะทำไง?”
“ไม่รู้”
เป็นครั้งแรกที่จีมินเห็นนัยน์ตาคู่คมตรงหน้าสั่นไหว ตั้งแต่รู้จักกันมาเกือบสิบปีเขายังไม่เคยเห็นยุนกิลังเลหรือไม่มั่นใจอะไรเท่าคราวนี้เลย ถึงแม้ว่าเพื่อนตัวขาวจะแสร้งทำเป็นเย็นชา แต่ทำไมจีมินจะดูไม่ออกว่าภายในใจยุนกิน่ะแทบจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆอยู่แล้ว
“ไอ้ซึน!”
“เก็บปากไว้แดกข้าวเถอะไอ้จีม”
“ก็มึงแม่งขัดลูกตากูว่ะ”
“...?”
“คิดถึงเขาล่ะสิ ไม่ต้องทำมาเป็นอวดเก่ง”
“...”
ยุนกิหลบสายตาจับผิดของจีมิน เขาหายใจไม่ทั่วท้องก็วันนี้แหละ คำถามจี้ใจดำทำเอามาเฟียหนุ่มไปไม่เป็น ยุนกิกระแอมในลำคอก่อนจะค่อยๆหันมองหน้าจีมินอีกครั้ง ยังไม่วายที่คนตรงข้ามคอยหรี่สายตาจ้องหน้าเขาอยู่ไม่ละไปไหน ยุนกิถอนหายใจก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
“มึงนี้น้า...”
“กูทำไม!?”
“ขึ้นเสียงกูไม่ช่วยนะเอาดิ”
“ช่วยอะไร มึงจะช่วยอะไรกูได้”
“ฟังๆที่มึงเล่ามา ไอ้แทฮยองยังเป็นแค่ผู้ต้องสงสัยไม่ใช่เหรอวะ”
“หมายความว่าไง?”
“เมื่อก่อนอาจจะมีแค่น้องชายมึงคนเดียว แต่ตอนนี้มึงอย่าลืมนะว่ามีอีกคนที่กำลังคิดร้ายกับมึงและเมียของมึงอยู่ โอ๊ย! ขว้างอีกล่ะเจ็บนะเว้ย!!”
จีมินเอามือปัดปากกาที่ลอยมาได้ทัน ไม่งั้นคงเฉาะลงกลางหัวของเขาแน่ๆ
“เมียเหี้ยไร? กูยังไม่ยอมรับเป็นเมีย”
“งั้นกูขอนะ”
“แดกตีนกูนี่”
“พูดไม่เพราะกูไม่ช่วยนะเว้ย! อ้าว นั่นมึงจะไปไหน?”
จู่ๆยุนกิก็ลุกขึ้นยืนทันที มือหนาคว้าเอาเสื้อคลุมสีดำที่พาดบนพนักเก้าอี้และสวมใส่อย่างรวดเร็ว จีมินมองอีกฝ่ายตาปริบๆก่อนจะลุกขึ้นยืนตาม จีมินเสียวสันหลังวาบเมื่อเห็นแววตาแข็งกร้าวที่น่ากลัวของเพื่อนตัวเอง
จริงอย่างที่จีมินพูด แทฮยองเป็นแค่ผู้ต้องสงสัย ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าน้องชายของเขาจับตัวข้าวไป ยังมีอีกคนที่ยุนกิคิดไม่ถึง...
จะใช่หรือไม่ใช่ก็ต้องเค้นคำตอบให้ออกมา
ร่างสูงคว้ากุญแจรถยนต์และโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะทำงานทันที
“เฮ้ย! มึงจะไปไหนไอ้กิ!”
“ไปรื้อคดี”
“แน่ใจนะว่าที่นี่?”
“ครับ นายท่าน”
โฮซอกตอบเจ้านายของตัวเองก่อนที่ยุนกิจะพยักหน้าเบาๆ ทั้งคู่ลงจากลีมูซีนคันหรู สายตาคู่คมกวาดมองไปรอบๆบ้านเช่าหลังเล็กตรงหน้าที่สภาพดูทรุดโทรม ยุนกิไม่คิดว่าที่นี่จะเป็นที่อยู่ของผู้หญิงคนนั้นจริงๆ
มือหนาผลักประตูไม้เก่าๆอย่างถือวิสาสะ ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตเจ้าของบ้านเพราะพวกเขาตั้งใจจะมาบุกรุกอยู่แล้ว
“นั่นใครน่ะ?!”
เมื่อยุนกิและโฮซอกเข้ามาภายในรั้วบ้านได้สำเร็จ ก็มีเสียงผู้หญิงดังออกมาออกในตัวบ้าน ไม่นานก็ปรากฏร่างท้วมของหญิงวัยกลางคน สีหน้าของเธอคนนั้นฉายแววหงุดหงิดและไม่ต้อนรับแขก
“มาหาใคร”
“ผู้หญิงที่ชื่อเจนนี่”
ยุนกิเข้าเรื่องทันที สายตาแข็งกร้าวจ้องมองเจ้าของบ้านไม่ลดละ
“มันไม่อยู่เกาหลีแล้ว! และถ้าพวกคุณจะมาทวงหนี้ที่มันก่อไว้ละก็บอกเลยว่าฉันไม่มีให้หรอกนะ!”
“ไม่อยู่เกาหลี? หมายความว่ายังไง”
ยุนกิขมวดคิ้วยุ่ง ไม่เข้าใจในสิ่งที่คนตรงหน้ากำลังจะสื่อ
“ก็ไม่รู้ไปทำงานให้ใคร ได้เงินมาก้อนโตแต่ก็ไม่เคยให้แม่มัน โว้ย! พูดแล้วก็โมโหไอ้ลูกเฮงซวย!!”
ยุนกิเริ่มจับต้นชนปลายถูกเมื่อใบหน้าหงิกงอของหญิงวัยกลางคนดูจะจริงไร้การเล่นละคร เจนนี่หนีไปต่างประเทศเพราะได้เงินก้อนโตจากการทำงานให้ใครก็ไม่รู้งั้นเหรอ?...มันคงมีอะไรมากกว่านี้สินะ
“นายท่านครับ”
น้ำเสียงร้อนรนของโฮซอกทำให้ยุนกิหลุดออกจากภวังค์ เขาหันไปมองหน้าลูกน้องคนสนิท
“มีอะไร”
“สายรายงานมาว่ามีลูกน้องของคิมแทฮยองกำลังเดินทางออกจากตัวเมืองมุ่งหน้าไปต่างจังหวัด”
“...”
“หลังจากที่มันพึ่งออกมาจากห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อเสื้อผ้าและของใช้ของผู้หญิงครับ”
“หึ...ถึงเวลาออกตามล่าแล้วสินะ”
รอยยิ้มร้ายกาจปรากฏบนใบหน้าของมาเฟียหนุ่ม ยุนกินั่งไขว้ห้างด้วยท่าทางสบายๆบนเบาะด้านหลังของลีมูซีนคันหรู ขณะที่สายตาทั้งสองข้างจับจ้องไปยังท้ายรถยนต์คันข้างหน้าด้วยแววตานิ่งๆ เมื่อถนนค่อนข้างโล่งเพราะออกห่างจากตัวเมืองมากพอสมควรแล้ว
“ปาดหน้ามัน”
“ครับ”
คนขับรถรับคำสั่งก่อนจะเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นเพื่อแซงรถคันข้างหน้าและหักพวกมาลัยจนลีมูซีนจอดขวางถนนทั้งเลน
เอี๊ยด!!!
เสียงล้อหนังบดขยี้กับพื้นดังสนั่น ไม่มีรถคันใดเสียหายและไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
“นายท่านครับ!”
ปัง!!
โฮซอกไม่ทันได้เอ่ยปากถามเจ้านายว่าต้องทำอย่างไรต่อไป หันไปอีกทียุนกิก็ลงจากรถไปเสียแล้ว
สายตาแข็งกร้าวแผ่รังสีความน่ากลัวมากขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อมือหนาชักปืนสั้นกระบอกสีดำที่เอวออกมาและตรงไปยังรถคันที่เขาพึ่งสั่งให้ปาดหน้ามา ไม่นานประตูฝั่งคนขับถูกเปิดออกพร้อมกับชายชุดดำที่แต่งตัวไม่ต่างจากลูกน้องของเขา ชายคนนั้นทำท่าทางหัวเสียและกำลังจะเดินมาเอาเรื่องคนที่ขับรถเฮงซวย แต่ก็ต้องหยุดชะงักและเบิกตากว้าง เมื่อเห็นมาเฟียใจโหดกำลังเดินถือปืนตรงมาทางเขา
กริ๊ก!
ยุนกิยกปืนขึ้นเล็งไปยังกลางหน้าผากของศัตรู ชายชุดดำตั้งสติก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้นเหนือศีรษะเป็นเชิงยอมแพ้เพราะไม่มีใครในวงการนี้ไม่รู้จักมินยุนกิ
เสียงฝีเท้าหนักๆก้าวไปเรื่อยๆแต่ยังไม่ลดปืนลง ยุนกิประชิดตัวชายชุดดำก่อนจะใช้มือข้างเดียวล็อคแขนอีกฝ่ายเอาไว้ และใช้หัวเข่ากระแทกที่ข้อพับขาคนตรงหน้าอย่างแรงจนชายชุดดำเสียหลักล้มลงไปคุกเข่าอยู่บนพื้น
“ค...คุณยุนกิ”
พรึบ!!
“กำลังจะไปไหน?”
น้ำเสียงเย็นชาถามออกมาพร้อมกับปลายกระบอกปืนจ่อชิดกับขมับลูกน้องของคิมแทฮยอง
“ผ...ผม!!”
“บอกมา ก่อนที่กูยิงกระบาลมึง”
“ผมบอกไม่ได้”
น้ำเสียงสั่นเพราะกำลังหวาดกลัว ยุนกิกดปลายกระบอกปืนจนแนบชิดกับขมับมากขึ้นไปอีก
“กูให้โอกาส”
“อึก! ผมบอกไม่—”
ปัง!!
“อ๊าก!!!”
ยุนกิเปลี่ยนเป้าหมายจากขมับเป็นหัวไหล่ข้างขวาแทน เขาลั่นไกปืนออกไปจนเลือดสีแดงข้นกระฉูดออกมา เสื้อผ้าราคาแพงที่อยู่บนร่างกายของยุนกิตอนนี้เต็มไปด้วยเลือดของศัตรู
ศัตรูที่แย่งของของเขาไป ต่อให้ต้องแลกด้วยการฆ่าคนให้ตายจนเลือดอาบทั้งตัวมินยุนกิก็ไม่สน!
“บอกกูมา!!!”
“อ๊าก ไป...ไป”
พรึบ ตุบ!!
“เฮือก!!! ไว้ชีวิตผมด้วย!”
ยุนกิถีบลงไปที่แผลถูกยิงจนชายชุดดำนอนคว่ำลงกับพื้น ตามมาด้วยการเหยียบลงไปที่แผลเดิมและจ่อปลายกระบอกปืนไปที่ขมับอีกครั้งจนคนบนพื้นร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
“บอกกูมาสักทีสิ”
“อ๊าก!!! ไปเชจู ที่...”
ยุนกิยกยิ้มอย่างพอใจเมื่อคนที่เขากำลังเหยียบอยู่บอกสถานที่ทั้งหมดออกมา
“ผู้หญิงตัวเล็ก ผมยาว อยู่ที่นั่นใช่ไหม?”
“อึก! ช...ใช่”
“หึ เจ้านายมึงนี่แม่ง”
“...!!”
“โคตรลอบกัด”
ปัง!!!
ก่อนจะลั่นไกปืนออกไปในที่สุดเมื่อนึกถึงใบหน้าของคิมแทฮยอง
ยุนกิมองคนบนพื้นที่นอนจมกองเลือดไร้ลมหายใจด้วยสีหน้านิ่งเฉย ก่อนจะหันไปสั่งบางอย่างกับโฮซอก
“ถ่ายรูปส่งไปให้เจ้านายมันดู”
“ครับ”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แงงงงTTไรท์เปิดให้อ่านได้มั้ยคะน๊าาาาาา