คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : เหตุไม่คาดฝัน
“พี่ไปอยู่ห่างๆผมหน่อยได้ไหม !”ผมโบกมือไล่พี่ไฟที่แทบจะสิงผมได้อยู่รอมร่อ ภารกิจครั้งใหม่ของผมมักจะมีเรื่องให้ชวนปวดหัวอยู่เสมอ และไม่รู้ทำไมสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มักจะมีเพื่อนของผม ไอ้ไอ เป็นตัวประกอบเล็กๆน้อยๆเสมอ และครั้งนี้ก็เช่นกัน
อานผีสาวประจำตัวผมบอกผมว่ามีปีศาจออกล่าเยอะผิดปกติแถวนี้ ซึ่งมันอยู่บนถนนสายเดียวกับทางกลับบ้านของไอ้ไอเด๊ะ ชนิดที่ว่าเดินไปอีกสักห้าก้าวก็จะเจอบ้านของไอ้ไอตั้งเด่นเป็นสง่าแล้ว
“ไม่รู้ว่าร้านกาแฟไอ้ไอจะจัดการต่อยังไง”ในเมื่อผมไม่ใช่คนของโลกนี้เต็มตัวจะไปยุ่งวุ่นวายกับมนุษย์ตรงๆไม่ได้ ...อานว่างั้นอ่ะนะเห็นว่าเป็นกฎ ผมก็พอเข้าใจอยู่ แต่ห่วงมันเยอะเกินจนผมต้องแอบตามดูนั่นดูนี้อยู่บ่อยๆ
กึก !
นั่นไงพูดไม่ทันขาดคำพูดถึงผีผีก็มา ไอ้ไอกำลังเดินลากเท้าด้วยสภาพเหมือนทหารผ่านศึกผ่านผมไปอย่างเอื่อยเฉื่อย
“ไอ้ไอ”
“หือ?” ไอเงยหน้ามองไปรอบๆเหมือนจะมีคนเรียก แต่ในบริเวณนั้น นอกจากหมาอีกหนึ่งตัว แมวบนหลังคา นกบนท้องฟ้า นอกจากนั้นก็ไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตที่ไหนพูดกับตนเองได้อีก ประสาดหลอนแล้วกู..
ผมทำหน้าสลด มีเรื่องมากมายที่ผมอยากจะพูดกับมันมากมายเหลือเกิน แต่ด้วยสถานะที่ผมเป็นอยู่ทำให้ผมไม่สามารถปริปากได้แม้สักครึ่งคำ
ผั๊วะ !
ผ่ามือใหญ่ของพี่ไฟปะทะเข้าเต็มแรงกับหัวน้อยๆอันบอบบางของผม แรงตบที่แทบจะทำคอผมหลุดนั่นทำให้ผมต้องหันไปเตะคนตบคืนอย่างโกรธๆ
“เจ็บนะพี่ไฟ !”
“อ้าวก็เห็นจ้องไอ้ไอปานจะกลืนกิน เลยสะกิดเรียกสติสักหน่อย”
“คนกำลังเศร้าโว้ย !”
“แม่งพูดไม่เพราะหว่ะ” มึงพูดเพราะตายหละไอ้พี่ไฟ
ไฟมองลมด้วยสายตาเป็นห่วง พยายามทำทุกวิถีทางเรียกร้องความสนใจพยายามไม่ให้ลมเศร้าใจมากนัก ทั้งชวนทะเลาะเอย ตบหัวเอย เป็นเพราะคำว่า ห่วงใย รัก เท่านั้น แม้ว่าจะแสดงออกไม่ค่อยเก่งสักเท่าไหร่ก็ตาม... ทำไงได้ ก็คนมันหวานไม่เป็นนี่หว่า!
“พี่ไฟพี่กิตเป็นไงบ้าง”
“ก็ดี มันยังไปมหาลัยได้ปกติดี”
“มีแต่ผมที่ถูกลืม”ลมทำหน้าหมอง
“กูยังอยู่กับมึงเสมอลม”
เฮ้ย !!!!
เสียงของเด็กหนุ่มดังลั่นซอย แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติเลยนอกจากลมกับไฟ ร่างเพรียวของทั้งสองพุ่งตรงไปยังบ้านของไอทันที ลมกระชับดาบของตนแน่นก่อนจะถีบประตูดังโครม ! กลิ่นอายของพวกเดียวกันปะทะเข้ากับใบหน้าของผมจนต้องกลั้นหายใจ
“นาย เป็น ใคร !”ไอ้ไอถอยไปจนชิดผนังตกใจกับผู้บุกรุก
ผมชักดาบออกมาเพราะนักฆ่าตรงหน้ามีกลิ่นอายสังหารเต็มเปี่ยมจนรู้สึกได้ พี่ไฟรั้งแขนผมเอาไว้ก่อนจะดันผมไปด้านหลังพร้อมกับเหวี่ยงไอ้ไอมาทางนี้จนผมต้องรีบรับไว้ไม่งั้นคงได้หัวร้างคาแตกแน่ๆ
“พี่ไฟนี่มันอะไรกับวะ!” ไอ้ไอโวยวาย เพราะตัวเองกำลังลอยคว้างเหมือนจะมีอะไรจับไว้แต่มองไม่เห็นจึงได้แต่ปัดป่ายมือไปมาเพราะมองไม่เห็นผม
“เงียบซะ”ผมกระซิบ ไอ้ไอก็หยุดชะงักมองหาต้นเสียง
“เสียงคุ้นๆ”ไอ้ไอพึมพำ ผมหุบปากเงียบไม่สนใจจะพูดกับไออีกต่อไป สายตาจ้องไปยังมือสังหารคนนั้น ดูยังไงก็จะมาหาเรื่องกันชัดๆ
“เป็นถึงเทพสังหารแต่มาคบค้าสมาคมกับปีศาจ”ฝ่ายนั้นพูดเปิดประเด็นขึ้นก่อน
“มันไม่ได้เดือนร้อนใคร แถมนี่เป็นงาน ผมไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ใคร”ผมเชิดหน้าขึ้นพูดกันตามความจริง ถ้าไม่ได้พี่ไฟช่วยไว้ ผมตายตั้งแต่ภารกิจแรกแล้วโว้ย !
กริ๊ก !
ฝ่ายนั้นปลดดาบของตัวเองออกมาจากฝักแล้ว ผมจำเป็นต้องส่งไอ้ไอไปยืนห่างๆแล้วชักดาบออกมาข่มขวัญบ้าง จะเอาใช่ไหม ! อย่าคิดว่ากูจะกลัวเชียวนะไอ้หน้าหล่อ(?)
“หึหึ”
ดูจากท่าทางมั่นใจเกินร้อยนั่นผมว่า ผมควรจะเวลาที่เหลืออยู่คิดท่าตายเท่ห์ๆสักท่าดีกว่า...
ผั๊วะ !!
“อย่าคิดอะไรไร้สาระ”พี่ไฟหยิบปลอกดาบขึ้นมาฟาดที่หัวผมจนนับดาวได้วิ้งๆ
วูมมม !!
เขตแดนขนาดใหญ่กลางครอบพื้นที่ๆผมยืนเอาไว้ มันเป็นพลังของคนตรงหน้าผมล้วนๆ บอกได้เลยว่าแข็งแกร่งมาก พี่ไฟกับผมรวมกันจะสู้ได้รึเปล่าก็ไม่รู้!
“อ่อนหัด”
ปึด !
เหมือนเส้นเลือดในสมองของผมกำลังทำงานอย่างหนัก ผมไม่ใช่พวกบ้าพลังนี่หว่าผมมันพวกใช้สมอง(?) แล้วก็คิดแผนดีๆออกแม้ว่ามันจะโคตรชั่วไปหน่อยก็ตาม
“พี่ชาย เรามาคุยกันหน่อยไม่ดีหรอ”ผมยกเท้ายันพี่ไฟให้หลีกทาง ส่งพี่ไฟไปอยู่ข้างไอ้ไอที่ทำหน้างงแต๊กเหมือนกำลังถามตัวเองว่า กูฝันอยู่รึเปล่า
“ลมถอยออกมา!”
“เงียบเหอะน่าให้มือสังหารเค้าคุยกัน”แล้วไอ้ข่าวปีศาจอาวะวาดบ้าอะไร ผมว่าเปลี่ยนข่าวเป็น ไอ้บ้า อาละวาดยังจะเข้าท่ากว่า !! ปีศาจสักตัวนอกจากพี่ไฟผมยังไม่เห็น
ผมเก็บดาบเข้าฝักเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจจริงๆว่าอยากจะเสวนาด้วย “มาคุยกันก่อนโอเค?”
อีกฝ่ายพยักหน้าก่อนจะเก็บดาบแล้วเดินเข้ามาใกล้ผม จนระยะทางร่นเข้ามาห่างกันเพียงแค่คืบเดียว...เอิ่ม ใกล้ไปม่ะ!! อร๊าย(?) ผมตกอยู่ในสถานการณ์บังคับที่ต้องเงยหน้าคุยกับคนตัวสูงกว่าแถมหล่อแบบไม่ธรรมดา
ผมสีทองเป็นประกายแสบตามัดรวบไปทางด้านหลังอย่างลวกๆดูยุ่งนิดๆ ดวงตาสีเขียวทะเลสาบขนตาสีทองเป็นแพรหนาล้อมรอบกรอบดวงตาดูโฉบเฉี่ยวแบบไม่ต้องพึ่งอายไลน์เนอร์ โครงหน้ายาวได้รูปเหมือนผู้ดีฝั่งยุโรป ผิวสีขาวจัดราวกับหิมะ ริมฝีปาดเอิบอิ่มสีแดงสด เอาเป็นว่ามองยังไงก็หล่อ
“ฉันไม่ชอบที่นายไปคบค้าสมาคมกับพวกปีศาจ”ตรงประเด็นมากแบบไม่ต้องทำความเข้าใจอะไรมากมาย
“แต่ ก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใครเสียหน่อย”ผมเริ่มรู้สึกเมื่อยคอ จึงค่อยๆลดระดับการมองมาที่อกกว้างๆแทน
“ทำสิ ความสัมพันธ์ของพวกนายทำให้พวกเรานักล่าระแวง”มือใหญ่หยาบกร้านเชยคางผมขึ้นให้สบตา ทั้งๆที่ผมพึ่งจะพักคอได้สักสองวิ = =
ผมดันมือคนตรงหน้าออกเบาๆ เพราะคอลั่นดังแกร๊ก!เนื่องจากการขยับคอมากเกินขีดจำกัด แต่อีกฝ่ายยังไม่ยอมแพ้ใช้นิ้วจับที่ปลายคางของผมให้เชิดขึ้น โอ๊ย ๆๆ อยากจะร้องไห้โว้ย กูปวดคอ ขอกูพักคอแปบไม่ได้รึไง !!
“กลัวรึไง นายซ่อนอะไรเอาไว้”
กลัวคอจะเคล็ด เจ็บจนน้ำตาจะเล็ดแล้วเนี้ย ! แต่ผมก็ยังฝืนเงยหน้ามอง ผมว่าผมได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆของพี่ไฟด้วย แม่งเลวมาก
“เปล่า”
“ผมรู้จักกับปีศาจตนนั้นมานานก่อนที่จะกลายเป็นเทพสังหาร ผมค่อนข้างเชื่อใจ”
“เชื่อใจปีศาจ?”ฝ่ายนั้นเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ อ่า ผมก็ค่อนข้างจะแปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน
อีกฝ่ายก้มหน้าลงมาทำให้ผมต้องย่อเข่ารักษาระยะห่างของใบหน้าเอาไว้ ไม่งั้นคงได้มีจูบโชว์ มันเลยทำให้ผมอยู่ในท่าทางประหลาดๆ
“นายทำอะไร?”
“แล้วคุณทำอะไร ! รู้ไหมว่าจะเงยหน้าคุยกันมันเมื่อย แถมยังต้องมาย่อเข่าคุยยิ่งทำให้เมื่อยไปกว่าเดิมอีก!!”
ผมตะโกนอย่างหมดความอดทนแล้วผลักเขาออกไปห่างๆ อ่า....ค่อยสบายตา สบายคอขึ้นหน่อย
“แล้วทำไมไม่บอก เห็นนายเงยหน้าฉันก็เลยต้องก้มหน้าลงไปคุย แต่นายยิ่งย่อฉันก็เลยต้องยิ่งก้มไปมากว่าเดิมฉันก็เลยต้องก้มลงไปมากกว่าเดิม!”
“อ้อ นี่ผมผิดใช่ป่ะ !!”
“ใช่ผิดที่เกิดมาตัวเตี้ยทำไม”
ฮึก !!
เหมือนโดนหมัดฮุกเข้ากลางลำตัวจนต้องแอบทรุดเบาๆ เกิดมาเตี้ยผิดตรงไหนวะ ! ไม่เคยได้ยินสำนวน ความเตี้ยไม่มีผลในที่ราบรึไงวะ
“เฮ้ย นอกทะเลไปแล้ว ผมบอกว่าไม่มีปัญหาก็ไม่มีปัญหาสิ”
“ไหนลักฐาน”อีกฝ่ายแบบมือขอหลักฐาน ผมเลยทำหน้ามึนใส่แม่ง ! ความเชื่อใจจะให้ผมเอาอะไรมาเป็นหลักฐานละ ให้ควักหัวใจเอาออกมาพิสูจน์เลยไหม
ในขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากโวย พี่ไฟก็รั้งผมไปทางด้านหลังประกบริมฝีปากจูบอย่างดูดดื่มต่อหน้าไอ้ไอ และนักล่าอีกหนึ่งตน ความร้อนที่ส่งผ่านทางริมฝีปากและลิ้นร้อนทำให้ผมแทบหลอมละลายสมองว่างเปล่าด้วยความรู้สึกดาวกับเสพกัญชายังไงอย่างนั้น ลิ้นทั้งสองเกี่ยวกระหวัดกันอย่างลึกซึ้งไม่อายฟ้าอายดิน พี่ไฟกดริมฝีปากดูดหนักๆจนผมรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือดบนริมฝีปากขอมผม พลังเหมือนจะถูกสูบออกไปจนไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะทรงตัวด้วยตัวเองจนต้องกำเสื้อของพี่ไฟไว้แน่น มือใหญ่ก็ประคองผมเอาไว้ไม่ให้ร่วงลงไปกับพื้น ริมฝีปากและลิ้นยังคงทำงานต่อไป พี่ไฟเลียบริเวณที่เลือดซึมออกมาเล็กน้อยก่อนจะถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดาย ก่อนจะกระซิบเบาๆให้พอได้ยินกันสองคนที่ริมหู “ไปต่อกันที่ห้องนะ”
“เท่านี้พอใจรึยัง”พี่ไฟกอดเอวผมที่กำลังทำหน้าเคลิ้มได้ที่ถามอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่พอใจ สายตาประกาศกร้าว เมียข้าใครอย่าแตะ
“ดีมาก หมดห่วง”อีกฝ่ายพยักหน้าก่อนจะตบบ่าผมหนักๆ ซึ่งมองก็กำลังงงงวย ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกัน
“ดะ...เดี๋ยวดิเถียงกันจนเมื่อยคอตั้งนานจะไปแล้ว?”ผมผลักพี่ไฟออกเพราะนึกขึ้นได้ (ไม่ทันแล้วไอ้ลมเอ้ย !!)
“ถามทาสของนายดูสิคุณ พายุ”
“เดี๋ยวคุณชื่ออะไร?”
“เฮลัน”แล้วเฮียแกก็ชิ่งหนีหายไปซะดื้อๆด้วยความสบายใจซะจนหน้าหมั่นไส้ เอ่อ ใช่สิ มาโยนระเบิดความสงสัยทิ้งไว้ให้ผมดังตูมม แล้วก็จากไปซะเฉยๆ
“อะ... คุณเป็นใคร”ไอ้ไอผู้หน้าสงสารที่ถูกลืมถามขึ้น ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นว่าดวงตาที่ไอ้ไอมองมาที่ผมไม่ได้ว่างเปล่าอีกต่อไป
เวทย์มนต์คลาย..ตั้งแต่เมื่อไหร่...
“ฉะ... ฉันชื่อพายุ”
“ไม่ !” ไอ้ไอตะโกน บ้าเอ้ย อยู่กันแค่นี้ตะโกนเพื่อ แถมเขตแดนก็พังแล้วด้วย ชาวบ้านได้ยินกันหมด
“นาย... มึง ไม่ได้ชื่อพายุ”ไอ้ไอทำหน้าเหมือนนึกอะไรออกทำเอาผมลุ้นตัวโก่งว่ามันจะนึกออกไหม
“มึง...โอ๊ยกูนึกไม่ออกหว่ะ ไม่นึกแล้วปวดกะบาล”
ได้ข่าวว่ามึงพึ่งจะนึกได้สองวิ มึงยอมแพ้ง่ายไปนะไอ้ไอ - - พยายามอีกนิดเพื่อกูไม่ได้รึไงT^T
“ไปเถอะ” พี่ไฟลากผมออกมาด้วยความเบามือและระมัดระวังเป็นพิเศษ
“พี่ไฟ พี่ต้อง...ไอ้ลม”แล้วไอ้ไอฟุบลงไปกับพื้น พี่ไฟทำหน้าเครียดเมื่อไอ้ลมเรียกชื่อของผม
“พะ พี่ทำอะไรมัน”
“แค่ทำให้หลับน่ะเดี๋ยวก็ตื่นไม่ต้องห่วง”พี่ไฟก้มลงหอมแก้มผม ประคองเอวของผมไว้ทะนุถนอมผิดปกติ
ไม่ใช่ว่าผมเป็นสาย M ชอบความรุนแรงหรืออะไรหรอกนะครับอย่าพึ่งข้าใจผิด แต่มันผิดวิสัยของพี่มันมากๆ
“พี่ไม่ต้องทำเหมือนผมกำลังท้องก็ได้นะ” มันไม่ชิน
‘ให้เขาดูแลน่ะถูกต้องแล้ว’ เสียงของอานแทรกเข้ามา
ทำไม???
‘ถามทาสของเจ้าดูเองก็แล้วกัน’
ขอบคุณ !!
ไฟและลมเดินจากไปอย่างเงียบเชียบโดยที่ไม่รู้เลยว่าคนที่ควรจะโดนมนตรานิทรานั่นกลับลุกขึ้นมานั่งได้หน้าตาเฉย แถมยังบิดขี้เกียจยืดเส้นยืดสายด้วยความสบายใจอีกด้วย
“หึหึ สิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริงหรือไม่”เสียงของปีศาจกระซิบบอก
“ผมไม่เชื่อหรอกว่าไอ้ลม มันจะโกหกผมจริงๆ ซามาน”
“ฮะๆ ถ้าท่านเชื่อจริงๆ ข้าก็คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้หรอก”
“ผมเชื่อใจเพื่อนของผม สักวันมันจะต้องบอกผมแน่”
“แล้วข้าจะคอยดู”ริมฝีปากแดงสดของซามานคลี่ยิ้มอย่างถูกใจ เขาไม่ได้เจอเหยื่อที่ใจแข็งแบบนี้มานานมากแล้ว ช่างท้าทายดูน่าสนุกซะจริง
“พี่ไฟปล่อยนะ”ผมพยายามแกะมือเฮียแกออกแต่เหมือนจะไม่ค่อยมีแรง ร่างกายก็ยังหนักๆกว่าปกติ
“ตอนนี้มึงอ่อนแอมาก อยู่เฉยๆเถอะ”
“ทำไมถึงอ่อนแอ หรือว่าจูบเมื่อกี้?”ผมหันควับไปจ้องหน้าพี่ไฟอย่างเอาเรื่อง
“ทำพันธะสัญญาเลือดน่ะ”
“หะ?”
ไฟยิ้มบางก่อนจะดึงลมขึ้นมานั่งตักตระกองกอดเอวคนรักไว้อย่างเบามือ ดวงตาสีเงินนั้นจ้องลึกเข้ามาอย่างมีความหมาย
“เมื่อก่อนตอนที่มึงยังเป็นมนุษย์ กูเคยพยายามประทับตราแล้ว แต่ทำๆไปได้นิดเดียวร่างกายมึงก็รับไม่ไหวล้มป่วยเอา จำได้ไหมตอนที่เป็นไข้”
“อ๋อ”ผมพยักหน้าพยายามนึกไปเมื่อตอนที่ตนล้มป่วย เพราะคิดว่าตากฝนนานเกินไป
“ตอนนี้มึงแข็งแรงพอจะรับพันธะสัญญาทั้งหมดได้แล้ว ประจวบเหมาะกับที่พวกนักล่าเริ่มระแวงพอดี ที่จริงก็ไม่ได้กะจะให้มันรวบรัดขนาดนี้หรอก”พี่ไฟซบหน้าลงบนอกของผม ขนายาวยาวเป็นแพรหลับตาพริ้มเหมือนลูกหมาเชื่องๆ
“แล้ว...ทำพันธะสัญญานั่นมีประโยชน์อะไรละ?”
“ตกเป็นทาสขออีกฝ่ายโดยไร้เงื่อนไขใดๆ”
ไม่เห็นจะมีประโยชน์เลยครับ - - ถึงแม้ว่าพี่ไฟจะตกเป็นทาสของเฮียแกก็จริงแต่ผมจะเอาพลังที่ไหนไปสั่งเฮียแกได้วะ !! (โดนบังคับที่ไรสุดท้ายแม่งก็สมยอมตลอดอ่ะ)
“ถ้านายตาย ฉันก็จะตายตาม”
“อาว ..แบบนี้ถ้าพี่ตายผมไม่ต้องตายตามพี่หรอ”
“ไม่” มันเหมือนมีห่วงเหล็กหนักๆคล้อคอผมอยู่ ประมาณว่าผมจะตายไม่ได้เด็ดขาด
พี่ๆไฟไล่มือไปตามหัวไหล่ของผมซึ่งมีสัญลักษณ์คล้ายรอยสักสีเงินรูปมหาป่ามีปีกโผล่ขึ้นมา นั่นทำให้ผมยกมือขึ้นลูบอย่างแปลกใจ มีเป็นสีเงินเหมือนดวงตาของพี่ไฟ ลมร้อนๆเป่ารดแก้มของผม ใบหน้าของพี่ไฟอยู่ห่างจากใบหน้าของผมเพียงฝ่ามือกั้น สายตาสอดประสานสะกดผมให้นิ่งไป
“ใช่นอกจากนายจะมีสามีแล้ว นายยังได้คนรับใช้ส่วนตัวเพิ่มมาอีกหนึ่งคนด้วย”
ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้ตัวว่าที่นี่ยังมีอีกคนยืนมองอยู่ในคือพี่ชาร์ พี่ไฟสบถยาวเหยียดกับการขัดจังหวะแบบไม่รู้การละเทศะของเพื่อนรัก
“ชิ คนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม..”
เพี๊ยะ !
“เงียบไปเลยนะพี่ไฟ”พี่กลืนเสียงขอตัวเองลงไปทันทีที่โดนสั่งเสียงเฉียบ ทำหน้าเซงเล็กน้อยแต่ก็ทำได้แค่กอดไอ้ตัวแสบไว้เท่านั้น
“พี่ชาร์พี่กิตละครับ”
“ก็ดี แต่ยังควบคุมพลังไม่ได้ ถ้าเจอกันอาจจะเผลอฆ่านายก็ได้”ชาร์ถอนหายใจยาว รายนั้นพลังควบคุมยากเอาการ ถึงแม้ว่าพลังจะไม่ได้เยอะมากเท่าของลม แต่พลังที่ดุร้ายแบบนั้นก็ชวนให้ลำบากใจอยู่เหมือนกัน
“แล้วมานี่มีธุระอะไร”พี่หรี่ตามองอย่างจับผิดในใจก็คิดแผนแก้แค้นไว้ลึกๆ
“มีข่าวลือว่ามีนักล่าที่อ่อนแอมาก...”แล้วพี่ชาร์ก็เหลือบสายตามองมองผมแวบหนึ่ง ทำเอาผมขมวดคิ้วแทบชนกัน
“พวกปีศาจเริ่มตั้งค่าหัวของนายแล้วลม ซึ่งมัน...”พี่ชาร์ยื่นกระดาษให้ผม รายละเอียดในกระดาษมีใบหน้าของผมโชว์หราอยู่ ข้างล่างเป็นตัวเลขที่ผมเห็นแล้วแทบจะฉีกทิ้ง
50 เอเมน
“ยินดีด้วยนายเป็นนักล่าที่มีค่าหัวต่ำที่สุดในประวัติการณ์”พี่ชาร์ฉีกยิ้ม คำพูดเชือดเฉือนหัวใจของผมเหลือเกิน...
พี่ไฟดึงกระดาษในมือผมไปดูต่อแถมยังหัวเราะเสียงดังแบบไม่เกรงใจกัน
0TZ โถ่โว้ย !!
“ฮ่าๆๆๆๆ เหมาะสมมาก”
อะไรเหมาะสมไม่ทราบ ! ผมดึงกระดาษนั่นคือแล้วฉีกๆๆเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“ช่วงนี้คงมีพวกปีศาจมารบกวนเยอะหน่อย ระวังตัวด้วยละกัน”พี่ชาร์เหลือบตามองเศษกระดาษที่ปลิวกระจายก่อนจะหายวับไปในอากาศ
พวกปีศาจจะมารบกวนผมมาขึ้นงั้นหรอ?... แบบนี้ก็แย่น่ะสิผมยังอยู่ในช่วงร่างกายอ่อนแอ
“ไม่เป็นไรมีกูอยู่ทั้งคน หายห่วง”พี่ไฟฉีกยิ้มอย่างมั่นใจ ก่อนจะลูบหัวผมเบาๆ
“มั่นใจจังนะ”ผมพูดขึ้นด้วยความมั่นไส้
“ก็คนมันหล่อ”พี่ไฟคลึงนิ้วคลายหัวคิ้วของผมที่แทบจะชนกันให้คลายออก นั่นทำให้ผมรู้สึกคลายความเครียดลงไปด้วย เฮียแกทำตัวน่ารักขึ้นนะผมว่า หรือผมรู้สึกไปเอง?
เค้าว่ากันว่าหลังความสงบ พายุมันมักจะก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ...
***
เอ้ย ตอนที่แล้วผมหลุดปล่อย nc ไปเต็มๆไม่มีใครสะกิดบอกผมเลยอ่ะ T^T เกือบไปแล้วเชียว !
ความคิดเห็น