Crumbling world : The judgement วันพิพากษา - นิยาย Crumbling world : The judgement วันพิพากษา : Dek-D.com - Writer
×

    Crumbling world : The judgement วันพิพากษา

    ผู้เข้าชมรวม

    397

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    397

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  สงคราม
    จำนวนตอน :  1 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  28 ส.ค. 66 / 20:44 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

     บทนำ

    บทคำกล่าวหนึ่งที่เคยเอ่ย “ไม่มีสงครามใดนำความสงบอันแท้จริงมาสู่โลก” โลกนี้นั้นคู่ควรแก่การถูกปกป้องเพียงแต่ใครกันเล่าที่ควรถือสิทธิ์เป็นผู้ปกป้องโลกใบนี้ นี่จะเป็นบันทึกเล่มสุดท้ายที่บอกเล่าเรื่องราวที่อาจถูกลบไปแล้วของโลกใบหนึ่งที่ควรคู่ต่อการมีอยู่

    สหพันธรัฐปัสคาวผู้นับถือพระผู้ช่วยให้รอดอุทิศตนเพื่อจะนำความสงบสุขอันแท้จริงมาสู่โลกใบนี้ ที่พระผู้ช่วยของพวกเขาได้ย่อมสละชีวิตเพื่อไถ่บาป คำทำนายหนึ่งปรากฏขึ้นสู่ใจของชาวปัสคาวและอาจเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ไปตลอดกาล

    “อาหารกลายเป็นยาพิษ ปีศาจเขี้ยวยาวถือกำเนิด มาพร้อมเพลิงเผาผลาญทุกสิ่ง เลือดมนุษย์นองล้างแผ่นดิน ฝนจากฟากฟ้าจะทำลายล้างคนบาปด้วยวาทะแห่งพระเจ้า” คำทำนายแห่งบ่อเกิดสร้างผู้ไถ่บาปขึ้นอีกครั้ง

    คลอรีเดียน มนุษย์ผู้มีรูปลักษณ์ที่แตกต่างผมสว่างดุจสีควันของยาสูบไปทิศทางเดียวกับสีของนัยน์ตา ขับประกายด้วยสีผิวขาวประกายดุจทองคำ นำมาซึ่งการเป็นผู้ไถ่เมื่อพวกเขาคือชาวปัสคาวโดยสายเลือด ประกาศสงครามโลกครั้งที่หนึ่งกับจักรวรรดิอโนโรเฟียผู้นำถือเทพเจ้าด้วยใจที่เคารพ

    มอร์คเจียน มนุษย์ผมดำขับกับผิวเนื้อทรายราวผู้ที่พระเจ้าสรรค์สร้างให้นัยน์ตาของพวกเขามีสีที่แปลกประหลาด รวมตัวกันเป็นกับจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่อย่างอโนโรเฟียที่เข้มแข็ง แต่กลับต้องพ่ายให้แก่ปัสคาวเมื่อเหล่าทาสที่พวกเขากดขี่ลุกขึ้นปฏิวัติ โจมตีพวกเขาจากภายใน ความพ่ายแพ้ของอโนโรเฟียเป็นการเตือนภัยสู่ชาวตะวันออกก่อนที่จะถูกรุกคลือบคลาน

    สงครามที่สงบลงจากชัยชนะของปัสคาวไม่ได้หยุดลงเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองเกิดขึ้นทิ้งระยะเวลาไม่ห่างกัน สหราชอาณาจักรนอร์ทผู้นับถือเทพเจ้าต่างกันถูกประกาศศึก ปัสคาวปิดครองน่านน้ำทางเปิดออกสู่ทะเลปิดการขนส่งอาหารเข้าสู่พื้นที่หนาวเหน็บ

    เมโดแคลม มนุษย์ผู้มีผมสีครีมอ่อนจากการอาศัยในแดนที่หนาวเหน็บ เม็ดผิวสีขาวชมพูขับดันด้วยนัยน์ตาสีฟ้าดุจท้องนภายามตะวันตรงหัวอย่างชาวนอร์ท หากสุดท้ายแล้วต้องประกาศยอมแพ้ปัสคาวหลังจากที่เข้าสู่ฤดูแห่งเหมันต์

    แมมดีฟผู้อาศัยในทุ่งทะเลทรายอันห่างไกลถูกจักรวรรดิเอฟเปียโน่ยึดครอง แม้จะรอดพ้นจากปัสคาวมาได้แต่ก็เสียน่านน้ำไปมาก การล่าอาณาคมของปัสคาวไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงกระทั่งรุกเข้าดินแดนตะวันออก อาณาจักรเล็กถูกล้อมไว้ทุกทิศทาง

    ชาวโยเดีย อาณาจักรเล็กนั้นสถาปนาตนเองด้วยชื่อใหม่นามว่าเพียร์ ที่เคยถูกมองข้ามไปในครั้งสงครามโลกครั้งที่สองได้ทำการเลิกทาสและปฏิรูปตนเองอย่างรวดเร็วกระทั่งขึ้นมาเป็นอาณาจักรที่รุ่งเรืองด้านอาหารมากที่สุดในโลก

    ชาวเพียร์ได้ทำการริบอาวุธจากทั่วอาณาจักรโลกโดยการให้นำมาแลกกับอาหารหากต้องการอาหารในโลกที่ขาดแคลน และการกระทำของชาวเพียร์อาจนำมาซึ่งสงครามที่พวกเขาคิดไม่ถึง

    ครีอีเตอร์ สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์แห่งปัสคาวส่งพวกมันเข้าฝังตัวในแผ่นดินของเพียร์ พวกเขาหวังให้เพียร์ย่อยยับจากภายในกลายเป็นอาณาจักรที่ล่มสลายโดยที่ไม่ต้องลงมือขยับตัวให้เสียกำลังทหารในการประกาศสงครามโลกอย่างสองครั้งที่ผ่านมา

    แต่พวกเขาผิดคาด เมื่อตาลบุรี เมืองที่ต่อต้านและปิดความลับเรื่องของครีอีเตอร์ หรืออสูรพลี ชื่อพวกเขาตั้งให้ หน่วยรบพิเศษนามด้วยวายุภักษ์ กลายเป็นกองบินรบต่อสู้กับอสูรพลีได้ยาวนานกว่าสองปี กระทั่งความลับของปัสคาวที่ส่งพวกมันเข้าไปแตก

    “สงครามจึงเริ่มขึ้นตั้งแต่นั้น”

     

    เปลวเพลิงลุกโชติที่แผดเผาเมล็ดข้าวสารที่ถือเป็นสิ่งมีค่าที่สุดสำหรับชาวเพียร์ ความเงียบสงัดนั้นเหมือนจมลงสู่ขุมอเวจีที่พวกเขาพร้อมที่จะย่อนขาของตัวเองลงไป อาหารของพวกเขาติดเชื้อ จากสิ่งที่ปัสคาวปล่อยมันลงมา น้ำตาของชาวเพียร์ทั่วทั้งแผ่นดินรินไหล

    วายุภักษ์ยืนตั้งแถวตัวตรงอยู่หน้ากองเพลิงขณะที่กระสอบข้าวกระสอบแล้วกระสอบเหล่าถูกโยนลงไปในกองเพลิง ความร้อนจากไฟที่กระทบสู่ใจของวายุภักษ์ทุกคน

    “เพียร์ ไม่เคยแพ้”เสียงกล่าวอันหนักแน่นชายวัยกลางคนที่ลุกขึ้นหันหลังให้กองเพลิง “และ…เราจะไม่ยอมให้ใครทำลายแผ่นดินที่เคยล้างด้วยเลือดของบรรพบุรุษ”เสียงกล่าวด้วยแววตาที่มุ่งมั่น

    สิ่งมีชีวิตตัวเล็กที่มีข้อปล่องอย่างหนอนแทบจะทุกชนิดที่อยู่ในโหลสีใส ถูกโยนลงสู่กองเพลิงที่แผดเผาพวกมันจนแห้งตายไปอย่างรวดเร็ว เหล่าวายุภักษ์ในชุดเครื่องแบบสีเขียวเห็นสว่างชัดเมื่อความหวาดกลัวต่อสิ่งที่ถูกเผาไปนั่นหายไปจากจิตวิญญาณ

    “พี่น้อง พ่อแม่ เพื่อน คนรัก”ชายผู้ที่กล่าวกวาดสายตามองใบหน้าที่ชุ่มเหงื่อผสมกับคราบน้ำตาของวายุภักษ์ทุกคนอย่างถ้วนทั่ว “ไอ้พวกปัสคาวยัดเหยียดความตายให้พวกเขา ให้พวกเรา”เสียงหนักแน่นที่แม้แต่สายลมยังตอบรับ สายตาของเขาที่มองกดลงยังเมล็ดข้าวสารที่เลี้ยงชีวิตจนเติบใหญ่จำต้องถูกเผาทำลายทิ้งด้วยมือของพวกเขาเองอย่างน่าเจ็บใจ “เพียร์ จะประกาศสงคราม ถ้าพวกมันต้องการปีศาจ เราสอนให้มันรู้ว่าปีศาจที่แท้จริงเป็นอย่างไง! เราจะเอาเลือดปัสคาวล้างแผ่นดิน ให้ได้มากกว่าเมล็ดพันธุ์ที่เราหว่านลงดิน!!”

    ร้องโห่ร้องปลุกขวัญกำลังใจดังกึกก้องไปทั่วพื้นพิภพ ธงรูปช้างสัตว์ใหญ่ที่งายาวเป็นคู่ถูกคว่ำหัวลงก่อนจะเชิญธงขึ้นสูงยอดเสา สายลมพัดสะบัดธงตามธรรมเนียมการคว่ำธงรูปสัตว์ประจำชาติของตัวเองลงคือการประกาศตนเข้าสู่สงครามอย่างเต็มรูปแบบ

    ทั่วทั้งแผ่นดินเพียร์ เทือกเขา แนวน้ำ ปลายทะเล เมืองใหญ่ต่างพาให้คว่ำธงรูปช้างเชิญขึ้นสู่ยอดเสา ทอดผ่านออกไปยั่งเขตชายแดนในอาณาจักรอื่น “เพียร์ประกาศสงครามแล้ว”

     


     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น