คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : Chapter25.5: The word she couldn't catch
กริ๊ก!
เสียงประตูบ้านถูกเปิดออก ตามมาด้วยร่างของชายหนุ่มสองคนและเด็กสาวอีกหนึ่งที่เดินเข้ามา ทั้งหมดถอดรองเท้าเงียบๆ แล้วจึงพากันเดินไปยังส่วนที่เป็นห้องครัว
“เฮ้อ...อีกพักกว่าอาราวเน่จะกลับมา แต่ตอนนี้ข้าชักจะหิวแล้วแฮะ” อดีตพรีเมร่าเอสปาด้าบ่นงึมพลางเดินล้วงกระเป๋าไปเปิดตู้ หยิบกาต้มน้ำออกมา รินน้ำแล้วตั้งไฟ จากนั้นจึงหยิบซองชาออกมาโยนไว้บนเคาน์เตอร์
“เจ้าจะเอาชาด้วยมั้ยลิลิเนต อุลคิโอร่า” เด็กสาวข้างตัวส่ายหัวน้อยๆ หาวออกมาทีหนึ่ง แล้วจึงเดินสะโหลสะเหลผ่านเขาไปยังห้องนอน ส่วนชายหนุ่มเจ้าของชื่อเอ่ยปฏิเสธเสียงค่อย เอนตัวพิงเคาน์เตอร์อยู่ไม่ไกลนัก แววตาเขาบ่งบอกว่ากำลังคิดบางอย่าง เมื่อเหลือกันเพียงสองคนในห้อง และความเงียบโรยตัวมาสักพักใหญ่ สตาร์คที่สังเกตความผิดปกตินี้จึงเริ่มเปิดประเด็น
“ได้ข่าวว่า...เจ้าโดนอาราวเน่สารภาพรัก” คนถามยิ้มกริ่ม
“แม้แต่ภารโรงยังรู้เรื่อง...ดูเหมือนข่าวลือจะแพร่กระจายเร็วกว่าที่ข้าคิด” อีกฝ่ายตวัดสายตากลับมามอง พลางตอบอย่างเย็นชา
“ก็นะ...ยัยนั่นบทจะกล้าก็กล้าจริงๆ เล่นตะโกนซะเสียงดังต่อหน้าต่อตานักเรียนเป็นสิบ เป็นช็อตที่เด็ดมาก จนข้าล่ะเสียดายที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์” สตาร์คเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ ส่งสายตาวิบวับล้อเลียน
“รู้สึกว่าจะไปโดนใครเอาความเชื่อแปลกๆเป่าหูเอา” อุลคิโอร่าเอ่ยเสียงเรียบ เบนสายตาหลบคนตรงหน้าที่จ้องมา
...สารภาพรักเวลาเที่ยงตรงวันคริสต์มาส ถ้าสมหวังทั้งคู่จะครองรักกันไปยาวนาน...ความเชื่อแปลกๆที่ระบาดอยู่ในหมู่นักเรียนหญิง มีคนเล่าให้เขาฟังเหมือนกัน และเขาก็คิดว่ามันไร้สาระทั้งเพ แต่ยัยนั่นยังอุตส่าห์เชื่อเข้าไปได้ ตลอดบ่ายวันนั้นเขาเลยแทบไม่เป็นอันสอน เพราะพวกครูพวกนักเรียนเอาแต่ล้อเขาเรื่องนี้อยู่นั่นแหละ
“แล้ว...คำตอบล่ะ” ประโยคนั้นเรียกดวงตาสีเขียวให้หันกลับไปมองชายอีกคนในห้องอีกครั้ง
“ไม่รู้...ยังไม่ได้คิด” จบคำพูดนั้น รอยยิ้มกริ่มหายไปจากใบหน้าของสตาร์ค เขาจ้องอุลคิโอร่าด้วยสายตาเหมือนผู้ใหญ่สอนเด็ก พูดจริงจัง
“ข้าว่ามันไม่ยุติธรรมที่จะพูดแบบนั้นนะ อุลคิโอร่า...เจ้าคิดว่าการที่ใครสักคนจะสารภาพรักออกมาได้ มันต้องใช้ความกล้าแค่ไหนกัน แล้วเจ้าคิดว่าระหว่างที่รอคำตอบรับของเจ้า นางจะรู้สึกกังวลขนาดไหน...รักหรือไม่รัก ก็พูดออกไปตรงๆให้นางรับรู้ซะ” เมื่อพูดจนจบ อีกฝ่ายก็ยังคงทำเพียงแค่เงียบ สตาร์คจึงกล่าวต่อเหมือนพอจะอ่านอะไรออกจากใบหน้าเรียบเฉยนั้น
“สับสนเรื่องอาราวเน่กับเด็กมนุษย์ที่ชื่อโอริฮิเมะนั่นรึไง?”
แววตาที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันก่อนจะกลับมานิ่งตามปกตินั้นไม่พ้นการสังเกตของสตาร์ค...ดูเหมือนเขาจะเดาถูก ชายหนุ่มยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองอีกครั้ง สีหน้าลำบากใจ
“ถามจริงๆเถอะ เจ้าชอบยัยเด็กมนุษย์นั่นจริงๆเรอะ ทั้งๆที่ได้พบกับนางแค่ไม่นานเท่านั้น แต่อาราวเน่น่ะ...ยัยนั่นอยู่กับเจ้ามานานหลายสิบปีแล้ว หน้าตาก็แทบจะเหมือนกัน”
“ท่าทางเรื่องของข้ากับแม่หญิงจะเป็นที่สนใจของเอสปาด้าคนอื่นๆมากเลยนะ...ข้าชักไม่แน่ใจแล้วว่าการกระทำของข้ามันโจ่งแจ้ง หรือเป็นเพราะพวกเจ้าคอยตามสังเกตข้าทุกฝีก้าวกันแน่” เสียงทุ้มเรียบเย็นและแววตาคาดคั้นนั้นทำเอาคนฟังสะอึก รีบหลบสายตา
...ก็นะ...ใครมันจะไปกล้าบอกเล่าว่าพฤติกรรมของอุลคิโอร่าหลังจากพบเด็กมนุษย์คนนั้นมันเป็นที่ลือกันให้กระฉ่อนวังกันเลยทีเดียว แม้แต่พวกท่านไอเซ็นยังเคยให้พวกอารันคาร์คอยสังเกตการณ์แล้วเอามาคุยกันให้สนุกปากด้วยซ้ำ ยิ่งซีนเจ้าเอสปาด้าน้ำแข็งนี่โดนตบเข้าให้แล้วเจ้าตัวยังเฉย...พวกอารันคาร์หลายคนถึงกับตั้งวงเดิมพันเรื่องรักสามเส้าระหว่างมันกับอาราวเน่ แล้วก็โอริฮิเมะว่าจะลงเอยแบบไหนเลยแหละ ก็มันน่าแปลกมั้ยล่ะ...ทั้งๆที่อาราวเน่ก็อยู่กับมันมานาน แถมใครๆก็ดูออกว่ายัยนั่นชอบมันถึงขนาดยอมตายถวายชีวิต ทำไมมันไม่เคยคิดจะสนใจ แต่พอเจอยัยเด็กมนุษย์นั่นหน่อยล่ะรีบออกอาการประหลาดๆเชียว ถ้าโอริฮิเมะสวยบาดใจก็ว่าไปอย่าง...แต่นี่ก็หน้าตาเหมือนกับฟรานเชี่ยนมันเป๊ะๆแท้ๆ
...เสียงควันน้ำเดือดที่ดังวี้ขึ้นมา เรียกสตาร์คให้หันไปมอง ชายหนุ่มเดินไปปิดไฟ ความเงาของตัวกาน้ำสะท้อนให้เห็นภาพของชายหนุ่มผมยาวระต้นคอ...ภาพของเขาเอง...แล้วเหมือนจู่ๆสมองสตาร์คก็เหมือนจะฉุกคิดอะไรขึ้นได้ แต่ยังไม่แน่ใจนัก เขาจึงลองถามออกไป...
“ถ้าเจ้าชอบโอริฮิเมะจริง ยังไงทางนั้นก็คงหวังยากเพราะนางไม่ได้ชอบเจ้าแบบนั้น...ไหนๆอาราวเน่ก็หน้าเหมือนกัน ทำไมเจ้าไม่เอานางมาเป็นตัวแทนเล่า” ประโยคยั่วนั้นเรียกสายตาสีเขียวเข้มให้ตวัดมอง นัยน์ตาของอุลคิโอร่าวาวโรจน๋ขึ้นเหมือนไม่พอใจ
“ข้าไม่เคยคิดจะเอาอาราวเน่มาเป็นตัวแทนของแม่หญิง...ถึงจะหน้าตาเหมือนกันแค่ไหน พวกนางก็ไม่ใช่คนๆเดียวกัน”
“งั้นรึ...แล้วถ้าสลับกันล่ะ เจ้าเคยคิดที่จะเอาโอริฮิเมะมาเป็นตัวแทนของอาราวเน่รึเปล่า” สิ่งที่สตาร์คโพล่งออกมานั้น ทำเอาอีกฝ่ายตั้งตัวไม่ติด อุลคิโอร่าหรี่ตา
“หมายความว่าไง”
“ความหมายของข้าก็คือ...ข้าคิดว่าที่เจ้ารู้สึกแปลกๆต่อโอริฮิเมะ เพราะเจ้ากำลังมองอาราวเน่ผ่านตัวนางไงล่ะ” คำพูดนั้นเหมือนตีแสกเข้าสู่หัวสมองของคนฟัง...เอสปาด้าหมายเลขสี่เบิกตาโพลงกับมุมมองด้านนี้ที่เขาไม่เคยนึกถึงมาก่อน สตาร์คโคลงหัว ยิ้มเหยียดกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่าย
“เจ้าว่ามันเป็นไปได้เหรอ กับการที่เจ้าอยู่ใกล้ชิดพูดคุยกับอาราวเน่มาตลอดแต่กลับไม่คิดอะไร แต่จู่ๆวันหนึ่งโอริฮิเมะ ผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนคนข้างตัวเจ้าทุกกระเบียดนิ้วจะปรากฏขึ้นมา แถมตลอดเวลาก็แทบจะไม่ได้พูดคุยกันเลยแท้ๆ แต่เจ้ากลับสนใจนางมากกว่าอาราวเน่น่ะ” ความคิดเห็นของสตาร์ค ทำให้อุลคิโอร่าเบนสายตาลงมองพื้น ถามตนเอง
...สตาร์คพูดถูก...ทำไมข้าถึงสนใจแม่หญิงกัน ทั้งๆที่นอกจากเวลาแจ้งข่าวหรือเวลาอาหารข้าก็ไม่ได้พบไม่ได้พูดคุยกับนางเลยสักนิด แถมต่อให้นอกจากเวลาพวกนั้น...ข้าก็ไม่ได้รู้สึกกระตือรือร้นที่จะได้พบนางด้วย...จะว่าสนใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นก็พูดได้ไม่เต็มปาก...จริงอยู่ที่สนใจ...แต่นั่นเพราะหน้าตานางเหมือนอาราวเน่ทุกอย่างเลยไม่ใช่หรือไง...
...นั่นสิ...ทั้งๆที่ข้าได้ใกล้ชิด ได้พูดคุยกับอาราวเน่มากกว่าแท้ๆ หน้าตาก็เหมือนกัน...ทำไมข้ากลับสนใจผู้หญิงอีกคนแทนเสียล่ะ...มันไม่น่าจะเป็นไปได้สักนิด นอกจากว่า...
แล้วอุลคิโอร่าก็ถึงกับชาวาบไปทั้งตัว เมื่อคำตอบปรากฏขึ้นในใจตนเอง
“เอาล่ะ...หลังจากที่ข้าเสียเวลาพล่ามมาตั้งนาน ขอถามอีกครั้งเถอะ...เอาเป็นว่า...เจ้าคิดยังไงกับอิโนะอุเอะ โอริฮิเมะ” สตาร์คถามขณะกำลังรินชาใส่แก้ว ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้าเอสปาด้าลำดับต่ำกว่าอีกครั้งเพื่อรอคำตอบ อีกฝ่ายนิ่งไปพัก ก่อนจะตอบออกมา น้ำเสียงนั้นไม่ราบเรียบดังเช่นปกติอีกต่อไป...ราวกับไม่มั่นใจในตนเอง
“...ข้าคิดว่าข้าคงชอบแม่หญิงจริงๆนั่นล่ะ”
“งั้นเหรอ...แล้วเจ้าคิดว่าเพราะอะไรล่ะ” สตาร์คเอ่ยเย้า พลางฉีกยิ้ม เมื่อเห็นสายตาอีกฝ่ายที่จ้องมาเหมือนจะบอกว่าอยากรู้ไปทำไม...ที่จริงคำตอบเขารู้อยู่แล้วล่ะ...แต่ให้มันพูดตอกย้ำให้ตัวเองฟังก็ท่าจะดี คนโดนถามเหมือนจะอึกอักเล็กน้อยที่ต้องมาเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟัง แต่สุดท้ายก็ยอมพูดออกมา
“คงเป็นเพราะ...ข้ามองเห็นอาราวเน่ผ่านตัวนาง” เขาเงียบไปครู่ แล้วจึงเอ่ยต่อ
“บางที...ถึงจะรู้ว่าไม่ใช่คนเดียวกัน แต่ข้าก็ไม่อยากให้คนที่หน้าเหมือนอาราวเน่สนใจผู้ชายคนอื่นมากกว่าข้าอยู่ดี ” เอสปาด้าหมายเลขสี่หลับตาลง เข้าใจตนเองเสียที...สาเหตุที่รู้สึกไม่ชอบใจมาตลอดที่โอริฮิเมะสนใจยมทูตผมส้มนั่นมากกว่าเขา แต่นั่นเป็นเพราะเขามองนางเป็นเสมือนตัวแทนของอาราวเน่ต่างหาก...เขาไม่ชอบ ที่สายตาของอาราวเน่จะจับจ้องที่ผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่เขา
เพราะตามปกติอาราวเน่มักจะคอยอยู่ใกล้ชิดเสมอ และให้ความสนใจเขามากกว่าใครๆ เขาจึงรู้สึกเหมือนมันเป็นเรื่องเคยชิน หากแต่เมื่อวันหนึ่งหญิงสาวที่หน้าตาเหมือนเธอราวกับฝาแฝดปรากฏตัวขึ้น สายตาของโอริฮิเมะกลับจับจ้องแต่เพียงสหายของนาง จิตใจของนางกังวลและสนใจถึงคนอื่นที่ไม่ใช่เขา...ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดที่ภายในแววตาที่เหมือนกับอาราวเน่นั้นไม่มีเขาอยู่อีกต่อไป มันทำให้ใจเขาบังเกิดอารมณ์ที่เรียกว่าโมโห เกรี้ยวกราด...และริษยาเป็นครั้งแรก
...การที่ได้พบกับโอริฮิเมะ ทำให้เขาสัมผัสถึงเสี้ยวหนึ่งของหัวใจ...หากมันคือสิ่งที่เป็นด้านมืดของหัวใจที่ปะทุขึ้นมาอย่างฉับพลัน
ส่วนด้านสว่างนั้น...มันค่อยๆก่อตัวขึ้นมาช้าๆหากนานมาแล้ว ความรู้สึกนั้นค่อยๆเพิ่มพูนขึ้นทีละนิด ทีละนิดโดยที่เขาไม่ทันรู้ตัว...นึกดูแล้วช่างน่าขันนัก...ปากบอกว่าสนใจสิ่งที่มนุษย์เรียกว่า ‘หัวใจ’ เฝ้าค้นหาคำตอบของมันแทบตาย...เขาจะค้นหาไปอีกทำไมกัน ในเมื่อที่จริงสิ่งนั้นก็อยู่ข้างตัวเขาตลอดมาไม่ใช่หรือไง...
...ทำไมเขาไม่รู้ตัวให้เร็วกว่านี้นะว่า
“ข้ารักอาราวเน่
” คำสารภาพนั้นหนักแน่น ย้ำให้กับหัวใจของตนเอง แววตาสีเขียวทอดมองพื้นมีแววอ่อนโยนยิ่งนักยามเอ่ยออกมา
“...รักทุกอย่างที่เป็นตัวนาง...รักจนแม้แต่คนที่เหมือนนางก็ไม่อยากมอบให้ใคร”
ประโยคนั้นแผ่วเบา...หากก็ดังพอให้อีกฝ่ายได้ยิน สตาร์คยิ้มพลางถอนใจอย่างโล่งอก ที่ในที่สุดอีกฝ่ายก็รู้ใจตนเองเสียที
...ข้าคงช่วยเจ้าได้เท่านี้ล่ะนะ อาราวเน่...
แต่แล้วเสียงกระแทกเท้าที่วิ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับบานประตูที่ถูกกระชากออกโดยแรง ทำให้การสนทนาถูกหยุดลง ชายหนุ่มทั้งคู่หันไปมองร่างแกร่งเจ้าของผมสีฟ้าที่ยืนเกาะประตูอยู่ สีหน้าคนที่เพิ่งมาใหม่นั้นโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด ร่างนั้นเลื่อนสายตาจดจ้องไปที่สตาร์ค แล้วจึงไปหยุดเขม็งอยู่ที่อุลคิโอร่า ตวาดเสียงกร้าว
“พวกแกไปพูดอะไรใส่แม่นั่น อาราวเน่ได้ถึงรีบวิ่งออกจากบ้านไปห๊า!!!!” ระหว่างที่รอคำตอบจากอีกสองคนที่ดูจะยืนตะลึงไปแล้ว กริมจอว์ก็เหมือนจะครุ่นคิดหนัก เขากวาดสายตาสลับไปมาระหว่างสองคนในห้องกับประตูบ้าน แต่สุดท้ายแล้วความเป็นห่วงที่มีต่อคนที่เพิ่งวิ่งออกจากบ้านไปก็ชนะความอยากรู้เรื่องคำตอบ กริมจอว์ละมือออกจากบานประตู วิ่งตรงออกจากบ้านเพื่อจะไปสตาร์ทรถมอเตอร์ไซด์ที่เพิ่งนำไปจอดอีกครั้ง ไม่วายตะโกนทิ้งท้าย
“กลับมา ข้าจะฟังคำตอบ! ถ้ามันไม่เข้าท่า พวกแกกับข้าได้เห็นดีกันแน่!!”
สตาร์คยกมือขึ้นกุมหัว รู้สึกปวดขมับขึ้นมาตงิดๆ...อาราวเน่ได้ยินที่พวกเขาคุยกัน และให้เดา คงได้ยินไปแต่ส่วนดีๆเท่านั้นแหงๆ ถึงได้รีบวิ่งออกไปแบบนี้... เขาเองก็ประมาทเกินไป ดูเหมือนจะชินกับความสงบสุขบนโลกมนุษย์จนประสาทสัมผัสเริ่มจะทื่อๆถึงไม่รู้ตัวว่ามีคนแอบฟัง งานนี้แทนที่เขาจะทำให้เรื่องของเจ้าเด็กสองคนนี้ง่ายขึ้น ดูเหมือนมันจะยุ่งขึ้นกว่าเดิมอีกมั้งเนี่ย...
สตาร์คหรี่สายตามองผ่านมือไปยังอีกร่างที่ถือเป็น ‘ตัวต้นเหตุ’ ร่างโปร่งนั้นรีบยกโทรศัพท์กดโทรไปหา...เดาว่าเป็นอาราวเน่ แต่แล้วก็ยกมือลง แล้วกดโทรใหม่อีกครั้ง...และอีกครั้ง...แววตาสีเขียวที่เคยสงบนิ่งนั้นเริ่มฉายแววกังวล
“ไม่ยอมรับสาย” อุลคิโอร่าพูดทิ้งท้ายแค่นั้น ถึงน้ำเสียงจะราบเรียบแต่มันแฝงแววร้อนรน ชายหนุ่มพับโทรศัพท์เก็บ แล้วรีบเร่งฝีเท้าก้าวเดินออกไปจากห้องทันที ตามด้วยเสียงปิดกระแทกของประตูหน้าบ้าน ก่อนที่ทุกอย่างจะตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง พร้อมๆกับมรสุมลูกใหญ่ที่ก่อตัวขึ้นในบ้านของเหล่าอารันคาร์พลัดถิ่นเหล่านี้
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ตอนที่25 กับ 25.5 นี้มันคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเวลาเดียวกัน แต่มามองอีกมุมกันดีกว่า มุมนี้ที่อารี่จังฟังไม่ครบ เพราะมันเกิดเวลาเดียวกันซีก็เลยรวมมันเป็นตอนที่25 แทรกไปนั่นแหละ ดูเหตุการณ์เต็มๆแล้วทุกคนจะได้ไม่คิดว่าดาบอุลใจร้ายเกินไปนัก แหม...สาวคนนึงอุตส่าห์บอกรัก แต่คุณชายกลับไปบอกชอบอีกคน...ถ้าดาบอุลเป็นงี้จริงไอ้ซีคงเชือดเฮียแกทิ้งคนแรกแหงๆ 55+
ตอนหน้าดาบกริมกับอารี่คุยกันค่ะ ไว้รอดูน๊า XD
อ้อ...ลืมบอกไป ช่วงเวลาที่อารี่เปิดประตู เสียงมันโดนกลบโดยเสียงกาน้ำค่ะ แล้วพอดีใจกำลังจดจ่อกับเรื่องที่คุยๆกันอยุ่ด้วย คุณชายทั้งสองในห้องเลยไม่ทันรู้ตัวว่าอารี่จังเข้ามาแล้วน่ะค่ะ
ปล. Dnovaจัง อยากเลี้ยง ดาบกริมงั้นเหรอ...เอามั้ยซียกให้ แต่ขอใช้งานต่ออีกพักนะคะ ไว้หมดประโยชน์เมื่อไหร่ซีจะยกใส่พานประเคนให้เลยค่า 55+
(กริมจอว์: พูดงี้ข้าจับเชือดเลยดีกว่า ยัยซี!)
(ซี: /ลี้ภัยไปแล้ว)
ความคิดเห็น