ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Bleach: Ulquiorra x Original] The Lullaby for my dream

    ลำดับตอนที่ #27 : Chapter25.5: The word she couldn't catch

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 890
      29
      28 ม.ค. 53

     

    กริ๊ก!

     

    เสียงประตูบ้านถูกเปิดออก ตามมาด้วยร่างของชายหนุ่มสองคนและเด็กสาวอีกหนึ่งที่เดินเข้ามา  ทั้งหมดถอดรองเท้าเงียบๆ แล้วจึงพากันเดินไปยังส่วนที่เป็นห้องครัว

     

    เฮ้อ...อีกพักกว่าอาราวเน่จะกลับมา แต่ตอนนี้ข้าชักจะหิวแล้วแฮะ อดีตพรีเมร่าเอสปาด้าบ่นงึมพลางเดินล้วงกระเป๋าไปเปิดตู้  หยิบกาต้มน้ำออกมา รินน้ำแล้วตั้งไฟ จากนั้นจึงหยิบซองชาออกมาโยนไว้บนเคาน์เตอร์

     

    เจ้าจะเอาชาด้วยมั้ยลิลิเนต อุลคิโอร่า  เด็กสาวข้างตัวส่ายหัวน้อยๆ หาวออกมาทีหนึ่ง แล้วจึงเดินสะโหลสะเหลผ่านเขาไปยังห้องนอน  ส่วนชายหนุ่มเจ้าของชื่อเอ่ยปฏิเสธเสียงค่อย  เอนตัวพิงเคาน์เตอร์อยู่ไม่ไกลนัก  แววตาเขาบ่งบอกว่ากำลังคิดบางอย่าง  เมื่อเหลือกันเพียงสองคนในห้อง  และความเงียบโรยตัวมาสักพักใหญ่  สตาร์คที่สังเกตความผิดปกตินี้จึงเริ่มเปิดประเด็น  

     

    ได้ข่าวว่า...เจ้าโดนอาราวเน่สารภาพรักคนถามยิ้มกริ่ม

     

    แม้แต่ภารโรงยังรู้เรื่อง...ดูเหมือนข่าวลือจะแพร่กระจายเร็วกว่าที่ข้าคิดอีกฝ่ายตวัดสายตากลับมามอง พลางตอบอย่างเย็นชา

     

    ก็นะ...ยัยนั่นบทจะกล้าก็กล้าจริงๆ เล่นตะโกนซะเสียงดังต่อหน้าต่อตานักเรียนเป็นสิบ  เป็นช็อตที่เด็ดมาก จนข้าล่ะเสียดายที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์  สตาร์คเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ ส่งสายตาวิบวับล้อเลียน

     

    รู้สึกว่าจะไปโดนใครเอาความเชื่อแปลกๆเป่าหูเอาอุลคิโอร่าเอ่ยเสียงเรียบ เบนสายตาหลบคนตรงหน้าที่จ้องมา

     

    ...สารภาพรักเวลาเที่ยงตรงวันคริสต์มาส  ถ้าสมหวังทั้งคู่จะครองรักกันไปยาวนาน...ความเชื่อแปลกๆที่ระบาดอยู่ในหมู่นักเรียนหญิง  มีคนเล่าให้เขาฟังเหมือนกัน และเขาก็คิดว่ามันไร้สาระทั้งเพ  แต่ยัยนั่นยังอุตส่าห์เชื่อเข้าไปได้  ตลอดบ่ายวันนั้นเขาเลยแทบไม่เป็นอันสอน เพราะพวกครูพวกนักเรียนเอาแต่ล้อเขาเรื่องนี้อยู่นั่นแหละ

     

    แล้ว...คำตอบล่ะ  ประโยคนั้นเรียกดวงตาสีเขียวให้หันกลับไปมองชายอีกคนในห้องอีกครั้ง 

     

    ไม่รู้...ยังไม่ได้คิดจบคำพูดนั้น รอยยิ้มกริ่มหายไปจากใบหน้าของสตาร์ค  เขาจ้องอุลคิโอร่าด้วยสายตาเหมือนผู้ใหญ่สอนเด็ก  พูดจริงจัง

     

    ข้าว่ามันไม่ยุติธรรมที่จะพูดแบบนั้นนะ อุลคิโอร่า...เจ้าคิดว่าการที่ใครสักคนจะสารภาพรักออกมาได้ มันต้องใช้ความกล้าแค่ไหนกัน แล้วเจ้าคิดว่าระหว่างที่รอคำตอบรับของเจ้า นางจะรู้สึกกังวลขนาดไหน...รักหรือไม่รัก ก็พูดออกไปตรงๆให้นางรับรู้ซะ  เมื่อพูดจนจบ อีกฝ่ายก็ยังคงทำเพียงแค่เงียบ  สตาร์คจึงกล่าวต่อเหมือนพอจะอ่านอะไรออกจากใบหน้าเรียบเฉยนั้น

     

    สับสนเรื่องอาราวเน่กับเด็กมนุษย์ที่ชื่อโอริฮิเมะนั่นรึไง?”

     

    แววตาที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันก่อนจะกลับมานิ่งตามปกตินั้นไม่พ้นการสังเกตของสตาร์ค...ดูเหมือนเขาจะเดาถูก  ชายหนุ่มยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองอีกครั้ง สีหน้าลำบากใจ

     

     

    ถามจริงๆเถอะ  เจ้าชอบยัยเด็กมนุษย์นั่นจริงๆเรอะ  ทั้งๆที่ได้พบกับนางแค่ไม่นานเท่านั้น  แต่อาราวเน่น่ะ...ยัยนั่นอยู่กับเจ้ามานานหลายสิบปีแล้ว  หน้าตาก็แทบจะเหมือนกัน

     

    ท่าทางเรื่องของข้ากับแม่หญิงจะเป็นที่สนใจของเอสปาด้าคนอื่นๆมากเลยนะ...ข้าชักไม่แน่ใจแล้วว่าการกระทำของข้ามันโจ่งแจ้ง หรือเป็นเพราะพวกเจ้าคอยตามสังเกตข้าทุกฝีก้าวกันแน่  เสียงทุ้มเรียบเย็นและแววตาคาดคั้นนั้นทำเอาคนฟังสะอึก  รีบหลบสายตา

     

    ...ก็นะ...ใครมันจะไปกล้าบอกเล่าว่าพฤติกรรมของอุลคิโอร่าหลังจากพบเด็กมนุษย์คนนั้นมันเป็นที่ลือกันให้กระฉ่อนวังกันเลยทีเดียว  แม้แต่พวกท่านไอเซ็นยังเคยให้พวกอารันคาร์คอยสังเกตการณ์แล้วเอามาคุยกันให้สนุกปากด้วยซ้ำ  ยิ่งซีนเจ้าเอสปาด้าน้ำแข็งนี่โดนตบเข้าให้แล้วเจ้าตัวยังเฉย...พวกอารันคาร์หลายคนถึงกับตั้งวงเดิมพันเรื่องรักสามเส้าระหว่างมันกับอาราวเน่ แล้วก็โอริฮิเมะว่าจะลงเอยแบบไหนเลยแหละ ก็มันน่าแปลกมั้ยล่ะ...ทั้งๆที่อาราวเน่ก็อยู่กับมันมานาน แถมใครๆก็ดูออกว่ายัยนั่นชอบมันถึงขนาดยอมตายถวายชีวิต  ทำไมมันไม่เคยคิดจะสนใจ  แต่พอเจอยัยเด็กมนุษย์นั่นหน่อยล่ะรีบออกอาการประหลาดๆเชียว  ถ้าโอริฮิเมะสวยบาดใจก็ว่าไปอย่าง...แต่นี่ก็หน้าตาเหมือนกับฟรานเชี่ยนมันเป๊ะๆแท้ๆ

     

    ...เสียงควันน้ำเดือดที่ดังวี้ขึ้นมา เรียกสตาร์คให้หันไปมอง ชายหนุ่มเดินไปปิดไฟ  ความเงาของตัวกาน้ำสะท้อนให้เห็นภาพของชายหนุ่มผมยาวระต้นคอ...ภาพของเขาเอง...แล้วเหมือนจู่ๆสมองสตาร์คก็เหมือนจะฉุกคิดอะไรขึ้นได้  แต่ยังไม่แน่ใจนัก เขาจึงลองถามออกไป...

     

    ถ้าเจ้าชอบโอริฮิเมะจริง  ยังไงทางนั้นก็คงหวังยากเพราะนางไม่ได้ชอบเจ้าแบบนั้น...ไหนๆอาราวเน่ก็หน้าเหมือนกัน ทำไมเจ้าไม่เอานางมาเป็นตัวแทนเล่า  ประโยคยั่วนั้นเรียกสายตาสีเขียวเข้มให้ตวัดมอง  นัยน์ตาของอุลคิโอร่าวาวโรจน๋ขึ้นเหมือนไม่พอใจ

     

    ข้าไม่เคยคิดจะเอาอาราวเน่มาเป็นตัวแทนของแม่หญิง...ถึงจะหน้าตาเหมือนกันแค่ไหน  พวกนางก็ไม่ใช่คนๆเดียวกัน

     

    งั้นรึ...แล้วถ้าสลับกันล่ะ  เจ้าเคยคิดที่จะเอาโอริฮิเมะมาเป็นตัวแทนของอาราวเน่รึเปล่าสิ่งที่สตาร์คโพล่งออกมานั้น ทำเอาอีกฝ่ายตั้งตัวไม่ติด  อุลคิโอร่าหรี่ตา

     

    หมายความว่าไง

     

    ความหมายของข้าก็คือ...ข้าคิดว่าที่เจ้ารู้สึกแปลกๆต่อโอริฮิเมะ  เพราะเจ้ากำลังมองอาราวเน่ผ่านตัวนางไงล่ะ  คำพูดนั้นเหมือนตีแสกเข้าสู่หัวสมองของคนฟัง...เอสปาด้าหมายเลขสี่เบิกตาโพลงกับมุมมองด้านนี้ที่เขาไม่เคยนึกถึงมาก่อน  สตาร์คโคลงหัว ยิ้มเหยียดกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่าย

     

    เจ้าว่ามันเป็นไปได้เหรอ กับการที่เจ้าอยู่ใกล้ชิดพูดคุยกับอาราวเน่มาตลอดแต่กลับไม่คิดอะไร แต่จู่ๆวันหนึ่งโอริฮิเมะ ผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนคนข้างตัวเจ้าทุกกระเบียดนิ้วจะปรากฏขึ้นมา แถมตลอดเวลาก็แทบจะไม่ได้พูดคุยกันเลยแท้ๆ แต่เจ้ากลับสนใจนางมากกว่าอาราวเน่น่ะ  ความคิดเห็นของสตาร์ค  ทำให้อุลคิโอร่าเบนสายตาลงมองพื้น  ถามตนเอง

     

    ...สตาร์คพูดถูก...ทำไมข้าถึงสนใจแม่หญิงกัน  ทั้งๆที่นอกจากเวลาแจ้งข่าวหรือเวลาอาหารข้าก็ไม่ได้พบไม่ได้พูดคุยกับนางเลยสักนิด  แถมต่อให้นอกจากเวลาพวกนั้น...ข้าก็ไม่ได้รู้สึกกระตือรือร้นที่จะได้พบนางด้วย...จะว่าสนใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นก็พูดได้ไม่เต็มปาก...จริงอยู่ที่สนใจ...แต่นั่นเพราะหน้าตานางเหมือนอาราวเน่ทุกอย่างเลยไม่ใช่หรือไง...

     

    ...นั่นสิ...ทั้งๆที่ข้าได้ใกล้ชิด ได้พูดคุยกับอาราวเน่มากกว่าแท้ๆ  หน้าตาก็เหมือนกัน...ทำไมข้ากลับสนใจผู้หญิงอีกคนแทนเสียล่ะ...มันไม่น่าจะเป็นไปได้สักนิด  นอกจากว่า...

     

    แล้วอุลคิโอร่าก็ถึงกับชาวาบไปทั้งตัว  เมื่อคำตอบปรากฏขึ้นในใจตนเอง

     

    เอาล่ะ...หลังจากที่ข้าเสียเวลาพล่ามมาตั้งนาน ขอถามอีกครั้งเถอะ...เอาเป็นว่า...เจ้าคิดยังไงกับอิโนะอุเอะ โอริฮิเมะสตาร์คถามขณะกำลังรินชาใส่แก้ว ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้าเอสปาด้าลำดับต่ำกว่าอีกครั้งเพื่อรอคำตอบ  อีกฝ่ายนิ่งไปพัก  ก่อนจะตอบออกมา  น้ำเสียงนั้นไม่ราบเรียบดังเช่นปกติอีกต่อไป...ราวกับไม่มั่นใจในตนเอง

     

    ...ข้าคิดว่าข้าคงชอบแม่หญิงจริงๆนั่นล่ะ

     

    งั้นเหรอ...แล้วเจ้าคิดว่าเพราะอะไรล่ะ  สตาร์คเอ่ยเย้า พลางฉีกยิ้ม เมื่อเห็นสายตาอีกฝ่ายที่จ้องมาเหมือนจะบอกว่าอยากรู้ไปทำไม...ที่จริงคำตอบเขารู้อยู่แล้วล่ะ...แต่ให้มันพูดตอกย้ำให้ตัวเองฟังก็ท่าจะดี  คนโดนถามเหมือนจะอึกอักเล็กน้อยที่ต้องมาเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟัง  แต่สุดท้ายก็ยอมพูดออกมา

     

    คงเป็นเพราะ...ข้ามองเห็นอาราวเน่ผ่านตัวนางเขาเงียบไปครู่  แล้วจึงเอ่ยต่อ

     

    บางที...ถึงจะรู้ว่าไม่ใช่คนเดียวกัน แต่ข้าก็ไม่อยากให้คนที่หน้าเหมือนอาราวเน่สนใจผู้ชายคนอื่นมากกว่าข้าอยู่ดี…” เอสปาด้าหมายเลขสี่หลับตาลง  เข้าใจตนเองเสียที...สาเหตุที่รู้สึกไม่ชอบใจมาตลอดที่โอริฮิเมะสนใจยมทูตผมส้มนั่นมากกว่าเขา  แต่นั่นเป็นเพราะเขามองนางเป็นเสมือนตัวแทนของอาราวเน่ต่างหาก...เขาไม่ชอบ ที่สายตาของอาราวเน่จะจับจ้องที่ผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่เขา

     

    เพราะตามปกติอาราวเน่มักจะคอยอยู่ใกล้ชิดเสมอ และให้ความสนใจเขามากกว่าใครๆ เขาจึงรู้สึกเหมือนมันเป็นเรื่องเคยชิน  หากแต่เมื่อวันหนึ่งหญิงสาวที่หน้าตาเหมือนเธอราวกับฝาแฝดปรากฏตัวขึ้น  สายตาของโอริฮิเมะกลับจับจ้องแต่เพียงสหายของนาง  จิตใจของนางกังวลและสนใจถึงคนอื่นที่ไม่ใช่เขา...ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดที่ภายในแววตาที่เหมือนกับอาราวเน่นั้นไม่มีเขาอยู่อีกต่อไป  มันทำให้ใจเขาบังเกิดอารมณ์ที่เรียกว่าโมโห เกรี้ยวกราด...และริษยาเป็นครั้งแรก

     

    ...การที่ได้พบกับโอริฮิเมะ  ทำให้เขาสัมผัสถึงเสี้ยวหนึ่งของหัวใจ...หากมันคือสิ่งที่เป็นด้านมืดของหัวใจที่ปะทุขึ้นมาอย่างฉับพลัน

     

    ส่วนด้านสว่างนั้น...มันค่อยๆก่อตัวขึ้นมาช้าๆหากนานมาแล้ว  ความรู้สึกนั้นค่อยๆเพิ่มพูนขึ้นทีละนิด ทีละนิดโดยที่เขาไม่ทันรู้ตัว...นึกดูแล้วช่างน่าขันนัก...ปากบอกว่าสนใจสิ่งที่มนุษย์เรียกว่าหัวใจ  เฝ้าค้นหาคำตอบของมันแทบตาย...เขาจะค้นหาไปอีกทำไมกัน  ในเมื่อที่จริงสิ่งนั้นก็อยู่ข้างตัวเขาตลอดมาไม่ใช่หรือไง...

     

    ...ทำไมเขาไม่รู้ตัวให้เร็วกว่านี้นะว่า

     

    ข้ารักอาราวเน่…” คำสารภาพนั้นหนักแน่น ย้ำให้กับหัวใจของตนเอง แววตาสีเขียวทอดมองพื้นมีแววอ่อนโยนยิ่งนักยามเอ่ยออกมา

     

    ...รักทุกอย่างที่เป็นตัวนาง...รักจนแม้แต่คนที่เหมือนนางก็ไม่อยากมอบให้ใคร

     

    ประโยคนั้นแผ่วเบา...หากก็ดังพอให้อีกฝ่ายได้ยิน สตาร์คยิ้มพลางถอนใจอย่างโล่งอก ที่ในที่สุดอีกฝ่ายก็รู้ใจตนเองเสียที

     

    ...ข้าคงช่วยเจ้าได้เท่านี้ล่ะนะ อาราวเน่...

     

    แต่แล้วเสียงกระแทกเท้าที่วิ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับบานประตูที่ถูกกระชากออกโดยแรง ทำให้การสนทนาถูกหยุดลง ชายหนุ่มทั้งคู่หันไปมองร่างแกร่งเจ้าของผมสีฟ้าที่ยืนเกาะประตูอยู่  สีหน้าคนที่เพิ่งมาใหม่นั้นโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด  ร่างนั้นเลื่อนสายตาจดจ้องไปที่สตาร์ค แล้วจึงไปหยุดเขม็งอยู่ที่อุลคิโอร่า  ตวาดเสียงกร้าว

     

    พวกแกไปพูดอะไรใส่แม่นั่น  อาราวเน่ได้ถึงรีบวิ่งออกจากบ้านไปห๊า!!!!”  ระหว่างที่รอคำตอบจากอีกสองคนที่ดูจะยืนตะลึงไปแล้ว  กริมจอว์ก็เหมือนจะครุ่นคิดหนัก เขากวาดสายตาสลับไปมาระหว่างสองคนในห้องกับประตูบ้าน  แต่สุดท้ายแล้วความเป็นห่วงที่มีต่อคนที่เพิ่งวิ่งออกจากบ้านไปก็ชนะความอยากรู้เรื่องคำตอบ  กริมจอว์ละมือออกจากบานประตู  วิ่งตรงออกจากบ้านเพื่อจะไปสตาร์ทรถมอเตอร์ไซด์ที่เพิ่งนำไปจอดอีกครั้ง  ไม่วายตะโกนทิ้งท้าย

     

    กลับมา ข้าจะฟังคำตอบ! ถ้ามันไม่เข้าท่า พวกแกกับข้าได้เห็นดีกันแน่!!”

     

    สตาร์คยกมือขึ้นกุมหัว  รู้สึกปวดขมับขึ้นมาตงิดๆ...อาราวเน่ได้ยินที่พวกเขาคุยกัน  และให้เดา  คงได้ยินไปแต่ส่วนดีๆเท่านั้นแหงๆ ถึงได้รีบวิ่งออกไปแบบนี้... เขาเองก็ประมาทเกินไป  ดูเหมือนจะชินกับความสงบสุขบนโลกมนุษย์จนประสาทสัมผัสเริ่มจะทื่อๆถึงไม่รู้ตัวว่ามีคนแอบฟัง งานนี้แทนที่เขาจะทำให้เรื่องของเจ้าเด็กสองคนนี้ง่ายขึ้น  ดูเหมือนมันจะยุ่งขึ้นกว่าเดิมอีกมั้งเนี่ย...

     

    สตาร์คหรี่สายตามองผ่านมือไปยังอีกร่างที่ถือเป็น ตัวต้นเหตุ ร่างโปร่งนั้นรีบยกโทรศัพท์กดโทรไปหา...เดาว่าเป็นอาราวเน่ แต่แล้วก็ยกมือลง แล้วกดโทรใหม่อีกครั้ง...และอีกครั้ง...แววตาสีเขียวที่เคยสงบนิ่งนั้นเริ่มฉายแววกังวล

     

    ไม่ยอมรับสาย อุลคิโอร่าพูดทิ้งท้ายแค่นั้น ถึงน้ำเสียงจะราบเรียบแต่มันแฝงแววร้อนรน  ชายหนุ่มพับโทรศัพท์เก็บ แล้วรีบเร่งฝีเท้าก้าวเดินออกไปจากห้องทันที ตามด้วยเสียงปิดกระแทกของประตูหน้าบ้าน ก่อนที่ทุกอย่างจะตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง พร้อมๆกับมรสุมลูกใหญ่ที่ก่อตัวขึ้นในบ้านของเหล่าอารันคาร์พลัดถิ่นเหล่านี้

     

     

    //////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

    ตอนที่25 กับ 25.5 นี้มันคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเวลาเดียวกัน  แต่มามองอีกมุมกันดีกว่า  มุมนี้ที่อารี่จังฟังไม่ครบ เพราะมันเกิดเวลาเดียวกันซีก็เลยรวมมันเป็นตอนที่25 แทรกไปนั่นแหละ  ดูเหตุการณ์เต็มๆแล้วทุกคนจะได้ไม่คิดว่าดาบอุลใจร้ายเกินไปนัก  แหม...สาวคนนึงอุตส่าห์บอกรัก แต่คุณชายกลับไปบอกชอบอีกคน...ถ้าดาบอุลเป็นงี้จริงไอ้ซีคงเชือดเฮียแกทิ้งคนแรกแหงๆ 55+

    ตอนหน้าดาบกริมกับอารี่คุยกันค่ะ  ไว้รอดูน๊า XD

     
    อ้อ...ลืมบอกไป  ช่วงเวลาที่อารี่เปิดประตู  เสียงมันโดนกลบโดยเสียงกาน้ำค่ะ  แล้วพอดีใจกำลังจดจ่อกับเรื่องที่คุยๆกันอยุ่ด้วย คุณชายทั้งสองในห้องเลยไม่ทันรู้ตัวว่าอารี่จังเข้ามาแล้วน่ะค่ะ

    ปล. Dnovaจัง  อยากเลี้ยง ดาบกริมงั้นเหรอ...เอามั้ยซียกให้  แต่ขอใช้งานต่ออีกพักนะคะ  ไว้หมดประโยชน์เมื่อไหร่ซีจะยกใส่พานประเคนให้เลยค่า 55+

    (กริมจอว์: พูดงี้ข้าจับเชือดเลยดีกว่า ยัยซี!)

    (ซี: /ลี้ภัยไปแล้ว)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×