คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 02
โปรดมองข้ามไฮไลท์เหลือง *O*
2
“หนูกำลังจะถึงห้องแล้วเนี่ย ไม่ต้องห่วงหรอกแม่"
[ขับรถดึกๆ ดื่นๆ คนเดียว จะไม่ให้แม่ห่วงได้ยังไง]
ก็ไม่ได้ดึกอะไรมากขนาดนั้น แค่สามทุ่มเอง แม่ฉันก็ขี้ตื่นจริงๆ อีกอย่างฉันไม่ได้ขับเองซะหน่อย ฉันเหลือบตามองลุงคนขับแท็กซี่ที่กำลังแอบมองฉันผ่านกระจกรถ สถานการณ์แบบนี้มันน่ากลัวชะมัด ตอนที่ขึ้นมาก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก แต่พอขึ้นมานั่งแล้วลุงเริ่มถามอะไรแปลกๆ เช่นว่าพักอยู่คนเดียวเหรอ ไปไหนมา ผมสีสวยจัง บลาๆ จนฉันต้องต่อสายตรงโทรหาแม่ที่อยู่เซี่ยงไฮ้เพราะไม่รู้จะโทรหาใคร ทว่าฉันก็พูดเรื่องที่นั่งแท็กซี่ไม่ได้ คือแม่ไม่รู้ว่าฉันเอารถของแม่ไปชนมาและกำลังซ่อมอยู่น่ะ -O-;;
เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วฉันเอารถของแม่ไปชนมา กันชนหลุดกระจายยย~ ฉันต้องรออะไหล่ที่กำลังมาส่ง และระหว่างนั้นก็ต้องหาเงินงกๆ เพื่อเอาไปจ่ายค่าอะไหล่ด้วย เพราะแบบนั้นฉันถึงได้ต้องการขอลดค่าเช่าห้องยังไงล่ะ แม่กับพ่อฉันขยายสาขาโรงงานกระดุมไปที่เซี่ยงไฮ้ทำให้ทั้งสองท่านต้องบินไปบินมาระหว่างเมืองไทยกับเซี่ยงไฮ้อยู่เป็นปีแล้ว ฉันออกมาอยู่อพาร์ตเมนต์คนเดียวเพราะบ้านหลังใหญ่มันไกลจากที่เรียนมากเกินไป แม่กับพ่อให้เงินใช้ไม่เคยขาดมือ จนกระทั่งฉันเอารถของแม่ไปชนมาจนกันชนหลุดเนี่ยล่ะ ฉันพยายามต่อรองกับสำนักพิมพ์อยู่เนี่ยว่าจะขอค่าต้นฉบับล่วงหน้าได้มั้ย ประเด็นคือฉันยังเขียนไม่จบไง (. .)
ฉันเริ่มชีวิตนักเขียนเมื่อตอนปีที่แล้ว หลังจากที่ฉันเขียน 'Green Man in Pluto เรื่องราวของฉันกับเอเลี่ยนตัวสีเขียวในดาวพลูโต' หลังจากหนังสือเล่มนั้นออกวางขายมันก็ทะยานขึ้นอันดับหนึ่งของหนังสือขายดี และค้างอยู่บนนั้นมาหลายเดือนแล้ว ฉันได้เงินมหาศาลจากการขายหนังสือเล่มนั้น แต่เงินพวกนั้นก็ถูกโอนเข้าบัญชีที่แม่เป็นคนดูแลไว้ทั้งหมดน่ะสิ!! T_T ฉันเลยต้องรีบเขียนเล่มสอง และเซ็นสัญญาใหม่ เปิดบัญชีใหม่ จะได้มีเงินมาชดใช้ค่ากันชนรถแม่ ถ้านับดูดีๆ แล้วกว่าจะถึงเดดไลน์ ฉันเหลือเวลาอีกราวๆ หนึ่งเดือนเท่านั้น -O-;;
รถเลี้ยวเข้ามาในซอยอพาร์ตเมนต์ของฉันแล้ว และนั่นทำให้ฉันโล่งใจขึ้นเยอะ อย่างน้อยก็ไม่ได้ไปไปซอยเปลี่ยวๆ ที่ไหนล่ะเนอะ
[ประชุมวันนี้เป็นยังไงบ้างเนี่ย]
“เรื่องแฟนหนังสือน่ะแม่ เห็นพี่เก้งบอกว่ามีจดหมายส่งเข้ามาที่สำนักพิมพ์เรียกร้องขอให้เจ้าของหนังสือออกมาเปิดเผยตัวสักที เพราะพวกเขาคลั่งไคล้กันมาก อะไรทำนองนั้น" ฉันยิ้มเจื่อนๆ เมือคิดถึงเรื่องนั้น จนถึงป่านนี้ฉันก็ยังไม่ได้เปิดตัวว่าเป็นเจ้าของหนังสือเล่มนั้นที่ดังมากๆ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือทุกคนเข้าใจว่าฉันเป็นผู้ชายน่ะสิ แหงล่ะ ไม่ค่อยมีผู้หญิงเขียนนิยายแฟนตาซีไซไฟที่มีตัวเด่นเป็นผู้ชายผจญภัยไปเจอกับปีศาจในอวกาศหรอก แถมฉันยังใช้นามปากกาว่า ‘อัศวินดาวหาง’ แบบนั้นคนยิ่งเข้าใจว่าฉันเป็นผู้ชายเข้าไปกันใหญ่ พี่เก้ง กอง บ.ก. บอกว่าปล่อยไว้แบบนั้นก็ดีแล้ว ตอนแถลงข่าวเปิดตัวนักเขียนจะได้เป็นที่ฮือฮา
[จริงๆ ก็ดีออกนะ แม่จะได้อวดกับเพื่อนๆ ได้สักที]
“หลังจากหนังสือเล่มสองออกก็คงจะเปิดตัวล่ะแม่" ฉันบอกและหาเรื่องวางสาย เพราะกำลังจะถึงที่หมายแล้ว เดี๋ยวแม่รู้ว่าฉันนั่งแท็กซี่เรื่องจะยิ่งวุ่นวายใหญ่โตมากกว่านี้ "แม่ๆ อีกสิบนาทีหนูโทรกลับนะ หรือถ้าหนูไม่โทรกลับแม่ก็โทรมาหาหนูด้วยนะ" ฉันพูดเสียงดังๆ เพื่อให้คนขับแท็กซี่ได้ยิน ในกรณีที่เขาคิดจะทำอะไรแผลงๆ น่ะนะ
แม่วางสายไปเรียบร้อยตอนรถจอดพอดี ฉันหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าและพบว่ามีแต่แบงก์พัน ไม่มีแบงก์ย่อยเลย
“เอ่อ...แบงก์พัน ลุงมีทอนมั้ยคะ"
“โหหนู แบงก์พันเลยเหรอ พี่ไม่มีเงินทอนหรอก" อายุจะห้าสิบแล้วมาแทนตัวว่าพี่นี่มันเกินไปมั้ยฮะ -_-;
“งั้นลุงรอนี่ก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูขึ้นไปรื้อหาแบงก์ย่อยมาให้" ฉันเน้นคำว่าลุงกะให้อีกฝ่ายสำนึก
“เฮ้ยๆ จะไปแบบนี้ได้ยังไง ถ้าหนูขึ้นไปแล้วไม่กลับลงมา พี่จะทำยังไงล่ะ" แต่เขาก็ยังใช้คำว่าพี่อยู่ดี อี๋!
“หนูไม่หายไปไหนหรอกลุง"
“ใครๆ ก็พูดได้ทั้งนั้นล่ะ" ลุงคนขับแท็กซี่ทำฟึดฟัด "เอางี้ละกัน เดี๋ยวพี่ขึ้นไปเอาเงินที่ห้องหนูเอง"
“หือ -_-”
“แค่เอาเงินแล้วก็ลงมาเท่านั้นเอง ไม่อย่างนั้นถ้าพี่โดนโกงค่าโดยสารจะทำยังไงล่ะ"
“แค่ร้อยห้าสิบ หนูไม่โกงหรอกลุง =_=”
“ร้อยห้าสิบก็เงินนะหนู!!”
“เอ่อ...” ฉันอึกอักพลางมองหาทางหนีทีไล่ "งั้นเดี๋ยวหนูลงไปขอยืมเงินคนตรงแถวใต้ตึกก็ได้ ลุงรออยู่นี่นะ" ฉันรีบเปิดประตูก้าวลงมา ลุงคนขับโวยวายก่อนจะตามลงมาด้วย
“เฮ้ยจะไปไหนก็ไปด้วยกันสิ จะหนีพี่เหรอไง"
“หนูแค่จะไปเอาเงินมาให้ ลุงจะตามลงมาทำไม" ฉันหันไปขมวดคิ้วมอง และเห็นว่าลุงคนนั้นใส่แค่กางเกงบ๊อกเซอร์ตัวสีเหลืองน่าเกลียดๆ กรี๊ดดดด นี่มันอะไรกันเนี่ย TOT
“ละ...ลุงเอาแบงก์พันไปเลยแล้วกัน และจะไปไหนก็ไป...” ฉันรีบหันหน้าหนีและยื่นแบงก์พันให้ไปเลย ลุงทำท่าเหมือนกำลังจะเดินเข้ามาเอา แต่ใครบางคนก็เดินมายืนข้างหลังและปัดมือฉันลงก่อน
“ทำอะไรของเธอน่ะ" ฉันเงยหน้าไปมองและพบว่าเป็น...
“ดั๊ก! O_O”
เขาคือผู้ชายแปลกหน้าที่ฉันเจอก่อนออกจากบ้าน ผู้ชายหน้าตาดีที่ทำหน้าเหมือนเห็นผีตอนเจอหน้าฉัน เขาไม่ใช่คนขาวจัด แต่ฉันชอบแบบนี้ล่ะ ผิวแทนนิดๆ เหมือนพวกคนเล่นกีฬา ผมสีน้ำตาลเข้มหยักศกธรรมชาติ มันสะบัดไปสะบัดมาเวลาที่เขาขยับตัว ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นไว้ผมทรงนี้อาจจะดูแย่ แต่สำหรับเขาแล้วไม่เลย เขาดูดีมากๆ จนฉันอยากจะจับเขามาใส่กรอบรูปด้วยซ้ำไป แววตาของเขามันมีอะไรบางอย่างที่บอกได้เลยว่าหมอนี่น่ะไม่ธรรมดา มันเป็นประกายความเจ้าเล่ห์ ทะเล้นในแบบที่หาไม่ได้ง่ายๆ ที่สำคัญ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาสวยมาก ขนตายาวกว่าฉันที่เป็นผู้หญิงซะอีก นี่ถ้าฉันเป็นพวกบ้าผู้ชายคงจะกรี๊ดแหกปากลั่นอพาร์ตเมนต์ไปแล้วล่ะ
“ฉันชื่อแดช -_-” เขาพึมพำตอบก่อนจะหันไปมองหน้าลุงหื่น "ลุง ไม่อายลูกอายหลานบ้างเหรอไง โรคจิตก็ไปอยู่ในโรงพยาบาลบ้าสิ ออกมาขับแเท็กซี่ระรานคนอื่นแบบนี้เห็นแล้วมันน่าแจ้งตำรวจจับจริงๆ"
“เฮ้ยไอ้หนุ่ม พูดจาดีๆ หน่อย แม่หนูนี่ทำท่าจะโกง พี่ก็เลยเดินตามไปเอาเงินค่าโดยสารเท่านั้นเอง"
“ลุงแอบมองฉันมาตลอดทาง แถมยังบอกว่าจะตามขึ้นไปเอาเงินที่ห้องด้วย" ฉันรีบป้องปากบอกแดช แต่เสียงคงดังมากเกินไป ลุงแกเลยทำท่าฟึดฟัด
“รีบๆ จ่ายมาสักทีค่าโดยสารน่ะ" ลุงโวยวาย
“เธอก็จ่ายเขาไปสิ"
“ฉันไม่มีแบงก์ย่อย (' ')”
“-_-” แดชมองหน้าฉันด้วยสายตาเอือมระอาก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา "เท่าไหร่"
“สองร้อยห้าสิบ"
“น้อยๆ หน่อยลุง ตอนแรกบอกร้อยห้าสิบเองนะ!”
“ก็มัวแต่ลงมาเสียเวลายืนเถียงกับหนูนี่แหละ พี่เลยยังไม่ได้ไปทำมาหากินต่อซะที เสียโอกาสในการรับผู้โดยสารคนอื่นไปหลายนาที พี่ก็ต้องเพิ่มค่าเสียเวลาน่ะสิ"
“โห หน้าด้านจริงๆ " ฉันย่นจมูกใส่และหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดถ่ายรูปลุงกับรถแท็กซี่เอาไว้
“เฮ้ย ทำอะไรน่ะ!”
“จะเอาไปลงประจานน่ะสิ"
“เฮ้ย นี่มันมากเกินไปแล้วนะ ลบรูปทิ้งเดี๋ยวนี้เลย!” ลุงทำท่าเหมือนจะเข้ามาบีบคอฉัน ฉันเลยรีบขยับไปหลบด้านหลังแดชที่ยืนทำหน้าอึนอยู่ ฉันเกาะแขนเขาไว้เพื่อหาที่ยึดเหนี่ยว ตอนนั้นเองที่ฉันสังเกตเห็นว่าแขนข้างขวาของเขามีรอยสักรูปปีกอยู่ด้วย และใต้ปีกก็มีข้อความที่ฉันอ่านไม่ออกเพราะว่าอยู่ในมุมมืดเกินไป
“ลุงจะทำอะไรน่ะ" เขาถามกลับเสียงขรึม "ผมยืนอยู่ตรงนี้ลุงยังจะกล้าทำอะไรอีกเหรอ"
“ก็แฟนน้องมาถ่ายรถพี่นี่ คนที่ควรโดนด่าน่ะน่าจะเป็นแฟนน้องมากกว่า"
แดชถอนหายใจอย่างหงุดหงิดสุดๆ เขาหยิบเงินสดจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบบาทเป๊ะๆ ออกมาจากกระเป๋าสตางค์อีกครั้ง ก่อนจะยื่นให้ลุง "เอานี่แล้วกลับไปได้แล้ว แล้วก็ด้วยความหวังดีนะ เลิกเรียกตัวเองว่าพี่เถอะ ลุงน่ะอายุต่ำๆ ก็น่าจะสี่สิบห้าแล้วนะ"
“ไอ้...”
“จะกลับดีๆ หรือจะต้องให้ผมไล่กลับ" เขาถามด้วยเสียงนิ่งกว่าเดิม ลุงมองสลับระหว่างฉันกับแดชก่อนจะฮึดฮัด เดินมากระชากเงินจากมือแดชแล้วก็วิ่งกลับไปขึ้นรถกท็กซี่ก่อนจะขับปรู๊ดออกไปเลย
“โห เกือบไปแล้วนะเนี่ย"
แดชไม่ตอบอะไร เขาใช้นิ้ว 'คีบ' มือฉันที่เกาะแขนเขาออกก่อนจะขยับตัวออกห่าง "เธอยังไม่ได้อาบน้ำ -_-”
“หือ?”
“ก่อนออกจากบ้านไปน่ะ...เธอยังไม่ได้อาบน้ำ แล้วเธอก็นอนกับแมลงสาบด้วย -_-”
“เป็นผู้ชายภาษาอะไรมาทำเป็นรักความสะอาด แปลกคน" ฉันย่นจมูกใส่เขา
“เป็นผู้หญิงภาษาอะไรทำไมสกปรกขนาดนี้นะ"
“ว่าแต่นายน่ะ ทำไมยังอยู่ที่นี่ หรือว่าได้ห้องใหม่ที่ตึกนี้เหรอ O_O”
“อันที่จริง...” เขาอึกอักก่อนจะถอนหายใจ "ฉันพยายามหาห้องใหม่แล้วแต่ยังไม่ได้น่ะ"
“หา? จริงเหรอ"
“ห้องที่ราคาถูกกว่านี้ก็ไม่มีของที่ฉันต้องการ ส่วนห้องที่มีของที่ฉันต้องการก็แพงมากเกินกว่าที่ฉันจะจ่ายไหว"
“งั้นแสดงว่านายจะมาอยู่กับฉันใช่มั้ย"
“คงต้องเป็นอย่างนั้น"
“ทำไมต้องทำหน้าลำบากใจแบบนั้นด้วย -_-”
“เธออยู่ในห้องนั้นไปได้ยังไงเนี่ย ตั้งแต่เธอออกจากห้องไปฉันพยายามทำความสะอาดมันยังไงก็ไม่จบไม่สิ้นสักที" เขาถามเหมือนเหลืออดสุดๆ
“ตกลงว่านายจะมาอยู่กับฉันโดยที่ฉันไม่ต้องความสะอาดอะไรเองเลยใช่มั้ย"
“อืม พรุ่งนี้ฉันว่าจะลองออกไปหาห้องดูอีกทีด้วยน่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะได้มั้ย" เขาถอนหายใจก่อนจะบุ้ยปากไปทางถังขยะที่มีถุงดำราวๆ แปดถุงกองอยู่ "ดูนั่นสิ"
“โห เกิดอะไรขึ้นน่ะ ใครที่ไหนเอามาทิ้งน่ะ ขยะเยอะอย่างกับสะสมมาเป็นปี O_O”
“ขยะจากห้องเธอน่ะล่ะ"
“หือ (' ';)”
“แค่ในห้องครัวอย่างเดียวด้วยนะ" เขาพูดพร้อมกับย่นจมูกอย่างรังเกียจ "ส่วนห้องนอนอีกห้องก็เต็มไปด้วยหนังสือ ซึ่งมันควรจะเป็นห้องนอนของฉันนะ แต่ฉันเก็บกวาดคนเดียวไม่ไหวหรอก เธอต้องมาช่วยฉันเก็บกวาด"
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่มีเวลา" ฉันเบ้ปากก่อนจะเดินหนีเข้าไปด้านในตึก จากนั้นก็หยิบเอาคีย์การ์ดออกมาแตะตรงทางเข้าแล้วผลักประตูเข้าไป แดชเดินตามฉันมาติดๆ และพูดกรอกหูฉันด้วยท่าทีหงุดหงิด
“ฉันจะอยู่ในห้องนั้นได้ยังไง ถ้าเธอไม่ช่วยฉันทำความสะอาดน่ะ"
“นายก็ทำไปเรื่อยๆ ชิลๆ เสร็จเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นไง"
“ถามจริงๆ เถอะ เธอไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอไง ทั้งแมลงสาบ ทั้งหนูน่ะ -_-”
“ตอนแรกๆ ก็เครียดน่ะนะ หลังๆ ก็ชิน ช่วงที่ต้องเขียนต้นฉบับฉันจะมักเป็นแบบนี้น่ะล่ะ" ฉันเดินเข้าไปในลิฟต์แล้วกดชั้นห้า โดยมีเขาเดินตามเข้ามาด้วย
“ต้นฉบับ?”
“ฉันเป็นนักเขียน"
“ไอ้นิยายปกเขียวๆ แปลกๆ ในห้องน่ะนะ =_=”
“นายรื้อของของฉันเหรอ!!! O_O”
“หนังสือเกือบร้อยเล่มน่ะมันซ่อนไม่ได้ง่ายๆ หรอกนะ" แดชถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ "ตกลงว่าเธอจะยอมจ่ายค่าเช่าห้องคนเดียวแทนการช่วยฉันทำความสะอาดห้องเนี่ยนะ"
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่มีเวลา ฉันต้องปั่นต้นฉบับให้เสร็จภายในอาทิตย์นี้"
“เธอเดือดร้อนเรื่องเงินจริงๆ เปล่าเนี่ย ถ้ายอมช่วยกันทำความสะอาด ฉันก็ตัดสินใจเป็นรูมเมตเธอได้ง่ายขึ้น แต่ทำไมถึงได้...”
“จริงๆ ฉันแค่ไม่ชอบทำความสะอาดเท่านั้นเอง" ประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นห้า ฉันเดินนำออกมา โดยมีแดชเดินตามมาติดๆ และก่อนที่ฉันจะหยิบกุญแจห้องออกมา เขาก็หยิบกุญแจห้องของเขาออกมาไขประตูเข้าไปก่อน ฉันชะงักเมื่อเดินตามเขาเข้าไป กลิ่นอับๆ มันหายไปแล้ว เขาทำได้ไงน่ะ...
“ฉันเปิดประตูกับหน้าต่างทิ้งไว้หลายชั่วโมงเลยล่ะกว่าจะไล่กลิ่นไปจนหมด"
“นายรู้ได้ไงว่าฉันคิดอะไรอยู่ -O-"
“เธอทำจมูกฟุดฟิด" แดชทำจมูกฟุดฟิดล้อเลียนฉัน
นอกจากกลิ่นอับจะหายไปแล้ว พื้นห้องฉันที่เดิมเต็มไปด้วยข้าวของกระจัดกระจายกลับดูเป็นระเบียบขึ้น...นิดหนึ่ง =_= เขาเขี่ยของไปกองรวมกันตรงจุดหนึ่งเพื่อให้ตรงอื่นมีทางเดินสะดวกๆ ฉันเดินเข้ามาถึงด้านในและมองไปทางห้องครัว วินาทีนั้นฉันได้แต่ยืนค้างมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง...
นะ...นี่คือห้องครัวฉันจริงๆ งั้นเหรอ!! O_O มันดูโล่งขึ้น ข้าวของทุกอย่างก็ดูสะอาด ไม่มีขยะ ไม่มีเสื้อผ้าใช้แล้วมากองทิ้งไว้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว คราบสกปรกบนเคาน์เตอร์ครัวก็หายไปหมด แถมยังมีแจกันมาวางแทนที่อีกต่างหาก แจกันกับดอกไม้...โอ้พระเจ้า นี่มันเหมือนกับภาพถ่ายในนิตยสารบ้านของฉันเลยนะ -O-!!
“นายทำอะไรกับที่นี่น่ะ"
“ทำความสะอาดไง -_-”
“แค่นั้นเองเหรอ!”
“เธอคิดว่าฉันจะทำอะไรได้มากกว่านั้นล่ะ ใช้เวทมนตร์เสกเหรอไง"
“ฉันมีเตาอบด้วยเหรอเนี่ย" ฉันมองไปทางเครื่องครัวของตัวเองอย่างงงๆ จำได้ว่าฉันมีแค่ตู้เย็นกับไมโครเวฟ...เท่านั้น จำไม่เห็นได้เลยว่ามีเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน เตาอบ เครื่องปิ้งขนมปัง แล้วก็เครื่องทำกาแฟอะไรพวกนี้สักหน่อย
“ฉันอยากอยู่ที่นี่เพราะห้องครัวเนี่ยล่ะ" แดชมองห้องครัวด้วยสายตาภูมิอกภูมิใจ
“อ้อ...นายเรียนคหกรรมนี่นา"
“-_-”
“มะ...ไม่ใช่เหรอ (' ')”
“Culinary Arts มันไม่ใช่วิชาที่เกี่ยวกับการทำอาหารอย่างเดียวหรอกนะ มันมีเรื่องหลักการบริหารร้านอาหาร โภชนาการ และ...”
“บลาๆ ฉันไม่สนใจหรอก" ฉันโบกมือไปมา ก่อนจะเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อหาอะไรกิน และพอเปิดไปก็ได้เจอกับ... “อะไรเนี่ย -O-;”
“ฉันไปเดินซูเปอร์ฯ มานิดหน่อย" แดชตอบพร้อมกับเดินมายืนข้างๆ ฉันที่ยังมองของในตู้เย็นด้วยสายตาตกตะลึง มันมีของกินอยู่เต็มไปหมดเลย O_O ผลไม้สารพัดชนิดวางเรียงกัน ผักสดที่ฉันรู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง แล้วก็เนื้อแพ็กอย่างดี แถมยังมีโยเกิร์ต นมยี่ห้อฝรั่งที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน
“ก๋วยเตี๋ยวที่ฉันแช่ไว้หายไปไหน"
“ทิ้งไปแล้ว"
“หา!”
“ก๋วยเตี๋ยวเน่าๆ ของเธอน่ะนะ ยังคิดจะกินมันอยู่อีกเหรอ"
“เอาไปเข้าไมโครเวฟมันก็อร่อยแล้ว นายเอามันไปทิ้งแบบนี้ แล้วฉันจะกินอะไรล่ะ"
“ฉันอยู่นี่ทั้งคน" แดชบอกพลางยักคิ้วให้ฉัน รอยยิ้มที่มุมปากของเขาทำให้ฉันสะดุ้งและต้องขยับตัวออกห่างอย่างเขินๆ
“นะ...นายจะบ้าเหรอ เราเพิ่งรู้จักกัน แล้วอีกอย่าง...ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นนะ ที่ฉันเคยบอกนายว่าฉันชินกับการใช้ชีวิตกับผู้ชายเพราะฉันมีพี่ชายสามคน นั่นมันไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่มีปัญหาอะไรนะ ยังไงฉันก็เป็นผู้หญิง และ...ไม่ได้ ฉันทำไม่ได้หรอก! แม้นายจะดูอร่อย แต่ฉัน...”
“ฉันหมายถึงฉันเรียนเป็นเชฟ ฉันทำอาหารให้เธอได้สบายมาก ไม่ได้หมายความว่าจะให้เธอกินฉัน -_-”
“อะ...อ้าว...”
“ฉันดูน่าอร่อยเหรอ" เขาถามยิ้มๆ ด้วยท่าทางประหลาดใจ ไม่พูดเปล่าหมอนี่ยังก้มมองตัวเองอีกต่างหาก หน็อย ไอ้บ้า!
“นะ...นายจะทำอะไรล่ะ ข้าวผัดไข่งั้นเหรอ" ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องไปเลย
“เธอนี่พูดจาดูถูกมากเลยนะ ฉันเรียน Culinary Arts จำไม่ได้เหรอไง"
“คหกรรมน่ะนะ -_-”
“ไปนั่งเลยไป" แดชส่ายหน้าพร้อมกับชี้นิ้วไล่ฉันให้ไปนั่ง จากนั้นก็เดินไปหยิบกระทะที่แขวนอยู่มาวางลงบนเตาไฟฟ้า ด้วยความอยากรู้ว่าเขาจะทำอะไร ฉันเลยยอมเดินไปนั่งอีกฝั่งของเคาน์เตอร์ครัวเพื่อมองดูเขาทำอาหาร หมอนี่เสยผมตัวเองขึ้นก่อนจะเดินไปล้างมือเพื่อเตรียมทำอาหาร ท่าเสยผมของเขานี่มัน...ขยี้ใจจริงๆ -O-
“เธอไม่แพ้กุ้งใช่มั้ย"
“ไม่ เอ๊ะ เรามีกุ้งด้วยเหรอ"
“ฉันมีกุ้ง เธอไม่มี" เขาหันมายักคิ้วกวนประสาทให้ตอนที่หยิบถุงใส่กุ้งออกมาจากตู้เย็น "เห็นประโยชน์ของการที่มีฉันมาอยู่ด้วยรึยัง"
“ถ้าคิดจะติดสินบนฉันด้วยเรื่องอาหารน่ะ นายต้องแน่จริงนะ แม่บ้านคนเก่าของฉันทำอาหารเก่งมากๆ ตอนเด็กๆ ฉันได้กินแต่ของอร่อยเหาะทั้งนั้นเลยล่ะ"
“ฉันไม่ได้แค่ดูน่าอร่อย แต่ยังทำอาหารอร่อยด้วยนะ"
“นายจะเลิกล้อฉันได้รึยัง -O-”
แดชหัวเราะพลางจัดการล้างกุ้ง ก่อนจะเอามันใส่ชามแล้วนำมาวางตรงเคาน์เตอร์ครัว โรยเกลือกับพริกไทยตามลงไป จากนั้นก็หันไปเทน้ำมันมะกอกลงในกระทะ
“นายไปเอาของพวกนั้นมาจากไหนน่ะ"
“น้ำมันมะกอก เกลือ พริกไทย ของพวกนี้ฉันพกติดตัวตลอดเวลาน่ะล่ะ ส่วนกุ้งนี่ฉันไปซื้อมา"
“นายเรียนทำอาหารจริงๆ ด้วยสินะ" ฉันครางตอนที่เห็นเขาจับมีดปลอกกระเทียมอย่างคล่องแคล่ว
“ฉันเรียนอยู่ที่ IUCA เธอเคยได้ยินบ้างมั้ย"
“อ่า...เคย มันไม่ไกลจากมหา'ลัยฉันมาก ฉันเรียนที่ Crown College ไม่ห่างจากมหา’ลัยนายมากหรอก ให้ฉันเดานะ นายต้องอยู่ปีหนึ่งแน่ๆ ใช่มั้ย"
“ปีสามแล้วต่างหาก" เขาเงยหน้าขึ้นมายิ้มอย่างพอใจ "ฉันดูเด็กขนาดนั้นเลยเหรอ"
“ฉันนึกว่านายจะเด็กกว่าฉันซะอีก" ฉันเบ้ปาก "อายุเท่ากันเหรอเนี่ย"
“เธออายุยี่สิบเอ็ดแล้วงั้นเหรอ" แดชดูประหลาดใจ เขาพูดไปก็หั่นกระเทียมเป็นซี่บางๆ ไปด้วย "ดูไม่ออกเลยนะ"
“แปลว่าฉันดูเด็กหรือดูแก่"
“เธอแค่ดูสกปรก" เขาตอบหน้าตาย
“นายนี่มัน...”
“แล้วทำไมมาอยู่คนเดียวล่ะ มีพี่ชายตั้งสามคนไม่ใช่เหรอไง"
“สองคนแรกเรียนอยู่ต่างประเทศ อีกคนทำงานอยู่ภูเก็ต ส่วนพ่อแม่อยู่เซี่ยงไฮ้" ฉันตอบพร้อมกับยืดคอมองดูว่าเขากำลังทำอะไร แดชหมุนตัวอย่างคล่องแคล่วไปหยิบเอาขวดแก้วของอะไรสักอย่างมาจากเคาน์เตอร์ด้านหลัง ฉันเห็นชัดๆ ตอนที่เขาวางมันลงข้างๆ เคียงแล้ว มันคือขวดพริกแห้งนั่นเอง เขาหยิบมันออกมาหั่นอย่างคล่องแคล่วอีกตามเคย
ผู้ชายทำอาหารว่าน่ามองแล้ว ผู้ชายหน้าตาดีอย่างเขาทำอาหารมันน่ามองขึ้นไปอีก! ฉันอยากจะถ่ายคลิปลงยูทูปชะมัด จะต้องเป็นที่ฮือฮาแหงเลย...
“ไม่สัมภาษณ์ฉันกลับบ้างเหรอ" แดชเงยหน้ามาถาม "เผื่อเธอจะได้เห็นใจและรับฉันไว้เป็นรูมเมตไง"
“นายเป็นรูมเมตฉันได้นะ ถ้านายจะทำความสะอาดแค่คนเดียว นายชอบทำความสะอาดไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นจะมีอะไรน่าหนักใจเลย" ฉันยักไหล่แล้วพูดต่อ "แล้วก็...ไม่ล่ะ ฉันไม่อยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับนายทั้งนั้น"
“ฉันทะเลาะกับพ่อแม่เลยโดนตัดขาดจากครอบครัว ตอนนี้ฉันเลยไม่มีเงินไปเช่าห้องที่อื่นอยู่ มหา'ลัยกำลังจะเปิดแล้วด้วย ฉันต้องเก็บเงินไว้ใช้กับเรื่องเรียน ถ้าเธอยอมให้ฉันอยู่ที่นี่นั่นจะเป็นเรื่องดีมากๆ เลยล่ะ" แดชเงยหน้ามาสบตาฉันด้วยแววตากึ่งๆ เว้าวอน ฉันพยายามจะไม่ใจสั่นเพราะรู้ว่าเขาต้องการอะไร
“จริงๆ ฉันก็อยากให้นายอยู่น่ะนะ ถ้านายรอได้ รอฉันเขียนต้นฉบับจบก่อนได้มั้ยล่ะ แล้วฉันจะช่วยเก็บกวาด"
“ห้องสกปรกแบบนี้ แค่อยู่เกินห้านาทีฉันก็ไมเกรนจะกินแล้ว เธอจะให้ฉันรอเป็นวันๆ ฉันทนไม่ไหวหรอก -_-”
“นายก็ยังทนได้จนถึงตอนนี้!”
“เพราะฉันทำความสะอาดห้องครัวให้แล้วไง"
“งั้นคืนนี้นายจะนอนในห้องครัวใช่มั้ย"
“ใช่" เขาตอบหน้าตาย ก่อนจะโยนกระเทียมกับพริกแห้งลงไปในกระทะร้อนๆ เสียงฟู่ๆ ดังพร้อมกับกลิ่นหอมที่เริ่มลอยมาเตะจมูก เขาส่ายกระทะไปมาอย่างเชี่ยวชาญ ท่าทำอาหารของเขามันเท่เกินไปจริงๆ ล่ะ -O-!
บทสนทนาของเราหายไปแล้วเพราะฉันมัวแต่มองเขาทำอาหาร พระเจ้า ฉันไม่เคยใจเต้นกับผู้ชายคนไหนนอกจากนิชคุณ (ที่ได้แต่กรี๊ดกร๊าดผ่านหน้าจอ) แต่ตอนนี้ฉันกำลังใจเต้นตึกตักกับความเท่โคตรๆ ของเขา หมอนี่ตอนอยู่นิ่งๆ ก็หน้าตาดีแล้ว พอตอนทำอาหารยิ่งหน้าตาดีเพิ่มขึ้นอีก เขาหันมาเหลือบมองฉันเหมือนจะรู้ว่าฉันคิดอะไร...
“หิวเหรอไง"
ไม่ว่าประโยคนั้นมันจะกำกวมหรือไม่ แต่รอยยิ้มของเขาทำให้ฉันคิดเกินเลยไปแล้วจริงๆ -O-
แดชหยิบกุ้งมาวางลงบนกระทะ เสียงฟู่ๆ ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับกลิ่นหอมที่ทำให้ฉันต้องทำจมูกฟุดฟิด ฉันทำอาหารไม่เก่งเลย เรียกว่าไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ ส่วนมากฉันเลยใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยอาหารแช่แข็ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไม่ก็พวกอาหาร์จังก์ฟู๊ดเดลิเวอรี่ การที่เห็นอาหารอันโอชะและได้รับการปรุงอย่างพิถีพิถันทำให้ความหิวโหยของฉันพุ่งสูงเหมือนสั่งสมมาสิบปี กุ้งกำลังเปลี่ยนเป็นสีส้มแล้ว กรี๊ดดด~ เขาหยิบเอามะนาวสีเหลืองทรงรักบี้ออกมาจากตู้เย็น หั่นเป็นเสี้ยวแล้วบีบน้ำมะนาวสดๆ ลงในกระทะ สติฉันใกล้จะขาดทุกทีๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อคืน หรือว่าเป็นเพราะมันน่ากินสุดๆ กันแน่
เขาหมุนตัวไปหยิบจานสีแก้วสีขาวมาวางข้างกระทะ ก่อนจะเทกุ้งเกือบสิบตัวลงใส่จาน ฉันกำลังจะเอื้อมมือไปคว้าจานนั้นมา แต่เขาก็ตีมือและขมวดคิ้วดุๆ ใส่ฉัน "รอก่อนสิ"
“ก็มันสุกแล้วไม่ใช่เหรอไง"
“ยังไม่จบขั้นตอนสักหน่อย"
“ฉันยังไม่ใส่ผักชีฝรั่งเลย" เขาพึมพำแล้วเดินไปที่ตู้เย็น คุ้ยหาผักชีฝรั่งหยิบออกมาซอยเป็นชิ้นเล็กๆ บนเขียง ฉันตาลุกวาวตอนที่เขาโรยมันลงบนกุ้งร้อนๆ ที่ส่งกลิ่นหอมโชย "เมนูนี้ผักชีฝรั้งน่ะขาดไม่ได้เลยนะ รสชาติของมันเซ็กซี่จะตายไป"
นายน่ะสิเซ็กซี่ โดยเฉพาะไอ้ท่าโรยผักอะไรนี่...
"นั่งลงที่เดิมเลย" เขาชี้นิ้วสั่ง ฉันสะดุ้งตื่นจากภวังค์เพ้อเจ้อของตัวเองและยอมทำตามแต่โดยดี วินาทีนี้เขาบอกให้ฉันทำอะไรฉันก็ยอมทำตามทั้งนั้นล่ะ แฮกๆ น่ากินชะมัด >_<//
แดชเช็ดขอบจานด้วยผ้าสีขาวที่ดูเหมือนจะสะอาดกว่าเสื้อฉันซะอีก และเขาก็วางจานนั้นลงตรงหน้าฉัน...
“เรียบร้อย"
“กินละนะ!”
“มันร้อนนะ ระวัง...”
“โอ๊ย T_T”
“บอกแล้วไงว่าร้อน" เขาถอนหายใจเบาๆ ตอนที่เห็นฉันร้องโอดโอย เมื่อกี้จับไปเต็มมือ ตอนนี้นิ้วพองไปหมดแล้ว ฉันนั่งจ้องรอให้มันเย็นลงกว่านี้ ส่วนแดชก็หันไปทำอะไรของเขาไม่รู้ ไม่ถึงห้านาทีต่อมาถ้วยกลมๆ สีขาวกถูกนำมาวางลงตรงหน้า
“สลัดแตงโม" เขาบอก "โรยใบสะระแหน่แล้วก็เหยาะน้ำมะนาว"
“มันกินได้จริงๆ เหรอ ดูแปลกๆ นะ" ฉันขมวดคิ้วอย่างไม่แน่ใจ แตงโมหั่นเป็นทรงลูกเต๋าก็ดูน่าสนใจดีหรอก แต่กินกับใบสะระแหน่และน้ำมะนาวเปรี้ยวๆ เนี่ยนะ แดชยื่นตัวข้ามเคาน์เตอร์มาใช้มือบีบปากฉัน ก่อนจะใช้นิ้วเขาน่ะล่ะหยิบชิ้นแตงโมมาและโยนเข้าปากฉันเลย ฉันกำลังจะด่าแต่รสชาติที่สัมผัสได้บนลิ้นก็ทำให้ฉันลืมทุกอย่างไปหมดสิ้น
“อร่อยยยย >_<”
“ใช่มั้ยล่ะ" เขายักคิ้วพร้อมกับเลียปลายนิ้วที่เพิ่งจะป้อนฉันไป ตาของเขาสวยชะมัด ฉันเคลิ้ม ฉันยอมรับเลย -O-//
“เธอชอบกินซูเฟล่รึเปล่า" คำถามของเขาทำให้ฉันตั้งสติได้อีกครั้ง
“ชอบ!!"
“งั้นก็นั่งรอเลย" แดชยิ้มอย่างพอใจในคำตอบ เขาเดินไปที่ตู้เย็นอีกครั้ง และหยิบลูกม่วงๆ แดงๆ ออกมา ฉันมองตั้งนานกว่าจะรู้ว่ามันคืออะไร เสาวรสงั้นเหรอ เขาจะทำอะไรกับมันน่ะ ยังไม่ทันที่ฉันจะได้คำตอบ เขาก็เอื้อมมือไปหยิบกล้วยหนึ่งหวีที่วางอยู่ตรงเคาน์เตอร์มาวางเคียงข้างกับเสาวรสด้วย
“นายจะทำซูเฟล่เสาวรสกับกล้วยงั้นเหรอ"
“อ่าหะ" เขาพยักหน้าก่อนจะเดินไปรื้อถุงซูเปอร์มาร์เก็ตที่วางอยู่ตรงเคาน์เตอร์อีกฝั่ง ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับกระป๋องกลมๆ ที่ฉันไม่รู้ว่าคืออะไร เขาเทนมสดลงใส่หม้อที่ตั้งไฟไว้ แล้วก็ตามด้วยครีมข้นๆ จากในกระปุก ระหว่างนั้นเขาก็เดินไปหยิบถ้วยแก้วใบใหญ่มาวางตรงกลางเคาน์เตอร์ และไข่ไก่ เขาตอกไข่อย่างระมัดระวังและแยกไข่ขาวกับไข่แดงออก ฉันเคยพยายามทำแบบนี้แต่ไม่รอดน่ะนะ หมอนี่กลับทำได้ง่ายๆ เหมือนชาตินี้เกิดเพื่อมาแยกไข่ =_= ฉันก้มหน้าลงมองกุ้งและลองเอามือแตะ มันยังร้อนอยู่นะ แล้วเมื่อไหร่ฉันจะกินได้ล่ะ ส้อมหนึ่งคันถูกวางลงตรงหน้าฉัน พอฉันเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นแดชที่กำลังมองฉันด้วยสายตาเอือมระอา
“สำหรับสลัดแตงโม" เขาบอกและเดินกลับไปทำนั่นนี่ต่อ ฉันคว้าส้อมมาและจิ้มแตงโมกินจนหมดจาน หลังจากนั้นกุ้งก็เย็นพอกินได้แล้ว ฉันเลยจัดการลงมือแกะกุ้งกินโดยไม่สนจะใช้ช้อนส้อมหรือมีดอะไรทั้งนั้น ระหว่างแกะกุ้งไป ฉันก็เงยหน้ามามองเขาเรื่อยๆ มองจากตรงนี้แล้วเหมือนกับฉันมาที่บ้านเขา และรอให้เขาทำอาหารอะไรแบบนั้น ห้องครัวที่สะอาดๆ แบบนี้ดูไม่เหมือนครัวของฉันเลยแม้แต่นิดเดียว เขาผสมไข่ น้ำตาล แป้ง และนมร้อนที่อยู่ในหม้อมารวมเข้าด้วยกัน แล้วก็...ฉันมองตามไม่ทันแล้ว เพราะมัวแต่สนใจกุ้ง
กุ้ง กุ้ง กุ้งงงง *O*
เสียงเครื่องปั่นทำให้ฉันเงยหน้าไปสนใจเขาอีกครั้ง และก็เห็นว่าเขาปั่นกล้วยกับน้ำเสาวรสเข้าด้วยกัน เอ่อ...รสชาติมันจะออกมาแปลกๆ มั้ยนะ แดชหยิบเอาถ้วยสีขาวกลมๆ ที่เอาไว้ใช้คำซูเฟล่ออกมา ฉันขมวดคิ้วและถามเขาด้วยความสงสัย
“นายไปเอาถ้วยพวกนั้นมาจากไหน"
“ของพวกนี้ฉันต้องมีติดตัวอยู่แล้วสิ"
“ถ้วยทำซูเฟล่เนี่ยนะ -_-”
“เธอคิดว่าฉันตามหาห้องที่มีครัวดีๆ แบบนี้ แต่ไม่มีอุปกรณ์อย่างอื่นติดตัวมางั้นเหรอ"
“ก็แค่ถาม ทำไมต้องดุด้วย" ฉันเบ้ปากก่อนจะยัดกุ้งเข้าปากไปอีกชิ้น แดชยกเอาเครื่องตีไข่ออกมาและทำอะไรบางอย่างกับมัน ฉันจำได้ว่าฉันเคยเห็นเครื่องนี้ เพราะที่อพาร์ต์เมนต์นี้มีไว้ให้ครบ แม่ยังพูดอยู่เลยว่าอยากมาทำอาหารที่ครัวของฉัน แต่...ก็นะ แม่ยุ่งมาก ฉันก็สกปรกมากห้องครัวมันเลยกลายเป็นแบบนี้
“ไม่ต้องห่วงหรอกนะ อุปกรณ์เครื่องครัวทุกอย่างของเธอฉันล้างอย่างต่ำห้ารอบ"
“ฉันไม่ได้ห่วงอะไรนี่ (' ')”
“ฉันสินะที่รังเกียจไปเอง เธอต้องไม่เชื่อแน่ๆ ว่าฉันเจอตัวอะไรบ้างในตู้ครัวพวกนี้" แดชทำท่าขยะแขยงจนฉันหมั่นไส้ หมอนี่เป็นผู้ชายซะเปล่า จุกจิกเป็นบ้า
ขณะที่ฉันจัดการกุ้งไปได้ครึ่งจาน เขาก็ผสมทุกอย่างเข้าใส่ถ้วยแก้วใหญ่ๆ และก็กรอกคัสตาร์ดครีมเหนียวๆ ลงใส่ถ้วยซูเฟล่ แดชดูตั้งใจมากๆ กับสิ่งที่กำลังทำอยู่ ฉันมองเขาเพลินเหมือนดูละครตอนจบอยู่เลยล่ะ -O- แดชนำซูเฟล่เข้าใส่เตาอบ เขาตั้งเวลาด้วยโทรศัพท์มือถือของเขาเองและวางมันลงบนเคาน์เตอร์ครัว ฉันกำลังเคี้ยวกุ้งตัวสุดท้ายพอดี
“ตกลงว่าเธอรับพิจารณาฉันรึยัง"
“ฉันบอกแล้วไงว่านายจะเข้ามาอยู่ก็ได้ แต่ต้องทำความสะอาดคนเดียว หรือไม่ก็รอฉันว่างก่อน ฉันต้องทำงาน"
“เธอยังว่างมานั่งรอฉันทำอาหารนี่ -_-”
“มันเหมือนกันที่ไหนล่ะ!” ฉันจิ๊ปากใส่เขา "นายดูเหมือนว่าจะเป็นรูมเมตที่ใช้ได้เลยนะ เอางี้มั้ย นายอยู่แต่ในห้องครัวจนกว่าฉันจะทำต้นฉบับเสร็จ ฉันจะได้มีเวลามาช่วยนายเก็บกวาดห้อง ดีมะ *O*”
“ฉันไม่ใช่เต่านะ เธอจะได้จับฉันยัดใส่ห้องและปล่อยไว้แบบนั้นได้น่ะ =_=”
“งั้นจะให้ทำยังไงล่ะ"
“ช่วยฉันเก็บห้องพรุ่งนี้ ทั้งวัน วันเดียวเลย ถ้าไม่เสร็จฉันจะทำต่อเอง ตกลงมั้ย" เขายื่นข้อเสนอที่น่าสนใจมาก ฉันยังลังเลไม่แน่ใจ เพราะฉันไม่มีเวลามานั่งทำอะไรแบบนั้นหรอก ถ้าต้นฉบับไม่เสร็จพี่เก้งจะต้องส่งคนมาบีบคอฉันแน่ๆ ระหว่างที่แดชกำลังยืนรอลุ้นให้ฉันตัดสินใจ เสียงออดหน้าประตูห้องก็ดังขึ้น ฉันทะลึ่งจากเก้าอี้และเช็ดๆ มือกับเสื้อตัวเอง
“เธอไม่ล้างมือหน่อยเหรอ"
“ล้างทำไม" ฉันเลิกคิ้วถามเขาก่อนจะดูดนิ้วที่เพิ่งกินกุ้งเสร็จ
“-_-”
“รอนี่นะ เดี๋ยวกลับมา สงสัยป้ารตาจากห้องข้างๆ เอาขนมมาให้มั้ง" ฉันรีบเดินไปที่ประตูห้อง และเผลอเหยียบข้าวของไปตลอดทาง หมอนี่ก็เหลือเกินนะ มาโยกมาขยับของในห้อง ฉันเลยไม่ชินทาง เตะนั่นเตะนี่กระจัดกระจายไปหมด ฉันค่อยๆ เปิดประตูห้องออกไปและชะโงกหน้ามองคนที่ยืนอยู่ข้างหน้า อ้าว ไม่ใข่ป้ารตานี่นา (' ')
“พี่มาร์ค" ฉันมองหน้าผู้ชายตัวสูง ผมหวีเป๋ด้วยเจลหนึบหนับ และใส่แว่นกรอบสี่เหลี่ยมหนาตึบ เขาคือเพื่อนร่วมอพาร์ตเมนต์ที่อยู่ชั้นเจ็ด เขาชอบซื้อขนมมาฝาก ไม่ก็แวะมาถามนั่นนี่ ฉันไม่ค่อยออกมาเจอหน้าเขาเท่าไหร่หรอก เพราะปกติแล้วมักจะหลับอยู่ในช่วงเวลาที่เขามากดออด -_-
“ตะ...แต่งตัวสวยเชียว น้องเรเน่ไปไหนมาเหรอครับ"
“ไปธุระมาน่ะค่ะ พี่มาร์คมีอะไรรึเปล่า"
“พะ...พอดีพี่ไปต่างจังหวัดมา เลยเอาขนมมาฝากน่ะครับ" พี่มาร์กยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อดูท่าทางประหม่าๆ ก่อนจะยื่นถุงขนมมาให้ ฉันยื่นมือออกไปรับด้วยความเต็มใจ
“พี่มาร์คไม่น่าลำบากเลย แต่ขอบคุณนะคะ" ของฟรีใครไม่ชอบบ้างล่ะ =v=
“กลิ่นอะไรหอมๆ น่ะครับ" เขาทำจมูกฟุดฟิด "น้องเรเน่ทำอาหารเย็นทานเองหรือครับ O_O”
“ฮ่ะๆ อะไรทำนองนั้นมั้งคะ" ฉันยิ้มเจื่อนๆ "พี่มาร์คทานข้าวเย็นรึยังคะ"
“ยังเลยครับ ถ้าเกิดน้องเรเน่ทำเผื่อไว้สำหรับพี่ล่ะก็ พี่จะ...”
“เฮ้เธอ แม่เธอโทรมาน่ะ" เสียงตะโกนจากด้านหลังทำให้ฉันหันไปมองอย่างงงๆ และก็เห็นว่าแดชเดินถือโทรศัพท์มือถือของฉันมา ใช่แล้ว ฉันบอกว่าจะโทรกลับหาแม่ แต่ก็ลืมซะสนิท แม่เองก็คงจะลืมและเพิ่งนึกได้เหมือนกันสินะ ผ่านไปนานขนาดนี้ =_=;
“ใคร...ใครเหรอครับ -O-;;” พี่มาร์คถามหน้าตาลนลาน
“อ้อ...” ฉันหันไปมองแดชที่เดินมาหยุดยืนข้างหลังฉันก่อนจะขมวดคิ้ว "เพื่อน...มั้งคะ"
“อะไร" เขาถามฉันงงๆ ก่อนจะหันไปมองพี่มาร์ค "ใครน่ะ"
“พี่มาร์ค เขาอยู่ห้องชั้นบนน่ะ" ฉันตอบหน้าซื่อและชูถุงขนมให้เขาดู "เขาเอาขนมมาฝากด้วยนะ"
“ฉันกำลังอบซูเฟล่อยู่นะ เธอยังมีหน้าไปกินขนมอย่างอื่นก่อนเหรอ =_=”
“ท้องฉันมีพื้นที่มากพอน่ะ" ฉันจิ๊ปากก่อนจะหันกลับไปหาพี่มาร์ค แต่ประกายหลอนๆ ตกใจบนหน้าของเขาทำให้ฉันชะงักไป "พี่มาร์คคะ"
“คะ...ครับ"
“พี่มาร์คโอเครึเปล่าคะ ดูหน้าซีดๆ ยังไงไม่รู้"
“นะ...นี่แฟนน้องเรเน่หรือครับ"
“เปล่าค่ะ เพื่อน" ฉันรีบตอบ
“นี่แฟนเธอเหรอ" แดชถามบ้างพร้อมกับชี้ไปทางพี่มาร์ค
“ไม่ใช่ บอกว่าพี่ที่อยู่ห้องข้างบน ไม่ได้ยินเหรอไงฮะ" ฉันถองศอกใส่เขา ส่วนพี่มาร์คก็ขยับขาแว่นอย่างเขินม้วนต้วนไปเรียบร้อยแล้ว
“ผมดูเหมือนแฟนของน้อง...”
“ฉันต้องรับสายแม่แล้ว ยังไงไว้เราค่อยคุยกันนะคะพี่มาร์ค ขอบคุณสำหรับขนมนะคะ ขอบคุณมากเลยค่ะ" ฉันรีบตัดบทและปิดประตูหนีพี่มาร์คทันที ฉันหันไปเหลือบมองแดชที่ยักคิ้วกวนประสาทอยู่
“เขาชอบเธอนะ"
“นายคิดว่าฉันโง่จนมองไม่ออกเหรอไงฮะ" ฉันแยกเขี้ยวใส่เขา "ไปพูดล้อแบบนั้นเดี๋ยวเขาเอาไปคิดอะไรเกินเลย ฉันจะทำยังไงฮะ"
“เธอก็รับขนมมาจากเขานี่ แถมยิ้มหวานให้ด้วย เขาจะไม่คิดเกินเลยได้ยังไง"
“ก็แค่ขนม ถ้าไม่รับมันเสียมารยาท" ฉันบ่นอุบอิบและกอดถุงขนมในมือตัวเอง "นายน่ะล่ะ อย่าแซวอีกนะ"
“ก็แค่หยอกเล่น" แดชหัวเราะเบาๆ และผิวปากอย่างสนุกสนาน ก่อนที่เขาจะหันไปเห็นสภาพห้องแล้วทำสีหน้าเปลี่ยนไป "เห็นสภาพห้องเธอแล้วฉันอยากจะร้องไห้ชะมัด"
“นายเปลี่ยนอารมณ์ไวไปมั้ยน่ะ"
“เธอไม่เคยคิดจะทำความสะอาดเลยจริงๆ อ่ะ"
“เคยสิ!” ฉันรีบตอบ "แต่...มันไม่มีเวลา"
“เธอคงพูดแบบนี้มานานแล้วสินะ"
“นายจะมาพูด..." ฉันกำลังจะเอ็ดเขาชุดใหญ่แต่หมอนั่นก็เปลี่ยนเรื่องพูดซะก่อน
“ตกลงเธอจะไม่รับสายแม่เหรอ"
“เออ ลืม!” ฉันร้องเสียงหลงก่อนจะกดรับโทรศัพท์ทันที แดชส่ายศีรษะแล้วเดินหนีฉันเข้าไปในห้องครัว "ค่ะแม่"
[แม่โทรหาตั้งสองรอบ ทำไมไม่ยอมรับ]
“หนูกินข้าวอยู่" ฉันตอบพร้อมกับวางถุงขนมลงบนโต๊ะรับแขก "แม่ทำอะไรอยู่เนี่ย"
[กำลังจะเข้านอนแล้วล่ะ แค่โทรมาเช็กเราก่อนนอนเท่านั้นเอง]
“ไม่ต้องห่วง หนูดูแลตัวเองได้"
[ต้นฉบับใกล้เสร็จหรือยังล่ะ]
“ยังเลย T_T”
[ค่อยๆ ทำไป อย่าเครียดไปเลย ยิ่งเร่งทำ งานจะยิ่งออกมาไม่ดีนะ]
“ทำมาพูดไป เล่มแรกของหนูแม่ยังอ่านไม่จบเลยนะ" ฉันหัวเราะพร้อมกับหันไปมองตั้งหนังสือสูงลิบที่อยู่ตรงมุมห้อง
[แม่ตามไม่ทันตั้งแต่ยานอวกาศออกตัวแล้วล่ะ]
“คิดถึงแม่จัง หาเวลาว่างกลับมาดูลูกสาวบ้างนะคะ" ฉันยิ้มบางๆ และทำเสียงอ้อน
[อือ คิดถึงเหมือนกัน ไว้เร็วๆ นี้แม่จะหาเวลากลับไปแล้วกันนะ ว่าแต่ห้องเราคงไม่รกเหมือนป่าไปแล้วหรอกนะ]
ตอนนี้ก็รกประมาณนั้นเลยล่ะแม่ -O-;
“แม่ไปนอนเถอะ หนูจะไปทำงานแล้วเนี่ย ราตรีสวัสดิ์นะคะ บอกพ่อด้วยว่าคิดถึงพ่อมาก~” ฉันทำเสียงอ้อนและส่งเสียงจุ๊บๆ ให้อีกฝ่าย จนกระทั่งแม่วางสายไปแล้ว ฉันหันกลับไปมองที่ครัวก่อนจะพบว่าตัวเองถูกแอบมองอยู่
“จุ๊บๆ " แดชทำท่าส่งจูบมาให้
“ไม่มีมารยาท" ฉันย่นจมูกใส่เขาและพึมพำ
“เธอนี่เด็กกว่าที่คิดนะ"
“นายจะมากล่อมให้ฉันช่วยทำความสะอาดห้องอีกเหรอไง ฉันบอกแล้วไงล่ะว่าฉันไม่มีเวลา...”
“ฉันแค่จะบอกว่าซูเฟล่พร้อมเสิร์ฟแล้วต่างหาก"
“จริงเหรอ! O_O” ฉันทำตาโตและรีบกระโดดโลดเต้นเดินตามเขาเข้าไปในห้องครัว หมอนี่ไม่ได้โกหก ซูเฟล่รสเสาวรสกับกล้วยวางอยู่บนจานสีขาว และโรยด้วยผงไอซ์ซิ่ง ฉันกะพริบตาปริบๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตากับสิ่งที่เห็นและเชื่อจมูกกับกลิ่นของมันอีก...โอ๊ยยยย >_<
“เชิญครับ" แดชยื่นช้อนชาให้กับฉัน และฉันก็คว้ามันมาทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ
คำแรกที่เข้าปาก...ฉันรู้สึกได้เลยว่ามันมีปีกงอกออกมาจากหลังฉันจริงๆ มันอร่อยมากก~ มากชนิดที่ทำให้ฉันกระทืบเท้าไปมาคนเดียว ไม่คิดเลยว่าเสาวรสกับกล้วยจะเข้ากันได้ขนาดนี้ แถมซูเฟล่ของเขาก็นุ่มสุดๆ
"ฉันจินตนาการไว้ว่าเมฆมันจะต้องมีรสชาติแบบนี้เนี่ยล่ะ"
“เธอจินตนาการรสชาติของเมฆด้วยเหรอ -_-”
“ใครๆ ก็เคยกันทั้งนั้นล่ะ"
“-_-”
“มะ...ไม่เคยเหรอ (' ';;)”
“กินๆ ไปเถอะ" แดชถอนหายใจก่อนจะเดินไปโกยอุปกรณ์ทุกอย่างวางลงที่อ่างล้างจาน "จริงๆ แล้วฉันถนัดทำของหวานมากกว่า ถ้าฉันมาพักอยู่ด้วย รับรองเลยว่าฉันจะ...”
“ก็ได้" ฉันตอบโดยไม่คิดหลังจากที่ซูเฟล่คำที่สามเข้าปาก
ฉันเป็นทาสของหวาน ทำไงได้ล่ะ :(
“ก็ได้อะไร" แดชหันมาถามด้วยตาเป็นประกาย
“ก็ได้ ฉันจะช่วยนายเก็บกวาดห้องให้สะอาดพอตามที่นายต้องการ แต่นายต้องใจเย็นๆ นะ ฉันไม่ได้มีพลังงานเหลือเฟือขนาดจะลุยงานให้เสร็จได้ภายในวันเดียว เพราะฉันต้องทำอย่างอื่นด้วย และเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกัน นายช่วยฉันจ่ายค่าเช่าห้อง แล้วก็ทำอาหารอร่อยๆ ให้ฉันกินแบบนี้ทุกวัน ข้อหลังนี่ขาดไม่ได้เลยนะ ฉันว่าฉันกำลังเริ่มบ้าเพราะความอร่อยของมันแล้ว" ฉันทำหน้าตาเสียสติจริงๆ ตอนที่ตักคำที่สี่เข้าปาก แดชกอดอกเอนตัวพิงอ่างล้างจานและลูบคางตัวเองอย่างครุ่นคิด
“ดูเหมือนว่าตอนนี้ฉันจะเป็นต่อแล้วสินะ"
“น้อยๆ หน่อย แค่ฉันบอกว่าฉันชอบอาหารนายไม่ได้หมายความว่า...”
“เห่าสามทีแล้วฉันจะให้เอแคลร์ถุงใหญ่ที่อยู่ในตู้เย็นหมดเลย (' ')”
“โฮ่งๆๆ >O<”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ " เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น ส่วนฉันก็รีบตะครุบปากและเอาช้อนชาตีหน้าผากในความตะกละของตัวเอง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นสัญชาตญาณหมดเลยนะ T_T
“นายบ้าเหรอไงหา!”
“เธอนี่เห็นแก่กินจนตลกจริงๆ"
“ฉันไม่ได้กินดีอยู่ดีแบบนี้มานานแล้วนี่" ฉันบ่นอุบอิบ "ว่าไงล่ะ ตกลงนายจะรับข้อเสนอนั้นมั้ย ถ้าไม่ฉันก็จนปัญญาแล้วนะ"
“รับอยู่แล้ว ฉันแค่อำเธอเล่นเท่านั้นเอง"
“แล้วไหนล่ะเอแคลร์ของฉัน"
“กินเข้าไปตั้งเยอะยังไม่อิ่มอีกเหรอ =_=”
“ยังสักหน่อย อย่าบอกนะว่านายไม่มีเอแคลร์น่ะ! O_O”
“ไม่มีน่ะสิ ฉันแค่อำเธอเล่น บอกแล้วไง"
“เฮ้ย!! แล้วแบบนี้ฉันจะกินอะไรต่อล่ะ ฉันยังต้องทำงานอีกจนถึงเช้านะ!”
“หมดแล้ว ถ้ายังไม่อิ่มอีกก็ไม่มีอะไรให้กินแล้ว" แดชหยักไหล่
“โห่~ บู่ๆ -O-”
“เหลือแต่ฉันน่ะ จะกินมั้ย" เขาหันมาหน้ามาสบตาฉันและยักคิ้วให้ รอยยิ้มหมอนั่นทำเอาสมองฉันช็อตไปเลย และผมพริ้วๆ ของเขาอีก
*%^$^$^)&($%# (-//O//-)
คิดถูกคิดผิดที่ยอมเป็นรูมเมตกับเขาเนี่ย!
ลูกชุบ : Badass Baker เป็นเล่มเดียวจบที่จะออกตอนเดือนตุลานี้นะคะ อ่านแยกได้ ไม่จำเป็นต้องอ่านให้ครบทุกเล่มเพราะเนื้อเรื่องจะไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยนอกจากอยู่มหาลัยเดียวกัน แต่ถ้าซื้อครบเซทก็จะฟินติดต่อกันตัวแตก 55555 ฝากติดตามเล่มนี้ด้วยค่ะ :)
ความคิดเห็น