ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic Kuroko no Basket ] มิติพิศวงของยัยจอมมึน (All x Oc )

    ลำดับตอนที่ #41 : ตอนพิเศษที่ 7 [Re]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.39K
      329
      7 มี.ค. 64

     

     

     

    ตอนพิเศษที่ 7

    [ การขึ้นแสดงของเจ้าหญิงน้ำแข็ง ]

     

     

     

    งานเทศกาลโรงเรียนเซย์รินดำเนินมาจนถึงช่วงสุดท้ายอันเป็นการประกวดซุ้มต่างๆที่จัดแสดงทั่วโรงเรียน กลุ่มของอมีเรียที่มีทีมบาสจากต่างโรงเรียนก็เป็นหนึ่งในฝูงชนที่ไปจับจองที่นั่งหน้าเวทีประกวดขนาดใหญ่ เพื่อชมการแสดงปิดตามกำหนดการในตารางที่ได้แจกจ่ายให้แก่บรรดาผู้เข้าร่วมงาน อีกทั้งยังมีการประกาศผลการประกวด และกิจกรรมเสริมบลาๆ ที่อมีเรียไม่ได้ฟังเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากบรรดาเด็กหนุ่มรอบตัวกำลังทะเลาะกันเพื่อแย่งที่นั่งข้างเธอทั้งซ้ายและขวา

    จนตอนนี้หากไม่มีเสียงไมค์ดังกลบ บางทีจุดสนใจเดียวของทุกคนคงเป็นกลุ่มเธอแน่นอน

    --แค่ที่นั่งเองจะทะเลาะกันทำไมละเนี่ย?!

    “....ไร้สาระ” เธอปรายตามองการทะเลาะนั้น ก่อนจะย้ายตัวเองไปนั่งข้างมิโดริมะที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ ดังนั้นจึงเหลือที่นั่งข้างตัวเด็กสาวเพียงแค่ที่เดียว คางามิกับคุโรโกะเลือกนั่งตรงแถวหน้าเด็กสาวเพราะรู้ดีถึงนิสัยขี้รำคาญ แถมพวกเขาก็ตัวติดกันเป็นประจำอยู่แล้ว 

    ...จะไปทะเลาะให้มันปวดหัวทำไม

    “มายฮันนี่อ่า..ขอผมนั่งข้างมายฮันนี่ได้รึเปล่าฮะ”

    คิเสะเข้ามาเกาะขาอมีเรียที่กำลังชะเง้อคอมองหน้ากระดาษอยู่ในมือคางามิที่นั่งข้างหน้าอยู่ เจ้าของนัยน์ตาสองสีเลิกคิ้วเล็กน้อยยามเห็นการกระทำของหมาน้อยประจำกลุ่ม เพราะเขาทำตาอ้อนพร้อมเอาแก้มนัวเนียขาเรียวเล็กของเธออยู่ในตอนนี้ อาโอมิเนะแทบจะเข้าไปหิ้วคอเสื้อเพื่อนตัวแสบออกมาให้ห่างแทบจะทันทีที่เห็น 

    ไหนใครบอกเขาลามก!

    อย่างน้อยเขาก็ยังดีกว่าพวกแอ๊บเนียนลวนลามอมีเรียก็แล้วกันน่า!!

    “คิเสะ ....แก--”

    “ไม่ค่ะ” อมีเรียปฏิเสธ แล้วจิ้มหน้าผากเขาไปทีหนึ่งเพื่อเรียกสติเขา แต่เหมือนการกระทำของเธอจะทำให้เขางอนมากกว่า แก้มของพ่อนายแบบประจำทีมบาสพองเล็กน้อย ยามที่นิ้วขาวซีดของอมีเรียผละออกจากหน้าผากตัวเอง “เดี๋ยวพวกแฟนคลับคิเสะมาตามหาเรื่องเราอีกค่ะ”

    “ไหงงั้นฮะ ใครคนไหนมาหาเรื่องมายฮันนี่ของผม” เด็กหนุ่มผมทองโพล่งขึ้นมา เขาตาโตตกใจแต่ก่อนที่เด็กหนุ่มเจ้าของฉายาเพอร์เฟคก๊อปปี้ จะได้ทำอะไรแปลกๆลงไป มือเล็กก็คว้าหมับเข้าที่แขนของเขาเสียก่อนพร้อมส่งสายตาประมาณว่าอย่าคิดอะไรแผลงๆเชียว

    เด็กหนุ่มเบะปากแล้วทรุดนั่งกอดขาคนตัวเล็กต่อ “..งืออ มายฮันนี่ไม่ตามใจผมเลยฮะ”

    “ตามใจสิ”

    “ตรงไหนกันฮะ ผมเห็นแต่มายฮันนี่ขัดใจผมนิน่า”

    เธอส่ายหัวระอากับเด็กหนุ่มผมทอง จะว่าเอ็นดูก็เอ็นดู จะว่าน่าหมั่นไส้ก็น่าหมั่นไส้ “แต่ตามใจมากไม่ได้ คิเสะไม่ใช่คนในการดูแลของเรานะคะ” เธอว่าพร้อมกับชี้ไปยังสมาชิกทีมบาสเซย์รินที่นั่งอยู่แถวเดียวกับคางามิ จนพวกเขาต่างสะดุ้งตัวหันขวับมามองคนตัวเล็กผู้มีสถานะเป็นผู้จัดการทีมอย่างพร้อมเพียงกัน

    —ผู้จัดการคนสวยของพวกเขาคงไม่ได้จะโยนขี้มาให้กันใช่มั้ย?

    พวกเขายังไม่อยากโดนหนุ่มๆทีมปาฏิหาริย์รุมยำนะ!!

    “แงะ!” คิเสะเบ้หน้า แล้วดุนหัวซุกมือเล็กที่ยกลูบผมเขาอย่างออดอ้อน “..งั้นผมของนั่งเกาะขามายฮันนี่ตรงนี้ได้รึเปล่าฮะ?”

    “คิเสะคะ...มันเมื่อยนะ— ไปนั่งที่เก้าอี้ดีๆสิค่ะ” คนตัวเล็กดุอย่างไม่จริงจัง แล้วหัวเราะเสียงใสกับใบหน้างอง้ำของเด็กหนุ่ม ก่อนที่เธอจะหันขวับไปมองร่างสูงโปร่งผมสีน้ำเงินที่ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ว่างข้างตัวเธออย่าหน้าด้านท่ามกลางสายตาเหวอของพวกเพื่อนเขา อาโอมิเนะยักคิ้วให้คิเสะไปทีหนึ่งแล้วหันไปแลบลิ้นใส่อมีเรียที่ขึงตามองเขาอยู่

    “อาโอมิเนะ.. ช่วยเก็บสายตาขึ้นมามองหน้าเราด้วยค่ะ” เธอค้อนขอด

    แม้จะรู้ว่าเด็กหนุ่มไม่ได้มองหน้าอกของตน แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะแขวะเขาไปแบบนั้น มีที่ไหนเจอกันทีไรไม่เธอก็เขามักจะอยู่ในสภาพย่ำแย่ตลอด พอนึกถึงมันก็อดเคืองจนต้องหันไปเบะปากใส่คนตัวสูงไม่ได้ ส่วนคนโดนทำหน้าใส่ก็ทำแค่เลิกคิ้วแล้วทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ ทำหูทวนลมจากเสียงโวยวายของคิเสะ

    “ไปนั่งที่อื่นเลยไป๊ ชิ้วๆ” อาโอมิเนะทำมือไล่คิเสะที่นั่งเกาะขาอมีเรียอยู่ 

    เขาทำหน้ายียวนไปด้วยทำมือไล่ไปด้วย จนคิเสะหันมาอ้าปากเตรียมจะงับมืออดีตเพื่อนร่วมทีมด้วยความหัวเสีย  แต่อมีเรียไวกว่า เธอฟาดมือลงดังเพลี๊ยะพร้อมหรี่ตาใส่เพื่อห้ามปรามไม่ให้เอสจอมเอาแต่ใจแกล้งน้องหมาของเธอไปมากกว่านี้ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้คิเสะพร้อมพูดปลอบอย่างใจเย็น

    ถ้าขืนปล่อยให้เขานั่งกอดขาเธอต่อไปแบบนี้ ไม่ใช่ขาเขาหรอกนะที่จะชา

    --แต่เป็นขาเธอเนี่ยแหละที่เลือดจะไม่เดิน!

    “คิเสะคะ ไปนั่งที่ดีๆนะคะ— ถ้าเป็นเด็กดี เราจะให้คิเสะขออะไรจากเราก็ได้หนึ่งอย่างนะคะ” นิ้วชี้เล็กนั้นชูอยู่ตรงหน้าคิเสะคล้ายกำลังหลอกล่อเขาเต็มที่ เด็กหนุ่มผมเหลืองแห่งรุ่นปาฏิหาริย์มองนิ้วเล็กนั้นด้วยความรู้สึกอยากจะอ้าปากงับ แต่ติดตรงที่ใบหน้ามึนงงของเจ้าของนิ้วกำลังส่งยิ้มหวานมาล่อลวงเขาอยู่ 

    แต่ถึงจะเป็นการล่อลวง ยังไงเขาก็ยินดีให้โดนล่อลวงครับผม!

    “...นะคะ เป็นเด็กดีน่า”

    “อื้ออ! มายฮันนี่พูดแล้วนะ”

    ไม่ได้นั่งข้างไม่เป็นไร ยังไงเขาก็ได้สิทธิขออะไรก็ได้จากคนตัวเล็กแล้ว ถือว่าเขาชนะทุกคน

    “ค่ะ” 

    เธอขานตอบเขาเสียงดัง มือก็ยกขึ้นปิดปากที่กำลังยิ้มกับท่าทางภูมิใจของเด็กหนุ่มผมทองที่ยืนยืดอก โดยมีพวกเพื่อนและรุ่นพี่จ้องเขม็งด้วยแววตาไม่พอใจปนหมั่นไส้ เมื่อได้บทสรุปเรื่องที่นั่งแล้ว พวกเขาก็ต่างพากันหาที่นั่งแล้วนั่งสงบเสงี่ยมไม่ก่อเรื่องหรือส่งเสียงดังจนรบกวนคนอื่นๆที่นั่งอยู่ใกล้เคียง

    นับว่าเป็นเรื่องที่ดีอีกเรื่องหนึ่งเลยก็เป็นได้

    คิเสะได้นั่งข้างอาคาชิโดยมีเรโอะนั่งข้างเขา เพื่อช่วยกันบรรดาสาวๆไม่ให้เข้ามาเกาะแกะ ส่วนอีกฝั่งของอาคาชิก็มีมุราซากิบาระนั่งอยู่ตามด้วยทัตสึชิที่นั่งเยี่ยงจากอมีเรียประมาณสองช่วงมือ คนที่นั่งด้านหลังอมีเรียก็เป็นอาคาชิอีกตามเคยแถมยังมีเหล่าองครักษ์ของเขาคอยนั่งล้อมอยู่ด้านหลัง กันบรรดาผู้หญิงที่น่ารำคาญให้แก่กัปตันทีม 

    หรือสรุปให้เข้าใจง่ายๆ

    หน้าเวทีที่จัดอย่างงดงามสามแถวนี้ ถูกจับจองโดยกลุ่มนักบาสหนุ่มทั้งหลาย โดยมีอมีเรียนั่งอยู่ตรงจุดกลาง และอีกกลุ่มก็มีริโกะกับโมโมอินั่งอยู่ตรงกลางท่ามกลางนักบาสชายที่เป็นจุดสนใจของเหล่านักเรียนเซย์รินและต่างโรงเรียน ทั้งชายและหญิง— ทั้งๆที่ยังเป็นเวลากลางวัน แต่บรรยากาศแถวหน้าเวทีที่กำลังรอเวลาการแสดงกลับร้อนนิดหน่อย จนอมีเรียต้องรูดซิบเสื้อคลุมที่ไปยืมมาให้มันเลือนลงประมาณหน้าอกหวังคลายความร้อน

    มิโดริมะมองร่างบางที่หน้าขึ้นสีนิดหน่อย เขาหยิบเอาพัดที่วันนี้เป็นของนำโชคออกมาแล้วโบกพัดให้เด็กสาว เพื่อหวังว่ามันจะช่วยคลายความร้อนให้ได้บ้าง อมีเรียสะดุ้งตัวกับความเย็นที่มากระทบเหงื่อของตัวเอง ก่อนจะหันไปมองที่มาของลมเบาๆนั้นแล้วส่งยิ้มมุมปากให้เด็กหนุ่มผมเขียว

    “ขอบคุณนะคะ คุณมิโดริมะ” เธอว่า กำลังจะยื่นมือไปรับพัดมาถือแต่เด็กหนุ่มกับชูหนีแล้วยิ้มบางให้เธอ

    “เดี๋ยวผมทำให้ครับ” มิโดริมะว่าพร้อมกับชูพัดขึ้นสูงกว่าเดิม เมื่อเด็กสาวข้างตัวไม่ยินยอมให้เขาทำเช่นนั้น

    อมีเรียยู่ปากเล็กน้อยแล้วสะบัดหน้าหนีไปอีกทางด้วยความงอน “ทำไมทุกคนชอบใช้ส่วนสูงมารังแกเราจังเลยคะเนี่ย....งืออ” ว่าจบก็เบะปาก เมื่ออาโอมิเนะที่นั่งข้างยักคิ้วกวนประสาทให้ แล้วยกมือฟาดเข้าที่แขนแกร่งของเขาทันทีด้วยความเคือง

    เพลี๊ยะ!

    “โอ้ย! ยัยเตี้ยเซย์รินมาตีฉันทำไมเนี่ย— ยัยบ้า!” อาโอมิเนะลูบแขนที่ถูกฟาดพร้อมทำหน้าพิลึกพิลั่น

    “แบร่!” 

    ส่วนอมีเรียก็ดันไปแลบลิ้นใส่เขา ก่อนจะชะโงกตัวไปข้างหน้าเพื่อแย่งขนมที่อยู่ในมือคางามิมากินตามความเคยชิน เพราะปกติเวลาอยู่ที่บ้านสองคน คนที่มักจะถือขนมก็มักจะเป็นคางามิอยู่บ่อยๆ จึงไม่แปลกที่อมีเรียจะชอบชะโงกตัวไปแย่งขนมเขาเหมือนที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ หน้าอกที่ใหญ่กว่าขนาดตัวดันหัวของเด็กหนุ่มจนเขาต้องเงยหน้ามองคนที่กล้าทำอะไรแบบนั้นพร้อมย่นคิ้วตำหนิด้วย

    “มีเรีย ...หน้าอกเธอ” เขากัดฟันพูดราวกับข่มอารมณ์อะไรบางอย่างเอาไว้ พร้อมขึงตาใส่คนตัวเล็กที่ไม่เคยระวังตัวเลยสักนิดเดียวเวลาอยู่ใกล้เขากับทัตสึยะ “...โตเป็นสาวแล้วหวงตัวบ้างเถอะ” เขาดุอย่างไม่จริงจัง เพราะรู้ตัวดีว่าดุไปก็เท่านั้น ยังไงสุดท้ายอมีเรียก็ทำเหมือนเดิม

    “บู่ว ไทกะบ่นเราอีกแล้ว”

    และใช่ เพราะยังในสายตาอมีเรียพวกเขาก็เป็นเหมือนเด็ก

    --หรือบางทีอาจจะเป็นเธอที่เริ่มกลายเป็นเด็กต่างหาก

    “เดี๋ยวนี้..ชักทำตัวเหมือนเด็กผู้หญิงกว่าเดิมนะเรา --แอบมีแฟนรึไงอมีเรียจัง” ริโกะที่นั่งไม่ไกลมากพูดเสียงไม่ดังไม่เบาแซวรุ่นน้องสาว ที่หลังจากโดนลูกบาสกระแทกหัวก็ทำตัวสมกับเป็นเด็กผู้หญิงมากกว่าเดิม แต่ก็ยังคงมีท่าทางเหมือนคุณแม่ที่ต้องคอยตามดูแลทีมบาสเซย์รินเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

    ทว่าการแซวแบบนั้นกลับเป็นเหมือนเชื้อเพลิงขนาดย่อมมากกว่า

    “....!!!”

    “...หือ?” อมีเรียเอียงคอมองรุ่นพี่สาวด้วยความไม่เข้าใจ “ใครเป็นแฟนของเราหรอคะ?....ไทกะรู้มั้ย?” เธอก้มมองญาติหนุ่มที่ตอนนี้หัวเขาซุกอกเธออยู่โดยที่ใบหน้าเรียบเฉยคล้ายชินมากกว่าเขินอาย

    “มีก็บ้า.. โค้ชอย่าพูดอะไรแปลกๆสิ ...ครับ” เขาไม่ลืมคำสุภาพด้วยตอนมองหน้ารุ่นพี่สาวที่ควบตำแหน่งโค้ช เขาทำท่าจะยกถุงขนมในมือให้คนตัวเล็กแต่เธอกลับยิ้ม แล้วเอนหลังกลับไปนั่งที่ของตัวเอง ในปากก็เคี้ยวขนมจนแก้มตุยไม่ได้สนใจบรรยากาศรอบตัวของตนเองเลยแม้แต่นิด

    ราวกับเรื่องพวกนั้นไม่เคยอยู่ในหัวเธอเกินสามวิอยู่แล้ว

    เหล่าเด็กหนุ่มที่ได้ยินคำพูดแซวของโค้ชเซย์รินก็ตาโตหันขวับไปมองเด็กสาวผู้ถูกแซวแทบจะทันที แต่พอรู้จากปากคางามิที่ตัวติดกับเด็กสาวมากที่สุดก็พอโล่งใจบ้างเล็กน้อย ...อาคาชิจับปอยผมที่มีสีขาวแซมของอมีเรียขึ้นมาเมื่อเธอเลิกซนยอมนั่งนิ่งไม่ไปเอาหน้าอกชนหัวใครเล่นอีก และทันใดนั้นเวทีที่เงียบไม่มีอะไรก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวพร้อมเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มขึ้น ราวกับต้องการประกาศให้ใครต่อใครได้รู้ว่า 

    ถึงเวลาที่จะเริ่มกิจกรรมช่วงเย็นกันเสียที!

    “สวัสดีคร้าบ! ยินดีต้อนรับสู่งานเทศกาลโรงเรียนเซย์รินครับผม! ...กระผมมัตสึโมโตะ ซุยเซ็น ปีสามห้องC รับหน้าที่เป็นพิธีก่อนในวันนี้~” เสียงทุ้มของเด็กหนุ่มที่ประกาศออกไมค์ดังขึ้น พร้อมการปรากฎตัวที่ดูอลังการไม่น้อยจากฝีมือของฝ่ายเวทีที่อมีเรียแอบเห็นว่าพวกเขากำลังวิ่งวุ่นอยู่

    ...เล่นใหญ่กันสุดยอดเลย

    “ในวันนี้ต้องขอขอบคุณความร่วมมือจากทุกคนที่มาร่วมงาน ตามกำหนดการนะครับ— รายการแรกเราจะประกาศห้ารายชื่อหญิงสาวที่ถูกโหวตให้เป็นขวัญใจเซย์รินมากที่สุด ตามด้วย....”

    อาโอมิเนะเลิกคิ้วกับรายการแรกของเวที แล้วเหล่มองคนข้างตัวที่นั่งยิ้มพูดคุยกับมิโดริมะอย่างสนุกสนาน โดยมีมิโดริมะคอยพัดคลายร้อนให้เด็กสาวอย่างเต็มใจ เขาอดไม่ได้ที่จะยกมือไปปิดหน้าที่กำลังยิ้มของอมีเรียด้วยความหมั่นไส้

    “หุบยิ้มบ้างเถอะยัยเตี้ย” เขาว่าแล้วยกยิ้มเยาะใส่มิโดริมะที่ทำหน้าเหม็นเบื่อใส่เขา แต่ก่อนที่เขาจะได้กวนประสาทอดีตเพื่อนร่วมทีม ก็ต้องหลุดเสียงร้อง ‘โอ้ย!’ ออกมา เขารีบชักมือที่เพิ่งจะถูกอมีเรียงับจนเกือบจมเขี้ยวออกห่างจากวงหน้าหวาน แล้วขึงตาใส่ยัยแมวตัวแสบที่มักจะแผลงฤทธิ์ทุกครั้งที่อยู่กับเขาเสียเหลือเกิน

    ไม่น่ารักเอาซะเลย

    อมีเรียหันมาขึงตาใส่ร่างสูงอย่างโกรธเคืองที่มาแกล้งเธอ แลบลิ้นใส่ทีหนึ่งพร้อมแยกเขี้ยวขู่ “เค็มค่ะ!”

    “ย ยัยเตี้ยเอ้ย! กลายเป็นหมาแล้วรึไง” เขาบ่นอุบอิบ แต่รอยยิ้มของเขากลับกว้างกว่าเดิมอย่างไม่ทราบสาเหตุ 

    แล้วอาโอมิเนะที่ได้แกล้งอมีเรียสมใจก็หันกลับไปสนใจพิธีกรบนเวทีต่อ พร้อมกับอมีเรียที่แอบหันหลังไปแบมือขอน้ำแข็งจากแก้วของฮายามะ โคทาโร่ที่นั่งอยู่หลังอาคาชิ -- เด็กหนุ่มผมทองผู้ร่าเริงยิ้มกว้างเมื่อรู้จุดประสงค์ของเด็กสาว เขาส่งแก้วให้เรโอะเป็นคนส่งต่อให้ผู้จัดการเซย์รินคนสวย แต่สุดท้ายก็เป็นอาคาชิที่แย่งไปแล้วจับคอเสื้ออาโอมิเนะออกให้กว้าง เทน้ำแข็งที่เหลือจากการกินของฮายามะลงคอเสื้อนั้นจนหมดแก้ว ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่แทบจะถลึงตามอง

    แค่ก้อนเดียวก็เสียวซ่านจนแทบสะดุ้ง แต่นี่หมดแก้ว.. อู้ว!

    แน่นอนว่าคนโดนกระทำอย่างอาโอมิเนะย่อมต้องสะดุ้งอยู่แล้ว ร่างกายของเขานิ่งค้างอยู่ครู่ก่อนสั่นสะท้านหลังตรงพรึบในทันที ไม่ต้องให้คิดมากอาโอมิเนะรีบหันขวับมองคนตัวเล็กข้างตัวทันทีอย่างรู้ทัน ว่าต้นเหตุมาจากเธอแน่นอน แต่ก็ต้องนั่งลงอย่างจำใจ— ถึงอาคาชิจะไม่มีกรรไกรอยู่ติดตัว เนื่องจากมันไปอยู่ในเสื้อแถวหน้าอกของอมีเรียแล้ว แต่อาโอมิเนะก็กลัวสายตาอาคาชิอยู่ดีแหละ 

    .....ว่าไปนั้น

    อาโอมิเนะยกแขนโอบไหล่เล็กอย่างถือวิสาสะ แล้วเอียงคอเหลือบมองอาคาชิกับมุราซากิบาระพร้อมยักคิ้วกวนไปทีหนึ่ง ส่วนอมีเรียเธอแค่เบะปากใส่เขา ขณะทำท่าเอานิ้วเขี่ยๆแขนเขาให้ออกจากไหล่เธอ แต่มีหรือที่คนอย่างอาโอมิเนะจะสนใจ แถมยังเหมือนจะชอบใจสีหน้าที่แสดงออกถึงความรังเกียจของอมีเรียอีกต่างหาก 

    เห็นเขาเป็นเชื้อโรครึยังไงนะ...? 

    มิโดริมะมองการกระทำอันไร้มารยาทของอดีตเอสแห่งทีมปาฏิหาริย์ด้วยสายตำหนิ ก่อนยกมือฟาดที่แขนของอาโอมิเมะไปทีหนึ่งให้เขาปล่อยไหล่ของผู้หญิงเสียที แต่คนโดนฟาดก็ยังหน้าหนาโอบไหล่เล็กไม่ปล่อย

    จนกระทั่ง....

    “....โอ้! ไม่น่าเชื่อเลยครับว่า เจ้าหญิงแห่งเหมันต์ของเรา ท่านอมีเรีย เกรซ คาร์เชล ติดหนึ่งในห้าหญิงงามที่ถูกโหวตมากที่สุดครับผม!!!”

    “....หะ?!” อมีเรียมึน อ้าปากเหวออย่างไม่เข้าใจแล้วซุบหน้าลงบนมือตัวเองอย่างปลงตก

    ทำไมชื่อของเธอถึงได้ประกาศออกไมค์แบบนั้นละ! อะไรคือเจ้าหญิงแห่งเหมันต์ด้วย โธ่!!

    .

    .

    .

    .

    เดิมทีการประกาศชื่อของผู้ที่จะขึ้นรับรางวัลของห้าหญิงงามนั้น มันเป็นกิจกรรมที่เพิ่งจัดเป็นปีแรกในปีนี้

    เนื่องจากงบประมาณที่มากขึ้นตามจำนวนของนักเรียนที่เข้ามาใหม่ ไหนจะนักเรียนที่ย้ายเข้ามาเรื่อยๆตลอดภาคเรียน จนทำให้ตอนนี้โรงเรียนเซย์รินที่เพิ่งเปิดใหม่ได้แค่สองปีได้กลายเป็นโรงเรียนที่น่าจับตามองโรงเรียนหนึ่งเลยละ

    ไม่ต้องพูดถึงจำนวนนักเรียนในแต่ละชั้นปีเลย ถึงจะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับโรงเรียนอื่นๆแล้ว 

    แต่อย่างน้อยโรงเรียนเซย์รินก็มีครบทั้งสามชั้นปี ไม่มีขาดชั้นปีที่สามเหมือนปีที่แล้วอีกต่อไปด้วย

    จะบอกว่าต้องขอบคุณนักเรียนชั้นปีสองที่ไปสร้างชื่อ หรือต้องขอบคุณผู้สนับสนุนงบประมาณให้ก็ไม่ทราบ เพราะได้การประกาศอย่างเป็นทางการจากหลายหน่วยงาน ไหนจะป้ายที่ติดประกาศรับนักเรียนเข้าใหม่ที่แปะไปทั่วประเทศแหละ มันจึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โรงเรียนเซย์รินมีนักเรียนชั้นปีที่สามเหมือนโรงเรียนอื่น

    --ถึงจะจำนวนน้อยกว่านักเรียนชั้นปีสองก็เถอะ...

    กลับมาที่สถานการณ์ในปัจจุบัน เนื่องด้วยอมีเรียได้รับการเซอร์ไพรส์แบบไม่ทันตั้งตัว ว่าตนเองติดหนึ่งในรายชื่อห้าสาวงาม ผู้ถูกโหวตให้เป็นขวัญใจเซย์ริน 

    คนที่ได้คะแนนโหวตห้าอันดับแรก จะต้องขึ้นไปโชว์ความสามารถบนเวทีพร้อมตอบคำถามที่ได้เตรียมเอาไว้ด้วยคนละสองถึงสามข้อ แน่นอนว่าบรรดาสาวๆที่ถูกประกาศชื่อล้วนไม่มีใครได้ตั้งตัวสักคน เลยต้องอัญเชิญตัวเองมานั่งในห้องรับรองที่ฝ่ายเวทีได้จัดเตรียมเอาไว้ พร้อมอธิบายเรื่องให้ฟังอย่างรวบรัด— และอมีเรียเป็นหนึ่งในห้ารายชื่อที่ว่า

    ตอนนี้เธอกำลังนั่งเหม่อมองชุดที่ชมรมการแสดงได้จัดเตรียมเอาไว้ให้ ทุกคนจะได้ชุดมาคนละชุดพร้อมคนช่วยทำผมและแต่งหน้าให้สองคน ชุดของอมีเรียเป็นชุดที่เหมือนจะเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน แต่เธอกลับนึกไม่ออกเหมือนวันว่าเคยเห็นมาจากที่ไหน พอจะหันไปถามรุ่นพี่ปีสามผู้รับหน้าที่แต่งหน้าทำผมให้ ก็ยังไม่ได้คำตอบอะไรกลับมาเลยนอกจากส่งยิ้มกรุ้มกริ้มให้เธอเท่านั้น

    “...สละสิทธิ์ไม่ได้หรอคะ?” เด็กสาวผมสีฟ้ามิ้นปลายขาวถามเสียงอ่อย

    เธอไม่ชอบการเป็นจุดสนใจเลยสักนิดเดียว...

    “ไม่ได้จ้ะ” รุ่นพี่ผู้กำลังทำผมให้เข้ากับชุดให้รุ่นน้องตัวเล็กยิ้มบางพร้อมปฏิเสธเสียงเข้ม ในขณะที่อีกคนผู้กำลังเตรียมจะแต่งหน้าให้ก็ยิ้มกว้างพูดเสียงอ่อนหวาน “น้องออกจะน่ารัก อย่ายอมแพ้ง่ายๆสิ”

    “ก็มัน...ไร้สาระนิค่ะ” เธอตอบแต่ก็ยอมอยู่นิ่งให้รุ่นพี่แต่งหน้าให้โดยดี

    “โธ่.. สมกับตำแหน่งเจ้าหญิงแห่งเหมันต์จริงๆนะเรานะ”

    “....”

    ใช้เวลาไม่นาน อมีเรียก็แต่งหน้าทำผมเสร็จพร้อมใส่ชุดเสร็จเรียบร้อย

    ตอนนี้เธอเอาผ้ามาคลุมเอาไว้ตามคำแนะนำของรุ่นพี่สาว ว่าควรจะเปิดผ้าคลุมตอนขึ้นบนเวทีจะได้ดูน่าสนใจ พอไม่มีเหล่ารุ่นพี่อยู่ด้วยแล้ว อดีตมือดีด้านการวิจัยก็ได้โอกาสสำรวจห้องรับรองที่มีสาวๆอีกสี่คนนั่งพุดคุยกันอยู่ – จากที่ฟังๆมาสามคนเป็นรุ่นพี่ปีสองกับปีสาม มีเธอกับเด็กสาวอีกคนที่เป็นปีหนึ่ง แต่ทุกคนอมีเรียล้วนไม่รู้จักและไม่คิดจะเอ่ยปากพูดอะไรทั้งนั้น เหตุผลหนึ่งก็มาจากโรคประจำตัวของเธอที่ทำให้ไม่เห็นใบหน้า และสองอมีเรียเกลียดการทำความรู้จัก

    จนกระทั่งเด็กสาวต่างเริ่มทยอยออกไปนอกห้องเพื่อแสดงความสามารถ และตอบคำถามหลังการแสดง นั่นจึงทำให้อมีเรียเพิ่งฉุกใจคิดได้ว่า

    เธอจะแสดงอะไรดี....? 

    อ่า เธอมีความสามารถพิเศษอะไรนั้นด้วยเหรอ..อืม ท่องสูตรยาชีวภาพได้รึเปล่านะ?  รึให้ทำการทดลองต่อหน้าคนอื่นเหมือนที่เธอทำตอนอยู่ในแลป?— แต่พอได้ยินเสียงเพลงดัง อมีเรียก็ต้องยู่หน้า ความสามารถที่ว่าคือเกี่ยวกับเพลงงั้นเหรอ เธอไม่เคยเล่นดนตรีอื่นมาก่อนเลย นอกจากเปียโนที่เคยเล่นเพราะบอสบังคับให้เล่น 

    เธอ.. เอ่อ ไม่ค่อยร้องเพลง แต่ชอบฟังเพลงนะ!

    เอ่อ...มีอะไรที่พิเศษพอจะโชว์ได้บ้างละ เล่นบาส?! แต่ชุดเธอมันไม่ค่อยอำนวยเลยเนี่ยสิ

     

    งือ! ไทกะเราอยากกลับบ้านแล้ว!!

     

    ...........

    .......

    ....

    ..

    .

     

    ในที่สุดก็มาถึงคิวของอมีเรียที่เป็นคนสุดท้ายพอดี ร่างบอบบางในชุดคลุมสีเทาหม่นก้าวเดินขึ้นบันไดอย่างสง่างาม ใบหน้าเชิดขึ้นเล็กน้อยสายตาเองก็มองตรงไปยังพิธีกร จังหวะก้าวเดินอย่างเชื่องช้าแต่มั่นคงช่วยเสริมเสน่ห์ของเด็กสาวให้ดูลึกลับ จนเมื่อเธอมาหยุดที่ข้างตัวพิธีกรโดยใบหน้ายังคงนิ่งเฉยไร้อารมณ์ดังเดิมนั่นแหละ เสียงต่างๆก็พลันเงียบลงราวกับเป็นใจ 

    เธอกวาดสายตามองผู้ชมหน้าเวทีแล้วหยุดมองใบหน้าของคนที่รู้จัก คางามิเหมือนจะกำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่เลยไม่ได้เงยหน้ามองมาที่เธอเหมือนคนอื่นๆส่วนทีมบาสเซย์ริน

    ‘อมีเรียจังสู้ๆ!!’

    นั่นแหละ...

    ทีมบาสเซย์รินขนานแท้ คนในการปกครองของเธอเองแหละ(ยกมือกุมหัวด้วยความเหนื่อยใจ..)

    อมีเรียไม่ได้สนใจฟังเสียงพิธีกรพูดเลยแม้แต่น้อย เธอเพียงแค่ยืนนิ่งมองไปยังทุกคนเพื่อลดอาการประหม่าของตัวเอง ทันใดนั้นสายตาของเธอก็สะดุดเข้ากับร่างสูงโปร่งแสนคุ้นตาที่กำลังเดินถือช่อดอกไม้อยู่ไม่ไกล เขาใส่ชุดสูททำให้ดูเหมือนผู้ใหญ่มาดขรึม แต่ที่โดดเด่นสุดคงจะเป็นใบหน้าหล่อเหลาที่คล้ายคลึงกับร่างบางผู้ยืนอยู่บนเวที

    ทั้งสองส่งสายตาให้กันแล้วพยักหน้าเล็กน้อย

    ไม่รู้ทำไมทันทีที่เห็นใบหน้าของเทรย์เวอร์ที่อยู่ห่างไกล อมีเรียถึงได้เหมือนเห็นภาพซ้อนทับเข้ามา

    --เหมือนกับว่าเมื่อนานมาแล้ว เธอเคยยืนมองเขาจากตำแหน่งนี้แต่คนละช่วงเวลาเลย

    “....คุณอมีเรียจะโชว์การแสดงอะไรหรอครับ?” เสียงทุ้มของพิธีกรดังขึ้น ดวงเนตรมณีสองสีหันไปมองหน้าของชายคนนั้นแล้วอมยิ้มก่อนจะกล่าวออกมาสั้นๆ

    “ร้องเพลง...”

    ปากไปไวกว่าความคิด นั่นคือสิ่งที่อมีเรียได้รับรู้แต่เธอก็พูดไปแล้ว

    ความคิดของอดีตนักวิจัยสาวกำลังตีกันจนยุ่งไปหมด ทำไมเมื่อสักครู่ถึงมีภาพซ้อนทับเข้ามา ภาพของเด็กชายสองคนที่กำลังยืนถือช่อดอกไม้โดยมีผู้ใหญ่ชายหญิงยืนขนาบข้างอยู่ แม้ใบหน้าของพวกเขาเธอจะมองไม่เห็นเนื่องด้วยมันเบลอมัวไปหมด แต่ใบหน้าของเด็กชายคนหนึ่งกลับชัดเจน

    ‘เทรย์เวอร์’

    บางทีการที่เธอตอบแบบนั้นออกไปอาจมีสาเหตุ เช่นเดียวกับความรู้สึกของเธอที่กำลังกู่ร้องให้เธอทำเช่นนั้น --ถึงจะไม่เคยร้องเพลงให้ใครฟังมาก่อน แต่พี่ชายอย่างเทรย์เวอร์อุตส่าห์มาดูทั้งที่ ไม่ทำอะไรสักหน่อยคงจะแย่ในฐานะน้องสาวของเขาละนะ หรือเป็นเพราะภาพซ้อนทับก็ไม่รู้ที่ทำให้เธอเลือกเช่นนั้น

    เธอกระซิบแจ้งเพลงที่จะร้องให้พิธีกรแล้วหลับตาลงรอจังหวะดนตรี

    เมื่อคนบนเวทีเงียบเหล่าฝูงชนที่อยู่ด้านล่างก็พร้อมใจกันเงียบเพื่อรอฟัง ว่าร่างงามบนเวทีคิดจะทำอะไร รอเพียงไม่นานเสียงเล็กใสอันเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องดนตรีที่มีชื่อว่าคีย์บอร์ด ก็เริ่มดังคลอขึ้นอย่างเนิบช้าพร้อมกับเสื้อคลุมสีเทาหม่นที่ค่อยๆร่นลงไปกองที่พื้นเผยชุดสีฟ้าอ่อนพลิ้วไหวที่อยู่ภายใน

    เพลงนี้ไม่ว่าใครย่อมเคยได้ยินเพียงแค่เสียงดนตรีขึ้นนำ ทุกคนต่างพากันเบิกตากันเล็กน้อย ยิ่งรวมกับชุดและบุคลิกของร่างบางบนเวทีแล้วราวกับเป็นการเลือกที่เหมาะสมที่สุด สมกับฉายา เจ้าหญิงแห่งเหมันต์

    เพราะเพลงที่เธอเลือกร้องคือเพลง Let It Go จาก Disney's Frozen

     

    The snow glows white on the mountain tonight

    Not a footprint to be seen..

    A kingdom of isolation

    And it looks like I'm the queen!

    The wind is howling like this swirling storm inside

    Couldn't keep it in, heaven knows I've tried...

     

    เพียงเริ่มต้นเสียงหวานที่ขับเสียงร้องเนิบนาบก็สะกดสายตาคนดูให้จับจ้องไปที่เธอเพียงคนเดียวได้อย่างง่ายดาย วงหน้าหวานฉายแววเศร้าสร้อยเพื่อสื่ออารมณ์ของเพลงออกมาได้อย่างดีเยี่ยม เธอยกมือโอบกอดร่างของตนราวกับกำลังเศร้าโศกและหนาวเหน็บเหลือเกิน ทอดสายตามองไปยังอาคาชิที่จ้องมาที่เธอตาไม่กะพริบเพื่อใช้เขาเป็นจุดรวมสายตา

     

    Don't let them in, don't let them see

    Be the good girl you always have to be

    Conceal, don't feel, don't let them know..

    Well, now they know...

     

    เสียงใสที่ขับร้องเพลงมีเล่นเสียงหนักเบาเพื่อให้เข้ากับจังหวะ โดยที่เจ้าตัวก็ไม่ได้รู้ตัวสักนิดว่าเพิ่งจะร้องแบบไหนออกไป เธอเลื่อนสายตาจากมองอาคาชิไปมองมิโดริมะแล้วค่อยๆคลี่ยิ้มให้แก่เขา พอนึกภาพตอนที่เธอไปเขย่งกางร่มให้แล้วก็อดหัวเราะในใจไม่ได้ เพราะฉะนั้นรอยยิ้มของเธอจึงดูสว่างไสวขึ้นทันตา ช่างประจวบเหมาะกับท่อนต่อไปของเพลง

     

    Let it go, let it go

    Can't hold it back anymore

    Let it go, let it go

    Turn away and slam the door

     

    I don't care what they're going to say

    Let the storm rage on

    The cold never bothered me anyway

     

    คราวนี้เธอกวาดสายตาไปมองญาติหนุ่มที่อ้าปากค้างเหวอ และคุโรโกะที่นั่งข้างเขา มือเรียวผายออกไปทางพวกเขาที่นั่งอยู่แถวหน้าเธอพร้อมรอยยิ้มหวานที่ผ่อนคลายอย่างชัดเจน เธอก้าวขาเดินช้าๆไปเบื้องหน้าแล้วขยิบตาให้ทุกคนอย่างขี้เล่น คราวนี้เธอผายมือไปทั้งสองข้างราวกับกำลังยื่นมือเพื่อให้พวกเขาได้มาจับมือเธอเดินไปด้วยกัน— คางามิไม่เคยรู้มาก่อนว่าอมีเรียจะร้องเพลงเพราะ เขาอ้าปากเหวอแล้วหุบปากเมื่อคุโรโกะสะกิดเขาให้รู้ตัว

    ยอมรับเลยว่าอมีเรียในลุคนี้สวยสะกดตาจริงๆ

    ไม่ได้มีเพียงแค่คางามิกับคุโรโกะที่ตะลึงกับรูปโฉมใหม่ของเด็กสาว อาโอมิเนะก็ตะลึงเขามองเธอแล้วนิ่งไปครู่ใหญ่รู้ตัวอีกทีก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมากดอัดวีดีโออย่างรีบร้อน

    ส่วนมิโดริมะนับว่าเขามีสติที่สุดแล้ว แม้จะตะลึงแต่เขาก็เก็บอาการได้มากพอที่จะไม่ทำหน้าแปลกๆออกไป แต่มือที่ถือโทรศัพท์ของเขาสั่นเล็กน้อยพร้อมใบหน้าที่แดงก่ำ มุราซากิบาระยิ่งแล้วใหญ่เขาอ้าปากค้างปล่อยให้ขนมล่วงออกจากปากอยู่นานในขณะที่ทัตสึยะเพียงแค่ยกยิ้มแล้วกดถ่ายวีดีโอ

    ทางด้านคิเสะเองก็ดี้ด้าชัดเจน เขาทั้งกดชัตเตอร์ถ่ายรูป กดอัดคลิปไปด้วยท่าทางตื่นเต้น หนำซ้ำดวงตาของเขายังเปล่งประกายแวววาว พร้อมยังชูมือโบกไปมาให้คนบนเวทีได้รับรู้ว่าเขาเองก็กำลังมองดูเธออยู่เช่นกัน แม้รุ่นพี่และเพื่อนจะดึงแขนเขาให้ลดลงก็ตามที แต่เขาเป็นเด็กดีแค่กับอมีเรียเท่านั้น!

    เพราะฉะนั้นชูมือโบกไปมือต่อไป

    ทางด้านฝ่ายเวทีเองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ด้วยการโปรยกระดาษสีขาวและใช้น้ำแข็งแห้งสร้างไอราวกับว่าเวทีได้กลายเป็นดินแดนน้ำแข็งของเจ้าหญิงน้ำแข็งคนใหม่ไปแล้ว และเมื่อเนื้อเพลงท่อนสุดท้ายจบลง ความเงียบก็กลับคืนมาอีกครั้งพร้อมร่างบางที่ย่อตัวอย่างสง่างามปิดท้าย

    แปะ แปะ แปะๆๆๆ

    เสียงปรบมือดังขึ้นเมื่อทุกคนตั้งสติได้ ตามด้วยเสียงโฮร้องและเสียงตะโกนเรียกชื่อเธอเต็มไปหมด อมีเรียเงยหน้ามองภาพของฝูงชนที่ลุกยืนปรบมือให้เธอจนเสียงดังกระหึ่ม พอมองใบหน้าของพี่ชายที่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ เด็กสาวก็ย่อตัวลงอีกครั้งก่อนจะยืนเต็มความสูงอย่างสง่าให้สมกับเป็นคาร์เชล— เธอมองคิเสะที่ปรบมือพร้อมกระโดดแล้วหลุดยิ้มออกมา

    คิเสะสมกับเป็นน้องหมาที่เธอเอ็นดูจริงๆนะ

    มองคิเสะเสร็จเธอก็มองคนอื่นต่อ คางามิเพียงยิ้มกว้างแล้วชูโทรศัพท์ให้ได้รู้ว่าเขาอัดคลิปไว้แล้ว ข้างเขาก็เป็นคุโรโกะที่ยิ้มบางปรบมือให้เธอแก้มของเขาแดงเล็กน้อย อันนี้เธอไม่รู้ว่าแดงได้ยังไง แต่เธอชอบสีหน้าของคุโรโกะตอนนี้ มันน่ารักดี เลื่อนสายตามองขึ้นนิดหน่อยก็เป็นมิโดริมะที่ส่งยิ้มมาให้ ข้างเขาก็เป็นอาโอมิเนะที่หันหน้าหนีเธอไปแล้วแต่เขาก็ยกนิ้วโป้งให้เธอเห็น รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าหวานฉายชัดขึ้นกว่าเดิมพร้อมหัวใจที่ฟูฟอง

    ที่อาโอมิเนะยกนิ้วแบบนั้นแสดงว่าเธอร้องไม่แย่!

    ถัดจากอาโอมิเนะก็เป็นอาคาชิที่ยกยิ้มมุมปากอย่างที่เขาชอบทำ เขาไม่ทำตัวโดดเด่นอะไรมากคล้ายกับมิโดริมะ เพียงแต่เขาขยับปากให้เธออ่านเท่านั้น ‘เก่งแล้ว’ เธออ่านได้แค่นี้ 

    ถึงอย่างงั้นไม่รู้ทำไมเธอกลับรู้สึกว่าหน้ามันเริ่มร้อนแปลกๆนะ?  

    ข้างอาคาชิก็เป็นมุราซากิบาระที่เขายังอ้าปากจนขนมตกพื้นจนหมดปาก โดยมีทัตสึยะสะกิดเรียกสติแต่เขาก็ยังคงไม่ได้สติเหมือนเดิม ทัตสึยะที่รู้ตัวว่าร่างบางมองมาก็ยกยิ้มให้พร้อมขยิบตา

    เอาเป็นว่าการร้องเพลงครั้งแรกของเธอ ....ก็ไม่ได้แย่อะไร

     

     

     

     

     

     

    นี่คืออิมเมจของอมีเรียในตอนนี้ค่ะ

     

     

    …………………………………………………………..

    พูดคุยกับไรท์แฟรรี่ เป็นตอนเดียวรึเปล่าที่แฟรร์ไม่ได้ปรับเนื้อหาอะไรมากนอกจากแก้คำผิด คำตก จัดการเว้นวรรค เคาะบรรทัดให้ดูโอเคเพื่อง่ายต่อการอ่านของทุกคน อือหือ อยากจะบอกว่า.. อมีเรียในโลกนี้คือนางเก่งรอบด้านเพราะงั้นเรื่องร้องเพลงเก่งไม่แปลกค่ะ แฟรร์ลืมไขปมเรื่องร้องเพลงไปเลย เพราะยังไงถึงจิตวิญญาณข้างในจะเป็นอมีเรียนักวิจัย แต่อีกไม่นานความจริงก็จะปรากฎ

    เพราะงั้นไม่สปอยละ (เดี๋ยว!!)

     

     

    อันนี้เป็นเหมือนภาพแห่งความทรงจำเลขสวยเลยค่ะ เพราะงั้นแฟรร์จะยังคงเก็บเอาไว้ในหน้านี้ไม่ลบออก (ส่งจูบ)

     

     

    1 คอมเม้นท์ = 100 กำลังใจ

    สามารถติหรือชี้แนะไรท์ได้ ไรท์จะรออ่านคอมเม้นท์ของทุกคนนะคะ

     

    ติดตามข้อมูลข่าวสารและการอัพเดทต่างๆได้ที่เพจ Fairy-แฟรี่กะ จิ้มๆเลย//ชี้  

     

    ยังไม่หายไปไหนนะคะ มาอัพให้อยู่น่า จุ้บ!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×