ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic Kuroko no Basket ] มิติพิศวงของยัยจอมมึน (All x Oc )

    ลำดับตอนที่ #42 : ตอนพิเศษที่ 8 [Re]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.38K
      371
      8 มี.ค. 64

     

     

     

    ตอนพิเศษที่ 8

    [ พี่ชายปะทะฮาเร็ม(ของน้องสาว) ]

     

     

     

    ไม่ว่าใครต่อใครจะถามยังไง สุดท้ายคำตอบของเธอก็คือคำเดียว

    อมีเรียเคยบอกทุกคนว่า เธอไม่ชอบอะไรที่วุ่นวายหรือเสียงดังหนวกหู แต่ดูเถอะในตอนนี้ อันไหนที่เธอไม่ชอบมัน เธอก็กำลังเผชิญหน้ากับมันอยู่ในตอนนี้อย่างหลีกหนีไม่ได้ ต่อให้ภายในใจอยากจะวิ่งกลับห้องไปนอนมากแค่ไหนก็ตามเถอะ แต่รอยยิ้มตามมารยาทกลับฉายอยู่บนใบหน้า แทนที่รอยยิ้มผ่อนคลายเมื่อครู่หลังจากที่ร้องเพลงจบ 

    เธอไม่เพียงแค่ต้องยืนอย่างผู้ดี แต่เธอยังเก็บอาการทุกอย่างได้อย่างหมดจด ไม่มีแม้แต่ท่าทางเหนื่อยหอบให้เห็น— ถึงจะมีเหงื่อไหลซึมตามหน้าผากและมือก็ตาม แต่เรื่องพวกนั้นมันก็เป็นเรื่องที่เห็นบ่อยไปหลังจบการแสดง

    “ว ว้าว! ผมตะลึงเลยครับ-- เมื่อกี้สุดยอดมากเลยนะครับคุณอมีเรีย” พิธีกรหนุ่มขึ้นมาบนเวทีพร้อมรอยยิ้มร่าเริง เขาเว้นระยะห่างระหว่างเขากับเด็กสาวตามมารยาทที่พึงทำ เอ่ยแซวเด็กสาวนิดหน่อย “สมกับฉายาเจ้าหญิงแห่งเหมันต์จริงนะครับ ...มีใครจีบรึยังครับเนี่ย— ” ก่อนจะเก็บรอยยิ้มกรุ่มกริ่มเมื่อมีรังสีแผ่มาจากหน้าเวทีจนเขาเหงื่อตก

    ....

    “...ฮะฮะ ผมแซวเล่นครับ แหม่เมื่อสักครู่รู้สึกหนาวขึ้นมาเลย หนุ่มๆหน้าเวทีจะฆ่าผมรึเปล่าเนี่ย”

    “คงไม่หรอกค่ะ” อมีเรียเหล่มองใบหน้าที่เริ่มมีเหงื่อของพิธีกร ก่อนเบนสายตามองไปทางอื่น

    เธอแอบเห็นตอนที่พิธีกรแซวเธอ พี่ชายแทบจะฉีกยิ้มแสยะส่งมาให้ให้ แถมญาติหัวแดงยังแขกเขี้ยวใส่อีกต่างหาก อาการรู้สึกหนาวจนต้องเปลี่ยนเรื่องคุยของพิธีกรคงไม่ต้องสงสัยแล้วมั้งว่ามาจากใคร

    “นั่นสินะครับ --มาต่อกันที่การตอบคำถามกันดีกว่านะครับ” พิธีกรหนุ่มมองแผ่นกระดาษที่จดลิสคำถาม และลำดับพิธีการทั้งหมดของงาน เขาเงยหน้ามองเด็กสาวที่ยืนนิ่งแล้วยิ้มกว้าง “ก่อนเริ่มคำถามนะครับ เชิญแนะนำตัวก่อนเลยครับ....”

    อมีเรียรับไมค์อีกตัวมาจากฝ่ายเวทีที่วิ่งขึ้นมาส่งไมค์ให้ ก่อนที่อีกฝ่ายจะรีบกลับลงไปด้านหลังเวทีอย่างรวดเร็ว อมีเรียลองพูดเสียงเบาเล็กน้อยเพื่อเช็คว่าไมค์โอเครึเปล่า แล้วจึงเปลี่ยนมือข้างที่ถือไมค์พร้อมกับเลื่อนมือจับมันในระดับกลางขณะเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย

    เจ้าของนัยน์ตาสองสีกวาดสายตามองผู้คนด้านล่างครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยแนะนำตัว 

    “อมีเรีย เกรซ คาร์เชล ปีหนึ่งห้องC –ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทีมบาสเซย์รินค่ะ”

    แปะ แปะ

    พิธีกรหนุ่มอุทาน ดวงตาแวววาวเล็กน้อยคล้ายกับกำลังตื่นเต้น 

    “ว้าว ผู้จัดการคนสวยของทีมบาสโรงเรียนเราที่เขาลือว่า เป็นผู้คิดกลยุทธ์พิชิตทีมราคุซันแชมป์ปีที่แล้วสินะครับ— ว้าวสุดยอดไปเลยนะครับเนี่ย”

    “ไม่หรอกค่ะ ” อมีเรียยกยิ้มอ่อน 

    เธอเลื่อนสายตาไปมองอาคาชิผู้เป็นกัปตันทีมราคุซันที่ถูกเอ่ยถึงเมื่อครู่ หน้าของเขามืดครึ้มเล็กน้อยจนอดีตเพื่อนร่วมทีมทั้งสองคนที่นั่งขนาบข้างยกยิ้มแหย “มันก็ไม่เชิงกลยุทธ์หรอกค่ะ ดิฉันแค่แนะนำคนในทีมว่าควรจะตอบโต้ยังไงเท่านั้น –ทุกอย่างต้องยกความดีความชอบให้ สมาชิกทีมบาสเซย์รินทุกคนที่พยายามกันจนสุดความสามารถ จนชนะมาได้...”

    ฮิวงะยืดอกขึ้นเล็กน้อย เช่นเดียวกับสมาชิกทีมบาสเซย์รินแต่ละคนที่กำลังยิ้มแก้มปริ 

    “.....”

    “แต่ต้องยอมรับเลยค่ะว่า ทีมราคุซันเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวมากเลยค่ะ ทั้งกลยุทธ์แบบหมากล้อมของกัปตันทีม...” เธอส่งยิ้มให้อาคาชิจนเขาสะบัดหน้าหนี ก็มันจริงนะ ..เขากับเธอประชันแนวคิดกันจนแทบปวดหัว แล้วเลื่อนสายไปมองสมาชิกทีมราคุซันที่ยกยิ้มแห้งส่งมาให้ อมีเรียหัวเราะในลำคอเล็กน้อยกับท่าทางของพวกเขา แล้วพูดต่อเพื่อให้บทสนทนาขาดช่วง “...ที่ทำเอาดิฉันหัวหมุนไปครู่ใหญ่เลยเชียว เป็นคนที่น่ากลัวจริงๆค่ะ” 

    เธอหัวเราะเสียงเบาเมื่อเด็กหนุ่มที่หันหน้าหนีเธอเมื่อครู่หันกลับมาขึงตาใส่

    “ฮะ ฮะ นั่นสินะครับ— ผมเองก็ได้ยินข่าวลือมาเหมือนกันว่า กัปตันทีมราคุซันเป็นราชามากความสามารถนะครับ” พิธีกรหัวเราะ สงสัยเขาจะไม่เห็นว่าคนที่เขาพูดถึงอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เลย แถมยังได้ยินที่เขาพูดอีกด้วย แต่อมีเรียไม่คิดจะบอกหรอกนะ— เธอแลบลิ้นเล็กน้อยให้อาคาชิผู้ขึงตามองมาที่เธอแล้วพูดต่อ

    “สมาชิกทีมราคุซันก็เก่งกันมากเลยค่ะ แหม่...ทำเอาตึงมือเลยว่าควรจะใช้แผนไหนดี สุดท้ายก็ถูกมองออกจากคนในสนามอีก-- ดิฉันพูดไม่ได้เต็มปากหรอกค่ะ ว่าทีมเราชนะราคุซัน แต่ยังไงก็ได้รับชัยชนะมาแล้วต้องดีใจกันหน่อย ไม่แน่นะคะ ปีหน้าเราอาจจะแพ้ก็ได้” เธอขยิบตาให้คนในทีมที่กำลังหัวเราะชอบใจกันอยู่ 

    โดยเฉพาะกับคางามิที่ทำปากขมุบขมิบประมาณว่า ‘ฉันไม่แพ้หรอก’ ทำเอาทีมราคุซันที่นั่งยิ้มอยู่ต้องขึงตาใส่พ่อเสือหัวแดงเอซของเซย์รินไปทีหนึ่ง 

    --ดีนะที่พวกเขาไม่คิดวางมวยกันตอนนี้

    “...เห”

    “ก็แหม่... ทุกคนย่อมมีพัฒนาการกันบ้างจริงมั้ยคะ?” อมีเรียหันไปขอความเห็นจากพิธีกร ถึงจะเป็นการพูดแบบไม่คิดอะไรของเด็กหนุ่มรุ่นพี่ แต่การที่พูดแบบนั้นออกไปโดยที่คนที่ถูกเอ่ยถึงก็อยู่ตรงหน้า เธอก็รู้สึกไม่ดีนะสิเพราะพวกเขาเองก็ทำเต็มที่ในแบบและมุมมองของพวกเขาแล้ว

    “น นั่นสินะครับ” เขายกมือปาดเหงื่อออกจากใบหน้าคล้ายกับกำลังลำบากใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะกระแอมกระไอแล้วเข้าเรื่องเสียที 

    “งั้นมาที่คำถามกันเลยดีกว่าครับ.. คุณอมีเรียครับ คุณคิดว่าทำไมคุณถึงถูกโหวตให้ติดอันดับหนึ่งในห้าสาวงามของวันนี้ละครับ?”

    “ไม่ทราบค่ะ” อมีเรียยิ้ม เธอกวาดสายตามองไปโดยรอบ “ดิฉันเองก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมถึงมีชื่อของตัวเอง..”

     

    “คำถามที่สองนะครับ ในฐานะที่คุณอาจจะได้รับตำแหน่งสาวงามแห่งเซย์รินคุณคิดว่าจะทำอะไรต่อไปเป็นอย่างแรกครับ”

    อมีเรียมองคนถาม เธอย่นคิ้วเล็กน้อยตอบด้วยน้ำเสียงมึนงง 

    “ก็ต้องไปหาพี่ชายสิค่ะ.. วันนี้พี่ชายของดิฉันก็อยู่ที่นี่” 

    คำตอบของเธอทำเอาบรรยากาศโดยรอบเงียบลงทันตา แม้แต่พิธีกรก็นิ่งไปด้วย เขากะพริบสองสามครั้งเพื่อเรียกสติของตัวเองกลับคืนมา แล้วพูดเพื่อคลายบรรยากาศเงียบเมื่อครู่ ส่วนคนต้นเหตุก็ได้แต่มองด้วยความงงเท่านั้นว่าเธอตอบผิดตรงไหน? ก็เขาถามว่าคิดจะทำอะไรต่อไปเป็นอย่างแรกหลังรู้ว่าตัวเองได้รับตำแหน่ง..

    เธอก็ต้องไปหาพี่ชายสิ มันผิดตรงไหนกัน..?

    ใครๆก็อยากได้รับคำชมจากพี่ชายทั้งนั้นรึเปล่า?... แถมพี่เพิ่งจะว่างจากงานของเขาอีก

    --เธอไม่เข้าใจคนคิดคำถาม ...หรือเธอแค่ไม่เข้าใจคำถามกันแน่...?

    ในขณะที่ด้านล่างคางามิกลับกำลังยกมือปิดหน้าเพื่อกลั้นขำอย่างสุดชีวิต นั่นแหละญาติของเขาเองหละ ตอนเด็กติดพี่ยังไงโตมาก็ติดพี่อย่างงั้นแถมยัง ตอบคำถามได้มึนที่สุดในบรรดาสาวงามที่ขึ้นมาก่อนเธอเสียอีก ดูใบหน้ามึนงงปนไม่เข้าใจนั้นสิ เห็นแล้วละอยากลากกลับบ้านมันซะตอนนี้ –เอ๊ะ จะว่าไปอมีเรียบอกว่าพี่ชายอยู่ที่นี่.. คางามิตาโตกวาดสายตามองหาร่างสูงโปร่งเรือนผมสีขาวทันทีและเขาก็เจอ

    โอ้..พี่ชายใหญ่ ก่อนหน้าที่เพิ่งโทรมาบอกเขาว่าอาจจะไม่มาแต่ไหงพี่มาถึงแล้วละ!!

    พี่โกหกผม!!

    “แฮ่ม! มาที่คำถามสุดท้ายกันดีกว่าครับ” พิธีกรปาดเหงื่ออีกรอบ “คำว่า smart teen ของคุณหมายความว่าอะไร”

    ร่างบางเอียงคอเล็กน้อยเหมือนกับว่าคำถามนี้มันต้องให้เธอใช้ความคิด ก่อนจะเอ่ยปากตอบ 

    “รู้จักคิด และที่สำคัญต้องลงมือทำค่ะ”

     

    .

    .

    .

    .

     

     

    พอหมดช่วงการแสดงความสามารถและการตอบคำถาม อมีเรียก็ถูกเชิญให้ไปเก็บตัวอีกรอบเพื่อรอผลคะแนนโหวตจากผู้เข้าชมในวันนี้ โดยการโหวตจะเป็นการนำลูกบอลที่แต่ละคนจะได้รับไปหย่อนลงในกล่องที่มีชื่อของสาวงามทั้งห้าแปะเอาไว้ อยากโหวตคนไหนก็เอาไปหย่อนลงในกล่องที่มีชื่อของคนนั้น— เมื่อหมดช่วงการลงคะแนนก็ต่อด้วยการแสดงละครสั้น กับการแสดงด้านดนตรีจากชมรมดนตรีกับชมรมการแสดงของโรงเรียนเซย์ริน

    เพื่อไม่ให้บรรดาผู้เข้าร่วมกิจกรรมเกิดความเบื่อหน่ายระหว่างรอการนับคะแนน

    แต่ไม่ใช่กับคนรออย่างอมีเรียที่ต้องนั่งเงียบอยู่ในห้องเก็บตัว เด็กสาวเอาแต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ที่มีผู้คนมารอชมรายการสุดท้ายกันจนที่นั่งแน่นไปหมด แถมรายการสุดท้ายที่ว่าก็คือการประกาศว่าใครคือผู้ที่ถูกโหวตให้อยู่ในตำแหน่งสาวงามแห่งเซย์รินกันแน่

    โดยจะไล่มาตั้งแต่อันดับที่ห้าตามด้วยอันดับสี่ และไล่ถอยหลังมาเรื่อยๆจนมาถึงอันดับหนึ่ง ที่จะได้รับรางวัลเป็นมงกุฎประจำตำแหน่งที่ฝ่ายการจัดเตรียมอุปกรณ์ช่วยกันทำขึ้นมา— แต่ใครจะชนะก็ชนะไปเถอะ เธอไม่สนใจผลนั้นอยู่แล้ว  ตอนนี้เธอสนแค่ว่าอยากจะถอดชุดที่ใส่ออกจังเลย ถึงมันจะสวยและเย็นสบายดี แต่มันก็รู้สึกคันนิดหน่อยคงเป็นเพราะผิวของเธอแพ้ค่อนข้างง่ายละมั้ง

    อันดับห้าถูกเรียกออกไปแล้ว อมีเรียได้ยินว่าเธอชื่อ ทาเคดะ อายูมิ ปีสามห้อง A 

    อันดับสี่ถูกเรียกออกไปหลังจากที่เสียงปรบมือเงียบลง พร้อมคำพูดขอบคุณของสาวงามอันดับห้า – เด็กสาวที่ได้ตำแหน่งในอันดับที่สี่ชื่อ ฟุบุกิ ไมโกะ ปีหนึ่งห้อง B คนนี้ค่อนข้างน่ารักและอัธยาศัยดีไม่น้อย เนื่องจากเข้าไปคุยกับพวกรุ่นพี่ในขณะที่อมีเรียเพียงแค่นั่งเงียบอยู่คนเดียวโดยไม่มีใครเข้ามาทักทายสักคน

    ความจริงคืออมีเรียไม่คิดจะเข้าหามากกว่า

    ...แถมบรรยากาศที่แผ่ออกมารอบตัวยังทำให้ไม่มีใครอยากเข้ามาทำตัวสนิทสนมสักเท่าไหร่

    --บรรยากาศเยือกเย็นชวนน่ากลัวแบบนั้น กลัวว่าถ้าทำตัวสนิทสนมจะโดนมองแรงมากกว่านะสิ

    หลังจากเสียงใสพูดขอบคุณจบก็เป็นการประกาศชื่ออันดับสาม ดวงเนตรสองสีมองรุ่นพี่เรือนผมน้ำตาลอ่อนที่ยืนขึ้นหลังจากได้ยินชื่อตัวเองก่อนจะเดินออกไป ชื่อของเธอคือ ฟุบุกิ เอริ ปีสองห้อง D 

    เธอคงจะเป็นพี่สาวของคนที่ได้อันดับที่สี่ แต่บรรยากาศค่อนข้างแตกต่างกันนิดหน่อย

    ดังนั้นในห้องรับรองนี้เลยเหลือแค่ อมีเรียกับรุ่นพี่หญิงในชุดชมพูหวานแหวว

    อมีเรียมองรุ่นพี่คนนั้นด้วยหางตา ดูท่าเธอจะค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองจะได้อันดับหนึ่ง เพราะเมื่อสักครู่หันมายิ้มเยาะให้กับอมีเรียอย่างโจ้งแจ้งด้วย แม้ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่ามันคือรอยยิ้มเยาะเย้ย ทว่าอมีเรียก็อดคิดไม่ได้เลยว่ารอยยิ้มมันเป็นแบบนั้นจริงๆ ถึงกระนั้นอมีเรียก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากมาย

    —ตำแหน่งอะไรนั้นเธอเคยสนใจที่ไหนละ...?

    น่ารำคาญจะแย่

    แค่อดกินขนมแถมอดแกล้งไทกะ..มันก็ชวนให้หงุดหงิดมากพอแล้ว—

    จนกระทั่งประกาศชื่อผู้ได้อันดับที่สองเท่านั้นแหละ เด็กสาวผู้กำลังเชิดหน้าอยู่ถึงกับหันมาขึงตาใส่รุ่นน้องในชุดสีฟ้าอ่อนทันที ส่วนอมีเรียแค่ทำหน้าตกใจเท่านั้นว่าทำไมถึงยังไม่มีชื่อเธอ ก่อนจะซบหน้าลงบนฝ่ามือเมื่อเริ่มจะรับรู้ชะตากรรมบ้างแล้ว

    ...ซวยแล้วไง

    เสียงประกาศเรียกชื่อคนที่ได้อันดับสองดังขึ้นอีก เมื่อเจ้าตัวไม่ยอมขึ้นไปบนเวทีจนสตาฟต้องวิ่งมาเรียก ร่างบางในชุดสีชมพูแหววจึงยอมออกไปแถมยังปั้นหน้ายิ้มแย้มอีกด้วย หากแต่ในตอนที่จะเดินออกไปพร้อมสตาฟ แววตาของอีกฝ่ายที่มองส่งมาให้อมีเรียกลับแฝงไปด้วยความไม่เป็นมิตรเสียเลย

    ชื่อของเธอคือ อิจิโนเสะ คารุมิ ปีสอง ห้อง D

    เฮ่อ..เจอคนที่คล้ายกับฮิโตมิ คานะอีกแล้ว— น่ารำคาญจังเลย... 

     

    ........

    .....

    ...

    ..

    .

     

    “และในที่สุดก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย! เชิญพบกับผู้ที่ได้คะแนนโหวตสูงสุด สาวงามจากชั้นปีหนึ่งห้องC ควีนแห่งชมรมบาสเซย์รินและผู้ได้สมญานามว่า เจ้าหญิงเหมันต์!....” พิธีกรหนุ่มยิ้มกว้าง เขาลากเสียงยาวแล้วเว้นเสียงไปเพื่อกระตุ้นให้ผู้ชมลุ้นไปกับเขา แต่ตามจริงไม่ต้องลุ้นหรอกคนเขารู้กันทั่วแล้วเพียงแค่เอ่ยสมญานามนั่นนะ 

    “ขอเชิญเจ้าหญิงเหมันต์ กุหลาบคริสตัลที่แสนจะหนาวเหน็บแต่ก็น่าครอบครอง -- คุณอมีเรีย คาร์เชล!!!”

    เฮ!!! วิ้ดวิ้ว!!!

    ขาเรียวยาวที่โผล่พ้นเนื้อผ้าที่แหวกเล็กน้อยก้าวเดินไปอย่างมั่นคง ใบหน้าหวานเชิดตามแบบฉบับผู้ดี 

    เธอก้มหัวเล็กน้อยให้พิธีกรหนุ่ม ก่อนจะก้าวเดินไปหยุดอยู่ในจุดที่ถูกเว้นว่างไว้บ่งบอกว่านั้นคือจุดที่เธอต้องยืน อมีเรียส่งยิ้มมุมปากให้ทุกคนที่กำลังปรบมือ และส่งเสียงเฮกันอยู่แม้จะมีแอบหลุดขำบ้างในตอนที่เหลือบไปเห็น คิเสะกระโดดโหย่งโหย่งแต่ก็ดันโดนอาคาชิกระชากตัวให้นั่งลงดีๆ ไม่พอยังส่งสายตาตำหนิให้อีกต่างหาก

    เขากำลังทำท่าอะไรตอนกระโดดนะ..?

    หากแต่ความสงสัยของอมีเรียก็ถูกปัดตก ร่างบางยืนได้สักพักก็รับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างที่ถูกแบกมาวางไว้ด้านหลัง เธอเหลือบมองมันอยู่ครู่ จึงได้รู้ว่านั้นคือเก้าอี้ที่ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้และมีการดัดแปลงนิดหน่อยให้เหมือนกับเป็นเก้าอี้บัลลังก์

    ก็ต้องยอมรับเลยว่าออกแบบกันได้ดี 

    ในขณะที่มงกุฎเหล็กก็ถูกออกแบบให้เหมือนกับมงกุฎเจ้าหญิงในเทพนิยาย เพียงแต่ว่าตรงจุดที่ควรจะเป็นเพชร พวกเขาใช้เหล็กมาดัดเป็นรูปดอกไม้แล้วย้อมสีเงินแทน นี่เป็นผลงานการออกแบบจากรุ่นพี่ปีสามและเป็นผลงานการประดิษฐ์จากชมรมงานฝีมือของปีสามเช่นกัน— นับได้ว่างานในครั้งนี้เป็นการโปรโมทให้กับชมรมทั้งสิ้น 

     

    เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย = ชมรมการแสดงกับชมรมเย็บปักถักร้อย

    เครื่องประดับ มงกุฎ = ชมรมออกแบบกับชมรมงานฝีมือ

    เวที การแสดง เพลงประกอบ = ชมรมการแสดง ชมรมดนตรีและชมรมงานฝีมือ

     

    นี่แหละคือเบื้องหลังงานนี้ทั้งหมดจากที่อมีเรียสังเกตมา

    ใช้แผนประกวดสาวงามเพื่อทำการโปรโมทให้กับชมรมไปในตัว อีกทั้งยังสามารถสร้างรายได้ได้หากมีคนเล็งเห็นว่าชุดที่พวกเขาตัดเย็บสามารถนำไปต่อยอดได้ อมีเรียหยุดคิดเมื่อตัวเองจะต้องหันไปย่อตัวให้กับผู้อำนวยการโรงเรียนที่เป็นฝ่ายรับหน้าที่มอบมงกุฎให้กับเธอ เธอมองรอยยิ้มของผอ.วัยเกือบชราที่เหมือนคนแก่มองดูหลานตัวน้อย แล้วย่อตัวก้มหัวให้จนรู้สึกถึงสัมผัสของอะไรบางอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่แถวหัว จนกระทั่งผอ.สวมมงกุฎให้เสร็จ

    อมีเรียจึงได้ลอบถอนหายใจทั้งที่กำลังยิ้มมุมปากตามมารยาทส่งให้ ผอ.อยู่

    ต่อจากมงกุฎก็เป็นสายสะพายที่เขียนตำแหน่งของเธอ พอมอบของสองสิ่งให้เสร็จ ผอ.ก็ถอยออกห่างให้ชายร่างสูงคนหนึ่งเดินมามอบช่อดอกไม้ต่อจากเขา อมีเรียยิ้มกว้างทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร แถมยังยื่นมือไปรับช่อดอกไม้นั้นด้วยความยินดีอีกด้วย แตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่ใบหน้าอันถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางมีประกายความเบื่อหน่ายชัดเจน

    ใช่! คนตรงหน้าที่มอบช่อดอกไม้สีขาวให้เธอคือ พี่ชายสุดหล่อของเธอเองแหละ

    พี่เทรย์เวอร์ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของโลกที่ตอนนี้ก็เพิ่งจะมาดำรงตำแหน่ง CEO ของบริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น— อ่อ พร้อมด้วยตำแหน่งผู้บริจาคเงินรายใหญ่ให้โรงเรียนเซย์รินด้วย นั่นแหละพี่ชายของเธอเอง(ยืดอกภูมิใจ)

    “ยินดีด้วยนะครับ ตัวเล็ก” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์ของชายวัยทำงานดังขึ้น เขาขยิบตาให้น้องสาวทีหนึ่งอย่างขี้เล่น แล้วก้มหน้ามากระซิบข้างหูเสียงเบา “ไว้เจอกันหลังเลิกงานนะคะตัวเล็ก –อย่าเพิ่งชิ่งกลับกับพวกผู้ชายละ” โดยประโยคท้ายมีการแอบส่งสายตาสื่อให้รู้ว่า พวกผู้ชายที่เขาพูดถึงนั้นหมายถึงกลุ่มไหน

    “..คิก” 

    อมีเรียหัวเราะคิกคัก ก่อนพยักหน้าให้พี่ชายแสนขี้หวง แล้วเหล่ไปทางคางามิที่ยิ้มแป้นแล้นมาทางพี่ชายเธอ เทรย์เวอร์หัวเราะเสียงเบาตอนเห็นท่าทางแบบนั้นของน้องชายอีกคน ถึงจะต่างสายเลือดแต่ก็มีสถานะเป็นญาติคนหนึ่ง— แล้วทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเจ้าน้องชายหัวแดงของเขา แอบคิดไม่ซื่อกับญาติตัวเอง 

    เขาเป็นคนเลี้ยงสองคนนี้ตอนเด็กนะ ถถถ

    เมื่อร่างสูงของพี่ชายถอยออกห่าง เพื่อให้อมีเรียเดินไปนั่งเก้าอี้ตำแหน่งสาวงามของเธอที่เพิ่งจะได้รับมา สมกับเป็นอมีเรียที่เธอสามารถนั่งได้อย่างสง่าราวกับเป็นราชินีน้ำแข็งผู้ถือครองตำแหน่งโดยชอบธรรม เขายกยิ้มภูมิใจกับน้องสาว แต่พอเลื่อนสายตาไปยังเด็กสาวอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล เขาก็เห็นถึงสายตาที่จ้องมาทางอมีเรียอย่างไม่หวังดีด้วยแววตาเย็นเฉียบ 

    เทรย์เวอร์จึงหันไปกระซิบบอกเลขาให้จัดการเคลียร์ตารางงานของเขาต่อจากนี้ให้เสร็จ— เขายังอยากจะไปใช้เวลากับน้องสาวที่นานๆได้มาเจอกันทีอยู่นะ อีกอย่างดูเหมือนจะมีเรื่องน่าสนุกเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย

    พอจบการประกาศตำแหน่งสาวงามแห่งเซย์ริน

     

    ร่างบางก็ต้องรับงานด้วยการไปยืนถ่ายภาพรวมกับอีกสี่สาว ก่อนจะย่นคิ้วเมื่อรู้สึกเจ็บตรงเท้า เธอหลุบตามองเท้าของตัวเองที่มีรองเท้าส้นสูงของใครบางคนเหยียบอยู่ รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงไม่เลือนหาย อมีเรียยังยิ้มแม้เท้าของตนจะถูกคนอื่นเหยียบก็ตาม จนกระทั่งการถ่ายรวมจบลงนั่นแหละ อมีเรียจึงหันไปหาพี่ชายแล้วส่งซิกให้ได้รู้ ก่อนจะแสร้างตัวเซเมื่อถูกแรงกระแทกจากด้านหลัง

    อันที่จริงแรงที่กระแทกมันก็ไม่ได้แรงมากจนถึงกับต้องล้ม แต่ด้วยอีกฝ่ายอยากจงใจหาเรื่องเธอก็จะจัดให้ แถมต่อให้ต้องล้มจริงๆ อมีเรียก็มั่นใจว่าตนเองไม่ล้มลงพื้นนั่งหมดสภาพอย่างแน่นอน

    ถึงจะไม่เข้าใจก็เถอะว่าทำไมตัวเองถึงได้รู้สึกแบบนั้น

    “ระวังตัวหน่อยสิยัยเบื้อก!” 

    “อาโอมิเนะ...?” เธอเรียกชื่อคนตัวสูงที่เป็นฝ่ายมารับอย่างไม่อยากจะเชื่อ

    ก่อนที่จะถูกเขากระชับแขนดึงร่างเธอให้ไปซบอกเขาท่ามกลางสายตาคนมายมาย พอเงยหน้าจากอกแกร่งนั้นได้ เธอจึงตัวรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่แค่อาโอมิเนะที่ขึ้นมาบนเวที ยังมีอาคาชิ คิเสะ มิโดริมะ คางามิ คุโรโกะ มุราซากิบาระ ทัตสึยะและเหล่าทีมบาสต่างโรงเรียนอีก นับรวมแล้วก็เกือบยี่สิบคนเลย

    “ชิ! ” เขาสบถอย่างอารมณ์เสีย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเมื่อเห็นว่าอาคาชิกับคางามิเป็นคนจัดการแล้ว

    อ่อ ไม่สิต้องบอกว่าคนจัดการจริงๆ เป็นผู้ชายใส่ชุดสูทที่หน้าตาคล้ายกับอมีเรียมากกว่า

     

     

     

     

    เมื่อกิจกรรมทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว ในที่สุดเวลาที่อมีเรียรอคอยก็มาถึง อมีเรียรีบเปลี่ยนชุดกลับมาเป็นชุดนักเรียนพร้อมกับส่งคืนชุดที่ใส่ให้กับรุ่นพี่ผู้ที่คาดว่าน่าจะดูแลเรื่องเสื้อผ้า ส่วนมงกุฎกับสายสะพาย รุ่นพี่เขาบอกว่าเป็นของเธอผู้ได้ตำแหน่งสาวงามแห่งเซย์ริน ตอนนี้เลยมีมงกุฎสวมอยู่บนหัวแถมสายสะพายและช่อดอกไม้ที่ได้มาจากพี่ชายอยู่ 

    ส่วนเรื่องรุ่นพี่หญิงที่เหยียบเท้าและมาเดินกระแทกเธอจนตัวเซ ก็ถูกจัดการโดยอาคาชิกับคางามิ อ่อ พี่ชายเธอเองก็จัดการด้วย เป็นการจัดการแบบที่ รุ่นพี่สาวหงอยหน้าซีดวิ่งหนีกลับบ้านหลังงานเลิกเลย

    ไปพูดอะไรละนั้น...?

    “มีเรียจัง ชอบดอกกุหลาบขาวเหรอครับ” คุโรโกะเอ่ยถามด้วยความสงสัย 

    ตั้งแต่ที่ร่างบางเปลี่ยนชุดแล้วเดินมารวมกลุ่มกับพวกเขา ก็ไม่เคยส่งต่อช่อดอกไม้ในมือไปให้ใครเลยแม้แต่คนเดียว ขนาดคางามิเดินเข้ามาบอกว่าจะถือให้ เธอยังทำหน้าบึ้งแล้วเดินตัวปลิวไปหาชายผู้มอบช่อดอกไม้ แถมยังพูดคุยด้วยท่าทางสนิทสนมกันมากด้วย สนิทเสียยิ่งกว่าคางามิที่เป็นญาติเสียอีก

    อมีเรียมองเพื่อนสนิทอย่างคุโรโกะแล้วยิ้มหวาน “อื้อ! ชอบมากเลยค่ะ”

    “งั้นเหรอครับ?” ซิกแมนแห่งเซย์รินพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมีดอกกุหลาบดอกหนึ่งยื่นมาตรงหน้าเขา พอเลื่อนสายตาไล่จากเจ้าดอกไม้สีขาวขึ้นไปเรื่อยๆผ่านมือขาวผ่อง ใบหน้าหวานที่กำลังมองมาที่เขา ซิกแมนหนุ่มยกยิ้มบางให้เด็กสาว “ขอบคุณนะครับ มีเรียจัง” เขาว่าหลังจากรับดอกกุหลาบขาวมาถือ

    คุโรโกะยกเจ้าดอกไม้สีขาวขึ้นดมกลิ่นหอมอ่อน แล้วยิ้มให้ผู้มอบเจ้าดอกไม้ดอกนี้ให้แก่เขา อมีเรียมองภาพนั้นแล้วทำหน้าเหลอหลาก่อนชิ่งเดินไปข้างหน้าทันทีด้วยหัวใจที่เต้นกระหน่ำ แถมสาเหตุก็ยังมาจากการกระทำแบบไม่ต้องเอ่ยคำพูดของซิกแมนหนุ่มอีกต่างหาก เขาไม่รู้หรือว่าการรับดอกไม้จากหญิงสาว แล้วยกขึ้นดมกลิ่นพร้อมทำหน้าแบบนั้นมันมีความหมายโดยนัยสื่อนะ!

    “เป็นอะไรไปคะ ตัวเล็ก” 

    “เปล่า”

    เทรย์เวอร์เอ่ยถามน้องสาว ที่จู่ๆก็เดินดุ่มๆไม่มองทางจนมาชนหลังเขา พอก้มหน้ามองใบหน้าหวานนั่นก็ต้องเลิกคิ้ว ใครกันที่ทำน้องสาวของเขาหน้าแดง? เขาคิดแล้วกวาดสายตาเย็นเฉียบไปมองพวกหนุ่มๆ ที่พักหลังมานี้เริ่มมาเกาะแกะน้องสาวเขามากขึ้นกว่าเมื่อก่อนเสียอีก โดยเฉพาะกับบุคคลใกล้ตัวอย่างคางามิที่เริ่มแสดงออกชัดเจนยิ่งกว่าเดิมซะอีก เขาหรี่ตามองเด็กหนุ่มผมฟ้าที่อมีเรียยกให้เป็นเพื่อนสนิทอย่างจับผิด แล้วก็เข้าใจในทันทีว่าทำไมน้องสาวถึงได้แก้มแดง

    เล่นรุกน้องสาวเขาแบบนั้น... ไม่เขินก็บ้า

    “ตัวเล็กคะ...กลับบ้านไปก่อนนะคะ— พอดีพี่อยากจะคุยกับเพื่อนของตัวเล็กสักหน่อยนะคะ” เทรย์เวอร์ยิ้มพร้อมกับดันร่างเล็กให้เข้าไปนั่งในรถ หากแต่น้องสาวของเขากลับยื้อแรงขัดขืน “ไม่ต้องห่วงนะคะ พี่แค่คุยเท่านั้นเอง” เขาเอ่ยเน้นคำว่าคุยเพื่อไม่ให้อมีเรียต้องกังวลว่า เขาจะทำอะไรแปลกๆกับเหล่าพวกเพื่อนชายของเธอ

    “งั้น.. ไว้เจอกันนะคะทุกคน”

    อมีเรียยิ้มเล็กน้อย ก่อนยินยอมเข้าไปนั่งในรถดีๆ โดยไม่ลืมโบกมือให้พวกเขาโดยมีพี่ชายอย่างเทรย์เวอร์ส่งยิ้มให้จนกระทั่ง กระจกรถเลื่อนขึ้นบดบังเสี้ยวหน้าของผู้เป็นน้องสาวตัวน้อย พอรถเคลื่อนตัวออกไปแล้ว ร่างสูงโปร่งจึงค่อยหันไปมองพวกแมลงผู้ที่มารุมตอมดอกไม้แสนหวงของเขาด้วยแววตาเย็นชา

    “เอาละ..เรามาคุยกันเถอะ— เนอะ! ทัตสึยะ ไทกะ”

    “.....”

    คางามิเหงื่อตกพร้อมกับร้องโอดครวญในใจ ในขณะที่ทัตสึยะผู้เคยคุยกับเทรย์เวอร์ผู้หวงน้องมาก่อน ก็ได้แต่ยิ้มแหยเผลอก้าวถอยหลังอย่างลืมตัว เขายังจำได้ว่าวันนั้นต้องวิ่งรอบหอพัก แถมถ้าหยุดก็จะโดนคนของเทรย์เวอร์ยิงปืนขู่อีก แค่เขาเผลอไปทำให้อมีเรียร้องไห้แค่ครั้งเดียว แค่ครั้งเดียวจริงๆ

    ชิบหาย! ลืมไปว่าพี่ชายโหดไม่เว้นคน 

    "เอาละ..ไหนบอกหน่อยซิ-- ไอแมลงตัวผู้คนไหนที่ริอาจจะจีบน้องสาวฉัน" ใบหน้าที่คล้ายคลึงกับผู้จัดการเซย์รินคนสวยมืดครึ้ม พร้อมแรงกดดันที่ทำให้พวกอาคาชิเหงื่อตก ดวงตาทั้งสองข้างวาวโรจน์เล็กน้อยพร้อมยกมือขึ้นหักจนเกิดเสียงกร๊อบแกร๊บ ชวนให้รู้สึกหนาวยะเยือกแทบจะทันที

    "...ไหนพูดมาซิ ไอพวกแมลงทั้งหลาย..."

    “....”

     

    พี่ชายอมีเรีย....ดุจริงด้วย

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ผมแค่พูดคุยจริงๆนะครับ” เทรย์เวอร์ควงไม้เบสบอลในมือ

     

    …………………………………………………………………………

    ในที่สุดการรีไรท์ตอนพิเศษก็หมดเสียทีจ้า! ต่อด้วยการรีไรท์ภาคสองนะคะ จุ้บๆ 

     

    1 คอมเม้นท์ = 100 กำลังใจ

    สามารถติหรือชี้แนะไรท์ได้ ไรท์จะรออ่านคอมเม้นท์ของทุกคนนะคะ

     

    ติดตามข้อมูลข่าวสารและการอัพเดทต่างๆได้ที่เพจ Fairy-แฟรี่กะ จิ้มๆเลย//ชี้  

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×