ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic Kuroko no Basket ] มิติพิศวงของยัยจอมมึน (All x Oc )

    ลำดับตอนที่ #36 : ตอนพิเศษที่ 2 [Re]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.91K
      342
      21 ก.พ. 64

     

     

    ตอนพิเศษที่ 2

    [ งานโรงเรียนเซย์ริน ]

     

     

    ตามปกติแล้วเมื่อใกล้ถึงวันเทศกาลประจำปี ทางโรงเรียนจะเร่งการเรียนการสอนให้เข้ามาใกล้เรื่อยๆ อีกทั้งบางแห่งยังจัดการสอบขึ้นก่อนจะถึงวันหยุดยาวด้วย คงมีแค่โรงเรียนที่พึ่งก่อตั้งใหม่อย่างโรงเรียนเซย์รินแล้วละมั้งที่ไม่ได้ทำเช่นนั้น ด้วยงบประมาณที่มีมากจากเงินบริจาคของผู้ปกครองนักเรียนท่านหนึ่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนจึงได้มีความคิดที่จะจัดงานโรงเรียนขึ้นมาก่อนวันขึ้นปีใหม่ เพื่อเป็นการให้เหล่านักเรียนที่น่ารักได้สนุกสนานกันอย่างเต็มที่

    เรื่องงบประมาณมีไม่อั้น!! 

    ข่าวการจัดงานของโรงเรียนเซย์รินก่อนงานเทศกาลปีใหม่แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ทั้งยังมีกระแสตอบรับเยี่ยมอีกด้วย เนื่องจากเมื่อไม่นานมานี้ชมรมบาสของโรงเรียนได้ไปสร้างชื่อเสียงจนได้รับชัยชนะมา เลยทำให้ผู้คนต่างคาดหวังและสนใจว่างานโรงเรียนแสนแปลกจะออกมาในรูปแบบเช่นไร – ตามกำหนดการที่ได้วางเอาไว้ งานจะเริ่มจัดในเช้ามืดก่อนวันขึ้นปีใหม่เพียงหนึ่งวัน เริ่มตั้งแต่ทางเข้าโรงเรียนลากยาวเข้าไปด้านในล้วนมีแต่ร้านค้าเต็มไปหมด ซุ้มเกมมากมายจากทั้งผู้ปกครอง นักเรียน อาจารย์ก็ได้มาจัดตั้งด้วย 

    ในขณะที่บนอาคารเรียนก็แบ่งเป็นของแต่ละห้อง แต่ละชั้นปีเพื่อให้ทุกคนได้เข้าไปร่วมสนุก

    และแน่นอนว่าห้องของพวกคางามเองก็จัดเหมือนกัน แต่เป็นห้องที่อยู่ได้มุมค่อนข้าง...

    ...เป็นส่วนตัวนิดหน่อย

     

     

     

    อมีเรียในชุดเมดสีขาวดำเดินถือใบปลิวแจกจ่ายให้แก่ผู้เข้ามาชม ถึงแม้ใบหน้าหวานของเธอจะเต็มไปด้วยความมึนงงก็ตามที ขนาบข้างซ้ายขวาก็เป็นคางามิและคุโรโกะ ทั้งสองอยู่ในชุดพ่อบ้านสีดำสลับขาวเหมือนกับอมีเรีย พร้อมยังจัดเซ็ตทรงผมให้ดูเนี้ยบสมกับคำว่าพ่อบ้าน ส่วนอมีเรียเพียงแค่ถักเปียเก็บผมด้านข้างแล้วปล่อยยาวสยายเท่านั้น ช่างเป็นสองพ่อบ้านและหนึ่งเมดที่หน้าตาดึงดูดบรรดาผู้คนที่เข้ามาร่วมชมงานโรงเรียนจริงๆ

    เพราะไม่เพียงแค่ดึงดูดด้วยชุด หน้าตาแล้ว – ส่วนสูงที่ต่างขั้วก็ดึงดูดสายตาเช่นเดียว

    ก่อนหน้าที่จะถึงวันงาน อมีเรียที่เข้าไปประชุมแทนคานะก็ต้องปวดหัวจนเผลอยกมือขึ้นปิดตานวดขมับ เพราะเพื่อนร่วมห้องจอมน่าปวดหัวไม่ได้ก่อปัญหาทิ้งไว้เพียงแค่เรื่องเดียวแต่อย่างใด เรียกได้ว่าก่อเรื่องบานเป็นดอกเห็ดให้เธอมานั่งปวดหัวท่ามกลางบรรดารุ่นพี่ทั้งหลาย นับว่ายังดีที่พวกรุ่นพี่แยกแยะเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวออกได้ อมีเรียเลยไม่ต้องใช้โหมดดาร์กมาลุกอบรมพวกนักเรียนทั้งหมด ขืนเธอได้ทำเช่นนั้นก็ไม่อยากนึกสภาพเลยว่า จะยังมีคนที่มีสติดีหลงเหลืออยู่รึเปล่า? หรือบางทีมันอาจเกิดเหตุการณ์รุนแรงไม่คาดฝันขึ้นมาอย่างแน่นอน คงไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นหรอกเนอะ?

    เมื่อสามารถจดการเคลียร์ปัญหาได้แล้ว การประชุมจึงได้ดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งมติทุกอย่างได้เสร็จสิ้นลงเท่านั้นแหละ อมีเรียที่นั่งเงียบอยู่ตลอดการประชุมจึงได้ขยับตัวเสียที – ถึงจะบอกว่าเป็นการประชุมที่ผ่านไปได้ด้วยดี แต่ในสายตาของเด็กสาวผู้มีเรือนผมสีฟ้ามิ้นท์อ่อนออกพาสเทลคนนี้ มันก็แค่การแกล้งกันเพื่อเล่นสนุกของพวกรุ่นพี่ที่หาทางลงไม่ได้ ไม่อย่างงั้นพื้นที่ในเขตส่วนตัวที่ค่อนข้างเข้าถึงยากและห่างไกลผู้คนแบบนั้น คงไม่ถูกส่งต่อมาให้ปีหนึ่งห้องCอย่างแน่นอน

    --และอมีเรียก็ยิ้มรับพร้อมผงกหัวตกลงอีกด้วย

    หากเหล่ารุ่นพี่ใจกล้าสบนัยน์ตาสองสีคู่สวยนั้นดูคงได้มีผวา เพราะถึงแม้อมีเรียจะยิ้มรับพื้นที่ตรงนั้น มันก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่มีอารมณ์โกรธเคืองหรือหงุดหงิด คงต้องขอบใจนิสัยที่ชอบวางตัวเป็นกลางของเธอละนะ ไม่อย่างงั้นเหล่ารุ่นพี่คงได้กลัวหัวหดไม่กล้าเผชิญหน้าต่อต้านเธออีกต่อไปอย่างแน่นอน

    เรื่องนี้คนก่อคือฮิโตมิ คานะ ส่วนผู้รับผลคือทุกคน มันคือกฎหมู่ตายตัวของสังคมที่ต้องยอมรับ

    แต่ถึงกระนั่นอมีเรียกลับยังมีความสงสัยอยู่ภายใน...

    ....นี่เรียกว่าแยกแยะได้แล้วสินะ? (แววตาว่างเปล่า)

     

     

     

    คางามิ คุโรโกะและอมีเรียเดินแจกใบปลิวไปตามทางเดินที่มีผู้คนเดินขวักไขว้เต็มไปหมด ทั้งในชุดนักเรียนของเซย์รินและต่างโรงเรียน แต่นั้นก็ไม่ได้อยู่ในความสนใจของเด็กสาวผู้เป็นแกนกลางเลยแม้แต่น้อย เธอจะสนใจเด็กที่ตัวเองไม่เห็นใบหน้าไปทำไม? ไม่ใช่พวกเรียกร้องความสนใจแบบฮิโตมิ คานะเสียหน่อย อีกอย่างการที่ต้องมาเดินท่ามกลางผู้คนมากมายแล้วฉีกยิ้มกว้างก็ไม่ใช่ตัวตนของเธอ

    ดังนั้นอมีเรียถึงได้เมินเฉยทุกคำขอที่ไม่เกี่ยวกับงานที่ได้รับมอบหมายแล้วทำหน้ามึนเบื่อ

    เธอไม่อยากหางานให้ตัวเองต้องเหนื่อยเพิ่มโดยไม่จำเป็นหรอกนะ – หากไม่เพราะเมื่อไม่นานมานี้ ญาติของเธออย่างคางามิตัวติดเธอหนึบเป็นพิเศษ สาเหตุก็มาจากหลังจบการแข่งได้ไม่ถึงอาทิตย์คางามิก็รับรู้ได้ถึงตัวตนของบุคคลปริศนา เขาถูกใครก็ไม่มีสะกดรอยตาม แต่นั่นยังดีที่ได้บอดี้การ์ดของอมีเรียคอยระวังให้ คางามิจึงไม่ได้สติแตกอะไรมาก ยกเว้นในวันนี้ที่มีคนต่างโรงเรียนหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย เอซหนึ่งแห่งทีมบาสเซย์รินก็เริ่มทำตัวหวาดระแวง

    สุดท้ายอมีเรียก็ต้องมาเดินท่ามกลางฝูงชนก็เพื่อคางามิคนเดียว โดยมีคุโรโกะติดร่างแหมาด้วย

    ใครจะกล้าปล่อยให้ลูกแมวน้อยของเธอเดินไปคนเดียวท่ามกลางฝูงคนเยอะแยะละ ช่วงนี้เขายิ่งตื่นตัวง่ายกว่าปกติอยู่ด้วย หากแต่อมีเรียไม่คิดเลยว่าการตัดสินใจของตนเองจะนำมาสู่สถานการณ์ที่ชวนให้หงุดหงิด ยกตัวอย่างเช่น..

     

    สถานการณ์ที่หนึ่ง

     

    “สวัสดีครับ” 

    “....”

    อมีเรียปรายตามองคนที่เดินดิ่งมาทักตนด้วยแววตาเรียบเฉยเหมือนทุกที พอเหลือบมองด้านข้างของตนที่มีสองหนุ่มยืนถือป้ายโฆษณาอยู่ เธอเลยพอเข้าใจนิดหน่อยว่าคนที่เดินดิ่งมาหาตนนั้นคงต้องการใบปลิว มือเรียวเล็กจึงยื่นใบปลิวร้านเมดคาเฟ่ส่งให้หน้านิ่งๆ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวขาเดินจากไป อีกฝ่ายก็ดันเอ่ยเปิดบทสนทนาเสียก่อน

    “เมดคาเฟ่จริงด้วย อ่า..คุณอยู่ปีเดียวกันกับผมเลย” อีกฝ่ายรับไปพร้อมพูดจ่อไม่หยุด 

    ถ้าว่าเข้าหูอมีเรียไหม...? ก็ไม่อีกนั้นแหละ

    “....”

    “จริงด้วย ผมขอถ่ายรูปคุณได้รึเปล--..” ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มคนนั้นจะพูดจบ อมีเรียก็ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้เขาหยุดพูดทันที ในขณะที่ดวงตาสองสีกลับมีประกายเย็นชาพาดผ่านอย่างชัดเจน จนอีกฝ่ายเผลอสูดหายใจเข้าปอดเพื่อกลั้นหายใจเลยทีเดียว 

    “การถ่ายรูปอยู่นอกเหนืองานที่ดิฉันได้รับมอบหมาย ต้องขออภัยด้วยค่ะ— ขอตัว” 

    แล้วหันไปสะกิดคางามิให้เดินนำ โดยมีคุโรโกะโค้งขอโทษเล็กน้อยให้เด็กหนุ่มคนนั้น ก่อนจะรีบเร่งเดินตามสองญาติต่างขนาดให้ทัน นับว่ายังดีที่อมีเรียหันกลับมามองเพื่อนสนิทผมฟ้าจอมจืดจางเพื่อรอเขา มือเล็กก็ไม่ลืมที่จะคว้าจับกึ่งลากกึ่งจูงให้คุโรโกะตามให้ทัน ทิ้งไว้เพียงเด็กหนุ่มต่างโรงเรียนผู้ถูกดราเมจของอมีเรียกระแทกหน้าเอาไว้ด้านหลัง

    ดาเมจที่ว่าก็หนีไม่พ้นใบหน้าเรียบเฉยดุจนางพญา กับน้ำเสียงราบเรียบใสกังวาลของอีกฝ่าย

    --ถ้าบอกว่าเป็นไอดอลเขาก็เชื่อ!

    เด็กหนุ่มยืนทำหน้าเคริบเคริ้มอยู่ครู่ แล้วสะบัดหน้าไปมาเพื่อเรียกสติก่อนหลุบตามองใบปลิวในมือ ตัวหนังสือที่เขียนว่าเมดคาเฟ่ยังเด่นหราพร้อมภาพประกอบ แม้นั้นจะเป็นภาพวาดไม่ใช่ภาพจริง แต่มันก็ทำให้เขานึกถึงใบหน้าหวานที่นิ่งเฉยมีเสน่ห์ แถมเสียงก็ยังหวานแบบที่ไม่เคยได้ยินจากไหนมาก่อนอีกต่างหาก แค่นึกก็เหมือนหน้ากำลังเห่อร้อนแดงฉานขึ้นมา

    อา เซย์รินมีเทพธิดาอยู่ด้วยไม่เสียแรงที่ลงทุนมาที่นี่!!

    ขณะเดียวกันนั้น..

    อมีเรียที่ด้านหน้ามีคางามิเปิดทาง มือก็ยังกึ่งลากกึ่งจูงคุโรโกะอยู่ พลันรู้สึกคัดจมูกขึ้นมาจนเผลอหลุดเสียงจามใส่หลังคางามิ “ฮัดชิ้ว!” ไม่พอคางามิที่ตกใจเสียงจามยังหยุดเดิน จนใบหน้าของอมีเรียซบเข้ากับหลังเขาพอดิบพอดี 

    “...”

    “หลังฉันคงไม่ได้เปียกใช่ไหม?” เอสของทีมเบ้ปากยามเอี้ยวตัวไปมองใบหน้าญาติสาว

     

     

     

     

     

    สถานการณ์ที่ 2

     

    “...”

    อมีเรียมองคนที่บังอาจมาจับแขนเธออย่างถือวิสาสะด้วยประกายสังหาร มือเรียวเล็กจับมืออวบอ้วนของหญิงสาวผู้หนึ่งที่เธอไม่มีความคุ้นเคยเลยแม้แต่น้อย อันที่จริงต้องบอกว่าไม่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายมากกว่า เธอออกแรงบีบมืออีกฝ่ายเบาๆ เพื่อเป็นการเตือนว่าให้ปล่อยแขนของเธอเสียที แต่คงเป็นเพราะเดิมทีร่างกายของอมีเรียก็แรงเยอะไม่สมกับอาการป่วยอยู่แล้ว หรือเป็นเพราะกลิ่นอายที่ดูน่ากลัวของเธอมันดันหลุดออกมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด 

    แรงที่ควรจะดุจปุยนุ่นถึงได้เยอะราวกับคีมเหล็กก็ไม่ปาน

    โอ้ย โอ้ย

    เสียงร้องด้วยความเจ็บดังอู้อี้มาจากเจ้าของมืออวบอ้วนที่โดนอมีเรียบีบมืออยู่ ดวงตาสองสีกวาดสายตามองสำรวจเครื่องแต่งกายของสตรีเบื้องหน้าแล้วก็ต้องเลิกคิ้วสงสัย เครื่องแต่งกายที่บอกว่าเป็นคนนอกโรงเรียนทำให้เธอสงสัย จริงอยู่ว่าวันนี้เป็นวันที่โรงเรียนเปิดอิสระ แต่โดยส่วนใหญ่คนที่มาล้วนสวมชุดนักเรียนมากกว่าชุดที่คล้ายคลึงชุดเจ้าสาวเหมือนสตรีตรงหน้าผู้นี้ .

    ..แล้วสตรีร่างหมูคนนี้เป็นใครกัน จู่ๆก็มาแว้ดใส่เธอ แล้วยังถือวิสาสะมาจับแขนเธอเสียแรงอีกด้วย

    --เธอไม่เห็นจะจำได้เลยว่าเคยรู้จักอีกฝ่าย

    “อึก ปล่อยมือฉันนะยะ นังปีศาจ!” 

    “นี่เรียกว่ามือหรอคะ..?” อมีเรียขมวดคิ้ว “ดิฉันก็นึกว่าเท้าหน้าของหมูที่ไหนซะอีก สัมผัสหยาบกร้านและมีแต่ไขมันแบบนี้ใช่มือมนุษย์แน่หรอคะ” รอยยิ้มที่นานๆทีจะมี กลับปรากฏบนใบหน้าของเด็กสาวในสถานการณ์ที่ไม่ควรจะมีเสียได้ คางามิรู้ดีว่านั่นเป็นสัญญาณเตือนของอะไร 

    เตือนว่าอย่าเข้าไปยุ่ง หากไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่

    “นัง! อ โอ้ย! เจ็บๆ ปล่อยน่ะ” 

    สตรีผู้คิดจะมาหาเรื่องทำให้อีกฝ่ายอับอายขายขี้หน้า แผดเสียงร้องเสียงหลงเมื่อแรงที่บีบมือเธออยู่มันเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม จนน้ำตาของเธอเกือบซึมออกมาอยู่แล้ว ใครจะไปคิดว่าผู้หญิงที่ตัวเล็กบางแบบคนตรงหน้า จะมีแรงเยอะเหมือนผู้ชายแบบนี้กันละ ถ้ารู้มาก่อนคงไปจ้างผู้ชายมาดักฉุดไปแล้ว!

    ดวงเนตรสองสีปรายตามองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ “ดิฉันจะปล่อยก็ต่อเมื่อได้รับคำตอบค่ะ” 

    “....”

    ถึงเธอจะมองไม่เห็นใบหน้าอีกฝ่าย แต่มันก็คาดเดาง่ายๆว่าคนตรงหน้าเจตนาเข้ามาหาเรื่องเธอในตอนที่พวกคางามิไม่อยู่ ต่อให้ไม่ใช้สมองในการคาดเดา แค่ใช้นิ้วเท้ามองดู เธอก็ดูออกอย่างง่ายดายว่า ผู้หญิงที่รูปร่างเกินคำว่าอ้วนคนนี้เป็นคนที่บ้าผู้ชายและแอบสะกดรอยตามคางามิมานานแล้ว แต่เธอไม่มีโอกาสเข้าไปจัดการเด็ดขาดเสียที — เป็นเด็กเป็นเล็กริอาจบ้าผู้ชาย แถมยังมาทำตัวเป็นสตอคเกอร์จนญาติผมแดงของเธอผวาไปเสียหลายวันอีกต่างหาก

    ดูเอาสิ พ่อแมวของเธอหูหางลู่ตกจนต้องตัวติดเป็นตังเมเนี่ย

    ถึงตอนแรกจะมึนงง แต่นานวันเข้ามันก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว – ถ้ายังปล่อยปัญหานี้ต่อไป อีกไม่นานคางามิคงได้เปิดประตูเข้าไปนอนกอดเธอในห้องเพื่อคลายความวิตกกังวลอย่างแน่นอน แค่คิดสัญชาตญาณในฐานะผู้หญิงก็ร่ำร้องว่ามันไม่เหมาะสม!

    “คำถามแรก คุณมาสตอคเกอร์คางามิ ไทกะทำไม” ย้ำชื่อคางามิเป็นการเตือนอีกครั้ง 

    เตือนให้อีกฝ่ายได้รู้ว่า อย่าได้คิดที่จะโกหก แต่เหมือนหญิงสาวจะค่อนข้างสมองหมูกว่าที่คิด

    “ฉันไม่จำเป็นต้องบอกหล่อน!” 

    อมีเรียเพิ่มแรงขึ้นอีกจนสังเกตเห็นอาการเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณมือ “กรุณาตอบคำถามด้วยค่ะ” ในขณะเดียวกัน รอยยิ้มเย็นบนใบหน้าก็กำลังทำให้หลายคนที่มุงดูอยู่ ต่างพากันผวาถ้วนหน้าจนเผลอคิดว่าตนเองคือคนที่กำลังโดนบีบมือ 

    “....ยอมแล้วๆ” 

    อีกฝ่ายเบ้ปากร้องไห้ เมื่อความเจ็บไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย จะแกะจะยื้อก็ทำไม่ได้ จนอยากจะสะอื้นไห้เสียตรงนี้ให้ใครสักคนเข้ามาช่วยเหลือ แต่พอกวาดสายตามองรอบข้างที่เอาแต่มุงดูห่างๆแล้ว ดูท่าความคิดที่จะรอให้มีคนเข้ามาช่วยคงไม่มีทางสมหวังแน่นอน

    พวกเจมุงไร้ประโยชน์!!

    “^^...” อมีเรียยังยิ้มและบีบมืออีกฝ่ายแน่นเหมือนเดิม “งั้นก็กรุณาตอบคำถามมาด้วยค่ะ”

    “ฉ ฉัน ฉันไม่ได้สตอคเกอร์ท่านคางามิ ไทกะน่ะ”

    หืม....?

    อมีเรียขมวดคิ้ว “แล้วที่สะกดรอยตามตลอดหลายวันที่ผ่านมานั่นคืออะไรหรอคะ?”

    “ฉันแค่อยากเห็นท่านไทกะ เจ้าบ่าวในอนาคตของฉันทุกวันเอง ไม่ได้สตอคเกอร์!!!— และฉันก็ไม่ได้หน้าด้านเหมือนหล่อนที่นอนห้องเดียวกับท่านไทกะตลอด นัง***” 

    ใบหน้าเรียบเฉยของผู้จัดการแห่งชมรมบาสเซย์รินมีประกายประหลาดใจชัดเจน เนื่องด้วยเธอรู้ว่าอีกฝ่ายตามสตอคเกอร์ แต่ไม่คิดว่าจะตามขนาดนี้จนรู้แม้กระทั่งห้องพักส่วนตัวของเธอกับไทกะ ดูเหมือนบอดี้การ์ดของเธอจะประมาทการตามติดเป็นปรสิตของผู้หญิงคนนี้มากเกินไป

    ไม่อย่างงั้นคงไม่รู้หรอกว่า ห้องพักของเธอกับไทกะอยู่ที่ไหน..?

    --ไม่สิ ขนาดพวกรุ่นพี่ยังเพิ่งรู้ว่าเธอกับไทกะนอนห้องเดียวกัน

    “ใครคือเจ้าบ่าวเธอนะ?” 

    คางามิที่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ถามด้วยความสงสัยก่อนจะขนลุกเกรียวจนก้าวขาถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แต่พอมองสีหน้าของอมีเรียที่ไม่ได้เรียบเฉยเหมือนก่อนหน้านี้ เขาก็ยิ่งขนลุกมากกว่าเดิม ดูท่าญาติสาวของเขาจะกำลังอารมณ์ไม่ดีในตอนนี้— อมีเรียไม่พูดอะไรนอกจากเพิ่มแรงบีบมากยิ่งขึ้น แล้วเอาเท้าเขี่ยๆขวดแก้วสีน้ำตาลขวดเล็กที่กลิ้งอยู่ไม่ไกลจากเท้าเธอ ดูเหมือนมันจะเป็นขวดที่หล่นออกจากกระเป๋าเสื้อของผู้หญิงคนนี้

     

    กึก 

    เพล้ง!

    เสียงขวดแก้วที่ถูกรองเท้าผ้าใบสีขาวเหยียบอย่างแรงจนมันปริแตก ดีที่มันเป็นเพียงขวดแก้วทั่วใบที่ค่อนผิวของมันค่อนข้างบางเลยเหยียบให้มันแตกด้วยเท้าของเธอได้ แถมพอของเหลวใสที่บรรจุด้านในไหลซึมออกมา รอยยิ้มหวานหยดของอมีเรียก็ยิ่งเด่นชัดตามด้วยเสียงซู่ๆที่ดังมาจากใต้เท้าเธอ

    นัยน์ตาสองสีวาวโรจน์ขณะเหยียดยิ้มแสยะ

    “นอกจากคดีสตอคเกอร์แล้ว ดูท่าคุณจะโดนคดีทำร้ายร่างกายด้วยนะคะเนี่ย” 

    “!!!..” ใบหน้าที่อวบอ้วนอุดมเต็มไปด้วยไขมันและสิวน้อยใหญ่ซีดเผือด 

    หล่อนมองสลับระหว่างรอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กสาว กับขวดที่แตกอยู่ใต้ฝ่าเท้าเธอ ขนาดมีเสียงดังซู่มาให้ได้ยิน เด็กสาวในชุดเมดกลับยังคงมีรอยยิ้มและไม่คิดจะชักเท้าหลบเลยแม้แต่น้อย หากเป็นในหนังหรือในละคร ตัวร้ายคงจะจับหน้านางเอกให้ก้มไปใกล้เจ้าของเหลวนั่น โดยที่หล่อนไม่ได้ฉุดใจคิดเลยว่าตนเองนั่นแหละที่เป็นตัวร้าย

    อมีเรียมองดวงตาที่ลอกแลกไปมา เดี๋ยวมีประกายดีใจ เดี๋ยวมีประกายระแวดระแวง 

    พอเห็นเช่นนั้น แรงบีบที่มือจึงเพิ่มยิ่งขึ้นอีก โดยไม่ลืมหลับตายิ้มกว้าง “ไม่ดีเลยเนอะ ว่าไหม..?”

    เธออารมณ์ไม่ดีรุนแรงเลย กล้าดียังไงที่มาขี้ตู่ว่าญาติหัวแดงแสนซื่อของเธอเป็นเจ้าบ่าวของหล่อนกัน ไหนจะเป็นต้นเหตุให้เธอต้องตัวติดกับคางามิเพื่อช่วยให้เขาลดท่าทีตื่นกลัวลง ผู้หญิงที่ขี้มโนแบบนี้ เธอไม่ชอบอย่างแรงเลย ไม่สิ ไม่ชอบอย่างถึงที่สุดต่างหาก.. ถ้าเป็นการมโนในจินตนาการแล้วไม่เบียดเบียนคนอื่น อันนั้นเธอไม่ว่าและไม่คิดจะเข้าไปยุ่งด้วย แต่นี่ดันเป็นการมโนที่เบียดเบียนคนอื่น 

    แถมไม่ใช่ใครที่ไหน ญาติของเธอเอง!!

    “ดิฉันควรทำเช่นไรกับคุณดีคะ?”

    “....”

    “ส่งตำรวจหรือ....” ฆ่าทิ้งดี?

    แม้สามคำท้ายจะไม่ได้เอ่ยออกไป แต่เลือกที่จะเว้นเสียงให้คนที่ได้ยินเติมคำเอาเอง สุดท้ายในความคิดของผู้อื่นบวกกับท่าทางที่แสดงออกมาของอมีเรียแล้ว ยังไงมันก็ต้องเป็นไปในทางที่อมีเรียต้องการสื่ออย่างแน่นอน จึงไม่แปลกอะไรเลยที่ใบหน้าของหญิงขี้มโนจะซีดจนไร้สียิ่งกว่าเดิมเข้าไปกันใหญ่ ก่อนที่หล่อนจะน้ำลายฟูปากหงายหลังล้มตึงหมดสติไปทั้งอย่างงั้น หากไม่เพราะอมีเรียจับข้อมือของหล่อนไว้อยู่แถมยังเกร็งแขนและตัวอย่างดี บางทีในตอนที่อีกฝ่ายล้มลง ตัวอมีเรียอาจจะปลิวไปก็ได้

    ....ใครใช้ให้อมีเรียตัวบางละ!!

    “....หมดสติซะแล้ว”

     

     

     

     

     

    …………………………………………………………………………

    อมีเรียลูก… ตอนนี้อยู่ในร่างมัธยมไม่ใช่ยัยป้าศูนย์วิจัย! สติ! อย่าเพิ่งคิดฆ่าคน!! (เขย่าคอเสื้อ)

    ขอโทษที่เงียบหายไปนานค่ะ พอดีแอบไปเปย์คมช.นิดหน่อย (อีกแล้ว!!?) – รีบแปะภาพแล้วหนี

    by Kurebu Tan

    ชอบสายตาน้องค่ะ! ส่วนชุดน้องเมดตามภาพเลยตัวเอง!!! สื่อได้เลยว่า อย่ายุ่งกับผู้ของน้อง! (หลบกรรไกร)

     

    1 คอมเม้นท์ = 100 กำลังใจ

    สามารถติหรือชี้แนะไรท์ได้ ไรท์จะรออ่านคอมเม้นท์ของทุกคนนะคะ

     

    ติดตามข้อมูลข่าวสารและการอัพเดทต่างๆได้ที่เพจ Fairy-แฟรี่กะ จิ้มๆเลย//ชี้  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×