ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic Kuroko no Basket ] มิติพิศวงของยัยจอมมึน (All x Oc )

    ลำดับตอนที่ #35 : ตอนพิเศษที่ 1 [Re]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.61K
      444
      5 ก.พ. 64

     

     

     

    ตอนพิเศษที่ 1

    [ เรื่องราวหลังจบการแข่ง ]

     

     

     

     

    หลังจากการแข่งบาสจบลง ช่วงเวลาแห่งการเรียนก็ดำเนินต่อไปอีกครั้งอย่างไม่ติดขัด แต่ว่าเรื่องการฝึกซ้อมของชมรมบาสเซย์รินยังคงมีต่อไป เพื่อที่ฝีมือของพวกเขาจะได้พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆและเพื่อที่จะได้รักษาตำแหน่งแชมป์ที่สุดแสนจะภาคภูมิใจเอาไว้

    ก็แหม... ถ้าเกิดเหลิงในชัยชนะจนไม่ยอมฝึก แล้วมีคนอยากท้าแข่งขึ้นมาจะไม่แย่เหรอ?

    และด้วยเหตุนั้น ทุกวันนี้โรงยิมชมรมบาสก็ไม่เคยเว้นการซ้อมเลยแม้แต่วันเดียว เว้นก็เพียงแต่ช่วงสอบเท่านั้นที่ทุกคนแม้แต่รุ่นพี่ปีสองก็ยังต้อง นั่งจมท่ามกลางกองหนังสือโดยมีคุณแม่ประจำทีมอย่างอมีเรียคอยติวให้ – ถามว่าพวกเขาจำเข้าหัวบ้างรึเปล่า ก็มีบ้างบางคน แต่บางคนต่อให้พยายามติวด้วยความใจดีมากแค่ไหน สุดท้ายก็ทำให้คุณแม่กลายเป็นปีศาจในชั่วพริบตา

    --อย่าถามเลยว่าคนนั้นเป็นใคร 

     

     

    อมีเรียเกลียดอากาศหนาว นั่นคือเรื่องที่หลายคนรู้ดี

    แต่ความจริงแล้ว อมีเรียแค่ไม่ชอบมันที่ทำให้ร่างกายของเธออ่อนแอจนไปทำอะไรก็ไม่ได้ต่างหาก อย่างน้อยเธอก็ชื่นชอบความเย็นของหิมะแรกฤดูอยู่เหมือนกันแหละ หรือถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คงจะเป็น ร่างกายของเธอมันไม่อำนวยขัดแย้งกับความชอบส่วนตัวก็เท่านั้นเอง

    เพราะจะให้บอกว่าชอบอากาศเย็นเต็มปากเต็มคำก็ไม่ได้

    ในห้องเรียนของนักเรียนชั้นปีหนึ่งต่างเต็มไปด้วยกลุ่มคนหลากหลาย แต่คงมีแค่โต๊ะของเด็กสาวคนหนึ่งเท่านั้นที่โดดเด่นท่ามกลางฝูงชน ไม่ใช่เพราะสีผม หน้าตาหรือคนข้างกาย แต่เป็นบุคลิกดุจราชินีน้ำแข็งของอีกฝ่ายต่างหากที่ทำให้ร่างงดงามโดดเด่น

    “อมีเรียจังรบกวนช่วยสอนโจทย์ข้อนี้หน่อยสิจ้ะ”

    เสียงหวานของนักเรียนชั้นเดียวกันแต่เป็นที่หมายปองของพวกหนุ่มๆดังขึ้น อมีเรียเงยหน้ามองเพื่อนร่วมชั้นเรียนคนนี้เพียงเล็กน้อยแล้วหยิบดินสอขึ้นมา เธอเขียนวิธีแก้โจทย์ข้อนั้นแบบง่ายๆให้อีกฝ่ายอย่างไม่รีบร้อน จนเมื่อเขียนเสร็จจึงวางดินสอลงแล้วยื่นสมุดส่งคืนให้ เป็นการแก้โจทย์คณิตศาสตร์ที่ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง ใบหน้าของเพื่อนร่วมห้องที่ขอร้องเด็กสาวผู้มีเรือนผมสีฟ้าอ่อนยิ้มแย้ม ก่อนเอ่ยขอบคุณเสียงอ่อนหวานแล้วเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะของเธอ—นักเรียนหญิงคนนั้นคือ ฮิโตมิ คานะ นักเรียนที่พวกเพื่อนๆโหวตให้เป็นดาวของชั้นปี และอีกฝ่ายก็เต็มใจรับตำแหน่งนั้นด้วยบุคลิกอ่อนหวานราวกับดอกไม้สีขาวที่แสนจะบริสุทธิ์ เธอมีใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มและรูปร่างที่บอบบางเหมือนลูกคุณหนูผู้ไม่เคยทำงานหนัก เสื้อผ้าหน้าผมล้วนนำสมัยอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไว้ซึ่งความอ่อนหวานดุจดอกไม้แรกแย้ม

    ที่กล่าวมาทั้งหมดคือหน้ากากของเด็กสาวผู้นั้น

    --เพราะสิ่งที่เรียกว่าความบริสุทธิ์ อ่อนหวานดุจดอกไม้แรกแย้ม มันไม่มีจริง

    ทว่าสถานะดาวชั้นปีหนึ่งที่อีกฝ่ายถือครองอยู่ กลับเป็นของที่อมีเรียไม่ต้องการ หรือจะพูดให้ถูกก็คือ อันดับหนึ่งที่แท้จริงที่ได้จากผลการโหวตจากชั้นปีหนึ่งทุกห้องก็คืออมีเรีย ผู้จัดการสาวของทีมบาสเซย์ริน เธอได้คะแนนอย่างท้วมท้นมากกว่าอันดับสองอย่างฮิโตมิ คานะเกือบสามเท่า ...แต่ก็นั่นแหละ

    เพราะทันทีที่อมีเรียรู้เรื่องนี้ ดวงเนตรสองสีปรายตามองด้วยแววตาเรียบเฉย

    ‘ไร้สาระ’

    ทุกคนเลยต้องจำยอมมอบตำแหน่งดาวปีหนึ่งให้ฮิโตมิ คานะผู้ได้คะแนนอันดับสองแทน

    แน่นอนว่าคานะยิ้มรับด้วยใบหน้าเขินอายและเกรงใจ แต่หลังจากการรับตำแหน่งนั้น ข่าวลือเสียๆหายๆของอมีเรียก็แพร่กระจายขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ โดยที่ไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวพวกนั้นออกมา ทั้งที่ข่าวเหล่านั้นไม่มีมูลความจริงใดๆเลยโดยเฉพาะในเรื่องที่บอกว่าเคยเรียนที่เดียวกับเธอ

    ขนาดคางามิที่เป็นญาติยังเบะปากยามที่มีคนถามถึงโรงเรียนเก่าของญาติสาว ก่อนตอกกลับพวกชอบนินทาว่าอมีเรียไม่เคยเรียนที่ญี่ปุ่นเลยตั้งแต่เกิด เพราะเธอมีเชื้อสายรัสเซียจึงเรียนที่นั้นมาตั้งแต่แรกก่อนย้ายไปเรียนที่อเมริกา แล้วก็เงียบหายไปจากวงจรชีวิตของเขา หากให้ยกตัวอย่างก็คงจะเป็น...

    ‘หา?’ เขาเลิกคิ้วสูง ‘มีเรียเรียนจบไฮสคูลที่รัสเซีย ตามด้วยเรียนข้ามชั้นที่อเมริกา— แล้วจะเคยเรียนกับมีเรียได้ยังไงในเมื่อยัยนั้นเพิ่งกลับมาญี่ปุ่นเนี่ย?’

    ‘...’

    รอยยิ้มแสยะอวดเขี้ยวขาวผุดขึ้นใบหน้าจอมกวนของเจ้าเสือแห่งทีมบาสเซย์ริน ดวงตาสีแดงสั่นระริกยามนึกถึงใบหน้ามึนเบื่อของญาติสาว ‘สงสัยคนเชื่อข่าวลือไม่มีสมองอย่างที่มีเรียบอกจริงด้วย’ 

    ใช่ อมีเรียเคยบอกเขาเช่นนั้นตั้งแต่ที่เธอได้ยินข่าวลือช่วงแรกๆ

    --และเขาเชื่อมีเรีย

     

    เมื่อถูกรบกวนเวลาอ่านหนังสือด้วยคนสวมหน้ากากประจำห้อง อมีเรียจึงหมดอารมณ์ที่จะอ่านต่อไปทันที และนั้นก็เป็นอีกวันที่อมีเรียรู้สึกเบื่อหน่ายจนอยากกลับไปนอน ใบหน้ามึนงงมีเค้าความง่วงออกมาอย่างเด่นชัด ไหนจะร่างกายที่ตัวเล็กผิดปกติของชาวต่างชาติแล้ว มันยิ่งทำให้เธอดูน่าทะนุถนอมมากกว่าเดิมจนข่าวลือบางอย่างก็ต้องโดนกลบหายไป อีกทั้งตัวอมีเรียเองก็ไม่ได้เป็นคนที่มีความคิดเหมือนเด็กที่จะไปสนใจข่าวลือพวกนั้น

    มันไร้สาระยิ่งกว่าเรื่องการข้ามมิติหรือพวกโลกคู่ขนานที่เธอกำลังเผชิญ -- แค่ต้องคิดว่าตัวเองไปทำหน้าสนใจข่าวลือ อมีเรียก็รู้สึกขนลุกพรึบอย่างไม่ทราบสาเหตุ ก่อนถอนหายใจยาวเหยียดเพื่อไล่ความรู้สึกพิลึกพิลั่นทิ้งไป

    ช่วงนี้ใกล้ถึงวันปีใหม่ ทางโรงเรียนเองก็มีงานเทศกาลที่จัดตรงกับงานวันปีใหม่พอดี อมีเรียที่ไม่สนใจข่าวลือเกี่ยวกับตนเองเลยแม้แต่น้อยกลับให้ความสนใจเรื่องงานเทศกาลมากกว่า ในวันปีใหม่ของญี่ปุ่นแตกต่างกับงานวันปีใหม่ของรัสเซียอยู่ค่อนข้างมาก เพราะรัสเซียไม่มีงานเทศกาลจัดเยอะแยะแบบนี้ อีกทั้งอากาศก็ยังไม่ค่อยเป็นใจสักเท่าไหร่บางวันก็หิมะตกหนักจนออกไปไหนไม่ได้เกือบอาทิตย์เลยด้วยซ้ำ— ดังนั้นมันจึงไม่แปลกเลยที่อมีเรียจะให้ความสนใจ คุโรโกะและคางามิเองก็สังเกตเห็นประกายเริงร่าภายในนัยน์ตาง่วงมึนของเพื่อนสาว

    “อมีเรียจัง ขอรบกวนช่วยไปประชุมเรื่องงานโรงเรียนแทนหัวหน้าห้องได้รึเปล่าอา..” 

    “....”

    ร่างบอบบางที่กำลังจะไหลตัวแอบงีบหลับบนโต๊ะหยุดชะงัก ใบหน้ามึนง่วงเงยมองคนที่เข้ามาทักเธอเป็นครั้งที่สองแล้วในวันนี้ แม้จะมองไม่เห็นใบหน้าแต่อมีเรียก็จำเสียงได้เพราะมันเป็นเสียงที่ถูกดัดจนแหลมอย่างน่ารำคาญ เธอทำเพียงแค่มองแล้วเมินอีกฝ่าย กลับไปทำไหลตัวนอนฟุบบนโต๊ะต่ออย่างไม่คิดจะใส่ใจ แต่เพราะอย่างงั้นละมั้งแมวง่วงเลยต้องมานอนทนฟังเสียงที่น่ารำคาญอีก แถมยังมีเสียงเพิ่มขึ้นด้วยสองสามเสียง

    ถ้าไม่ติดว่าสองหนุ่มข้างกายเธอไม่ได้อยู่ด้วย บุคคลน่ารำคาญคงไม่คิดเฉียดเข้าใกล้เธอแน่นอน

    “...ทำไมอมีเรียจังเมินคานะละ คานะแค่ขอร้องให้ช่วยงานหัวหน้าเองนะคะ”

    “....” ตอแหล กลอกตาเงียบๆรอบหนึ่ง

    “อมีเรียจัง ไม่อยากช่วยงานของห้องหน่อยเหรอ หัวหน้าทำคนเดียวจนเหนื่อยแล้วนะคะ” คานะยังคงทำหน้าเศร้า พลางมองเพื่อนร่วมห้องผู้มักถูกจับจ้องอยู่เสมอด้วยแววตาเหนื่อยใจ แม้จะบีบน้ำตาอีกฝ่ายก็ยังคงฟุบหน้าลงบนโต๊ะดังเดิม ท่าทางของเธอช่างเหมือนกับคนอ่อนแอที่กำลังถูกรังแกจริงๆ “คานะน่ะ คานะน่ะ สงสารหัวหน้า ทำไมอมีเรียไม่สงสารหัวหน้าหรอคะ”

    “คานะจัง ไม่ต้องไปขอร้องคนพรรค์นั้นหรอกน่า” เพื่อนร่วมห้องผู้หญิงคนหนึ่งที่อมีเรียไม่คิดจะสนใจจำชื่อและเสียง เดินเข้ามาดันตัวคานะออกห่างอมีเรีย แล้วส่งสายตาที่บ่งบอกถึงความอริไปให้ร่างบางที่ฟุบนอนอยู่

    เธอรู้สึกไม่ชอบเพื่อนต่างชาติคนนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะอีกฝ่ายทำให้แฟนของเธอมาขอบอกเลิก!

    เมื่อมีคนหนึ่งกล้าเสี่ยงตายพูดขึ้นมาก่อน ย่อมต้องมีคนขานรับตาม “คานะจังใจดีเกินไปแบบนี้ไง คนประหลาดๆแบบแม่นี่เลยไม่สนใจ” ตามด้วยเสียงจากคนอื่นๆที่ภายในสายตาของอมีเรีย พวกเขาก็เป็นเพียงแค่แมลงที่จะบี้ทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ 

    --แล้วไง.. ใครสน?

    “เดี๋ยวพวกเราช่วยหัวหน้าเอง คานะจังไม่ร้องนะ”

    “ใช่ๆ”

    “#%$%^*&(*)”

    จากหนึ่งเริ่มเป็นสอง จากสองเริ่มเป็นสามสี่ จนตอนนี้ไม่รู้เลยว่ากี่คนแล้วที่เริ่มส่งเสียงน่ารำคาญเข้าข้างคานะกัน อีกทั้งยังทวีเสียงพูดคุยให้ดังขึ้นอีกราวกับต้องการก่อกวนความสงบสุขของเธอ ไหนจะสายตาที่ส่อถึงความเป็นอริชัดเจนยามจ้องมองไปยังเด็กสาวผู้มีเรือนผมสีฟ้าอ่อนปลายขาวคนนี้ – หากในยามปกติพวกเขาคงไม่กล้าที่จะพูดจาหรือแสดงท่าทางเช่นนี้ออกมาหรอก เพราะเด็กสาวผู้ไม่ค่อยสุงสิงกับใครมักจะมีญาติตัวสูงหน้าตาน่ากลัว กับพ่อหนุ่มจืดจางอยู่ข้างกายเสมอ เพียงแต่วันนี้สองคนนั้นต่างมีธุระจึงต้องปล่อยให้อมีเรียอยู่ที่ห้องเรียนเพียงลำพัง

    คลืด..

    แต่ก่อนที่จะมีใครใจกล้าเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับคนตัวเล็กมากไปกว่านี้ เสียงเลื่อนเก้าอี้ออกพร้อมกับคนตัวเล็กที่หลายคนต่างคิดว่าหลับแล้วได้ยืนขึ้นมา ใบหน้าเรียบเฉยของเธอดูอึมครึมผิดจากทุกที นัยน์ตาสองสีเรียบเฉยแฝงไปด้วยความเยือกเย็น ในยามที่ดวงเนตรคู่นั้นขยับเลื่อนไปมองกลุ่มของนักเรียนเจ้าปัญหาช้าๆ มันเหมือนมีพายุหิมะโอบล้อมรอบกายเธอพร้อมหนามแหลมของน้ำแข็งที่คืบคลานเข้าใกล้พวกเขา -- สิ่งที่ว่ามาคือภาพในจินตนาการของผู้ที่กำลังเผชิญกับความหงุดหงิดของอมีเรีย บรรยากาศภายในห้องดูอึดอัดและชวนให้รู้สึกอยากอาเจียนออกมา แต่กลับไม่สามารถทำมันได้ หรือแม้แต่จะขยับร่างกายพวกเขายังไม่กล้าคิดที่จะทำยามเผลอสบเข้ากับนัยน์ตาคู่สวยคู่นั้น

    ริมฝีปากสีชมพูอ่อนจากลิปกลอสขยับเพื่อเอือนเอ่ย เช่นเดียวกับดวงเนตรเย็นชาที่จ้องมองไปยังบุคคลเพียงบุคคลเดียว “หนวกหู” นัยน์ตาสองสีเหมือนมีประกายวาวโรจน์แห่งความหงุดหงิด แม้มันจะเลือนลางแต่ก็ชัดเจนภายในประกายเย็นชาดุจน้ำแข็งของเธอ

    “....”

    “ว่างมากก็หุบปากแล้วไปช่วยหัวหน้าสิคะ” กะพริบตาหนึ่งครั้ง คำพูดก็ออกมาหนึ่งประโยค “มาทำดัดเสียงเจี้ยวจ้าวอยู่ได้— น่ารำคาญ”

    “นี่เธอ..”

    ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะได้โต้แย้ง ดวงเนตรสองสีที่เดิมทีจ้องแค่คานะเพียงคนเดียวก็เลื่อนไปยังบุคคลที่กำลังจะยกนิ้วชี้หน้าเธอ ทั้งที่ตัวเองกำลังสั่นเทาราวกับหวาดกลัวเธอออยู่ เธอทำเพียงมองเท่านั้นอีกฝ่ายก็กลั้นหายใจก้าวขาถอยหลังเสียหลายก้าว “ไร้มารยาทจังนะคะ ดิฉันยังพูดไม่จบเลย” 

    เธอไม่รู้หรอกว่าแต่ละคนแสดงสีหน้ายังไง เพียงแต่อมีเรียมีนิสัยเสียอย่างหนึ่ง เธอไม่ชอบให้ใครมาขัดเวลาพูดหรือมาขัดเวลาเธอจะงีบพัก ยิ่งมีคนมาทำเช่นนี้เธอไม่ปรี๊ดแตกจับหัวโขกโต๊ะก็ถือว่าเมตตาแล้ว หากไม่เพราะต้องใช้ชีวิตในฐานะนักเรียนธรรมดา อมีเรียคงทำเหมือนที่เคยทำตอนอยู่ที่แลปยามที่มีคนฝ่าฝืนข้อห้ามของเธอ

    จะบอกว่าอมีเรียหัวรุนแรงก็ได้ มันใช่ เพียงแต่ความรุนแรงของเธอย่อมมีขอบเขตเหมือนกัน

    อย่างเช่นตอนนี้.. ขอบเขตของเธอมันช่างกว้างเสียยิ่งกว่าเมื่อก่อนอีก – เพราะถ้าหากมันแคบละก็ ต่อให้แอมโผล่เข้ามาเพื่อลากคอเธอกลับศูนย์วิจัย เธอไม่ยอมลามืออย่างแน่นอน เวลานอนเป็นสิ่งสำคัญมากอย่างหนึ่งของคนที่ทำงานต่อเนื่องโต้รุ่งหลายวัน และมารยาทคือสิ่งสำคัญอีกอย่างที่คนควรจะเป็นข้อดีสำหรับอมีเรีย กลับกลายเป็นข้อเสียซะได้

    “สงสัยคงไม่เคยได้รับการสั่งสอนมารยาทขั้นพื้นฐานสินะคะ” นิ้วชี้แตะแก้มพร้อมเอียงซบ ก่อนผุดรอยยิ้มบางเบาออกมาราวกับคำพูดของเธอเป็นคำสามัญทั่วไป เหมือนกับคำว่า ‘สวัสดียามเช้า’ อะไรทำนองนี้

    “...น่าสงสารจัง”

    อึก!

    คล้ายกับได้ยินเสียงใครสะอึก แต่เธอก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากนอกจากเลื่อนเก้าอี้แล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้คนกลุ่มนั้นยืนตัวสั่นจากความกลัวเอาไว้เบื้องหลัง ส่วนผลจากการที่คิดจะมาก่อกวนเธอนั้นเดี๋ยวพวกบอดี้การ์ดของเธอก็จะลงมือจัดการเองแหละ ในเมื่อมีกล้องวงจรปิดและเครื่องบันทึกเสียงติดเอาไว้ในมุมห้องสี่ทิศของห้องเรียนอยู่แล้ว เธอไม่จำเป็นต้องไปกังวลเลยว่าตนเองจะถูกใส่ร้ายอะไรเพิ่มเติมอีก

    เพราะต่อให้ใส่ร้ายหรือสร้างข่าวลือขึ้นมา... สิ่งเหล่านั้นก็ไม่เคยอยู่ในสายตาเธอ

    จะไป..เด็กวัยนี้ชอบเรียกร้องความสนใจแบบนี้กันเหรอ?

    ในฐานะผู้ใหญ่ที่ผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้วรอบหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นช่วงวัยที่ว่างเปล่าก็เถอะ แต่เธอก็ไม่เคยเจอะเจอกับความริษยาแบบเด็กๆที่ทำการบูลลี่หรือกลั่นแกล้ง โดยเฉพาะกับการสวมหน้ากากแบบเด็กๆที่ใครก็มองออกได้ไม่ยาก ขนาดคางามิที่ซื่อบื้อกว่าคนอื่นยังมองออกทันทีในตอนแรกที่เจอเลย

    รึเป็นเพราะองค์กรของเธอรวมแต่คนที่มีปมสีเทาเลยไม่เคยเจอแบบนี้

    แต่ส่วนใหญ่ก็ร้ายแรงกว่านี้นิน่า เช่น ลอบฆ่า ลอบวางยาพิษ ลอบใช้โปรแกรมปิดล็อคขังเอาไว้ในห้อง และต่างๆนานาที่สมาชิกเข้าใหม่แต่ละคนจะเจอ ทว่านั้นก็เป็นบททดสอบจากรุ่นพี่เท่านั้นมันไม่ใช่การกลั่นแกล้งแบบเด็กๆเสียหน่อย เอ๊ะ รึเพราะพวกเขามีความคิดเป็นผู้ใหญ่มากพอเลยไม่ทำอะไรที่ไร้สาระ อา ก็คงจะเป็นอย่างนั้นแหละ – อมีเรียสรุปความคิดของตนเองในใจ สองขาก็ก้าวเดินไปยังที่ที่หนึ่งที่คาดว่าจะสงบที่สุด และยังเป็นที่ที่อมีเรียไปบ่อยเสียยิ่งกว่าห้องเรียนของตนเองเสียด้วย

     

    ห้องพักนักกีฬาของชมรมบาสเซย์ริน

     

    ทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในห้องชมรม อมีเรียก็ตรงดิ่งไปหยิบเอาผ้าห่มที่เธอเตรียมมาไว้ออกมา มันเป็นผ้าห่มสำหรับบางคนในชมรมที่หนีเรียนหรือหนีกิจกรรมมานอนที่นี่ ในตอนแรกเธอก็ไม่ยินยอมสักเท่าไหร่แต่พักหลังๆ ตัวเธอเองก็แอบหนีมาความวุ่นวายมาหลบอยู่ที่นี่เหมือนกัน สุดท้ายเลยต้องเอาผ้าห่มกับหมอนมาเตรียมเอาไว้ในห้องอย่างดี เมื่อจัดที่สำหรับงีบได้แล้ว ร่างบอบบางก็ล้มตัวลงนอนในทันทีอย่างไม่สนใจอะไร แต่ก็ไม่ลืมส่งข้อความบอกญาติหนุ่มว่าเธออยู่ไหน เผื่อเขากังวลแล้ววิ่งหาทั่วโรงเรียนเหมือนก่อนหน้านั้นอีก— แค่เธอหนีเรียนคาบเดียวทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้

    ในที่สุดอมีเรียผู้ต้องการความสงบก็ได้รับมันสักที...

    ตึง!

    “มีเรีย!”

    “....”

     

    .............................................................................

     

     

    งานโรงเรียนที่ใครหลายคนเฝ้ารอก็ใกล้เข้ามาถึง ในขณะที่อมีเรียตอนแรกว่าจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งกับคนในห้องให้วุ่นวาย ก็ต้องจำยอมยื่นมือเข้าไปช่วยเนื่องจากคนที่เสนอว่าจะไปประชุมในเรื่องงานโรงเรียนแทนหัวหน้า ผู้ซึ่งต้องไปประชุมเรื่องการจัดซุ้มดันก่อเรื่องทะเลาะวิวาทกับรุ่นพี่เข้า เจ้าของนัยน์ตาสองสีเพียงหนึ่งเดียวในโรงเรียนปรายตามองเพื่อนร่วมชั้นทุกคน แล้วหันไปส่งยิ้มให้รุ่นพี่ทั้งชายและหญิงที่ยกพวกบุกมาถึงห้องเรียนเธอ

    “ต้องขอโทษแทนพวกเขาด้วยนะคะรุ่นพี่” เธอโค้งตัวเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า แล้วพูดต่อ “พวกเขายังเด็ก ความคิดอะไรเลยไร้สาระไปหน่อย ขอรุ่นพี่อย่าถือสาหาความเลยนะคะ”

    “แต่อมีเรียจัง เพื่อนเราคนนั้นถึงขั้นตบหน้าเพื่อนพี่เลยนะครับ” รุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้น 

    อมีเรียพอจำเสียงเขาได้บ้างว่าเป็นเพื่อนของฮิวงะที่แวะไปเล่นบาสที่ชมรมบ่อยๆ แต่เขาไม่ได้เข้ามาเป็นสมาชิกชมรม เพราะงั้นเขาจึงไม่มีค่าพอที่อมีเรียจะต้องไปจดจำใบหน้าของเขา แค่จำเสียงได้ก็ดีแค่ไหน – อมีเรียมองตามนิ้วชี้ของรุ่นพี่แล้วร้องอ๋อ เพราะเขาชี้ตรงไปยังร่างเล็กที่ยืนตัวสั่นอยู่ในวงล้อมเพื่อน ผมที่ไปย้อมสีเป็นสีฟ้าให้เหมือนเธอทั้งๆที่ผิดกฎโรงเรียน แต่ก็ยังยกเธอมาอ้างว่าเธอยังทำได้ ทั้งที่การกล่าวอ้างดังกล่าวช่างเป็นการกล่าวอ้างที่ไร้เหตุผลสิ้นดี 

    ใครๆต่างก็รู้ ผมเธอมันสีธรรมชาติ

    --แต่ฮิโตมิ คานะกลับไม่รู้?

    คานะยังคงก่อเรื่องอย่างไม่สมฐานะดาวชั้นปี ทั้งการเรียนก็แย่ยิ่งกว่าหลายคนในห้อง กิจกรรมก็แทบจะไม่เข้าร่วมเอาแต่ไปวิ่งตามก้นพวกรุ่นพี่หรือเพื่อนที่หน้าตาดีหน่อย ไหนจะความประพฤติที่เสแสร้งแกล้งทำอย่างชัดเจน แต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็นสิ่งเหล่านั้น -- เอาเถอะเธอก็ไม่อยากปกป้องคนผิดถ้าเขาทำจริงๆ เพียงแค่อมีเรียมองแล้วกระดิกนิ้วเรียก เพื่อนร่วมชั้นหลายคนที่อยู่ฝ่ายอมีเรีย ก็รีบดึงตัวคานะให้ออกมายืนหน้าประตูเพื่อเผชิญหน้ากับพวกรุ่นพี่ทันที ต่อให้คานะจะยื้อตัวเองหรือถูกเพื่อนดึงตัวเอาไว้ก็ตาม

    “ขอโทษพวกรุ่นพี่สิ” อมีเรียพยักเพยิบให้คานะเอ่ยขอโทษ

    “แต่ คานะไม่ผิดน่ะ”

    อมีเรียปรายตามองคนที่ยืนข้างตัวเองอย่างระอา ขนาดนี้ยังเล่นละครอีกเหรอ? นอกจากมีดีเรื่องหน้าตากับหน้าอกแล้ว ฮิโตมิ คานะมีอย่างอื่นที่ดีกว่านี้รึไม่? ดวงเนตรเย็นชาหรี่ลงราวกับต้องการกดดันให้อีกฝ่ายทำตามที่บอก

    “ผิดไม่ผิดแต่เป็นรุ่นน้องควรเอ่ยขอโทษนะคะคุณฮิโตมิ”

    “คานะไม่ผิดนะ ทำไมคานะต้องขอโทษด้วย!”

    เพื่อนคนหนึ่งของคานะที่เป็นตัวประกอบพูดขึ้นเสียงดัง ไม่สิ ต้องเรียกว่าตะคอกใส่อมีเรียมากกว่า 

    “กรุณาขอโทษรุ่นพี่เขาด้วยค่ะ” แต่อมีเรียกลับไม่สนใจตัวประกอบคนนั้นเลยแม้แต่น้อย พร้อมเอ่ยย้ำให้ฮิโตมิทำในสิ่งที่สมควรทำตามบทเรียนขั้นพื้นฐานของมารยาททั่วไป แต่สาวเจ้ากลับบีบน้ำตาปล่อยโฮเสียงดังจนอมีเรียนิ่วหน้าไม่พอใจอยู่ครู่หนึ่ง ประกายเยือกเย็นผุดขึ้นมาก่อนจางหายแล้วถูกแทนที่ด้วยความว่างเปล่า

    “....”

    เธอชักจะไม่เข้าใจระบบความคิดของเด็กคนนี้แล้วสิ...

    อมีเรียกลอกตาไปมาอย่างรู้สึกรำคาญ สุดท้ายฝ่ายรุ่นพี่ก็ไม่ได้รับคำขอโทษ แถมถ้ายังดื้อดึงที่จะกดดันให้รุ่นน้องขอโทษ ก็จะดูเหมือนว่าพวกตนที่เป็นรุ่นพี่รังแกคานะ จนอาจถูกมองว่าเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก พวกเขาเลยยอมล้าถอยไปตามคำแนะนำของผู้จัดการบาสเซย์รินที่หลายคนคุ้นหน้าดี อมีเรียโค้งส่งพวกรุ่นพี่แล้วปรายตามองเพื่อนร่วมห้องทั้งหลายที่ออกโรงปกป้องฮิโตมิ คานะแบบไม่สนถูกผิดด้วยแววตาเย็นชา

    “จากนี้ถ้ายังก่อเรื่องอีก ดิฉันจะไม่เข้ามายุ่งหรือไกล่เกลี่ยอะไรทั้งนั้น”

    “...”

    “โตกันแล้ว หวังว่าระบบความคิดจะพัฒนาตามอายุนะคะ”

    เมื่อพูดจบ อมีเรียก็หยิบเอกสารการประชุมของวันนี้ที่ต้องไปเข้าร่วมแล้วเดินตามหลังหัวหน้าห้องทียืนรออยู่ไป เธอก้มหัวเล็กน้อยให้แก่เขาแล้วเดินไปยังห้องประชุมเพื่อประชุมถึงเรื่องสถานที่ที่พวกเขาต้องจัดสำหรับงานโรงเรียนที่ใกล้จะถึงนี้ แต่ดูจากการที่คานะไปก่อเรื่อง ดูเหมือนพวกเธอจะไม่ได้ที่ทำเลดีๆแล้วละ

    ต่อให้คนที่จะต้องไปเจรจาจะเป็นคุณแม่แห่งทีมบาสเซย์รินก็ตาม..

     

     

     

     

    “เฮ่อ..”

     

    ………………………………………………………………………………………

    สวัสดีค่ะ ไรท์แฟรรี่ผู้ทยอยรีไรท์แสนช้าและก็ช้าเหลือเกิน อุแง! ยังปั่นนิยายอยู่น่าตามกติกาเดิมคือ รีไรท์จนหมดทุกตอนที่เผยแพร่แล้วจึงจะเริ่มอัพภาคสองต่อไปจนจบแล้วปิดท้ายด้วยตอนพิเศษ – ว่าด้วยเรื่องของอมีเรีย น้องในสายตาคนนอกเหมือนเป็นคุณแม่ที่ต้องดูแลลูกที่เป็นเด็กโข่งค่ะ แต่ในสายตาคนในทีมแล้ว อมีเรียก็คือคุโรโกะเบอร์สาม (จับคุโรโกะ เบอร์สองกับอมีเรียมานั่งข้างกัน) 

    แล้วก็เรื่องของน้อง เนื่องจากพี่ชายก็ฉลาด พ่อแม่ก็ฉลาด อมีเรียตามประวัติเดิมก่อนหน้านู้นจึงเรียนจบไปนานแล้วตามหลักสูตรพื้นฐานทั้งหมดที่รัสเซียกับอเมริกาค่ะ เพราะฉะนั่นเรื่องข่าวลือของคนที่บอกว่าตัวเองเคยเรียนที่เดียวกับน้อง โนเวย์! ไม่มีทางอย่างแน่นอน 

    1 คอมเม้นท์ = 100 กำลังใจ

    สามารถติหรือชี้แนะไรท์ได้ ไรท์จะรออ่านคอมเม้นท์ของทุกคนนะคะ

     

    ติดตามข้อมูลข่าวสารและการอัพเดทต่างๆได้ที่เพจ Fairy-แฟรี่กะ จิ้มๆเลย//ชี้  

     

     

    by. ภูติสีเทา

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×