ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนมหาเวทย์ world pretends

    ลำดับตอนที่ #7 : ลำนำโชคชะตา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 309
      3
      3 มี.ค. 60


    ลำนำโชคชะตา....

    แสงสุริยันฉายแสงเรืองรองในยามเช้า..เหล่าวิหกต่างบินออกจากรังมุ่งตรงไปยังที่ต่างๆเพื่อหาอาหาร เหล่าบรรดาสิงสาราสัตว์ล้วนตื่นขึ้นจากนิทรา..ลุกขึ้นมา เหยียดกายบิดไล่ความง่วงงัน และออกจากที่หลับนอนเพื่อมุ่งหาอาหารเลี้ยงชีพ..

    แสงแห่งอรุณรุ่ง ฉายผ่านซี่กรงเหล็กกระทบเข้ากับใบหน้าของเด็กชายคนหนึ่งที่กำลังหลับใหลในห่วงนิทรา..เสียงร้องเท้าหนังพื้นเป็นเหล็กดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจนมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องของเด็กชาย..

    ปึงๆๆๆ

    “ไอ้ตัวขยะ แกตื่นได้รึยัง ฮ่ะ!!!!”เสียงหวีดแหลมของสตรีวัยกลางคนดังขึ้นพร้อมกับเสียงทุบประตูอย่างรุนแรงต่อเนื่อง เพื่อหวังที่จะปลุกให้ผู้ที่อยู่ในห้องตื่นขึ้นมา..และมันก็ได้ผลเสียด้วย..

    เด็กชายตัวน้อย..งัวเงียลุกขึ้นจากเตียงไม้แข็งด้วยท่าทางสะลึมสะลือก่อนจะสะบัดหัวทีหนึ่งเพื่อไล่อาการง่วงนอนออกไป..ก่อนจะขานตอบรับเจ้าของเสียงผู้มาปลุกเขาแต่เช้า

    “ผมตื่นแล้วฮะ..ป้าซินร้า”เด็กชายขานเสียงใส..พร้อมกับพับผ้าห่มสีหม่นเก่าๆให้เป็นระเบียบ...เสียงโซ่ที่ล่ามแขนและขาของเด็กชายดังกระทบกันเมื่อเด็กชายขยับตัว...แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเสียงโซ่เลยแม้แต่น้อย..

    “งั้นก็ดี..อย่าให้รู้นะว่าแกนอนต่อ..ฉันจะจับแกโยนออกจากหอคอยนี้!!!”เสียงแหลมหน้าประตูขู่ขึ้นด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยวก่อนจะได้ยินเสียงย้ำเท้าจากไป..เด็กชายถอนหายใจออกมาน้อยๆพร้อมกับทอดสายตามองไปยังนอกกรงขังของเขาด้วยแววตาเหม่อลอย...อิสระ..ฉันต้องการ..อิสระ..เสียงความคิดของเด็กชายดังขึ้นพร้อมกับร่างกายอันเล็กจ้อยผอมบางที่เดินออกจากห้องที่ตนเองใช้นอนไป...หากเขาหันหลังกลับมาซักนิด..คงจะได้เห็น..แสงสีทองที่เรืองรองออกมาจากหนังสือใต้หมอนใบเก่าของเขาที่ตอบรับคำปรารถนาแห่งแสงแห่งอรุณรุ่ง..

    เด็กชายเดินลงบันไดเวียนไปเรื่อยๆอย่างไม่เร่งรีบ...ทุกอย่างก้าวล้วนมีเสียงของโซ่ดังอยู่ตลอดเวลาจนกระทั้งเขาเดินมาสุดขอบบันไดที่มีชายร่างใหญ่สองคนยืนเฝ้าอยู่...ชายทั้งสองที่สังเกตเห็นเด็กชายเดินลงมาจากหอคอยแล้วนั้นก็ทำแค่เพียงพยักหน้าให้และกลับไปทำหน้าที่ตนเองต่อ..

    หึ...เด็กชายหัวเราะในใจด้วยความขื่นขม..ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีมนุษย์สัมพันธ์แต่เป็นเพราะเขาไม่อาจผูกมิตรได้..หากไม่อยากตายหรือทำให้ใครเดือดร้อน...

    เด็กชายเดินไปตามทางอย่างชำนาญ..หลบหลีกผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามาและสิ่งของที่วางขวางทางเดิน...จนเขานั้นเดินเข้าไปชนกับเด็กชายคนหนึ่งเข้า..

    “โอ๊ย!

    เสียงร้องของฝ่ายตรงข้ามดังขึ้นตามด้วยเสียงล้มของเด็กทั้งสองแต่ไม่ยักกะมีเสียงร้องด้วยความเจ็บออกจากปากเด็กชายผู้มีโซ่ล่ามที่ขาและแขน...เขาทำแค่เพียงลุกขึ้น โค้งขอโทษและเดินจากไปอย่างเร่งรีบ..ทิ้งไว้แค่เพียงเด็กชายผู้หนึ่งที่นั่งคงอยู่กับพื้นอยู่เช่นนั้น...หากไม่เพราะมีชายชราผู้หนึ่งมาฉุดเขาขึ้นเสียก่อน...

    “ท่านเชเรซิส...ไม่เป็นอะไรนะขอรับ”ชายชราเอ่ยถามนายน้อยของตนที่ตอนนี้ลุกขึ้นปัดฝุ่นที่กางเกงออกและทอดสายตาไปยังทิศที่เด็กชายผอมแห้งนั้นเดินไป...

    “ข้าไม่เป็นอันใด...เราไปกันเถอะ..”เชเรซิส เอ่ยขึ้นก่อนที่จะเดินนำหน้าชายชราตรงไปยังที่จัดงานเลี้ยง..ท้วงท่าการเดินเขานั้นน่ากรงขามจนไม่อาจจะเชื่อได้ว่าเป็นท่าเดินของเด็กที่อายุแค่เพียง 10 ขวบเท่านั้น  แต่หากแม้นสังเกตที่ด้านหลังเสื้อที่เขาสวมอยู่จะมีตราประจำราชวงค์ปักอยู่ด้วย...ซึ่งตรานั้นก็เป็นถึงตราอันดับหนึ่งของลอร์ดกาเวนด์ อาณาจักรแห่งพื้นพิภพ..

    เซเรซิส..ไม่ได้สนใจสายตาและคำนินทาที่เอ่ยถึงเขาเลยแม้แต่น้อย..เขานั้นได้รับมอบหมายหน้าที่จากพระบิดาให้มาร่วมงานเลี้ยงเพื่อพบคู่หมั้นที่เขานั้นก็เพิ่งจะรู้ว่ามี...องค์ชายลำดับที่ 1 เซเรซิส เดอ กาเวนด์  เด็กชายผู้มีใบหน้าที่ฉายแววว่าในอนาคตนั้นเมื่อเขาเติบใหญ่จะมีใบหน้าที่หล่อเหล่าไร้ผู้เทียบเทียม..

    กลิ่นอายของปีศาจที่ลอยออกจากตัวเขาหาได้ให้ความรู้สึกหวั่นเกรงไม่...มันเป็นกลิ่นอายที่ชวนให้หลงใหลแทนเสียมากกว่า ผมยาวสีเทาแซมแดงรับกับใบหน้าจิ่มลิ้มและดวงตาสีอำพันอันทรงเสน่ห์..แววตาของเขาวาววับราวกับทุกสิ่งที่เขามองไปนั้นมีแต่เรื่องสนุกเท่านั้น...

    “โอ้...นึกว่าผู้ใดเสียอีก..องค์ชายเซเรซิส..นี้เอง..”เสียงยียวนกวนประสาทดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของเด็กชายรุ่นราวคราวเดียวกันที่เดินเข้ามาพร้อมกับองค์ลักษณ์ประจำตัวที่สีหน้าบอกบุญไม่รับเมื่อนายน้อยของตนเอ่ยอะไรออกมา..

    “หึ..บางทีข้าควรหาอะไรมายัดปากเจ้าสินะ..อีวานเจริน ยูริ”เซเรซิสเอ่ยนามของบุคคลที่เอ่ยทักเขาด้วยน้ำเสียงกวนประสาทนั้นด้วยท่าทีเรียบเฉยขัดกับคำพูดเชิงหยอกล้อที่เขาส่งไป..

    “ข้าอิ่มนานแล้ว..ไม่ต้องหามายัดปากข้าเลย..หึๆ”อีวาน หัวเราะน้อยๆด้วยความชอบใจในคำพูดของสหายต่างอาณาจักรที่นานๆจะเจอกันที...เด็กชายเดินเข้าไปกอดคออีกคนด้วยท่าทางสนิทสนม

    “เจ้ามาที่งานแสนน่าเบื่อนี้ทำไม?”อีวาน เปิดประเด็นพูดขึ้นด้วยท่าทางสบายๆไม่สนใจสายตาคาดโทษของสหายที่ตนกอดคออยู่..

    “ข้ามาตามคำสั่งพระบิดา...”เซเรซิสพูดเสียงอ่อนเมื่อนึกถึงใบหน้าอันแสนเย็นชาของพระบิดาตน...

    “....”อีวานที่สังเกตเห็นใบหน้าของสหายสลดลงไปกับคำตอบที่เอ่ยตอบเขาก็ถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย...

    “เอาละ...ข้าต้องไปละ...ข้าอยู่ที่นี้นานไม่ได้...กลิ่นมนุษย์ช่างโสโครก...”เซเรซิสเอ่ยขัดความเงียบที่กำลังก่อตัวขึ้นพร้อมกับย่นจมูกลงเมื่อนึกถึงกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ที่อยู่รอบตัว...

    555 ข้าว่าอีกสักหน่อยเจ้าต้องทำใจให้ชินกับกลิ่นมนุษย์เพราะว่าที่เจ้าสาวเจ้า..เป็น...มนุษย์นิ”อีวานหัวเราะขบขันก่อนจะยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างๆหูเซเรซิสประโยคหลัง....

    “.....”

    “เอาเป็นว่า...ข้าต้องขอตัวก่อน...แล้วเจอกันสหาย...”อีวานหัวเราะเริงร่าเมื่อเห็นสีหน้าอันซีดเซียวของเซเรซิสที่ได้ยินว่าคู่หมั้นตนเป็นมนุษย์ที่ตนแสนจะเกลียดชัง...

    ชายชราผู้ได้ยินและรับรู้ถึงความในใจของนายน้อยก็ยิ้มออกมาบางๆ....ถึงแม้เขาจะเกลียดชังมนุษย์แต่ทำไงได้..ในเมื่อนายเหนือหัวของเขาต้องมามีคู่หมั้นเป็นมนุษย์นิ...เขาเองคงต้อทำใจยอมรับ....

    อีกฟากหนึ่งของงานที่กำลังรื่นรมและสนุกสนานอยู่นั้น....เหล่าทาสรับใช้และนักโทษประจำปราสาทต่างพากันวิ่งวุ่นหาสิ่งของที่คุณหนูเล็กต้องการจนเหนื่อยหอบ....ห่างออกไปสักหน่อยก็เป็นเรือนขนาดกลางที่มีสาวใช้และทาสเดินเข้าออกเป็นว่าเล่น....

    เด็กชายสวมชุดม่อท้อและมีโซ่ล่ามแขนและขา....มองตามหลังสาวใช้คนหนึ่งที่ผมเปียกและมีอาหารบางอย่างเปลอะตามเสื้อและหน้าตาเต็มไปหมด....หากสังเกตสักนิดก็จะเห็นรอยปื้นสีแดงรอยมือเด่นชัดอยู่บนใบหน้าของสาวใช้..

    โอดิน มองภาพเหล่านั้นด้วยความเคยชินก่อนที่จะเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับทาสชายที่นั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น...ยังไม่ทันที่เขาจะได้นั่งก็ต้องล้มลงไปกับพื้นเพราะมีแรงบางอย่างมากระแทกเขาอย่างแรงจนต้องล้มลง..

    “กรี๊ด!!!! ทำไม...เจ้าชายนั้นถึงได้กล้าปฏิเสธลูกละค่ะ..ท่านแม่!!!”เสียงแหลมของเด็กหญิงวัยแรกรุ่นดังขึ้นพร้อมกับเสียงของหล่นกระทบพื้นดังขึ้น...

    “ใจเย็นๆค่ะคุณลูกขา...เจ้าชายยังทรงพระเยาว์อยู่นะค่ะ...เลยตอบไปแบบนั้นคุณลูกขา...”เสียงแหลมอันแสนคุ้นหูดีของโอดินนั้นดังขึ้นพร้อมกับเด็กชายที่ค่อยๆคลานออกจากบริเวณนั้นเพราะเขานั้นพอจะเดาสถานการณ์ต่อจากนี้ได้...

    ยังไม่ทันที่เด็กชายจะคลานหนีจากที่แห่งนั้น..ดูเหมือนสายตาอันแหลมคมของหญิงวัยกลางคนนั้นก็สบเข้ากับร่างเล็กจ้อยของเขาพอดี..

    “ไอ้ตัวขยะ...แกมาก็ดีแล้ว..มานี้!!

    “โอ๊ย!!!

    หญิงวัยกลางคนเดินเข้าไปกระชากผมของโอดินอย่างแรงจนโอดินเผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บ..แต่เธอก็หาได้แยแสไม่...เธอทำเพียงลากกระชากร่างอันบอบบางเพราะไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอนั้นไปตามพื้นก่อนจะเหวี่ยงลงตรงหน้าเด็กหญิงวัยแรกรุ่นคนหนึ่งที่ถือแจกันดอกไม้ค้างอยู่...

    “ท่านแม่...ท่านลากมันมาทำไมตรงหน้าข้า....น่าขยะแขยง..”เด็กหญิงแสดงท่าทางรังเกียจออกมาอย่างชัดเจนก่อนจะส่งแจกันในมือไปให้สาวใช้ที่หมอบอยู่ข้างๆ....

    “โถ่ๆ...คุณลูกขา...ทำร้ายไอ้เด็กนี้..ยังดีกว่าทุบแจกันราคาแพงนะค่ะ...แม่เสียดาย”หญิงวัยกลางคนจีบปากจีบคอพูดพร้อมกับดัดเสียงที่แหลมอยู่แล้วให้แหลมขึ้นไปอีกจนโอดินแอบยกมือปิดหู..

    “แบบนี้ก็ดีนิค่ะ...ท่านแม่...แก..เอาแส้มา”เด็กหญิงยิ้มอย่างชอบใจก่อนจะหันไปสั่งข้ารับใช้ที่หมอบอยู่ด้านหลังตนให้เอาแส้มา...โอดินที่ได้ยินคำว่า แส้ นั้นถึงกับหน้าซีดและตัวสั่นน้อยๆอย่างช่วยไม่ได้...

    “แส้เจ้าค่ะคุณหนู..”สาวใช้ส่งแส้สีเงินที่มีลักษณะคล้ายกับกระดูกให้เด็กสาวก่อนจะคลานกลับไปหมอบต่ำเช่นเดิม..เด็กสาวรับแส้มาถือและลองหวดตัดอากาศดู...ก่อนจะได้ยินเสียงแหวกอากาศเบาๆแต่เรียกเลือดได้ไม่น้อยสำหรับคนที่อยู่ใกล้รัศมีตอนหวดแส้...

    โอดินที่เคยสัมผัสแส้นั้นมาแล้วและเคยได้ลิ้มรสความเจ็บยามแส้หวดลงผิวตนเองมาแล้ว...จึงรับรู้ได้ว่าตัวเขาเองนั้นอาจจะต้องเจ็บหนักกว่าคราวที่แล้วแน่ๆ...

    “อย่าโทษข้าเลยนะ....ใครใช่ให้แกเกิดมาล่ะ!!!”สิ้นคำพูดของเด็กหญิงเสียงแส้ตัดอากาศกระทบลงกับแผ่นหลังของเด็กชายตัวน้อยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวและเตรียมใจเผื่อไว้เลยแม้แต่น้อย...โอดินสะดุ้งเฮือกก่อนจะร้องลั่นออกมาด้วยความทรมาน..

    อ๊ากกกกกกกกกกกกกก!!!!!..เพี๊ยะ!!!!

    เสียงร้องของเด็กชายผู้ทรมานและเสียงของแส้ที่แหวกอากาศไปกระทบหลังของเด็กชายตัวน้อย..ดังขึ้นต่อเนื่องราวกับว่ามันจะไม่สิ้นสุดง่ายๆ...แต่ทะว่าเด็กหญิงก็ต้องชะงักมือไปทันใดเมื่อสายตาสบเข้ากับดวงตาสีดำทรงอำนาจและใบหน้าอันแสนคุ้นเคย...

    “ท...ท่านพ่อ..”เด็กหญิงเอ่ยขึ้นก่อนจะเผลอปล่อยแส้ในมือลง...หญิงวัยกลางคนได้ยินลูกสาวสุดที่รักเอ่ยเรียกใครก็หันไปมองตามสายตาที่เด็กหญิงจับจ้อง...

    “พวกเจ้า...ทำอะไรกัน!!!!”เสียงทรงอำนาจของประมุขประจำบ้านดังขึ้นด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว..สายตาดุจพญาเหยี่ยวจับจ้องไปที่บุตรสาว ภรรยาและบุตรชายนอกคอกของเขาที่ตอนนี้นอนหมอบอยู่ที่พื้น..แผ่นหลังเปียกชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน..กลิ่นคาวเลือดลอยไปตามลมกระทบเข้ากับจมูกของเซเรซิสที่ยืนอยู่ข้างๆท่านประมุขของปราสาท...

    “ท...ท่านพี่...ข..ข้า..”ยังไม่ทันที่หญิงวัยกลางคนจะได้เอ่ยอะไรเพื่อแก้ตัวให้ตนเองและบุตรสาวก็ต้องผงะไปเพราะโดนผู้เป็นสามีพูดขัด..

    “อย่ามาแก้ตัว...เจ้าก็รู้ว่าวันนี้เป็นวันอะไร...แล้วทำไมยังมีหน้ามาเกือกกลั้วอยู่ที่นี้!!”ชายร่างแกร่งประมุขปราสาท ธิวา ปราสาทที่เป็นของต้นตระกูลเก่าแก่แต่ไม่อาจจะเก่าแก่เท่าต้นตระกูล 4 ผู้พิทักษ์..

    “วันนี้เรามีแขก...แต่พวกเจ้ายังจะมาทำงามหน้าที่นี้...ชื่อเสียงเจ้าป่นปี้ไปหมดแล้ว..”เขาเอ่ยเสียงเรียบพร้อมกับปรายตามองทุกคนที่เริ่มเข้ามามุงดู..รวมไปถึงเจ้าชายน้อยเซเรซิสว่าที่คู่หมั้นของบุตรสาวเขา...

    “ค...คือ..”เด็กสาวเริ่มมองไปรอบๆด้วยความไม่มั่นใจเพราะจริงดังที่บิดาว่า..การที่จะเป็นเจ้าสาวและราชินีได้ต้องได้รับการยอมรับจากทุกคนและต้องมีชื่อเสียงดีงาม....แต่ว่า..นางทำมันป่นปี้หมดแล้ว...

    “โฮะๆ....ข้าไม่ยักรู้ว่าสาวงามนั้นอารมส์ร้าย”เสียงยียวนกวนประสาทดังขึ้นพร้อมกับๆการปรากฏกายของเด็กชายผู้หนึ่ง...เขาสบตากับเจ้าชายอันดับ 1 เซเรซิสเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มยียวนไปให้..

    “ข้า..เจ้าชายอันดับ 3 ลูเคอัค..มีราชโองการจากกษัตริย์แห่งอาณาจักรใต้พิภพ”เด็กชายวางท่าใหญ่โตพร้อมกับหันไปพยักหน้ากับคนรับใช้ข้างกายให้หยิบบางอย่างออกมาจากพานทองที่ข้ารับใช้อีกคนถืออยู่...

    เมื่อทุกๆคนที่อยู่ที่บริเวณนั้นได้ยินคำว่าราชโองการก็ต่างพากันซุบซิบนินทาออกมาเสียงเซ็งแซ่...ประมุขประจำปราสาทคุกเข่ารอรับราชโองการด้วยสีหน้าเคร่งเครียด...

    “ยกเลิกการหมั้นหมายระหว่างเจ้าชายอันดับ 1 เซเรซิสและท่านหญิงมิรานน่า...และขอสั่งให้จับกุมเจ้าชายเซเรซิสกลับวังโดยด่วน...หากขัดขืนมีโทษถึงตาย!!!..จบราชโองการ...”สิ้นเสียงประกาศราชโองการ..ก็เกิดความเงียบขึ้นเช่นเดียวกับผู้ถูกเอ่ยนามที่มีสีหน้าแปลกใจกับราชโองการที่ผู้เป็นน้องชายต่างมารดาประกาศ...

    “น...น้อมรับร..ราชโองการ..”ประมุขปราสาทธิวาคุกเข่าและโน้มหัวเล็กน้อยเพื่อน้อมรับคำสั่ง...ทหารที่เดินตามองค์ชายอันดับ 3 มานั้นต่างพุ่งเข้าไปจับตัวองค์ชายตัวน้อยที่ยังคงยืนอยู่อย่างสงบ...เซเรซิสไม่ขัดขืนการจับกุม..เขายอมให้นายทหารล่ามโซ่ที่แขนทั้งสองข้างของเขา..และเมื่อเขาสังเกตโซ่ดีๆก็รับรู้ได้เลยว่าโซ่นี้ลงอาคมกักวิญญาณเอาไว้...เพราะอยู่ดีๆร่างกายเขาก็อ่อนแรงลงทันใด...ราวกับว่าพลังกำลังโดนสูบหายไปแถมยังโดนกดพลังวิญญาณอีก..

    “น..นายน้อย..”เซบาสเตียน..พ่อบ้านชราตกใจกับใบหน้าที่ซีดเซียวของนายน้อยตนเองแต่ก็ไม่อาจช่วยอะไรเขาได้..จึงทำได้เพียงยอมติดตามเหล่าทหารกับเซเรซิสกลับวัง...

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นละจบล้วนอยู่ในสายตาของสตรีนางหนึ่งที่ยืนหลบมุมอยู่...แสงอาทิตย์เฉิดฉายแสงเข้าไปในมุมเพียงพอให้รับรู้..ว่า...หญิงนางนั้นมีเส้นผมสีแดงเพลิงยาวสยาย ใบหน้าหวานที่ซูบตอบและหมองคล่ำแต่ก็ไม่ลดความงามลงแม้แต่น้อย..ยิ่งทำให้นางดูน่าสงสารมากกว่าเท่านั้นเอง...

    ดวงตาอันว่างเปล่าจับจ้องไปที่เจ้าชายเซเรซิสและขบวนทหารที่จากไปจนลับตาก่อนจะวกกลับมาจดจ้องที่เด็กชายร่างเล็กตัวผอมแห้งที่ยังคงนอนหายใจรวยรินอยู่..บาดแผลที่หลังเขานั้นยังไม่หายดีแต่ได้แผลเพิ่มมาอีกครา...หากไม่รีบรักษามีแต่ตายกับตายเท่านั้น!!!!

    ******************************************

    มีความดอง...จนลืมพล๊อตละ 55555 ไหนในนี้มีลูกใครโผล่ออกมาแล้วบ้างเอ่ย.....

    ใครที่ทยอยส่งลูกๆเข้ามานะค่ะอย่าเสียใจว่าทำไมไม่มีลูกๆของท่าน...คือไรท์ยังไม่ได้เข้าไปอ่านมากกว่าค่ะ 55555 ที่ส่งมาติดทุกคนแน่นอนค่า แต่บทอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ้างเท่านั้นเอง...
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×