คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ลำนำโชคชะตา
ลำนำโชคชะตา....
แสงสุริยันฉายแสงเรืองรองในยามเช้า..เหล่าวิหกต่างบินออกจากรังมุ่งตรงไปยังที่ต่างๆเพื่อหาอาหาร
เหล่าบรรดาสิงสาราสัตว์ล้วนตื่นขึ้นจากนิทรา..ลุกขึ้นมา เหยียดกายบิดไล่ความง่วงงัน
และออกจากที่หลับนอนเพื่อมุ่งหาอาหารเลี้ยงชีพ..
แสงแห่งอรุณรุ่ง ฉายผ่านซี่กรงเหล็กกระทบเข้ากับใบหน้าของเด็กชายคนหนึ่งที่กำลังหลับใหลในห่วงนิทรา..เสียงร้องเท้าหนังพื้นเป็นเหล็กดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจนมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องของเด็กชาย..
ปึงๆๆๆ
“ไอ้ตัวขยะ แกตื่นได้รึยัง ฮ่ะ!!!!”เสียงหวีดแหลมของสตรีวัยกลางคนดังขึ้นพร้อมกับเสียงทุบประตูอย่างรุนแรงต่อเนื่อง
เพื่อหวังที่จะปลุกให้ผู้ที่อยู่ในห้องตื่นขึ้นมา..และมันก็ได้ผลเสียด้วย..
เด็กชายตัวน้อย..งัวเงียลุกขึ้นจากเตียงไม้แข็งด้วยท่าทางสะลึมสะลือก่อนจะสะบัดหัวทีหนึ่งเพื่อไล่อาการง่วงนอนออกไป..ก่อนจะขานตอบรับเจ้าของเสียงผู้มาปลุกเขาแต่เช้า
“ผมตื่นแล้วฮะ..ป้าซินร้า”เด็กชายขานเสียงใส..พร้อมกับพับผ้าห่มสีหม่นเก่าๆให้เป็นระเบียบ...เสียงโซ่ที่ล่ามแขนและขาของเด็กชายดังกระทบกันเมื่อเด็กชายขยับตัว...แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเสียงโซ่เลยแม้แต่น้อย..
“งั้นก็ดี..อย่าให้รู้นะว่าแกนอนต่อ..ฉันจะจับแกโยนออกจากหอคอยนี้!!!”เสียงแหลมหน้าประตูขู่ขึ้นด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยวก่อนจะได้ยินเสียงย้ำเท้าจากไป..เด็กชายถอนหายใจออกมาน้อยๆพร้อมกับทอดสายตามองไปยังนอกกรงขังของเขาด้วยแววตาเหม่อลอย...อิสระ..ฉันต้องการ..อิสระ..เสียงความคิดของเด็กชายดังขึ้นพร้อมกับร่างกายอันเล็กจ้อยผอมบางที่เดินออกจากห้องที่ตนเองใช้นอนไป...หากเขาหันหลังกลับมาซักนิด..คงจะได้เห็น..แสงสีทองที่เรืองรองออกมาจากหนังสือใต้หมอนใบเก่าของเขาที่ตอบรับคำปรารถนาแห่งแสงแห่งอรุณรุ่ง..
เด็กชายเดินลงบันไดเวียนไปเรื่อยๆอย่างไม่เร่งรีบ...ทุกอย่างก้าวล้วนมีเสียงของโซ่ดังอยู่ตลอดเวลาจนกระทั้งเขาเดินมาสุดขอบบันไดที่มีชายร่างใหญ่สองคนยืนเฝ้าอยู่...ชายทั้งสองที่สังเกตเห็นเด็กชายเดินลงมาจากหอคอยแล้วนั้นก็ทำแค่เพียงพยักหน้าให้และกลับไปทำหน้าที่ตนเองต่อ..
หึ...เด็กชายหัวเราะในใจด้วยความขื่นขม..ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีมนุษย์สัมพันธ์แต่เป็นเพราะเขาไม่อาจผูกมิตรได้..หากไม่อยากตายหรือทำให้ใครเดือดร้อน...
เด็กชายเดินไปตามทางอย่างชำนาญ..หลบหลีกผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามาและสิ่งของที่วางขวางทางเดิน...จนเขานั้นเดินเข้าไปชนกับเด็กชายคนหนึ่งเข้า..
“โอ๊ย!”
เสียงร้องของฝ่ายตรงข้ามดังขึ้นตามด้วยเสียงล้มของเด็กทั้งสองแต่ไม่ยักกะมีเสียงร้องด้วยความเจ็บออกจากปากเด็กชายผู้มีโซ่ล่ามที่ขาและแขน...เขาทำแค่เพียงลุกขึ้น
โค้งขอโทษและเดินจากไปอย่างเร่งรีบ..ทิ้งไว้แค่เพียงเด็กชายผู้หนึ่งที่นั่งคงอยู่กับพื้นอยู่เช่นนั้น...หากไม่เพราะมีชายชราผู้หนึ่งมาฉุดเขาขึ้นเสียก่อน...
“ท่านเชเรซิส...ไม่เป็นอะไรนะขอรับ”ชายชราเอ่ยถามนายน้อยของตนที่ตอนนี้ลุกขึ้นปัดฝุ่นที่กางเกงออกและทอดสายตาไปยังทิศที่เด็กชายผอมแห้งนั้นเดินไป...
“ข้าไม่เป็นอันใด...เราไปกันเถอะ..”เชเรซิส เอ่ยขึ้นก่อนที่จะเดินนำหน้าชายชราตรงไปยังที่จัดงานเลี้ยง..ท้วงท่าการเดินเขานั้นน่ากรงขามจนไม่อาจจะเชื่อได้ว่าเป็นท่าเดินของเด็กที่อายุแค่เพียง
10 ขวบเท่านั้น
แต่หากแม้นสังเกตที่ด้านหลังเสื้อที่เขาสวมอยู่จะมีตราประจำราชวงค์ปักอยู่ด้วย...ซึ่งตรานั้นก็เป็นถึงตราอันดับหนึ่งของลอร์ดกาเวนด์
อาณาจักรแห่งพื้นพิภพ..
เซเรซิส..ไม่ได้สนใจสายตาและคำนินทาที่เอ่ยถึงเขาเลยแม้แต่น้อย..เขานั้นได้รับมอบหมายหน้าที่จากพระบิดาให้มาร่วมงานเลี้ยงเพื่อพบคู่หมั้นที่เขานั้นก็เพิ่งจะรู้ว่ามี...องค์ชายลำดับที่
1 เซเรซิส เดอ
กาเวนด์
เด็กชายผู้มีใบหน้าที่ฉายแววว่าในอนาคตนั้นเมื่อเขาเติบใหญ่จะมีใบหน้าที่หล่อเหล่าไร้ผู้เทียบเทียม..
กลิ่นอายของปีศาจที่ลอยออกจากตัวเขาหาได้ให้ความรู้สึกหวั่นเกรงไม่...มันเป็นกลิ่นอายที่ชวนให้หลงใหลแทนเสียมากกว่า
ผมยาวสีเทาแซมแดงรับกับใบหน้าจิ่มลิ้มและดวงตาสีอำพันอันทรงเสน่ห์..แววตาของเขาวาววับราวกับทุกสิ่งที่เขามองไปนั้นมีแต่เรื่องสนุกเท่านั้น...
“โอ้...นึกว่าผู้ใดเสียอีก..องค์ชายเซเรซิส..นี้เอง..”เสียงยียวนกวนประสาทดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของเด็กชายรุ่นราวคราวเดียวกันที่เดินเข้ามาพร้อมกับองค์ลักษณ์ประจำตัวที่สีหน้าบอกบุญไม่รับเมื่อนายน้อยของตนเอ่ยอะไรออกมา..
“หึ..บางทีข้าควรหาอะไรมายัดปากเจ้าสินะ..อีวานเจริน
ยูริ”เซเรซิสเอ่ยนามของบุคคลที่เอ่ยทักเขาด้วยน้ำเสียงกวนประสาทนั้นด้วยท่าทีเรียบเฉยขัดกับคำพูดเชิงหยอกล้อที่เขาส่งไป..
“ข้าอิ่มนานแล้ว..ไม่ต้องหามายัดปากข้าเลย..หึๆ”อีวาน
หัวเราะน้อยๆด้วยความชอบใจในคำพูดของสหายต่างอาณาจักรที่นานๆจะเจอกันที...เด็กชายเดินเข้าไปกอดคออีกคนด้วยท่าทางสนิทสนม
“เจ้ามาที่งานแสนน่าเบื่อนี้ทำไม?”อีวาน
เปิดประเด็นพูดขึ้นด้วยท่าทางสบายๆไม่สนใจสายตาคาดโทษของสหายที่ตนกอดคออยู่..
“ข้ามาตามคำสั่งพระบิดา...”เซเรซิสพูดเสียงอ่อนเมื่อนึกถึงใบหน้าอันแสนเย็นชาของพระบิดาตน...
“....”อีวานที่สังเกตเห็นใบหน้าของสหายสลดลงไปกับคำตอบที่เอ่ยตอบเขาก็ถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย...
“เอาละ...ข้าต้องไปละ...ข้าอยู่ที่นี้นานไม่ได้...กลิ่นมนุษย์ช่างโสโครก...”เซเรซิสเอ่ยขัดความเงียบที่กำลังก่อตัวขึ้นพร้อมกับย่นจมูกลงเมื่อนึกถึงกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ที่อยู่รอบตัว...
“555 ข้าว่าอีกสักหน่อยเจ้าต้องทำใจให้ชินกับกลิ่นมนุษย์เพราะว่าที่เจ้าสาวเจ้า..เป็น...มนุษย์นิ”อีวานหัวเราะขบขันก่อนจะยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างๆหูเซเรซิสประโยคหลัง....
“.....”
“เอาเป็นว่า...ข้าต้องขอตัวก่อน...แล้วเจอกันสหาย...”อีวานหัวเราะเริงร่าเมื่อเห็นสีหน้าอันซีดเซียวของเซเรซิสที่ได้ยินว่าคู่หมั้นตนเป็นมนุษย์ที่ตนแสนจะเกลียดชัง...
ชายชราผู้ได้ยินและรับรู้ถึงความในใจของนายน้อยก็ยิ้มออกมาบางๆ....ถึงแม้เขาจะเกลียดชังมนุษย์แต่ทำไงได้..ในเมื่อนายเหนือหัวของเขาต้องมามีคู่หมั้นเป็นมนุษย์นิ...เขาเองคงต้อทำใจยอมรับ....
อีกฟากหนึ่งของงานที่กำลังรื่นรมและสนุกสนานอยู่นั้น....เหล่าทาสรับใช้และนักโทษประจำปราสาทต่างพากันวิ่งวุ่นหาสิ่งของที่คุณหนูเล็กต้องการจนเหนื่อยหอบ....ห่างออกไปสักหน่อยก็เป็นเรือนขนาดกลางที่มีสาวใช้และทาสเดินเข้าออกเป็นว่าเล่น....
เด็กชายสวมชุดม่อท้อและมีโซ่ล่ามแขนและขา....มองตามหลังสาวใช้คนหนึ่งที่ผมเปียกและมีอาหารบางอย่างเปลอะตามเสื้อและหน้าตาเต็มไปหมด....หากสังเกตสักนิดก็จะเห็นรอยปื้นสีแดงรอยมือเด่นชัดอยู่บนใบหน้าของสาวใช้..
โอดิน มองภาพเหล่านั้นด้วยความเคยชินก่อนที่จะเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับทาสชายที่นั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น...ยังไม่ทันที่เขาจะได้นั่งก็ต้องล้มลงไปกับพื้นเพราะมีแรงบางอย่างมากระแทกเขาอย่างแรงจนต้องล้มลง..
“กรี๊ด!!!!
ทำไม...เจ้าชายนั้นถึงได้กล้าปฏิเสธลูกละค่ะ..ท่านแม่!!!”เสียงแหลมของเด็กหญิงวัยแรกรุ่นดังขึ้นพร้อมกับเสียงของหล่นกระทบพื้นดังขึ้น...
“ใจเย็นๆค่ะคุณลูกขา...เจ้าชายยังทรงพระเยาว์อยู่นะค่ะ...เลยตอบไปแบบนั้นคุณลูกขา...”เสียงแหลมอันแสนคุ้นหูดีของโอดินนั้นดังขึ้นพร้อมกับเด็กชายที่ค่อยๆคลานออกจากบริเวณนั้นเพราะเขานั้นพอจะเดาสถานการณ์ต่อจากนี้ได้...
ยังไม่ทันที่เด็กชายจะคลานหนีจากที่แห่งนั้น..ดูเหมือนสายตาอันแหลมคมของหญิงวัยกลางคนนั้นก็สบเข้ากับร่างเล็กจ้อยของเขาพอดี..
“ไอ้ตัวขยะ...แกมาก็ดีแล้ว..มานี้!!”
“โอ๊ย!!!”
หญิงวัยกลางคนเดินเข้าไปกระชากผมของโอดินอย่างแรงจนโอดินเผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บ..แต่เธอก็หาได้แยแสไม่...เธอทำเพียงลากกระชากร่างอันบอบบางเพราะไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอนั้นไปตามพื้นก่อนจะเหวี่ยงลงตรงหน้าเด็กหญิงวัยแรกรุ่นคนหนึ่งที่ถือแจกันดอกไม้ค้างอยู่...
“ท่านแม่...ท่านลากมันมาทำไมตรงหน้าข้า....น่าขยะแขยง..”เด็กหญิงแสดงท่าทางรังเกียจออกมาอย่างชัดเจนก่อนจะส่งแจกันในมือไปให้สาวใช้ที่หมอบอยู่ข้างๆ....
“โถ่ๆ...คุณลูกขา...ทำร้ายไอ้เด็กนี้..ยังดีกว่าทุบแจกันราคาแพงนะค่ะ...แม่เสียดาย”หญิงวัยกลางคนจีบปากจีบคอพูดพร้อมกับดัดเสียงที่แหลมอยู่แล้วให้แหลมขึ้นไปอีกจนโอดินแอบยกมือปิดหู..
“แบบนี้ก็ดีนิค่ะ...ท่านแม่...แก..เอาแส้มา”เด็กหญิงยิ้มอย่างชอบใจก่อนจะหันไปสั่งข้ารับใช้ที่หมอบอยู่ด้านหลังตนให้เอาแส้มา...โอดินที่ได้ยินคำว่า
แส้ นั้นถึงกับหน้าซีดและตัวสั่นน้อยๆอย่างช่วยไม่ได้...
“แส้เจ้าค่ะคุณหนู..”สาวใช้ส่งแส้สีเงินที่มีลักษณะคล้ายกับกระดูกให้เด็กสาวก่อนจะคลานกลับไปหมอบต่ำเช่นเดิม..เด็กสาวรับแส้มาถือและลองหวดตัดอากาศดู...ก่อนจะได้ยินเสียงแหวกอากาศเบาๆแต่เรียกเลือดได้ไม่น้อยสำหรับคนที่อยู่ใกล้รัศมีตอนหวดแส้...
โอดินที่เคยสัมผัสแส้นั้นมาแล้วและเคยได้ลิ้มรสความเจ็บยามแส้หวดลงผิวตนเองมาแล้ว...จึงรับรู้ได้ว่าตัวเขาเองนั้นอาจจะต้องเจ็บหนักกว่าคราวที่แล้วแน่ๆ...
“อย่าโทษข้าเลยนะ....ใครใช่ให้แกเกิดมาล่ะ!!!”สิ้นคำพูดของเด็กหญิงเสียงแส้ตัดอากาศกระทบลงกับแผ่นหลังของเด็กชายตัวน้อยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวและเตรียมใจเผื่อไว้เลยแม้แต่น้อย...โอดินสะดุ้งเฮือกก่อนจะร้องลั่นออกมาด้วยความทรมาน..
อ๊ากกกกกกกกกกกกกก!!!!!..เพี๊ยะ!!!!
เสียงร้องของเด็กชายผู้ทรมานและเสียงของแส้ที่แหวกอากาศไปกระทบหลังของเด็กชายตัวน้อย..ดังขึ้นต่อเนื่องราวกับว่ามันจะไม่สิ้นสุดง่ายๆ...แต่ทะว่าเด็กหญิงก็ต้องชะงักมือไปทันใดเมื่อสายตาสบเข้ากับดวงตาสีดำทรงอำนาจและใบหน้าอันแสนคุ้นเคย...
“ท...ท่านพ่อ..”เด็กหญิงเอ่ยขึ้นก่อนจะเผลอปล่อยแส้ในมือลง...หญิงวัยกลางคนได้ยินลูกสาวสุดที่รักเอ่ยเรียกใครก็หันไปมองตามสายตาที่เด็กหญิงจับจ้อง...
“พวกเจ้า...ทำอะไรกัน!!!!”เสียงทรงอำนาจของประมุขประจำบ้านดังขึ้นด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว..สายตาดุจพญาเหยี่ยวจับจ้องไปที่บุตรสาว
ภรรยาและบุตรชายนอกคอกของเขาที่ตอนนี้นอนหมอบอยู่ที่พื้น..แผ่นหลังเปียกชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน..กลิ่นคาวเลือดลอยไปตามลมกระทบเข้ากับจมูกของเซเรซิสที่ยืนอยู่ข้างๆท่านประมุขของปราสาท...
“ท...ท่านพี่...ข..ข้า..”ยังไม่ทันที่หญิงวัยกลางคนจะได้เอ่ยอะไรเพื่อแก้ตัวให้ตนเองและบุตรสาวก็ต้องผงะไปเพราะโดนผู้เป็นสามีพูดขัด..
“อย่ามาแก้ตัว...เจ้าก็รู้ว่าวันนี้เป็นวันอะไร...แล้วทำไมยังมีหน้ามาเกือกกลั้วอยู่ที่นี้!!”ชายร่างแกร่งประมุขปราสาท
ธิวา ปราสาทที่เป็นของต้นตระกูลเก่าแก่แต่ไม่อาจจะเก่าแก่เท่าต้นตระกูล 4 ผู้พิทักษ์..
“วันนี้เรามีแขก...แต่พวกเจ้ายังจะมาทำงามหน้าที่นี้...ชื่อเสียงเจ้าป่นปี้ไปหมดแล้ว..”เขาเอ่ยเสียงเรียบพร้อมกับปรายตามองทุกคนที่เริ่มเข้ามามุงดู..รวมไปถึงเจ้าชายน้อยเซเรซิสว่าที่คู่หมั้นของบุตรสาวเขา...
“ค...คือ..”เด็กสาวเริ่มมองไปรอบๆด้วยความไม่มั่นใจเพราะจริงดังที่บิดาว่า..การที่จะเป็นเจ้าสาวและราชินีได้ต้องได้รับการยอมรับจากทุกคนและต้องมีชื่อเสียงดีงาม....แต่ว่า..นางทำมันป่นปี้หมดแล้ว...
“โฮะๆ....ข้าไม่ยักรู้ว่าสาวงามนั้นอารมส์ร้าย”เสียงยียวนกวนประสาทดังขึ้นพร้อมกับๆการปรากฏกายของเด็กชายผู้หนึ่ง...เขาสบตากับเจ้าชายอันดับ
1
เซเรซิสเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มยียวนไปให้..
“ข้า..เจ้าชายอันดับ 3
ลูเคอัค..มีราชโองการจากกษัตริย์แห่งอาณาจักรใต้พิภพ”เด็กชายวางท่าใหญ่โตพร้อมกับหันไปพยักหน้ากับคนรับใช้ข้างกายให้หยิบบางอย่างออกมาจากพานทองที่ข้ารับใช้อีกคนถืออยู่...
เมื่อทุกๆคนที่อยู่ที่บริเวณนั้นได้ยินคำว่าราชโองการก็ต่างพากันซุบซิบนินทาออกมาเสียงเซ็งแซ่...ประมุขประจำปราสาทคุกเข่ารอรับราชโองการด้วยสีหน้าเคร่งเครียด...
“ยกเลิกการหมั้นหมายระหว่างเจ้าชายอันดับ 1 เซเรซิสและท่านหญิงมิรานน่า...และขอสั่งให้จับกุมเจ้าชายเซเรซิสกลับวังโดยด่วน...หากขัดขืนมีโทษถึงตาย!!!..จบราชโองการ...”สิ้นเสียงประกาศราชโองการ..ก็เกิดความเงียบขึ้นเช่นเดียวกับผู้ถูกเอ่ยนามที่มีสีหน้าแปลกใจกับราชโองการที่ผู้เป็นน้องชายต่างมารดาประกาศ...
“น...น้อมรับร..ราชโองการ..”ประมุขปราสาทธิวาคุกเข่าและโน้มหัวเล็กน้อยเพื่อน้อมรับคำสั่ง...ทหารที่เดินตามองค์ชายอันดับ
3 มานั้นต่างพุ่งเข้าไปจับตัวองค์ชายตัวน้อยที่ยังคงยืนอยู่อย่างสงบ...เซเรซิสไม่ขัดขืนการจับกุม..เขายอมให้นายทหารล่ามโซ่ที่แขนทั้งสองข้างของเขา..และเมื่อเขาสังเกตโซ่ดีๆก็รับรู้ได้เลยว่าโซ่นี้ลงอาคมกักวิญญาณเอาไว้...เพราะอยู่ดีๆร่างกายเขาก็อ่อนแรงลงทันใด...ราวกับว่าพลังกำลังโดนสูบหายไปแถมยังโดนกดพลังวิญญาณอีก..
“น..นายน้อย..”เซบาสเตียน..พ่อบ้านชราตกใจกับใบหน้าที่ซีดเซียวของนายน้อยตนเองแต่ก็ไม่อาจช่วยอะไรเขาได้..จึงทำได้เพียงยอมติดตามเหล่าทหารกับเซเรซิสกลับวัง...
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นละจบล้วนอยู่ในสายตาของสตรีนางหนึ่งที่ยืนหลบมุมอยู่...แสงอาทิตย์เฉิดฉายแสงเข้าไปในมุมเพียงพอให้รับรู้..ว่า...หญิงนางนั้นมีเส้นผมสีแดงเพลิงยาวสยาย
ใบหน้าหวานที่ซูบตอบและหมองคล่ำแต่ก็ไม่ลดความงามลงแม้แต่น้อย..ยิ่งทำให้นางดูน่าสงสารมากกว่าเท่านั้นเอง...
ดวงตาอันว่างเปล่าจับจ้องไปที่เจ้าชายเซเรซิสและขบวนทหารที่จากไปจนลับตาก่อนจะวกกลับมาจดจ้องที่เด็กชายร่างเล็กตัวผอมแห้งที่ยังคงนอนหายใจรวยรินอยู่..บาดแผลที่หลังเขานั้นยังไม่หายดีแต่ได้แผลเพิ่มมาอีกครา...หากไม่รีบรักษามีแต่ตายกับตายเท่านั้น!!!!
******************************************
มีความดอง...จนลืมพล๊อตละ 55555 ไหนในนี้มีลูกใครโผล่ออกมาแล้วบ้างเอ่ย.....
ความคิดเห็น