"....."
"....."
"....."
ภายในห้องเล็กๆไร้ซึ่งเสียงพูดคุยมีร่างเล็กๆจำนวนสามร่างของเด็กชายวัยซนกำลังนั่งทานข้าวปั้นเป็นอาหารกลางวัน
เด็กชายที่มีผมสีขาวกำลังใช้นัยน์ตาสีแดงของตัวเองจ้องมองข้าวปั้นที่ถูกกัดไปจนเหลือแค่ครึ่งเดียว
นัยน์ตาสีแดงเลื่อนไปมองร่างที่นั่งข้างๆเจ้าของเรือนผมสีดำออกม่วงกำลังนั่งทับขากัดข้าวปั้นเข้าปากอย่างเงียบๆ
และก็เลื่อนสายกลับมายังเพื่อนอีกคนกำลังจะเปิดประตูออกจากห้องแล้วส่งเสียงเรียก
"ซึระ ข้าวปั้นของแกวันนี้มันไม่หวานเหมือนเมื่อวานนิ ทำแบบนั้นอีกสิ"
เด็กชายที่มัดผมหางม้าหันกลับมามองคนที่เอ่ยปากเรียก
ดวงตากลมโตสีน้ำตาลหรี่มองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ แขนทั้งสองข้างยกขึ้นมาเท้าเอวเอาไว้
"หา? ฉันก็ทำแบบเดิมตลอดนิ ลิ้นแกต่างหากที่เพี้ยน"
จบประโยคเด็กน้อยที่ถูกเรียกว่า ‘ซึระ’ ก็เลื่อนบานประตูให้เปิดออกแล้วเดินออกจากห้องไป
นัยน์ตาสีแดงมองอีกฝ่ายจนลับตาแล้วเลื่อนกลับมามองข้าวปั้นเพียงครึ่งเดียวมือด้วยสายตาครุ่นคิด
ใบหน้าของเด็กชายหันไปมองเพื่อนข้างๆที่ยังคงนั่งทับขากินข้าวปั้นเงียบๆ
"อ่อ....ทากาสุงิเรามาแลกกันเถอะ"
"ไม่ ของแกก็เหมือนกับของฉันนั่นแหละ"
"เพราะเมื่อวานอันที่ฉันกินต่อจากนายมันหวานไง
บางทีนายอาจจะหยิบอันหวานอีกก็ได้"
"พูดบ้าอะไร เฮ้ย"
เด็กชายทากาสุงิหันมาตอบอีกฝ่ายที่เริ่มจะมาระรานเขาแทน
นัยน์ตาสีเขียวมองข้าวปั้นเพียงครึ่งเดียวของอีกฝ่ายที่ถูกยื่นมาจนแทบจะชนเข้ากับหน้าใบหน้านั้น
มือข้างที่ว่างอยู่ของเด็กชายผมขาวเอื้อมมาแย่งข้าวปั้นที่อยู่ในมือตอนเผลอและวางข้าวปั้นของตัวเองลงในมือของอีกคนแทน
หลังเป็นผู้ชนะในศึกข้าวปั้นตัวป่วนของกลุ่มก็กลับมานั่งขัดสมาธิมองข้าวปั้นที่ถือในมือด้วยสายตามีความหวังรอยยิ้มถูกวาดบนใบหน้าและกัดข้าวปั้นก้อนที่แย่งชิงมาได้เคี้ยวตุ่ยๆในปากและกลืนลงพร้อมๆกับหน้าตาเคลือบแคลงใจ
"....อืม.... ไม่หวานแหะ"
"ก็แหงล่ะสิเจ้าบ้า เฮ้ย ทำอะไรของแก"
เจ้าของนัยน์ตาสีแดงบ่นงึมงำกับรสชาติที่ยังไม่ได้ดั่งใจและเพื่อนที่นั่งข้างๆก็หรี่นัยน์ตาสีเขียวของตัวเองมองเจ้าตัวปัญหาที่เอาแต่ใจและพูดด้วยน้ำเสียงอย่างคนหงุดหงิดก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงอุทานอย่างตกใจแทนเมื่อเจ้าปัญหาขยับตัวเข้ามาใกล้แล้วคว้าข้อมือข้างที่ถือข้าวปั้นของเขา
แล้วกัดข้าวปั้นที่เขายังคงถืออยู่เข้าปากไปเคี้ยวอย่างสบายอารมณ์โดยไม่ยอมปล่อยมือที่ยังกุมข้อมือของเขาแน่น
"....แต่อันที่อยู่ในมือของนายก็หวานนี่นา เรามาแลกกันอีกครั้งเถอะ"
น้ำเสียงทะเล้นเอ่ยอารมณ์ดีกับรสชาติข้าวปั้นที่พอใจและเริ่มเรื่องมากขอเปลี่ยนอีกครั้ง
อีกฝ่ายเริ่มขยับตัวออกห่างทันทีที่คนเรื่องมากเริ่มขยับตัวเข้ามาใกล้
มือเล็กกำลังจะส่งข้าวปั้นเข้าปากให้มันหมดๆไปเพื่อตัดปัญหาและจะได้รีบหนีเจ้าบ้าหน้าโง่ที่ยังคงระรานกันไม่เลิก
แต่ก็ยังช้ากว่าอีกคนที่พุ่งเข้ามาคว้าข้อมือข้างที่ถือข้าวปั้นเอาไว้จนเด็กชายทากาสุงิเสียหลักเอนตัวลงไปจนแผ่นหลังเล็กเกือบติดกับพื้นเสื่อทาทามิ
อีกคนก็ยังคงพยายามแย่งข้าวปั้นต่อไปโดยพยายามประคองข้าวปั้นในมือตัวเองไม่ให้หล่น
"ไม่ เฮ้ย หยุดสิฟระ"
เด็กชายทากาสุงิโวยวายและพยายามใช้เท้าถีบคนที่ยังคงพยายามแย่งข้าวปั้นของเขาอย่างเอาเป็นเอาตายแต่คนโง่ก็ยังคงเป็นคนโง่ถีบให้เจ็บยังไงก็รู้สึกเจ็บไม่เป็น
แต่แล้วก็รู้สึกถึงเงาที่อยู่เหนือตัวของเขากับอีกฝ่ายร่างของเด็กชายเรือนผมสีเข้มถูกอุ้มขึ้นและกำปั้นเบาๆก็ถูกทุบลงบนหัวของเด็กที่มีปัญหากับข้าวปั้นจนหน้าคว่ำลงไปกับพื้นเสื่อทาทามิอย่างแรง
“อุ่ก!”
"กินโทกิ อย่ารังแกเพื่อนสิครับ"
น้ำเสียงอ่อนโยนผสมเอือมระอาถูกเอ่ยออกมา
ร่างสูงของชายผมยาวสีน้ำตาลซีดทอดมองลูกศิษย์สุดคนโปรดที่นอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้นข้าวปั้นในมือที่เด็กชายพยายามประคองไว้ไม่ให้หล่นกลายเป็นแค่ซากอารยธรรมที่เละอยู่บนพื้น
"โชโยเซนเซย์"
"นั่งทานดีๆ ไม่แกล้งกันนะครับ อ๊ะผมขอข้าวปั้นก้อนนึงนะ"
ร่างสูงของโชโยหันมายิ้มให้กับลูกศิษย์ในอ้อมแขนที่เอ่ยเรียกชื่อของตนและวางลงบนพื้นเสื่อทาทามิพลางเอ่ยประโยคขออนุญาตที่จะหยิบข้าวปั้นแล้วเดินไปนั่งบริเวณทางเดินรอบห้อง
ตามหลังของร่างสูงก็เป็นเด็กชายซึระที่เดินกลับเข้ารินน้ำชาให้คนเป็นอาจารย์กับตัวเองแล้วยกไปให้อาจารย์ที่นั่งอยู่โดยไม่ลืมหยิบข้าวปั้นของตัวเองไปด้วย
เด็กชายทากาสุงิหันมามองเด็กชายกินโทกิที่ลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิที่มุมห้องสีหน้าเซ็งๆก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างๆแล้วยื่นข้าวปั้นในมือตัวเองที่ยังไม่กินไปหมดไปให้อีกคนที่นั่งหน้างออยู่
"....."
"อะไร?"
เด็กชายกินโทกิหรี่ตามองอีกฝ่ายแล้วพูดด้วยเสียงห้วนๆ
คนที่ยังคงยื่นข้าวปั้นให้นั่งชันเข่าแล้วก้มหน้าลงซบกับเข้าของตัวเองพลางตอบกลับด้วยเสียงอู้อี้พร้อมกับใบหูเล็กๆสองข้างที่เริ่มขึ้นสี
"แกกินไปตั้งขนาดนั้นแล้ว ฉันรังเกียจที่จะกินต่อจากแก"
"....."
"....."
รู้สึกร้อนที่หน้าคือสิ่งที่เด็กชายกินโทกิกำลังคิดอยู่ เขาเกาจมูกของตัวเองนิดหน่อยแก้เขินแล้วจับประคองข้อมือของอีกคนขึ้นมากัดข้าวปั้นเข้าปากไปเรื่อยๆ
‘หวาน’
"ทากาสุงิคุงเป็นพวกขี้อายสินะครับ"
"นั่นสินะครับเซนเซย์"
บริเวณทางเดินรอบห้องร่างสองร่างกำลังนั่งทับขากุมถ้วยกระเบื้องที่มีน้ำชาอยู่ด้านในไว้ในมือพูดคุยกันถึงอีกสองชีวิตที่นั่งอยู่ตรงมุมห้องด้านใน
แล้วยกน้ำชาขึ้นดื่มพร้อมกันๆทันทีที่จบประโยคสนทนา
.
.
.
หลายปีต่อมา
เสียงคึกคักครื้นเครงในค่ายของกองทัพเหล่าซามูไรจัดฉลองสำหรับชัยชนะในศึกที่เพิ่งผ่านมาหมาดๆทั้งเครื่องดื่มมึนเมา
ของทานเล่นและข้าวปั้น
"ข้าวปั้นพวกนี้ใช้ได้เลยนะ ใครเป็นคนทำเนี่ย"
เสียงที่มักจะโหวกเหวกเสียงดังอย่าง ‘ซากาโมโต้ ทัตสึมะ’
เอ่ยชมขึ้นกับข้าวปั้นที่อยู่ในมือ
ตามมาด้วยเสียงเอ่ยเห็นด้วยต่างๆนาจากเหล่าซามูไรคนอื่นที่ได้กินข้าวปั้นไส้ต่างๆนาๆ
และแล้วเจ้าของข้าวปั้นระดับภัตตาคารก็ลุกขึ้นยืนโชว์ตัวกอดอกและเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
"หึ ฉันเองแหละ"
"อะไรกันแกเองเหรอซึระ"
"ไม่ใช่ซึระ คาซึระต่างหาก"
"อ๊ากก ทำไมทำกับฉันแบบนี้ล่ะ พวกนายว่างั้นมั้ย"
หลังจากเสียงพูดโอ้อวดตัวเองของ ‘คาซึระ’ และเสียงกับสีหน้าผิดหวังของ ‘ซากาโมโต้’ ข้าวปั้นในมือของร่างสูงของซากาโมโต้ก็ถูกร่างโปร่งแย่งไปแล้วปาใส่หัวฟูๆสีน้ำตาลเข้มนั่นจนเละเทะเต็มหัวตามมาด้วยเสียงหัวเราะจากคนอื่นๆในห้อง
จนคนที่โตแต่ตัวสมองยังปัญญาอ่อนต้องหันไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนอีกสองคนที่ยังคงนั่งกินข้าวปั้นเงียบๆอยู่มุมห้อง
"....."
"....."
"ซึระ ไอ้บรรยากาศหวานแหววนั่นมันอะไรฟระซึระ"
"....อ่อเรื่องปกตินะ"
"...ปกติ?..."
ทั้งห้องตกอยู่ในสภาวะเงียบกริบเมื่อหันไปมองคนสองคนที่สร้างโลกส่วนตัวกำลังนั่งหันหลังป้อนข้าวปั้นกันอยู่อย่างไม่แคร์มนุษย์ร่วมห้องคนอื่น
ซากาโมโต้หันไปกระซิบกระซาบกับท่าทางแปลกประหลาดหาดูได้ยากระหว่างกินโทกิกับทากาสุงิ
กินโทกิเลิกสนใจข้าวปั้นในมือเล็กของอีกคนที่ถือให้เขากิน
นัยน์ตาสีแดงจ้องมองใบหน้าของอีกคนที่เอาแต่กัดข้าวปั้นเข้าปากอย่างช้าๆ
จนอีกฝ่ายรู้สึกตัวต้องหันหน้ากลับมามองโดยที่มือเล็กยังแนบข้าวปั้นไว้กับปากอยู่
"....."
"...มีอะไร"
"มีข้าวติดหน้านาย"
จบประโยคมือเล็กวางข้าวปั้นของตัวเองลงบนจานข้างๆตัวแล้วยกมือมาเพื่อเช็ดข้าวที่ติดอยู่บนหน้าแต่มือใหญ่ของอีกคนก็คว้าข้อมือทั้งสองข้างเอาไว้ทั้งข้างที่ว่างป่าวและข้างที่ถือข้าวปั้นของร่างข้างๆเอาไว้
นัยน์ตาสีเขียวเบิกกว้างขึ้นเมื่อใบหน้าของอีกคนเข้ามาใกล้ นัยน์ตาสีแดงสบเข้ากับนัยน์ตาสีเขียว
ก่อนจะเลียบริเวณที่มีข้าวติดบนหน้าของทากาสุงิพลางกดจูบเบาๆทับ
จนร่างที่โดนจับไว้ตกใจจนนัยน์ตาเบิกกว้าง
ไม่ใช่แค่ทากาสุงิที่ตกใจกับการกระทำนั้นแต่มนุษย์ร่วมห้องคนอื่นก็ช็อคแรงกับท่าทางรุกหนักของกินโทกิ
จะมีก็แต่คาซึระที่นั่งจิบสาเกไม่สนใจสภาวะหยุดนิ่งในห้องกับซากาโมโต้ที่เลิกสนใจเรื่องหยุมหยิมไปแล้ว
"...อ่ะ!"
"ข้าวตรงนี้หวานกว่าในมือนายอีก"
"อ่ะ...."
"....."
เสียงข้าวปั้นถูกปาจนเละใส่ใบหน้าไม่รู้ไม่ชี้ของกินโทกิกับฝ่าเท้าเล็กๆงามๆที่ทาบลงกับหัวยุ่งๆสีขาวจนใบหน้านั่นแนบไปกับพื้น
"...อุ่ก..."
"ทำบ้าอะไรของแกเนี่ยเจ้าโง่"
"...อั่ก..."
เสียงอุทานที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดตามมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดของร่างที่ยังคงเอาเท้าเหยียบหัวสีขาวเอาไว้อยู่และใช้เท้าข้างที่เหยียบหัวร่างที่นอนจูบพื้นอยู่เตะเสยคางอีกฝ่ายแล้วเดินกระทืบเท้าปึงปังออกจากห้องไป
สมาชิกคนอื่นในห้องต่างก็เข้าสู่กิจกรรมสังสรรค์ต่อราวกับว่าเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิด
กินโทกิยันตัวลุกขึ้นเดินไปนั่งกับคาซึระและซากาโมโต้แทน และใช้มือคว้าเอาจอกสาเกในมือคาซึระขึ้นมาจิบแทน
"นี่พวกนายฉันทำอะไรผิดฟระ"
"กินโทกิ นายมันโง่ๆจริงๆนั่นแหละ"
"ทากาสุงิมันก็แค่เขินเท่านั้น เดี๋ยวหายเขินแล้วก็กลับมา
อย่าเครียดไปเลยคินโทกิ"
"ใครคือคินโทกิฟระ ไอ้บ้านี่"
กินโทกิยกจอกสาเกค้างไว้ที่ปาก คิ้วขมวดเข้าหากันราวกับคนใช้ความคิดแล้วก็หน้าแดงขึ้นมาดื้อๆเมื่อคิดว่าร่างที่ทำร้ายร่างกายเขาและเดินหนีไปนั้นทำไมไม่ว่าจะกินอะไรจากมือเล็กๆนั่นถึงหวาน
เป็นรสหวานที่ขาดไม่ได้
'ปากหมอนั่นทั้งเล็กและก็สวย น่าจะนุ่มด้วย
มันจะหวานเหมือนข้าวที่ติดอยู่ตรงมุมปากมั้ยนะ'
.
.
.
"คุณกิน ทานข้าวปั้นด้วยกันสิครับเมื่อกี้คุณโอโทเซะเอามาฝาก"
"โอ้.."
เสียงเอ่ยทักเขาทันทีที่เขาเปิดประตูบ้านเข้ามา
ก็เจอกับเจ้าแว่นจืดจาง ‘ชิมูระ ชินปาจิ’ ที่เอ่ยชวนเขาให้กินข้าวปั้นที่ป้าแก่ข้างล่างเอามาให้
เขาตอบรับแล้วหยิบข้าวปั้นขึ้นมา
นัยน์ตาสีแดงจับจ้องไปที่ข้าวปั้นที่อยู่ในมือราวกับว่ามันจะกลายร่างได้
"ถ้าลื้อม่ายกินก็ส่งมันมาห้ายอั๊วซะสิ"
"เฮ้ย อย่าแย่งของฉันสิฟระ ไม่ให้หรอกเฟ้ย"
เสียงเหน่อๆเอ่ยดึงสติ มือเล็กๆขาวซีดของสาวน้อยเผ่ายาโตะ
‘คางุระ’ เอื้อมมาหมายจะแย่งข้าวปั้นในมือของกินโทกิ ร่างสูงใช้มือข้างที่ว่างยันใบหน้าของเด็กสาวแล้วรีบกินข้าวปั้นจนหมด
'บ้าเอ๊ย ยังไงข้าวปั้นที่เจ้านั่นเป็นคนถือก็อร่อยที่สุดนั่นแหละ'
.
.
"ท่านชินสุเกะกลับมาแล้วเหรอค่ะ"
"....."
"มาทานข้าวปั้นด้วยกันสิขอรับ"
"....."
ทันทีร่างของทากาสุงิเดินเข้ามาภายในห้องพักบนยานรบของกองทหารอสุราก็มีเสียงใสของสาวกะโปโล
‘คิจิมะ มาทาโกะ’
เอ่ยทักทาย
ร่างเล็กเลือกที่จะเมินใส่ไม่สนใจแต่ก็มีเสียงของลูกน้องคนสนิทอย่าง ‘คาวาคามิ บันไซ’
เอ่ยชวนกินข้าวปั้นโดยยื่นถาดข้าวปั้นมาให้
มือเล็กหยิบข้าวปั้นขึ้นมาและกัดคำเล็กอยู่ๆก็รู้สึกร้อนวูบวาบที่ใบหน้า
"...ไม่สบายหรือขอรับ หน้าแดงๆ"
"...ป่าว แค่คิดถึงเรื่องสมัยก่อน"
"รักแรกสินะครับ"
เสียงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงจากลูกน้องคนสนิท
ทำให้เขาตอบแบบไม่ใส่เท่าไหร่ แต่ก็ยังไม่วายมีเสียง แซวจากเสนาธิการของกองทหารอสุราผู้เป็นมันสมองของกลุ่ม
‘ทาเคจิ เฮนเพตะ’ จนเผลอสำลักข้าวทำให้ไอออกมา
"..แค่กๆ"
"รุ่นพี่พูดอะไรเนี่ย น้ำค่ะท่านชินสุเกะ"
เสียงใสๆออกแนวขุ่นมัวของสาวสวยเพียงคนเดียวในกลุ่มเอ่ยขัด แล้วส่งแก้วน้ำสะอาดมาให้เขาดื่ม
มือเล็กส่งแก้วน้ำคืนให้อีกฝ่ายแล้วจ้องข้าวปั้นที่เหลืออยู่ใน
'รักแรกเหรอ? ก็แค่คนบ้าที่ต้องคอยป้อนข้าวเท่านั้นแหละ'
คุณกินรุกแรง เหมือนตอดเอาทีละนิดๆจนกลายเป็นความเคยชินกลายเป็นความทรงจำฝังแน่นระหว่างเราสอง >3<
น่ารักเหลือเกินๆ ทากะซังยังจำเรื่องนี้ได้แสดงว่ายังมีความรู้สึกดีๆหลงเหลืออยู่ใช่มั้ยคะ?
พอคิดมาถึงตรงนี้มันก็จะหน่วงหน่อยๆเพราะมันเป็นเพียงอดีตอันหอมหวานเท่านั้น กุซิก//เพ้อแล้ว
ขอบคุณที่แต่งฟิคดีๆมาให้เสพนะคะ จริงๆอยากอ่านคามุยทากะแต่หาในไทยไม่เจอเลยพี่น้อง เศร้า
ดีที่ชิพกินทากะด้วย555 ถ้ามีโอกาส ก็ผลิตฟิคดีๆแบบนี้ออกมาอีกนะคะ ≧﹏≦
ดีใจที่ชอบฟิคเรื่องนี้
ส่วนเรื่องใหม่ก็จะตั้งใจพยายามลงให้บ่อยๆจนจบค่ะ
เป็นกำลังใจให้น้า สู้ๆ
ไรท์ชอบคู่นี้มากๆเหมือนกัน วางแผนจะลงเรื่องใหม่เร็วนี้ค่ะ
ฝากติดตามด้วยนะคะ
อ่านไปเขินไปอร๊ายยยยยยยยยยว
(กัดหมอนขาดซะแล้ว)
ขอบคุณที่ชอบฟิคเรื่องนี้นะค่ะ