ประสบการณ์ครั้งแรกตอนอายุสิบกว่าขวบ ตอนนั้นยังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ห้า จำได้ว่าเป็นวันกีฬาสีของโรงเรียน ฉันเด็กสาวตัวอ้วนกลมผู้ซึ่งไม่ได้มีความโดดเด่นหรือเป็นที่สะดุดตาของใครต่อใคร ไม่ได้เป็นลูกหลานของคุณครูคนไหนๆ ไม่ได้เป็นลูกของคนใดคนหนึ่งที่คอยบริจาคสิ่งใดให้กับโรงเรียน แต่เป็นแค่ลูกหลานของคนที่เดินสายขายเครื่องสำอางค์ให้กับบรรดาคุณครูในโรงเรียนแค่นั้นที่ใครๆรู้จัก แต่ก็ยังสามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในขบวนพาเหรดอันทรงเกียรติของโรงเรียนนี้ได้อย่างงงๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยคิดฝันมาก่อน มันเป็นขบวนพาเหรดที่จะต้องเดินแห่ไปตามทาง เริ่มจากปากทางเข้าซอยโรงเรียนเรื่อยไปผ่านกลางซอยจนไปถึงท้ายซอย แล้วก็เดินย้อนกลับมาตรงกลางซอยอีกครั้งเพราะโรงเรียนตั้งอยู่ตรงนั้นพอดิบพอดี ฉันไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจเพราะมันเป็นขบวนที่ไม่ธรรมดา เริ่มตั้งแต่เสื้อผ้าที่สวมใส่ในการเดินไม่รู้จะเรียกว่าสวยงามหรือไม่ มันเป็นชุดฮาวายที่มีหนึ่งชิ้นสำหรับพันรอบอก หรือที่สมัยนี้เรียกว่าเกาะอก อีกชิ้นคือผ้าถุงแต่มันก็ไม่ใช่ผ้าถุงธรรมดานะ มันเป็นผ้าที่สามารถปิดบังได้แค่ขาข้างเดียว ไม่รู้ว่าคนทำเขาคิดอะไรอยู่ในระหว่างการตัดหรือเปล่า หรืออาจจะเป็นเพราะว่าผ้าหมดพอดีถ้าจะเย็บให้เป็นถุงก็คงจะแคบเกินไปกลัวจะใส่เดินไม่ได้ก็เลยตัดให้มันเป็นทรงสามเหลี่ยม จากสี่เหลี่ยมแคบๆยาวๆก็กลายมาเป็นสามเหลี่ยมสั้นๆปิดขาข้างเดียวและเหลือมาปิดตรงส่วนนั้นได้มิดพอดีทั้งหน้าและหลัง แต่มันก็ยังเหลือขาอีกข้าง ไม่ธรรมดาจริงๆ ฉันยังต้องใส่พวงมาลัยที่ไม่ใช่พวงมาลัยกล้วยไม้ที่เขาใส่กัน แต่มันคือพวงมาลัยดอกมะลิที่มีอุบะสามขา ซึ่งฉันจะต้องสวมมันที่ข้อมือทั้งสองข้าง แต่ก็ยังโชคดีที่ไม่มีที่ขา คอและที่หัว โชคดีจริงๆแค่แอบมีดอกชบาสีแดงดอกใหญ่ทัดไว้ข้างหู ทำไมต้องมีดอกชบาสีแดงนะ อ๋อก็ที่โรงเรียนของฉันปลูกไว้นี่ ไม่ว่าใครมาเรียนจะกี่รุ่นต่อกี่รุ่นก็จะได้เห็นดอกชบาสีแดงที่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะอยู่ได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มันถูกตัด ตอน ทาบกิ่งในวิชาเกษตรมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ก็พึ่งมารู้ตอนรุ่นฉันนี่แหละว่าถึงมันจะโดนตัด ตอน ทาบกิ่งเอาเก็บกลับไปบ้านมามากแล้วก็เถอะ แต่พอมันงอกออกรากออกมา ก็ยังต้องเอากลับไปส่งครูเพื่อลงคะแนนว่าผ่านหรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ผ่านนะ แล้วก็ลงปลูกไว้ต่อที่โรงเรียนนั่นแหละมันก็เลยยังอยู่ตราบนานเท่านานเท่าที่ยังมีวิชาการเกษตรอยู่นั่นเองมาดูขบวนพาเหรดกันต่อ การเดินนี่ก็ไม่ธรรมดานะถ้าเป็นที่อื่นก็คงจะเดินแล้วก็เดินตรงไปตามทาง แต่ขบวนนี้ไม่ใช่ พอเพลงขึ้นฉันก็ต้องยกแขนขึ้นมาให้ศอกตั้งฉากแล้วควงมือเป็นวงพร้อมกันทั้งสองข้างทำอย่างนั้นไปเรื่อยๆทีนี้พอแขนกับมือไปแล้วเอวและสะโพกจะช้าอยู่ไม่ได้ก็ต้องส่ายไปพร้อมกับขาก็ก้าวเดิน เดินไปส่ายไปอยู่อย่างนั้นตามทางที่ส่วนใหญ่จะเป็นหน้าบ้านของคนที่อยู่ในซอยนั้นท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุ สายตาผู้คนที่ยืนดูอยู่มันก็ช่างไม่ธรรมดาเลย หลังเสร็จจากเดินขบวนพาเหรดเข้าไปภายในโรงเรียน ก็ได้เวลาของการแข่งกีฬาสีแต่ฉันไม่ได้ลงแข่งอะไรหรอกนะเพราะหลังจากที่คุณครูได้ดูฉันส่ายไปมาในขบวนจึงตัดสินใจเดินมาถาม ว่าฉันอยากเต้นเชียร์ด้วยหรือไม่ ฉันตอบตกลงเพราะเห็นชุดเชียร์กีฬามันดูสวยดีมีกระโปรงบานเป็นชั้นๆ สวมถุงมือ ถุงน่อง รองท้าส้นสูง แถมยังได้ใส่หมวกสีสวยๆกันแดดอีกต่างหาก ฉันอยากใส่มากแต่ความคิดก็หยุดลงปั๊บเมื่อได้ยินเสียงครูสั่งให้เต้นเลย ฉันถามครูซื่อๆว่าไม่ต้องเปลี่ยนชุดก่อนเหรอ คุณครูบอกว่านี่แหละชุดเชียร์ของฉันให้เต้นได้เลย ฉันก็เต้นตามครู จนถึงพักกลางวัน ฉันนั่งทานข้าวอย่างงงๆไม่เข้าใจว่าทำไมฉันต้องแตกต่างจากคนอื่นด้วยนะ จนคุณครูมาบอกว่าที่ต้องใส่ชุดนี้เต้นมันจะเป็นจุดสนใจให้กรรมการได้เห็น เพราะเสร็จจากการแข่งขันกีฬาจะมีการมอบรางวัลให้กับกองเชียร์ดีเด่นทีมเต้นดีเลิศ ด้วยความที่เป็นเด็ก ได้ยินคำว่าเด่นแล้วยังเป็นเลิศอีก เด็กธรรมดาอย่างฉันก็ตอบครูไปว่าสู้ตายค่ะ รีบกินข้าวแล้วรีบไปเต้นสุดฤทธิ์เท่าที่เด็กจะทำได้ สิ้นสุดการแข่งขันผลการตัดสินก็มา กรรมการประกาศให้รางวัลกองเชียร์ดีเด่นทีมเต้นชนะเลิศได้แก่ สีส้ม! แล้วก็ดีใจกันถ้วนหน้าแต่ทว่า ฉันมันอยู่สีฟ้านี่นา โอ้..มันเป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่คุ้มค่าทุกนาที ฉันรักโรงเรียนที่ไม่ธรรมดาโรงเรียนนี้จริงๆ...
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น