The Princess and The Knight
...เจ้าคือคนที่ข้ารักที่สุด.... ผูกพันที่สุดเเละเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด เจ้าได้สอนบทเรียนที่ควรค่าเเก่การเรียนรู้ที่สุดให้ข้า....(เเฟนตาซี+รักเศร้าๆ) เรื่องเเรกขอลอนๆ ลองเข้ามาอ่านดู เม้นต์ด้วย งุงิ^^
ผู้เข้าชมรวม
288
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ก่อนอื่นก็ขอสวัสดีทุกคนค่ะ ทั้งที่รู้จักเเละไม่รู้จักเรา
เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นเรื่องเเรกในชีวิต ที่มีพล๊อตมาจาก"ความต่าง"เเละสะท้อนเเนวคิดอะไรหลายๆอย่างออกมา ตอนเเรกเเต่งเนื่องในวันวาเลนไทน์เเต่เเต่งไม่ทน เเต่ก็เสียดาย เอามารีไรท์อีกเเละลง
อาจน้ำเน่าในสายตาหลายคนค่ะ พยายามจะสื่อถึงเจตนาการเขียนของเราเเล้วกัน เรื่องรักๆใคร่ๆเรื่องเเรกในชีวิต ปกติเเต่งเเฟนตาซีตลอด^^
เม้นต์วิจารย์ได้ค่ะ
****************************************************************
เรื่องๆนี้ มันเกิดขึ้น อย่างรวดเร็วและฉับพลันเหลือเกิน
จนฉัน
ผู้ซึ่งหนีความจริงมาตลอด
ผู้ซึ่งคิดว่าทุกสิ่งไม่อาจเป็นไปได้
ต้องเจ็บปวดกับความจริงที่ต้องทำใจรับ เมื่อ เขา จากไป
..
“เชรียา”
เสียงสุดท้ายที่เขาขานชื่อเธอก้องกังวาลไปทั่วโสตประสาท แม้นมีคนเฝ้ามองเหตุการณ์มากมายหากแต่คงมีเธอเพียงผู้เดียวที่รู้สึก
เจ็บปวด ยิ่งนัก
เจ็บปวด ที่สุด
“หากเจ้าไม่อยู่แล้ว ผู้ใดเล่าจะคอยตามตื้อข้าอีก
***************************************************************
“เชรียา รอก่อน!!!”เสียงเรียกของเด็กหนุ่มตัวน้อยดังขึ้น พลันวิ่งไปหาหญิงสาวที่ตนเรียกแม้นเนื้อตัวจะสกปรกไปด้วยดินโคลนแสนสกปรก สิ่งที่อยู่ในมือที่กำแน่น คือ บุปผาสีขาวบริสุทธิ์ไว้อย่างแน่นหนา เหตุเพราะกลัวว่ามันจะโรยราหรือพัดปลิวหนีไป
“อาร์เรียส!!!”เด็กสาวร่างน้อยเจ้าของเรือนผมสีฟ้าร้องขึ้นอย่างฉงนเมื่อได้ยินเสียงเรียกของเด็กชายหากแต่มีรอยยิ้มกว้างปรากฏบนหน้ามอบให้อย่างอ่อนโยนก่อนพยายามจะลงจากรถม้าให้ได้หากแต่ไม่เป็นผลเมื่อแม่นมของหล่อนส่งสายตาเป็นเชิงปรามมาที่หล่อนก่อนที่จะจับเด็กสาวตัวน้อยให้นั่งอยู่เฉยๆบนรถและเดินลงไปแทน
“อาร์เรียส ”หญิงสาวพูดพลางมองเด็กชายตัวสกปรกเบื้องหน้าด้วยสายตาดูแคลนตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าก่อนถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้า มีธุระอะไรกับท่านเชรียารึ?”
“อะ เอ่อ ผมอยากเอานี่มาให้เชรียาครับ”เด็กชายตอบอย่างใสซื่อพลางยื่นดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ให้หล่อนดูหากแต่หล่อนกลับส่งสายตาตำหนิให้เด็กชายแทนคำตอบ
“เจ้า!!!...”หญิงสาวกำลังจะตวาดแต่จังหวะนั้นเอง หน้าต่างของรถม้ากก็ถูกเปิดออก เด็กสาวนามเชรียารีบส่งมือน้อยมารับดอกไม้จากสหายทันเวลาพอดี
“ขอบใจเจ้ามากนะ เราจะเก็บดอกไม้นี้ไว้อย่างดีเลย อาร์เรียส”เด็กสาวตอบพลางส่งยิ้มอันแสนบริสุทธิ์ให้เด็กหนุ่มที่ตกหลุมรักหล่อนเข้าเต็มปาอีกครั้งหนึ่ง ในมือน้อยจับดอกไม้ที่ได้รับไว้อย่างถนุถนอม ก่อนที่แม่นมจะรีบจัดการขึ้นรถม้าและรีบเดินทางออกไป
***************************************************************
“เฮือก!!!”เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นพลันสะดุ้งตัวขึ้นมา เขาปาดเหงื่อเล็กน้อย พลางยิ้มให้ตัวเองเบาๆ นี่มันคือเวลาเข้าเฝ้าเวรยามแล้วสินะ เขาคิดพลางลุกจากที่นอนก่อนเดินไปเปิดหน้าต่างให้ลมเข้ามาภายในห้อง
แสงตะวันยามเช้าเผยให้เห็นชายหนุ่มรูปร่างสัดทัด ได้สัดส่วน ใบหน้าได้รูป คมคาย ดวงตาที่สีนิลฉายแววอ่อนใจยิ่งนักในขณะที่มือได้แต่จับผมสีน้ำตาลระต้นคอที่ยุ่งๆอยู่ให้เป็นทรง พลางถอนหายใจในขณะที่สวมเครื่องแบบสีน้ำเงินเข้มก่อนใช้ผ้าสีขาวรัดหน้าผาก
อีกแล้วสินะ
เชรียา เจ้าจะรู้บ้างไหม?
ว่าข้า คิดถึงเจ้าเพียงไร ?
นับตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเจ้า
..ข้ามิเคยลืมสิ่งใดเลย
..เชรียา!!!
“เชรียา เชรียา ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า?”เสียงของชายชราดังขึ้น ปลุกเด็กสาวให้ตื่นขึ้นจากภวังค์
“ หา เปล่าเพคะ ลูกไม่ได้เป็นอะไร เพียงแต่ ”บุตรีของชายชรากล่าวตอบพลางจับเรือนผมสีฟ้าที่ถูกมัดครึ่งหัวอย่างเบาๆ
“เพียงแต่อะไรเหรอลูก”ชายชราทวนถามเบาๆอย่างฉงน
“เพียงแต่เหมือนมีใครเรียกลูกน่ะเพคะ คงจะหูฝาดไปเอง”เด็กสาวพูดอย่างติดใจพลางส่งยิ้มบางๆให้ผู้เป็นพ่อ
“เจ้าคงจะเหนื่อยกับการประชุมมากไปน่ะสิ เรื่องงานพักไว้ก่อนเถอะ ไปพักผ่อนซะ เหลือแต่เรื่องการปรับเปลี่ยนภาษีอากรประชาชนเท่านั้น ”ชายชรามองเด็กสาวด้วยสายตาห่วงใยอย่างคนเป็นพ่อพลางตบหัวลูกสาวเบาๆ
“แต่ เสด็จพ่อ ลูกยังไหว”เด็กสาวค้านขึ้นหากแต่คำตอบที่ได้รับกลับเป็นสายตาจากคนเป็นพ่อค้านกลับมา
“บอกให้ไปพักก็ไปพักสิ เชรียา พ่อเป็นกษัตริย์นะ เรื่องแค่นี้ทำไมพ่อจะตัดสินใจไม่ได้”เขาพูดกับเด็กสาวอีกครั้งหนึ่งพลางตบลงบนบ่าอย่างเป็นกันเอง
“งั้นก็ได้เพคะ”เด็กสาวพูดขึ้นอย่าอ่อนใจ หล่อนรู้จักพ่อของหล่อนดี ยื้อไปก็เท่านั้น เชรียารีบเก็บเอกสารอย่างลวกๆก่อนเดินออกจากห้องไปอย่างเหนื่อยๆเธอเองก็ปฎิเสธไม่ได้ว่า ตัวเองเหนื่อยกับการประชุมที่มีติดต่อกันสามวัน วันละหลายๆชั่วโมง แม้จะมีเวลาพักในยามราตรีก็ตาม แต่เธอเองก็ต้องใช้เวลาศึกษาเอกสารอย่างละเอียดแทบทั้งคืน
“องค์หญิง ทรงต้องการอะไรไหมเพคะ”นางกำนัลถามขึ้นเมื่อเห็นนายของตนเดินออกมา
“อืม ข้าอยากอาบน้ำมากเลย เจ้าช่วยไปเตรียมน้ำเย็นให้ข้าหน่อย เอาน้ำเย็นนะ ไม่ใช่น้ำอุ่น แล้วเจ้าช่วยไปสั่งที่ห้องเครื่องให้ด้วยว่า ข้าอยากรับประทานอาหารที่ออกจะมีรสชาติแรงๆ ข้าเหนื่อยเหลือเกิน อยากมีเรี่ยวมีแรงเสียหน่อย”เด็กสาวสั่งการนางกำนัลรวดเดียวจบเล่นเอานางกำนัลผู้ถูกสั่งมึนหัว กลัวจะจำคำสั่งไม่ถูกและเดินออกไปทันที
เด็กสาวเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงระเบียงที่เห็นทัศนียภาพทั้งหมดของประเทศของเจ้าหล่อน เด็กสาวยิ้มเล็กน้อย อากาศยังคงดีเหมือนเดิมอาจเพราะเป็นเมืองชายทะเล โดยไม่รู้ตัว เอกสารขอเจ้าหล่อนค่อยๆปลิวว่อนไปทีละใบ
“ว้ายย!!!”เชรียาอุทานขึ้นเมื่อเห็นสภาพของเอกสาร หล่อนกระวีกระวาดจัด แต่ดูเหมือนจะยิ่งปลิวเยอะขึ้น เธอร้องโวยวายอย่างไม่สบอารมณ์พลันแต่เพียงชั่วพริบตาเดียว เอกสารทั้งหมดก็ถูกรวบรวมด้วยฝีมือของใครบางคน
“นี่ขอรับ องค์หญิงเชรียา”เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น เสียงทุ้มต่ำที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของชายชาตรี เสียงที่ทำให้หัวใจเจ้าหล่อนเต้นระส่ำไปด้วยความตกใจ ความยินดี และความสับสน หล่อนค่อยๆปรับสีหน้าให้เฉยชาและเงยหน้าขึ้น และคนที่เธอพบก็ไม่ผิดจากที่เธอคาดการณ์ไว้เลย
“ขอบใจ อาร์เรียส”หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแข็งกระด้างพลันดึงเอกสารกลับไปทันทีและเดินต่อไปด้วยท่าทีห่างเหิน โดยไม่รู้ถึงความเจ็บปวดของนายทหารเบื้องหลังเลย แม้แต่น้อย
ใช่
ฉันทำถูกแล้ว
ฉัน..กับ..เขา เราไม่ได้มีอะไรกันทั้งนั้น
ใช่ .
เราไม่มีทางไปด้วยกันได้ ต่อให้รักกันแค่ไหน
ถูกแล้ว
ถึงเราจะเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเด็ก แต่ฐานันศักดิ์เราก็ต่างกันราวฟ้ากับดิน เราไม่มีทางที่จะเดินร่วมทางกันได้
เพราะว่า ใช่แล้ว . ฉันเกลียดเขา .. เกลียดมาก ..ใช่ .. ได้ยินไหมอาร์เรียส เจ้าได้ยินไหม เจ้ากับอาร์เรียสเกลียดกัน เกลียดกันจนแค่มองหน้ากันยังไม่ได้เลย ใช่ .ไม่มีวัน ไม่มีวัน ไม่มีวันที่ฉันจะไม่มีวันรักเขาเด็ดขาด!!!
*****************************************************************
“เจ้าว่าอะไรนะ องค์ชายแห่งแคว้นนั้นต้องการเจริญสัมพันธไมตรีกับแคว้าของเราด้วย ”กษัตริย์ผู้ชราภาพมากแล้วพูดขึ้นอย่างตกใจ
“ขอรับท่าน เขาต้องการเจริญสัมพันธไมตรีกับเราด้วยการอภิเษกสมรสกับองค์หญิงเชรียา”เสนาขวาพูดขึ้นเพื่อย้ำเน้นสิ่งสำคัญ ซึ่งได้แต่ทำให้กษัตริย์ผู้เกรียงไกรเบื้องหน้าล้มลงบนเก้าอี้ทันที
“เจ้าคิดว่า ข้าควรทำอย่างไรดี”ชายชราถามขึ้นอีกครั้ง ซึ่งดูเหมือนเสนาขวาก็พอจะคิดถึงคำตอบไว้บ้างแล้ว
“ตามความคิดเห็นของหม่อมฉัน การเจริญสัมพันธไมตรีครั้งนี้ถือว่าเป็นการดี องค์หญิงเชรียาและองค์ชายโจนิสก็รู้จักกันมานานแต่ตั้งองค์หญิงยังทรงเยาว์วัย องค์ชายโจนิสมีความรู้ ความเก่งกาจทั้งด้านการปกครองาและการทหาร ทั้งยังส่งผลดีกับเราอีกด้วย แต่หม่อมฉันก็กลัวจะมีแผนซ้อน คือ พวกเขาอาจต้องการยึดแคว้นของเรา ดังนั้น ควรตราบัญญัติเงียบๆให้องค์หญิงเชรียามีสิทธิการขึ้นครองราชย์โดยชอบธรรมแต่ผู้เดียว”
********************************************************************
“องค์หญิง เครื่องเสวยมาแล้วเพคะ”นางกำนัลพูดขึ้นพลางยกเครื่องเสวยมาวาง เชรียาจึงรีบเดินออกมา จากห้องน้ำ เปกติเจ้าหล่อนก็เป็นคนที่มีความงามเลื่องชื่ออยู่แล้ว แต่วันนี้ออกจะดูดีและสวยเป็นพิเศษ อาจเนื่องจากเจ้าหล่อนได้ชำระกายอย่างสะอาด บัดนี้เชรียาอยู่ในชุดประโปรงสีขาวแขนสามส่วนกำลังพอดีตัว เรือนผมสีฟ้าถูกรวบเกบขึ้นไปหมดเหลือแต่เพียงผมม้าซอยปัดข้างคลอเคลียใบหน้าพองาม ดูลำลอง แต่เรียบร้อยและเหมาะสมกับฐานะ
“ขอบใจเจ้ามากนะ เดี๋ยวข้าอยากรับประทานคนเดียว เดี๋ยวเสร็จจะเรียกเองนะ”เด็กสาวพูดจบ นางกำนัลจึงรีบก้มหัวและเดินออกไป พลันเด็กสาวรีบออกไปเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท ห้องของเชรียาเป็นห้องที่มีระเบียงกว้าง ที่สำคัญติดและหันหน้าเข้าทะเลพอดี ก่อนนึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว
==============================================
“เชรียา เชรียา รอข้าด้วยสิ”เสียงของเด็กชายเจ้าของผมสีน้ำตาลดังขึ้นพลางวิ่งไล่ตามเด็กสาวซึ่งบัดนี้เริ่มที่จะปีนขึ้นไปบนก้อนหินยักษ์
“ฮ่าฮ่า เจ้าก็ตามเราชึ้นมาสิ”เด็กสาวท้าพลางปีนขึ้นไปบนหินที่ทั้งสูงและชันมากขึ้นเรื่อยๆ
“เชรียา มันอันตรายนะ ลงมาเถอะ มันอันตรายยยยย”อาร์เรียสร้องขึ้นเมื่อเห็นเด็กสาวปีนขึ้นไป ไม่ทันที่อาร์เรียสจะพูดจบ ร่างของเด็กสาวก็พลันตกลงมา
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด”
ใช่ หลังจากนั้น ข้าก็ตกลงมา และเจ้าก็ช่วยข้าไว้จากเงื้อมมือมัจจุราชได้อย่างเฉียดฉิว หึ แต่เจ้าก็หมดสติไปเลย นึกไปก็ขำนะ เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ ราวกับว่านับแต่นั้นเจ้าก็เป็นเจ้าของชีวิตข้า กำดวงใจดวงเดียวของข้าไว้เสียแล้ว
แต่
จะทำอย่างไรเล่า เมื่อเราไม่มีทางไปด้วยกันได้
ดังนั้น ข้าจึงจำใจต้องเกลียดเจ้า
ต้องต่อต้านเจ้า
ทั้งที่ความจริงมิใช่เช่นนั้นเลย อาร์เรียส
เด็กสาวหลับตาลงอย่างปลงในโชคชะตา ก่อนปิดหน้าต่างและเดินเข้าห้องไป
**********************************************************
“อาร์เรียส เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า เห็นเหม่อตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”เสียงของสหายสนิทของอาร์เรียสร้องทัก เมื่อเห็นอาร์เรียสนั่งทำงานอย่างไม่มีกะจิตกะใจเลยซักนิดเดียว
“หืม ไม่มีอะไรหรอก เรย์”อาร์เรียสตอบ ทั้งๆที่จริงๆแล้วคิดถึงองค์หญิงแห่งประเทศเจ้าของเรือนผมสีฟ้าอยู่ทุกนาที เขากังวล สับสนกับพฤติกรรมต่อต้านที่หญิงสาวพึงมีต่อเขา ทั้งๆที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก
“เจ้า คิดถึงเจ้าหญิงเชรียาอีกแล้วใช่ไหม”เรย์ย้อนถาม เขารู้จักเพื่อนของเขาดี ในเมื่อเป็นเพื่อนกันมานานตั้งแต่ยังเล็กๆ อาร์เรียสชะงักเล็กน้อยแทนคำตอบ
“พูดตรงๆไหม อาร์เรียส เจ้า ไม่คิดจะตัดใจบ้างหรือ”เรย์พูดขึ้น ดูเหมือนจะมีผลตออาร์เรียสไม่น้อย
“เจ้าน่ะ พยายามมาถึงไหนแล้ว เพื่อท่านหญิง ”เรย์พูดก่อนเปรยต่อ “ทั้งที่เจ้าเป็นเพียงสามัญชนธรรมดา แต่เพื่อจะได้เป็นเพื่อน ไม่ใช่สิ ได้พบท่านมากขึ้น ถึงกับกระเสือกกระสนศึกษาวิชาตำรามากมายเพื่อจะสอบเข้าเป็นทหาร จากทหารเจ้าพยายามเพียงไร แค่ไหน ได้เลื่อนยศสูงขึ้นๆจนได้เป็นทหารองค์รักษ์จนบัดนี้”เรย์พูดจบก่อนต้องผงะเมื่อเห็นสีหน้าของสหายที่จ้องมองมาที่เขาก่อนเปรยตอย
“ใช่ เรย์ ข้าค่อยๆเติบโตจากดิน จนบัดนี้ข้าเริ่มลอยขึ้นฟ้ามาบ้าง แต่มันยังไม่พอ ยังไม่พอที่จะยันตัวให้สูงเท่าเชรียา ข้าจะได้รับการส่งชื่อเป็นรองเสนาขวาแล้ว ในไม่ช้านี้ข้าจักต้องสูง สูงขึ้นเรื่อยๆ และสักวันหนึ่ง ”อาร์เรียสประกาศขึ้น ในใจสับสนวุ่นวายยิ่งนัก มือที่เคยอยู่เฉยได้แต่ะทุบลงบนโต๊ะเพื่อระบายอย่างเสียมิได้
“แล้วเขาจะหันมาแลเจ้าเหรอ ท่านเชรียา ทั้งเก่ง ฉลาด ขนาดนั้น เจ้าแน่ใจเหรอ”เรย์ย้อนถาม อดเป็นห่วงเพื่อนที่มีควาทะเยอทะยายสูงเหลือเกินไม่ได้
“ไม่รู้ ข้าไม่อาจล่วงรู้ แต่ข้า ข้า”
เรย์ส่งสายตาเป็นห่วงให้สหายพลางตบไหล่เป็นเชิงให้กำลังใจ นึกไปก็งสงสารเพื่อนยิ่งนัก กลัวว่าสักวันหนึ่ง เพื่อนจะเป็นเหมือนสุภาษิตโบราณที่ว่า “สุนัขเห่าเครื่องบิน” ในใจอยากให้หญิงสาวรู้ถึงความพยายามของเพื่อนแม้เพียงนิดเดียวก็ยังดีก่อนย้อนถามเพื่อนอีกครั้งหึ่ง
“ว่าแต่ เจ้าเคยบอกรักองค์หญิงหรือยัง”
****************************************************************
“อะไรนะ เสด็จพ่อ เจ้าชายโจนิส จริงหรือ ท่านอย่าล้อเล่นลูกสิ”เด็กสาวพูดขึ้นอย่างตกใจพวางมือบนโต๊ะอย่างแรงเป็นผลทำให้เอกสารปลิวว่อนหากแต่ชายชรา หรือ บิดาของหญิงสาวไม่มีท่าทีแปลกใจเลยสักนิดเดียว
“เย็นก่อนเถิด เชรียา ลูกเข้าใจไม่ผิดหรอก องค์รัชาทายาทเห่งแคว้นแมนเจล องค์ชายโจนิสต้องการอภิเษกสมรสกับเจ้าเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างแคว้นของเรา เจ้าเองก็รู้จักกับองค์ชายโจนิสเสียตั้งแต่เด็กมิใช่รึ บางที ”กษัตริย์ตรัสขึ้น หากแต่ราชธิดาดูจะไม่ยอมรับเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ใช่นะท่านพ่อ ลูกไม่ได้รักเขา ถึงจะรู้จักกัน แต่ก็เป็นเพียงแค่คนรู้จักเท่านั้น ลูกไม่มีวันแต่งงานกับเขาเด็ดขาด”เชรียาพูดพลางส่ายหน้าและเดินถอยหลัง ตั้งแต่เล็ก ชารียาเป็นเด็กที่ไม่เคยกลัวอะไร และไม่ยอมแพ้ เด็ดเดี่ยว เด็ดขาด ฉลาด เป็นคุณลักษณะที่กษัตริยาสมควรพึงมี และนี่ก็ป็นครั้งแรกที่ชายชราเพิ่งเคยเห็นลูกสาวที่พระองค์ทรงภาคภูมิใจยิ่งนักแสดงกิริยาเป็นเด็ก ไม่ยอมรับความจริง ไม่ยอมรับสถานการณ์
“เชรียา ใจเย็นก่อน ลูกจะต้องฟังเหตุผลก่อน การเจริญสัมพันธไมตรีจะเป็นการส่งผลดีต่อฝ่ายเราเป็นอย่างมาก เจ้าชายโจนิสน่ะ ฉลาด เก่ง พ่อคิดว่า ”ชายชราพยายามจะอธิบายถึงเหตุแต่กลับโดนบึตรสาวตัดบทกลับ
“ท่านพ่อคิดว่า เขาจะเป็นผู้นำที่ดี รักษาแคว้นของเราสืบไป พ่อ ไม่คิดเหรอ เขาอาจแอบแฝงก็ได้นี่นา เขาอาจอยากครอบครองแค้วนของเรา ถ้าไม่งั้นอยู่ดีๆ เขาจะมาสู่ขอลูกเพื่อสิ่งใด ไอ้เหตุผลแบบนั้น ท่านพ่อก็รู้ มันเป็นเหตุผลที่ออกเกรื่อ”เด็กสาวตอบ หยาดน้ำเริ่มคลอดวงเนตรสีมรกต เจ้าหล่อนหวั่นไหวยิ่งนัก
“เหตุผลของเขา คือเจ้านั่นเองน่ะแหละ เชรียา เครรีอา!!!หยุดพฤติกรรมอันไม่สมเหตุสมผลของเจ้าได้แล้ว”ชายชราตวาดขึ้นเสียงดัง พลางใช้ไม้เท้ากระแทกลงที่พื้นอย่างแรง ก่อนนำมาชี้ไปที่เด็กสาว
“เจ้าคงไม่รู้ตัว เจ้าเป็นรัชทายาทแห่งแค้วแอนโครเมดาของเรา ชื่อเสียงของเจ้า นอกจากจะเรื่องของความงามที่ยากหาใครเทียบ ยังฉลาด เก่งกล้า ทั้งด้านเศรษฐกิจ ทหาร ปกครอง รวมถึงความรอบรู้และความวิริยะ ใครได้เจ้าไปครองคู่ก็เหมือนได้อัญมณีชั้นดีไปช่วยเขาน่ะแหละ เจ้ารู้ตัวบ้างไหม ชารียา เมื่อเจ้าเกิดมาเป็นวงศานุวงศ์ แล้วไซร้ จักต้องรู้จักเสียสละให้มาก จงเก็บเรื่องนี้ไปคิดเสียดีๆ คิดให้ละเอียด มองการณ์ให้ไกล ดูประโยชน์ที่เราจะได้รับ เมื่อนั้นเจ้าจะเข้าใจพ่อ”ชายชราตวาดใส่เด็กสาวรวดเดียวจบก่อนที่เด็กสาวจะผลักประตูออกจากห้องไป แล้วใยเลยจะรู้ว่าผู้ที่เจ็บปวดที่สุดคือชายชราผู้ได้ชื่อว่าเป็นมหาราช มหาราชที่สามารถปกป้องบ้านเมืองได้แต่กลับไม่สามารถปกป้องลูกสาวของตนได้
“พ่อขอโทษ เชรียา ขอโทษ”
***************************************************************
เด็กสาววิ่งออกมา ผ่านทะลุวังโดยไม่สนใจใครทั้งนั้นความเจ็บปวดเป็นแรงผลักดันอย่างดีเหลือเกิน หากถามว่าหล่อนเข้าใจเหตุผลของพระบิดาของหล่อนไหม? เด็กสาวสามารถตอบได้ทันทีว่าเข้าใจ เต่ถามว่าสามารถยอมรับเรื่องนี้ได้ทันทีไหม สิ่งนั้นคือ สิ่งที่ยากยิ่งกว่า
เด็กสาวทรุดตัวลงกับพื้นทรายใต้ร่มเงาของพฤกษา เชรียาวิ่งออกจากวังมาแต่ก็มาสิ้นสุดอยู่ที่ชายหาดส่วนพระองค์เท่านั้น
เด็กสาวก้มหน้าน้ำตายังไหลไม่หยุด พลันนึกถึงเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ ยามใดเด็กสาวถูกลงโทษ หรือ อดทนอะไรไม่ไหว จนหยาดน้ำตาต้องร่วงโรย ที่แห่งนี้คือสถานที่พักใจเสมอ และผู้เดียวที่ล่วงรู้ความลับนี้
วันนี้ ข้าก็เป็นดั่งเช่นวันนั้น หากแต่วันนี้คงจักไม่มีคำปลอบโยนจากเจ้าอีกแล้ว
ใช่ เด็กสาวจำได้ดี ครั้งหนึ่งหล่อนถูกพระราชบิดาลงโทษเพราะเล่นซนมากเกินไป และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็จะพบกับอาร์เรียสเสมอ
เด็กสาวคิดพลางเงยหน้าขึ้นและสิ่งที่เธอพบ คือ
บุรุษผู้ที่เธอกำลังคิดถึงนั่นเอง ดูเขาเหนื่อยหอบไม่น้อย สีหน้าฉายแวววิตกยิ่งนักก่อนที่ริมฝีปากสวยจะเริ่มพูดกับเธอ
“องค์หญิง ทรงเป็นอะไรไปหรือขอรับ”อาร์เรียสพูด แม้นสรรพนามจะต่างจากเมื่อก่อน แต่คำพูดของเขาก็ยังแฝงความห่วงหาอาทรเสมอ มิเคยเปลี่ยน แด็กสาวจ้องมองบุรุษตรงหน้า ในใจหวั่นไหวยิ่งนัก
“ไม่มีอะไร”เด็กสาวข่มใจพูดเสียงเรียบ “ข้าจะมีเรื่องให้เศร้าใจมันไปเป็นภาระอะไรของเจ้า “เชรียาพูดตัดรอน สร้างความปวดใจให้กับอาร์เรียสไม่น้อย
“ใครทำอะไรพระองค์หรือเพคะ องค์หญิงจึงได้กรรเเสงเฉกเช่นนี้ ได้โปรดทรงบอกหม่อมฉันมาเถิด”อาร์เรียสพูดต่อไป ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น พลางจะเอื้อมมือไปแตะนิ้วบางของหญิงสาวอย่างที่เคย หากแต่เชรียากลับสบัดมันออกอย่างไร้เยื่อใย
“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาจับตัวข้า!?เจ้าเป็นใคร!!!เจ้าเป็นใคร!!! ให้รู้ไว้หน่อยเถอะ!!!”เชรียายืนขึ้นพลางตวาดเสียงกร้าวก่อนพยายามเดินเลี่ยงหนี
“เชรียา”อาร์เรียสตะโกนพยายามเดิมตามไป ในใจห่วงเด็กสาวยิ่งนัก หญิงสาวที่เริ่มทำอะไรไม่ถูกจึงเร่มวิ่งหนี เหตุเพราะกลัวจะปิดความรู้สึกไม่ได้
อาร์เรียส ได้โปรด ข้าอยากอยู่คนเดียว อย่ามาทำให้ข้าต้องหวั่นไหวมากไปกว่านี้อีกเลย ได้โปรดเถอะ ออกไป อย่ามายุ่งกับข้า อย่ามาทำดีกับข้าอีกเลยไ ด้โปรดเถอะนะ ทหารองค์รักษ์อาร์เรียสแห่งแอนโครเมดา
“ชารียาๆๆๆ หยุดก่อนๆๆๆๆ”อาร์เรียสตะโกนหลายครั้ง หากแต่หญิงสาวไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จึงตัดสินใจพูดประโยคหนึ่งออกไป
“เชรียา หยุดเถอะ รับฟังข้าสักหน่อย ยามเจ้าเป็นทุกข์ ข้าก็ไร้สุขเช่นเดียวกัน เพราะว่า ข้ารักเจ้า ข้ารักเจ้าเหลือเกิน ได้ยินไหม ข้ารักเจ้า อย่ามาตัดรอนใส่ข้าได้ไหม ทำไมเจ้าถึงทำกับข้าแบบนี้เล่า”
ได้ผล เด็กสาวชะงักทันที ในใจปลื้มปิติยิ่งนักแต่น้ำตากับยิ่งพรั่งพรู ทำไมนะ ทำไม ทำไมเจ้าเพิ่งมาพูดวันนี้ ตอนนี้ ตอนที่สายเกินไปเสียแล้ว
“เชรียา ข้ารู้ เราต่างกัน แต่หากวันใดข้าได้เป็นเสนาธิการฝ่ายขวา วันนั้นเราก็สามารถครองรักกันได้มิใช่หรือขอรับ ท่านจะรอข้าถึงวันนั้นได้ไหม ได้ไหม เชรียา เจ้าจะรอถึงวันนั้นได้ไหม”อาร์เรียสคร่ำครวญออกมา เขาทุกข์ใจยิ่งนัก
เด็กสาวรู้สึกสุขใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อบุรุษที่หล่อนมอบหัวใจให้ได้มาบอกความในใจแก่หล่อนแล้ว แต่กลับทุกข์ใจยิ่งกว่า เมื่อไม่มีโอกาส ได้ตอบรับ
“แล้วเมื่อไหร่มันจะถึงวันนี้นเล่า อย่าโง่ไปหน่อยเลย หึ”เด็กสาวพูดเสียงกร้าวหากแต่ไม่หันหน้าไปสบตาอาร์เรียสก่อนเปรยต่อ “สายไปเสียแล้ว ข้ากำลังจะเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับองค์ชายโจนิสแห่งเมนเจล”
เด็กสาวเริ่มก้าวเดินต่อไป แม้นเมื่อเข้มแข็งหากแต่ใจกับรวดร้าวไม่ต่างกับองค์รักษ์ผู้กำลังตกใจกับคำพูด ดวงใจของเขากำลังแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ นี่เขาบอกช้าไปอย่างนั้นหรือ ก่อนตะโกนอีกคำถามที่สงสัยมานานแสนนานมาแล้ว
“ท่านเชรียางั้นข้าขอถามท่านคำถามหนึ่ง” เด็กสาวผู้ถูกเรียกชะงักหยุดเล็กน้อยแต่มิได้หันกลับไปมอง
“ท่านเคยรักข้าบ้างไหม ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ท่านเคยรักข้าบ้างไหม เคยคิดถึงคนึงหายามที่จากกันบ้างไหมสักครั้งเดียว ได้โปรดบอกความจริงแก่ข้าเถอะ ได้โปรดเถอะ”อัศวินหนุ่มคร่ำรวญ ทรุดลงบนพื้นทราย เว้าวอนคำตอบจากองค์หญิงที่ตนเองรักยิ่งกว่าใคร
เด็กสาวร้องไห้ไม่หยุด อยากบอกแก่เขาเสียเหลือเกิน ข้ารักเจ้านะ รักมากเหลือเกินหากแต่ด้วยหน้าที่และฐานะแล้วข้าจะพูดได้อย่างไรเล่า ข้ารักเจ้าเหลือเกิน รักมากจริงๆ ข้าขอโทษนะ อาร์เรียส ขอโทษจริงๆ ฮือ เด็กสาวยอมรับกับความจริงภายในใจอย่างเต็มที่ หากแต่วาจาที่เปล่องออกมากลับตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง
“ไม่เลย! ข้าเกลียดเจ้า เกลียดเจ้าที่สุด เจ้าเป็นเพียงองครักษ์ที่มีหน้าที่เป็นเหมือนสุนัขเฝ้าประตูห้องข้าเพียงเท่านั้น อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีกนะ”เด็กสาวพูดจบก็เดินเข้าตำหนักไป เหลือแต่อัศวินหนุ่มผู้คร่ำครวญโหยหาความรักจากหญิงสาวอันเป็นยอดดวงใจ
*******************************************************************
“เสด็จพ่อ ลูกยินดีจะอภิเษกสมรสเพคะ ทรงหาฤกษ์ยามที่เร็วที่สุดให้ลูกด้วย ลูกต้องการเข้าพิธีอย่างเร็วที่สุด”เด็กสาวเบื้องหน้ายื่นคำขาดแก่องค์ราชันย์แห่งแอนโครเมดา เล่นเอาพระองค์ถึงกับตกพระทัย เหตุเพราะเมื่อกี้พระราชธิดายังคร่ำครวญไม่ยอมเข้าพิธีอย่างเดียวแท้ๆ
“อะไรกัน ลูก จู่ๆก็จะเข้าพิธีโดยเร็วเลยรึ”องค์ราชันย์ย้อน เด็กสาวพยักหน้าเรียบๆแทนคำตอบ แต่ก่อนที่พระองค์จะถามถึงเหตุผล เด็กสาวก็ชิงกักไว้เสียก่อน
“แต่ไม่ว่าอย่างไร หม่อมฉันไม่ขอบอกเหตุผลของการตัดสินใจครั้งนี้ ขอให้ท่านพ่อทรงไว้พระทัยหม่อมฉัน ว่าจะไม่หนีออกจากพิธีอย่างแน่นอน”เชรียายื่นคำขาด
“เอาเถอะเดี๋ยวพ่อจะจัดการให้ก็แล้วกัน”ชายชรากล่าวขึ้น ถอนหายใจเบาๆไม่รู้จะโล่งใจ หรือใจหายกันแน่
“งั้นหม่อมฉันขอทูลลา”เด็กสาวบอกลา โค้งเยี่ยงสตรีชั้นสูงก่อนเดินไปที่ประตู แต่ก่อนที่เจ้าหล่อนจะออกไปนั้น เด็กสาวก็เกิดอาการแปลกๆก่อนเอื้อนเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจมานานแสนนานให้พระบิดาฟัง
“เสด็จพ่อ ลูกมีสิ่งหนึ่งอยากจะบอกใครต่อใครมาตลอด แต่ลูกคิดว่าคงมีเพียงเสด็จพ่อเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะเข้าใจ”
“ว่าอย่างไรล่ะ ลองบอกให้พ่อฟังได้ไหม”
“หลายครั้งหลายครา ที่ลูกได้ยินเหล่าขุนนาง นางกำนัล สามัญชนบอกกันว่า การได้เกิดมาเป็นผู้สืบราชสันติวงศ์นั้น ช่างโชคดีเหลือเกิน ได้เกิดมาอยู่สุขสบาย เป็นเจ้าคนนายคนมากมาย ”เด็กสาวเว้นวรรคสักครู่ก่อนเอ่ยต่อ “เกิดมาพร้อมความงาม ความฉลาด ลูกมิได้คิดว่าลูกโชคร้าย ลูกรักเสด็จพ่อมาก และรู้สึกมีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตแบบนี้ตลอดมา แต่มีสิ่งหนึ่งที่ลูกค้างคาใจมาตลอด ใครเล่าจักเข้าใจความรู้สึกจริงๆของเรา ความสวยที่ใครต่อใครอยากมีกลับกลายเป็นพิษร้ายกลายเป็นอาวุธเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ ความฉลาดกลับส่งผลให้ทุกคนอยากได้ กลายเป็นผู้ที่มีทุกอย่าง กลับต้องการเป็นผู้ที่ไร้อิสรภาพ ไม่มีสิทธิที่จะเลือกเลย ”เด็กสาวหยุดอยู่ชั่วครู่ สะอื้นเล็กน้อย “หม่อมฉันคิดว่า ผู้ที่คิดว่าเราสูงส่งนักหนา จะรู้ไหม ว่าเราคือผู้เสียสละที่แท้จริง ต้องสละความสุข และสิ่งอื่นๆอย่างมากมาย ลูกขอพูดเพียงเท่านี้ หม่อมฉันทูลลา”เมื่อเด็กสาวพูดจบก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งไว้แต่องค์มหาราชที่เพิ่งเข้าใจถึงความรู้สึกของลูก
********************************************************************
การเตรียมงานอภิเษกสมรสจึงเริ่มต้นขึ้น ชาวบ้านชาวของของทั้งสองแคว้นต่างพากันบ้านเรือนให้มีสีสันสวยงามเพื่อเฉลิมฉลองพิธีที่ใกล้จะมาถึง ไม่แพ้กับในวังหลวงที่ชุลมุนวุ่นวายกับการจัดเตรียมพิธี
“องค์หญิงเพคะ อัญมณีถูกส่งมาท่านเสนา จะทรงใช้ในวันงานไหมเพคะ ”นั่นคือเสียงกำนัลคนที่หนึ่ง
“องค์หญิงเพคะ ผ้าแพรสีขาวถูกส่งมาจากทางใต้จะทรงใช้ไหมค่ะ ”นางกำนัลอีกคนแทรกขึ้นมา
“องค์หญิงเพคะ อง์หญิงเพคะๆๆๆๆ”เสียงคำถามมากมายดังขึ้นรอบสารทิศของว่าที่เจ้าสาวหากแต่หล่อนมิได้ใส่ใจ มิได้มีความสุข หากแต่เศร้าสร้อยนัก ผิดกับเจ้าสาวทั่วไปที่จะกระวีกระวาดจัดการไปซะทุกเรื่อง พระองค์ทรงสั่งให้นางกำนัลวัดตัวพระองค์เพียงเท่านั้นและสั่งฝ่ายตัดเย็บออกแบบทุกสิ่งทุกอย่างให้พร้อมในวันงาน ก่อนหมกตัวอยู่ในห้องไม่ต่างจากนายทหารที่ยังจมปลักอยู่กับความเสียใจจนกระทั่งสหายสนิททนสาภไม่ไหว รีบลากตัวอาร์เรียสมาคุย
“แกเลิกเสียใจเรื่งนั้นซะที ถ้าแกรักเขาจริงก็ต้องทำหน้าที่ในวันงานให้สมบูรณ์ อย่ามัวมาทำตัวซ่อมซ่อแบบนี้”
“อะไรรึ เรย์ ยังมีอะไรให้ข้าทำอีก”อาร์เรียสถามยังงุนงง ยังไม่สร่างเมาจากฤทธิ์สุราเท่าใดนัก
“หึ องค์หญิงทรงเลือกเจ้าเป็นองค์รักษ์ติดตามเจ้าในการเดินทางไปแคว้นแมนเจลน่ะสิ”เรย์กล่าว รับสภาพซอมซ่อของเพื่อนที่เคยดูดีเสมอไม่ได้
“ไม่นะ เรย์ ข้าขอสละ ไม่เอาล่ะ”อาร์เรียสเริ่มคร่ำครวญอีกครั้งหากแต่คราวนี้เพื่อนสนิทที่เคยคิดว่าเข้าใจในตัวเขาหนักหนากลับตวาดกลับอย่างหมดความอดทน
“ไม่เอาไม่ได้ ครั้งนี้ อย่าลืมสิ เป็นครั้งสุดท้ายที่เจ้าจะได้แสดงความสามารถ ความรักที่เจ้าพึงมีต้องเชรียาให้นางเห็น ถ้าเจ้ารักนางจริง ก็ต้องปล่อยนางไป เพราะรักจริงๆมิใช่การครอบครอง มิเคยได้ยินเรอะ ตื่นได้แล้ว ให้อาร์เรียสคนเดิมกลับมาซะทีเถอะ”เรย์พูดอย่างหัวเสียพลางประแทกตัวอาร์เรียสกับกำแพงด้วยแรงโมโหก่อนเดินออกจากห้องไป
อาร์เรียสนั่งลงอีกครั้ง พลางคิดอะไรบางอย่าง
*********************************************************************
เสียงขบวนส่งตัวเริ่มบรรเลงขึ้นในเวลาที่เป็นฤกษ์งามยามดี ชาวบ้านพากันออกมาจากบ้านเพื่อแสดงความยินดีกับมงคลพิธีอย่างเนืองแน่นเพื่อเป็นการถวายความจงรักภักดี หากแต่ผู้ที่นั่งอยู่ในรถม้ากลับไม่มีทีท่ามีความสุขเลย
เชรียา เครรีอา องค์หญิงแห่งแอนโครเมดาทรงชุดผ้าแพรแขนกุดสีขาวยาวสวยซึ่งตกแต่งด้วยผ้าลูกไม้และริบบิ้นที่ถูกถักทอมาเป็นพิเศษมากมาย เรือนผมสีฟ้ายาวสลวยถูกมัดไว้สูง มีเพียงผมม้าคลอเคลียกับใบหน้าได้รูปสวยที่ถูกแต่งเติมด้วยเครื่องประทินโฉมอ่อนๆพองามตา เมื่อมาประกอบกับต่างหู สร้อยคอ และเครื่องประดับ องค์หญิงเชรียาก็ทรงสวยสง่าไม่มีใครเปรียบทีเดียวหากแต่นับน์ตาฉายแววเศร้าสร้อยอย่างน่าประหลาด
ขบวนเคลื่อนตัวมาได้สักพักหนึ่ง อาร์เรียสเดินขนาบรถม้าไม่ห่าง ยามใดที่คำพูดของเรย์ดังเข้ามา ชายหนุ่มยิ่งต้องการทำงานนี้ให้ดีที่สุด
“อาร์เรียส อาร์เรียส”เรย์ตะโกนเรียกสหายของเขา แววตาแฝงด้วยนัยความลึกๆ อาร์เรียสจึงตัดสินใจเดินไปหา
“มีอะไรรึ เรย์”อาร์เรียสถามขึ้น ไม่วางใจให้คนอื่นเดินขนาบข้างรถม้าได้นานนัก เหตุเพราะกลัวว่าจะไม่มีใครดูและหญิงสาวผู้เป็นที่รักได้รอบคอบพอ
เรย์มองหน้าเขาอย่างหวั่นวิตกก่อนชี้ไปที่ต้นไม้ด้านข้าง มันมีสัญลักษณ์ของดินแดนแมนเจลสลักอยู่ .สัญลักษณ์ของทางทหาร
“ข้าว่า การอภิเษกสมรสครั้งนี้ชักไม่ชอบมาพากลซะแล้วสิ”เรย์พูดก่อนที่ทั้งสองคนจะพยักหน้าเป็นที่รู้กันก่อนพร้อมใจแยกออกจากกองขบวนไปกันเพียงสองคน
ชารียาผู้นั่งอยู่ในรถม้า หากเป็นคนอื่นคงคิดว่าเจ้าหล่อนกำลังคิดถึงการอภิเษกที่กำลังจะมาถึง หากแต่ไม่ใช่ หล่อนกำลังคิดถึงความทรงจำในวัยเด็กที่แสนมีค่ายิ่งนัก
หึหึ ตอนนั้นอาร์เรียสแกล้งข้าเสียแรง ใช่ ตอนนั้นข้างอนมากเลย เล้วตอนนั้น อาร์เรียสก็มาขอโทษข้า
เด็กสาวยิ้งอย่างเป็นสุขเพียงชั่วครู่ก่อนเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอันเศร้าสร้อยอย่างฉับพลัน
จะมีใครเข้าใจและรู้นิสัยข้าเท่าเจ้าไหมนะ อาร์เรียส ถ้ามีโอกาส ข้าก็อยากให้เจ้ามาอยู่เคียงข้างข้า เหลือเกิน
ในขณะที่เด็กสาวกำลังคิดเพลินๆอยู่ รถม้าก็สะดุดกับอะไรบางอย่าง เสียงม้าพยศดังขึ้นพร้อมกับการสั่นสะเทือนไปทั่วรถม้า
“อะไรน่ะ!!!”หล่อนคิดพลางเปิดหน้าต่างดู สิ่งที่พบ คือกองทหารของเมนเจลกำลังล้อมรอบขบวนของแอนโครเมดาอยู่ เชรียารีบปิดหน้าต่างพลางควานหากริชและดาบคู่ใจ
ว่าแล้วไม่ผิด พวกมันคิดจะยึดระเทศข้ารึ ไม่มีวันซะหรอก อย่ามาดูถูกข้าผู้นี้เสียให้ยากเลย!!! เด็กสาวคิดอย่างหาญกล้า พลันได้ยินสียงสู้รบภายนอก เด็กสาวรีบฉีกกระโปรงที่ยาวลากพื้นออกเพื่อความถนัดก่อนซุ้มลงกับพื้น
เสียงประตูรถม้าเปิดขึ้น หล่อนพอจับใจความได้ว่า มันกำลังหาเธออยู่และฉับพลันนั้นเองหล่อนก็ใช้กริชสีนิลเล่มบางปาดไปที่คอของทหารเมนเจลอย่างรวดเร็วและแม่นยำ!!! เล่นเอานายทหารผู้นั้นสิ้นชีวีทันใด
เชรียากระโจนออกจากรถม้า เมื่อทหารเมนเจลเห็นหล่อนก็พากันกรี่จับตัวเธอหากแต่ทหารผู้ภักดีแห่งแอนโครเมดาก็สละชีวิตปกป้ององค์หญิงของเขา แต่ด้วยจำนวนของทหารก็ไม่อาจทานฝ่านเมนเจลได้
“ถวายบังคมพะย่ะคะ”เสียงของนายทหารใหญ่คนหนึ่งดังขึ้น หากแต่หญิงสาวไม่ได้ส่งสายเป็นมิตรกลับไป แต่เป็นเป็นการส่งสายตาที่เย็นชา หยิ่งทระนงก่อนกล่าวด้วน้ำเสียงเกรี้ยวกราดว่า
“พวกเจ้าอย่ามาพูดดีให้มันมีพิธีรีตองเสียให้ยาก เจ้ามีประสงค์อะไรเล่าจังมาขัดขวางคาราวานแห่งมงคลฤกษ์เช่นนี้”
“หึๆๆ หม่อมฉันก็ขอทูลโดยตรงตามที่พระองค์ทรงต้องการเลยว่า ขอทรงไปกับพวกหม่อมฉันเถิด เราต้องการต้อนรับองค์หญิงให้สมพระเกียรติ”นายทหารเบื้องหน้าพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา หากแต่การปะทะคารมก็ยังคงดำเนินต่อไป
“ต้อนรับ!!!....ข้าไม่โง่ตามแผนการของพวกเจ้าหรอกนะ”สิ้นเสียง เด็กสาวพึมพำกับตนเองก่อนที่ร่างบางจะหายไปกับแสงที่เกิดขึ้นเพียงฉับพลันและ
ฉึก!!!
เสียงกริซดังขึ้นพร้อมกับนายทหารอีกสามคนที่ร่วงหล่นไปกับพื้น นายทหารใหญ่กำมือแน่นก่อนด้วยความเครียด ดูท่างานนี้จะไม่เป็นไปตามแผนของเขาเสียแล้วก่อนประกาศก้อง
“เอาว่ะ พวกแกจับเป็นไม่ได้ ก็จับตาย งานนี้ถ้าไม่ได้ตัวนังนี่ พวกแกก็หัวขาด!!!”
สิ้นเสียงนายทหารพากันตรี่เข้ามาทางเชรียา เด็กสาวรีบเรียกดาบคู่ใจ ดาบวันวายุที่ใสและเบาราวขนนกก่อนกวัดแกว่งวาดวงดาบออก สังหารผู้นำภัยมาตนเอง
เชรียาผู้ซึ่งบัดนี้อยู่ในสนามรบขนาดย่อม สนามรบที่เจ้าหล่อนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบฝ่ายเดียว แต่ก็มิยอมแพ้ องค์หญิงแห่งแอนโครเมดาพึงใช้กำลังและฝีมือเข้าสู้ หากแต่จำนวนของฝ่ายเธอซึ่งมีเธอคนเดียวกับนายทหารของอีกฝ่ายที่มีจำนวนนับสิบประกอบกับแรงสตรีที่ด้อยกว่าแรงของบุรุษเพศจึงทำให้เจ้าหล่อนพลาดในที่สุด และเป็นการพลาดที่อันตรายที่สุด
เด็กสาวประโดดขึ้นไปบนอากาศแต่นายหารหลายคนพากันตรีเข้าไปยึดตัวเจ้าหลอ่น อำนาจของบุคคลเหล่านั้นได้พันธนาการองค์หญิงแห่แอนโครเมดาให้เคลื่อนไหวเสียมิได้ นี่คือจุดจบของประเทศของเจ้าหล่อนงั้นรึ!!!
“ดีมาก!!!”เสียงนายทหารดังขึ้นเมื่อจับเชรียามัดไว้กับเกวียนได้แล้วก่อนเชยตามองและจับไปที่ปลายคางได้รูปของหญิงสาวด้วยสายตาไม่ประสงค์ดี
“องค์หญิงทรงมีฝีมือดีนะพะย่ะค่ะ ร้ายเหลือเกิน เก่งทุกเรื่องแบบนี้ แล้วเรื่องอย่างอื่นจะเก่งไหมเพคะ”เด็กสาวรีบสะบัดหน้าออกก่อนส่งสายตาเหยียดหยามและประกาศกร้าว
“เจ้าคนไร้มารยาท เจ้าไม่มีสิทธิ์มาจับตัวข้า ข้าขยะแขยงเจ้ายิ่งนัก ไอ้คนจัญไร ชิงอะไรมาเกิด เจ้าคนตาขาว นครแอนโครเมดาจะไม่มีวันเป็นมิตรกับเมนเจลตลอดไป!!!”
“หึๆ ก่อนจะถึงวันนั้น แอนโครเมดาถึงคราวล่มสลายด้วยพลังของเมนเจล”เขาพูดเสียงเรียบก่อนยิ้มเยาะเยี่ยงผู้ไม่ประสงค์ดี “ถึงวันนั้น ดีไม่มีท่านอาจจะกลายเป็น .หึหึ” เขาจับปลายคางของหล่อนอีกครั้งก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงของทหารโอดครวญไปด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นพร้อมๆกัน
“ท่านริค พวกมันมีกองกำลังเสริมขอรับ อ๊ากกกกก”เสียงของนายทหารคนสนิทของนายพลดังขึ้นก่อนตามด้วยความเจ็บปวดเมื่อมีลูกธนูมาปักอยู่กลางหลังของเขาพอดีกับการปรากฏตัวขององครักษ์แห่งแอนโครเมดา อาร์เรียส และเรย์
“องค์หญิงทรงไม่เป็นอะไรนะพะย่ะค่ะ”อาร์เรียสถามขึ้นก่อนใช้ดาบฟาดฟันไปที่กลางลำตัวของทหารคนอื่น
อารเรียส นี่เจ้ากลับมาช่วยข้ารึนี่ ทำไมเจ้าไม่นี่ไป ทำไม ทำไมถึงเป็นเจ้าอีกแล้ว ที่มา .ที่มาช่วยข้า ทำไมเจ้าต้องมาเสี่ยงชีวิตเพื่อข้า เพื่อคนที่ทำร้ายหลายครั้งหลายครา เด็กสาวคิด น้ำตาเริมคลอเบ้าโดยไม่สังเกตุถึงนายทหารตัวยักษ์เบื้องข้างที่ส่งสายตามาที่หล่อนอย่างปองร้าย
“Thunder Fire!!!”เสียงของอาร์เรียสดังขึ้นเพื่อกำจัดทหารคนสุดท้ายซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่นายทหารแห่งแมนเจลง้างดาบจะฟาดฟันลงไปที่องค์มงกุฏราชกุมารีแห่งแอนโครเมดา
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังขึ้นเมื่อสังเกตุเห็นคมดาบที่กำลังจะฟาดฟันลงมา เรียกความสนใจของนายทหารทั้งสองคนอย่างฉับพลัน
ไม่!!!
เชรียา ไม่ .
ชายหนุ่มรีบทิ้งดาบ ทิ้งอาวุธทุกสิ่งอย่าง วิ่งข้ามผ่านศพขอนายทหารนับสิบ ตอนนี้เขาไม่หวังอะไรอีกแล้ว แม้ไม่ได้หล่อนมาเคียงคู่ก็ตาม หากแต่อย่างน้อย ขอเพียงเห็นหล่อนมีชีวิตที่งดงามก็เพียงพอ
แม้จะต้องเสียสละด้วยชีวิตของข้านี้ ข้าก็ยอมพลี เพื่อเจ้าแต่ผู้เดียว เชรียา
..
.
ฉัวะ!!!
เสียงดาบฟาดฟันลงอย่างเต็มที่ ตามมาด้วยโลหิตสีแดงฉานที่หลั่งไหลพรั่งพรูกลางลำตัวของผู้ที่ได้รับบาดแผลก่อนที่จะล้มลงไปกับพื้นพสุธา ฝ่ามือใหญ่สั้นเทิ้มไปด้วยความเจ็บปวด หากแต่ใบหน้ายังแฝงไปด้วยรอยยิ้มผิดกับ .บุคคลที่ได้รับ การปกป้อง..อย่างทันเวลา
“อาร์เรียสสสสสสสสสสสสสสสส”เสียงของเด็กสาวดังขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับที่เรย์ใช้ดาบฟันไปที่กลางหลังของนายทหารแห่งเมนเจลด้วยความแค้น ก่อนตามด้วยการฟันซ้ำไปซ้ำมาซึ่งทำให้ชายตัวใหญ่เบื้องหน้าตายคาที่ ก่อนที่จะทิ้งอาวุธแล้วทรุดลงกับพื้นเพื่อดูอาการของสหาย
“อาร์ อา อาร์เรียส เจ้าทำใจดีๆไว้!”ชายเบื้องหน้ามองบาดแผลฉกกรจ์ของเพื่อนอย่างตื่นตระหนกก่อนพยายามจะใช้พลังรักษาแต่ดูท่าจะมิได้ผลเสียเลย เมื่อโลหิตสีแดงฉานดูไม่มีท่าทางจะหยุดไหล ใบหน้าของสหายเริ่มไร้สีเลือด หายใจหอบถี่ราวกับผู้ที่ขาดอากาศหายใจ
“อาร์เรียส!!!”เด็กสาวกระวีกระวาดถลาเข้ามาหาชายหนุ่ม น้ำตาพรั่งพรูเป็นสายเลือด เสียงสะอื้นเริ่มดังขึ้น ทำไมเจ้าต้องช่วยข้าด้วย อาร์เรียส ทำไม!?
“อาร์เรียส!!!ทำใจดีๆไว้นะ เดี๋ยวหมอก็มาแล้ว เจ้าต้องรอดนะ”เด็กสาวพูดปนสะอื้น แต่ดูเหมือนองค์รักษ์จะรู้ชะตากรรมตัวเองดี เมื่อบัดนี้ตาสองข้างเริ่มพร่ามัวเสียแล้ว
“อะ องค์หญิง”อาร์เรียสกล่าวพลางใช้มือใหญ่จับที่ใบหน้าของเด็กสาวที่กำมือของเขาไว้แน่น
“มะ..ไม้ต้องหรอก เรียกข้าสิ เชรียาไง .”เด็กสาวพูดพลางยิ้ม กลัว ข้ากลัวเหลือเกิน ได้โปรดเถอะเทพทั้งหลาย อย่าให้มัจจุราชเอาชีวิตเขาไป ได้โปรดเถอะ!!!
“เช รี ยา เจ้าไม่เป็นไรนะ”น้ำเสียงทุ้มต่ำที่เคยมีเสน่ห์เริ่มแหบแห้ง ทำเอาหญิงสาวผู้ถูกเรียกยิ่งสะอื้นหนักขึ้นเรื่อยๆ ทำไม ????
“อาร์เรียสเจ้าห่วงตัวเองก่อนเถอะ เจ้าต้องรอดนะ เราจะกลับไปที่แอนโครเมดาด้วยกันนะ ใช่ ถ้าเจ้ารอด ข้าจะรอ เราจะได้แต่งงานกันไง ดูสิ หมอมาแล้ว”เชรียากล่าว ใจคอไม่ดีเสียแล้วก่อนสังเกตุเห็นขบวนแพทย์หลวงที่เพิ่งมาถึง
“องค์หญิงขอรับ ”นายแพทย์กล่าวขึ้นพลางทำความเคารพก่อนมองดูที่ร่างของอาร์เรียสที่เริ่มซีด เลือดโลหิตสีแดงฉานไหลไม่หยุด แล้วรีบกระวีกระวาดห้ามเลือดทันที หากแตไม่เป็นผล เมื่อผ้าพันแผลทั้งหมดที่ถูกพันลงไปนั้นเปียกชุ่มไปด้วยเลือด!!!!
“เช รี ยา เจ้าอยู่ไหน”อาร์เรียสถามพลางควานหาร่างของหญิงสาว ตาของเขามองไม่เห็นเสียแล้ว เชรียาสะอื้นหนักขึ้น สายไปเสียแล้วหรือ ไม่นะ มันยังไม่สายไปใช่ไหม?????
“เรย์ ฝาก องค์หญิง ด้วย”อาร์เรียสกล่าว สหายสนิทรีบตอบรับวาจา เด็กสาวสะอื้นหนักขึ้น น้ำตาเริ่มไหลมากขึ้น ไม่นะ!!! ไม่!!!พลันมือหนาสองข้างที่เคยอบอุ่นตกลงไปที่พื้น
“เชรียา .”เสียงสุดท้ายถูกเปรยออกมาพร้อมกับดวงตาที่ค่อยๆหลับลง แพทย์หลวงรีบจับข้อมือของอาร์เรียสก่อนส่ายหน้าอย่างช้าๆ เล่นเอาเจ้าหญิงแห่งแอนโครเมดาช๊อคอย่างทำอะไรไม่ถูก ก่อนยิ้มและหวเราะกับตนเองคนเดียว
“ท่านหมอ อย่าล้อข้าเล่นสิ อาร์เรียสแค่หลับไปเท่านั้นใช่ไหม หรือท่านให้ยาสลบเขา หรืออะไร”เชรียารีบกล่าว ตอนนี้หล่อนทำอะไรไม่ถูกแล้ว สับสนเหลือเกินหากแต่ไม่มีคำตอบจากคนที่ถูกถาม
“เรย์ อาร์เรียสไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม ใช่ไหม เรย์?”เด็กสาวรีบหันไปหาคำตอบจากอีกฝ่ายซึ่งได้แต่เบือนหน้าหนี พลันมือน้อยรีบกระชากร่างไร้วิญญาณตรงหน้าขอตนเข้าเข้ามากอด
“อาร์เรียส!!!เจ้าอย่าหลับสิ ตื่นขึ้นมาหาข้าได้แล้ว พูดกับข้าสิ ฮือออ ข้ารักเจ้านะ อาร์เรียส ตื่นมาฟังข้าบอกก่อน ข้ารักเจ้า รักเจ้าที่สุด อาร์เรียส ได้โปรดเถอะ”เด็กสาวคร่ำควญพลางเขย่าร่างของชายที่หล่อนรักไม่หยุด ทหารองครักษ์และนายแพทย์ได้แต่เบือนหน้าหนีกันหมดก่อนที่เด็กสาวจะสลบไปกับร่างนั้น
-------------------------------------------------------------------------
" งานศพของอาร์เรียสถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายเเละเล็กๆ ข้าไปร่วมงานด้วยทุกวัน ช่วงนั้นข้าโศกเศร้าไม่มีชิ้นดีจนท่านพ่อเป็นห่วงมาก เมนเจลที่คิดก่อการกบฏถูกท่านพ่อตีจนพ่ายเสียราบคาบ
อาร์เรียสข้าคิดถึงเจ้านะ เจ้าล่ะ บนเมืองสวนนค์คิดถึงข้าบ้างไหม?
ณ วันนี้ ข้าเข้าใจเจ้า ข้าไม่เคยอยู่ในโลกที่ไม่มีเจ้า มันช่างมืดมนนัก ขอบใจเจ้าที่เกิดมาเพื่อข้า เป็นดั่งแสงสว่างให้ข้า ข้าจะมีชีวิตต่อไปเเทนเจ้า
เเม้จะไม่มีเจ้าอยู่เเล้ว เเต่ก็ยังเหมือนมีเเสงอาทิตย์คอยช่วยข้า นี่เจ้ายังตามเป็นวิญญาณอยู่ข้างหลังข้าหรือเปล่า? ข้ากลัวนะ คริคริ เรย์ดูเเล้ข้าดี สัญญาต่อเจ้าเขาไม่เคยลืม
ขอบใจนะอาร์เรียส ต่อไปข้าจะไม่หลอกตัวเอง ถึงวันนี้ข้าตระหนักได้เองว่า ข้าผิดต่อเจ้านัก ผิดที่หนีความจริง ต่อไปจะไม่ทำเเล้ว เจ้าคือคนที่ข้ารักที่สุด ผูกพันที่สุดเเละเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด เจ้าได้สอนบทเรียนที่ควรค่าเเก่การเรียนรู้ที่สุดให้ข้า ข้าคงต้องจบการเขียนบันทึกเพียงเท่านี้ งานข้าล่ะเยอะจริง ถ้าเจ้าอยู่ก็คงตามมาช่วยเเล้ว
รักเเละคิดถึงเจ้า
เชรียา
หญิงสาวปิดบันทึกส่วนตัวลงอย่างเบาๆก่อนเดินไปที่โต๊ะทำงาน โดยไม่สังเกตุเห็นถึงร่างวิญญาณของชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดสีขาวที่คอยมองหญิงสาวอย่างสุขใจ
“
ข้าดีใจที่เจ้าดูเป็นสุข ไม่ต้องการให้เจ้าต้องร้องไห้เพราะข้าอีก สุดที่รักที่ข้าห่วงแหน
”เสียงหนึ่งดังขึ้นในโสตประประสาทของหญิงสาวก่อนที่ร่างนั้นจะหันไป เด็กสาวที่กำลังจะลงมือทำงานได้คิดอย่างคิดใจก่อนจะลงมือทำงานต่อ
************************************************************
ขอบคุณส้มเเละพี่ฟอยมากๆที่ทนฟังเราบ่นถึงความน้ำเน่าของมัน
ป ล เราเเต่งเรื่องยาวอยู่นี่ หงิ
http://my.dek-d.com/Writer/story/view.php?id=111604
เเนวเเฟนตาซี ว่างๆก็ลองเอาไปอ่านดูได้ค่ะ^^
ผลงานอื่นๆ ของ Lonlevia ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Lonlevia
ความคิดเห็น