ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : แทน
ต้องขอขอบคุณไอแชงที่รู้สึกผิดแทนฉันซะจนผ่านไปไม่ถึงวันมันก็สามารถหาเลขที่ห้องของยัยพี่เจนนี่คิมมาได้
ฉันในตอนนี้กำลังยืนอยู่หน้าหอของตัวเอง ในมือมีถุงข้าวต้มที่ไปต่อแถวซื้อในชั่วโมงเร่งด่วนมาเมื่อกี๊นี้
ฉันก็เพิ่งมารู้นี่แหละว่ายัยพี่ดาวคณะนี่ก็อยู่หอเดียวกับฉัน!!
"เฮ้อ" ฉันสูดลมเข้าลึกๆแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างเครียดๆ ...ทำไมถึงรู้สึกตื่นเต้นกันนะ?
อาจเป็นเพราะความรู้สึกผิดที่ดันมาเล่นงานผิดคน หรือเป็นเพราะต้องขึ้นไปบนห้องคนที่ตัวเองเกลียดที่สุด หรือเพราะอะไรก็ไม่รู้ ไอเพื่อนสนิทก็ดันพลีตัวไปหาพี่จีซูเรียบร้อยแล้วตั้งแต่หลังเลิกเรียน นี่ฉันก็มายืนอยู่ตรงนี้ได้สักพักแล้วหลังจากที่จอดรถ ด้วยความที่ว่าหัวสมองยังคงคิดไม่ตกเลยไม่กล้าขึ้นไปในตอนนี้
ขึ้นไปแล้วนางเห็นฉันจะว่ายังไง? แล้วฉันจะพูดว่าอะไร? อย่างนึงที่แน่ๆคือต้องโกหกให้เนียนและไม่ต้องพูดเรื่องแก๊งโคถึกเด็ดขาด นั่นอาจจะเป็นเหตุผลหลักที่ฉันรู้สึกหวาดๆตอนนี้ก็เป็นได้ เพราะปกติฉันไม่ชอบโกหกแล้วก็แทบไม่เคยโกหกเลยด้วย
ยกเว้นที่บอกยัยมิ้นต์ว่าฉันรู้จักกับพี่เจนนี่คิมแล้วนางก็ชอบฉันเป็นพิเศษน่ะนะ-_-
แล้วอีกอย่าง... ในความเป็นจริงฉันไม่ได้รู้จักคนๆนี้ขนาดนั้น ดาวคณะที่เย่อหยิ่ง มีชื่อเสียงแล้วก็หลงตัวเอง ดูไม่แคร์คนอื่น นิสัยแย่ตรงข้ามกับหน้าตา นั่นเป็นสิ่งที่อยู่ในหัวฉันเมื่อนึกถึงคนๆนี้ แต่เอาจริงๆแล้วนางเป็นใครมาจากไหนฉันก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ มีอำนาจอะไรขนาดไหน เลวร้ายขนาดไหนก็มีแต่ข่าวลือเท่านั้นที่บอกต่อๆกันมา เชื่อถือไม่ได้
"เอาวะ... คนเหมือนกัน ยัยบ้านั่นคงไม่ทำอะไรแปลกๆหรอกมั้ง แค่เอาข้าวต้มขึ้นไปให้ก็จบ" ฉันให้กำลังใจตัวเอง แล้วก็เริ่มก้าวเข้าไปยังหอพักอันคุ้นเคย อย่างน้อยนางก็เดี้ยงอยู่...คนได้เปรียบคือฉันอยู่แล้ว ทำคูลไว้ลลิษา
เมื่อลิฟต์เปิดออกฉันก็ก้าวเข้าไปแล้วกดปิดประตูทันที ฉันเข้ามาในลิฟต์คนเดียวซึ่งนั่นก็ดี เพราะตอนนี้ฉันยังไม่อยากเจอใครทั้งสิ้น ต้องตั้งสติเข้าไว้
นิ้วเรียวใช้บัตรแตะบนเครื่องอ่านบัตรในลิฟต์อย่างเคยชินเป็นการปลดล็อค แล้วก็กดลงบนตัวเลขทันทีด้วยความประหม่า
'ชั้น 9'
ตู้สี่เหลี่ยมที่ทำงานด้วยเครื่องกลค่อยๆยกฉันขึ้นจากพื้นดินของชั้นหนึ่ง ตัวเลขสีส้มบนหน้าจอเล็กๆของลิฟต์ค่อยๆนับเรียงขึ้นไปเรื่อยๆตามชั้นของหอพัก
2... 3... 4...
ตึ้ก!
ฉันรีบกดลงไปบนปุ่มที่มีตัวเลข 7 ทันทีก่อนที่ลิฟต์ตัวนี้จะพาฉันขึ้นไปยังจุดหมายได้
"ชั้นเจ็ด, Seventh floor"
ครืดดด
เสียงอัตโนมัติของลิฟต์พูดขึ้นตามด้วยเสียงประตูลิฟต์ที่เปิดออกจากกัน ก่อนที่ฉันจะรีบก้าวออกมาจากลิฟต์ด้วยความเหงื่อตกแล้วถอนหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่
"เฮ้อ"
ตอนนี้ฉันกำลังยืนอยู่หน้าลิฟต์ซึ่งมีตัวเลขของชั้น 7 เด่นหราอยู่บนผนังกำแพงระหว่างลิฟต์สองตัวของที่นี่
ใช่... นี่คือชั้นของห้องฉันเองแหละ ด้วยความที่ป๊อดไม่กล้าขึ้นไปเลยทำให้ไอ้มือบ้ากดชั้นของตัวเองไปซะก่อน- -"
'ไอลิซ!!' ฉันด่าตัวเองในใจด้วยความหงุดหงิด แบบนี้เมื่อไหร่จะเสร็จเนี่ยยยย
แง... นี่ถ้าไอแชงมันอยู่กับฉันตอนนี้มันคงจะด่าฉันแหง ดีนะที่ฉันมาคนเดียว แต่ก็ไม่ดีหรอกเพราะถ้าเป็นแบบนี้แล้วเมื่อไหร่ฉันจะเอาไปให้ยัยนั่นได้สำเร็จกันเล่า!?
เสียงของฝีเท้าใครบางคนดังมาจากข้างหลังทำให้ฉันหันไปมอง แล้วก็พบกับ...
ยัยเพิ้ง
โอย... มันจะมีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกมั้ย
ยัยเพิ้งที่เห็นว่าเป็นฉันก็มีสีหน้าผงะไปเล็กน้อย แต่เราทั้งสองคนก็ไม่ได้มีใครพูดอะไรขึ้นมา นางมองมาที่ฉันอย่างหวาดๆแล้วก็มองลงมายังถุงข้าวต้มที่ฉันถืออยู่ ฉันหันกลับมาแล้วกลอกตาบนอย่างหงุดหงิดที่ต้องมาเจอยัยนี่ในสถานการณ์แบบนี้อีก
เมื่อเห็นว่าฉันไม่ได้สนใจ นางก็ค่อยๆเดินไปกดลิฟต์ลงแล้วก็รอจนลิฟต์มา ฉันสังเกตได้จากหางตาว่านางยังคงมองมาที่ถุงข้าวต้มฉันอยู่อย่างไม่วางตา จนในที่สุดลิฟต์ของนางก็มา ยัยมิ้นต์ก้าวเข้าไปในลิฟต์แล้วก็เหมือนจะรอว่าฉันจะไม่เข้าไปเหรอ? ฉันยืนมองไปทางอื่นอย่างรำคาญจนนางกดปิดลิฟต์แล้วก็ไปให้พ้นจากสายตาสักที
ห้องของยัยบ้านั่นก็อยู่ชั้นเดียวกับฉันสินะ... เยี่ยมไปเลย-_-
เนื่องจากความอารมณ์ไม่ดีจากการเจอยัยเพิ้งหรืออะไรก็แล้วแต่ ในที่สุดฉันก็ทำใจกดลิฟต์ได้อีกครั้ง รอเพียงอึดใจประตูลิฟต์ตรงหน้าก็เปิดออกเป็นการเชื้อเชิญด้วยสัญลักษณ์ลูกศร 'ขึ้น' ที่สว่างเด่นอยู่หน้าลิฟต์
ฉันกดชั้น 9 อีกครั้งโดยไม่ลังเล ในใจก็คิดว่ายังไงก็ต้องทำอยู่แล้ว รีบทำให้เสร็จๆไปจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องอยู่ให้เหม็นหน้ากันนาน
'เจอกันอีกครั้งนะ เจนนี่คิม'
ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมกับเสียงของลิฟต์ที่บ่งบอกว่ามาไม่ผิดชั้นแน่ ฉันก็ก้าวออกมาแล้วมุ่งหน้าไปยังห้องจุดหมายทันที
เดินไปตามทางไม่ไกล ตัวเลขห้องที่ฉันนับไล่มาเรื่อยๆก็มาหยุดอยู่กับเลขที่ไอแชงบอกไว้
'ห้อง 915'
นี่สินะ...
ฉันหลับตาลงทำใจสองสามวิ แล้วก็ยื่นนิ้วชี้เรียวของตัวเองไปกดออดหน้าห้องหนึ่งครั้ง
ดิ๊งด่องง
แง... ฉันกดไปแล้ว ไม่อยากเห็นหน้ายัยนั่นเลยT T
"ใครคะ?" เสียงหวานที่ฟังทีไรก็ระคายหูฉันเป็นบ้าถามขึ้น แล้วก็มีเสียงเหมือนคนเดินข้างในที่ใกล้ประตูเข้ามาเรื่อยๆ
ฉันไม่ตอบ ปล่อยให้เจ้าตัวมาส่องตาแมวประตูเอาเองก็แล้วกัน
เมื่อเสียงฝีเท้าหยุดลง ฉันก็ทำหน้าให้เป็นปรกติที่สุด แต่ในใจก็เต้นแรงด้วยความประหม่าว่านางจะตอบสนองอย่างไรเมื่อเห็นว่าเป็นฉันที่อยู่หน้าห้อง
แกร๊ก
ประตูสีน้ำตาลเปิดออกประมาณหนึ่งคืบกว่าๆ ใบหน้าสวยยื่นออกมาเอียงๆแล้วก็มองฉันนิ่งโดยไม่พูดอะไร ฉันสังเกตได้ถึงรอยสีแดงที่อยู่ตรงมุมปากนางแล้วก็รู้ได้เลยว่ามาจากอะไร
ปากแตกจริงๆด้วยสินะ... แปลกจริงๆ ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกดีใจหรือสะใจเลย
"เอ่อ... ฉัน เอาข้าวต้มมาฝาก" ฉันพูดขึ้นก่อนที่จะชูข้าวต้มที่ซ่อนไว้ข้างหลังให้นางเห็น นางละสายตาจากที่หน้าฉันลงไปมองข้าวต้มแว้บหนึ่งแล้วก็กลับมามองฉันอีกรอบด้วยใบหน้านิ่งๆตามเคย
"อืม แค่นั้นเหรอ?"
"ใช่"
"ขอบใจ" นางรับถุงข้าวต้มจากมือฉันไป แล้วก็ปิดประตูลงแค่นั้น
ปึง
แปลกแฮะ... ขอบใจงั้นเหรอ?
ฉันเผลอกระตุกยิ้มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวเมื่อประตูปิดสนิทลงแล้ว...
บ้าน่า!! ก็แค่คำขอบคุณสั้นๆที่ไม่ได้หวังจะได้รับจากคนประเภทนั้นเท่านั้น
ฉันขยี้หัวตัวเองแล้วก็เดินออกมาจากห้องนั้นกลับไปที่ลิฟต์เพื่อลงไปยังห้องของตัวเอง ภารกิจเสร็จง่ายกว่าที่คิดแฮะ ยัยนั่นคงไม่รู้เลยว่าคนที่จ้างแก๊งไปดักตบนางก็คือฉัน แถมยังรับข้าวต้มไปง่ายๆแล้วก็ขอบคุณอีก
แต่ที่น่าแปลกคือ... ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกพอใจกับการที่ได้เห็นผลลัพท์ของการกระทำตัวเองเลยนะ ทั้งๆที่ควรสะใจแท้ๆ แต่ภาพของใบหน้าหยิ่งๆกับรอยที่เพิ่งโดนความรุนแรงนั่นกลับทำให้ฉันรู้สึก... ผิด
รู้สึกเหมือนตัวเองควรรับผิดชอบยัยนั่นซะงั้นแหละ
ลลิษา มโนบาล... แกบ้าไปแล้วใช่มั้ย?
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ยัยนั่นก็ยังคงไม่มาเรียนอีกตามเคย เหตุผลที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดก็น่าจะเพราะนางเป็นดาวคณะที่มีชื่อเสียง หากออกมาเดินเพ่นพ่านด้วยรอยแผลบนหน้าแบบนั้นแน่นอนว่าผู้คนก็จะต้องสงสัยแล้วก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ นางจึงต้องหลีกเลี่ยงข่าวลือทั้งหลายที่จะเกิดขึ้นโดยการไม่มาให้คนเห็นเลยจนกว่าแผลจะหายสนิท
แต่นั่นก็เป็นแค่การคาดเดาของฉันล่ะนะ
"กีฬาระหว่างมหาลัยอาทิตย์หน้าละนะ พร้อมยังไอลิซ" พัคแชยอง เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ(?)ของฉันถามขึ้นในขณะที่กำลังรอฉันกินข้าวให้หมดในโรงอาหารของมหาวิทยาลัย
"ยังว่ะ สงสัยต้องไปซ้อมอีกหน่อย" ฉันพูดไปตามจริง นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันจะเข้าแข่งในกีฬาระหว่างมหาวิทยาลัย ถึงแม้จะมั่นใจในฝีมือตัวเองขนาดไหนก็ต้องซ้อมแบบจริงจังอยู่ดี เพราะการแข่งครั้งนี้ผู้เข้าแข่งขันฝีมือดีของแต่ละมหาลัยก็ต่างมาเข้าร่วม ต้องไม่ง่ายแน่ๆ
"เออ ฉันก็เหมือนกัน แถมพี่จีซูจะไปเชียร์ด้วย จะยอมแพ้ไม่ได้" มันพูดยิ้มๆทำให้หน้าเหมือนชิปมังก์มากกว่าเดิม
"เออ ฉันไม่มีคนไปเชียร์ แต่ก็หนักใจอยู่ดี" ฉันพูดอย่างเซ็งๆ แล้วก็ตักข้าวกินอีกคำ
"ฮ่าๆๆๆ อย่าเพิ่งเศร้าไป เดี๋ยวฉันไปเชียร์แกเอง" ไอแชงยื่นมือมาตบบ่าฉันอย่างให้กำลังใจ
"กว่าแกจะมาฉันวิ่งเสร็จพอดี"
"เออออน่า ฉันจะรีบไปละกัน แกก็ระวังตัวนะ อย่าลืมว่ามิ้นต์ก็ไปแข่งกับแกแค่ลงคนละรายการ" จริงอย่างที่มันพูด แต่คราวนี้ยัยมิ้นต์นั่นคงไม่กล้าหืออือกับฉันแล้วล่ะมั้ง เป็นไปได้ฉันจะพยายามอยู่ห่างๆนางเอาไว้ ทั้งตอนเปลี่ยนชุดหรือตอนนั่งบัสไปสนามแข่ง จะได้ไม่ต้องเหม็นหน้ากันมาก
"เออฉันระวังอยู่ละ ไอแชง... เย็นนี้ไปกินส้มตำกัน หลังเลิกแกคงไม่ได้นัดกับพี่ซูไว้ใช่มั้ย"
"จริงๆก็นัดไว้แหละ แต่เดี๋ยวไปกับแกก่อนก็ได้ พอดีเพื่อนสำคัญกว่า" มันพูดแล้วหันมายิ้มเห็นฟันให้อย่างน่าหมั่นไส้
"เหรอออออจ๊ะ แหม่... พี่เค้าเรียนเลิกช้ากว่าล่ะสิ ชั้นรู้หรอก!" ฉันพูดอย่างรู้ทัน ซึ่งก็ส่งผลให้ไอเพื่อนตัวแสบมันขำขึ้นมาเสียงดังทันที สงสัยจะจริงสินะ... ไอบ้านี่ ฉันรู้จักแกไม่ผิดจริงๆ
"เก่งค่ะเก่งงงง เออ... ชั้นคบกันแล้วนะ กับพี่จีซูอะ" มันพูดแล้วก็ยิ้มหน้าบานอย่างเขินแบบปิดไม่มิด ฉันได้ยินดังนั้นก็กรีดร้องออกมาทันทีโดยไม่สนใจว่าคนรอบๆจะหันมามองหรือไม่
"โอ๊ยยยยยยยย ฉันว่าแล้วววววว อีแชงงงงงงง" พูดจบฉันก็หันไปตีมันรัวๆ ยังไม่ทันได้แซวเพื่อนสนิทตัวดีมันก็เขินจนแทบมุดดินอยู่แล้ว ฉันจะบ้าตาย... นี่ไม่ยอมบอกเพื่อนมาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วเนี่ย!?
"เพิ่งคบเองงงง ชั้นบอกแกคนแรกเลยนะ" มันพูดอย่างรู้ทันความคิดฉันอีกตามเคย
"ละอะไร ยังไง ใครเป็นคนขอ... แกใช่มั้ย? เล่า!" ฉันซักเพื่อนอย่างไม่เว้นจังหวะให้หายใจ มันที่กำลังบิดไปบิดมาด้วยความเขินก็ตอบด้วยน้ำเสียงอ้อนแอ้น
"พี่เค้าเป็นคนขอชั้นคบ ฟินมั้ยล่ะ? อร๊ายยยยย" โอ๊ยยยยทำไมฉันถึงได้เขินแทนเพื่อนได้ขนาดนี้ แต่ถึงจะรู้สึกตามยังไงฉันก็ยังไม่วายทำหน้าเบะปากใส่มันด้วยความหมั่นไส้ตามสเต็ป อย่างนี้แหละไอคนมีความรัก... นี่ถ้าวันนี้พี่เค้าเลิกเร็วมันก็คงทิ้งฉันให้ไปซื้อข้าวต้มคนเดียวแน่นอน!
"เบื่อค่ะเบื่อ ลิซ่าจะไม่ทนค่ะ" ฉันทำท่าปิดหูอย่างหมั่นไส้มัน ในขณะที่ไอแชงกำลังขำฉัน จู่ๆก็มีคนสะกิดฉันจากข้างหลังทำให้ทั้งฉันและมันหันไปมองคนที่มาใหม่พร้อมกัน
"น้องลิซ่า ลลิษา มโนบาลรึเปล่าคะ?"
นักศึกษาคนหนึ่งที่ดูจากภายนอกก็พอจะรู้ว่าน่าจะแก่กว่าพวกเรากำลังยืนอยู่ข้างๆฉัน ฉันและแชยองหันมามองหน้ากันแว้บหนึ่งก่อนที่จะเงยหน้ามองรุ่นพี่ที่เพิ่งจะเรียกชื่อเต็มของฉันอย่างงงๆทั้งคู่
"ค่ะ มีอะไรเหรอคะ?" ฉันถามแล้วก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าในมือของนางถือคลิปบอร์ดอยู่หนึ่งอันซึ่งหนีบเอกสารไว้ประมาณสามสี่แผ่น
"พอดีว่าพี่เป็นคนคุมพาเหรดของคณะเรา แล้วในงานกีฬาระหว่างมหาลัยที่จะถึงเนี่ยเราก็ต้องส่งดรัมเมเยอร์ของคณะไปใช่มะ ทีนี้พี่ก็เลยอยากจะมาถามว่าน้องสนใจจะเป็นหรือเปล่า ซ้อมอาทิตย์นึงน่าจะทันอยู่แล้ว" ฉันกับแชงมองหน้ากันทันทีที่ได้ยินสิ่งที่รุ่นพี่คนนี้พูด
"เอ่อ... แล้วทำไมถึงเป็นหนูอะคะ?" ฉันถามไปอย่างซื่อๆ
ก็จริงนี่นา... คนคณะนี้มีตั้งเป็นร้อย แถมฉันยังเพิ่งเข้ามาเป็นปีหนึ่งด้วย จะให้ฉันไปเป็นดรัมเมเยอร์เนี่ยนะ?
"เพื่อนพี่แนะนำเรามา บอกว่าเราอะเป็นนักกีฬา หัวก็ดีน่าจะเรียนท่าของดรัมได้เร็ว แล้วที่สำคัญหุ่นเราอะดีมากๆเลยนะ หน้าตาก็น่ารัก... ไปเป็นหน้าเป็นตาให้กับคณะเราได้เลย" แหม่... ชมกันซะเขินเลยทีเดียว ฉันรู้สึกได้ถึงรัศมีจากอีแชงที่ไม่ต้องพูดก็รู้ว่ามันคงกำลังยิ้มกริ่มแล้วแซวฉันทางจิตเป็นแน่
"ต..แต่ว่าหนูเป็นนักกีฬาแล้วนะคะ ลงสองอย่างเลยมัน-"
"โอ๊ยยยย เป็นนักวิ่งใช่มะพี่รู้หรอก! ไม่ต้องห่วงๆ พวกพาเหรด ดรัมเมเยอร์ กองเชียร์น่ะตอนเช้าหมดเลย ไม่ไปเกี่ยวกับกรีฑาตอนบ่ายแน่นอน" รุ่นพี่คนสวยพูดขึ้นมาอย่างรู้ทัน ฉันยิ้มแห้งๆให้นางโดยที่ในใจกำลังคิดหนักสุดๆ
ถึงดรัมเมเยอร์จะเป็นอะไรที่มีหลายคนไฝ่ฝันอยากจะได้เป็นก็เถอะ... แต่ฉันไม่ใช่หนึ่งในนั้นแน่ๆ แค่วิ่งก็เหนื่อยอยู่แล้ว ถามว่าเป็นได้มั้ยฉันก็เป็นได้อยู่หรอก... ปกติฉันก็ชอบเต้นชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว แต่ถ้าต้องมานั่งซ้อมท่าดรัมเมเยอร์ทุกวันล่ะก็เหรียญทองวิ่งคงจะไม่ได้มาง่ายๆแน่
"เอ่อ... แต่หนูเพิ่งอยู่ปีหนึ่งเองนะคะ ปกติคณะเราไม่ได้มีคนที่เป็นดรัมอยู่แล้วเหรอคะ?" ฉันถามด้วยน้ำเสียงแหยๆ เรื่องปฏิเสธคนนี่ฉันไม่เก่งสุดๆ
"เฮ้อ... ก็มีอยู่หรอก" รุ่นพี่ทำหน้าลำบากใจแล้วก็เสยผมตัวเองหนึ่งทีก่อนที่จะพูดต่อ
"ก็น้องเจนนี่คิมนั่นแหละ"
"แต่นางไม่มาเรียนหลายวันแล้ว... จะตามมาซ้อมก็คงยิ่งเป็นไปไม่ได้ พี่ก็เลยต้องหาตัวแทน"
ยัยนั่นก็เป็นดรัมเมเยอร์งั้นเหรอ!? เอ้ะ... แต่ก็ถูกแล้วนี่นะ ถ้าคณะเราจะส่งคนไปเป็นดรัมเมเยอร์ก็คงต้องเป็นดาวคณะนี่แหละ ทั้งหน้าตาทั้งหุ่นยัยนั่นยังไงก็ได้อยู่แล้ว
"แล้วถ้าพี่เจนนี่กลับมาทันล่ะคะ?"
"หายไปเป็นอาทิตย์แล้วคงเป็นไปไม่ได้หรอก ไม่มีใครเห็นนางเลยด้วย น้องลิซ่าเหมาะสุดแล้วเชื่อพี่ นะๆๆๆพี่รู้ว่าตอนนี้น้องอาจจะไม่อยากเป็น แต่ช่วยพวกพี่หน่อยนะ" น้ำเสียงอ้อนๆกับหน้าตาสวยๆของรุ่นพี่คนนี้ทำให้ฉันปฏิเสธขาดไม่ลง แต่จะให้ตกลงไปเป็นก็ไม่อยากเป็น ทำยังไงดี T-T
"ถ้างั้นหนูขอคิดดูก่อนได้มั้ยคะ ระหว่างนี้พี่ก็หาคนอื่นไว้เผื่อๆด้วยจะดีมากเลยค่ะ" แง... ไอแชงช่วยด้วย
"แหมพี่รู้ว่าแค่นี้น้องลิซ่าทำให้พี่ได้อยู่แล้ว... เนอะ^^ ให้คำตอบพี่ก่อนวันศุกร์นะ" รุ่นพี่คนสวยโปรยยิ้มมาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะวางกระดาษใบเล็กๆแผ่นนึงลงบนโต๊ะแล้วก็เดินจากไป ในกระดาษมีเบอร์โทรติดต่อ ไลน์ และอินสตาแกรมเขียนอยู่ พร้อมกับตัวอักษรภาษาไทยลายมือน่ารักๆที่เขียนไว้ว่า 'พี่พร้อม'
"พี่พร้อม" ฉันอ่านออกเสียงให้เพื่อนได้ยิน ไอแชงที่เพิ่งจะทำหน้าหายเอ๋อได้ก็หันมามองฉันสลับกับกระดาษที่อยู่บนโต๊ะ
"ชื่อพี่คนเมื่อกี๊อ่อ? แจกไลน์ซะด้วย"
"เออน่าจะ... พี่เค้าสวยว่ะปฏิเสธไม่ลงเลย" ฉันทำหน้าเซ็งๆ แต่เอาจริงๆจะเป็นใครมาทาบทามฉันก็ปฏิเสธไม่เก่งอยู่ดีนั่นแหละ
"เออสวยจริง ละนี่แกเอาไงวะ? หนักใจแทนเลย"
"เออเอาไงดีวะ" ฉันถามมันด้วยน้ำเสียงเหมือนคนที่กำลังหมดอาลัยตายอยาก ทำไงดีเนี่ย... ทำไมต้องมาเป็นฉันด้วย แต่จะว่าไปก็เหมือนกรรมตามสนอง เพราะฉันก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้ดาวคณะมาเรียนไม่ได้ ตอนนี้ฉันก็เลยต้องมาชดใช้กรรมโดยการมาเป็นดรัมแทนนางอย่างนั้นเหรอT_T
"แกจะเป็นมั้ยล่ะ ซ้อมหนักนะ" มันพูดขึ้นด้วยแววตาที่กำลังจะบอกว่า 'ซ้อมหนักสุดๆถ้าเป็นไปได้อย่าไปลงเลย'
"เออฉันก็รู้ไง แต่ดรัมตัวจริงมาเป็นไม่ได้ก็เพราะฉันไง" ฮือ... จะเบะแล้วนะ
"งั้นแกก็ไปตามพี่เจนนี่กลับมา"
"แกจะบ้าหรือไงไอแชง แผลไม่หายเค้าก็ไม่ออกมาจากห้องหรอก"
"แกก็ไปช่วยดูแผลให้เค้าสิ"
"ฉันเกลียดยัยนั่นโว้ยยยย" บ้าจริง!!! คนมีตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไมฉันจะต้องมายุ่งเกี่ยวกับนางอยู่ได้เนี่ยยย
"แต่มันก็เป็นทางเดียวที่แกจะไม่ต้องไปเป็นดรัมแทนนะ" =_=
"แล้วถ้าสมมุติฉันจะไปช่วยทำแผลทำอะไรให้จนนางหายจริงๆ แล้วนางไม่ยอมรับหน้าที่ล่ะ?"
"แกก็ทำให้นางยอม"
"ทำยังไง?" ฉันถามขึ้นมาอย่างสนใจ 0_0
"ตื๊อ"
"อีแชง-_-!" อีเพื่อนสนิทบ้านี่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด ให้ตายสิ! ลิซ่าจะบ้า
"เค้าไม่ได้เกลียดแกไม่ใช่เหรอ ยังไงทำไปมันก็ไม่เสียหายนะลิซ" มันพูดขึ้น ไม่เสียหายตรงไหนฟะ? ทำน่ะฉันเสียศักดิ์ศรีสุดๆไปเลยไม่ใช่รึไง
"ทำไมฉันต้องไปทำดีกับคนที่เกลียดวะ ละยัยนั่นน่ะก็เกลียดทุกคนนั่นแหละ คนนิสัยแบบนั้นฉันไม่อยากจะเข้าใกล้ที่สุด"
"แกคิดเยอะไปละ ก็ไหนมาเล่าให้ฉันฟังไงว่าคราวที่แล้วที่เอาข้าวต้มไปให้นางก็ไม่ได้แย่มาก"
ก็นั่นมันแค่คราวนั้นนี่...
"นี่ฉันต้องไปเทคแคร์นางจริงๆใช่มะ" ฉันเอามือเท้าคางแล้วผลักจานข้าวออกจากตัวเล็กน้อย... กินต่อไม่ลงแล้ว
"แค่เอาข้าวไปให้ละดูแผลให้หายแค่นั้นเอง" นี่ฉันต้องเป็นเด็กส่งข้าวต้มให้นางแล้ว?
"เฮ้อ ปฐมพยาบาลฉันก็ใช่ว่าจะเก่งนะ"
"เดี๋ยวให้พี่จีซูบอกให้ว่าต้องทำอะไร"
"ฮือ.. เอาแฟนแกมาทำแทนฉันได้ไหม" แค่ได้ยินคำว่าแฟนมันก็เอามือมาตีฉันรัวๆด้วยความเขิน แหม ยิ้มใหญ่เลยนะไอนี่... ไม่สงสารเพื่อนอย่างฉันที่กำลังตกลำบากบ้างเลย
"ไม่ได้!"
และแล้วตอนเย็นนั้นฉันก็อดกินส้มตำ... ต้องไปแวะร้านข้าวต้มแทนเพื่อซื้อไปให้ใครบางคนที่ฉันไม่อยากจะเจอที่สุด
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น