หนูเมฆ..กระต่ายน้อยที่รักของฉัน - หนูเมฆ..กระต่ายน้อยที่รักของฉัน นิยาย หนูเมฆ..กระต่ายน้อยที่รักของฉัน : Dek-D.com - Writer

    หนูเมฆ..กระต่ายน้อยที่รักของฉัน

    บทความนี้ ฉันเขียนขึ้น เพื่อไว้อาลัย และระลึกถึง สัตว์เลี้ยงตัวน้อยของฉัน ฉันขอร้องไห้ให้เขาเป็นครั้งสุดท้าย และจะระลึกถึงเขาโดยไม่เศร้าอีก แด่..ปุยเมฆ กระต่ายน้อยของฉัน

    ผู้เข้าชมรวม

    301

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    301

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  19 ม.ค. 58 / 18:07 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    วันนี้..19/1/58 ครบรอบ 1 ปี ที่หนูจากไปนะลูก  หนูเมฆ..กระต่ายน้อยที่รักของฉัน

    1ปีที่แล้ว เป็นวันที่ฉันเสียใจที่สุด ณ เวลา 23.40  ฉันสูญเสียเจ้ากระต่ายตัวน้อยไปตลอดกาล..

     

    -------------------------------------------------------------------------------------------------

     

    ฉันจำวันแรกที่ได้ ลูกกระต่ายขนฟู ตัวเล็กๆ เมื่อเกือบ 8 ปีก่อน  ฉันได้มีโอกาสไปเดินเที่ยวงานกาชาดประจำจังหวัด กับพี่ชาย  เดินเที่ยวอยู่นานจนได้เจอกับตรอกขายสัตว์ตัวกระจิริด ขนฟู ๆ วิ่งไต่กันไปมาบนคอกกั้น ช่างดูน่ารักเสียนี่กระไร  ฉันชวนพี่ชายไปเดินดู แล้วเลือกมาได้ตัวนึง เป็นกระต่ายพันธุ์ไทยสีขาว ขนสั้นแข็งๆ ซึ่งระหว่างถามราคา และเตรียมจะจ่ายเงินนั้น พี่ชายฉันบอกว่า ให้เลือกเจ้ากระต่ายอีกตัวดีกว่า เพราะตัวที่ฉันเลือกมานั้นมันดูไม่แข็งแรงแล้วก็เริ่มซึม

     

    ฉันหันไปมองเจ้าตัวน้อยที่อยู่บนมือของพี่ ก็เห็นเจ้าตัวสีขาว ขนฟูนุ่ม แล้วรูปหน้าก็กลมน่ารัก ฉันพยายามเอื้อมมือไปลูบขนของมัน เจ้าตัวน้อยก็ดิ้นหลบบนมือพี่ของฉันด้วยความกลัว พี่ชายฉันบอกว่า เห็นเจ้าตัวนี้โดนตัวอื่นทับอยู่ข้างล่าง แต่พอมีคนจะจับมันก็วิ่งหนี ดูไม่ซึม  แถมตัวก็ใหญ่กว่าตัวอื่น ลักษณะปราดเปรียวดี  ฉันจึงสอบถามราคากับคนขายใหม่  ซึ่งราคาเจ้าตัวนี้ แพงกว่าตัวเก่าที่ฉันเลือก 100 บาท เพราะคนขายบอกว่ามันเป็นพันธุ์ผสมเท็ดดี้แบร์ ขนจึงนุ่มกว่ากระต่ายทั่วไป  ฉันลังเลอยู่นาน แต่พอจ้องแววตาเจ้าตัวนี้  อา..ฉันถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว แววตาสีแดงทับทิมแวววาม  หูเล็กๆสั้นๆ ตั้งขึ้น   นอนหมอบอยู่บนมือพี่ฉันนิ่ง.....อยากจับมาฟัดเสียจริง ^-^   และแล้ว บ้านฉัน ก็มีสมาชิกใหม่ ตัวน้อยๆ สีขาว ขนฟูๆ เพิ่มมาอีก 1 ตัว ที่สำคัญ เป็นเด็กชายกระต่ายจอมซนซะด้วยสิ..

     

    วันแรกที่ได้เพื่อนใหม่มาอยู่ด้วย  ฉันคิดอยู่นาน ว่าจะตั้งชื่อให้เจ้าตัวน้อยนี่ว่าอย่างไรดี  ดูตามลักษณะขนของเจ้าตัว กับดวงตาเศร้าๆ สีทับทิมแล้ว ให้นึกถึงปุยก้อนเมฆ ที่ฝนกำลังจะตกลงมา  ฉันจึงตั้งชื่อใหม่ให้ว่า ปุยเมฆ  แต่ด้วยความที่ชื่อนั้นยาวเกินไป คนในบ้านจึงเรียกสั้นๆ ว่า เจ้าเมฆ

     

    เจ้าหนูเมฆของฉัน..ไม่สิ ปกติ ฉันจะเรียก ไอ่หมู  หมูเมฆ หนูเมฆ.. หรือ ไอ่อ้วน  คิดถึงจริงๆ..

     

    เจ้าหนูเมฆมาวันแรกๆ ตื่นตกใจสถานที่แปลกใหม่มาก พอฉันปล่อยออกจากกรงเล็กๆ เท่านั้นล่ะ พี่ท่านก็วิ่งปรู๊ด ไปหลบตามซอกตู้ทันที เรียกเท่าไรก็ไม่ออกมา  ฉันวางอาหารเม็ด กับ อ่างน้ำเล็กๆ ไว้ให้ มันก็ไม่ยอมออกมากิน จนแล้วจนรอด ก็หมอบนิ่งอยู่อย่างนั้น ฉันไม่รู้จะทำอย่างไร กลัวมันหิว เลยไล่ต้อน จนจับมันมาจนได้ แล้วจึงเอาไปไว้ในกรง เพื่อให้มันชินก่อน เผื่อมันจะหิวแล้วจะได้กินอาหารกับน้ำด้วย  และแล้วก็ผ่านไป 3 วัน ซึ่งฉันไม่ได้ปล่อยมันออกมาเลย ให้เขาอยู่แต่ในกรงไปก่อน แต่ระหว่างนั้น ก็เข้าไปคุยไปลูบตัวเล่นทุกวัน  จนพอวันที่ 4 หลังฉันกลับมาจากมหาลัยตอนค่ำ จึงค่อยๆ เริ่มเอามันออกมาเล่นข้างนอกกรงอีกครั้ง

     

    กระต่ายน้อยพอคุ้นเคยกับฉันบ้างแล้ว จึงยอมให้ลูบให้จับ แต่ก็ยังมีท่าทีหวาดกลัวอยู่ ตอนนั้นฉันยังไม่มีประสบการณ์เลี้ยงกระต่ายเท่าไร เห็นมันกินแต่อาหารเม็ด จึงคิดว่าอยากจะให้มันลองกินอย่างอื่นดูบ้าง  วันนั้นก่อนมาถึงบ้าน ฉันจึงได้ไปซื้อพวกผักบุ้ง กับแครอทมา เพราะเคยได้ยินฝังใจมาก่อนว่า กระต่ายชอบกินผักบุ้งกับแครอท   นั่นจึงเริ่มเป็นหายนะ สำหรับเจ้าตัวเล็กของฉันเป็นครั้งแรก

     

    ค่ำวันนั้น ฉันล้างผักบุ้งจีนสองสามต้นจนสะอาด แล้วก็หั่นแครอทเป็นชิ้นยาวเล็กๆ แล้วเอาไปไว้ในกรงของเจ้าตัวเล็ก  หลังจากปล่อยมันวิ่งเล่น และเล่นไล่จับกันมาระยะหนึ่งแล้ว  ฉันจึงจับมันเข้ากรง เพื่อตัวฉันเองจะได้ไปทำธุระส่วนตัว อาบน้ำ กินข้าวบ้าง  จนผ่านไปสักระยะ ฉันนั่งดูหนังอยู่จนหนังจบ เวลาขณะนั้น สี่ทุ่มยี่สิบนาที ฉันจึงเตรียมตัวเข้านอน  และก่อนจะนอนนั้น ฉันก็เดินไปที่กรงเจ้าตัวเล็ก เพื่อจะนำผ้ามุ้งที่เตรียมไว้ ไปคลุมกรง กันยุงกัดมัน   ขณะนั้นฉันสังเกตว่าเจ้าตัวเล็ก มีอาการเดินไปเดินมา แล้วก็เริ่มอึไปด้วย  เจ้าตัวเดินไปเลียน้ำในอ่างที่ฉันตั้งไว้ในกรง แล้วก็เดินวนทั่วกรง แล้วก็อึอีกครั้ง  ฉันจับมันออกมาดู ถึงได้รู้ว่า เจ้าหนูเมฆของฉัน มีอาการท้องเสีย เพราะก้อนอึที่ถ่ายออกมานั้น ลักษณะสีดำเหลวแล้วก็เหม็นมาก  ฉันตกใจไม่รู้จะทำอย่างไรดี  คลินิกแถวบ้านฉันก็ไม่มีแถวไหนเปิด 24ชม.  ฉันสังเกตว่า เขาจะมาเลียกินน้ำตลอดเวลา และก็จะเลียก้นตัวเองทำความสะอาดไปด้วย ในอ่างน้ำนั้น จึงเต็มไปด้วย ก้อนอึ ที่ติดมากับปากของเขา 

     

    เนื่องจากเพิ่งซื้อเจ้าตัวเล็กมาไม่กี่วัน จึงยังไม่ได้ซื้อขวดน้ำ อุปกรณ์อื่นๆ ก็ยังไม่มีพร้อม แล้วก็ตอนนั้นไม่รู้จะไปหาที่ไหน ฉันจึงได้แต่นั่งเฝ้า เปลี่ยนน้ำในอ่างน้ำให้ ทุกครึ่งชั่วโมง  ซึ่งฉันคอยสังเกตอาการตลอด เจ้าเมฆ ยังคงเดินวนไปเวียนมา จนท้ายๆ คิดว่ามันคงจะหมดแรง จึงได้หยุดหมอบลงเฉยๆ จนกระทั่งเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ฉันนั่งเฝ้าไปหลับไป คอยตั้งนาฬิกาปลุกทุก 1ชม.จะเปลี่ยนน้ำในอ่างทีนึง  จนกระทั่งเวลาผ่านไป ถึง ตี4 ฉันเบลอจากการอดนอน แต่ก็ยังคอยลูบจับเจ้าตัวเล็ก ฉันคิดว่ามันคงจะไม่รอดแน่แล้ว ถึงได้นอนนิ่งๆ แต่ก็ยังหายใจอยู่...

    ด้วยความง่วงฉันจึงเผลอหลับไป ครั้งสุดท้าย ประมาณตีสี่กว่าๆ ที่ฉันเปลี่ยนน้ำให้เจ้าตัวเล็กครั้งสุดท้ายและลืมตั้งนาฬิกาปลุกให้ปลุกในชั่วโมงถัดไป เพื่อจะเปลี่ยนน้ำ   มารู้สึกตัวอีกที 6 โมงเช้า  

     

    ทันที่ที่เริ่มรู้สึกตัวตื่น  ฉันตกใจมาก ดูนาฬิกาบนฝาผนัง ในใจก็ภาวนาว่า หากยังมีวาสนาได้เลี้ยงดูกันอยู่ ก็ขอให้เจ้าตัวเล็กนั้นรอดด้วยเถอะ   ฉันเดินมาตรงกรงเล็กที่ปิดด้วยมุ้งลวด ค่อยๆ เอื้อมมือไปเปิดดู โอ..เจ้าจอมอึดของฉัน ยังอยู่ดีมีสุข มันกระโดดไปมาในกรงเล็กๆ นั่น แล้วเริ่มกินอาหารเม็ด   ฉันดีใจมาก นึกว่าจะเสียมันไปแล้ว  วันนั้น ฉันฝากให้พี่ชายช่วยดูอาการมัน (พี่ชายฉันทำงานเข้ากะดึก ตอนกลางวันจึงผักผ่อนอยู่ที่บ้าน)  ส่วนตัวฉันก็รีบอาบน้ำไปเรียน  ทั้งวันน่ะฉันเรียนไม่รู้เรื่องเลย เขียนผิดๆถูกๆ  หัวเบลอไปหมด...

     

    วันนี้ฉันมีเรียนแค่ตอนเช้า พอช่วงบ่าย ฉันรีบกลับมาบ้าน  เห็นเจ้าตัวเล็กอาการเป็นปกติ ฉันจึงยังไม่ได้พาไปหาหมอ  พอมีเวลาว่าง จึงได้เริ่มเข้าไปศึกษาวิธีเลี้ยงกระต่ายในอินเตอร์เน็ต  จนกระทั่ง อ่านไปอ่านมา ถึงมารู้ทีหลังว่า กระต่ายตัวเล็กๆ ยังไม่ควรให้กินอย่างอื่น เช่นพวกผักกับผลไม้ จะทำให้ท้องเสียง่าย ที่ใส่น้ำควรจะซื้อเป็นขวด เพื่อกันเชื้อโรคที่ปนเปื้อนติดมากับปาก  โชคดีว่าเมื่อคืนฉันตัดสินใจถูกที่คอยเปลี่ยนน้ำให้เจ้าตัวน้อย  ไม่งั้นล่ะ ไม่อยากจะคิด....

     

    เย็นวันนั้น ฉันพาเจ้าเมฆไปหาหมอคลินิกแถวบ้าน เพราะอ่านจากในเนตว่า กระต่ายควรให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าด้วย จึงนำมันไปหาหมอ เพื่อฉีดวัคซีน และตรวจดูอาการด้วย คุณหมอดูอาการแล้วไม่เป็นอะไร จึงถามว่าอายุได้กี่เดือนแล้ว  ฉันได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ เพราะไม่รู้อายุจริง หมอบอกว่า งั้นรอให้โตกว่านี้อีกสักหน่อยค่อยพามาฉีดวัคซีนแล้วกัน  ฉันจึงพาเจ้าตัวน้อย นั่งรถกลับไปที่งานกาชาดอีกครั้ง (งานกาชาดจัด 10 วัน วันที่พาเจ้าเมฆไป เป็นวันที่9 จึงยังพอได้เจอเจ้าของร้าน) เพื่อไปถามถึงอายุเจ้าตัว ถึงได้รู้ว่า เจ้านี่ อายุประมาณ 2 เดือนครึ่ง  จากนั้นจึงได้ขวดน้ำใหม่เอี่ยมมาจากที่ร้านคนขายด้วยซะเลย  คนขายบอกว่า อย่าเพิ่งให้กินอาหารอื่น กินแต่อาหารเม็ดไปก่อน โตแล้วค่อยให้อย่างอื่นเสริม

     

     

    วันเวลาผ่านไป 3 เดือน ไอ่หมูเมฆของฉันเติบโตวิ่งเล่นเป็นปกติ แต่หลังจาก สามเดือนผ่านไป จากที่มันไม่ค่อยจะยอมให้จับตัว เรียกก็ไม่ค่อยจะยอมมา ต้องไล่จับทุกครั้งถึงเอามาเข้ากรงได้  จนวันนี้ กลับจากหน้ามือเป็นหลังเท้าทีเดียว  ฉันล่ะหมั่นไส้มันจริงๆ กลับมาจากเรียนเมื่อไร  ปล่อยมันออกมาเล่น มันต้องวิ่งดักหน้าดักหลัง วิ่งตามคลอเคลียเป็นแมว จนฉันเกือบสะดุดซะนี่กระไร  แถมยังกินมากขึ้นเรื่อยๆ จนพุงป่องเลยล่ะ  ไม่น่าเชื่อว่า หลังจากเหตุการณ์ท้องเสียแทบตายครานั้น  เจ้าหมอนี่กินจุขึ้นเรื่อยๆ ตัวก็เริ่มโตขึ้น แต่ลักษณะท่าทางตอนเด็ก หน้ามันก็ยังไม่ค่อยเปลี่ยนไปเท่าไร ยังคงตาสีทับทิมที่ในตอนกลางคืน แวววามเป็นสีแดงสด ขนยังฟูนิ่ม ยุ่งๆ นิดหน่อย น่าฟัดน่ากอดเหมือนเดิม..  กระต่ายอายุห้าเดือนแล้ว น่าจะเริ่มเป็นหนุ่มน้อยแล้วสินะ นิสัยก็เริ่มห้าว ไปตามระเบียบ  พี่ท่านเริ่มกัดแทะข้าวของในบ้านอย่างไม่ไว้หน้าเลยทีเดียว อะไรที่เป็นเส้นๆ เช่นสายพัดลม  สายที่ชาร์ตโทรศัพท์ ปล่อยวางไม่ได้เลย พี่ท่านแทะเรียบ แม้กระทั่งพื้นบ้านในครัวฉัน จะปูด้วยไม้กระดาน มันก็แทะซะขอบไม้แหว่ง --* 

     

    วันหนึ่ง ฉันเริ่มค้นหาวิธีที่ให้เจ้าตัวเล็กมันหยุดแทะข้าวของในบ้านทางอินเตอร์เน็ตอีกครั้ง จนไปเจอเว็บไซต์หนึ่ง คือ เว็บพันทิป  อ่านไปเจอห้องกระต่าย ที่พวกเจ้าของพร้อมใจกันเรียกว่า เป็นทาสเจ้ากระต่ายกันทั้งนั้น  ฉันคลิกเข้าไปอ่านวิธี บทความการเลี้ยง และชื่นชมลูกชายลูกสาว ของบรรดาทาสๆ ทั้งหลาย  ฉันจึงเริ่มเอาเจ้าตัวดีของฉันไปอวดบ้าง และก็สอบถามพูดคุยกับบรรดาพี่ๆในห้องนั้น จนรู้จักกับพี่สาวท่านหนึ่ง ชื่อ คุณแดงเร็กเก็ตบาร์  (ขออนุญาตนะคะ ไม่แน่ใจเขียนแบบนี้หรือเปล่า)  พี่แดงน่ารักมาก จะคอยตอบคำถามและวิธีเลี้ยงให้กับบรรดาทาสมือใหม่   และตัวพี่แดงเอง ขณะนั้นก็มีเจ้านายสองตัว ชื่อน้องบุญหล่น กับน้องบุญทิ้ง   แต่เนื่องด้วยภาระการเรียน ที่เป็นเทอมสุดท้ายแล้ว ฉันจึงไม่ได้เข้าไปคุยเล่นในห้องนั้นอีก

     

     

    วันเวลาของฉันกับเจ้าตัวหนุ่มเมฆนี่ ผ่านไปเรื่อยๆ ทุกวันเราเล่นด้วยกัน บางทีพี่ฉันกลับมาก็จะมานั่งเล่นด้วย แต่เจ้าตัวไม่ค่อยยอมให้สมาชิกในบ้านคนอี่นๆ จับตัวเท่าไร นอกจากฉันคนเดียว หากใครจับมัน มันจะไล่กัด -*-  บางที หากฉันอุ้มมันอยู่ มันตะกายจะลง ก็ไม่ยอมปล่อย  พี่ท่านก็จะงับ แต่งับเบาๆ พอให้ปล่อยมันไปนั่นล่ะ  แต่ฉันไม่ปล่อยหรอก ยังแกล้งอุ้มมันต่อไป จนมันงับแล้วฉันไม่ปล่อยมันก็หันมาเลียมือฉันซะงั้น อ้อนซะ.. อิอิ คิดแล้วสนุกมาก ได้แกล้งมัน บางทีฉันก็จะคอยดึงหู ดึงหางเขาเบาๆ  เขาก็รู้ตัวนะว่าฉันจะเล่นด้วย หันมาแล้วเอาจมูกดุนๆ ปัดๆมือฉัน เหมือนหวงหางตัวเองนั่นล่ะ 

     

     

    บางทีฉันหาข้อมูลอยู่ที่อินเตอร์เน็ต ฉันก็ปล่อยเขามานั่งข้างๆ  เขาจะเอาส่วนใดส่วนหนึ่งมาวางเกย ไม่ก็พิงฉันตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นหัว วางไว้บนหลังเท้า หรือเอามาแตะ แล้วนั่งทับลงไป ไม่ก็ เอาหลังมาพิงขาฉัน   หากวันไหนฉันนิ่งมากๆ ไม่สนใจเล่นกะเขา เขาจะเปลี่ยนมา เอาสองขาหน้า (มือ) ตะกุยขาฉันจะแสบเลย หากเมื่อได้เวลานอนประจำทุกๆวัน เหมือนเขาจะรู้ว่าฉันจะจับเขาเข้ากรงนอนอ พอฉันเริ่มปิดคอมฯ เริ่มขยับเก้าอี้ เท่านั้นแหละ พ่อคุณเอ๋ย พี่ท่านต้องเล่นวิ่งไล่จับกับฉันทุกวัน  คือ ต้องวิ่งไปแอบใต้เตียง พอฉันมุดเอื้อมมือไปคว้า มันก็จะวิ่งปรู๊ดออกมาแล้ววิ่งวนรอบเตียง ให้จะให้ฉันเล่นกับมันก่อน  เมื่อออกกำลังกายวิ่งเล่นจนพอใจ มันถึงอยู่นิ่งๆ รอให้ฉันอุ้มเข้ากรงนอน...ดูมันทำสิ-*-

     

     

     

    เท่านั้นยังไม่พอนะ  บางวันเป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ฉันก็ขี้เกียจ ตื่นสายเป็นธรรมดา  พี่ชายฉันวันไหนมันหยุดตรงกับฉัน มันก็จะตื่นก่อนฉัน แถมยังไม่ยอมให้ฉันนอนหลับอุตุเป็นสุขสบายอยู่คนเดียว  มันทำไงรู้ไหม  มันปล่อยไอ่เมฆเจ้าตัวแสบออกมาจากกรง  แล้วปล่อยมันเข้ามาในห้องฉัน (ห้องฉันไม่ได้ล๊อคประตู) แล้วมันก็ยืนดูผลงานแล้วหัวเราะคิกคัก   เจ้าตัวแสบเห็นฉันนอนอยู่บนฟูก พี่ท่านกระโดดขึ้นมาปลุกฉัน โดยการ มานั่งอยู่บนหัว แล้วเอาเล็บตะกุยหัวฉันล่ะ --*  ฉันยังงัวเงียไม่อยากตื่น ก็พลิกตัวหนีมัน  มันก็เอาปากงับผมฉันแล้วเคี้ยว จนฉันรำคาญ จึงลุกขึ้นแล้วผลักตัวมันออกห่าง  หายไปพักนึงพอจะเคลิ้มหลับ มันก็มาเลียหัวฉันปลุกให้ตื่น  แล้วไงรู้ไหม  เจ้าตัวแสบเห็นฉันไม่ลุกมาเล่นกับมัน มันจึงหันหลังแล้วนั่งบนหัวฉัน ทำท่าทางจะฉี่ใส่ทันที เหอๆ ดีนะที่ฉันสังหรณ์ใจว่า ท่ายืนมันคุ้นๆ จึงยกหัวออกจากหมอนได้ทัน แต่ก็ยังมีบางส่วนกระเด็นมาโดนนะ เจ้าตัวดี มันก็หยุดฉี่ซะเฉยๆ เลยไม่เปียกมาก ฉันเลยต้องจำใจลุกแล้วรีบเอาหมอนไปซักด้วยประการนี้

     

     

    บางที เมื่อฉันไม่สบาย แล้วนอนอยู่ มันก็จะมานั่งเฝ้าบนหัว เหมือนเดิม แต่มันจะนั่งหมอบอยู่นิ่งๆ เหมือนมันคอยเฝ้าไข้งั้นล่ะ เรื่องราววีรกรรมสุดแสบ น่ารักๆ เป็นอยู่เช่นนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน.. จนฉันเรียนจบ และเริ่มทำงาน  ... ก่อนหน้านั้นฉันลืมเล่าไปว่า เจ้าเมฆของฉันนั้น ฉันเลี้ยงเขาอยู่ตัวเดียว ไม่ได้ซื้อกระต่ายตัวอื่นมาเป็นคู่เล่นให้   ปีแรกๆ มันก็เหมือนจะปกติดี แต่พอเริ่มผ่านปีแรกไป ฟันเขาก็เริ่มงอกยาวผิดปกติ จนกินอาหารไม่ได้ หาข้อมูลแล้วจึงพอรู้ว่า เจ้าเมฆเป็นโรคฟันยาว  สันนิฐานว่า เนื่องจากมันเป็นพันธุ์ผสม ระหว่างกระต่ายไทยหน้ายาวๆ กับเท็ดดี้แบร์ ซึ่งช่วงหน้ามันจะสั้น  ตลอดเวลาที่มันโต ตัวมันโตขึ้นเหมือนกระต่ายไทย  แต่ลักษณะขน และหัวมันสั้นๆ ไม่หน้ายาวเหมือนกระต่ายไทย  จึงทำให้มันมีปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างของฟัน (ฉันเดาเอานะตอนนั้น) จึงได้พาไปตัดฟัน แรกๆ ฉันกลัวว่าคลินิกแถวบ้านจะไม่มีเครื่องมือ ฉันจึงพามันนั่งรถถ่อไปจนถึงโรงพยาบาลสัตว์เฉพาะทาง แถวๆประตูน้ำ ที่นั่นเป็นโรงพยาบาลสัตว์เฉพาะทาง รักษาพวก นก งู สัตว์แปลกๆ อื่นๆ ฉันพาเจ้าเมฆไปตัดฟันครั้งแรก ฉันเห็นเครื่องมือตัดฟันแล้ว กลัวเจ้าเมฆ มันจะดิ้นจนกลายเป็นเครื่องมือตัดปากไป เพราะลักษณะมันเป็นด้ามยาวๆ แล้วตรงหัวเป็นใบมีดกลมๆ พอกดสวิชต์ มันก็จะเสียดังแหลมๆ เบาๆเหมือนใบเลื่อย  หมอบอกว่างั้นก็ต้องวางยาสลบ..

     

     

    ตอนนั้นฉันกลัวว่ามันจะกินข้าวไม่ได้ กลัวมันดิ้นจนตัดไม่ได้ จึงยอมเซ็นเพื่อให้หมอวางยาสลบ  ฉันจำไม่ได้ว่าเขาฉีดยาสลบหรืออย่างไร สักพัก จากที่ฉันยืนอยู่ปลายเตียง  ตัวเจ้าเมฆมันอยู่ต้นเตียงอยู่ในมือหมอ พอหลังจากวางยา มันค่อยๆโงนเงน คลานมาหยุดตรงหน้าฉัน พอฉันจับตัวมัน มันจึงค้างไปแบบนั้น ฉันรู้แล้วว่ามันสลบไปแล้ว  แล้วหมอก็จัดการเลื่อยฟันมันออกมา แล้วรอเวลาจนมันฟื้น ฉันจึงพากลับบ้าน

     

    หลังจากนั้นมาทุกเดือน ฟันเจ้าเมฆจะงอกยาวอยู่อย่างนี้ ตลอด ฉันไม่กล้าพาไปให้หมอฉีดยาสลบอีก กลัวว่ามันจะมีผลข้างเคียง จึงเปลี่ยนมาใช้บริการจากคลินิกใกล้บ้านแทน  เขาใช้วิธี เอาผ้าพันแล้วอีกคนจับเงยหน้าขึ้น แล้วคุณหมอก็จะเอากรรไกรตัดเล็บน้องหมาที่อันใหญ่หน่อย มาตัดฟันให้เจ้าเมฆ ฉันเห็นแล้ว เจ็บแทนเลยล่ะ ตัดเสร็จข้างล่างมันก็จะต้องงี้ดทีนึง  คุณหมอให้พักสักแป๊บแล้วก็เริ่มตัดฟันซี่บนใหม่ มันก็ร้องงี้ดๆ น่าสงสารมาก  แต่ทำไงได้ เหมือนมันเกิดมาใช้เวรอย่างไรไม่รู้ ต้องเวียนไปตัดแบบนี้ เจ็บตัวทุกเดือน สังเกตว่าหลังจากตัดฟันมันก็เลิกแทะของในบ้านไปโดยปริยาย

     

     

     

    วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ จาก 1 ปี เป็น 3 ปี จาก 3 ปี เป็น 5 ปี นอกจากปัญหาเรื่องฟันยาวแล้ว เขาก็สุขภาพแข็งแรงตลอด  ไม่ว่าจะเสียงฟ้าร้อง ฝนตก แดดออก อากาศร้อนเพียงใด พี่ท่านก็ยังอึดและร่าเริงเสมอ ไม่มีอาการตกใจ หรือเจ็บป่วยให้เห็น และแล้วก็มาถึงปีสุดท้าย ในปีที่ 7  หนุ่มน้อยแสนห้าวของฉัน กลายเป็นคุณปู่กระต่าย อายุ 7 ปีเศษ  ทุกๆเดือน เขาต้องทนทรมาน จากโรคฟันยาว แล้วก็ต้องไปตัดให้เจ็บตัวทุกเดือน  ช่วงนั้น ฉันเริ่มติดเกมส์ออนไลน์เกมส์หนึ่ง เวลาเล่นกับเขาจึงลดน้อยลงไปด้วย แต่เขาก็ยินดีมานั่งเฝ้าฉันเล่นเกมส์ โดยการนั่งหมอบอยู่ข้างๆ เหมือนเดิม จนได้เวลานอน จนกระทั่งเวลาผ่านไปถึง เดือนมกราคม ปี 57 ด้วยอากาศต้นปีที่หนาวมาก   โดยปกติ ฉันจะจับเจ้าหนูของฉันอาบน้ำแปรงขนทุกๆ สามเดือน ซึ่งเดือนมกราคมปีที่แล้ว เลยกำหนดมา 1 เดือน กับที่ตัวเขาเริ่มมอมแมมมาก  ซึ่งวันก่อนหน้าที่ฉันจะอาบน้ำให้เขา เขาทำท่าทางแปลกๆ ในค่ำคืนหนึ่ง ขณะฉันกำลังนั่งเล่นเกมส์อยู่ เขาเดินมาตะกุยขาฉันเบาๆ แล้วเดินไปนั่งหลบมุมในซอกชั้นวางหนังสือ....  

     

     

    ฉันแปลกใจ ก้มไปอุ้มเขานั่งบนตัก ตอนนั้น น้ำจากตาของเขาหยดหนึ่ง ไหลลงเปียกพื้น  ฉันอุ้มเขาขึ้นมา จึงเห็นว่า เขาน้ำตาไหล....เขาจ้องตาฉัน เราจ้องตากันสักพัก ฉันกอดเขาเอาไว้ ในใจรู้สึกแปลกๆ แล้วจึงเอากระดาษมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ ซึ่งตอนนั้นฉันคิดว่า ตาเขาคงจะอักเสบ เลยกะว่า พรุ่งนี้จะพาไปหาหมอ และฟันเขาก็ยาวจนได้กำหนด เวลาที่จะต้องไปตัดพอดี

     

     วันรุ่งขึ้น เป็นวันอาทิตย์ ฉันนึกอย่างไรไม่รู้จึงจับเขาอาบน้ำ ช่วงที่อาบคือกลางวัน ค่อนไปทางบ่ายๆ ซึ่งอากาศเริ่มเย็นเล็กน้อย  เมื่ออาบเสร็จ ฉันก็เอาผ้ามาเช็ดตัวเขา จนหมาดๆ ค่อนแห้ง แล้วจึงปล่อยให้เขาเลียขนให้แห้งไปเอง ตามปกติ อย่างที่เคยทำ... ( ซึ่งที่ผ่านมา 7 ปีนี้ เมื่อฉันอาบน้ำเสร็จแล้ว ฉันจะเอาผ้ามาซับตัวเขาจนเกือบแห้ง แล้วปล่อยให้เขาเลียขนอีกนิดหน่อยจนแห้งไปเอง เพราะเคยเอาไดร์มาเป่าขนเขาแล้วเขาตกใจกลัวเสียงไดร์) แล้วฉันก็ไปจัดการธุระส่วนตัว ซักผ้า  ดูหนังฟังเพลงเล่นเกมส์ตามปกติ   ถ้าหากฉันคิดสักนิด หรือย้อนเวลาได้ ฉันจะไม่มีวันทำแบบนั้นเป็นอันขาด....ถ้าย้อนเวลากลับไปได้...

     

    เนื่องจากอากาศตอนเย็นเริ่มหนาวมาก ฉันเอาอาหารกับน้ำใส่ไว้ให้เขากินตามปกติ ซึ่งขณะนั้นก็ปกติ ดี แต่เขานั่งนิ่งๆ ซึ่งฉันก็ไม่ได้สังเกต หลังจากให้อาหารเสร็จแล้วก็ไม่ได้ดูเขาอีก  เวลาผ่านไปจนถึงค่ำแล้ว พี่ชายฉันกลับมาบ้าน พี่ฉันเดินไปเพื่อจะไปเล่นกะเจ้าเมฆตามปกติ  ทันใดนั้นพี่ฉันก็ร้องเรียกฉันให้ฉันไปดูเจ้าเมฆ บอกว่ามันเป็นอะไรไม่รู้ อาการเหมือนคนสัปหงก จะนั่งก็ไม่นั่ง หัวตกพื้น โงกไปโงกมา ฉันตกใจ รีบวิ่งไปดู ...

     

     

    ฉันอุ้มเขาออกมา ใจฉันแทบร่วง  มือฉันสัมผัสได้ว่า ขนตรงช่วงท้องของเขายังไม่แห้ง   นี่ฉันทำอะไรลงไปกันนะ

    ฉันรีบหยิบผ้าเช็ดตัวประจำตัวเขามา ห่อเขาไว้ แล้วใช้ผ้าอีกตัวรีบเช็ดขนตรงท้องของเขา ตอนนั้น หัวเขาอ่อนปวกเปียกไปหมดแล้ว  หัวเขาตกซบมาบนอกฉันที่กำลังกอดเขาไว้.....

     

    ฉันเรียกชื่อเขา เรียกเรื่อยๆ ลูบหัวเขา กอดเขาตลอดเวลา จนเขาโงหัวขึ้นมามองหน้าฉัน แล้วก็ตกซบลงไปอีก ฉันรู้แล้วว่า เขาคงไม่รอด  เวลาผ่านไปสักระยะ  เขาก็เริ่มนิ่ง  ฉันตกใจ ฉันอุ้มเขาวางบนฟูกที่นอนฉัน หัวเขาไม่เงยขึ้นมาอีกแล้ว ฉันวางมือรองตรงปากเขา เขายกหัวมาพยายามเลียมือของฉัน แล้วหัวเขาก็ตกพับลงไปอีก พร้อมกับเสียงสัญญาณสุดท้าย ที่เริ่มค่อยๆ ขาดห้วง... เขาร้องออกมาสองงี้ด  แล้วก็นิ่งไป

     

    น้ำตาฉันหยดหนึ่ง ไหลออกมาโดนตัวเขา  ฉันร้องไห้ออกมา พี่รีบวิ่งมาดูฉัน เห็นฉันยกเขาขึ้นมากอดแล้วร้องไห้ พี่ฉันจึงพูดออกมาว่า ไปแล้วเหรอ แล้วพี่ฉันก็เงียบไป ปล่อยฉันร้องไห้อยู่อย่างนั้น เวลานั้น 23.40  ฉันก็ได้สูญเสียเจ้ากระต่ายของฉันไปตลอดกาล   หากฉันไม่มัวแต่เล่นเกมส์ ไปดูเขาสักนิด ฉันอาจจะแก้ไขเหตุการณ์นี้ได้ทัน เขาอาจจะไม่จากฉันไปแบบนี้  ฉันเสียใจ  ฉันรู้สึกผิดมาตลอดจนกระทั่งบัดนี้

     

     

    ฉันขอให้เรื่องเจ้าหนูเมฆของฉันเป็นอุทาหรณ์สำหรับคนเลี้ยงสัตว์ ว่า จงอย่าได้ละเลยความเอาใจใส่เขาเพียงนิด ..
    หนูเมฆของฉัน จากฉันไป ถ้าให้เดาน่าจะเป็นปอดบวม  เพราะขนตรงท้องเขาไม่แห้ง และมันเป็นเช่นนั้นตั้งแต่ตอนบ่ายถึงตอนดึก.. เขาจะทรมานขนาดไหนกันนะ ฉันเสียใจจริงๆ ไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดได้ยังไง


     

     

    ฉันโทรไปหาแม่กับพ่อของฉันที่อยู่ต่างจังหวัด ท่านตกใจ ถามว่าเป็นอะไรไป ฉันร้องไห้ไป เล่าให้ท่านฟังไป กอดเขาไปด้วย ตอนนั้นเจ้าหนูเมฆของฉันตัวเริ่มแข็งแล้ว  แม่ฉันปลอบฉัน และบอกว่า อย่าให้น้ำตาตกลงไปบนตัวเขา เขาจะไปไม่สงบ ฉันรีบเช็ดน้ำตาฉันออกจากตัวเขาทันที  แล้วแม่ก็ให้ฉันสวดมนต์บทหนึ่ง เพื่อให้เขาไปสู่สุขคติ และอธิฐานให้ไปเกิดในที่ดีๆ ขออโหสิกรรมเขาด้วย    ฉันสวดมนต์บทนั้นไปสามจบ  ตัวของเจ้าเมฆ ก็ค่อยๆ อ่อนนุ่มลง ไม่แข็งทื่อ ฉันกอดเขาและจูบเขาเป็นครั้งสุดท้าย 

     

     

    วันรุ่งขึ้น ฉันกับพี่ พาเขาไปเผาที่วัดยาง แถวอ่อนนุช 23 (วัดนี้รับเผาศพให้สัตว์เลี้ยง) ฉันลางาน 1 วัน เพื่อทำพิธีให้เขาครั้งสุดท้าย  มีหลวงพี่คอยทำพิธีสวดบังสุกุล และแผ่เมตตาให้  จากนั้น ผู้ดูแล นำร่างเจ้าตัวน้อยไปไว้ในเตาเผาศพสำหรับสัตว์  ฉันสวดมนต์ให้เขาอีกสามจบ แล้วกอดเขาเป็นครั้งสุดท้าย  ตัวเขายังนิ่ม เหมือนนอนหลับเฉยๆ  และแล้ว พี่คนดูแลก็ปิดเตาลง ให้พระเพลิง ละลายร่างเขา  จนเปิดออกมาอีกครั้ง สิ่งที่ฉันได้ และหลงเหลืออยู่ คือ ห่อผ้าขาวห่อเล็กๆ  หอมอบอวลด้วยน้ำอบไทยอย่างดี  ภายในบรรจุเถ้ากระดูกของสัตว์เลี้ยงตัวนึง ซึ่งครั้งหนึ่ง เขาเคยอยู่กับฉัน...  จากไปแล้วสินะ เหลือเพียงแค่นี้ ผงเถ้ากระดูกกองน้อยๆ 

     

    ฉันจูบที่ห่อผ้าเป็นครั้งสุดท้าย ล่ำลาเขา และนำห่อผ้า ลอยอังคารไปที่คลองแม่น้ำ ข้างวัด ห่อผ้าสีขาวค่อยๆ จมลงไปก้นคลอง  ขอให้หนูอยู่อย่างสุขกายสบายใจ ไปเกิดในที่ดีๆ นะลูกนะ ต่อแต่นี้ หนูคงไม่ต้องทนทุกข์ในการตัดฟันและเจ็บตัวอีกแล้ว  กุศลใดๆ ที่ฉันได้เคยทำไว้ ขอให้หนูไปเกิดในที่ดีๆ

     

    ไม่มีอีกแล้วสินะ ขนนุ่มๆ ตัวอุ่นๆ ให้กอด...

     

    แด่เจ้าปุยเมฆ กระต่ายตัวน้อยที่รักของฉัน   ต่อไปนี้ฉันจะไม่เศร้าอีกแล้วนะ ฉันจะยังคิดถึงเธอเสมอ...

     

     

    ****************************************************

     

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×