ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปาฏิหาริย์รัก นางคณิกา

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 : จุดเริ่มต้นแห่งเรื่องราว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 466
      2
      23 พ.ย. 58







              ยามดึกสงัด จันทร์ดวงโตลอยเด่นอยู่กลางฟากฟ้าสีนิล ล้อมรอบไปด้วยดวงดาราแพรวพราว หากในเวลาที่ผู้คนควรพักผ่อนจากการเหนื่อยล้ามาทั้งวันเช่นนี้นั้น ยังมีสถานที่หลายแห่งที่จุดโคมสีแดง ชวนมองด้วยเหล่าหญิงงามมากหน้าหลายตาแต่งตัวล่อแหลมออกมาโบกผ้าในมือเชิญชวนเข้าไปใช้บริการ เสียงจ้อกแจ้กจอแจของทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวเหล่านั้นคละเคล้ากันไปจนฟังไม่ได้ศัพท์

     

     

              ทว่าในสถานที่คล้ายกันอีกแห่งหนึ่งที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ใจกลางตลาดเมืองหลวงกลับดูเงียบเหงาผิดแผกไปจากเพื่อนร่วมงาน ไม่มีเสียงเชิญชวนใด ๆ  มีเพียงโคมแดงสีสวยที่จุดเอาไว้เป็นนัยว่ายังเปิดให้บริการอยู่ หากกระนั้นก็ยังมีชายหนุ่มเจ้าสำราญเดินหายลับเข้าไปในบานประตูไม้สักใหญ่ใต้ป้ายแขวนชื่อว่าหอ บุปผาฟ้าประทานกันเนืองแน่น

     

     

              ภายในไม่ต่างไปจากจวนของเสนาบดี ทั้งใหญ่และหรูหรา แสงไฟถูกจุดจนสว่างจ้าราวกับเป็นตอนกลางวัน มองเห็นหน้าทุกคนได้อย่างไม่ต้องเขม้นดังเช่นที่อื่น ๆ  แม้จะมีคนเข้ามาใช้บริการมากกว่าหอแห่งอื่น หากความวุ่นวายกลับไม่มีปรากฏให้เห็น ด้วยกิตติศัพท์กฎในการใช้บริการหอนี้ช่างเข้มงวดจนไม่มีผู้ใดกล้าแหกเหมือนตัวอย่างของชายชาตรีหลายคนที่เคยเจอการลงโทษฉบับ แม่เล้าจิน

     

     

    ข้อหนึ่ง... ห้ามชายหนุ่มทุกคนมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหญิงคณิกาในหอก่อนได้รับอนุญาตเป็นอันขาด ตามปกติทำได้เพียงให้พวกนางมาพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจ ไม่มีการกระทำให้ที่ส่อว่าจะเกิดเหตุการณ์อันแสนหวาบหวาม

     

     

    ข้อสอง... ผู้ที่ผ่านเวรยามของหอมาได้ต้องมีฐานะใหญ่โตตั้งแต่บุตรชายพ่อค้าเป็นต้นไป

     

     

    ข้อสาม... หากปรารถนาจะเข้ามาต้องมีเงินในกระเป๋าไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยตำลึงเงิน

     

     

    ข้อสี่... ห้ามส่งเสียงรบกวนหรือแย่งผู้หญิง และห้ามทะเลาะวิวาทกันด้วยเรื่องใด ๆ ที่จะก่อให้เกิดเสียงดังเกินเหตุ

     

     

    ข้อห้า... ห้ามอยู่ในที่แห่งนี้เกินเที่ยงคืน

     

     

              ที่กล่าวมาทั้งห้าข้อนี้ล้วนเป็นกฎเหล็ก ที่ผู้ใดไม่ปฏิบัติตาม ร่างจะสูญหายไม่มีใครพบเจออย่างไม่ทราบสาเหตุ ส่งผลให้ทุกคนล้วนหวั่นเกรงแม่เล้าจินจนหัวหด ไม่มีใครทราบชื่อเสียงเรียงนามที่แท้จริงของแม่เล้าผู้นี้ หากอำนาจที่มีมากกว่าขุนนางหลายท่านทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าตอแยกับแม่เล้าวัยสามสิบตอนต้นผู้นี้นัก

     

     

              นอกจากกฎของผู้ใช้บริการ ยังมีกฎห้ามนางคณิกาในหอประพฤติตนอีกมากมายเหลือคณานับ ส่งผลถึงความรุ่งเรืองของหอบุปผาฟ้าประทานโดดเด่นเลื่องชื่อขึ้นมาหลังก่อตั้งอย่างจริงจังมาเพียงห้าปี ไม่นับสิบปีก่อนที่แม่เล้าจินเก็บเด็กมาฝึกฝนมากมาย เพราะความลึกลับและความอยากท้าทายของชายผู้ใคร่กำหนัด ทุกค่ำคืนหองามที่สร้างขึ้นทั้งหมดสามชั้นไม่เคยปิดหรือร้างราผู้คน คืนนี้ก็เช่นกัน...

     

     

              ร่างอ้อนแอ้นอรชรภายใต้อาภรณ์มิดชิดกว่านางคณิกาหออื่นเดินกันขวักไขว่ ใบหน้าซึ่งถูกประทินโฉมกันจัดจ้านจนแทบจะหาเค้าหน้าเดิมไม่เจอแต้มยิ้มจริตหญิงตลอดเวลา ใครต่างก็รู้ว่านางคณิกาในหอนี้มีปัญญาไม่แตกต่างไปจากเหล่าคุณหนูตระกูลผู้ดีราวกับจับนางในวังมาให้ชื่นชม เสียงพิณขับขานชวนหลงใหลจากนางคณิกาฝ่ายดนตรีดังกังวานไปทั่วชั้นหนึ่งซึ่งมีไว้สำหรับต้อนรับแขก ผิดกับชั้นสองและสาม ซึ่งเป็นที่อยู่ของนางคณิกาที่เงียบกริบราวกับป่าช้า

     

     

              แม้จะไม่ได้เป็นหอสูงเทียบเท่ากับหอคู่แข่งอีกหลายหอ หากความกว้างใหญ่ไม่มีผู้ใดหาญเทียมทัด ร่างบางนับสิบร่ายลวดลายที่ฝึกฝนมาอย่างหนักบนเวทีท่ามกลางโต๊ะกลมที่มีสายตาแผดเผาของชายหนุ่มมากมายจับจ้อง ผิวขาวอมชมพูโผล่พ้นเนื้อผ้าที่ตั้งใจทำให้เลื่อนหลุดเตะตาเฒ่าหัวงูหลายคนอย่างจัง สายตาหื่นกระหายจ้องมองอย่างไม่ลดละ

     

     

    ร่างในชุดที่ทำจากผ้าเนื้อดียืนนิ่งมองทุกอากัปกิริยาของทุกคนเบื้องล่างอย่างพึงพอใจบนพื้นไม้ใกล้ระเบียงชั้นสอง ใบหน้างามหมดจดราวกับหยุดเวลาไว้ในวัยสาวเบนไปมองทางประตูที่ถูกเปิดออกมาเบา ๆ

     

     

              ผู้ที่ออกมาไม่ใช่ใครที่ไหน จินมู่ตาน เด็กสาวคนสวยประจำหอที่ได้ขึ้นครองตำแหน่งที่สูงที่สุดสำหรับเหล่านางคณิกา ใบหน้างามเผยยิ้มให้แม่เล้านิด ๆ  ก่อนจะก้าวออกมา อาภรณ์รุ่ยร่ายกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะก้าวเดินของดรุณีวัยสิบเจ็ด ผมยาวสลวยถูกเกล้าขึ้นไปจนหมด เผยให้เห็นดวงหน้างามรูปไข่ที่ประดับไปด้วยดวงตากลมโตหวานเชื่อม คิ้วที่โก่งบางดังคันศร ริมฝีปากอิ่มแต่งชาดจนดูคล้ายสีเลือด และจมูกโด่งรั้น

     

     

              “เจ้าเห็นถิงเอ๋อร์บางหรือไม่” เสียงหวานแต่เฉียบขาดของหญิงแซ่จินที่เผื่อแผ่ให้นางคณิกาทุกคนเปลี่ยนมาใช้แซ่ตนจนคล้ายเป็นแม่ลูกถาม

     

     

              “อาเหลียนบอกว่านางไม่สบายน่ะเจ้าค่ะ” เสียงใสตอบแม้จะรู้ดีว่าคู่อริของตนจะแกล้งป่วยทุกวันตั้งแต่ได้ฤกษ์ออกให้บริการลูกค้าครั้งแรกเมื่อสามปีก่อน และในทุกวัน นางคณิกาที่เจ็บป่วยจะต้องบอกนางเอาไว้เพื่อให้ไปรายงานแม่เล้าอยู่ทุกค่ำคืน ซึ่งหน้าที่ของนางก็ไม่เคยเว้นว่าง ในเมื่ออย่างน้อยจะต้องมีเสวี่ยถิงคนหนึ่งที่ป่วยในเวลางาน

     

     

              “ข้ารู้แล้ว” แม่เล้าจินพยักหน้าเบา ๆ  ขณะสายตาคมกริบจ้องขึ้นไปยังห้องบนชั้นสามใกล้กับห้องพักตน ที่ที่บุตรสาวบุญธรรมกำลังนอนซมเพราะพิษไข้มานานกว่าสามปีในยามราตรี ทั้งที่ยามกลางวันก็มีความสุขดีทั้งยังร่างกายแข็งแรงจนเพื่อนหลายคนอดไม่ได้ที่จนหมั่นไส้ “แล้วอาเหลียนล่ะ ทำไมคืนนี้จึงปล่อยให้ผิงผิงมาขับร้องแทน ไม่เมื่อมันเป็นเวรของนาง”

     

     

              เสียงที่ราบเรียบแต่แฝงแววตำหนิอย่างชัดเจนดังขึ้นอีกครั้ง แววตาที่ยากจะรู้ว่าคิดอะไรเริ่มมีกระแสไม่พอใจบาง ๆ ปรากฏ

     

     

              “นางมาบอกข้าเรื่องเสวี่ยถิงแล้วก็หายหน้าไปเลยทั้งสองคน ได้ยินเสียงแว่ว ๆ ในห้อง คงจะอยู่ดูแลเสวี่ยถิง”

     

     

              “อืม เจ้าไปทำงานได้แล้ว” แม่เล้าจินไล่เมื่อเห็นว่ารำชุดข้างล่างทำการแสดงจบแล้ว ถึงคราทำงานของมู่ตานเสียที ขณะเดินผ่านร่างสมส่วนไปยังบันไดที่เชื่อมต่อแต่ละชั้น หลายครั้งหลายคราที่นางปล่อยผ่านให้เสวี่ยถิงทำตัวตามอำเภอใจเช่นนี้มานาน หากแต่คราวนี้นางจะไม่ยอมตามใจง่าย ๆ  ไม่เช่นนั้นข้าวสุกก็คงเสียไปเปล่า ๆ โดยไม่ได้อะไรกลับมา

     

     

              มือนุ่มผลักประตูเข้าไป สายตาเรียวที่นิ่งเรียบอยู่แล้วยิ่งเยือกเย็นเมื่อเห็นบุตรสาวบุญธรรมคนโปรดทำทีนอนซม ริมฝีปากแห้งผากอยู่บนเตียงใหญ่ โดยมีจินเหลียนที่นับวันยิ่งเหลวไหลตามไปด้วยนั่งเฝ้าอยู่ข้าง ๆ

     

     

              “ถิงเอ๋อร์” ราบเรียบเสียจนน่ากลัว...เสวี่ยถิงแอบสบตากับจินเหลียนอย่างรู้กันก่อนจะหลับลงไปเช่นเดิม

     

     

              “เสวี่ยถิงนอนซมจนลุกไปไหนไม่ได้เลยค่ะเจ้าค่ะแม่เล้า” อาเหลียนรายงานสิ่งที่พูดบ่อยจนติดปาก แม้จะสมรู้ร่วมคิดกับเหตุการณ์นี้มากแค่ไหน นางก็ไม่เคยที่จะละทิ้งหน้าที่ประจำวัน หากครั้งนี้กลับต้องสับเปลี่ยนกับเพื่อนสามร่วมงานอีกคนเป็นครั้งแรก

     

     

              “ถอยไป”

     

     

              “แม่เล้า...”

     

     

              “ข้าบอกให้ถอยไป !” ระดับเสียงที่เพิ่มขึ้นทำให้อาเหลียนลังเลเล็กน้อย แต่ด้วยอำนาจทางสายตาที่ส่งมาคงไม่เป็นการดีหากนางจะถูกขับไล่ออกจากหอในยามที่เลี้ยงตัวเองยังไม่ค่อยจะรอดเช่นนี้ ร่างเล็กที่ใส่ชุดการแสดงจนเสร็จสรรพลุกออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ถอยหลบฉากไปมุมห้องอย่างจนปัญญา

     

     

              “กี่ปีแล้วที่เจ้าทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ !” จากที่เคยควบคุมอารมณ์ให้เยือกเย็นน่าเคารพเป็นต้องมลายสิ้นเมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวที่แกล้งทำของคนแกล้งป่วย แต่เมื่อไม่ได้ยินปฏิกิริยาตอบรับจากร่างบางในชุดนอนสีขาวบริสุทธิ์ก็ทำให้อารมณ์ที่เริ่มเดือดปะทุขึ้นมาได้ไม่ยาก “จิน เสวี่ย ถิง !

     

     

              หลังจากรู้ตัวว่าแกล้งหลับต่อไปคงไม่เป็นผลดี เสวี่ยถิงจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ใบหน้านวลที่ตบแป้งให้ขาวจนซีดเริ่มซีดสลดจริง ๆ จนดูคล้ายซากศพเข้าไปทุกทีเมื่อเจอหน้าถมึงทึงของมารดาเลี้ยง

     

     

              “เจ้ารู้ไหมว่าข้าอดทนมามากแค่ไหนกับเจ้าตลอดสามปีมานี้” ลมหายใจที่เริ่มถี่และหนักขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เสวี่ยถิงเดาได้ไม่ยากว่ามารดากำลังโกรธจนแทบกระอัก มันคงไม่เป็นเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่...

     

     

              นางดันเผลอหลุดปากสัญญาว่าคืนนี้จะอวดโฉมทำงานครั้งแรก... และท่านแม่ก็เกลียดคนรักษาสัญญาไม่ได้เป็นที่สุด

     

     

              แค่นางยังสามารถคุยกับมารดาบนเตียงเช่นนี้ได้ก็ถือว่าแม่เล้าจินอนุโลมและใจดีแค่ไหนแล้ว

     

     

              “ผิดสัญญาอย่างไม่น่าให้อภัย เจ้าฝันว่าเช่นไรเสวี่ยถิง” แม่เล้าจินจ้องใบหน้าของบุตรสาวบุญธรรมที่หลุบต่ำอย่างสำนึกผิด “ตอนเด็ก ๆ เจ้าพูดเองไม่ใช่หรือว่า อยากทำให้ชาวบ้านเลิกมองนางคณิกาอย่างเหยียดหยาม แล้วตอนนี้เล่า เจ้ากำลังทำอะไร นอกจากเที่ยวเล่นและแกล้งป่วยไปวัน ๆ เช่นนี้ แล้วมันจะมีวันนั้นได้ไหม !

     

     

              เสวี่ยถิงไหล่ตกลงไปอีก

     

     

              “เจ้าพูดซิ ว่าต่อไปนี้เจ้าจะทำให้นางคณิกาอย่างพวกเราทำให้ชาวบ้านชาวช่องเขาเลิกเหยียดหยามได้ยังไงกัน” แม่เล้าจินพยายามสงบสติอารมณ์ที่กระเจิงไปไกล ทว่ามันก็ยากขึ้นตามอารมณ์ที่เดือดพล่านจนยากควบคุม

     

     

              “ท่านรู้ไหมว่าการที่ข้าไม่ยอมทำอะไรเลยสักอย่าง มันเพราะอะไรกันแน่” เสวี่ยถิงเอาความกล้าอันน้อยนิดเงยหน้าขึ้นมองสบตากับเจ้าของสถานที่ที่นางใช้ซุกหัวนอนมาตลอดชีวิต เมื่อเห็นว่าทุกคนในห้องนิ่งฟังจึงตอบอย่างมุ่งมั่นในปณิธาน “ข้ารอคอยวันที่องค์ฮ่องเต้จะเสด็จประพาส แล้วข้าก็จะผลักตัวเองขึ้นไปบนบัลลังก์หงส์ที่มีไว้สำหรับฮองเฮา ตอนนั้นก็คงไม่มีใครกล้าว่านางคณิกาอย่างพวกเราแล้ว”

     

     

              “ตื่นเสียเถิดลูกข้า” แม่เล้าจินหรี่ตามองและแนะนำอย่างนึกขัน “เจ้าก็รู้ว่านางคณิกาไม่เคยมีประวัติเป็นแม้แต่ตำแหน่งเฟยทั้งสี่ อีกทั้งนิสัยฮ่องเต้รัชกาลนี้ผู้ใดก็รู้กันทั่ว”

     

     

              “แล้วอย่างไร ท่านคอยดูแล้วกัน เดี๋ยวอีกไม่กี่อึดใจท่านก็จะมีลูกเขยเป็นฮ่องเต้แล้ว !” เสวี่ยถิงขึ้นเสียงเมื่อเห็นว่าสิ่งที่เพียรพยายามคิดหาวิธีมาตลอดหลายปีดูน่าขันน่าตลก

     

     

              “ได้ ! ต่อไปเจ้าอยากทำอะไรก็ทำ ข้าจะรอดู หวังว่าข้าคงไม่ต้องเห็นเพียงร่างไร้หัวของเจ้าบนลานประหารหรอกนะ” แม่เล้าจินตอบเสียงสะบัด แล้วจึงเดินกลับห้องของตน

     

     

              ในเมื่อลูกคนนี้อยากเล่นของสูง นางก็พร้อมที่จะสนอง...! ดูเถิดว่าจะไปได้สักกี่น้ำ

     

     

              “ถิงเอ๋อร์ คราวนี้ข้าเห็นว่าแม่เล้าโกรธใครเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยนะนี่” อาเหลียนพุ่งตัวมาหาเสวี่ยถิงที่มองตามหลังมารดาไม่คลาดด้วยใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ  อารมณ์โกรธของแม่เล้านั้นหาดูได้ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรใหญ่

     

     

              “ช่างเถอะ อย่างไรเสียพรุ่งนี้ฮ่องเต้ก็จะทรงเสด็จประพาส ข้าต้องใช้โอกาสนี้แหละ” เสวี่ยถิงตอบปัดพลางเอ่ยอย่างตั้งมั่น สายตาเด็ดเดี่ยวเสียจนอาเหลียนท้อถอยในการให้เพื่อนสาวกลับใจ

     

     

              “ข้าก็หวังไว้เช่นเดียวกับแม่เล้า เจ้าคงไม่รีบไปปรโลกก่อนได้แต่งงานหรอกนะ” อาเหลียนตบบ่าเพื่อนสาวก่อนผละกลับห้องของตน ด้วยนางไม่มีกะจิตกะใจจะทำงานแม้แต่น้อย

     

     

              ทิ้งให้เสวี่ยถิงนั่งคิดแผนสำหรับการหลอกล่อให้ชายหนุ่มมาติดกับ ซึ่งสมองน้อย ๆของนางต้องทำงานหนักกว่าปกติ ในเมื่อชีวิตของนางจะแขวนอยู่บนเส้นด้ายทันทีที่เริ่มปฏิบัติการ !

     

     

     


                 

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×