คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 3 : ผิดแผน...
คนบนหอบุปผาฟ้าประทานตกใจกันไม่น้อย
มีหลายคนที่กรีดร้องอย่างหวาดกลัว พวกนางรู้จักหน้าตาเสวี่ยถิงดี
แค่เห็นแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นเพื่อนที่หายไปกว่าสองชั่วยาม
แต่ดันมาปรากฏกายจนขบวนเสด็จต้องหยุด ใครบ้างจะไม่รู้ว่าการไปขัดขบวนราชนิกูลทุกพระองค์ไม่ว่าจะเพราะสาเหตุไหนนั้นมีโทษร้ายแรงเพียงใด
คงมีเพียงนายหญิงใหญ่จินที่เฝ้ามองอย่างนิ่งสงบ
“จับตัวนางไว้ !”
เสียงหัวหน้าองครักษ์หลวงสั่งเสียงเข้ม
ขณะที่เหล่าลูกน้องสองคนเดินไปหิ้วปีกร่างกายปวกเปียกของคนแกล้งทำขึ้นมากันคนละข้าง
ร่างบางโอนเอนอย่างทรงตัวไม่อยู่ เหงื่อชุ่มไปทั่วตัว
ใบหน้างดงามจับใจช้อนตามองอย่างน่าสงสาร
แต่ก่อนที่จะมีใครทันการสอบสวน
ฝูงชนก็มีอันต้องแตกฮือเมื่อเหล่าบุรุษสวมชุดดำโผล่พรวดออกมาจากหลังคาด้านข้างและเข้าบุกล้อมขบวนเสด็จประพาสขององค์ฮ่องเต้
นางกำนัลหวีดร้องก่อนพุ่งเข้าไปกอดกันกลมอย่างหวาดกลัว ทันทีที่มีการปะทะเกิดขึ้น
เสวี่ยถิงก็ยกชายกระโปรงวิ่งไม่คิดหน้าคิดหลังเมื่อตระหนักว่าบัดนี้เกิดอะไรขึ้น
ทุกอย่างผิดแผนไปหมดแล้ว
!
กลางวันแสก ๆ
ไยพวกคนชุดดำเหล่านี้กล้าหาญชาญชัยมาล้อมวงตีกับเหล่าทหารหลวง !
แต่วิ่งได้ไม่กี่ก้าว
ผมยาว ๆ ของนางก็เป็นตัวทำลายหนทางรอด
เจ้าโจรกบฏหันมาเห็นและลากหัวนางมาอยู่ในอ้อมแขนเหม็นสาบ
ตัวดาบที่สะท้อนแสงพระอาทิตย์วับ ๆ แวม ๆ ย้ายมาจ่ออยู่ที่ลำคอระหง
ใช้แรงเพียงนิดเดียว คอของนางคงถูกตัดขาดสะบั้น...
รอบข้างนั้นดูเคว้งคว้าง
มีเพียงเหล่าชายชุดดำและทหารองครักษ์ที่กำลังต่อสู้ตวัดดาบซ้ายทีขวาทีสังหารกันและกันให้ได้มากที่สุด
ดีหน่อยที่โจรเหล่านี้ไม่ได้หมายตาชาวบ้าน พวกมันมุ่งโจมตีไปยังคนในขบวน
ชาวบ้านจึงวิ่งหนีกันหายไปได้
แม้แต่คนบนหอสูงที่มีทั้งร้านอาหารและหอนางโลมก็ไม่มีใครอาจหาญมามองการต่อสู้ด้วยกลัวลูกหลง
ถ้ามันไม่ได้หมายตาชาวบ้าน
แล้วทำไมต้องเอามีดมาจี้คอนางด้วยเล่า !!!
เสวี่ยถิงได้แต่กรีดร้องในใจขณะเดินทุลักทุเลตามแรงบังคับของโจรโฉดที่ปิดหน้าปิดตาแต่กลิ่นตัวแรงชัดเจนมาอยู่กลางขบวน
ชายชุดดำมีมากพอสมควร แต่หากให้เทียบกับขบวนเสด็จและเหล่าทหารกองปราบที่นำกำลังเสริมมาล้อมก็มีมากกว่าถึง
30 ต่อ 1 เพราะเหตุนี้เองกระมัง มันจึงเลือกชีวิตเล็ก ๆ ของนางมาเป็นตัวประกัน
แต่ชีวิตชาวบ้านคนเดียวใครจะสนล่ะเจ้าคะ...
พอทุกคนเห็นนาง
ความชุลมุนก็หยุดหลง ต่างคนต่างไว้ท่าที ขณะเหล่ากบฏค่อย ๆ
เดินมาอยู่หลังพรรคพวกและเตรียมหนี คงคิดจะมาสร้างความวุ่นวาย
องครักษ์เองก็ไม่กล้าทำอะไรมากด้วยชีวิตตรงหน้าเป็นหญิงชาวบ้านคนหนึ่ง
เกี้ยวสีทองถูกแทงพรุนนับไม่ถ้วน แต่กลับไม่มีร่องรอยความเสียหายของตัวบุคคลด้านใน
รอบ ๆ
ต่างเป็นร่างไร้ลมหายใจของทหารผู้ปกป้องนายจนตัวตายกว่าสิบชีวิตปนไปกับร่างเหม็น ๆ
ของชายชุดดำ
ไม่ทันได้ต่อรองอะไรกัน
เสียงร้องของชายชาตรีก็ดังขึ้นติด ๆ กันเบื้องหลัง
แม้เหล่าผู้ร้ายจะมีทักษะการต่อสู้ แต่ด้วยความประมาทเพียงนิดน้อย
หายนะก็พัดเข้าสู่พวกมันจนตั้งรับกันไม่เป็นขบวน
ต้นเหตุที่ทำให้พวกมันต้องร่นหนีกลายเป็นถูกล้อมหน้าล้อมหลังก็ไม่ใช่ใครที่ไหน
เหล่าทหารกองปราบและองครักษ์หลวงหน่วยก้านดีบางส่วนถูกนำมาห้อมล้อมทั้งหน้าและหลังไม่มีทางหนี
เว้นเพียงแต่จะสามารถเหาะเหินขึ้นไปบนอากาศที่เป็นเพียงทางเลือกเดียว
อย่างไรเสียก็คงไม่พ้นคมธนูของทหารลับที่แฝงกายอยู่ตามตัวอาคารต่าง
ๆ ที่ง้างธนูเตรียมยิง…
แย่หน่อยตรงที่นึกว่าพวกมันจะมีอะไรมากกว่านั้น
เลยยกพวกกันมาล้อมเสียเยอะ แต่สุดท้ายพอโดนลอบทำร้ายก็ร้องกันไม่เป็นภาษา จุดประสงค์คงเพียงแค่ก่อกวนให้เป้าหมายตื่นตัว
น่าเสียดายที่ ‘เป้าหมาย’ ของพวกมันไหวตัวทันและเปลี่ยนมายืนจ้องพวกมันอย่างนิ่งเฉย ทว่ารังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาก็ชวนให้คนที่รับรู้ความรู้สึกนั้นได้ขนลุกซู่อย่างไม่ทราบสาเหตุ
แม้แต่เสวี่ยถิงที่ถูกเจ้าโจรโฉดบังไม่ให้เห็นเหตุการณ์อะไรมากนักก็ยังร้อน ๆ หนาว
ๆ
จำนวนคนของพรรคพวกถูกกำจัดไปเกือบสิ้น
ไม่นับคมธนูที่พร้อมจะพุ่งมาเจาะหัวของมันได้ทุกเมื่อ
ทำให้เจ้าคนที่ริจับผู้หญิงมาเป็นตัวประกันตัวสั่นมากกว่าใครเพื่อน
ไม่ใช่ว่ามันขี้ขลาดกว่าใครหรอกหรือ จึงวิ่งไปหาตัวประกันมารักษาชีวิตตนเอาไว้...
“ปละ...ปล่อย
ปล่อยข้าเถิด จะ..เจ้าค่ะ”
เสวี่ยถิงไม่กล้าแม้แต่จะกลืนน้ำลายด้วยกลัวการสั่นไหวของลำคอจะไปถูกคมดาบเข้า
สิ่งสูงสุดที่ต้องรักษาไว้ของคนทำอาชีพเช่นนางไม่พ้นเรื่องความงาม ให้ตายศพไม่สวย
หรือโชคดีรอดได้แต่ดันได้แผลเป็นกลับไปคงไม่สู้ดีต่อจิตใจนางนัก
“หากอยากให้นางมีชีวิตรอด
ก็ปล่อยพวกข้าไปซะ !” ไม่เพียงกลิ่นตัวที่แรง กลิ่นปากเจ้านี่ก็แรงเช่นกัน
เสวี่ยถิงนึกสงสัยว่าพวกเขาไม่ได้อาบน้ำกันเลยหรืออย่างไร
ใบหน้าซีดเซียวเปลี่ยนมาเป็นเทาอมเขียวเมื่อต้องกลั้นทั้งการหายใจและต้องคอยขยับคอให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในหัวนึกถึงคนในหอบุปผาฯเสียจริง
ๆ
นางจะถูกปล่อยให้ตายก่อนได้เข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้อีกหรือนี่...
“ปล่อยนางซะ” เป็นเสียงหัวหน้าองครักษ์ที่เคยสั่งให้คนจับตัวนางเมื่อไม่กี่เพลาก่อนหน้า
เมื่อยังเห็นว่าพวกมันที่เหลือกันไม่ถึงสิบไม่มีทีท่าจะปล่อยตัวประกัน
เขาจึงทำมือเป็นสัญญาณให้เริ่มยิงธนูใส่ผู้ร้ายโทษประหารเหล่านี้ทีละคนสองคน
สร้างสงครามจิตวิทยาให้แก่คนที่เหลืออยู่ แต่หากปล่อยให้ตายไปหมด
ทุกอย่างที่เตรียมมาก็คงไม่ได้ผลอะไรกลับไป
ชายชุดดำล้วนอยากฆ่าตัวตายให้สิ้นเสียตรงนั้น
แต่พวกมันก็ยังมีจิตสำนึกที่กลัวตายอยู่ไม่น้อย
ทำได้เพียงกดดาบเน้นหนักลงไปบนคอของเด็กสาวที่จับมา ช่วงแรกนั้นนางรู้สึกชา
แต่พอผ่านไปสักพักอาการเจ็บแปลบก็แล่นมาพร้อมกับความชื้นที่หุ้มลำคอเอาไว้
ใบหน้านางยิ่งตระหนก พอดิ้นรนดาบยิ่งกดลึก
เห็นท่าไม่ดีว่าเด็กสาวตรงหน้ากำลังวิ่งไปหายมบาลอย่างไม่รู้สึกตัว
ทหารองครักษ์ใช้โอกาสคนร้ายเผลอเพียงชั่วพริบตายิงธนูใส่ขาใส่ไหล่จนทรุดกันเป็นแถบราวกับยุงถูกเด็ดปลีกกลางอากาศ
ร่างของเสวี่ยถิงก็ถูกเจ้าคนร้ายทับเอาไว้ด้วยน้ำหนักมหาศาล
แย่ยิ่งไปกว่านั้นคือนางเหม็นตัวพวกมันจนขมคอไปหมด
ทำได้เพียงดิ้นออกห่างจากเจ้าคนร้ายที่นอนนิ่ง
ขยับไหวไม่ได้เพราะถูกลูกธนูตรึงทั้งแขนและขาอยู่กับพื้น
มีสติและรับรู้ถึงความเจ็บปวดทุกอย่าง
แต่กลับทำได้เพียงกลอกตาที่มีน้ำไหลไปมาอย่างหมดหนทาง พวกมันไม่ได้คาดเดาว่าจะถูกจับอย่างง่ายดายเพียงนี้
อาชีพกุ๊ยรีดไถเงินที่เคยทำมาก่อนนั้นง่ายดายสำหรับการฆ่าคนสักคน
แต่ตอนนี้พวกมันกลับถูกกระทำเสียเอง...
“ซี๊ด....”
เสวี่ยถิงสูดปากเมื่อจับลำคอของนาง
กลัวเหลือเกินว่ามันจะขาดออกจากกันหากนางขยับมากเกินไป ดิ้นรนออกมาก็ได้แต่นั่งมองอย่างง
ๆ กลิ่นคาวเลือดยังคละคลุ้ง
คนที่ถูกแวดล้อมและโดนสั่งสอนมาเรื่องจริตมารยาและความอ่อนหวานของผู้หญิงจึงทำได้เพียงกะพริบตาปริบ
ๆ อย่างมึนงงสับสน
“ไปซะ”
เสียงเยือกเย็นด้านหลังทำให้ประสาทรับรู้ทุกส่วนกลับมาตื่นตัว
พลันความรู้สึกอ่อนปวกเปียกก็แผ่ไปทั่วร่างกาย นางเป็นเพียงสามัญชนเล็ก ๆ
ที่ไม่เคยมีความคิดอันใดในหัวนอกจากเรื่องไร้สาระไปวัน ๆ แต่บัดนี้ดูจากท่าทางขององครักษ์ด้านหน้าที่คุกเข่าลงทำความเคารพแล้วคงเดาได้ไม่ยาก
ว่าคนที่เอนเอ่ยวาจาออกมาบอกนางเมื่อกี้คงเป็นใครไปไม่ได้
นอกเสียจาก...
องค์ฮ่องเต้ !
เฮือก... ตุ้บ
เสียงร่างเนื้อกระแทกพื้นพร้อมกับ
ๆ ที่สติของนางดับวูบด้วยความรู้สึกตกใจขั้นสุด ปิดการรับรู้ทุกอย่าง ทั้ง ๆ
ที่ยังไม่ทันแม้แต่จะเห็นดวงพระพักตร์ของต้นเหตุทุกการกระทำที่นางทำลงไป...
“ฝ่าบาท... นาง...
หมดสติไปแล้วพะยะค่ะ” จากที่เคยตะโกนสั่งหมายจับตัวหญิงผู้บังอาจมาขัดขวางขบวน
แต่บัดนี้น้ำเสียงเข้มเฉียบขาดกลับดูพะว้าพะวงด้วยชายชาตรีเช่นเขาไม่เคยต้องมาดูแลหญิงใด
แต่นี่เป็นเพราะการกระทำที่ไม่รอบคอบในหน้าที่ จึงทำให้มีชาวบ้านบาดเจ็บ
จะหาตัวคนรักผิดชอบก็ต้องเป็นพวกเขา...
นางกำนัลกว่าสิบคนเลิกล้มอาการหวาดกลัวแล้ววิ่งเข้ามาดูเด็กสาวตรงหน้า
แม้องค์ฮ่องเต้จะยังไม่ทรงตรัสอะไรออกมา ทำเพียงทอดพระเนตรเฉย ๆ ราวกับบัดนี้พระองค์กลายเป็นหุ่นปั้นไม่ขยับเขยื้อน
มีเพียงเหล่าทหารที่ติดตามมาด้วยเริ่มกระสับกระส่ายกันอย่างทำตัวไม่ถูก
“ตามหมอหลวง”
ลู่หวั่นหลงเอ่ยออกมาเบา ๆ
ก่อนจะผินร่างกลับไปยังอาชาสีขาวคู่ใจแล้วควบกลับไปยังวังหลวง
โดยมีเหล่าทหารหลายร้อยนายตามไปติด ๆ
ทิ้งให้กงกงคนสนิทและเหล่านางกำนัลช่วยกันดูแลตามหาญาติของแม่นางผู้นี้
“ไม่ทันเจอพระพักตร์
ก็หมดสติไปเสียแล้ว เช่นนี้จะไหวได้เช่นไรกัน...”
เสียงของหญิงสาวผู้มองเหตุการณ์ในมุมมืดมาตั้งแต่ต้นถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“ฝ่าบาท
หม่อมฉันได้ข่าวแล้วว่าพระองค์ทรงถูกเจ้าพวกกบฏชั่วช้าจำนวนมากลอบสังหารหรือเพคะ
แถมยังโจ่งแจ้งที่สาธารณะอีกด้วย พวกมันทำเกินไปแล้ว ! ถ่ายทอดคำสั่งข้า
ลงโทษตัดหัว 9 ชั่วโคตรให้สิ้นซาก !”
ไทเฮาผู้เป็นห่วงพระโอรสแท้ ๆ ถลามาจับพระวรกายของฮ่องเต้อย่างนึกเป็นห่วง
ก่อนจะหันไปตวาดสั่งข้ารับใช้รอบข้างในห้องโถงใหญ่ของตำหนักลู่ซือ ซึ่งเป็นตำหนักที่องค์ฮ่องเต้ราชวงศ์ลู่สร้างขึ้นมาเกือบร้อยปีแล้ว
“ไม่ต้องหรอกพะยะค่ะ
เสด็จแม่ ลูกให้องครักษ์จับตัวพวกมันไว้สอบสวน อย่าพึ่งทำอะไรบุ่มบ่ามเลย”
หวั่นหลงระงับคำสั่ง
ด้วยทราบดีว่าพระมารดาเป็นคนขี้กังวลและมักทำอะไรไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลัง
เขาต้องคอยตามเช็ดตามเก็บให้ทุกครั้ง ตอนนี้พวกมันยังมีประโยชน์
คุกหลวงจึงได้รับนักโทษฉกรรจ์เพิ่มไปอีก
“แต่ว่า...”
ไทเฮาทำท่าจะคัดค้าน แต่เมื่อเห็นสายตาจริงจังที่พระโอรสมักใช้มองพระนางเวลาต้องการห้ามปรามจึงหยุดไว้เพียงเท่านั้นแล้วเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่น
“พระองค์ไม่เป็นไรแน่นะเพคะฝ่าบาท
เดี๋ยวหม่อมฉันจะให้หมอหลวงมาตรวจพระวรกายนะเพคะ”
“ลูกสบายดี
ไม่บาดเจ็บอันใดเลย” หวั่นหลงตอบ ก่อนจะเรียกให้เหล่านางกำนัลมาพาไทเฮากลับตำหนักซื่อกง
และยังถ่ายทอดคำสั่งให้นำตัวแม่ทัพทั้ง 8 กองธงเข้าพบ
ฉากหน้าเรื่องนี้ก็คงเป็นการลอบก่อกวนธรรมดา
แต่เบื้องลึกมันมีอะไรมากกว่าที่หลายคนคาดคิด
สิ่งใดทำให้แผ่นดินลู่ต้องสั่นคลอน
เขาจะไม่ปล่อยสิ่งนั้นไว้ !
-
ตอนนี้อาจจะดูงง ๆ เนอะ... คือฝ่าบาทแกเป็นคนไม่ค่อยพูดค่ะ
การแสดงออกก็เลยดูงง ๆ ไม่มีอะไรให้รู้สึกเท่ ไม่เร้าใจอะไรเลย 555555+
ส่วนเสวี่ยถิง...
ก็นั่นแหละ นางมโนว่าเรื่องยั่วยวนฮ่องเต้นี่มันง่าย ๆ
ทำอะไรก็ไม่ค่อยวางแผนอะไรเท่าไหร่ ทุกอย่างเลยผิดแผนตามชื่อตอน
ตัวหลักละครเรื่องนี้ไม่สมบูรณ์กันสักคนค่ะ
โปรดใช้วิจารณญาณในการรับอ่าน...
ที่จริงตอนนี้เน้นไปทางเรื่องลับของราชสำนักมากกว่า
แต่ด้วยประสบการณ์อ่อนด้อย จึงแต่งออกมาไม่ตรงตามเป้า
แถมยังไปปนกับแผนของแม่นางเสวี่ยถิงอีก เลยขอออกมาชี้แจงนิดนึง
เพราะตอนนี้มันก็ผิดแผนของนักเขียนด้วยเหมือนกัน T^T ทิ้งเรื่องนี้ไปเป็นปี
เลยยังงง ๆ กับพล็อตเก่าตัวเอง(ไม่)นิดหน่อย
หลังจากนี้คงได้ปรับแต่งกันยาว ได้งงทั้งเรื่องอ่ะค่ะ 5555555+ -
ความคิดเห็น