คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บัญชารัก พยัคฆ์ร้าย EP.02 เมื่อความซวยเข้ามาเยือน 100%
สี่ปีต่อมา...
กชกรมองนามบัตรในมือด้วยความไม่แน่ใจ นามบัตรใบนี้เธอได้รับมาจากอเล็กซิส ซานอาริโซ่ เมื่อหลายปีก่อน หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้พบกับเขาอีกเลย และเธอก็ไม่เคยโทรศัพท์ไปหาเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว และนี่คงจะเป็นครั้งแรกที่เธอตัดสินใจที่จะโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือจากเขา เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะยังจำเธอได้ไหม ดวงตาคู่กลมโตมองนามบัตรในมืออย่างชั่งใจ
ในหัวก็พยายามเรียบเรียงข้อมูลที่เกิดขึ้นในชีวิตช่วงนี้ หลายปีที่ผ่านมาเธอพยายามอดทนมาตลอดกับสิ่งที่ญาติผู้ใหญ่ที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวกระทำต่อเธอ แต่ครั้งนี้มันเกินที่จะรับไหวแล้วจริงๆ
หากเธอไม่รีบตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองในตอนนี้ อนาคตเธออาจต้องเผชิญกับความทุกข์ที่ยากที่จะคาดเดาได้อย่างแน่นอน อีกเวลาอีกไม่ถึงสิบวันที่ตาแก่ตัณหากลับนั่นมอบให้ หากเธอยังไม่สามารถหาเงินไปปลดหนี้ที่ผู้เป็นป้าทำเอาไว้ไม่ได้ ชีวิตของเธอก็จะต้องจบลงเพียงแค่นี้
“ใครมันจะยอมไปเป็นเมียน้อยของแกล่ะ...ไอ้เฒ่าตัณหากลับ”
จากนี้ไปเธอจะไม่ยอมให้ผู้เป็นป้าเข้ามายุ่งกับชีวิตของเธออีกแล้ว ครั้งนี้จะถือเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะช่วยเหลือเรื่องเงินกับนาง เธอก็ได้แต่หวังว่าเจ้าของนามบัตรใบนี้จะสามารถช่วยเหลือเธอได้ ก่อนจะถอนหายใจออกมา
ขณะกดเบอร์โทรศัพท์ไปหาอเล็กซิส ซานอาริโซ่ และเธอก็ใช้เวลาในการรอสายอีกฝ่ายเพียงไม่นาน ปลายสายก็กดรับ กชกรจึงเอ่ยทักเขาออกไปทันที
“สวัสดีค่ะพี่อเล็กซ์” คำทักทายจากปลายสาย สร้างความประหลาดใจให้เขาได้ไม่น้อย แล้วยังภาษาที่อีกฝ่ายเอ่ยทักทายเขา คิ้วเรียวเข้มขมวดเข้าหากันก่อนจะเลื่อนโทรศัพท์มาดูเบอร์โทรศัพท์ เขาก็พบว่ามันเป็นเบอร์ที่เขาไม่คุ้นเอาเสียเลย หรือจะเป็นผู้หญิงที่น้าชายรู้จัก แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อเขาใช้เบอร์นี้มาเกือบสองปีแล้ว
“พี่อเล็กซ์ค่ะ จำหยกได้ไหมคะ”
(ขอโทษครับ ผมไม่ใช่พี่อเล็กซ์ของคุณ)
ชายหนุ่มตอบปลายสายกลับไปด้วยภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาสากลที่นิยมใช้กันทั่วโลก อีกอย่างเขาคิดว่าหญิงสาวที่กำลังสนทนากับเขา คงไม่สามารถคุยกับเขาด้วยภาษาบ้านเกิดของเขาได้
“แต่เบอร์นี้ เป็นเบอร์ของพี่อเล็กซ์นะคะ”
กชกรถามกลับไปด้วยภาษาอังกฤษเช่นกัน โชคดีจริงๆ ที่ตอนนั้นเธอตัดสินใจเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มตามเพื่อนสนิท ไม่อย่างนั้นคงลำบากเวลาคุยกับชาวต่างชาติ ความจริงแล้วเธอพูดหลายภาษา ตั้งแต่เธอได้รู้จักกับอเล็กซิสเมื่อสี่ปีก่อน เธอก็สนใจที่จะเรียนภาษาเพิ่ม เพราะคิดว่าในอนาคตอาจจำเป็นต้องใช้ และเธอก็คิดไม่ผิดจริงๆ
(เขาเลิกใช้เบอร์นี้ไปนานแล้วล่ะครับ)
“ถ้างั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้นะคะ”
(เดี๋ยวครับ อ้าว...ตัดสายไปซะแล้ว)
จัสตินทำหน้ายุ่ง เมื่อปลายสายตัดสายหนีเขาไปซะแล้ว ชายหนุ่มจ้องมองหมายเลขโทรศัพท์บนหน้าจอมือถือ ความสงสัยผุดขึ้นมาในหัวอย่างช่วยไม่ได้ น้าชายของเขาไปรู้จักสาวไทยคนนี้ได้อย่างไร จะว่าเป็นเพื่อนสนิทของน้าชายก็ไม่น่าจะใช่ เพื่อนสนิทส่วนใหญ่ของน้าชาย เขาก็รู้จักแทบทุกคน และเขาแน่ใจว่าไม่มีสาวไทยแน่นอน
ถ้าเป็นเพื่อนของคาร่าก็ว่าไปอย่าง เพราะรายนั้นมีเพื่อนเป็นสาวไทยอยู่หลายคน หรือว่าหนึ่งในเพื่อนของคาร่ารู้จักกับน้าชายด้วย แต่จะเป็นเพื่อนของใครก็ช่าง? เพราะมันไม่เกี่ยวกับเขาสิ่งที่น่าสนใจสำหรับเขาก็คือ สาวหุ่นสะบึ้มที่นอนรออยู่บนเตียงมากกว่า จัสตินโยนโทรศัพท์มือถือลงบนโซฟา แล้วเดินตรงกลับเข้าไปในห้อง เพื่อทำภารกิจที่ยังค้างคาของเขาต่อทันที
////////////////
หลายวันต่อมา
ด้วยคำบอกเล่าของกชกรทำเอาเพื่อนสนิททั้งสี่ถึงกับโมโหจนหน้าดำหน้าแดง เนื่องจากพวกเขาคิดไม่ถึงว่าญาติผู้ใหญ่ที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของเพื่อนจะร้ายกาจได้ถึงเพียงนี้
“แล้วหยกจะทำยังไงต่อไปล่ะ”
“เราก็ไม่รู้เหมือนกันปิ่น ตอนนี้มืดแปดเลย”
“ให้เราช่วยไหมหยก พ่อเราต้องช่วยหยกได้แน่นอน”
ตรี หรือ มนตรี ศิวานนท์ เอ่ยขึ้นมา ดวงตาคู่คมกล้าจ้องมองใบหน้าสวยหวานของผู้หญิงที่เขาหลงรักมาตลอดสี่ปีด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ขอเพียงแค่ช่วยเหลือเธอได้ จะให้เขาทำอะไรเขาก็ยอมทั้งนั้น ที่สำคัญบิดามารดาก็รักและเอ็นดูเธอมากด้วย เขาเชื่อว่าพวกท่านต้องช่วยจัดการเรื่องนี้ให้อย่างแน่นอน
“ไม่ดีกว่าตรี เราเกรงใจ”
กชกรรีบตอบทันควัน เพื่อนในกลุ่มที่เธอไม่อยากรับความช่วยเหลือมากที่สุดก็คือ มนตรี เพราะเธอรู้ดีกว่าเขาคิดอะไรกับเธออยู่ แล้วเธอก็ไม่อยากผิดใจกับโยธกาด้วย เธอรู้มากตั้งแต่แรกแล้วว่าโยธกาแอบรักมนตรี การยอมรับความช่วยเหลือจากมนตรี อาจทำให้เรื่องยิ่งวุ่นวายไปกันใหญ่
ธี หรือ ธีรเดช รัตนกรเลิกคิ้ว หรี่ตามองมนตรีสลับกับโยธกาแวบหนึ่ง จึงถอนหายใจเบาๆ ไอ้เพื่อนโง่ดันพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกมาอีกแล้ว มันไม่รู้เลยหรือไงว่าโยธกาคิดยังไงกับมัน ถึงได้กล้าพูดเรื่องโง่ๆ ออกมา
ปิ่น หรือ ปิ่นมณี กอบกุลทำหน้าเซ็งๆ เมื่อได้ยินคำพูดของมนตรี เธอเหลือบมองโยธกาแล้วเหลือบมองกชกร เธอก็ได้เห็นสีหน้าลำบากใจของกชกร ทั้งเธอและธีรเดชต่างก็รู้ดีว่าโยธการักมนตรี
ขนาดคนที่ความรู้สึกช้าในเรื่องความรักอย่างกชกรยังดูออกเลย แล้วทำไมมนตรีถึงดูไม่ออกว่าโยธการักตัวเอง
“ไม่ต้องเกรงใจเราหรอก เราเต็มใจช่วยหยกเสมอ”
มนตรีกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อถูกกชกรปฏิเสธ เขาไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรกชกรถึงไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากเขา ทั้งที่เกิดขึ้นวุ่นวายใหญ่โตถึงขนาดนี้
“ไม่ดีกว่า เราไม่อยากรบกวนตรี”
กชกรยังยืนยันคำพูด แต่เธอนำเรื่องมาปรึกษาบรรดาเพื่อนสนิท เธอแค่อยากขอความคิดเห็น อยากได้คำปรึกษาที่ดีก็เท่านั้น เธอไม่ได้อยากต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขาแบบนี้ โดยเฉพาะความช่วยเหลือจากมนตรี เธอยิ่งรับไม่ได้ใหญ่ เพราะไม่อยากผิดใจกับโยธกา
“ถ้าหยกไม่อยากได้ความช่วยเหลือจากตรี ตรีก็อย่าไปยัดเหยียดให้ความช่วยเหลือหยกเลย”
โย หรือ โยธกา ผดุงเดชเอ่ยแทรกขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ สายตาแข็งกร้าวขณะมองสบตากชกร เธอไม่เข้าใจเลยว่าเพราะอะไรมนตรีต้องวุ่นวาย พยายามพาตัวเองเข้าไปช่วยเหลือกชกรตลอดเวลา
ปิ่นมณีไม่พอใจกับคำพูดของโยธกา รู้สึกคันปากยิบๆ ถ้าไม่ติดว่าตรงนี้มีกชกรนั่งอยู่ด้วย เธอก็สวนกลับคำพูดของโยธกาไปแล้ว เป็นเพื่อนกันมาหลายปี น่าจะรู้เหตุผลที่กชกรไม่เคยรับความช่วยเหลือจากมนตรีเลยสักครั้ง
นั่นเพราะกชกรรู้ว่ามนตรีคิดยังไงกับตัวเองและก็รู้ว่าโยธกาแอบรักมนตรี กชกรเลยไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากมนตรี
“เราว่าหยกไปทำงานกับพี่สาวเราดีกว่า” ธีรเดชตัดสินใจบอกเรื่องที่ตนเพิ่งคิดขึ้นมาได้ “เงินสิบล้านยืมจากพี่วดีก็ได้ แล้วหยกค่อยทำงานปลดพี่วดีไป” เขาก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย ที่จริงไม่ต้องคิดอะไรให้ปวดหัวเลย บริษัทของพี่สาวเขากำลังขาดพนักงานบัญชี แล้วกชกรก็จบบัญชีมาด้วย
“ก็ดีนะหยก ไปทำงานกับพี่วดี”
ปิ่นมณีเห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำพูดของธีรเดช ตอนนี้บริษัทของพี่วดีกำลังรับสมัครพนักงานอยู่ ให้กชกรไปทำงาน คงจะเป็นความคิดที่ดีที่สุดในเวลานี้
“มันจะดีเหรอธี เราเกรงใจ”
“วิธีนี้แหละที่ดีที่สุดแล้ว หยกเรียนบัญชีมา แล้วบริษัทพี่สาวเราก็ขาดพนักงานบัญชีด้วย”
“แล้วทำไมหยกต้องไปลำบากด้วย ถ้าหยกแต่งงานกับเรา เดี๋ยวเราจะจัดการเรื่องเงินให้หยกเอง”
มนตรีเอ่ยขึ้นมา และคำพูดของเขา ทำเอาคนทั้งโต๊ะถึงกับอ้าปากค้างไปตามๆ กัน
ธีรเดชมองมนตรีด้วยความประหลาดใจ เพราะนึกไม่ถึงว่ามนตรีจะขอกชกรแต่งงาน เขาก็พอรู้อยู่ว่ามนตรีรักกชกร แต่ไม่คิดว่ามันจะรักกชกรมากขนาดนี้
ปิ่นมณีถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดวงตาฉายแววกังวลออกมาอย่างเปิดเผย เมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของโยธกาที่เอาแต่จ้องหน้ากชกร เธอรู้สึกว่าเรื่องมันชักวุ่นวายไปกันใหญ่แล้ว หวังว่ากลุ่มคงไม่แตกเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องหรอกนะ
////////
โยธกาเม้มปากแน่น ขณะดวงตาคู่สวยมองกชกร ความเจ็บปวด เสียใจและโมโหปนเปกันไปหมด กชกรทำแบบนี้กับเธอได้อย่างไร ก่อนหน้านี้เธอก็เคยบอกไปแล้วว่าเธอรักมนตรี และขอให้กชกรหลีกทางให้ แล้วทำไมมนตรีถึงยังขอกชกรแต่งงานอีก
“เราแต่งงานกับตรีไม่ได้หรอก เพราะเราไม่ได้รักตรี”
กชกรตัดบทอย่างอึดอัด ยิ่งเห็นสายตาไม่พอใจกับสีหน้าเจ็บปวดของโยธกา เธอก็ยิ่งไม่สบายใจ ก่อนหน้านี้เธอก็เคยปฏิเสธคำขอแต่งงานจากมนตรีไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ไม่นึกว่ามนตรีจะขอเธอแต่งงานอีก
“เราตัดสินใจที่จะไปทำงานกับพี่วดีแล้ว ได้งานแถมยังได้เงินไปปลดหนี้อีก เราคิดว่าวิธีนี้แหละดีที่สุดแล้ว”
“แล้วหยกจะไปลำบากทำไม แค่หยกแต่งงานกับเรา ที่เหลือเราจะจัดการให้เอง”
มนตรีถามออกไปด้วยน้ำเสียงติดจะหงุดหงิดเล็กน้อย แค่ตกลงแต่งงานกับเขาเท่านั้น มันจะยากอะไรหนักหนา เขาไม่เข้าใจความคิดของกชกรเลยจริงๆ
สองปีที่ผ่านมาเขาก็ทำตัวดีมาตลอด ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อให้กชกรยอมรับในตัวของเขา แล้วเพราะอะไรกชกรถึงไม่ยอมรับรักจากเขาเสียที
“เราขอยืนยันคำเดิมนะตรี เราไม่ได้รักตรี แล้วเราก็ไม่อยากถูกตราหน้าว่าแย่งคนรักของใครด้วย ถ้าตรียังไม่เลิกคิดที่จะแต่งงานกับเราอีก เราคงต้องตัดตรีออกไปจากชีวิต”
“หยก” มนตรีตกใจจนหน้าซีดกับคำพูดของกชกร
“ตรีควรรักคนที่เขารักตรีนะ อย่ามาเสียเวลากับเราเลย เราว่าตรีก็น่าจะรู้นะว่าโยรักตรี แล้วเราก็เบื่อที่ต้องทำสงครามประสาทกับโยแล้วด้วย บอกตรงๆ เราเบื่อ”
กชกรกล่าวด้วยน้ำเสียงติดจะเย็นชาเล็กน้อย ก่อนหันไปมองโยธกา เธอเหนื่อยที่ต้องมานั่งอธิบายกับโยธกาเหมือนกัน พูดให้จบลงไปในวันนี้เลยดีกว่า ถึงจะเป็นเพื่อนกันมาหลายปี แต่นิสัยโยธกาก็ยังไม่เคยเปลี่ยน เอาแต่ใจและเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ บางทีเวลาแค่สี่ปี อาจยังน้อยไปสำหรับคำว่าเพื่อนแท้
โยธกาถึงหน้าเหวอไปทันทีเมื่อกชกรพูดจบ เธอไม่คิดว่ากชกรจะพูดออกมาต่อหน้าเพื่อนๆ
ธีรเดชกับปิ่นมณีต่างก็หันไปมองหน้าโยธกาทันที พวกเขาไม่รู้มาก่อนเลยว่ากชกรกับโยธกามีปัญหากัน ถึงจะเคยเป็นทั้งสองทะเลาะกันบ้าง แต่ก็ไม่คิดว่าจะรุนแรงขนาดนี้
มนตรีได้แต่นั่งอึ้งไปกับคำพูดของกชกร เพราะเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าโยธการักเขา หลายปีที่ผ่านมาโยธกาคอยช่วยเหลือเขาให้ใกล้ชิดกับกชกร คอยวางแผนให้เขากับกชกรได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองเสมอ แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไรที่โยธกาจะรักเขา
“ตอนนี้โยคงจะเข้าใจที่หยกพูดแล้วนะ หยกไม่ได้รักตรีและจะไม่มีวันรักด้วย”
“เอ่อ...คือ...” โยธกาอึกอัก
“ที่เหลือโยกับตรีก็คุยกันเอาเองก็แล้วกัน หยกกลับก่อน” กชกรตัดบท ก่อนจะหันไปมองธีรเดช แล้วถามเรื่องงานที่เขาอยากให้เธอเข้าไปทำในบริษัทของพี่วดีต่อทันที “เราจะเข้าไปทำงานที่บริษัทพี่วดีได้เมื่อไรธี” เธอยอมรับความช่วยเหลือจากธีรเดชดีกว่ายอมรับความช่วยเหลือจากมนตรี ไม่ต้องกังวลและเครียดกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก
“พรุ่งนี้เราไปรับหยกที่บ้านก็แล้วกัน เราจะพาหยกเข้าไปคุยกับพี่วดี”
“ได้” กชกรพยักหน้าตอบ
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะไปเป็นเพื่อนหยกด้วย”
ปิ่นมณีเอ่ยขึ้นหลังจากที่กชกรยอมรับความช่วยเหลือจากธีรเดช แล้วเธอก็เห็นด้วยอย่างยิ่งกับสิ่งที่กชกรตัดสินใจในครั้งนี้ และหลังจากนี้เธอคงต้องคุยกับโยธกาอย่างจริงจังเสียที
“ขอบใจมากนะปิ่น แต่ปิ่นไม่ต้องทำงานเหรอ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ที่ร้านดอกไม้มีทั้งแม่สร้อยและพนักงานอยู่อีกสองคน เราหยุดแค่วันเดียว แม่สร้อยไม่ว่าหรอก”
“ตกลงตามนี้ พรุ่งนี้เรากับปิ่นจะไปรับหยกที่บ้านตอนเช้า”
ธีรเดชตัดบท เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเคลียร์แล้ว ใช่แล้วเรื่องงานของกชกรนะเคลียร์แล้ว แต่เรื่องของมนตรี กชกรและโยธกา ยังไม่เคลียร์ เขาคิดว่าคุยให้จบกันไปเลยในวันนี้ดีกว่า ขืนปล่อยเอาไว้ โยธกากับกชกรอาจจะมีปัญหาขึ้นมาอีก
“โย เธอยังมีอะไรที่อยากจะเคลียร์กับหยกอีกไหม”
“ไม่มี” โยธกาตอบเสียงแข็ง
“แล้วแกล่ะไอ้ตรี มีอะไรจะพูดกับหยกอีกไหม”
ธีรเดชถามเพื่อนสนิทขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่เห็นมันเอาแต่นั่งเงียบมองกชกรที มองโยธกาที ยิ่งไปกว่านั้นสายตาที่มันมองโยธกาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ สี่ปีที่คบกันมา มันไม่รู้เลยหรือไงว่าโยธกาคิดยังไงกับมัน หรือว่ามันสนใจแต่กชกร เลยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
มนตรีเงียบไปเมื่อเจอคำถามของเพื่อนสนิท เวลานี้เขาสับสนไปหมด โยธกาก็เอาแต่เงียบ พยายามหลบหน้าหลบตาเขาตลอด กชกรก็ไม่ยอมมองเขาอีกเลย ตั้งแต่ที่เธอปฏิเสธที่จะยอมรับความช่วยเหลือจากเขา
“ถ้าไม่มี ฉันจะพาหยกกับปิ่นกลับเลย” ธีรเดชตัดบท เมื่อเห็นทุกคนทำหน้าเครียด
“ก็ดีเหมือนกันนะธี นี่ก็เย็นมากแล้ว”
ปิ่นมณีเห็นด้วยกับความคิดของธีรเดช ถึงจะนั่งอยู่ตรงนี้ต่อไป ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ความจริงบรรยากาศเริ่มตึงเครียดและอึดอัดตั้งแต่ที่กชกรพูดเรื่องที่โยธการักมนตรีแล้ว และเธอก็ไม่ชอบบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้ซะด้วย
“งั้นเรากลับกันเถอะ”
กชกรตัดบท แล้วหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมา แล้วลุกเดินออกมาจากห้องรับแขก พร้อมกับบอกตัวเองในใจว่าต่อจากนี้ไป เธอควรอยู่ให้ห่างจากมนตรีอีกสักหน่อย เพื่อไม่ให้โยธกาเข้าใจเธอผิดๆ อีก
เมื่อเห็นว่ากชกรลุกเดินออกจากห้องรับแขก ปิ่นมณีไม่ได้พูดอะไรกับมนตรีและโยธกาอีก หญิงสาวเพียงแต่หยิบกระเป๋าสะพายและลุกเดินตามกชกรออกมาจากห้องรับแขกอีกคน
“ฉันกลับก่อนนะโย”
ธีรเดชหันมาบอกลาโยธกา แล้วรีบลุกเดินตามกชกรกับปิ่นมณีไปติดๆ ทิ้งให้มนตรีและโยธกาจัดการเคลียร์ปัญหากันเอง เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของเพื่อน เขาไม่อยากเข้าไปยุ่ง ปล่อยให้เคลียร์กันเองดีกว่า อีกอย่างเรื่องของกชกรก็สำคัญกว่าเรื่องความรักของมนตรีกับโยธกา
หลังจากธีรเดช กชกรและปิ่นมณีกลับไป ภายในห้องรับแขกก็ตกอยู่ในความเงียบ มนตรีมองโยธกาด้วยสายตาเย็นชา หลายปีที่ผ่านมาเขาเชื่อใจโยธกามาตลอด เชื่อว่าเธอหวังดีกับเขาเสมอ แต่ความจริงไม่ใช่เลย ที่กชกรไม่ยอมคบกับเขา สาเหตุก็มาจากผู้หญิงที่เขาเชื่อใจมากที่สุด
โยธกาเริ่มหน้าเสีย หัวใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อผู้ชายที่เธอแอบรักมาหลายปี เอาแต่นั่งเงียบ สายตาคู่คมกล้าจ้องมองเธอนิ่ง ถ้าเขาเอะอะโวยวาย เธอจะรู้สึกดีกว่านี้ แต่เขากลับนิ่งเงียบจนเธอกลัว
“โยมีคำอธิบายนะตรี”
“ฉันไม่พร้อมที่จะรับฟังคำอธิบายของเธอตอนนี้หรอกโย”
มนตรีตัดบทแล้วลุกเดินออกมาจากห้องรับแขกด้วยความโกรธ ณ เวลานี้เขาไม่พร้อมที่จะรับฟังคำอธิบายอะไรทั้งนั้น เขาพลาดเองที่เชื่อใจโยธกา คิดว่าเธอหวังดีกับเขาจริงๆ ทุกคำพูดของโยธกาเชื่อถือไม่ได้เลย
ชายหนุ่มขับรถออกมาจากบ้านของโยธกาอย่างหัวเสีย ตอนนี้เขาไม่ใช่แค่โกรธโยธกาเท่านั้น แต่เขายังโกรธธีรเดชด้วยที่ยื่นมือเข้ามาช่วยกชกร เขาพยายามแทบตายกว่าบิดามารดาจะยอมให้เขาแต่งงานกับกชกร แต่สุดท้ายก็ล้มไม่เป็นท่า แต่เขาไม่ยอมแพ้เพียงแค่นี้แน่ ยังไงเขาก็ต้องหาทางทำให้กชกรยอมแต่งงานกับเขาให้ได้
ความคิดเห็น