ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ท่านชายทั้งหลาย ช่วยเลิกปีนเตียงองค์ราชินีซักทีเถอะ!!

    ลำดับตอนที่ #2 : Turn 00 - Awaken the Queen

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.78K
      627
      29 มิ.ย. 63



    Act I :: Awaken the Queen   



                ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำงานให้องค์กรแบบสู้ตายถวายหัว


                นิโคลัส โฮลเกอร์ กล้ายืนยัน ณ ตรงนี้เลย เขาที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นถึงนักล่ามือฉมังแรงค์ซิลเวอร์ในองค์กรแวมไพร์ฮันเตอร์ชื่อดังสาขาโมลันเทีย ในวันนี้กลับกลายเป็นยามเฝ้าประตูที่ต้องคอยก้มหัวทักทายนักวิทยาศาสตร์พวกนั้นอย่างเคารพนอบน้อม ทั้งที่ใจจริงอยากจะฉีกพวกมันเป็นชิ้นๆเสียด้วยซ้ำ


              น่าหงุดหงิด น่าหงุดหงิดที่สุด


                เงินเดือนของเขามันควรอยู่ที่ 7 หมื่นไนร่า[1] ทว่าในยามนี้กลับเหลือเพียงสี่หมื่นกว่าๆเท่านั้น


                “พวกแกเฝ้าไว้ให้ดีล่ะ อย่าให้ใครเข้าไปได้ อ้อ ส่งซักคนไปเฝ้าในนั้น จำไว้— ห้ามแตะต้องอะไรเด็ดขาด” นักวิทยาศาสตร์ชายวัยกลางคนกำชับเสียงเข้ม ดวงตาคู่นั้นมองพวกเขาอย่างเหยียดหยาม


                เขาอยู่ในองค์กรในฐานะสมาชิกคนหนึ่ง ไม่ใช่ขี้ข้าของพวกมันซักหน่อย


                ทั้งแบบนั้นกลับทำได้เพียงขบกรามแน่นแล้วค้อมศีรษะรับด้วยรอยยิ้ม


                ดวงตาสีฟ้าอ่อนมองตามแผ่นหลังของเหล่าหัวกะทิในองค์กรที่พากันเดินออกไปหาอะไรทานข้างนอกด้วยแววตาว่างเปล่า เขาทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นเย็นๆก่อนมองเพื่อนร่วมงานอีก 3-4 คนที่มีสภาพน่าอดสูไม่ต่างกัน


                พวกนักวิทยาศาตร์นั่นบอกว่าต้องการสมาชิกองค์กรฝีมือดีมาช่วยเหลือ ทางพวกระดับสูงจึงจัดพวกเขาซึ่งเป็นระดับท็อปมาให้ ทว่าสิ่งที่พวกมันทำกลับเป็นการให้พวกเขาเป็นยามเฝ้าประตูห้องทดลองลับที่อยู่ใต้ดิน งานน่าเบื่อนั่นยังพอว่า แต่กล้าลดเงินเดือนพวกเขาได้ยังไง!?


                “น่ารำคาญพวกมันชะมัด”


                “ถ้าไม่ใช่คำสั่งพวกเบื้องบนฉันไม่มาทำงานนี้แน่ๆ”


                “สาบานได้เลย ถ้าเสร็จภารกิจนี่ฉันจะยิงหัวพวกมันทิ้ง”


                เพื่อนร่วมชะตากรรมทั้งสามบ่นเสียงดังคล้ายไม่กลัวใครได้ยิน นิโคลัสไม่กล่าวอะไร เขาไหวไหล่พลางเช็ดปืนบรรจุกระสุนเงินในมือ เขาหมดอารมณ์จะพูดคุยกับใครเสียแล้ว


                “คงต้องมีพวกเราซักคนเฝ้าข้างในสินะ” พวกเขามองกันไปมา ไม่กล้าตกลงกันเองในเมื่อนิโคลัสซึ่งอายุมากที่สุดยังไม่พูดอะไร ชายหนุ่มกลอกตาไปมา หากให้นั่งอยู่เฉยๆตรงนี้นั้นก็ออกจะน่าเบื่อเกินไปเสียหน่อย อีกอย่างเขาก็ไม่ได้ต้องการเพื่อนมาเสวนาอะไรอยู่แล้ว


                “ฉันไปเอง อยากแอบงีบซักหน่อย” เขาว่าด้วยน้ำเสียงติดตลก พลางขยิบตาให้เพื่อนร่วมงาน “ถ้าพวกบ้านั่นมาก็เคาะประตูเตือนฉันด้วยนะ”


                “เข้าใจแล้ว”


                ในความคิดของพวกนั้น คงคิดว่าดีเหมือนกัน— เพราะพวกเขาก็ไม่ได้อยากแยกตัวไปอยู่คนเดียวในห้องมืดๆนั่นซักเท่าไหร่ นิโคลัสไขกุญแจเข้าไปข้างใน นัยน์ตาสีฟ้าแซฟไฟร์กวาดมองรอบห้องที่มืดสนิท เขาเอื้อมมือไปเปิดสวิตซ์ไฟจนภายในห้องมีแสงสว่างจ้า


                ที่นี่ก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจนัก นอกจากอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ที่ผู้คนนอกองค์กรล้วนไม่เคยเห็น กับอาวุธในตู้กระจกที่กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาก่อนนำมาให้องค์กรใช้


                ไม่สิ..


                คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน มองตรงกลางห้องซึ่งมีผ้าคลุมสีทึบคลุมบางสิ่งเอาไว้คล้ายต้องการปิดซ่อนมันไม่ให้ใครเห็น เขาขยับเท้าเข้าไปไกล มองอย่างลังเลว่าควรจะแง้มมันดูดีรึเปล่า


              เปิดสิ เปิดเลย


                คล้ายได้ยินเสียงใสกังวานของใครซักคนกระซิบที่ข้างหู เขาค่อยๆแง้มม่านสีทึบออกอย่างไรสติ กว่าจะรู้ตัวก็เป็นตอนที่เงยหน้าขึ้นแล้วพบว่าสิ่งที่ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในก็คือร่างของเด็กสาวคนหนึ่งที่ถูกขังอยู่ในตู้กระจกที่มีลักษณะคล้ายตู้ปลา ภายในมีน้ำสีฟ้าใสบรรจุอยู่จนเต็ม อีกทั้งยังมีสายอะไรซักอย่างระโยงระยางจากร่างของเด็กคนนั้นสู่ภายนอกเต็มไปหมด


              เขานิ่งงันไป


                แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเห็นการทดลองมนุษย์ เขาเห็นเรื่องแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนเพราะงั้นจึงไม่ได้แปลกใจอะไรนัก แต่ที่คาดไม่ถึงคือร่างของเด็กสาวภายในนั้นที่ดูราวกับกำลังมีชีวิต ทั้งผิวที่ยังขาวผ่องสดใสไม่เหมือนคนที่ตายไปแล้ว ผมสีขาวโพลนประกายเงินที่สยายไปตามน้ำชวนให้นึกถึงนางเงือกในนิทานปรับปรา ทั้งแพขนตาหนา จมูกรั้น ริมฝีปากรูปกระจับ และใบหน้าอ่อนเยาว์ที่งดงามกว่าหญิงสาวคนใดที่เขาเคยพบเห็น


                ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกเธอคล้ายเด็กสาวอายุราวๆ 19-20 ปี ไม่มากไปกว่านั้น


                เธออาจจะเป็นมนุษย์ทดลองที่พวกนักวิทยาศาสตร์นั่นสร้างขึ้น ไม่ก็เป็นแวมไพร์ซักตนที่พวกนักวิทยาศาสตร์นั่นได้มา จะอะไรก็ตามแต่ สิ่งเดียวที่นิโคลัสมั่นใจคือเธอไม่ใช่มนุษย์


              ไม่ใช่ และไม่มีวันใช่


                แค่ผมสีขาวประกายเงินนั่นก็ไม่ใช่แล้ว อย่าว่าแต่มนุษย์เลย เขาเคยล่าแวมไพร์มาก็มากมาย ทว่าก็ไม่เคยพบเห็นแวมไพร์ตนใดมีผมสีนี้มาก่อน


                เขาไม่เคยเห็นนางฟ้า ไม่เคยเห็นสรวงสวรรค์


                แต่เขากลับมั่นใจว่าหากนางฟ้าที่ว่ามีตัวตนอยู่จริงๆ— ก็คงไม่ต่างจากเธอนัก


                มือกร้านที่ผ่านการจับดาบจับปืนฆ่าแวมไพร์มานับไม่ถ้วนสัมผัสบนกระจกใสที่กั้นกลางระหว่างเขาและเธออย่างแผ่วเบาโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงพูดคุยกันข้างนอกนั้น ประตูบานใหญ่ถูกเคาะเบาๆพอให้เขาได้ยิน มันเป็นสัญญาณว่าพวกนักวิทยาศาสตร์คงใกล้กลับมาแล้ว


                นิโคลัสได้สติ เขารีบปิดม่านสีทึบไว้ดังเดิมและเดินไปนั่งยืนพิงผนังอยู่ตรงใกล้ทางเข้า รอให้นักวิทยาศาสตร์พวกนั้นกลับมา


                โดยที่เขาไม่รู้ตัว


                เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆเปิดขึ้น เผยให้เห็นดวงตาสีแดงเรืองรองราวกับดวงตาของสัตว์ป่าที่ส่องสว่างท่ามกลางความมืดมิด

     



                ในยามนั้นท้องฟ้าที่เคยสดใสกลับมีพายุฝนลูกใหญ่โหมกระหน่ำ เสียงสายฟ้าดังกัมปนาทสั่นสะเทือนฟ้าดิน แสงสีแดงและขาวพวยพุ่งจากพื้นดินสู่ท้องนภาบังเกิดเมฆฝนสีหม่นที่ปรากฎออร่าสีแดงเป็นระยะ สร้างความประหลาดใจให้แก่เผ่าพันธุ์แวมไพร์เป็นอย่างยิ่ง


                สำหรับแวมไพร์— นี่คือนิมิตรหมาย


                 ในปราสาทหลังใหญ่โตที่อยู่ใจกลางป่าทึบในอาณาเขตศูนย์กลางของดินแดนแวมไพร์ ร่างสูงของบุรุษผู้หนึ่งยืนจดจ้องบัลลังก์ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนขั้นบันไดด้วยดวงตาสีเหลืองอำพันที่ทอประกายอ่านยาก ด้านหลังมีชายวัยชราคนหนึ่งสวมอาภรณ์ยาวกรอมเท้า ปากเหี่ยวย่นอ้าออกพึมพำบางสิ่งฟังไม่ได้ศัพท์ ก่อนที่ร่างง้องุ้มจะสะดุ้งจนตัวโยน เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มด้วยนัยน์ตาสั่นระริก


                ชายหนุ่มร่างสูงละสายตาจากบัลลังก์ตรงหน้ามามองชายชรา


                “ท่านสัมผัสอะไรได้บ้างหรือไม่”


                “นายท่าน นายท่าน”


                “ว่าอย่างไร”


                “นางตื่นแล้วครับ นางตื่นจากการหลับใหลนับหมื่นปีแล้ว” ชายหนุ่มในชุดเนื้อผ้าชั้นดีที่ถูกเรียกว่านายท่านขมวดคิ้วดูไม่เข้าใจนัก แต่เพียงครู่เดียวก็คลายออก มือแกร่งยกขึ้นเสยผมสีน้ำตาลทองเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวรูปปั้นสลักอย่างเต็มๆตา


                ชายหนุ่มคิดว่า..เขารู้แล้วว่าชายชราผู้มีศักดิ์เป็นหัวหน้าโหรหลวงพูดถึงเรื่องอะไร


                “พวกเราเคยได้รับคำพยากรณ์เกี่ยวกับเด็กสาวจากต่างโลกที่จะทำให้เผ่าพันธุ์แวมไพร์ของเราล่มสลาย พวกเราไม่เคยพบหนทางแก้ไข..”


                “....”


                “แต่ในยามนี้ทุกสิ่งมันเปลี่ยนไปแล้วครับ”


    ใบหน้าเหี่ยวย่นฉายแววปีติ 


                “ราชินีผู้ครองบัลลังก์แห่งเผ่าพันธุ์ จะเป็นผู้นำพาเผ่าพันธุ์อันทรงเกียรติของพวกเราให้รอดพ้นจากการล่มสลาย”

     


                ขอเพียงหาตัว ราชินีเจอเท่านั้น


    น้องตื่นแล้ววววววววววว

    ปล. เม้นซักนิดจิตแจ่มใสค่า /หมายถึงไรท์จิตแจ่มใส ฮืออ 5555555555

    เจอคำผิดทักได้นะคะ เผื่อเราเบลอๆ ;--;

    สามารถติดตามความเคลื่อนไหว / ทวงฟิคได้ที่ @Vermouth_24 หรือ #ใครปีนเตียงราชินี ในทวิตเตอร์นะคะ!!



    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×