วิธีจับโกหก

เนื้อเรื่อง

--

ส่วนที่  1  ภาษากาย
-  คนโกหกจะพยายามไม่สบตา
-  ไม่ค่อยมีอาการแสดงออกทางร่างกายด้สยการขยับแขนและมือ  ถ้าทำก็จะดูแข็งขืนเหมือนเครื่องจักร  เขาจะเก็บมือ  แขน  และขาให้ชิดลำตัว  และใช้เนื้อที่น้อยลง
-  เขาอาจจะยกมือขึ้นมายังใบหน้าหรือลำคอ  และสัมผัสบริเวณเหล่านี้เป็นหลัก  นอกจากนี้  เขาจะไม่ค่อยสัมผัสบริเวณหน้าอกด้วยฝ่ามือ
-  ถ้าเขาพยายามทำให้เห็นว่าเขารู้สึกสบาย ๆ และผ่อนคลายที่จะตอบคำถาม  เขาอาจจะยักไหล่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ส่วนที่  2  สภาวะทางอารมณ์ : ความสอดคล้องและความขัดแย้ง
-  ในขณะที่เสแสร้ง  อากัปกิริยาประกอบคำพูดจะเกิดขึ้นมาช้ากว่าที่ควรจะเป็น
-  การขยับศีรษะจะไม่เป็นธรรมชาติ
-  อากัปกิริยาจะไม่สอดคล้องกับคำพูด
-  จังหวะในการแสดงออกอารามณ์จะเกิดขึ้นล่าช่า  และกินระยะเวลาเนิ่นนานกว่าที่ควรจะเป็น
-  คนที่แกล้งแสดงอารมณ์  เช่น  ความสุข  ความประหลาดใจ  ความกลัว  และอื่น ๆ การแสดงออกทางอารมณ์จะจำกัดอยู่ที่บริเวณปากเท่านั้น
ส่วนที่  3  ปฏิกิริยาโต้ตอบระหว่างบุคคล
-  คนหลอกลวงจะหนีห่างจากคนที่กล่าวหาเขา  โดยเขามักจะหันไปยังบริเวณทางออก
-  เขาไม่ค่อยอยากเผชิญหน้ากับคนที่กล่าวหาเขา  และอาจหันศีรษะไปทางอื่น  หรือเคลื่อนตัวหนี
-  คนที่กำลังโกหกมักจะยืนตัวงอและห่อไหล่  เขาจะไม่ค่อยยืยยืดตัวตรงด้วยแขนที่ยืดออก
-  ในขณะที่กำลังหว่านล้อมให้คนเชื่อ  เขาแทบไม่ได้สัมผัสโดนตัวอีกฝ่ายเลยสักนิด
-  เขาจะไม่ชี้นิ้วไปยังคนที่เขากำลังหว่านล้อมให้เชื่อ
-  เขาอาจจะวางสิ่งของต่าง ๆ เพื่อปิดกั้นตัวเองจากคนที่กำลังกล่าวหาเขา
ส่วนที่  4  คำพูดที่กล่าวออกมา : สาระสำคัญของเรื่องที่พูด
-  คนโกหกจะเอาคำพูดของคุณมาแก้ต่างให้ตัวเอง
-  เขาจะพูดไท่หยุดจนกว่าจะแน่ใจแล้วว่าเขาได้เกลี้ยกล่อมคณสำเร็จแล้ว
-  เขาอาจจะแสดงความหนักแน่นเพื่อให้คุณเชื่อว่าเขาได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว  ซึ่งเขาจะทำเพื่อไม่ให้คุณถามอะไรเขอีก
-  ให้คุณสังเกตคำพูดพลั้งปากโดยที่เขาไม่ได้ตั้งใจพูดออกมา
-  เขาจะตอบคำถามแบบไม่ยอมวกมาถึงตัวเอง  และยกความเชื่อของเขาขึ้นมาอ้างแทนที่จะตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา
-  เขาอาจจะสื่อให้รู้คำตอบอ้อม ๆ แต่ไม่เคยตอบคำถามแบบตรง ๆ เลย
ส่วนที่  5  คำพูด
-  ขณะที่กำลังโกหก  การตอบคำถามเกี่ยวกับความเชื่อและทัศนคติต้องใช้เวลาคิดตอบคำถามนานกว่าตอบคำถามปกติ
-  ให้ระวังคนที่แสดงปฏิกิริยาเกินกว่าเหตุเมื่อถูกถาม
-  คนที่กำลังพูดโกหกอาจจะไม่ยอมพูดสรรพนามแทนตัวเองและพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบปราศจากความรู้สึก  คำพูดอาจสับสนผิดถูกไม่ตรงตามหลักภาษาหรือจับต้นชนปลายไม่ถูก
-  ประโยคธรรมดา ๆ ที่ฟังดูคล้ายกับการถามคำถามเป็นอย่างมากแสดงให้เห็นว่าเขากำลังมองหาสิ่งที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจ
ส่วนที่  6  รูปแบบทางจิต
-  วิธีที่เรามองโลกมักสะท้อนให้เห็นวิธีที่เรามองตัวเองด้วย  ดังนั้น  ถ้ามีใครกำลังกล่าวหาคุณอยู่ละก็  ขอให้คุณตรวจสอบความซื่อตรงของเขาเสียก่อน
-  จงสังเกตว่าคนที่คุณคุยด้วยให้ความสนใจกับปัจจัยภายนอกหรือปัจจัยภายในเป็นหลัก  คนที่มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังพูด  ย่อมใส่ใจกับความเข้าใจของคุณมากกว่าลักษณะท่าทางของตัวเขาเอง
-  เรื่องโกหกมักไม่มีความคิดเห็นของบุคคลที่สามอยู่ในเหตุการณ์เลย
-  คนโกหกเต็มใจที่จะตอบคำถามคุณ  แต่จะไม่ถามคำถามออกมาเลย
ส่วนที่  7  สัญญาณทั่วไปที่ชี้ให้เห็นการหลอกลวง
-  คนโกหกจะรู้สึกโล่งใจขึ้นทันทีที่เปลี่ยนเรื่องคุย
-  คนโกหกจะไม่รู้สึกเดือดดาลถ้าถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ
-  เขาชอบพูดว่า  "พูดตรง ๆ ..."  หรือ  "ด้วยความสัตย์จริง..."  และ  "ผมจะโกหกคุณไปทำไม?"
-  เขาตอบข้อซักถามของคุณได้ตรงเผง  เหมือนได้เตรียมคำตอบมาก่อนแล้ว
-  เขาอาจจะซื้อเวลาด้สยการทวนคำถามของคุณ  หรือย้อนถามคุณกลับ
-  สิ่งที่เขากำลังพูดจะฟังดูเหลือเชื่อ  (ฟังดูดีเกินกว่าที่จะเป็นเรื่องจริง)
-  เขาจะพูดออกด้วยการขึ้นต้นประโยคว่า  "ผมไม่อยากให้คุณคิดหรอกว่า..."  บ่อยครั้งที่สิ่งที่เขาพูดคือสิ่งที่เขาอยากจะให้คุณคิดจริง ๆ
-  เขาจะปัดข้อซักถามของคุณให้พ้นตัวด้วยการทำให้เป็นเรื่องตลก
-  เมื่อเขาให้สิ่งที่คุณต้องการในตอนแรกไม่ได้  เขาจะเสนอทางเลือกอื่นแก่คุณ
-  ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ของเขาที่เป็นตัวเลข  มักเป็นตัวเลขเดียวกันหรือเป็นตัวเลขที่คูณกันไปมา
-  มีหลักฐานพิสูจน์ว่าเมื่อมีความกังวล  จะมีปฏิกิริยาโต้ตอบที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว
-  คนโกหกจะใช้ข้อเท็จจริงที่เห็นได้ชัดมาสนับสนุนการกระทำที่น่าเคลือบแคลงใจ
-  เขาอาจบังเอิญพูดบางสิ่งที่สะกิดใจคุณ
-  เขาจะประกาศความไม่พอใจเกี่ยวกับการกระทำขดงคนอืนที่คล้ายกับสิ่งที่เขาทำออกมา  เพื่อที่คุณจะไม่ได้สงสัยเขา
-  ถ้าเขาโกหกเรื่องหนึ่ง  ทุกเรื่องที่เขาพูดก็น่าสงสัยไปหมด
-  เรื่องที่เขาเล่าอาจฟังดูพิลึกจนคุณแทบไม่เชื่อ  แต่คุณกลับเชื่อเพราะคิดว่าถ้าเขาจะโกหก  เขาคงแต่งเรื่องที่น่าจะเป็นไปได้มากกว่านี้