ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Even the world is crumbling / ต่อให้โลกย่อยยับ

    ลำดับตอนที่ #140 : การโจมตีของออชิเดน และการโต้กลับของพวกใต้ดิน 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.16K
      144
      29 เม.ย. 62

    เรามีเป้าหมายและเริ่มลงมือทำด้วยความหวังเล็กๆว่าอะไรๆในตอนนี้มันจะดีขึ้น แต่เราไม่มีแผนการที่แน่ชัด  หุ่นยนต์พวกนั้นเป็นอะไรที่ต่างออกไปจากพวกกินคน ผมไม่มีเวลามากพอที่จะเรียนรู้รายละเอียดของพวกมัน  แม้ในตอนนี้ เวลาก็ไม่ได้อยู่ข้างเรา สิ่งที่ผมและมิเรียมต้องการ ไม่สามารถรอยคอยอย่างอดทน

     

    เราและคนอื่นๆมีโอกาสรอด ถ้าสามารถฝ่าไปถึงห้องพักของเธอและแจ้งข่าวนี้ออกไป

     

    ผมกับมิเรียมเดินข้ามประตูเหล็กของตัวเรือที่บิดเบี้ยวจนผิดรูป และมีกองเลือดที่ยังเหนียวข้นกระจายไปทั่ว ผมรับรู้ได้ว่ามิเรียมเริ่มกลัวกับสิ่งที่เธอกำลังจะต้องพบ เธอคว้าชายเสื้อด้านหลังของผมเอาไว้เหมือนเด็กเล็กๆที่กลัวว่าจะหลงทาง

     

    หุ่นยนต์ตัวนั้น อยู่ภายในห้องไม่ไกลจากระยะสายตา

     

    มันมีรอยถูกทุบตีด้วยของแข็ง แต่นั่นเป็นเพียงรอยถลอกของสีที่เคลือบผิว ไม่ได้เกิดจากการเสียรูปของวัสดุที่ประกอบขึ้น

    และเมื่อมันขยับตัว อาวุธของมันก็ถูกเอาขึ้นมาใช้ในทันที ผมผลัดมิเรียมที่อยู่ด้านหลังให้ราบลงไปกับพื้นในขณะที่ผมทำให้ตัวเองอยู่ในสภาพที่วัตถุทั้งหลายผ่านทะลุ  

     

    มิเรียมล้มลงในสภาพที่ไม่ทันเตรียมตัว

     

    แต่มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะในจุดที่เรายืนกันอยู่ เป็นเหมือนช่องทางเดินที่มีพื้นที่ไม่กว้างพอ เราไม่มีที่ซ่อนจากระยะสังหาร กระสุนผ่านร่างผมไปอย่างเฉียดฉิว มิเรียมเอามือกุมหัวด้วยความเจ็บ อาจจะไปกระแทกอะไรเข้าแต่เจ็บแค่นั้นคงไม่แย่เท่ากับถูกกระสุนเจาะกะโหลก

      

    “ รีบคลานออกไปก่อน เร็ว ! ” ผมตะคอกเธอทันที

     

    มิเรียมลนลานแต่ทำตามที่ผมพูดโดยไม่ปริปากเถียง หุ่นยนต์ตัวนั้นพุ่งเข้าใส่ผมอย่างรวดเร็ว

     

    ในการตีกัน มีตัวแปรที่ส่งผลกับการแพ้ชนะหลายๆอย่าง หนึ่งในเรื่องนั้นคือสภาพแวดล้อม หุ่นยนต์อาจได้เปรียบเรื่องความแข็งแกร่งและคุณสมบัติอื่นๆที่มันถูกทำขึ้น แต่ ณ ช่องทางเดินที่ขนาดตัวของมันกลายเป็นปัญหา คือความได้เปรียบของผม

     

    หุ่นยนต์ที่เลียนแบบสรีระของมนุษย์ ไม่ได้มีจุดอ่อนในการต่อสู้ เพียงแต่พื้นที่ที่ไม่เหมาะสมอย่างในตอนนี้ทำให้มันไม่สามารถต่อสู้ในระยะประชิด อารมณ์คงไม่ต่างอะไรกับแมวที่ลงมาล่าหนูในโพรงแคบๆ

     

    อันที่จริง ผมไม่ได้คิดจะซัดกะมันเลยซักนิด เพราะยิ่งปล่อยให้เวลาเสียไปมากเท่าไหร่ ทางรอดก็ยิ่งน้อยลง

     

    โชคร้ายที่พวกหุ่นมันมีมีความเหนื่อยล้า สิ่งที่ผมทำได้จึงเป็นความพยายามในการหลบลูกกระสุนที่ถูกมันยิงใส่ ถึงตรงนี้ผมเริ่มเรียนรู้ว่าพวกหุ่นยนต์ มีรูปแบบการโจมตีซ้ำๆ อย่างการปล่อยกระสุนหนึ่งชุด จะใช้เวลาราว หนึ่งถอนหายใจก่อนที่จะเริ่มยิงออกมาราว 5 ครั้ง และช้าลงช่วงหนึ่งก่อนที่จะเริ่มยิงออกมาใหม่ แต่ในช่วงที่ปืนของมันไม่ได้ถูกใช้มันจะทำการโจมตีในลักษณะอื่น อย่างพุ่งเข้าชนหรือทุบเอาแรงๆ

     

    มันเป็นช่วงเวลาที่น่าอึดอัด ผมสามารถวิ่งผ่านมันไปได้ง่ายๆ แต่เพราะต้องพามิเรียมไปด้วยมันจึงเป็นเรื่องที่ยาก

     

    และเพราะว่าในบริเวณนี้ไม่มีอะไรพอที่จะใช้เป็นเครื่องทุนแรงในการตบตีกับไอ้หุ่นกระป๋อง ผมจึงไม่สามารถหยุดมันเอาไว้ได้ง่ายๆ ถึงอย่างนั้นผมก็ลองมันทุกแบบ ตั้งแต่เอาไม้ถูพื้นที่อยู่แถวๆนั้นทุบในส่วนที่มิเรียมบอกว่าเป็นจุดอ่อน สอดมือเข้าไปในตัวมันเพื่อทำลายจากข้างใน ไอ้วิธีหลังนี้เล่นเอามือแทบพัง เพราะภายในตัวมันร้อนเอามากๆ

     

    “ อิน นายจะเล่นกะมันอยู่อีกนานไหม เร็วๆหน่อยซิ ” เสียงมิเรียมตะโกนเร่ง

    “ มันไม่ง่ายนะเฮ้ย ! ” ผมตะโกนกลับไป ในขณะที่ยังต้องคอยหลบการโจมตีของหุ่นยนต์ งี่เง่าที่ขวางพวกเราไว้

    “ ก็แค่อัดมันแรงๆ ที่เซ็นเซอร์ตามทีบอก มันไม่ได้ผลรึไง ”

    “ ฟาดไปหลายรอบแล้ว !   ผมตะโกนกลับ ในขณะที่กระสุนที่ชุดเฉียวหัวผมไปอย่างหวุดหวิด                      ผมม้วนตัวติดกำแพงหลบการพุ่งกระแทกของมันอีกครั้ง  “ อยากไปต่อเร็วๆ ก็ทำอะไรซักอย่างซิเฟ้ย !

     

    เสียงมิเรียมเงียบสนิทในขณะที่ผมและหุ่นยนต์พัวพันกันไปมาไม่เลิก แล้วเสียงวัตถุชิ้นหนึ่งซึ่งเป็นโลหะหนักๆ ก็ดังขึ้น ก่อนจะกลิ้งลุ่นๆ มาหยุดที่ตรงหน้าของผม มันเป็นถังดับเพลิงอันหนึ่งซึ่งมิเรียมโยนให้

    “ เอามาทำไม ผมตีอยู่กะหุ่นไม่ได้มีตรงไหนไฟไหม้ ” ผมกวนตีน

    “ ฉันอยากให้นายฉีดใส่เซ็นเซอร์ของมัน โว้ยยยย ” เธอตะโกนกลับมา

     

    ผมรีบม้วนตัวลงเก็บถังดับเพลิงก่อนที่อาวุธปัญญาอ่อนของผม จะโดนเป่าทิ้งด้วยกระสุนปืนขนาดใหญ่ แต่เรื่องไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น เมื่อโฟมสีขาวที่ผมฉีด มันทำให้หุ่นยนต์นิ่งสงบหลังจากนั้นอีกครู่หนึ่ง

     

    “ อะไรวะ พยายามแทบตาย แค่เอาโฟมโง่ๆฉีดใส่แค่นี้มึงพัง ” ผมบ่นอย่างหัวเสีย

    “ บางที การเล่นงานอะไรซักอย่าง ความรุนแรงก็ไม่ได้จำเป็นนักหรอก ” มิเรียมเดินมาพร้อมกระป๋องจารบีอันใหญ่ เธอใช้มันทาลงไปที่เซ็นเซอร์ของหุ่นยนต์

    “...... บางทีคุณควรใช้ความฉลาดของคุณให้มันเร็วกว่านี้นะ ”  ผมตอบเธอเคืองๆ

    “ เลิกบ่นเป็นตาลุงเหอะน่า ไปกันต่อเถอะ ” มิเรียมลุกขึ้นหลังจากจัดการหุ่นตัวแรกได้สำเร็จ เธอทำท่าจะเดินนำผมรีบคว้าคอเสื้อของเธอเอาไว้เพื่อให้เธอหยุด

    “ อะไร! ” มิเรียมหันกลับมาถามอย่างหัวเสีย

    “ เปลี่ยนแผนๆแบบนี้ไม่ไหว ”  ผมจูงเธอออกไปให้พ้นจากทิศทางที่เรากำลังจะมุ่งหน้าไป

    “ นายจะพาฉันไปไหน ”

    “ มาตามมาเหอะน่า ”

     

     

    ผมลากเธอไปยังห้องเล็กๆของ แผนกทำความสะอาด ที่นั่นเงียบ และมิดชิด และปลอดภัยสำหรับมิเรียม หลังจากที่ตรวจสอบรอบๆแล้ว ผมต่อรองให้เธออยู่ที่นี้ ทำตัวให้เรียบร้อยอย่าโชว์ห้าวหาเรื่องใส่ตัว แต่นอนว่า เธอไม่ยอม แต่ผมให้เหตุผลว่าเธอเป็นคนเดียวที่ส่งข่าวนี้ออกไปได้ข้างนอก ถ้าเธอเป็นอะไรไปก่อนที่จะหยิบเครื่องมือสื่อสารออกมาได้ สิ่งที่เราวางแผนไว้ก็ล้มเหลวทันที

     

    ผมคิดว่าเธอไม่เห็นด้วยเท่าไหร่นักแต่เธอยอมทำตามในสิ่งที่ผมขอร้องโดยไม่มีอาการงอแง

     

    สิ่งที่มิเรียมยังคงกังวลก็คือผมไม่รู้จักห้องที่เธอพักอยู่บนเรือ นี่อาจทำให้เวลาที่ผมต้องใช้มีมากขึ้น เราจึงต้องเสียเวลากันอีกเล็กน้อยเพื่อให้มิเรียมบอกผมว่าห้องของเธออยู่ที่ตรงไหน ซึ่งหลังจากที่เอ้อระเหยอยู่นาน ก็ได้เวลาวิ่งไปหยิบอุปกรณ์สื่อสานที่อยู่ภายในห้องของมิเรียม

     

    มันเป็นการวิ่งที่ใช้เวลาไม่เยอะ ระยะทางก็ไม่ได้ไกล แต่นั่นก็ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นเรื่องง่าย เพราะตลอดทางที่ต้องผ่านคือแนวปะทะแทบทุกจุด พวกทหารพยายามใช้สิ่งของที่มีสร้างเป็นแนวป้องกัน ส่วนหุ่นยนต์ที่อยู่ตรงข้ามก็ระดมยิงใส่ไม่ยั้ง ผมต้องวิ่งตัดแนวยิงฝ่ากลางวงหลายครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ที่มันเสี่ยงตายไม่ใช่เพราะกระสุนจากหุ่นยนต์หรอก แต่เป็นกระสุนจากทหารที่อยู่ฝ่ายเดียวกันนี่แหละ

     

    อารามว่าตกใจและเป็นช่วงชุลมุน อะไรขยับให้เห็นพวกใส่ไว้ก่อน ถึงตรงนี้ต้องสารภาพว่าถ้าไม่ใช่การถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นตัวประหลาด ผมคงตายตั้งแต่เลือกที่จะวิ่งเข้ามา นั่นเป็นเพราะลูกกระสุนมันไวเกินกว่าที่จะหลบหลีกด้วยวิธีปกติ

     

    แน่นอนว่าไอ้คนที่เห็นผมวิ่งเล่นให้กระสุนผ่านตัว แสดงอาการเหวอกันออกมาหลายคน แต่ผมก็ไม่สามารถใส่ใจอากัปกิริยาพวกนั้น การไปให้ถึงห้องที่มิเรียมพักอยู่มันสำคัญกว่าจะมาใส่ใจกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ

     

    ไมนานนัก ผมก็ไปถึงบริเวณที่คิดว่าเป็นห้องของมิเรียมได้อย่างไม่ยากลำบาก แต่ให้ปัญหาที่มิเรียมกังวลในตอนแรกก็เป็นเรื่องจริงขึ้นมาจนได้ เนื่องจากประตูห้องพักบนเรือทุกห้องแม่งเหมือนๆกันไปหมด ไม่มีห้องไหนให้จับสังเกตหรือมีอะไรที่แตกต่างกันออกไปแม้แต่นิดเดียว

     

    ผมแก้ปัญหาด้วยการวิ่งทะลุดูมันทุกห้อง จนมาจบที่ห้องห้องหนึ่งที่ผมคิดว่าคงจะเป็นห้องของนาง อย่างไม่ต้องสงสัย เนื่องจาก ความรกและเสื้อผ้าใช้แล้วที่วางอยู่เต็มห้อง ซึ่งไม่ใช่เสื้อผ้าทหารและไม่ใช่วิสัยทหาร

     

    ยิ่งไปกว่านั้นสองสามวันมานี้สภาพนางค่อนข้างอิดโรย จากการอดนอนและไม่ได้อาบน้ำบ่อยครั้ง กลิ่นจากเสื้อผ้าจึงพอยืนยันได้ว่านี่คือห้องที่นางใช้ซุกหัวนอนอย่างไม่ต้องสงสัย ต่อจากนั้น มหกรรมรื้อค้นจึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดก็พบเข้ากับกระเป๋าใส่อุปกรณ์สื่อสารอยู่ตรงลิ้นชักใกล้ๆหัวเตียง ในระหว่างที่ตรวจความเรียบร้อยของอุปกรณ์ที่จะเอาไปให้กับมิเรียมและมองหาว่ามีอะไรอีกหรือไม่ที่จำเป็นต้องใช้

     

    ผมกลับพบบางอย่างที่มิเรียมไม่เคยบอก ในนั้นมีรูปถ่ายที่ไม่ชัดอยู่จำนวนหนึ่ง เนื่องจากถ่ายในสภาพแสงที่มืดจึงทำให้ภาพพวกนั้นเป็นเพียงภาพลางๆ ที่สะดุดตาผมคือ มันมีบางอย่างคล้ายตู้กระจกขนาดใหญ่ ซึ่งในนั้นมีร่างของเด็กโตอายุราวๆ 10-13 ขวบอยู่สองสามตู้

     

    ลางสังหรณ์บอกกับผมว่าสถานที่นั้นอยู่ใต้ดินและรูปที่ผมเห็นคือเด็กๆที่ผมรู้จัก เธออาจเปลี่ยนไปบางเพราะเราไม่ได้พบกันนานพอสมควร แต่ลึกๆผมมั่นใจว่านั่นคือลูกสาวของป๋าคาร์ล ...

     

    น่าเสียดายที่ผมไม่สามารถใช้เวลาอยู่กับสิ่งที่เห็นได้นานนัก ผมตัดสินใจปิดเครื่องมือหย่อนมันลงกระเป๋าและแบกอุปกรณ์ตัวนั้นกลับไปยังจุดที่มิเรียมหลบอยู่

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×