โชคโชน - โชคโชน นิยาย โชคโชน : Dek-D.com - Writer

    โชคโชน

    ทิศทางชีวิต มีสูงมีต่ำ นอกจากชะตาแล้ว ยังอยู่ที่การเลือกที่จะเป็น....ผลพวงของการติดสินใจ อาจโชคดีหรือโศกนาฏกรรม

    ผู้เข้าชมรวม

    129

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    129

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  สืบสวน
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 พ.ย. 61 / 12:06 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น


    บัลลาร์ดร็อกของเจ้าพ่อวงเมทัลในตำนานฝั่งตะวันตก ระอุสะท้านอยู่ในทุกอณูตารางนิ้วของห้องมุมสุดหอพักสี่ชั้นหลังเทคโนฯซอยข้างวัดน้อยแหล่งชุมชนที่ถูกกลืนเข้ากับสังคมมหาวิทยาลัยได้แบบตกกระไดพลอยโจน ในคืนวันศุกร์นุ่มๆต้นเดือน ผมใส่บ๊อกเซอร์เพียงตัวเดียวโดยทุกอย่างที่เหลือถูกผลัดออกจากร่าง สะเปะสะปะโยนปลิวไปในทิศทางต่างๆของห้องรกๆที่กว้างพอจะแหวกทุกสิ่งให้เหลือทางเดินแคบๆในแต่ละมุมสำหรับชายโสดอาศัยอยู่ลำพังคนเดียวได้สบายๆ ผมมีนัดจะออกไปดื่มกับเพื่อนๆในอีกตั้งชั่วโมงจึงยังพอมีเวลาเหลือเฟือให้ได้นัดกับน้องแผนลูกค้ารายสุดท้ายก่อนออกเที่ยวได้ 


    แผนเป็นวัยรุ่นข้างวัดอายุน่าจะช่วงมัธยมปลาย ถ้าใจไม่แตกซะก่อนป่านนี้คงนั่งอ่านหนังสือรอสอบเรียนต่อวิศวะแบบผมแล้ว เท่าที่รู้คร่าวๆแม่แผนขายไก่ย่างหมูปิ้งอยู่ไม่ไกลจากหอพักของผม ส่วนพ่อเคยเป็นนักเลงหัวไม้ลูกน้องคนมีอิทธิพลที่ตอนนี้ถูกกวาดไปทั้งโขยงเรียบร้อยแล้ว คงเหลือเพียงชั้นปลายแถวที่ไม่ถูกรวบเหมือนพ่อของแผนกระจัดกระจายอยู่ในชุมชนแห่งนี้ แผนไม่มีพี่น้อง ติดเพื่อนเดินตามรอยพ่อ และอยู่แถวเทคโนฯทุกองค์ประกอบจึงส่งเสริมให้แผนได้กลายเป็นลูกค้าอีกคนของผมมาสองสามครั้งแล้ว ถามว่าผมไว้ใจแผนหรือไม่ วงการนี้ไว้ใจใครไม่ได้หรอกครับ อันนี้ผมตระหนักดี แต่วันนี้ผมปลีกตัวไม่ได้จริงเพราะแผนโทรมาขณะผมกำลังเดินขึ้นบันไดหอพัก ทั้งแผนก็เร่งมาในสายเหมือว่ามีคนรอสินค้าอยู่ด้วยความเร่งรีบ อีกอย่างถ้ามีเงินไปดื่มเพิ่มอีกนิดหน่อยก็คงดี ผมจึงต้องจำใจให้แผนมารับของที่หอพักทั้งที่ปกติแล้วผมจะนัดลูกค้าบริเวณวัดปลอดภัยกว่า



    เสียงคนเดินกุกกักนอกห้องพักเพียงลำพัง อีกทั้งชั้นสี่นี้จะไม่ค่อยมีคนขึ้นมานอกจากกลุ่มเจ้าของห้องพักห้องอื่นๆซึ่งส่วนใหญ่วันนี้ก็กลับต่างจังหวัดกันหมด ผมจึงค่อนข้างแน่ใจว่าถึงเวลานัดจริงๆแล้ว 


    “คึก คึก คึก คึก”เสียงเคาะสี่ครั้งตามนัดหมาย ผมปล่อยเวลาผ่านไปสักอึดใจแล้วค่อยๆแง้มประตูติดสายยูดูก่อนเพื่อความปลอดภัย “ครับพี่” แผนเอ่ยขึ้นพร้อมกับการปลดสายยูของผมหลังมั่นใจแล้วว่ามีแผนเดินมาแค่คนเดียว “เที่ยวนี้ทำไมรุ่งดีจัง” ผมแซวยิ้มๆขณะเดินไปหยิบเม็ดยาสีส้มห้าเม็ดที่ถูกแพ็คไว้อย่างดีในหลอดกาแฟ ที่ผมยัดเข้าไปในหลอดยาสีฟันเล็กๆถูกๆที่ซื้อมาหลายหลอดตอนห้างลดราคา ผมมองว่ายาสีฟันพวกนี้จะกลบกลิ่นเม็ดยาสีส้มในระดับนึงในกรณีที่ต้องใช้สัตว์ดมกลิ่น ผมบีบยาสีฟันทิ้งลงอ่างล้างหน้า ก่อนแกะแพ็คห้าเม็ดที่เรียงไว้ส่งให้แก่แผน “เพื่อนมันบอกว่าที่อื่นแพงกว่ามันเลยฝากมาซื้อด้วยครับ” แผนพูดพร้อมส่งธนบัตรสีแดงยู่ยี่ทั้งเจ็ดใบมาให้ ผมตรวจนับเรียบร้อยในเวลาที่แผนเดินกระมิดกระม้อยออกจากห้องพอดี “แล้วเจอกันนะ” ผมสำทับ มองตามหลังแผนที่เดินเกาหัวไกลออกไปเพื่อลงบันได ผมรีบกลับเข้าห้องล็อคประตูเก็บเงินเข้าในกระเป๋าแล้วรีบอาบน้ำเพื่อไปให้ทันนัด 


    ยี่สิบนาทีเต็มที่ผมใช้เวลาปรับแต่งความหล่อเหลาและปรุงกลิ่นเพื่อสร้างเสน่ห์สำหรับการล่ากวางน้อยคืนนี้ บัดนี้ผมพร้อมจะออกจากห้องแล้ว ด้วยความเคยชินผมชะโงกหน้ามองผ่านระเบียงไปทั่วถนนที่ผมพอจะมองเห็น มีแต่ร้านปลาหมึกปิ้งเจ้าใหม่ที่พึ่งขายได้ไม่ทันถึงเดือนกำลังง่วนกับการคุมควันคุมไฟ เมื่อปลอดภัยดีผมค่อยๆแง้มมองผ่านประตูสายยูไปทางบันได ไม่มีใครในบริเวณนี้ก็ปลอดภัย ผมจึงปลดสายยูพร้อมออกเที่ยว “โผล่ะ” เสียงถีบประตูจากทางด้านซ้ายจุดอับสายตาหลังประตู ชายสามคนคงซุ่มอยู่ตรงกำแพงตึกด้านหลังประตูห้องผมจะเปิดออกไปถึงได้ “!!หมอบ!! หมอบลง!” เสียงกรรโชกขมขู่ดังขึ้นพร้อมกับชายทั้งสามวิ่งสวนผมเข้าไปในห้องพัก ชายสองคนกดตัวผมลงกับพื้นส่วนอีกคนถืออาวุธปืนสั้นจ้องคุมเชิงไว้ หลังสิบวินาทีนรกนั้นผ่านไป เสียงน้าคนที่ถือปืนในตอนแรกพูดในวิทยุมือสีดำสั้นๆ “เคลียร์แล้ว เคลียร์!! มีคนเดียว” อีกสักพักเสียงสวบสาบจากรองเท้าสิบกว่าคู่ตึบตับตึบตับขึ้นบันไดหอพักมารวมตัวกัน เท่าที่ผมมองเห็นมีทั้งคนขับมอไซค์วินที่ถือวิทยุ คนกวาดถนนก็เอาด้วย แม้แต่พ่อค้าปลาหมึกปิ้งที่ก็มีวิทยุกับเขา ผมคงถึงคราวซะทีแล้ว 


    นับจากการเริ่มเข้าสู่วังวนมืดดำนี้เพื่อส่งเสียตัวเอง ในที่สุดสัจธรรมที่ว่า “ผู้เกี่ยวข้องย่อมไม่มีวันจบสวย” ผมก็ได้พิสูจน์มันด้วยตัวเองจริงๆ อนาคตวิศวกรในอุดมคติถูกเสกหายไปพร้อมกับเมฆหมอกแห่งความโลภที่ผมสร้างขึ้นมาเอง “เงินตะกี้อยู่ที่ใหน” “เงินอะไรครับ” “เอาดีๆน้อง..ช่วยกันได้นะ อย่าให้มันวุ่นวาย” เจอคำนี้เข้าผมชี้กระเป๋าเงินในกางเกง เอาหล่ะผมยอมแล้วจริงๆ “น้องหยิบออกมาเอง ช้าๆนะ” ผมล้วงเงินส่งให้น้าๆพี่ๆเจ้าหน้าที่ด้วยความจำนน “ตรวจหมายเลขแบ็งค์นะ ดูด้วยกัน” เงินแบ็งค์ร้อยทั้งเจ็ดใบถูกถ่ายเอกสารไว้ล่วงหน้าแล้วเทียบกับเงินในกระเป๋าที่ผมเพิ่งดึงออกมา “ครบถ้วนถูกต้องนะ..ถ้าไม่มีข้อโต้แย้งก็เซ็นตรงนี้” ผมเอื้อมมือที่ถูกพันธนาการด้วยกุญแจมือออกเซ็นด้วยกำลังอันน้อยนิด 


    “ไม่น่าเลยนะ..อนาคตกำลังจะดีอยู่แล้ว ไม่น่าไปเกี่ยวกับมันเลย” น้าคนนั้นรำพึง “ผมมีทางผ่อนหนักเป็นเบาได้มั้ยครับท่าน” ผมร้องขออย่างไม่มีความหวัง “เอางี้สิ ถ้าต่องานได้ว่าเอามาจากที่ไหน จะกันไว้เป็นพยานให้” เหมือนเสียงน้ำสาดเข้ามาทางหลังคาในตอนที่ไฟกำลังจะไหม้บ้าน “ผมช่วยเต็มที่ครับ ขอผมเป็นพยานนะครับ” ผมรีบงับข้อเสนอก่อนที่เงื่อนไขจะเปลี่ยนแปลงไป ชุดจับกุมเงียบกันทั้งหมดเหมือนจงใจทรมานสติของผมให้กระเจิงสักพัก น้าคนที่กำลังค้นหลอดยาสีฟันทั้งหลายของผมก็โพล่งขึ้นว่า “งั้นเล่ามา.........”



    หนึ่งคืนเต็มๆในห้องสอบสวน(กึ่งๆเป็นห้องควบคุมตัวสำหรับผม) ทั้งหมดที่ผมรู้ ทั้งหมดที่ผมใช้ชีวิตในวงการ ผมถ่ายทอดบอกเล่า ชื่อ สถานที่ บุคคล รหัส และวิธีการ ตอนนี้กุญแจมือได้ถูกปลดแล้ว ผมเปลี่ยนสถานะจากคนที่ถูก"ล่อซื้อ"มาเป็น “สาย” อย่างเต็มความสามารถ ผมไม่คิดถึงตรรกะใดๆให้ใจอ่อนอีกต่อไป เพียงผมคนเดียวเท่านั้นที่ต้องรอดจากสถานการณ์นี้ ไม่ว่าผมจะต้องหลบหนีใครหรืออะไรในอนาคตผมก็พร้อมจะเดิมพัน ขอแค่ตรงนี้ก่อน ถึงอย่างไรผมก็ขอตอบแทนทุกฝ่ายที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ ทั้งด้านดีและด้านเลว ผมขอทดแทน....อย่างสาสม..



    “นี่นะเงินล่อซื้อหมื่นห้าพันบาท ทุกแบ็งค์ได้ถ่ายเอกสารไว้หมดแล้ว จำไว้ว่าหน้าที่ของน้องคือ เคาะบ้าน รับของ จ่ายตังค์ ไม่ต้องพูดมาก พอผู้ต้องหารับเงินเรียบร้อย ให้น้องเกาหัวเดินออกมาแล้วขับรถมาทางผู้หมวดที่ซุ่มอยู่เป็นจบ หากเกิดการปะทะให้หมอบต่ำไว้ จำไว้ว่าประวัติเราอยู่ในฐานข้อมูลพวกพี่แล้ว ต้องแสดงความจริงใจในชั้นนี้ เข้าใจนะ” นั่นคือคำสั่งสุดท้ายจากชุดสืบสวนที่ยังก้องอยู่ในหูผมทุกวินาที นับจากขับรถเครื่องออกจากตลาดบน มุ่งหน้ามาที่นี่ จวบจนตอนนี้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็น 


    "เจ๋งหว่ะน้อง แป้บๆฐานโต วันหลังว่างๆมาดื่มกับเฮียนะ ไฟแรงเรียนเก่งแบบนี้เฮียชอบ" เจ้าของโรงเลื่อยลึกลับร่ำรวย ทิ้งหมัดแย้ปก่อนเดินเข้ามุม ผมฉากออกจากกลุ่มคนหลังโรงเลื่อยในชุดนักศึกษา ผมเคยมาที่นี่ไม่กี่ครั้งหรอก และผมหวังว่าคราวนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเสียที จนกระทั่งตอนนี้ที่ผมกำลังเดินเกาหัวออกจากโรงเลื่อยเล็กๆมุ่งหน้าไปที่รถเครื่องของใครก็ไม่รู้ซึ่งอยู่ไกลออกไปสักสิบก้าวเดิน ที่ทีมสืบนำมาใช้ในงานนี้ พลันเสียงตะโกนแช่งสาปดังออกมาจากโรงเลื่อย “ไอ้.... สายล่อเหรอมึง” ทันควันรถกระบะสามคันก็วิ่งสวนผมเข้าไปในโรงเลื่อย เสียงแผดกัมปนาทของอาวุธหลายชนิดดังสลับกันเข้าออกจากโรงเลื่อย 


    แต่ผมไม่ได้สนใจอะไรหรอก ผมไม่ได้ยินอะไรแล้ว นับจากเสียงกระสุนนัดแรกเฉียดใบหูทั้งสองข้างของผมไปพร้อมกับเสียงแช่งชักนั้น ใครจะวิ่งไปทางไหน รถอะไรจะชนจะขวางรถใคร เสียงวิทยุด้านนอกหรือเสียงตะโกนด่าทอจากด้านใน สารวัตรผู้หมวดจะอยู่พิกัดใดผมไม่สนใจ เพราะกระสุนเฉียดหูผมทั้งสองด้านพร้อมกันจริง แต่กระสุนนัดนั้นเจาะเข้าท้ายทอยด้านหลังของผมทันที ผมรู้สึกเหมือนมีคนปามะม่วงลูกใหญ่มาโดนท้ายทอยแล้วมะม่วงก็แตกตรงท้ายทอยดังโป๊ะ แล้วผมก็ชาทั้งตัว ทั้งที่ผมยังไม่ได้สตาร์ทรถเครื่องด้วยซ้ำ ผมนั่งมองกุญแจรถมอเตอร์ไซค์อยู่ พยายามจะบิดมันให้ได้ แต่ทำไมผมได้แค่มองก็ไม่รู้ สันหลังแขนขาของผมชาไปทุกส่วน ความเย็นจากด้านหลัง มาพร้อมกับความอุ่นของเลือดที่ค่อยๆซึมลงมาเรื่อยๆ นั่นยังไงล่ะ..มันคงจะจบแล้ว ผมไม่ต้องติดคุกแล้ว แต่ผมก็คงไม่มีวันได้เป็นวิศวกรอีกต่อไปด้วย มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่ผมจะตอบแทนบุญคุณแผ่นดินที่ผมเกิดมาได้บ้าง จึงรวบรวมจิตสุดท้ายถ่ายทอดสิ่งที่เป็นอยู่ดังนี้ไปให้กับใครก็ตามที่จะสามารถรับรู้ถึงการสื่อสารนี้ ไม่แน่ว่าคนคนนั้นอาจจะเป็นคุณ?


    อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับมัน อย่าให้ความต่ำภายในใจครอบงำ หนทางนี้มีแค่คุกหรือตาย 
    ..................“ผู้เกี่ยวข้องย่อมไม่มีวันจบสวย”........................

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×