ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สหายกล้า...นาวิกโยธิน

    ลำดับตอนที่ #6 : ความสุขครั้งสุดท้าย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 22
      0
      6 ม.ค. 48

                         MAY 15, 1942 สถานการณ์ในสงครามทุกยุทธภูมิ ยุโรป กำลังลุกเป็นไฟ ทหารนาซีกำลังเริงร่า ด้วยการบุกยึดปารีส ฝรั่งเศสปราชัยต่อเยอรมันแบบสิ้นท่า ส่วนอังกฤษก็กำลังระส่ำระส่าย ด้วยรู้ว่า หากหมดฝรั่งเศสแล้ว เป้าหมายต่อไปคือ “เกาะอังกฤษ” และที่น่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน คือ เหล่าพื้นที่ปกครองของฝรั่งเศสและอังกฤษ คือ แอฟริกาเหนือ ซึ่งกำลังระดมพลทหารประจำการในพื้นที่ ซึ่งก็มีอยู่ไม่กี่หมื่นนาย และคาดว่าจะไม่ได้รับการเพิ่มเติมกองกำลังจากกองทัพของทั้งสองประเทศ เพราะตอนนี้ อังกฤษเองก็แทบจะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว ข่าวนี้ทำให้เกิดความสับสนภายในหน่วยฝึกนาวิกโยธินว่า “อาจจะมีการเปลี่ยนภารกิจหลังจากการฝึก อาจจะต้องอยู่รับมือกองทัพนาซีบนเกาะอังกฤษ หรือ อาจจะเป็นการรบในช่องแคบอังกฤษ” ข่าวไม่ได้สร้างความดีใจให้พลทหาร ซักเท่าไหร่นัก เพราะทุกคนรู้ว่า ตอนนี้จะไปอยู่ที่ไหนก็ต้องรบ เพียงแต่จะรบที่ไหน และเมื่อไหร่ บางทีสัปดาห์หน้า “ฮิสเลอร์ ” อาจจะสั่งบุกอังกฤษ เราอาจจะต้องรบในอีกไม่กี่วันข้างหน้า



                          แต่ผลดีก็คือ ทหารฝึกทุกนายเริ่มรู้ตัวว่า หากศักยภาพของตนเองยังไม่แข็งแกร่งไปมากกว่านี้ พวกเขาอาจจะต้องตายหลังจากเหยียบย่างเข้าสู่สนามรบเพียงไม่กี่นาที ทหารเริ่มรับรู้ถึงกลิ่นอายของสงครามที่พวกเขาเคยวาดฝันไว้ บางนายวาดฝันว่าตนเองจะไล่ล่าฆ่าทหารนาซีให้ได้มากกว่า ร้อยศพ และจะได้เหรียญกล้าหาญนำไปอวดญาติมิตร แต่ถึงตอนนี้ทุกนายคิดเหมือนกันว่า “เราฆ่ามันได้ มันก็ฆ่าเราได้ เช่นกัน !!”



                        ส่วนสถานการณ์ในแอฟริกาเหนือ มีเพียงการเตรียมความพร้อมของทหารประจำการ การเตรียมปืนต่อต้านอากาศยาน และปืนประจำหาด ที่นี่ไม่มีเครื่องบิน!! ทำให้ปืนต่อต้านอากาศยาน คือหัวใจสำคัญของที่นี่ พลปืนต่อต้านอากาศยาน คือทหารที่ดีที่สุด เก่งที่สุด เท่านั้นที่จะได้บังคับปืนนี้





                        ในเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ ญี่ปุ่นเริงร่าไม่ต่างไปจากเยอรมันนาซี บุกยึดประเทศเล็กประเทศน้อยเป็นว่าเล่น ประเทศที่ญี่ปุ่นต้องการที่จะบุกคือประเทศที่อเมริกาเคยมีอำนาจเช่น ฟิลิปปินส์ จีน หรือหมู่เกาะในแปซิฟิก



                        ย้อนมาที่การฝึกของนาวิกโยธิน ทหารตั้งใจกับการเรียนภาคทฤษฎีอย่างมาก สัญญาณธงเป็นหัวใจของการสื่อสารในทะเล หากผิดพลาดแม้แต่การสะบัดธงผิดองศาไปเพียงเล็กน้อย อาจจะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป ไม่มีทหารนายใดหลับในระหว่างการเรียนนี้แม้แต่นายเดียว



                         หน่วยฝึกต้องการจะใช้เวลาในช่วงหน้าร้อน ในการฝึกภาคปฎิบัติ ซึ่งอาจจะต้องกินเวลาถึง 2 เดือน และการฝึกจะต้องใช้พื้นที่ทางทะเลเหนือฝั่งแอตแลนติก ซึ่งเป็นทะเลด้านที่ปลอดภัยที่สุด รวมทั้งจะเป็นการฝึกร่วมกันกับหน่วยสื่อสารทางทะเลของประเทศในกลุ่มพันธมิตร ซึ่งหน่วยฝึกจะได้ใช้การฝึกร่วมนี้ให้เป็นประโยชน์สำหรับทหารฝึกด้วย



                     ช่วงนี้ทหารฝึกรู้สึกเครียดอย่างหนัก หลายนายเริ่มวิตกกังวลกับอนาคตของตนเอง ร้านสวัสดิการตอนนี้มีแต่ทหารมานั่งปรับทุกข์กันในยามค่ำคืน บรรดานายสิบพยายามขอร้องให้ เรือเอก เจฟ ทำเรื่อง ขอลาพักให้กับทหารฝึก เพราะอาจจะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ทหารพอผ่อนคลายได้บ้าง แต่เจฟไม่ยอม โดยให้เหตุผลว่า กองบัญชาการไม่มีทางจะอนุญาต เพราะทหารจะกลับบ้านแล้วอาจจะไม่กลับมาอีก โดยใจที่ไม่อยากจะรบต่อไปแล้ว หรือการขอร้องของครอบครัวทหารเอง “เจฟ” ต้องการให้ทหารอยู่ปรับสภาพจิตใจที่ค่าย โดยสั่งให้บรรดานายสิบ เข้าหาทหารฝึกให้มากขึ้น พูดคุยกับทหารให้มากกว่านี้ โดยเจฟเองสัญญาว่าจะไม่ฝึกทหารอย่างหนักในช่วงนี้



                    มีระยะเวลาอีก 1 สัปดาห์ ก่อนการเข้าฝึกภาคปฎิบัติ มีการยืนยันแน่นอนแล้วว่า จะไม่มีทหารนายใด ได้รับอนุญาตให้ลาพักได้ สร้างความไม่พอใจให้กับทหารฝึกเป็นอย่างมาก แต่ทุกอย่างยังอยู่ใต้กฎระเบียบ ไม่มีการประท้วงใดเกินหน้าเกินตาไปกว่าการ “เดินในที่แจ้งโดยไม่สวมหมวก ของพวกหมวดที่ 1 ของหน่วยที่ 8 ” ซึ่งนำโดยความคิดของ “แอรอน แม็คคารีดส์”  



                     แต่ไม่มีการยกเว้นโทษใดๆ ในสถานการณ์นี้ เพื่อไม่ให้ทหารหน่วยอื่นทำตาม หมวดที่ 1 ของหน่วยที่ 8 (แบ่งตามที่แบ่งในการเข้าพักในโรงนอนสังกะสี) โดยทั้ง 17 นาย ถูกสั่งให้รื้อโรงนอนสังกะสีให้พับเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย และประกอบใหม่ให้เหมือนเดิม โดยคำสั่งลงโทษโดยตรงของ “เฮลเซอร์”



                    “แฟร้งค์” ดูเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกของทหารในตอนนี้ ถึงแม้เขาจะไม่เข้าไปพูดคุยกับทหาร แต่การที่เขาไม่ลงโทษใดๆ กับทหารตลอดอาทิตย์นั้น เหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่เลอค่าที่สุดสำหรับ หน่วยที่ 8 รองจากการได้กลับบ้านไปพบหน้าครอบครัว



                    ช่วงท้ายสัปดาห์ในเย็นวันเสาร์ มีการฉายภาพยนตร์ให้กับทหารเพื่อเป็นการบรรเทาอาการเซื่องซึม และเปิดโอกาสให้ทหารได้เล่นดนตรีในค่าย ส่วนร้านสวัสดิการได้รับคำสั่งให้ลดราคาเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ เป็นพิเศษ และให้เปิดได้ถึง ตีสอง นโยบายของฝ่ายบัญชาการกองพันได้ผล ทหารคลายจากความเหงา เซื่องซึม การเป็นการหัวเราะร่า ความสนุกสนาน ความเมามาย และการเปิดฉากแลกหมัดกันในร้านสวัสดิการกันอุตลุด สารวัตรทหารทำงานกันอย่างหนักในคืนนั้น



                     “แอรอน แม็คคารีดส์” และ “โรบิน เอ็ดเวิดส์” ได้รับการกล่าวขวัญถึงจากบรรดาทหารในกองพันที่ 2 มากที่สุด ในเรื่อง “เมาอาละวาด” โดยเฉพาะหากทั้งคู่อยู่ในร้านสวัสดิการโดยมีเพื่อนในหน่วยที่ 8 อยู่ด้วยมากๆ แล้ว จะไม่มีครั้งไหนที่จะไม่ได้ยกพวกเข้าตะลุมบอนกับหน่วยอื่นๆ สารวัตรทหารได้รับคำสั่งจาก “เจฟ” ให้หมายหัว 2 นาย นี่ไว้ โดย “เจฟ” มักจะถูกเรียกตัวไปพบ “เฮลเซอร์” ทุกครั้ง ในตอนเช้า เพื่อรับคำสั่งกำชับพฤติกรรมของทหาร 2 นาย ให้พึงมีความยั้งคิดมากกว่านี้



                   คืนนั้น “แฟร้งค์” มองลงมายังทหารที่สังสรรค์กันอยู่ข้างล่าง จากชั้นสอง อาคารกองบังคับการ อย่าง “อ่อนใจ” เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าทหารพวกนี้ อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า พวกนี้คือทหารที่กองทัพอังกฤษ กำลังจะส่งไปเผชิญหน้ากับทหารนาซีอันเกรียงไกร เขาไม่สามารถนึกถึงภาพของชัยชนะที่พวกนี้จะนำมาให้กับประเทศ บนตึกนั้นยังมี “ฮาวี่  เดนสัน” ที่กำลังนั่งจิบบรั่นดีอย่างสบายอารมณ์ “แฟร้งค์” พูดลอยขึ้นมา



    “เราจะหวังอะไรจากทหารพวกนี้ได้บ้างเนี่ยะ”  ก่อนที่เดนสันจะพูดตอบอย่างสบายอารมณ์ว่า “เอาไว้ในสงคราม หากมีนายใดยังเมาค้างอยู่ นายก็ค่อยจัดการสิ”…………



                     แม้ “เดนสัน” กับ “เจฟ โฮแกน” จะเป็นเพื่อนรักกันและดื่มแอลกอฮอล์เหมือนๆ กัน แต่ “เดนสัน” จะดื่มในช่วงที่เขามีอารมณ์สุนทรี ส่วน เจฟ จะดื่มเพื่อระบายความเครียด ทายได้เลยตอนนี้ว่า เจฟ กำลังง่วนอยู่กับการตรวจการพฤติกรรมของทหารในควบคุม โดยเฉพาะ 2 ทหาร “เมาอาละวาด” เจฟ ยังวนเวียนอยู่ในร้านสวัสดิการอยู่ตลอด โดยไม่ได้แตะ แอลกอฮอล์ แม้แต่นิดเดียว



                        ตอนเที่ยงคืน เริ่มมีทหารเมามายไม่ได้สติ นอนเกลื่อนอยู่เต็มหาด โดยมีขวดเหล้าอยู่ในอ้อมแขน บางนายสนุกสนานกับการเล่นฟุตบอลที่ลานฝึก ซึ่งคาดว่าพวกนี้หากไม่ไล่ก็ไม่เลิกเล่น เพราะหนุ่มอังกฤษทุกนาย มีสายเลือดนักเตะมาตั้งแต่เกิด บางกลุ่มได้ตั้งวงพนันตามมุมอับ ได้รับความนิยมอย่างสูงโดยไพ่ป๊อก เพราะไม่ต้องคำนวณให้ยาก และมักจะเล่นกันไม่หนักมากแต่เล่นกันนาน แต่บางนายตั้งกลุ่มกันนั่งปรับทุกข์ เล่าเรื่องของครอบครัวของตนเอง และประสบการณ์ที่ทำร่วมกันในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่องที่ “เมเดิ้ล แค้มป์” ได้รับความนิยมมาก ทหารจำเรื่องราวการฝึกที่นั้นได้อย่างแม่นยำ เรื่องที่ทหารมักจะเล่ากันคือเรื่องการวิ่งขึ้นวิ่งลงหาด ซึ่งนั้นเป็นลักษณะเฉพาะอย่างเดียวที่หน่วยที่ 8 ได้ทำเป็นประจำใน “เมเดิ้ล แค้มป์” หน่วยอื่นอาจจะได้วิ่งนานๆ ที หรือบางหน่วยอาจจะไม่ได้วิ่งที่นั้นเลย ทำให้หน่วยที่ 8 เป็นที่แข็งแกร่งที่สุดของกองพันที่ 2 และอาจจะแข็งแกร่งที่สุดจากทั้ง 4 กองพันนาวิกโยธินที่กำลังฝึกพร้อมกัน…………!!



                                                                                                                                           โปรดติดตามตอนต่อไป  

                    

              

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×