ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สหายกล้า...นาวิกโยธิน

    ลำดับตอนที่ #5 : หน่วยที่ 8......เราแข็งแกร่งที่สุด !!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 58
      0
      24 ธ.ค. 47

                      เมื่อสิ้นสุดการฝึกระยะที่หนึ่ง ได้มีการจัดการทดสอบสมรรถภาพร่างกายของนายทหารและพลทหารทุกนายของกองพันที่ 2 ไล่มาตั้งแต่ หน่วยที่ 5,6,7 และสุดท้ายหน่วยที่ 8 ซึ่งเมื่อผ่านไป สามหน่วยแรก ผลคะแนนเฉลี่ยของทหารทุกนายอยู่ที่ 76, 74 และ 78 ตามลำดับหน่วย จนมาถึงการทดสอบของหน่วยที่ 8 ทุกนายแสดงความแข็งแกร่งอย่างที่สุดที่ไม่มีหน่วยไหนทำได้ คะแนนของหน่วยที่แปด ออกมาที่ 91 ส่วน 100 สูงกว่าหน่วยอื่นอย่างเทียบกันไม่ติด และเมื่อมีการส่งผลการทดสอบสมรรถภาพร่างกายให้หน่วยกลาง มีการกล่าวหาว่า หน่วยที่ 8 มีการทุจริตในการทดสอบ เพราะผลคะแนน ต่างจากหน่วยอื่นๆ มากเกินไป ส่วนกลางสั่งให้หน่วยที่ 8 มีการทดสอบใหม่ โดยส่งนายทหารจากส่วนกลาง ไปสังเกตการณ์ ปรากฏว่าผลการทดสอบรอบนี้ หน่วยที่แปดทำคะแนนได้……94 ส่วน 100…..คะแนน !!…….



                      ระหว่างการทดสอบสมรรถภาพของหน่วยที่ 8 พวกพลทหารต่างสามารถวิดพื้นได้ 35 ถึง 40 ครั้ง ภายใน 1 นาที และเมื่อทดสอบเสร็จพวกเขาได้จับกลุ่มเพื่อเฝ้าดูพวกนายทหารที่จะมาทดสอบต่อจากนี้ ว่ามีดีแค่ไหน เป้าหมายสำคัญของพลทหารทุกนายอยู่ที่ เรือโท แฟร้งค์  รอยสตีล ที่พวกเขาต้องการดูผู้หมวดนายนี้ว่า เป็นพวก นายทหารขี้ไก่หรือเปล่า



                     ผลการทดสอบของนายทหารส่วนใหญ่มักจะอยู่ในเกณฑ์เดียวกันกับทหาร จะมีที่เด่นๆ คือ “จ่าเอก ดาร์ตัน  ฟอร์ด” วิ่ง 1000 เมตร ภายในเวลา 3 นาที  “จ่าโท เครซี่ แม็คเกรย์” ดึงข้อราวเดี่ยวได้ 21 ครั้ง เรื่อยมาจนถึงบุคคลสำคัญที่พลทหารเฝ้าจับตามอง “เรือโท แฟร้งค์  รอยสตีล” เข้ามาสู่ฐานวิดพื้น ซึ่งเป็นฐานแรกของการทดสอบ ผู้หมวดตั้งท่าเตรียมอย่างเยือกเย็น ทหารเฝ้าจับตามองอยู่หลังต้นไม้ ห่างจากผู้หมวดไปไม่ถึง 10 เมตร พร้อมที่จะวิพากษ์วิจารณ์ หาก แฟร้งค์ เกิดทำได้น้อยครั้งกว่าพวกทหาร แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิดที่คาดการไว้



                  “บิล โฮวี่” บอกว่า “ในตอนนั้น เราเชื่อว่าพวกเราแข็งแกร่งที่สุด ไร้เทียมทานที่สุด ฝึกหนักที่สุด และไม่คิดว่าจะมีใครทำได้ดีกว่าเราอีกแล้ว จนผู้หมวด แฟร้งค์ มาให้คำตอบกับเราว่า เรายังอ่อนแอมากนัก ยังมีทหารอีกหลายพันหลายหมื่น หรืออาจจะหลายแสนที่แข็งแกร่งกว่าเรา ผู้หมวด วิดพื้นได้ 47 ครั้ง ภายเวลา 1 นาที และเป็นท่าวิดพื้นที่สมบูรณ์แบบทั้ง 47 ครั้ง  ขึ้นสุดลงสุด ลำตัวเหยียดตรง ไม่เอียงซ้ายเอียงขวา สังเกตจากระยะ 10 เมตร ด้วยสายตาของเรา ผู้หมวดไม่มีอาการล้า กล้ามเนื้อสั่นแต่อย่างใด หลังจากได้เห็นการทดสอบสอบใจอยากแล้ว พวกเราเดินคอตก ซึมเงียบออกจากบริเวณลานทดสอบ แต่ในใจของผมคิดในตอนนั้นว่า “ยอมทนต่อไปเหอะ ผู้หมวดสมบูรณ์แบบกว่าเราเยอะ”………”



                     หลังจากผ่านพ้นการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายเรียบร้อยแล้ว ทหารได้รับมอบ ชุดฝึกนาวิกโยธิน จำนวน 2 ชุด เครื่องแบบนี้หลายนายกลัวหายยิ่งกว่า เงินของตน บางนายจะพับชุดไว้ใต้ที่นอนในตอนกลางคืน พวกนี้กลัวหายแบบสุดๆ แต่ก็จะทำให้ชุดยับ และโดน แจ็คพอร์ต ในตอนตรวจเครื่องแบบ ตอนเช้า



                      ชุดเครื่องแบบนี้ ต่างจากชุดเครื่องแบบเดิมที่ เมเดิ้ล ล๊อป คือ จะเป็นชุดของนาวิกโยธินที่ใช้ฝึกโดยเฉพาะ ส่วนแบบเก่า เป็นแบบของทหารเรือทั่วไป จุดพิเศษของชุดนี้อีกอย่างหนึ่ง ก็คือ “ไม่ซับน้ำ” และจะไม่ไหม้ไฟง่ายๆ



                      “ผู้หมวด ฮาวี่  เดนสัน” ยืนยันว่าชุดนี้ไม่ไหม้ไฟง่ายๆ โดยก่อกองไฟขนาดย่อมๆ แล้วถามยืมเสื้อฝึกของทหารเพื่อจะทดสอบให้เพื่อนดู แต่ไม่มีพลทหารนายใดอาสาถอดเสื้อทดสอบ เดนสัน จึงถอดเสื้อของตนเอง แล้วโยนลงไปในกองไฟ ทหารทุกนายชะเงื้อดูว่า เสื้อยังดีอยู่หรือเปล่า หลังจากนั้น 1 นาที เดนสันใช้ไม้เขี่ยเสื้อของตนออกจากกองไฟ แล้วเขี่ยไป จุ่มน้ำทะเลให้เย็น ก่อนจะนำกลับขึ้นมาสวมใส่อย่างเดิม แต่ถึงกระนั้นก็ตาม โรคหวงเสื้อ ก็ยังไม่ได้จางหายลงไป ไม่มีใครใคร่กล้าทดสอบเหมือนผู้หมวด ยังหวงเหมือนชุดนี้พร้อมที่จะขาดทุกเวลา



                   การฝึกอย่างแรกๆ ที่เป็นพื้นฐานของนาวิกโยธินทั่วไป คือ การฝึกยกพลขึ้นบกให้ได้ ในทุกรูปแบบ แม้หน้าที่ของกองพันชุดนี้ คือการประจำการบนชายฝั่ง แต่มีการสรุปจากคณะนายทหารแล้วว่า “การยกพลขึ้นบก เป็นสิ่งที่นาวิกโยธินทุกนายจะต้องทำให้เป็น”



                   หาดที่ใช้ฝึกเป็นหาดหนึ่งในค่ายทาลฟีลฮาย มีลักษณะหาดยาวโค้งเว้า ดูสวยงามหากเป็นสถานที่ท่องเที่ยว น่าเสียดายที่มันเป็นของกองทัพ แต่มันก็สะอาดมากๆ และยังคงความเป็นธรรมชาติไว้ได้แทบจะทุกอย่าง หาดนี้เรียกว่า “หาด 12 ” พวกทหารไม่มีเซนต์ในการตั้งชื่อหรอก หากแต่การตั้งชื่อเช่นนี้เพื่อการง่ายต่อความเข้าใจของคนในค่ายแห่งนี้เท่านั้น



                  การฝึกเต็มไปด้วยความทุลักทุเล เสียงดังของน้ำกระทบฝั่ง เสียงลมโกรกตลอดเวลา ทำให้การฝึกล้มเหลว ทหารฝึกใหม่ยังไม่ได้เรียนการใช้สัญลักษณ์ธง และ สัญญาณมือ นายทหารจึงประชุมกัน ณ ตอนนั้น แล้วได้สรุปว่า “จะต้องมีการฝึกการใช้สัญญาณธงและมือก่อน และต่อด้วยการฝึกภาคทฤษฎี แล้วค่อยมาปฏิบัติ



                  ตัวอย่างความไม่เข้าใจในการฝึกวันนั้นที่หลายนายจำได้ขึ้นใจคือ “พลฯ อัลเบิร์ต ดายาส” ได้รับมอบหมายให้แบกปืน ค. น้ำหนักมากและจะเปียกน้ำไม่ได้ เมื่อ ดายาส ลงจากเรือสู่น้ำทะเล นายทหารที่สังเกตการณ์จากฝั่งเห็นว่า ทหารจัดแถวตอนลงเรือไม่เป็นกระบวนจึงใช้สัญลักษณ์มือ สั่งหยุด แต่ สัญลักษณ์นั้น ดายาสและเพื่อนรอบตัว คิดว่าสั่งให้หมอบลง………ไม่มีการตัดสินโทษ แต่ปืน ค. บนหลังของ ดายาส ต้องนำมาตากแดดจนถึงตอนเย็น แล้วเช็ดซ้ำอีกรอบ



                 “ดายาส” ให้ความเห็นว่า “ให้ตายสิ สัญญาณนั่น ใครเป็นคนคิดน่ะ การชันฝ่ามือขึ้นแล้วยกแขนทำมุม 45 องศา กับพื้น แล้วไล่แขนลงจนแขนขนานกับพื้น ถามใครก็คิดว่าสั่งหมอบทั้งนั้น ตอนนั้นผมอยากรู้จริงๆ อีกอย่างว่า แล้วสัญญาณหมอบที่แท้จริงมันทำกันอย่างไร”



                 หลังจากมติ ณ ที่ ชายหาดได้เป็นที่ตกลงกันแล้ว ทหารจึงได้รับการฝึกการใช้สัญญาณมือและธง พร้อมกับการฝึกภาคทฤษฎีในห้องเรียนไปด้วยกัน เรียกว่าสวรรค์แท้ๆ หากเทียบกับการฝึกที่ เมเดิ้ล แค้มป์ แล้วที่นั้น เราต้องผจญกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นการออกแรงกาย เราไม่ต้องคิดอะไรมากแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น



                   แต่อย่างไรก็ตาม การแต่งกายผิดระเบียบ การทำความผิด และการเดินคู่ไปกับคนที่ทำสิ่งข้างต้น ก็ถือว่าเป็นเรื่องอันตรายเป็นอย่างยิ่ง เพราะ “แฟร้งค์” ยังคงไม่ปล่อยให้พวกนี้เดินกันอย่างสบายใจ “แฟร้งค์ น่ากลัวทุกครั้งที่เราเดินผ่าน แม้แต่ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยเราก็อาจจะต้องลงไปวิดพื้น ซัก 20-30 ครั้ง นี่แหล่ะ การฝึกให้เป็นทหารที่สมบูรณ์แบบของจริง ตามสไตล์ ผู้หมวด แฟร้งค์  รอยสตีล”…….คำให้การของ เจสัน กัลลาล์ด



                   ชีวิตประจำวันของทหารในตอนนี้ ไม่ต่างไปจากทหารราบของกองทัพบกเท่าใดนัก ตื่นนอน 05.00 น. วิ่งและทำกายบริหารอีกซัก 2 ชั่วโมง ทานข้าวเช้าตอน 07.30 หลังจากนั้นก็เข้าเรียนสัญญาณ ตอนบ่ายเรียนภาคทฤษฎี ตอนเย็นก็ปล่อยให้ทำกิจกรรมอิสระจนถึง หกโมงเย็น ภาคค่ำไม่อยู่ที่ลานกิจกรรม ก็ร้านสวัสดิการทหาร ฝึกทหารฝึกใหม่มักจะไปดื่ม แอลกอฮอล์ ที่นั่น พอเมาได้ที่ก็หาเรื่องล้อ เพื่อนทหารบ้าง จนได้ที่ ก็เปิดฉากชกต่อยกันจนเจ็บกันพอประมาณ แล้วคู่กรณีทั้งสองก็กอดคอกันกลับเข้าที่พักโดยไม่ติดใจอะไรกัน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเป็นประจำทุกคืน บางคืนก็มีมากกว่าหนึ่งคู่ แต่ไม่มีการล้างแค้นในคืนต่อมา



                  แต่สิ่งที่อันตรายที่สุดคือการยกพวกกันระหว่างหน่วย หากเกิดเหตุการณ์นี้ ร้านสวัสดิการจะพังทุกครั้ง แต่ “โทมัส เฮลเซอร์” ผู้บัญชาการกองพัน ให้ความเห็นว่า “การที่ทหารยกพวกเข้าหากัน เป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทหารจะลืมทุกเหตุการณ์ในร้าน เมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าอีกวันหนึ่ง



                                                                                                                                      โปรดติดตามตอนต่อไป

                

              

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×