ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักนาย my boyfriend. (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #25 : Chapter 20 : แป๊ด เฟสติวัล ภาคค่ำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 17.5K
      22
      4 เม.ย. 51



    คำเตือน  กรุณาย้อนอ่านตอนที่ก่อนนะคะแล้วเพื่อความต่อเนื่องของอารมณ์

    คำเตือน 2  ยาวโคตร ๆ ค่ะ  ทดแทนเกลือแร่ที่สูญเสียไปในหลาย ๆ เดือน  555

     

    ---------------------------------------------------------

     

     

    อิฐบล็อครูปแปดเหลี่ยมก้อนที่หนึ่ง  อิฐบล็อครูปแปดเหลี่ยมก้อนที่สอง  อิฐบล็อครูปแปดเหลี่ยมก้อนที่สาม  อิฐบล็อครูปสี่เหลี่ยมก้อนที่หนึ่ง  อิฐบล็อครูปสี่เหลี่ยมก้อนที่สอง  อิฐบล็อครูปสี่เหลี่ยมก้อนที่สาม  อิฐบล็อครูปสี่เหลี่ยมก้อนที่สี่  อิฐบล็อครูป....

     

    ตุบ  สัมผัสเข้ากับอะไรบางอย่างที่อบอุ่น แข็งแกร่ง น่าเคลิบเคลิ้ม  ชวนซุกไซร้  ผมเงยหน้าไปมอง

     

    มองหาอะไรวะเร  ไอ้กิงถามผม  คงสงสัยว่าผมก้มหน้าก้มตาเดินทำไมตั้งนาน

    หาใจตัวเอง  ตอบน้ำเน่าเบา ๆ กับตัว

     

    ห๊ะ?  หาอะไรนะ  ไอ้กิงขึ้นเสียงสูงถาม

    เปล่า ๆ  ผมรีบปฏิเสธ  กรูมองดูลายปูพื้นอยู่ว่ะ  ดูว่าเขามีแนวความคิดยังไง  ดูไปดูมาคล้ายรูปคลื่นเลย  สมกับเป็นสวนน้ำเนอะ  พร้อมกับอธิบายเหมือนตั้งใจดูอยู่จริง ๆ

     

    ไอ้กิงทำหน้าเหรอยกคิ้วเหมือนฉงน  แล้วยกมือขึ้นมาขยี้หัวผมเบา ๆ  เดินมองทางบ้างเถอะเมิง  เดี๋ยวก็ไปชนอะไรเข้าให้หรอก  มันเตือนผม

    อืม   ผมยิ้มรับก้มหน้าตอบ  อันที่จริงผมไม่ได้สนใจลายปูพื้นขนาดนั้นหรอกครับ  เพียงแต่โรคบิดยังเล่นงานผมอยู่ 

     

    เร  เสียงทุ้มต่ำเรียกผม

    หืม  ผมเงยหน้าไปประสานสายตา  บรรยากาศวาบหวามชวนระทึก  สักครู่ก็หวงแล้วต่อไปจะเป็นอะไรผมรอมันพูดต่อด้วยใจหวั่นไหว  แอบอดทนอดกลั้นอารมณ์ตื่นเต้นอยู่พอตัว

     

     

    เฮ้ย!!  ไอ้เรไอ้กิง  เสียงเรียกดังของใครสักคนขัดจังหวะไว้แบบน่าทุบหัวยิ่งนัก

     

    ผมเสหน้าไปมองตามเสียงเรียก  เอี้ยไรวะ  สาดป๋อง  อารมณ์หงุดหงิดโดนขัดมู้ดทำให้ผมสบถคำหยาบใส่หน้าไอ้ตัวต้นเหตุทันที 

     

    ไอ้ป๋องออกอาการสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเจอคำทักทายแรกจากผม  มันมาในชุดลำลองเด็กแนว  แนวรับซื้อของเก่า  ด้วยเสื้อยืดมือสอง  กางเกงยีนส์มือสอง  รองเท้าผ้าใบมือสอง  กระเป๋าหนังสะพายข้างมือสอง  สงสัยอยู่ว่าบ็อกเซอร์ที่โผล่มามือสองด้วยรึเปล่า

     

    เวร  เจอหน้ากันก็อวยพรกรูเลยนะเมิง  ไอ้เร  มันบ่นเสร็จก็ทำหน้าบู่ใส่ผม  ตอนแรกเมิงมากับเอี้ยน้องต๊อดไม่ใช่เหรอวะ  แล้วทำไมตอนนี้เมิงมาอยู่กับไอ้กิง  เอี้ยต๊อดไปไหน  มันถามพร้อมสีหน้ากรุ้มกริ่มยิ้มมีเลศนัย

     

    ไอ้ต๊อดไปรายงานตัวที่เวที  ไอ้เรมันก็ต้องอยู่กับกรู  ถึงไอ้ต๊อดอยู่ด้วย ยังไงไอ้เรก็ต้องอยู่กับกรูอยู่ดี  เป็นไอ้กิงที่ตอบคำถามแทนผมเสียเสร็จสรรพ

     

    ...  ความเงียบเข้าครอบคลุมชั่วคราว  เป็นเห็นแววเอ๋อแดกบนหน้าไอ้ป๋องและไอ้ป๋องคงเห็นแววเอ๋อแดกบนหน้าผมเช่นกัน 

     

    โว  โว่  โว้  โห  เต็มปากเต็มคำเลยนะเมิง  ไอ้ป๋องผันเสียงวรรณยุกต์ซะครบเลย  ใบหน้ามันดูทึ่งอึ้งแต่ยังคงปากไวแซวได้ทันท่วงทีเช่นเคย

     

    ทำไม  กรูพูดอะไรผิดรึไงว๊ะ  ไอ้กิงเชิ่ดคิ้วถามกลับสีหน้านิ่งแววตามั่นใจ 

     

    ไอ้ป๋องแสยะปากตาถลึงโตเหมือนเห็นสิ่งพิสดารเข้า  ไม่ใช่แค่มันหรอกครับ  เอากันตามจริงแล้วกิริยาแบบนี้ของไอ้กิงหาดูได้ยากนัก  ไอ้ป๋องหันหน้ามาทางผมช้า ๆ ก่อนจะสะกิดเข้าที่ข้างแขนแล้วโน้มตัวมากระซิบเบา ๆ

    เร  ไอ้กิงมันแดกปลาเป็นอาหารเช้าเหรอวะ  มันถามผมใบหน้าสงสัย

    อะไรของเมิงวะ  แดกปลา  มันกินอะไรเป็นอาหารเช้ากรูจะไปรู้เรอะ  ผมแปลกใจถามกลับ

     

    ไอ้ป๋องย่นคิ้วหน้าเซ็ง  ก้างไง  หวงก้างชิบ  เมิงดูหน้ามันดิ  ไม่เห็นรัศมีหึ่ง ๆ ออกจากตัวมันรึไง  สงสัยแค่เนื้อยังแดกไม่พอ  เก็บก้างไว้แดกกับข้าวเปล่าอีก  ไอ้ป๋องอธิบายทฤษฎีเสริมอาหารจากก้างปลา

     

    อืม  ผมพยักหน้ารับเบา ๆ ยิ้มขัดเขินอยู่ในที  กรูก็ไม่แน่ใจหรอกว่ะ  แต่วันนี้แมร่งแปลกไปเยอะเลย  กรูว่ามันเมาบรรยากาศแหง  ผมเองไม่กล้าเดาอะไรมากนัก  ไอ้ปลื้มมันก็ปลื้มใจอยู่หรอกครับ  แต่จากประสบการณ์บอกให้รู้ว่าไอ้ผู้ชายคนนี้มันไว้ใจไม่ได้

     

    โฮ่  อันนี้ก็ไม่แน่ซะทีเดียวนะเว้ย  เมิงน่ะสนิทกับมันมากกว่ากรูอีก  น่าจะรู้ว่าไอ้ท่าทางประหลาดแบบนี้มันจะหมู่หรือจ่า  ไอ้ป๋องว่าหน้ายิ้มฟันธงให้ผมล่วงหน้า

    ก็เพราะสนิทกับมันไงวะ  กรูเลยไม่มั่นใจ  เมิงนี่...  ไม่ทันที่ผมจะพูดให้จบ

     

    เฮ้ย!  เอี้ยป๋องเมิงเดินมาตอนไหน  ไม่บอกกรูบ้างวะ  ปล่อยให้กรูมองหาอยู่  อ้าว  นั่นไอ้เรเมิงมาเมื่อไหร่  น้ำเสียงห้าวสดใสทั้งทักทั้งด่ามาแต่ไกล  กานต์เดินอย่างกระฉับกระเฉงเข้ามาทางพวกผมพร้อมถุงพลาสติกและถุงกระดาษมากมายแล้วยังจะม้วนโปสเตอร์หลากหลายขนาดอีก  ดูมันหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังเหมือนไปชอปปิ้งกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ที่ห้างมา(แม้ป้ายจะเซลล์ทุกฤดูนอกจากฤดูร้อนก็ตาม) แต่แฟชั่นรด.หญิงนั่นกลับดูขัดกันยิ่งนัก  กานต์สวมเสื้อกล้ามสีขาวขนาดพอดีตัว  กางเกงทหารสีเขียวตุ่นขายาว  กระเป๋ากางเกงมีไม่ต่ำกว่า 6 ตำแหน่ง  (คาดว่าไว้ใส่ไข่ตัวเอี้ยที่กานต์ขยันปล่อยมาใส่หน้าเพื่อนบ่อย ๆ)  รองเท้าผ้าใบหุ้มข้อสูงที่ลวดลายดูเข้ากับชุดที่ใส่  พร้อมกับแทคห้อยคออีกสองเส้น  รูปร่างสูงเพรียวกับผมซอยสั้นประบ่าทำให้กานต์ดูเท่ห์  เก๋  เหมือนเพิ่งตีรถมาจากแนวตะเข็บชายแดน

     

    มาพร้อม ๆ กับพวกเมิงน่ะแหละว่ะ  แล้วเมิงแบกหอบอะไรมามากมายวะ  เห็นของฟรีเป็นไม่ได้รึไง  ผมอดแซวมันไปไม่ได้  พวกเมิงมากันสองคนเหรอ  ท้ายเสียงผมขำแบบมีเลศนัยย้อนไปมองหน้าไอ้ป๋อง

     

    มากันหมดทั้งคณะเว้ย  กรูบอกไอ้โจอยู่ว่า  แมร่งเมิงไม่เหมารถทัวร์เหมือนตอนรับน้องเลยวะ  มาอะไรกันนักหนาก็ไม่รู้  ไอ้ป๋องบ่นตอบกลับแทนแบบเสียอารมณ์นิดหน่อย 

    จะบ่นเอี้ยไรนักหนาไอ้ป๋อง  ใช่ว่ามันมาเดินบนหัวเมิงเมื่อไหร่  มีแต่กรูนี่แหละลดตัวมาเดินกับเมิง  กานต์ด่าใส่อย่างทันท่วงที

     

    ห๊ะ  เมิงนี่อ่ะนะ  กรูลดตัวมาเดินกับเมิงมากกว่าไอกานต์  ผู้หญิงบ้าอะไรวะ  แวะมันแมร่งทุกบูธทุกซุ้ม  เขาแจกหร่าอะไรก็หยิบจับมาหมด  ซวยกรูต้องเดินรอเมิง  จนไอ้พวกที่มาด้วยกันหายไปหมดแล้ว  ไอ้ป๋องดันไม่ยอมเถียงกลับอีก

    งั้นเหรอ  เป็นกรูที่ติดหนี้บุญคุณที่ต้องให้เมิงมารอ  โธ่!  ไอ้คุณสุภาพบุรุษป๋อง  จะช่วยกรูถือสักนิดยังไม่มีเลย  กานต์ใช้น้ำเสียงและสีหน้าที่หน่ายสุดใส่ไอ้ป๋อง  ภาพพวกมันสองคนตรงหน้าทำให้ผมกลัวว่ามันจะยืนทะเลาะกันจนงานเลิก

     

    เอามานี่สิ  เดี๋ยวกรูเอาใส่รถแล้วไปส่งที่หอให้  เสียงทุ้มที่เงียบไปนาน  แทรกขัดจังหวะขึ้นมา  ไอ้กิงพูดพร้อมยื่นมือออกไป

    อ้าวกิง  ไม่เป็นไรหรอก  เดี๋ยวกรูถือไปเองได้  ไม่หนักเท่าไหร่  กานต์ตอบอย่างเกรงใจ

    เมิงเดินมากี่โซนแล้วล่ะ 

    กานต์ทำหน้างงเล็กน้อย ก็เพิ่งมาจากโซนเพลง  ยังไม่ได้ไปโซนอื่นต่อ 

    นั่นไง  เพิ่งมาแค่โซนเดียว เมิงยังถือขนาดนี้  พอครบทุกโซนเมิงเดินไม่ไหวแน่  ไอ้กิงมองกานต์แล้วยืนกอดอกอมยิ้มรอคำตอบ 

     

    เอาน่า  กรูถือได้จริง ๆ นะ  กานต์ดูมีแววแพ้ทางไอ้กิงมาดนี้เหมือนกัน

    ตามใจเมิง  แต่  เชื่อกรูเหอะ  ไอ้กิงยักคิ้วข้างเดียว  พยักหน้าเล็ก ๆ

    งั้น  กานต์หยุดคิดนิดนึงก่อนจะส่งถุงจำนวนหนึ่งให้ไอ้กิง  ฝากด้วยนะ  ขอบใจว่ะ  รอยยิ้มสวยปรากฎบนใบหน้า

    อืม  ไอ้กิงรับไว้  ริมฝีปากเผยอยิ้มพอใจ

     

    ฉากหวานตรงหน้าของสาวสวยรักษาดินแดนกับหนุ่มหล่อเท่ห์สุดเซอร์แตกกระจาย  เข้ากัน  เหมาะกัน  ดูมีอะไรลึกซึ้งต่อกัน  ยิ่งกว่าช่วยถือถุง  ผมซึบซับภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่ใช่หึงหวงเพียงแค่สงสัย  มันอ่อนโยนได้ขนาดนี้กับเพื่อนทุกคนเลยหรือ  ความหงุดหงิดที่ผมไม่ค่อยชอบนักก่อปะทุตัวขึ้นช้า ๆ ผมเหลือบมองไอ้ป๋อง  อาการมันดูรุนแรงกว่าผมพอดู  มาย้อนนึกถึงสาเหตุ  ผมเลยตัดสินใจ

     

    ปึก  เสียงอวัยวะบางส่วนกระทบกับกล้ามเนื้อบางที่  ตามด้วย

     

    โอ้ย!!  ไอ้เร  ทำเอี้ยไรเมิงวะ  ไอ้ป๋องใบหน้าบิดเบี้ยวจากท่าเจาะยางจากปลายตีนผมเอง  ไอ้ป๋องยืนงุ้มตัวจับบริเวณข้อพับตัวเอง  ริมฝีปากเม้มแน่นกลั้นอาการเจ็บ

     

    เร  ทำไรไอ้ป๋อง  แต่ไงก็ขอบใจนะ ฮ่า ๆ  กานต์หัวเราะชอบใจเมื่อเห็นไอ้ป๋องหมดสภาพ

    ไอ กานต์  ไอ้ป๋องพูดชื่อผู้หญิงที่มันแอบชอบด้วยน้ำเสียงอาฆาตแค้น

     

    เดี๋ยวพวกกรูมา  พวกเมิงยืนรอแปปนึงนะ  ผมชิงตัดบทแล้วลากไอ้ป๋องออกมาหามุมสงบไม่ไกลจากพวกมันมากนักแต่ก็ไม่ใกล้พอจะให้พวกมันได้ยินอะไรเหมือนกัน

     

    กรูไปทำอะไรเมิงเนี่ยะเร  เศือกมาเจาะยางกรู  นู่น  เมิงไปเตะผ่าหมากเด็กเมิงนู่น  เจ้าชู้กรุ้มกริ่มชิบ  แมร่ง  ดูแลให้ดีหน่อยสิว๊ะ  ไอ้ป๋องด่าตัดพ้อน้อยใจผมทันทีที่ผมหยุดการกระชากตัวมันมา

    หึหึ  ผมขำเสียจริตมองหน้ามันเหยียด ๆ หน่อย  กรูถามจริง ๆ ไอ้ป๋อง  เมิงบอกว่าเมิงชอบไอ้กานต์แล้วนี่เมิงพยายามจีบมันอยู่เรอะว๊ะ  ตอบให้กรูรู้แจ้งเห็นจริงหน่อยเถอะว่ะ  อดไม่ได้กับพฤติกรรมการจีบหญิงของมัน

    หา?  ยังจะมาทำหน้างงใส่ผมอีก 

    ไม่ต้องหา  ทำอะไรหายรึไง  ตอบกรูดิ  นี่เป็นเคล็ดลับพิชิตใจหญิงของเมิงรึไง  ด่าบ้างล่ะ  ทิ้งไว้คนเดียวบ้างล่ะ  แล้วยังจะโชว์แมนปล่อยไอกานต์ให้ถือของคนเดียวอีก  เป็นกรูคงประทับใจเมิงเอี้ย ๆ เลย

     

    ได้ผลครับ  เจอบทสวดของผมเข้าไป  ไอ้ป๋องหน้าจ๋อยถึงกับนิ่ง  ก็จะให้กรูทำไงล่ะว๊ะ  คนมัน  โว้ย  มันทำตัวไม่ถูกโว้ย  กรูพยายามจะช่วยแล้วนะเมิง  แต่พอกรูเห็นหน้ามันกรูก็พูดไม่ออก  เลยเดินเลี่ยงมาทำใจก่อน  พอกรูเดินกลับไปหามัน  มันดันถือถุงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกรูหาจังหวะไม่ได้  รู้ตัวอีกทีกรูก็เจอเมิงเลยเข้าไปทักเมิงก่อนไง  ไอ้กานต์มันยังมัวอยู่ที่บูธไหนสักบูธนึง  แต่กรูไม่ได้ทิ้งมันหรอกน่า  แล้วกรูไม่ได้เดินรอมันด้วย  กรูจงใจเว้ย  กรูแอบไล่พวกไอ้โจให้ไปโซนอื่นไว ๆ จะได้เหลือแค่กรูกับมันสองคนไง  เป็นไงแผนกรูเจ๋งป่ะล่ะ  ไอ้ป๋องเชิ่ดหน้ายิ้มภาคภูมิใจในแผนสุดยอดของมัน

     

    หึหึ  ผมขำแบบเสียไม่ได้อีกรอบ  เจ๋งบ้านเตี่ยเมิงดิ  อุตส่าห์หาโอกาสอยู่กันสองคน  เมิงก็ทำให้มันประทับใจจนแทบด่าพ่อแบบนี้  ดูแลเขาบ้างดิว๊ะ  เทคแคร์น่ะเป็นมั้ย  กลายเป็นผมต้องมาสอนมันจีบหญิงเสียอย่างนั้น

    ก็มันยากนี่หว่า  เพื่อนกันน่ะ  กวนตีนกันอยู่ทุกวัน  อยู่ ๆ จะให้กรูไปแบบนั้น  มันกระดากนะเว้ย  กรูไม่ได้หม้อเป็นธรรมชาติเหมือนไอ้กิงนี่  แหมรู้อกรู้ใจเข้าใจกันขนาด  พลิ้วเหลือเกินไอ้พ่อปลาไหล  เดี๋ยวกรูจับไปทำต้มเปรตซะนี่  ไอ้ป๋องแก้ตัวพร้อมพาดพิงไอ้คนที่ผมก็รู้สึกเช่นเดียวกับมัน  แต่

     

    ต้มป๋องดีกว่าน่าแดกกว่าต้มเปรตเยอะ  แล้วกรูว่ามันไม่ได้หม้อว่ะ  นั่นน่ะสันดานมันมั้งนะ  มันก็เป็นของมันแบบนั้น  เมิงก็หัดทำให้ได้อย่างมันบ้างเด้  ผมจำต้องยกเหตุผลนี้มาให้ตัวเองฟังด้วย 

    เออ  ปกป้องกันเข้าไป  เมิงน่ะคิดงั้นจริง ๆ หรือ  ไอ้ป๋องย้อนถามผมกลับ  สีหน้ามันมีอารมณ์เคืองพอประมาณ

     

    โอ้ย!  แล้วทำไมกรูต้องมาเถียงกับเมิงว๊ะป๋อง  แทนที่จะทำให้ทุกอย่างมันดีกว่าเดิม  กรูต้องมานั่งด่ากับเมิงให้เสียอารมณ์อีก  เอาเป็นว่าผิดที่ตัวเมิงน่ะแหละ  ยังไงก็มีโอกาสอยู่ด้วยกันแล้วทำคะแนนซะ  ไม่ใช่ติดลบแทบตีนแบบนี้  เข้าใจ  ผมย้ำอีกรอบ  คิดในใจ ตัวเองยังแทบเอาตัวเองไม่รอด  ยังสอนคนอื่นอีกตรู  ช่างกล้า 

     

    โหเมิง  ไอ้เร  องค์ประทับเมิง  แววอึ้งทึ่งออกจากตัวไอ้ป๋อง  ก่อนความตั้งใจจะเริ่มฉายชัดพร้อมกับมือที่ยื่นออกมา  เรเว้ย  ร่วมด้วยช่วยกันเว้ย

    หา  ผมงงตัวมันนิดหน่อย  ไม่นานนักจึงเข้าใจ  อ๋อ  เออ  เอาไงเอากันว๊ะดันลงเรือลำเดียวกันแล้วนี่  ผมจับกระชับตอบที่มือมัน  มองตอบไปด้วยสายตาที่มุ่งมั่นไม่แพ้กัน

     

    เฮ้ย  พวกเมิง  คุยกันเสร็จรึยังว๊ะ  เสียงติดอารมณ์ฉุนดังมาไม่ไกล  เดาได้เลยว่าเป็นใคร ไอ้คนความอดทนสั้นอดกลั้นต่ำนั่นเอง

    หมับ  ไอ้กิงคว้าเข้าที่แขนผม  ไปกันได้รึยัง  สายตาเข้มส่งตามมาคาดคั้นอีกรอบ  ไอ้ป๋องหดมือกลับไปทันที

     

    แหม  จะรีบไปไหนของเมิง  งานเขาไม่ได้ปิดป่านนี้หรอกน่า  ไอ้ป๋องไม่วายแขวะไอ้กิงในเชิงหมั่นไส้หรือแอบหวั่นไม่ทราบได้  ส่วนตัวผมยังอยู่ในโหมดตีความอยู่  ทำไมเมิงมาคนเดียว  ไอ้กานต์อ่ะ  ไอ้ป๋องถามขึ้นเมื่อฉุกสังเกตเห็น

     

    นั่นไง  ไอ้กิงพยักหน้าไปอีกทางที่มันเพิ่งเดินมา  ปรากฎภาพไอ้กานต์ยืนคุยกับหนุ่มฮิปฮอปร่างสูงโปร่งกลางลานโล่ง  บรรยากาศรอบตัวแลดูประหลาดพิลึก

    นั่นเพื่อนไอกานต์เหรอ  เพิ่งรู้ว่ามันมีเพื่อนเป็นบีบอยด้วย  ผมถามไป

    เปล่า  ไม่ใช่

    อ้าว  แล้วใครว๊ะ  ไอ้ป๋องขึ้นเสียงสงสัย

     

    ไม่รู้ดิ  จู่ ๆ ก็เดินเข้ามาทักไอ้กานต์  แล้วอย่างที่เห็น  มาจีบมันมั้ง  ไอ้กิงขยายความง่าย ๆ 

    แต่ไอ้ป๋องไม่ง่ายด้วย  อ้าว  เฮ้ย  แล้วไงเมิงไม่ดูมันว๊ะ  ทำไมปล่อยให้ไอ้หน้าปลาหมึกมาจีบมัน  ไมเมิงไม่ห้าม  โวยวายในทันที  แถมไปด่าไอ้หนุ่มคนนั้นโดยที่ยังไม่ได้เห็นหน้าด้วยซ้ำ  อิทธิพลของความหึงหวงช่างร้ายกาจ

    อ้าว  ไอ้กานต์มันยังไม่พูดอะไรเลย  แล้วกรูจะไปห้ามอะไรมันว๊ะ  ไอ้กิงย้อนกลับสั้น ๆ ได้ใจความ 

     

    ไอ้  ไอ้ เออ  ถูก  เออ  โว้ย  เมิง  ไอ้ป๋องถึงกับต่อคำไม่ถูก  นี่แหละครับความสามารถในการตอบให้คนอื่นอึ้งของไอ้กิง

     

    ป๋อง  ผมเรียกทักมันแล้วส่งสายตาแบบรู้กันให้  ไอ้ป๋องทำหน้าแบบ เอาจริงหรือ  ผมพยักหน้ารับพยายามส่งกระแสจิตกลับไปไปซะเมิง  โอกาสของเมิงแล้ว  ไอ้ป๋องกลืนน้ำลายทำหน้าตัดสินใจก่อนหันหลังให้พวกผมพุ่งไปยังตำแหน่งที่รด.เกิร์ลกับแร๊พเปอร์บอยที่กำลัง What’s up? Yo! Man สแคลชแผ่นกันอยู่  ผมได้แต่มองตามให้กำลังใจมันเงียบ ๆ  รอลุ้นว่ามันจะแก้สถานการณ์นี้อย่างไร

     

    ตัดภาพกลับมาที่ผมกับไอ้กิง  ย้อนไปตอนที่ไอ้กิงเดินเข้ามาเพื่อดึงดัน(?)ฉุดรั้ง(?)เรียกร้อง(?)เพื่อให้ไปกับมัน(อาจมีเพิ่มเติมบ้างตามจินตนาการของผม  โปรดใช้วิจารณณานในการอ่าน)  มือหนามันยังจับยึดอยู่ที่แขนผม  คำพูดของมันเรื่องไอ้กานต์ถูกประมวลผลเข้ากับที่มันหวงผมไม่นานนี้  ทำให้ผมคาดเดาอย่างเข้าข้างตัวเองสุด ๆ  ริมฝีปากฉีกออกอย่างห้ามไม่ได้  ผมรีบเอาอีกมือที่ว่างอยู่อุดแทบไม่ทัน

     

    เร  เป็นอะไร  ไปกันได้รึยัง  ไอ้กิงกระชับแขนผมเบา ๆ

    แปปนึง ๆ  ขอคิดอะไรแปป  ผมเสใบหน้าตัวเองออกจากสายตามัน  ไอ้กิงคงเริ่มงงผมจึงหาเรื่องแก้เก้อก่อน  รอพวกไอ้ป๋องด้วย  เออ  แล้วทำไมเมิงไม่ช่วยไอ้กานต์มันหน่อย  เนียนถามอย่างฉลาดด้วยผม

     

    กรูบอกแล้วไงว๊ะ  ไอ้กานต์มันยังไม่ปฏิเสธอะไรเลย  กรูจะไปห้ามมันทำไม  มันตอบลอยมา  เหรอ  แต่ทีกับกรู กรูตัดสินใจจะให้เบอร์แล้วแท้ ๆ เมิงห้ามซะฉิบ กรูจำได้น้าในใจผมตอบตัวเอง

    ฮิ ฮิ อุ๊บ  เสียงประหลาดหลุดจากปากผมที่กำลังฉีกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ในหัวยังคงทดสอบทฤษฎีสัมพันธภาพความน่าจะเป็นอยู่ 

     

    เร  เร  ไอ้เรไอ้กิงยังคงเรียกอย่างดุดันมากขึ้น  แต่สติผมเหมือนจะลอยไปชั่วคราว  จนกระทั่ง หมับ  แรงจับเข้าที่แขนพาตัวผมให้หันมาเผชิญหน้ากับมัน  ในทันทีที่มันเห็นหน้าผมดูมันจะตกใจเล็กน้อยแล้วสองมือหนารีบประกบเข้าที่ใบหน้าผม  เฮ้ย  เรเมิงเป็นไร  หน้าแดงชิบเลย  ไม่สบายอยากอ้วกหรือว๊ะ  มันคงเดาเอาจากที่ผมเอามือปิดปากตัวเองอยู่

     

    อื้อ  ป่าว ๆ กรูไม่เป็นไรจริง ๆ ขอเวลากรูทำใจแปปนึงพอ  พยายามฝืนตอบมันกลับไป  แต่สิ่งที่ไอ้กิงทำในวันนี้มันยิ่งทวีคูณความน่าจะเป็น กิง‘s เร มากขึ้นเรื่อย ๆ

    เร  โอเครึเปล่า  ไหวมั้ย  ไอ้กิงเริ่มมีอาการหวั่นวิตก  สายตาคมนั้นจ้องจับจนผมแทบแย่ไปกว่าเดิม  ไป หาหมอมั้ยเมิง  หน้าเมิงแดงมากเลย ไข้ขึ้นรึเปล่า  สองมือหนาประกบแก้มผมบางเบาแต่แนบแน่น

    ไม่ไป  ไม่เป็นไร ไม่ไป  อาจคิดว่าอาการผมคล้ายคนใกล้บ้า  แต่ถ้าได้รับความห่วง หวงในระยะประชิดแบบนี้จากมัน  เกินทนครับขอบอก

    ไปหน่อยมั้ยเมิง  ไปเหอะ  มันคงเห็นว่าอาการเข้าขั้นแล้ว  มือนั่นเกลี่ยปอยผมที่ชื้นเหงื่อไปด้านข้างแล้วไซร้ช้า ๆ ไปตามวงหน้าของผม  สายตายังทอดมองด้วยความอบอุ่นระคนห่วงใย  เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยช้า ๆ  ไปรึเปล่า

     

    ไปจดทะเบียนกันเลยมั้ย  อ่า  ห้ามไม่ทันแล้วผม   หน้าไอ้กิงดูงงงวยเล็กน้อย

     

    ไม่ไปเว้ย  อะไรของเมิงเนี่ยะ  เสียงโวยวายดังเสียผมสะดุ้ง ทั้งผมทั้งไอ้กิงหันไปตามเสียงนั่น เป็นไอ้ป๋องใช้วิธีไหนสักอย่างลากไอ้กานต์ออกมาจากหนุ่มแร๊พเตอร์ 

    เร  เมิงดูเพื่อนเมิงหน่อย  เป็นไรของมัน  ไอ้กานต์หยุดยืนตรงหน้าพวกผม  เมื่ออยู่ในช่วงจังหวะลากผ่านของไอ้ป๋อง

    ทำไมว๊ะ  ผมหยุดความจิตป่วงของตัวเองชั่วคราว  หันมาเศือกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น  ไม่รู้ว่าไอ้ป๋องใช้วิธีไหนลากกานต์มา  แต่มันก็ทำได้แล้วและโวยวายอยู่หน้าพวกผม

     

    ยังหยุดยืนคุยอีกเมิง  กรูไม่ไหวแล้ว  รีบ ๆ เข้าดิว๊ะ  ไอ้ป๋องส่งเสียงหงุดหงิดเร่งเร้า

    แล้วทำไมต้องเป็นกรูด้วยว๊ะ  กิงไอ้เรเป็นไร  หน้าแดงเชียว  กานต์อารมณ์เสียแต่ก็ยังอุตส่าห์สังเกตเห็นสีหน้าผม

     

    ไม่รู้ดิ  กรูก็ห่วงอยู่เนี่ยะ  ไอ้กิงตอบนิ่ง ๆ

     

    ตุบ  อัปเปอร์คัทเข้ากลางใจผมจัง ๆ ทฤษฎีความน่าจะเป็นว่าด้วยเรื่อง รักเพื่อนไม่เท่ากัน  ของไอ้กิง  ท่าทางความเป็นไปได้จะเกินครึ่ง  ผมไม่รู้จะพูดตอบอะไรอีกแล้วในตอนนี้

     

    เฮ้ย  ไอกานต์รีบไปสักทีสิว๊ะ  เดี๋ยวกรูก็ทิ้งไว้นี่หรอก  ปล่อยไอ้เรให้ไอ้กิงมันดูไปเหอะ  เรเดี๋ยวเจอกันที่เวทีไอ้ต๊อดนะเว้ย  เยี่ยมมากป๋อง  แอบชูนิ้วโป้งให้มันเงียบ ๆ

     

    เหลือแค่ว่ามันใช้วิธีไหนในการดึงกานต์ออกจากการชวนทหารหญิงเข้าก้านคอคลับ  กานต์ยังดูไม่ค่อยพอใจนัก  แต่ก็ยอมให้ไอ้ป๋องลากไปด้วยการเกี่ยวมือของมันเองเข้าไปกับหูถุงกระดาษที่กานต์ถืออยู่แล้วออกแรงรั้งให้เดินตามไป  ไม่น่าเชื่อว่าไอ้ป๋องจะสุภาพบุรุษขี้อายได้ขนาดนี้  ผมยังคงเดาอยู่ว่ามันใช้วิธีไหน

     

    เออ  รู้แล้ว ๆ อย่าเร่งนักสิ  ผู้ชายที่ไหนว๊ะปวดเยี่ยวต้องให้ผู้หญิงตามไปเฝ้าถึงห้องน้ำเนี่ยะ  นั่นคือคำตอบ  เมิงเจ๋งมากป๋อง  โคตรสร้างสรรค์  ผมมองตามหลังสองคนนั้นไปอย่างมีห่วงนิดหน่อย

     

    พวกมันเป็นอะไรของมัน  ตรงนี้ยังมีคนไม่รู้เรื่องรู้ราวอีกหนึ่งคน 

    เป็นอะไรสักอย่าง  ผมตอบเบา ๆ

    ห๊ะ  แล้วเมิงเป็นไง  อาการดีขึ้นรึยัง  ไอ้กิงละความสนใจ  หันมาทางผมแทน  ฝ่ามืออุ่นเข้าประทับที่ข้างแก้มผม  ตัวไม่ร้อนนี่  วันนี้เมิงผิดปกติอย่างแรงกิงเอ้ย

     

    อือ  บอกแล้วว่ากรูไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ  แค่วูบน่ะ  รีบไปโซนเพลงกันเถอะเดี๋ยวได้เดินแปปเดียว อีกไม่กี่ชั่วโมงวงไอ้ต๊อดก็จะขึ้นแล้วด้วย  ผมตัดสินใจพาตัวเองออกจากที่ตรงนี้สักที  ไม่งั้นคงได้ป่วยขึ้นมาจริง ๆ แน่

     

     

    เวลาย่างเข้าสู่ช่วงบ่ายคล้อย  บรรยากาศรายล้อมยังคงคึกคักด้วยผู้คนที่เหมือนจะมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกผมเที่ยวงานอย่างไม่เร่งรีบนัก  แวะนู่นแวะนี่ไปเรื่อย  ตั้งแต่แยกจากเอี้ยน้องต๊อดมา  อาจด้วยความกว้างของงานและความเยอะของคน  จึงทำให้ผมไม่ได้พบมันอีกเลย  แต่ยังคงพบเพื่อนพี่น้องในคณะอยู่บ้างประปราย  เป็นอย่างที่ไอ้ป๋องบอกจริง ๆ มากันทั้งคณะ  ผมกับไอ้กิงยังคงเที่ยวงานกันอยู่สองคนสถานการณ์ช่างเป็นใจให้ผมคิดว่านี่คือการออกเดท  การแสดงออกของมันยังคงคอมโบใส่ผมเป็นระยะไม่รู้ว่ามันรู้ตัวบ้างรึเปล่าว่ามันปล่อยของตลอดเวลา  จนผมจะกระอักตายอยู่แล้ว

     

    เร  หิวมั้ย  คำถามเกิดขึ้นกลางตลาดสีแดงเชิด  โซนละลายทรัพย์  น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยออกมา

    อิ่มว่ะ  ตอบด้วยความสัตย์จริง  ทำไมเมิงหิวหรือ 

    ไอ้กิงเสหน้ามองผมยิ้มบาง ๆ  ป่าว  กลัวเมิงหิวน่ะ  ไม่อยากให้เดินทรมานอยู่ว่ะ

     

    โครม!!’  ซัดโฮกกันเข้าไป  ผมพยายามตรองว่าปกติมันเป็นคนแบบนี้รึเปล่าแล้วผมไม่ทันสังเกต  รอบนี้เล่นเสียผมเอามือกุมหัวใจกันเลยทีเดียว  ผมหันไปมองสบสายตา  ไอ้กิงดูไม่ได้สร้างภาพหรือล้อเล่นกับสิ่งที่มันแสดงออกมา

    ไม่หิว  แล้วเมิงอยากไปไหนต่อมั้ย 

    ไม่ล่ะ  แล้วแต่เมิงเถอะ  ตอนนี้กรูไม่มีโปรแกรมเป็นพิเศษ  อิ่มอกอิ่มใจไปไหนไม่ถูก 

    งั้นไปหาที่นั่งพักกันมั้ย  เดี๋ยวกรูไปซื้อเบียร์มาให้  ไอ้กิงพูดพร้อมรอยยิ้ม  ฝ่ามือโอบไหล่ผมพาเดินไปพักกายพักใจ  ผมพยักหน้าตอบรับปล่อยให้บรรยากาศนำสถานการณ์ไป 

     

    อ้ายเรค้าบ  อ้ายเรของต๊อด  เสียงสดใสนำมาก่อนตัว  ตายยากชิบตะกี้เพิ่งบ่นถึง  ผมหันไปตามเสียงเรียก  เอี้ยน้องต๊อดโดดเด่นท่ามกลางฝูงชน  ท่าเขย่งก้าวกระโดดอันเป็นเอกลักษณ์ค่อย ๆ ดอลลี่เข้ามาหาผม  ใกล้มาเรื่อย ๆ เข้ามาเรื่อย ๆ

     

    อ้ายเรเป๋นหยังบ้างบ่อ้าย  ต๊อดเสียใจอย่างแรงที่บ่ได้เทคแคร์ดูแลอ้าย  อากาศช่างฮ้อนนัก  ตั้งแต่ต๊อดแยกกับอ้าย  ต๊อดกิ๊ดเสมอว่าอ้ายจะซำบายมั้ย  จะยังไผมากวนอ้ายบ้าง  ข้าวปลาอ้ายจะได้กินรึเปล่า  อ้ายจะปวดหัวตัวฮ้อน  อ้ายจะ... 

    หยุด  หยุดก่อนไอ้ต๊อด  พอเลย เจอหน้ากันก็ใส่เลยนะเมิง  ผมเบรคมันไว้ก่อน

     

    เมิงมาจากไหนว๊ะ  ไอ้กิงเรียกถามไว้

     

    อ้าว  ยังอยู่อีกหรืออั้ยกิง  เอี้ยน้องต๊อดปรายตามองยังคงรักษาระดับความกวนส้นไว้อย่างสม่ำเสมอ 

    นั่นดิ  เมิงมาจากไหน  แข่งกีฬามาเรอะว๊ะ  เหงื่อโทรมชิบเลย  เป็นผมถามมันไปบ้างเมื่อสังเกตเห็นได้ชัดว่าเอี้ยน้องต๊อดมีเม็ดเหงื่อซึมตามร่างกาย  สีหน้าปรากฎชัดถึงร่องรอยสีเลือดที่ผ่านการสูบฉีดมาแล้ว

     

    ต๊อดรายงานตัวเสร็จต๊อดก็รีบบึ่งออกมาหาอ้าย  แต่ด้วยความจริงใจนะอ้าย  ต๊อดจำเป็นต้องอยู่เบิ่งวงเพื่อนต๊อดมันขึ้นก่อนต๊อด  พอต๊อดเบิ่งเสร็จนะอ้ายดันมีวงโปรดต๊อดน่ะอ้าย  ต๊อดเลยเพลินอยู่กับคอนเสิร์ตมากไปหน่อยนะอ้าย  พอรู้ตัวนะอ้าย  มันก็บ่ายมากอ้ายเข้าใจ๋ต๊อดเน้ออ้าย  ต๊อดบ่ได้ตั้งใจลืมเลย  ต๊อดแค่เผลอไปจั๊กหน่อย  แล้วต๊อดก็ตามหาอ้ายมันยากมากน่ะอ้ายงานกว้างมาก  กว่าต๊อดจะเจ๊อะอ้าย  ก็ป่านนี้เข้าไปแล้ว  อ้ายเรบ่โกรธต๊อดเน้ออ้าย  พูดจบไอ้ต๊อดยังมีอาการหอบเล็กน้อย  เหงื่อยังคงซึมตามใบหน้า  ในแววตามีร่องรอยของความกังวลอย่างเห็นได้ชัด

     

    เออ ๆ กรูไม่โกรธหรอก  เมิงไม่ต้องกลัวขนาดนั้น  ผมเอื้อมมือไปตบไหล่มันเบา ๆ

    จริงหรืออ้าย  อ้ายบ่เคืองต๊อดเน้อ  ต๊อดโล่งใจ๋ขนาดอ้าย  ไอ้ต๊อดสีหน้าผ่อนคลายขึ้นทันที  ผมอมยิ้มไปกับท่าทางของมัน

    แล้วอ้ายเป๋นหยังบ้าง  ตอนต๊อดบ่อยู่ด้วย  อ้าย..  เอี้ยน้องต๊อดเริ่มทวนคำถามเดิมอีกครั้ง

     

    ไม่ต้องห่วงหรอกน่าไอ้ต๊อด  ไอ้เรมันอยู่กับกรูตลอด  ไอ้กิงบอกเสียงมั่นใจ  อันที่จริงเมิงไม่ต้องตามหาก็ได้นะ  ท่อนแขนแกร่งมันโอบเข้ารอบคอผม  ผมเหลือบไปมองมัน  รอยยิ้มกวนตีนยั่วเย้าปรากฎบนใบหน้า

     

    อั้ย  อั้ย  อั้ย  อั้ยกิง  อั้ย  อั้ย  ออกมานะอั้ย  เอี้ยน้องต๊อดแร๊พคำเมืองเลย

     

    ออก  ออกไปไหนว๊ะ  ไอ้กิงทวนคำกวนประสาท โอบกระชับแน่นขึ้น เอนตัวเองเอาใบหน้าคมสันวางพักบนบ่าผม  หา  ว่าไงให้กรูไปไหน  เสียงนั่นติดหวานยอกย้อน 

    อั้ยกิง  อั้ยเบิ่งบ้างบ่ว่าอ้ายเรพอใจ๋ป่าว  ดูอ้ายเรนิ่งเคืองไปแล้วนะอั้ย  อั้ยกิงไปเกาะแกะแบบนั้นไม่งามเน้อ  ไอ้ต๊อดมีท่าทีฮึดฮัด

     

    หึหึ  ถามอ้ายเรของเมิงเองดิ  ว่าอยากให้กรูไปรึเปล่า  ไอ้กิงขำเป็นต่อ  หันใบหน้ามันที่ใกล้ผมอยู่แล้วให้ใกล้เข้ามาอีก  แล้วเมิงอยากให้กรูไปรึเปล่า  เสียงทุ้มแผ่วเกือบจะประชิดหูผม ผมหันไปมองสบสายตาหวานเจ้าชู้  ว่าไง  เร  พร้อมรอยยิ้มกระชากวิญญาณ

     

    อ้ากกกกกก  ไม่ใช่ใครที่ไหนมันคือเสียงผมเอง  โว้ย  กรูไปเอง  พวกเมิงไม่ต้องถาม  กรูไปเองขอกรูไปตามทางของกรูเหอะ  ออกแรงผลักใบหน้าไอ้กิงที่กำลังมองสำรวจรูขุมขนผมอยู่ในระยะไม่ปลอดภัยให้ออกจากการรับรู้ของตัวเอง 

     

    เฮ้ย  อะไรของเมิงวะ  มันถลาออกเล็กน้อย  แว่วหวานสักครู่นี้เริ่มกลายเป็นแววโหด

    อ้าย เร  ไอ้ต๊อดเรียกผมด้วยความตกใจ

     

    แด๊นซ์  ผมพูด  ทั้งไอ้กิงและเอี้ยน้องต๊อดหยุดนิ่งด้วยความงง  กรูอยากแด๊นซ์  อยากโดด  อยากร้อง  ตั้งแต่มานี่กรูยังไม่ได้ดูแสดงสดสักกะวง  ขอกรูไปหาที่ระบายหน่อยเหอะ  ว่าจบผมก็เดินสะบัดตูดออกมา  เปิดใบปิดของงานควานสายตาหาเวทีไหนก็ได้  วงไหนก็ได้  สีอะไรก็ได้  ขอให้ผมไปทำใจให้สงบก่อน

     

    อ้ายเร  อ้ายไปใกล้เคียงสีแสดเน้อ  อีกครึ่งชั่วโมงต๊อดจะขึ้นฮ้องแล้ว  เอี้ยน้องต๊อดวิ่งตามผมผ่านผู้คนที่ขวักไขว่อยู่รอบตัว  มันหน้าชื่นตาบานเสนอความเห็น

    เออได้  เวทีของเมิงก็ได้  ตอบตกลงแบบไม่คิดมากผสมกับความตั้งใจอยู่แต่แรกแล้วด้วย

     

    เฮ้ย  เสียงเรียกกึ่งตะโกนทักให้ผมกลับไปมอง  ไอ้กิงยืนนิ่งอยู่มีออร่าขัดเคืองแผ่ออกจากตัวมัน  คนรอบข้างค่อย ๆ เดินเลี่ยงออกจากตำแหน่งที่มันยืนอยู่

     

    ไปได้แล้วเมิง  จะยืนหล่ออีกนานมั้ยว๊ะ  ผมกวักมือเรียกมัน

     

    หา  หน้าหล่องงมาแต่ไกล  มันแสยะปากพอประมาณ  สายตาคมขุ่นเคืองก่อนจะถอนหายใจเดินตามผมมาแบบเสียมิได้

     

     

                บรรยากาศรุ่มร้อนทั้งจากอุณหภูมิของมหาชนชาวแป๊ด  แสงแดดยามบ่ายแก่ที่ลอดผ่านสิ่งปกคลุมลงมา  ผสมผสานกับอารมณ์ตื่นตัวของทุกสิ่งที่แวดล้อม  ณ เวทีใกล้เคียงสีแสดแห่งนี้  เสตทขนาดกำลังดีประกอบกับลำโพงขนาดใหญ่สองด้านของเวที  โครงถักเหล็กก่อโครงขึ้นไปรับไฟสปอร์ตไลท์หลายสิบดวง  ตู้แอมป์วางรอท่าให้เครื่องดนตรีมาก่อปฏิกิริยาเคมีกัน  เสียงโห่ร้องอื้ออึงดังอยู่รอบตัว  การแสดงของวงก่อนเพิ่งลาจากเวที  รอให้กลุ่มคนผู้รักเสียงเพลงกลุ่มใหม่ขึ้นไปวาดลวดลายอีกครั้งหนึ่งและอีกครั้งหนึ่ง  จนกระทั่งเวทีจะปิดม่านลง 

     

     

    ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งหัวฟูในชุดแนวเรโทรจ๋า  ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ประจำตำแหน่งกลางเวทีมือจับอยู่กับขาไมค์  สมาชิกที่เหลืออยู่คู่กับเครื่องดนตรีของตนเอง  ทั้งจูนสายตั้งเครื่องให้เข้าที่เข้าทาง  ต่างคนต่างรวบรวมสมาธิ  ส่งผ่านบรรยากาศตื่นเต้นระคนความแน่วแน่มายังผู้ชม  คิมน้องรหัสผมประจำที่ตำแหน่งกลองชุดมันเป็นมือกลองของคณะด้วยจึงมั่นใจในฝีมือเครื่องให้จังหวะชิ้นนี้ได้ไม่มากก็น้อย  มือเบสและมือกีต้าร์เป็นรุ่นน้องร่วมคณะและร่วมชั้นปีกับไอ้ต๊อดมัน  ความเข้าขากันคงมากขึ้นตามจำนวนวันเวลาที่ผ่านกับเวทีที่ได้แสดง  เอี้ยน้องต๊อดมันสถาปนาตัวเองเป็น สถาปัตย์สายศิล(ปิน) ครับ   ทั้งร้องเล่นและเรียน  แต่ดูท่าอันหลังจะร่อแร่สุด  เห็นพวกมันบ้า ๆ บอ ๆ แต่เรื่องดนตรีถือว่าเป็นวงที่เอาจริงเอาจังวงนึงเลยทีเดียว

     

    สวัสดีเด้อล่ะ  มิตรฮักแฟนเพลงของหมู่เฮาทุกท่าน  เสียงทุ้มเสน่ห์ติดแหบเล็กน้อยทักทายผู้ชมด้วยสำเนียงอันเป็นเอกลักษณ์

     

    กรี๊ดดด   เย้  วู้ววววว  เสียงโห่ร้องกึกก้องไปทั่วบริเวณ แม้จำนวนคนไม่ได้มากมายเป็นหลักหลายพันแต่ทุกคนดูท่าทางเต็มที่กับคอนเสิร์ตนี้แน่นอน และถึงเวทีขนาดจะไม่ใหญ่มากแต่ความสนุกสนานเร้าใจไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าเวทีของมืออาชีพเวทีอื่นเลยเช่นกัน 

     

    ใจเย็น ๆ ทุกท่าน  วันนี่ต๊อดแอนด์เฟรนด์จะนำพาพวกท่านสู่ความม่วนอกม่วนใจ๋อย่างบ่เคยมาก่อน  เอี้ยน้องต๊อดพูดจบก็ขยิบตาหวานให้แฟน ๆ (?)ครั้งนึง

     

    กรี๊ดดดด  พี่ต๊อดค้า  พี่ต๊อด  ไม่น่าเชื่อว่าเอี้ยต๊อดก็มีแฟนคลับกับเขาด้วย  คาดว่าน้อง ๆ แฟนเพลงคงเป็นประเภทชอบของแปลก  ฮ่า ๆ ล้อเล่นครับ  วงมันเป็นวงที่เล่นสดได้ดีเอนเตอร์เทนได้เจ๋งตามสไตล์มันแหละครับ

     

    นับไปพร้อมกันเด้ออ้าย  เอ้า  เจ็ก  หงอ  ซา  ซี่  เอี้ยน้องต๊อดนอกจากจะมั่วสำเนียงแล้วยังจะผสมภาษาให้หน้ามึนหนักเข้าไปอีก  แต่ทว่าสิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นเครื่องหมายการค้าของมันไปเสียแล้ว  วัดได้จากเสียงกรี๊ดกร๊าดชื่นชมปนขำขันที่ลอยอยู่รอบตัว

     

    พลันเสียงกลองตีให้จังหวะก่อนที่เครื่องดนตรีทั้งหมดจะเริ่มบรรเลงเพลงไปตามท่วงทำนวงร่วมกัน  เพลงเร็ว ๆ ใส่สำเนียงดนตรีที่เร้าใจประกอบกับเสียงร้องทุ้มมีเสน่ห์ที่ผสานความขี้เล่นไปตามอารมณ์ของเนื้อหา  เรียกบรรยากาศให้คึกคักสนุกสนานชวนโยกตาม บวกกับหน้าม้าแฟนคลับที่ขนกันมาทั้งคณะแล้ว  ลานกว้างตรงนี้จึงเปลี่ยนเป็นดิสโก้ เธคกลางแจ้งได้อย่างไม่ยากเลย

     

    วู้ว  เจ๋งแฮะ  ผมอดเผลอชื่นชมลีลาการแสดงสดของวงมันไปอย่างช่วยไม่ได้  ร่างกายเรียกร้องอยากขยับ  แต่ต้องสะดุดกึกกับอะไรบางอย่าง  เป็นอะไรกิง  ไม่สนุกหรือว๊ะ  ผมหันไปถามคนใกล้ตัวที่ปั้นหน้าท้องผูกมาช่วงหนึ่ง

     

    เปล่า  สนุกดี  มันตอบนิ่ง ๆ ไร้อารมณ์ร่วมนัก

    เฮ้ย  แล้วไมทำหน้าแบบนั้นวะ  ยังกับคนไม่พอใจผลเลือกตั้ง

    ...  ไร้คำตอบจากมัน  มีแต่รอยตรงระหว่างคิ้วที่ย่นเข้าหากันเรื่อย ๆ จนผมเริ่มเซ็งในอารมณ์  สงสัยของในตัวมันคงออกแล้วเลยกลับมาท่าทีประสาทแดกเหมือนเคย  แต่อันนี้ผมไม่รู้เหตุผลจริง ๆ

     

    ทำไรว๊ะเร  เสียงโวยดังขึ้นทันทีเมื่อผมเอาศอกไปกระทุ้งสีข้างมันเบา ๆ  ไอ้กิงมองผมไม่สบอารมณ์นัก

    ก็เมิงน่ะ  เป็นอะไร  ขี้ไม่ออกหรือว๊ะ  ทำเป็นนิ่งนึกว่าเท่ห์นักเรอะ  คนเขากำลังมันส์กันช่วยทำตัวมีอารมณ์ร่วมหน่อยสิครับพี่  อดไม่ได้ต้องแขวะมันเข้า

    เออ  โทษทีบังเอิญกรูใช้สมูทอี  หน้าเลยไม่มันตามใจเมิง  น่าน  ยังอุตส่าห์เล่นมุขอีก

     

    เป็นอะไรวะ  ไม่อยากดูคอนเสิร์ตหรือ  เห็นเมิงก็อยากมาดูวงไอ้ต๊อดมันไม่ใช่ไง  อดห่วงสภาพมันไม่ได้ครับ  อย่างไรวันนี้มันก็ทำดีได้แต้มได้ใจผมมาเกือบทั้งวันแล้วก็อยากให้สนุกด้วยกัน  เอ๊ะ! รึว่ามันจะงอนผม  กระบวนการคิดเข้าข้างตัวเองยังทำงานอยู่  พอคิดว่าเป็นสาเหตุนี้ทำให้ผมแอบดีใจ

     

    ผมเริ่มคิดแผนการณ์  ขณะนี้วงเอี้ยน้องต๊อดกำลังเล่นเพลงจังหวะเร็วสนุกเร้าใจ  จากประสบการณ์ชมภาพยนต์และละครทำให้เกิดเป็นภาพจำว่าผู้ชายจะลัลล้ามากถ้ามีหญิงมาเต้นสี  แต่ผมก็ไม่มั่นใจเสต็ปตัวเองเท่าไรนักว่าจะสีได้ดีตามที่เคยเห็นมั้ย  แถมไม่ใช่ผู้หญิงอีก 

     

    รวบรวมกำลังใจเต็มที่หน้าด้านเต็มกำลัง  โฟร์มดก็เคยมาแล้วกับอีแค่นี้ไม่ประสาหรอก  เอ้า  เต้นด้วยกันหน่อยดิ  กิง  ผมบอกยิ้มร่าเริงโยกตัว  ขยับขาเป็นจังหวะลองใส่ลีลาแบบละตินดูเผื่อจะเร้าใจมากขึ้น 

    ได้ผลครับ  ไอ้กิงดูจะอึ้ง ๆ ยืนมองแบบสงสัย  ทำไรเมิงว๊ะ

    เต้นไง  เต้นด้วยกันดิ  เห็นป่ะเขาเต้นกันทั้งงานเลย  เพลงออกจะมันส์  ยืนอยู่เฉย ๆ เสียดายแย่  ผมขยายความเชิญชวนให้ดูบรรยากาศรอบตัวที่แต่ละคนดูท่าจะยั้งตัวเองไม่อยู่กันแล้ว

     

    เห๊อะ  ไอ้กิงขึ้นเสียงสูงในลำคอ  บ่ายหน้าไม่สนใจ 

    ผมสูดหายใจฮึดเต้นเรียกร้องความสนใจมันต่อไป  อายมันก็อายครับ  แต่อยากเอาใจมันบ้าง น่า  หน่อยนึง  ไม่หล่อน้อยลงหรอกเมิง

     

    ไอ้กิงเสมองผมอีกครั้ง  ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นบาง  ก่อนเสียงจะหลุดออกมา  หึหึ  ไอ้กิงขำหน้าเป็นแล้วหันมามองผมตรง ๆ  ฮ่า ๆๆ  ท่าเมิงแมร่ง  ทำไปได้  ดูเมิงเต้นอย่างเดียวกรูก็สนุกแล้วว่ะ 

     

    หา อะไรเมิงเนี่ยะ  ผมเริ่มงง  ตะกี้ยังประสาทแดกอยู่เลยอะไรมันจะเปลี่ยนอารมณ์ขำได้เร็วขนาดนั้น  และในที่สุดผมก็เข้าใจ  เมิงแกล้งกรูใช่มั้ยเนี่ยะ  ตะกี้เมิงหลอกกรูใช่มั้ย

    ไหน  ใครหลอก  ใครหลอกอะไรใครวะ  ไอ้กิงเชิดหน้าถามกวนตีน

     

    เมิง ก็เมิงนั่นแหละ ไอ้เอี้ย กรูก็อุตส่าห์นะนึกว่าเมิงงอน  มาแกล้งกรูได้

    เฮ้ย ใครงอน  เมิงนึกว่ากรูงอนอะไรเมิง 

    อ้าว  ก็เมื่อกี้  กรูนึกว่าเมิงงอนที่กรูไม่สนใจ 

    แล้วทำไม  กรูต้องงอนเมิงด้วยเรื่องแค่นี้ด้วยวะ  ไอ้กิงย้อนถาม  เลิ่กคิ้ว  หืม  ว่าไงวะ  ยิ้มล้อเลียน

     

    อ่ะ  อ่า  เอ่อ  กรู  เออช่างแมร่งเหอะ  ผมสุดปัญญา  ทำไมถึงสร้างเรื่องให้ตัวเองได้ตลอดเลยเนี่ยะผม  พลั้งทั้งปากทั้งความคิดจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน  ตัดสินใจหันหลังให้มันจรดสายตาไปทางเวทีเช่นเดิม

    อ้าว  ว่าไง  เมิงยังไม่บอกกรูเลย  น้ำเสียงล้อเลียนยังคงลอยอยู่ด้านหลัง

     

    ไม่รู้เว้ย  อย่ามายุ่งกับกรู  แมร่งหลอกกรู  อยากแดกไก่ก็บอกกันดี ๆ ดิ  ทำไมต้องหลอกให้กรูปล่อยไก่เองด้วย ไอ้สาด เวรเอ้ย  ผมด่าไปกลบเกลื่อนความอายจากอาการหน้าแตกของตัวเองไป

    ฮ่า ๆๆ  เสียงมันยังหัวเราะสะใจต่อไป

    ทำไม๊ ทำไมนะเรารู้ทั้งรู้ว่าไอ้กิงเป็นคนยังไง ดันไปหลงตัวเองว่ามันจะงอน โว้ย! อาย เซ็ง เครียด  ผมขี้เกียจต่อปากต่อคำกับมัน  ได้แต่เก็บอาการกอดอกเอามือมานวดขมับตัวเองแทน

     

    เป็นอะไรว๊ะ  ทำไมไม่ตอบ  ได้ทีเอาใหญ่เลยนะเมิง

    ...  ผมยังคงไม่พูด  เมิงไม่งอนกรู  กรูงอนเมิงเองก็ได้

    เฮ้ย  เร  สัมผัสของมือหนามากระทบกับไหล่ผม  ด้วยความไวผมสะบัดตัวออกทันที  เมิง  เสียงไอ้กิงเริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจัง  ไม่เอาน่า  ไรว้า  ล้อเล่นแค่นี้เอง 

     

    ผมหันหน้าไปมองมัน  วงหน้าคมมีร่องรอยกังวลอยู่จาง ๆ  สาบานได้ว่าผมไม่ได้ตั้งใจกวนตีนมัน  แต่ริมฝีปากมันแสยะไปก่อนแล้ว

    โกรธจริงหรือเนี่ยะ  หน้ามันดูอึ้ง ๆ กับอาการผมพอดู

     

    แล้วภาพที่ปรากฎขึ้นก็ทำให้ผมถึงกับตกใจ  ไอ้กิงยืนนิ่งเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่ครู่นึง  ก่อนร่างสูงสมส่วนนั่นจะออกท่าทางละม้ายคล้ายการเต้น  ผมเพ่งมองอีกครั้งไม่น่าจะดูผิดได้  ใช่ครับมันเต้นจริง ๆ มือไม้ยกมาขยับแต่พอดีแม้อีกมือนึงจะมีถุงอยู่จำนวนหนึ่งก็ตาม  ขาอาจก้าวไม่ได้มากนักเพราะรอบตัวผมเต็มไปด้วยคนมากมายที่ร่วมคอนเสิร์ตเดียวกันจึงต้องแบ่ง ๆ พื้นที่กันไป  แต่สิ่งที่ผมเห็นทำให้อดอุทานในใจไม่ได้  ว้าว  เมิงเต้นจริง ๆ ด้วย

     

    ไอ้กิงมองผม  ส่งรอยยิ้มมาให้  เอ้า  เต้นดิ  ตะกี้อยากเต้นอยู่ไม่ใช่เรอะ  มุขคุ้น ๆ นะเมิง  ผมพิจารณามองมัน  เสต็ปมันไม่แย่เท่าไหร่นักยังคงคอนเซ็ปท์หล่อเลวได้แม้กระทั่งตอนเต้น  เอาดิ  เต้นหน่อย  มันทวนคำอีกครั้ง

     

    ผมพยายามอดกลั้นอาการแปลก ๆ ในตัว  แต่ที่สุดแล้วก็อดไม่ได้  อุ๊บ!  ฮ่า ๆ พอ ๆ ไม่ไหว ๆ 

    เฮ้ย  ขำอะไรวะ  มันหยุดท่าตัวเองถามผมใบหน้ายิ้มอาย 

    ฮ่า ๆ  ก็เมิงอ่ะ  ผีเข้าเรอะร้อยวันพันปีไม่เห็นจะเป็นแบบนี้  ผมยังคงขำต่อ  กิงเก๊กหลุดหาดูยาก  เสียดายไม่ได้อัดคลิปไว้เป็นที่ระลึก

     

    หึหึ  ไอ้กิงขำนิ่ง ๆ  ยื่นมือมาสัมผัสที่ข้างแก้มผม  หายโกรธแล้วไง  น้ำเสียงอ่อนโยนจนขนลุก

    อ่า  อ่ะ  นี่เมิงแกล้งกรูอีกแล้วหรือ  ปั่นป่วนอารมณ์กันเข้าไปพ่อยอดขมองอิ่ม  อาย ปลื้ม เขินปนกันจนแยกพันธะไม่ออก

    ไม่ได้แกล้ง  กรูไม่ได้แกล้งตั้งแต่แรกแล้ว แค่หมั่นไส้เมิงเลยอยากล้อเล่นแค่นั้นเอง

    ล้อเล่นเอี้ยเมิงสิ   กรูไม่ใช่แตงโมนะเว้ยถึงได้มาปั่นหัวกันทั้งวันเนี่ยะ

    เอ้า  โกรธอะไรอีกว๊ะ  อ่อนไหวง่ายจริงเมิงวันนั้นของเดือนเรอะ

    ไม่ได้โกรธ  ใช่ครับผมไม่ได้โกรธจริง ๆ แค่หมากลบเกลื่อน  หน้าไอ้กิงมีรอยสงสัยแต่ริมฝีปากนั่นยังคงอมยิ้มอยู่บาง ๆ  ท่อนแขนแกร่งทั้งสองข้างของมันจับตัวผมหมุนจนไปอยู่ในอ้อมอกกว้างของมัน  มือหนาข้างนึงจับใบหน้าผมให้หันไปทางเวทีที่ตอนนี้เอี้ยน้องต๊อดและผองเพื่อนองค์ลงกันไปเรียบร้อยแล้ว  ส่วนตัวไอ้กิงโอบล้อมผมอยู่จากด้านหลัง

     

    เฮ้ย  ทำอะไร  ผมตกใจกับกิริยาเหนือความคาดหมาย

    ดูคอนเสิร์ตกันดีกว่า  อารมณ์ไม่ดีฟังเพลงไม่สนุกนะ  เสียงทุ้มบอกข้างหูอ่อนโยน

    เปล่านี่  กรูบอกแล้วว่าไม่ได้โกรธ  เมิงก็เหอะเลิกเกาะแกะได้แล้ว  ร้อนนะเว้ย คนยิ่งเยอะ ๆ อยู่ด้วย  ผมพยายามยกแขนมันออกไป

    ให้จริง  มือมันจับหน้าผมไปเผชิญกับสายตามัน  ไอ้กิงเลิ่กคิ้วข้างเดียวกวนส้นพอประมาณ

    จริง  ผมพยักหน้ารับแน่วแน่รักษาสติตัวเองหันกลับไปทางเวทีหนีหน้ามัน  ช่วยไปหล่อไกล ๆ กรูหน่อยเหอะกิง  ประชิดกันเกินไปแล้ว

     

    โอ๋ ๆๆ เดี๋ยวกรูพาไปกินเบียร์  เสียงอ่อนเสียงหวานร้องเหมือนปลอบเด็กดังอยู่ใกล้ ๆ พร้อมมือมันที่ลอยวนอยู่ตรงหน้าผม  ผมเพ่งพิจารณาท่าทางพร้อมซาวด์เอฟเฟคของมัน  ไอ้กิงคงคิดว่าผมโกรธมันจริง ๆ มันจึงพยายามง้อผมอยู่ล่ะมั้ง  พอคิดได้แบบนี้มันตื้ออีกแล้วครับ ผมอดอมยิ้มไปกับลีลาการง้อของมันที่เหมือนกับว่าเล่นขายของกับเด็กอยู่ก็ไม่ปาน  ไม่เท่ห์เลยแต่น่ารักชิบ

    เฮ้ย  นิ่งอีกแล้วว๊ะ  แค่เบียร์ไม่พอเรอะกรูแถมปลาหมึกปิ้งให้เมิงด้วย  หายโกรธยัง  ของล่อเมิงนี่ขี้เหล้าเมายาบ่งบอกสันดานสุด ๆ 

     

    หึหึ  ผมก้มหน้าต่ำที่ไหล่มีอาการสั่นเล็กน้อย

    เฮ้ย  เมิงเป็นไรเนี่ยะ  ไอ้กิงมีแววตกใจรีบขยับตัวมายืนในระนาบเดียวกับผม  โกรธขนาดตัวสั่นเลยหรือว๊ะ  ความหวั่นวิตกเจือในน้ำเสียงนั่น

     

    ผมค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาช้า ๆ ไม่สามารถจินตนาการหน้าตาบูดเบี้ยวของตัวเองได้  แต่ก็บอกออกไปว่า  กรูขอปลาหมึกแถวบนตัวใหญ่สุดสองตัว  พร้อมชูสองนิ้ว  อ่อ  ขอเป็นเบียร์วุ้นด้วยนะ 

    หา  ไอ้กิงคงอึ้งกับผมพอดู  หน้ามันเหวออย่างเห็นได้ชัด  แล้วคงงงกับหน้าเบี้ยว ๆ แดง ๆ ของผมด้วย  แต่สักพักมันก็หัวเราะร่าออกมา  ฮ่า ๆๆ  เออ เอาเถอะ  กรูแถมไส้กรอกอีสานให้เมิงด้วยว่ะ ไอ้กิงยิ้มกว้างยื่นมือที่ว่างมาขยี้หัวผม  แผนเยอะนะเมิง

    ไม่ได้แผนเว้ย  กรูบอกแล้วว่าไม่ได้โกรธ  กรูเลิกโกรธตั้งแต่เมิงโชว์เสต็ปเทพแล้ว  เมิงยังอุปาทานไปเองอยู่ได้  เลยจัดให้ซะเลย  เป็นไงล่ะ  ผมเชิ่ดหน้ายิ้มภูมิใจ  นาน  น้าน  นานทีจะเป็นต่อมันทั้งวี่ทั้งวันแบบนี้

     

    สายตาสีหน้าไอ้กิงแลดูขำขันผสมอ่อนโยน  เออ ๆ ยอม ๆ ยังไงก็ได้ตามใจเมิงเลย

    เมิงนี่น้า  น่ารักให้ได้อย่างนี้ทุกวันจะเป็นพระคุณกับกรูมากเลย  ผมได้แต่ยิ้มกว้างตอบรับ  บรรยากาศที่โอบล้อมพวกผมสองคนพาลทำให้ลืมไปว่าอยู่ท่ามกลางฝูงชนในคอนเสิร์ต  คล้ายจะได้ยินเสียงดนตรีประกอบหวานซึ้งล่องลอยอยู่พร้อมกับภาพสโลว์ที่พระนางยืนสบสายตาส่งผ่านความรู้สึกมากมายต่อกัน  แต่ว่ากันว่าความสุขมักจะอยู่ได้ไม่นานนัก

     

    กิงโว้ย  เรโว้ย  ทางนี้ ๆ  เสียงเรียกดังทำลายบรรยากาศรอบที่พันของวันนี้

    ใครอีกว๊ะ  ผมสบถเบา ๆ กับตัว  หันไปทางต้นเสียงที่ตะเบงผ่านทั้งเสียงเพลงและเสียงคนมาทางพวกผม  ตำแหน่งพวกมันอยู่เยื้องกับพวกผมไปทางด้านหน้าเวที  กลุ่มคนมากมายพร้อมกับป้ายคัทเอาท์สีแสบตา  เป็นใครไม่ได้นอกจากไอ้โจและชาวคณะ  อันที่จริงผมก็เห็นพวกมันตั้งแต่ทีแรกแล้วแหละครับ  อุตส่าห์ไม่สนใจแล้วนะ

     

    เฮ้ย!!”  ผมเผลอร้องสุดเสียง  เมื่อไอ้กิงจับมือผมกระชากผ่านฝูงคนไปยังเพื่อน ๆ

    ใกล้ ๆ เวทีท่าจะมันส์กว่า  มันหันมาบอกผมพร้อมรอยยิ้มเรียบ  ไอ้ควาย  สองต่อสอง  โรแมนติคน่ะสะกดเป็นมั้ย  เฮ้อ!  แต่เอาเถอะงานแบบนี้คนยิ่งเยอะยิ่งสนุกใช่มั้ยล่ะครับ  ผมบ่นในใจแต่ก็ยอมตามมันไปโดยดี

     

    ขณะนี้เพื่อนพ้องพี่น้องร่วมคณะผมมีสภาพแบบเขตร้อนป่าดิบชื้น  เปียก อืด หนืด เหนียว เบียด ยัด อยู่ในที่เดียวกัน  ทุกคนเหมือนเข้าร่วมพิธีกรรมหมู่อะไรกันสักอย่าง  เมามันส์ทั้งร้องทั้งเต้นแบบมีอารมณ์ร่วมสุด ๆ  ไม้เว้นแม้แต่สาวมาดทหารอย่างกานต์ที่ยังคงมีไอ้ป๋องตามเทคแคร์อยู่ไม่ห่าง  ในมือไอ้ป๋องมีถุงมากมายหลายขนาด  ตัวไอ้ป๋องในตอนนี้พยายามเต้นคุมเชิงแบบไม่ให้หนุ่มที่ไหนมากล้ำกราย  ผมแอบอมยิ้มไปกับพัฒนาการที่ดีขึ้นของมัน  ส่งสายตาไปให้กำลังใจเมื่อบังเอิญสบตากัน  ไอ้ป๋องเองก็กำมือสู้ ๆ ส่งมาให้ผมเช่นกัน

     

     

    ในที่สุดก็มาถึงเพลงสุดท้ายของวันนี้แล้วนะครับ  แล้วเอี้ยน้องต๊อดก็กลับมามีบทบาทอีกครั้ง

     

    บนเวทีตอนนี้มีความเงียบเข้ามาแทน  ไอ้ต๊อดและผองเพื่อนยืนสูดหายใจเก็บอาการเหนื่อยอ่อน  เหงื่อไหลซึมตามร่างกาย  แต่สีหน้าระบายรอยยิ้มสุขใจกับแรงตอบรับการแสดงสดครั้งนี้  ไอ้ต๊อดหยุดยืนหัวฟูกวาดสายตาไปทั่วบริเวณกว้าง

    บางครั้ง  บางที  คนเราอาจมีอะไรบางอย่างที่อยากจะพูดออกไป  แต่...

     

    วู้ว  ไรว๊ะ  เปลี่ยนมาดเรอะเมิง  น้ำเน่า ๆ กลับมา ๆ ฮ่า ๆ  เสียงเพื่อนผมสักคนตะโกนแซวเอี้ยน้องต๊อดขึ้นไป

    ไอ้ต๊อดยิ้มรับเอานิ้วชี้ขึ้นมาทำท่าจุ๊ปาก  ในบางสถานการณ์ความจริงจังก็เป็นเรื่องจำเป็นครับ  ตอบรับด้วยเสียงนุ่มระคนความหวานประกอบกับสีหน้ามุ่งมั่น

     

    กรี๊ดดดดดดดดดดด  ดูท่ามาดนี้จะถูกใจแม่ยกเพื่อนยกน้องยกเอี้ยน้องต๊อดมากทีเดียว

     

    เอี้ยน้องต๊อดสูดหายใจเข้าอีกครั้งส่งผ่านบรรยากาศสะกดทุกคน  ...แต่  คน ๆ นั้นที่จะมาฟังเรื่องของเรา  เขาจะรู้ตัวบ้างมั้ย  เขาจะอยากฟังรึเปล่า  สุดท้ายแล้วผมก็อยากให้เขา  ไอ้ต๊อดหยุดทิ้งจังหวะอีกนิดนึงส่งสายตาหวานพร้อมรอยยิ้มละมุน  ให้เขาได้มา เปิดใจผมบ้าง

     

    เสียงกลองตีให้จังหวะเข้าเพลงตามด้วยเสียงกีต้าร์ใส ๆ เสียงเบสอุ่น ๆ กับเสียงร้องทุ้มนุ่ม

     

    สิ่งที่ไกล บางครั้งก็ใกล้เหลือเกิน  สิ่งที่ไกล บางครั้งก็ใกล้เหลือเกิน

    อยากจะเอื้อมเข้าไปเอามือของเธอ  แต่ก็จับเพียงเงา ยิ่งคว้ายิ่งหายไป

    อยากจะเอื้อมเข้าไปข้างในหัวใจ  อยากจะเดินเข้าไปกระซิบกับเธอ

    อยากจะเดินเข้าไปยืนข้างเธอ แต่ก็เหนื่อยมานาน มันท้อเพราะดูจะแสนไกล

     

    บทเพลงหวานออดอ้อนท่วงทำนองฟังสบายกับลีลาการแสดงของพวกไอ้ต๊อดแล้วทำให้คนที่ได้ดูได้ฟังมีอารมณ์ร่วมได้อย่างไม่ยากเลย  โดยเฉพาะผมที่รู้สึกว่าท่อนแรกก็กระแทกใจเสียแล้ว

     

    เปิดใจฉันหน่อยคนดี  ฉันเหนื่อยเต็มที ฉันกลัวทนไม่ไหว

    เปิดใจฉันบ้างเป็นไร  ก็อาจจะมีบางครั้ง บางครั้ง ที่เธอนั้นเหงาใจ

    เปิดใจฉันหน่อยคนดี  ฉันเหนื่อยเต็มที ฉันกลัวทนไม่ไหว

    เปิดใจฉันบ้างเป็นไร  ไม่อยากจะคลั่งเธอ ละเมอ เพ้อ ไปคนเดียว

     

    โห  ร้องเพราะจังแฮะ  ผมมองไปยังเวที  มาดเอี้ยน้องต๊อดในตอนนี้กลายเป็นน้องต๊อด  คุณน้องต๊อด  ท่านชายต๊อดในบัดดล  ถ้าผมเป็นผู้หญิงมีเผลอใจให้มันแน่

    โดนว่ะ  ว่ามั้ยเมิง 

    หา  ผมตกใจหันไปมองต้นเสียง  ไอ้ป๋องเดินมาทางผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้  สีหน้านิ่ง ๆ ของมันดูอินไม่ใช่น้อย  เออว่ะ  สุด ๆ เพลงเดียวแมร่งกระทบชิ่งซะหลายดอกเลย  พร้อมพยักหน้าตอบรับ

    เมิงว่ามันจะรู้ตัวบ้างมั้ย  ไอ้ป๋องเข้ามาคุยใกล้ ๆ ผม  ส่งสายตาไปยังกลุ่มเป้าหมายทั้งไอ้กิงและกานต์

    ไม่อยากเดาว่ะ  แต่จากประสบการณ์ไอกานต์น่ะไม่รู้แน่ ๆ  ส่วนไอ้กิงกรูบอกตามตรง  มันเป็นพวกมนุษย์สุดขอบ  ขอบไส้กรอกชีสด้วยเมิง  เดี๋ยวแข็งเดี๋ยวอ่อนแมร่งตามอารมณ์ไม่เคยทัน  ผมกระซิบกระซาบตอบไอ้ป๋อง  เพราะคู่กรณีอยู่ห่างแค่คืบ  ไอ้กิงเหมือนมีหูทิพย์เหลือบมามองพวกผมแบบสงสัยยกมุมริมฝีปากเลิ่กคิ้วแต่ก็ไม่ติดใจอะไรหันกลับไปทางเวทีอีกครั้ง

     

    เมิงคิดจะบอกมันเมื่อไหร่  ไอ้ป๋องยิงคำถามต่อทันที

    ไม่รู้  บอกตามตรงวันนี้ไอ้กิงทำให้กรูมีความหวังที่สุดในรอบสี่ปี  แต่บางทีกรูก็คิดเหมือนเพลงที่เอี้ยต๊อดร้องนะ  อยากให้มันเป็นฝ่ายสังเกตเห็นเองบ้างว่ะ 

    อืม  กรูว่าอาจไม่เป็นอย่างที่เมิงคิดซะทีเดียวว่ะ  เป็นไปได้ว่า  ไอ้ป๋องหยุดนิ่งชั่วครู่  ไอ้กิงอาจคิดอะไร ๆ มากกว่าที่เมิงรู้สึกก็ได้นะ  ไอ้ป๋องทิ้งปริศนาไว้  ยิ้มให้กำลังใจกับผมเอื้อมมือมาตบไหล่เบา ๆ  กรูขอไปเปิดใจทหารพรานแถวโน้นก่อนนะเมิง  เดี๋ยวมีคนมาชวนเข้าสังกัดอีก  พูดจบมันก็เดินไปทางกานต์ที่กำลังอินกับบทเพลงใบหน้าปลาบปลื้มสองมือปรบให้เข้าจังหวะปากพึมพัมเพลงตามเบา ๆ เป็นภาพหญิงสาวที่ดูน่ารักทีเดียวถ้ามันไม่อ้าปากพูดนะครับ     

     

    อย่าปล่อยให้คอยให้เพ้อไปคนเดียว  อย่าปล่อยให้คอยให้เพ้อไปคนเดียว  ผมเองก็ร้องตามเบา ๆ ใส่ความรู้สึกไปตามเสียงเพลง  ส่งกระแสจิตไปยังคนข้าง ๆ เช่นกัน

     

    กรี๊ดดดดดดดดดดด  วู้ววววววววววว  เสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นทันทีเมื่อเครื่องดนตรีเครื่องสุดท้ายหยุดบรรเลง  เอี้ยน้องต๊อดและเพื่อน ๆ ยิ้มกว้างให้กับผู้ชม  โบกมืออำลาก่อนจะเดินลงจากเวทีทิ้งให้บรรยากาศยังคงคุกรุ่นอยู่รอให้วงดนตรีวงต่อไปขึ้นมาสร้างสีสัน

     

    เป็นหยังบ้างอ้าย  ต๊อดฮ้องดีบ่  สุดใจ๋เลยเน้อเพื่ออ้ายเรของต๊อด  เอี้ยน้องต๊อดใส่คำถามทันทีเมื่อลงจากเวที  ชาวคณะแยกออกจากบริเวณที่มีคนพลุ่กพล่าน  มาชุมนุมให้กำลังใจวงดนตรีไอ้ต๊อดมัน 

    ใจเย็นหน่อย  พักก่อนก็ได้เมิง  เดี๋ยวจะขาดอากาศหายใจตายไปซะก่อน  ผมเตือนมันเมื่อเห็นว่าสภาพมันดูจะอ่อนแรงพอดู 

    บาย ๆ เลยอ้าย  แค่นี้บ่เป็นหยัง  ต๊อดยังแรงเสมอเมื่ออยู่กับอ้ายเร  ไอ้ต๊อดว่าหน้าตาสดใสแม้เหงื่อจะไหลซึมไม่หยุด  เห็นแล้วก็อดไม่ได้

    เอ้า  เช็ดหน้าสักหน่อยเมิง  เปียกไปทั้งตัวแล้วว่ะ  ผมยื่นผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ากางเกงผมให้มัน

    เอี้ยน้องต๊อดยิ้มหัวฟูหน้าบานยื่นหน้ามาทางผม  อมลมไว้ในปากจนแก้มป่อง  เช็ดให้หน่อยนะอ้าย  เช็ดให้ต๊อดหน่อยเน้อ  เนี่ยต๊อดเปียกจังแล้ว  น้ำเสียงระริกระรี้อยู่พอตัว

     

    หา  สันนิบาตแดกมือรึไงเช็ดเองไม่เป็นเนี่ยะเมิง 

    โห  อ้ายอ่ะ นะนะนะ  นิดนึงนะอ้าย บ่เจ็บเด้อล่ะ  ถือว่าเมตตาปู้บ่าวตัวน่อย ๆ อย่างต๊อด  เอี้ยต๊อดยังคงใช้สายตาอ้อนวอนทำตาโตปากจู๋  น่ารักสาด

    หึหึ  ได้ ๆ วันนี้กรูยกให้วันนึง  ในฐานะที่เมิงอุตส่าห์โชว์ไลฟ์สุดเจ๋งให้พวกกรูดู  ขอบใจว่ะ  ผมยิ้มขอบคุณจากใจให้  เอื้อมมือไปซับเหงื่อบนใบหน้ามัน  สีหน้าเอี้ยน้องต๊อดดูเคลิ้มฝันหลุดจากโลกแห่งความเป็นจริงไปแล้ว  เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้  ผมเลยเช็ดแรง ๆ กดน้ำหนักไปสุดมือในการซับเหงื่อครั้งสุดท้าย

     

    โอ้ย!  อ้ายเร เบา ๆ เน้ออ้าย  ต๊อดฮู้แล้วว่าอ้ายห่วงใยต๊อดขนาด  แต่บ่ต้องทำแรง ๆ พั่นนี้ก็ได้นิ 

    คิดเข้าข้างตัวเองได้อีกนะเมิง  กรูเรียกสติเมิงกลับมาต่างหาก  ทำหน้าอย่างกับคนเมายา

    อ้ายเร  ต๊อดบ่เมายาต๊อดเมาฮักอ้ายเรต่างหากนิ  เอี้ยต๊อดตีหน้างอนใส่ผม

    ห๊ะ  ฮ่า ๆ  โอ้ย!  ไม่เอาแล้วไม่ปล่อยมุขควายใส่กรูสักวันจะตายมั้ยเมิง  ทั้งเอ็นดูทั้งหมั่นไส้มันแหละครับ

     

    ไอ้ต๊อดแฟนคลับเมิงรออยู่  ท่อนแขนไอ้กิงเข้ารวบต้นคอเอี้ยน้องต๊อดออกแรงลากไปยังเพื่อนร่วมวงของมัน 

    อั้ยกิง  มาจากไสนิ  บ่ไป๋ บ่ไป๋ ต๊อดจะอยู่กับอ้ายเรนิ อั้ยกิงงงงง  ปลายเสียงเอี้ยน้องต๊อดแผ่วไกลไปเรื่อย ๆ ภาพสุดท้ายที่เห็นคือไอ้ต๊อดกลืนไปกับบรรดาแฟน ๆ เรียบร้อยแล้ว  ผมได้แต่ยิ้มส่งมัน

     

    เมื่อโปรแกรมหลักหน้าม้าจบลงเวลาที่เหลือพวกผมจึงตัดสินใจแยกย้ายไปตามแนวทางดนตรีที่ถนัด  ผมมีอยู่ในใจแล้ว  เป้าหมายผมอยู่ที่เวทีครามหมดจด Chill out สไตล์   ใส ๆ สบาย ๆ ตามบุคลิกของผม  ฮ่า ๆ  ส่วนไอ้กิงเห็นมันไม่ลงรอยกับไอ้ต๊อดแต่พวกมันสองคนกลับชอบอะไร ๆ เหมือนกันอย่างไม่น่าเชื่อ  ดังนั้นปลายทางของพวกมันจึงไปมันส์กันที่เวทีสกา ฮิปฮอพ อิเลคโทรนิก้าโยกให้หัวหลุดกันไป  อันที่จริงพวกผมก็ชอบเพลงทุกแนวครับแต่เผอิญว่าวงโปรดของแต่ละคนดันขึ้นเวลาเดียวกัน  เลยต้องต่างคนต่างไป

     

    เร  เมิงไปกับใครบ้าง  ไอ้กิงแยกตัวจากกลุ่มที่จะไปเวทีน้ำเงินเข้มเดินมาหาผม

    ไม่รู้ดิ  คนเดียวมั้ง  เมื่อสังเกตว่ารอบตัวไร้ผู้ร่วมทาง

    งั้นหรือ  กรูดูจบแล้วจะรีบไปหาเมิงที่เวทีนู้นละกัน  ไอ้กิงพูดพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ยื่นมือหนามาลูบหัวผม  แล้วเจอกันว่ะ

    อื้ม  กรูจะรอนะ  ผมพยักหน้ารับ  โบกมือบ๊ายบายอมยิ้มส่งมันไป 

     

     

    ผมเดินตัวปลิวลอยมาที่เวทีสีครามอย่างไรไม่ทราบได้  รู้แต่ว่าทันทีที่ก้นนั่งติดพื้นบริเวณที่เป็นขั้นบันไดคล้ายอัฒจันทร์ตั้งเป็นแนวยาวขนานกับเวทีขนาดกำลังดีตกแต่งด้วยป้ายสีฟ้าในฝั่งตรงข้าม  เสียงบรรเลงดนตรีเย็น ๆ ฟังสบาย ๆ มาพร้อมกับบรรยากาศใกล้ค่ำและลมที่เริ่มมีไอหนาวปนมาด้วย  อ่า  ใช่ครับนี่ก็ใกล้จะสิ้นปีแล้วหน้าหนาวบ้างไม่หนาวบ้างของเมืองหลวงคงจะมาเยือนในไม่ช้า  แต่ลมนี่ไม่ได้ทำให้ผมหนาวเลย  กลับมีแต่ความรู้สึกร้อนวูบวาบเต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็นบริเวณใบหน้า  ขอบตา  ริมฝีปาก  หัวใจ  ตับ  ปอด  กระเพาะ  ลำไส้ใหญ่  หรือแม้กระทั่งเซี่ยงจี๊  นี่มันต้มเครื่องในนี่หว่า

     

    ฮิฮิ  เสียงขำขันที่กลั้นไม่ได้  เช่นเดียวกับความสุขใจที่เกิดขึ้นทั้งวัน  ปากผมฮัมเพลงตามวงดนตรีที่กำลังแสดงอยู่  เพลงแล้วเพลงเล่าผ่านไปพร้อมกับยามราตรีมืดสนิทที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้ากว้าง  เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ผมก็ไม่ได้สนใจนัก  แต่รอบตัวผมเริ่มมีคนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ บ้างก็มาคนเดียว  บ้างก็มาเป็นคู่ บ้างก็มาเป็นหมู่คณะ  เสียงเพลงยังคงบรรเลงแว่วหวานอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุดพัก  ผมยิ้มไปกับบรรยากาศสบาย ๆ และแสงไฟสลัวอุ่นที่สาดส่อง

     

     

    สบายใจจริงนะเมิง  เสียงทักมาพร้อมกับถุงอะไรสักอย่างมากระทบหัวเข้าอย่างจังจนตัวเซ  ผมหันไปหาไอ้คนทำมีอารมณ์เคืองพอประมาณแต่พอเห็นหน้ามันดันลืมโกรธ

    อ้าว  มาแล้วหรือ  คาดว่าปากอาจฉีกกว้างถึงใบหู

    เฮ้ย!  เป็นอะไรรึเปล่าวะ  ปกติมีด่านะเนี่ยะ  ไอ้กิงดูอึ้งกับใบหน้าแฮปปี้ดีแตกของผมพอดู  ก่อนมันจะเดินอ้อมมานั่งด้านหน้าตรงขั้นอัฒจันทร์ที่ต่ำกว่าตำแหน่งที่ผมนั่งอยู่  ไอ้กิงนั่งเอนตัวสบายพิงช่วงตัวผมไว้พร้อมยกแขนมาพาดต้นขาเอามือมาค้ำคอตัวเอง  หันหน้าแป้นแล้นหล่อเลวมาทางผมที่นั่งอยู่เหนือมัน  ก่อนจะตอบคำถามที่ผมลืมไปแล้วด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน  อืม  กรูมาแล้ว

     

    อ่า  ช่างสรรหาท่าทางลีลาที่นั่งแสนทรมานใจกรูจริงนะเมิง  เว่อร์ไป  กรูไม่ใช่คนสมาธิสั้นที่จะไปด่าอะไรใครเขามั่ว ๆ โดยไร้เหตุผล  ไม่ได้หงิกนะเว้ย  ขอบอก  หมาเดิม ๆ ในการแก้สถานการณ์

    เออ  กรูเชื่อ ๆ  ไอ้กิงรับคำง่าย ๆ คาดว่ามันขี้เกียจเถียงผมมากกว่า 

    คนอื่นหายไปไหนหมดวะ

    ไม่รู้ว่ะ  ไอ้กิงตอบแบบไม่สนใจนัก  ก่อนมันจะเลือกหยิบถุงพลาสติกใบหนึ่งจากจำนวนมากมายหลายใบในมือมัน  แล้วก็ยื่นมาโชว์ต่อหน้าผม

    อะไรวะ

    กรูให้  เอาไปดิ  มันหันมาตอบยิ้ม ๆ

     

    ผมเปิดถุงพลาสติก  หยิบวัตถุรูปร่างสี่เหลี่ยมขนาดกำลังดีขึ้นมาดู  เมื่อสังเกตเห็นชัด ๆ จึงรู้ว่าเป็นซีดีเพลง  ที่สำคัญเป็นวงโปรดของผมเสียด้วย  หน้าปกบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นอัลบั้มแรกตั้งแต่สมัยใต้ดินที่ปัจจุบันนี้หายากโคตร  ผมมางานนี้เพื่อหาอัลบั้มนี้ด้วย  ทั้ง ๆ ที่ไปถามหาที่บูธแล้วก็ไม่เจอ  แต่ไอ้กิงกลับหาได้  นัยน์ตาผมเบิ่งโตด้วยความดีใจ

    เมิงหาได้ไงว๊ะ  ซื้อจากที่ไหนเนี่ยะ  ทำไมตอนเดินแล้วกรูหาไม่เจอ  แล้วเมิงซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่  แล้วราคาเท่าไหร่  ซัดคำถามไม่ยั้งราวกับได้วัตถุมงคลล้ำค่าหายากมาอยู่ในมือก็ไม่ปาน

    หึหึ  ไอ้กิงขำผมหน้าเป็น  จะให้กรูตอบคำถามไหนก่อนวะ  เอาไปเถอะน่า  กรูไม่ได้ไปปล้นใครมาละกัน

    ไม่ได้ ๆ  เมิงซื้อมากี่บาท  เดี๋ยวกรูเอาตังค์ให้  ผมรีบหยิบกระเป๋าเงินเตรียมตัวจ่ายตังค์มัน

     

    ไอ้กิงยิ้มบาง ๆ สายตาเจ้าเล่ห์  กรูซื้อให้เมิง  ไม่ใช่เพราะกรูอยากได้เงินสักหน่อย

    หา?  แล้วเมิงอยากได้อะไร  บอกไว้ก่อนนะเว้ย  บ้านกรูขายของชำส่งกรูเรียน  ไม่ได้มีรายได้ต่อหัวมากพอที่จะเอาไปปรนเปรอลูกคนรวยแบบเมิงได้

    ฮ่า ๆ เมิงนี่น้า  มันขำแบบเสียมิได้  ก่อนหันมาถามผม  แล้วเมิงชอบรึเปล่า

    ชอบดิ  เมิงก็รู้นี่กรูหาซื้อมาตั้งนาน  อยากได้จะตายหร่า 

    ก็รู้ไง  ชอบก็ดีแล้ว  ไอ้กิงพูดเรียบ ๆ ติดอ่อนโยนในน้ำเสียง  ก่อนที่มันจะละสายตาจากผมหันไปมองเวที  ฮัมเพลงตามอย่างสบายอารมณ์  เท้าขยับเคาะเป็นจังหวะให้เข้ากัน 

     

    กิง  ผมเรียกมันด้วยความประหม่า  ไอ้กิงเหลือบสายตากลับมาทางผมอีกครั้ง  ขอบใจว่ะ  แต่มันคงไม่สามารถมองเห็นหน้าผมได้เพราะผมจัดการเอาซีดีมาแปะแทนหน้าตัวเองที่ตอนนี้คงจะเขียนคำว่า  ‘Oh! Baby I love you.’  อยู่จนเต็มแน่ ๆ

    หึหึ  แม้ได้ยินแค่เสียงอมยิ้มขำขันของไอ้กิง  แต่ผมก็นึกหน้ามันออกว่าต้องหวานเยิ้มกระชากไส้แน่นอน

     

    ตื้ดดดดดดดด  ตื้ดดดดดดดด  รอบนี้ไม่ใช่เสียงใครที่ไหนมาขัดจังหวะ  แต่เป็นเสียงเครื่องมือสื่อสารขนาดพกพา  ผมสำรวจจนแน่ใจว่าไม่ใช่ของตัวเอง

     

    ครับ  ผมเอง  ตอนนี้หรือ  ผมอยู่งานแป๊ดน่ะ  เสียงสนทนาห่างไปไม่ไกล  จากคำพูดคำจามาดคุณชายกิงทำให้เดาได้ไม่ยากว่าปลายสายคือใคร  ลืมไปว่า F4 เขากลับมารวมวงกันแล้ว

    คืนนี้หรือ  ก็ว่างนะ  แอบลอบมองท่าทางสบาย ๆ ของมัน  เมิงจะไปเที่ยวอีกแล้วหรือ  หวั่นในใจลึก ๆ

    เร  ไอ้กิงเรียกชื่อผมแต่ไม่ได้พูดกับผม  ลองถามเขาดูละกัน  สิ้นคำมันก็ยื่นโทรศัพท์มือถือให้

     

    หา  อะไรหรือ 

    มีคนจะคุยด้วยน่ะ  ไอ้กิงบอกเรียบ ๆ

    ห๊ะ  ผมงงว่าแก้งค์ F4 มีอะไรจะคุยกับผมหรือ  ครับ  เรครับ เสียงหวานเจ้าชู้จากปลายสายทำให้ผมรู้ว่าคู่สนทนาคือ  เอก แวนเนส ณ F4 นั่นเอง  ถ้อยคำเชิญชวนเอ่ยขึ้นทันที  คาดว่าเอกคงติดใจมุขที่ผมบรรจงปล่อยไปวันนั้นจึงชวนผมเที่ยวอีกในวันนี้  แต่  เอ่อ  ผมคงไม่สะดวกน่ะครับ  เอาไว้คราวหน้านะครับ  ขอบคุณมากครับที่ชวน  แล้วเจอกันใหม่นะครับ  ผมคงไม่คิดจะไปเป็นซันช่ายขายกระทิงแดงอีกรอบแน่นอน  พูดจบผมก็ยื่นโทรศัพท์คืนให้ไอ้กิง  มันพูดคุยอีกเล็กน้อยก่อนวางสาย

     

    ไม่ไปหรือ  ไอ้กิงย้อนถามผมสั้น ๆ

    อืม  คงไม่น่ะ  เที่ยวทั้งวันกรูเหนื่อยแล้ว  เอ่อ  เมิง  เมิงจะไปเที่ยวกับเพื่อนเมิงรึเปล่า  หวั่น ๆ กับคำตอบของมันอยู่ไม่น้อย  ผมคาดเดาว่าถ้ารอบนี้มันไปกับเพื่อนมัน  ไอ้กิงคงไม่กลับไปคนเดียวหรอกครับ

    นั่นสิ  คืนนี้กรูว่าง  ถ้าไม่ได้ไปทำอะไรกับใคร  กรูคงไปมั้ง  ตอบด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงกับใบหน้าที่แฝงความนัย  แล้วเมิงล่ะ  ออกจากงานแล้วจะไปไหน 

     

    ไม่ทันที่ผมจะได้ตอบ  อ้ายเรค้าบบบ  เป็นอันรู้กันว่าอันที่จริงแล้ววันนี้ผมกับมันไม่ได้มากันสองต่อสองแต่อย่างใด  ตั้งแต่เริ่มงานยันปิดงานเลยชาวคณะร่วมแจมตลอด 

    เอี้ยน้องต๊อดเดินแทรกหลบคนที่นั่งอยู่ตามอัฒจันทร์เข้ามาทางพวกผม  พร้อมกับเพื่อนพี่น้องจำนวนนึงจากสภาพคาดว่าพวกมันคงไปโยกกันมาล่ะครับ  อาจแถมดื่มด้วยดูกรึ่ม ๆ กันพอประมาณ  ต่างคนต่างหาที่นั่งไม่ห่างกันมากนัก  พอได้ที่ก็เริ่มทำตัวเป็นหน้าม้าขาร็อคกันส่งเสียงเฮฮาเป่าปาก  ร้องเพลงเสียงดังอย่างเมามันส์  แต่นี่มันเวทีป๊อปใส ๆ สไตล์ Chill out นะโว้ย

     

    อ้ายเร  เดี๋ยวจบงานแล้วอ้ายไปปาร์ตี้กับต๊อดเน้อ  ยังต๊อดกับวงเพื่อน ๆ ต๊อดนะอ้าย  ม่วนแต้ ๆ อ้ายไปกับต๊อดเน้อ  แล้วค่อยปิ๊กหอ  ต๊อดรับรองความปลอดภัยทุกเส้นทางเด้อล่ะ  ไอ้ต๊อดเสนอตัวชวนมานั่งข้างผมเสียชิด  ริมฝีปากยิ้มเสียกว้างหัวฟูนั่นเริ่มเอามาสั่นดุ๊กดิ๊กตรงหัวไหล่ผมเสมือนสัตว์เลี้ยงตัวน้อยออดอ้อนเจ้าของอยู่ยังไงยังงั้น  น่าเวทนา  เอ้ย!  น่ารักมากน้องต๊อด    

    ผมผลักหัวมันออกไปก่อนจะเริ่มคิด  มากับมันก็ควรจะกลับกับมัน  วันนี้ทั้งวันก็แทบจะไม่ได้เที่ยวกับมันอยู่แล้ว  แต่ทว่า  ผมเหลือบมองไอ้กิงที่ไม่ได้สนใจอะไรนัก  มันหันไปคุยกับเพื่อนชี้ชวนกันดูคอนเสิร์ตอย่างออกรส

    ไอ้เร  เมิงจะไปกับพวกกรูป่าว  ว่าจะแวะหาร้านบรรยากาศดี ๆ นั่งก่อนกลับหอน่ะ  เสียงไอ้ป๋องที่ห่างไปไม่มากเชื้อเชิญผมบ้าง  ตัวไอ้ป๋องก็เนียนอยู่กับไอกานต์ได้ทั้งวัน  เก่งจริงนะตัวแค่เนี้ยะ  แอบชมมันในใจ  แล้วเริ่มคิดหนักอีกครั้ง

    แล้วเมิงไม่ได้ไปกับเอี้ยต๊อดเรอะ 

    เปล่า  ไอ้ต๊อดมันไปกับเพื่อนมัน  คนมันเยอะเลยแยกกันไปว่ะ

     

    อ้ายเรอ่ะ  ผลักต๊อดนิ  เสียงบ่นเง้างอนลอยมากับตาโต  แก้มป่อง  ปากแบะ

    เอี้ยต๊อดอย่าแอ๊บแบ๊ว  ผมด่าเตือนมันไว้ก่อน  กลั้นใจถามคนตรงหน้า  กิงเมิงจะไปไหนต่อ

    ไอ้กิงเหลือบมามองยกยิ้มมุมปาก  ไม่รู้ดิ  แต่กรูบอกแล้วไงถ้าไม่มีอะไรทำ  กรูคงไปกับเพื่อนกรูมั้ง

    อ้ายเร  ไปกับต๊อด  ไปกับต๊อด  ปล่อยอั้ยกิงไปกับเพื่อนอั้ยนิ  ไปกับต๊อดม่วนกว่าหลาย  เอี้ยน้องต๊อดย้ำใบหน้าสดใส  เหลือบสายตาเหยียดไปทางไอ้กิงเล็กน้อย

     

    เร  เมิงปล่อยให้เอี้ยต๊อดไปดูดปุ๊นกับเพื่อนมันเห๊อะ  มากับพวกกรูดีกว่า  ฮ่า ๆ  ไอ้ป๋องกึ่งชวนกึ่งแซวจากมุมขวา  ไอ้กิงเพียงยิ้มกวน ๆ กับสถานการณ์ทางเลือกของผม  อันที่จริงแค่เลือกจะกลับกับใครหรือไปที่ไหนไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผม  แต่ทว่า

     

    กิง  เมิงจะไปรวมตัวโปรโมทอัลบั้มกับ F4 จริงหรือ  แล้วจะพาแฟนเพลงกลับบ้านด้วยรึเปล่า  ใจมันพะว้าพะวงอย่างช่วยไม่ได้  ถึงวันนี้มันดี๊ดีอย่างไร  พอมาถึงจุดไคลแม็กซ์มันก็หักมุมกันง่าย ๆ เสียอย่างนั้น  นี่แหละไอ้กิง  ผมกุมขมับกับคำชวนไปที่นู่นที่นี่  ไม่ใช่จะไม่เข้าใจความหมายแฝงของคำพูดมัน  สุดท้ายแล้วผมก็ตัดสินใจ  กรูไปกินข้าวกับไอ้กิงนะ 

     

    เอี้ยน้องต๊อดอึ้ง ๆ ซึม ๆ ไปทันตาเห็น  ไอ้ป๋องยิ้มอย่างมีเลศนัย  ส่วนไอ้กิงเหยียดยิ้มอย่างพอใจขำในลำคอหน้าตาเจ้าเล่ห์  นี่ผมคิดถูกรึเปล่าเนี่ยะ

    .

    .

    .

    .

    สถานการณ์มันคุ้น ๆ เหมือนเดจาวูอย่างไรไม่ทราบได้  ในรถยนต์คันหรูของมัน  ถนนในยามค่ำคืนของเมืองหลวง  กับเส้นทางกลับคอนโดของไอ้กิง

     

    กินข้าวเสร็จแล้ว  จะทำอะไรต่อ 

    อาบน้ำ  แปรงฟัน  นอน  ผมก้มหน้าก้มตาตอบ  มองสารพัดของในมือที่ซื้อมาวันนี้

    หึหึ  เสียงขำกวนส้นจนผมอดหันไปมองไม่ได้

    หัวเราะอะไรวะ

    เปล๊า  ไอ้กิงขึ้นเสียงสูงปฏิเสธยักคิ้วข้างเดียว  แค่สงสัยว่ามีกรูกับเมิงมีนัดกินข้าวกันตั้งแต่เมื่อไหร่

    ก็  ก็กรูหิวนี่หว่า  ทั้งร้องทั้งเต้นทั้งเดินทั้งวันเลย  ไปกับไอ้พวกนั้นก็ได้แต่กินเหล้าดิ  กระเพาะกรูพังพอดี  แก้ตัวไปเรื่อย 

    ฮ่า ๆ  ก็ได้ ๆ กรูเข้าใจแล้ว  ไอ้กิงริมฝีปากเหยียดยิ้มพอใจ  ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกหมั่นไส้หน้ามันอย่างแรง

     

     

    รถยนต์แล่นเรียบลื่นไปยังถนนกว้าง  ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ถึงที่หมาย  อาบน้ำ  แปรงฟัน  นอน  ผมได้ทำอย่างที่บอกจริง ๆ  เพียงแต่ว่าก่อนนอนอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นเสียก่อน  ไม่ใช่ไม่รู้ว่าปลายทางของการตัดสินใจกลับกับมันจะเกิดอะไรขึ้น  ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ความสัมพันธ์ของพวกผมต้องมาจบลงที่เตียงนอน  การได้กอดก่ายกับมันสำหรับผมก็เหมือนกับการเสพสุราชั้นเลิศ   ลุ่มหลง  มัวเมา  ต้องการ  ไออุ่นจากตัวมันเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ  ยิ่งเสพยิ่งติด  ขาดสติและการยับยั้งชั่งใจในความสุขสำราญเพียงชั่วคืน  แม้ตื่นมาจะเหลือแค่เพียงอาการเมาค้าง  ปวดหัวอย่างหนัก  กระหายน้ำ  และร่างกายมีภาวะขาดน้ำตาลแบบรุนแรงก็ตาม

     

    กลางดึกสงัดเมื่อแรงอารมณ์พัดเบาบางลงบ้างแล้ว  แสงเหลืองนวลจากดวงจันทร์กลมโตส่องผ่านม่านผ้าโปร่งเบา  ผมยันตัวอันหนักอึ้งพิงหัวเตียงเหลือบมองคนข้างกายที่เข้าสู่ห้วงนิทรารมย์  ใบหน้ายามหลับของไอ้กิงยังคงเห็นได้ชัดว่าเป็นคนกวนส้นตีนแค่ไหน  ด้วยคิ้วหนาเข้มที่เหมือนเชิ่ดอยู่ตลอดเวลา  จมูกโด่งคมสันรับกับโครงหน้าเรียวหล่อ  เผลอมองไปด้วยสายตาที่ตามปกติผมคงไม่กล้าให้มันเห็น

     

    เฮ้อ!  เมิงรู้มั้ยวันนี้เมิงน่าร๊าก  น่ารัก  แดกยาผิดรึเปล่าเนี่ยะ  อดไม่ได้ต้องลุกมาพร่ำเพ้อ  หลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้นมันทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า  ไอ้กิงอาจคิดอะไรกับผมบ้างมากกว่าคำว่า เพื่อนสนิท  ที่เคยให้กันไว้  อันที่จริงผมว่ามันก็แคร์ผมพอดู  แต่อะไรลึก ๆ บางอย่างกลับเตือนว่าอาจไม่ใช่อย่างที่คิด  แต่ แต่ แต่  โอ้ว! ผมสับสน  ควรจะดับเครื่องชนไปเลยมั้ย  เพราะผมเองก็ไม่ได้อยากให้สถานการณ์นี้ยืดเยื้อเป็นละครหลังข่าว  หรือจะรักษาเรตติ้งต่อไป

     

    เฮ้อ!  วันนี้วันเดียวยาวนานอย่างกับสี่ซ้าห้าเดือนเลยว้า  ผมลอบถอนหายใจอีกครั้ง สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ไอ้กิง  ลากนิ้วเบา ๆ ไซร้ไปตามวงหน้าคมก่อนจะไล้ช้า ๆ ตามสันจมูกโด่งรั้น  อดไม่ได้บีบเบา ๆ แกล้งมันดู  ผมยิ้มกับความสุขในวันนี้อีกครั้งแล้วพูดเสียงกระซิบ  รู้ตัวมั้ยเนี่ยะไอ้ควายกิงว่ากรูชอบเมิง

     

    มีเพียงอกแกร่งที่กระเพื่อมเบา ๆ กับแรงหายใจเป็นคำตอบ  ผมกำลังละจากเตียงนอนกว้าง  แต่จู่ ๆ กลับรับรู้ถึงสัมผัสอบอุ่นตรงข้อมือที่ออกแรงรั้งไว้แทน  ผมใจหายวูบก่อนจะหันหน้ากลับไปมอง

     

    เร  เสียงทุ้มแหบเรียก  ไอ้กิงยันตัวนั่งมือหนามันจับยึดมือผมไว้  สบสายตาที่อ่านไม่ออกว่าคิดอะไร

    ใจผมสั่นรัวเร็ว  คิดเพียงแต่ว่า  บรรลัยแล้วกรู

     

    ------------------------------------------------------------------

     

    TBC.

     

    ติชมได้ตามสะดวกนะคะ

    ขอบคุณมาก ๆ ค่าที่เข้ามาอ่าน  เม้นท์  โหวต  แอดกัน ^^

    **คุยกันข้างหน้าเด้อล่ะค่ะ ฮ่า ๆ คิดฮอดหลาย ๆ ค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×