ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักนาย my boyfriend. (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #24 : ตอนพิเศษ : คืนพิเศษ : คนพิเศษ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16.1K
      33
      9 ม.ค. 51

    กราบเท้าคุณแม่ที่เคารพ 

     

    จวนเจียนจะถึงเวลาสิ้นปีแล้ว  ทางบ้านเป็นอย่างไรบ้าง  สุขสบายดีกันทุกคนมั้ย  เรเสียใจจริง ๆ ที่ปีนี้เรไม่อาจกลับไปร่วมสังสรรค์กับครอบครัวได้  ด้วยทางคณะมีงานเร่งด่วน... 

     

    ผมหยุดปากกาไว้ครู่นึง  ก่อนจะหันหน้าไปสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัว  ลอบถอนหายใจ  แล้วเริ่มเขียนจดหมายต่อจากที่ค้างไว้

     

    เรเองก็ไม่แน่ใจสักทีเดียวว่ามาทำอะไรที่นี้  ตอนนี้  ทั้ง ๆ ที่เรควรจะอยู่ในงานเลี้ยงที่บ้าน  มีจับฉลากของขวัญ  มีดนตรี  มีอาหารและเครื่องดื่มมากมาย

     

    ผมหยุดปากกาอีกครั้ง ยกมือมาซับน้ำลายที่เริ่มซึมตรงมุมปาก  เมื่อนึกถึงสารพัดของกินคาวหวานนานาชนิดที่ควรจะตั้งรออยู่ตรงหน้า   แล้วเปลี่ยนมาลูบท้องตัวเองที่เริ่มออกเสียงโครกครากอย่างไม่เกรงใจคนรอบข้าง  ก่อนที่จะจับปากกาตั้งท่าบรรยายต่อ  แต่ทว่า..

     

    โป๊ก!!”  เสียงวัตถุสังเคราะห์มหัศจรรย์สีขาวก้อนขนาดกำลังพอดีมีคุณสมบัติพิเศษช่วยเพิ่มภาวะโลกร้อนให้กับชาวโลก  ก้อนโฟมที่ทำการเปปเปอร์มาเช่*มาแล้วอัดเข้าเต็มแรงที่ศีรษะผม เรียกความสนใจจากการตั้งสมาธิเขียนจดหมายตรงหน้า  ผมหันไปมองถึงที่มาด้วยสายตาไม่ประสงค์ดีนัก

     

    ทำเอี้ยไรไอ้เร  เขียนแมวน้ำอะไรอยู่วะ  ออกใบแจ้งหนี้รึไง  ฮ่า ๆๆ  ไอ้ป๋องนั่นเองที่เสนอตัวมาให้ผมด่าถึงที่

     

    พรึ่บ!!”  เสียงกระชากอะไรบางอย่างไปจากตัว  ผมหันควับไปมองอีกครั้ง  รอบนี้ไอ้กิงคว้ากระดาษที่ผมบรรจงใส่ความรู้สึกอยู่  ไอ้กิงเมียงมองไม่นานก่อนจะขำเล็ก ๆ ออกมา

     

    อะไรเนี่ยะ  เมิงเขียนจดหมาย  ยุคนี้ยังติดต่อวิธีนี้อยู่อีกเรอะ  มันโบกกระดาษในมือด้วยสีหน้ายิ้มกริ่มล้อเลียน

    เอามา  ผมบอกเพียงแค่นั้น   ยันตัวเองให้ลุกขึ้นจากม้านั่งไม้  เอื้อมมือจะไปคว้ากระดาษคืน  แต่ยังไม่ทันได้คืน...

     

    เฮ้ย  กิง  เมิงโยนมานี่ดิ๊  อย่าไปคืนมัน  ไอ้ป๋องร่วมด้วยช่วยกันกวนประสาทผม  ไอ้กิงเองก็ตอบสนองอย่างไว  กึ่งวิ่งกึ่งขว้างกระดาษไปทางไอ้ป๋อง  ไอ้ป๋องรับไว้อย่างทันท่วงที  ก่อนที่แผ่นกระดาษจะปลิวหลุดลอยไปเสีย

     

    กราบเท้าคุณแม่ที่เคารพ  ไอ้ป๋องอ่านออกเสียงดังไปทั้งบริเวณ  อะไรเมิงเนี่ยะเร  เมิงเด็กยุคพ่อขุนเรอะ  ควายเอ้ย  สมัยนี้ใช้มือถือสิวะ  รู้จักป่าว  ไอ้ป๋องยังเดินหน้าหาหมาในปากผมอย่างไม่กลัว

    เออ  เห็นด้วยว่ะ  ไอ้เรแมร่งคลาสสิค  โบราณสไตล์  อนุรักษ์นิยม หรือมันเด็กแนววะ  ไอ้โจร่วมผสมโรงไปด้วย

    แนวไหนวะ  ไอ้ป๋องทำหน้างงแล้วหันไปถามไอ้โจ 

     

    แนวเก่าเก็บไง  ไอ้โจเฉลยตามมากับ

     

    ฮ่า ๆๆ  กร๊ากกกกกก  เสียงหัวเราะสะใจดังไปทั้งใต้ตึกสตูดิโอในคืนสิ้นปี

     

    หึหึ  ผมก้มหน้าขำเสียจริต  ในขณะที่เพื่อนร่วมชั้นปีผมผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนส่งกระดาษจดหมายร่อนไปทั่วพร้อมกับเฮฮาบ้าบอราวกับว่าพวกมันอ่านพรบ.จัดเรตติ้งสื่อกันอยู่  สภาพใต้ตึกสตูดิโอของคณะผมในตอนนี้อุปมาคล้ายกับเต้นท์กลุ่มม็อปแรงงานกำลังทำป้าย  ทำบอร์ด  ทำนู่นนี่นั่น  กองกระดาษ  โครงเหล็กและอุปกรณ์เครื่องใช้ไม้สอยต่าง ๆ ตั้งกระจายไปทั่วคู่กับกลุ่มคนที่รับผิดชอบงานชิ้นนั้น ๆ เหตุเพราะท่านอาจารย์ที่เคารพรักได้มอบหมายงานสำคัญก่อนวันสิ้นปีเพียงไม่กี่วัน  ถาปัดมาโชว์@oneชื่องานชวนงงงวยสงสวย เอ้ย! สงสัย  ง่าย ๆ คือเป็นนิทรรศการโชว์ผลงานของนักศึกษาสถาปัตย์ปี 1   แต่ความยุ่งยากไม่ได้อยู่ที่การจัดทำงานนิทรรศการหรอกครับ  มันอยู่ที่

     

    ขำทำฝอยขัดหม้ออะไรกันวะ  ผมเอ่ยปากทำลายความครื้นเครง  หลายคนหยุดฮาหันมามองผม  เมิง  เมิง  เมิง  แล้วก็เมิง  ผมพูดเสียงดังพร้อมชี้นิ้วกราดไปทั่ว  รวม ๆ ครบสี่ภาควิชาพอดี  ไอ้พวกสตึ  สัมปชัญญะต่ำ  ขาดแคลเซี่ยม  เยี่ยวเหลือง  สัตว์เซลล์เดียว  ไอ้  ไอ้  ไอ้  โอ้ย!  โว้ย!  นึกไม่ออกเว้ย  ทำไม  ทำไมกรูต้องมาอยู่กับพวกเมิงตอนนี้ด้วยว้า  ผมฟาดหัวฟาดหางอย่างสุดทน  อาการของผมถ้าในภาษาวัยรุ่นเรียกกันว่านอยด์  ภาษาบ้านผมก็ประสาทแดก  ใช่ครับผมประสาทแดกเพราะ

     

    เอาอีกแล้ว  ไอ้เรมันเป็นอีกแล้ว  ไอ้ป๋องว่าหน้าเซ็ง

    ผมหันไปมองหน้ามันทันที  เป็นไร  กรูเป็นเอี้ยไร  เมิงบอกมา  เอาจดหมายกรูคืนมาด้วย  ไม่หาเรื่องเปล่า ปากผมด่า ตีนผมเดิน  ย่างสามขุมหามันทันที

    ไอ้ป๋องมีแววผงะเล็กน้อย ถอยร่นจากป้ายบอร์ดที่อยู่ใกล้ ๆ เบี่ยงไปด้านข้างอย่างช้า ๆ

    โว้ย  ไอ้เวรเร  เมิงเป็นโรคโฮมซิคก็เป็นไปคนเดียวสิวะ  ทำไมต้องมาโว้กว้ากใส่พวกกรูด้วย  รู้มั้ยฟังเมิงด่าแล้วกรูปวดสมอง  สีหน้าไอ้ป๋องเป็นอย่างที่มันพูดจริง ๆ  หน้ามันดูขยาดผมจากใจ

     

    รู้ทั้งรู้  แล้วทำไมยังเศือกกวนตรีนกรูอีกเล่า  หาเมิงหา  ไอ้ เอี้ย ป๋อง  ท้ายประโยคผมเน้นทีละคำ  เดินไปประชิดตัวมัน  มือเข้ารวบต้นคอบีบด้วยกำลังพอประมาณให้มันรู้สึกขาดอากาศหายใจ

     

    โอ้ย  ไอ้เร  ไม่เล่น  ไอ้สาด  ไม่เล่นเว้ย  อ๊อก  ไอ้ป๋องเริ่มร้องไม่เป็นภาษา หายใจติดขัด ใบหน้าบิดเบี้ยว มือไม้พยายามปัดผมออกไป 

     

    แต่มีหรือผมที่ประสาทแดกมาร่วมสามสี่วันจะหยุดอาการสติหลุดง่าย ๆ  ใช่ครับ  ความจริงที่น่าภาคภูมิใจของผมในฐานะนักศึกษาใหม่วัยเฟรชชี่มีอาการโฮมซิคอย่างรุนแรงจากวันปีใหม่ที่ควรจะได้กลับบ้านแต่ดันไม่ได้กลับ  ติดอยู่กับพวกเพื่อนที่ต้องมาร่วมชะตากรรมที่อาจารย์มอบให้  มีที่ไหนนิทรรศการของปี 1 ทั้งที  ดันมาบอกให้เริ่มงานวันที่ 29 ธันวาคม  แต่จะเปิดโชว์วันที่ 2 มกราคม  เหมือนกับอาจารย์และรุ่นพี่รวมหัวกันกลั่นแกล้งพวกผม  ทิ้งคณะให้เราใช้สอยกันตามสบายโดยที่ทั้งอาจารย์และรุ่นพี่มีทริปปีใหม่กันเรียบร้อยแล้ว   บรรดาเพื่อนผมเองก็เซ็งไม่แพ้กันเมื่อต้องถูกให้ติดแหงกอดเที่ยวอดแดกอดกลับบ้าน  อาการของคนประสาทแตกที่รวมตัวกันอยู่ที่ใครจะตกมันก่อนเพื่อน  คนนั้นคือผมนั่นเอง

     

    ฮ่า ๆๆ  เอาโว้ย  เต็มที่  กรูอยากดูอะไรแก้เซ็งพอดีเลย  ไอ้เรเอาไอ้ป๋องให้ตายเลยนะเมิง  เสียงเพื่อนผมสักคนร้องเชียร์  ผมได้ยินเสียงคนอื่นเป่าปากเฮฮาส่งเสียงร่วมด้วยช่วยกัน  ผมฮึกเหิมมากยิ่งขึ้น  รู้สึกเหมือนเป็นชาวบางระจันที่กำลังปกป้องผืนแผ่นดิน  ออกแรงบีบคอไอ้ป๋องหนักกว่าเดิมโดยจินตนาการว่ามันคือทหารพม่าที่มารุกรานบ้านเมือง  ขณะที่ไอ้ป๋องกำลังจะขาดใจตายนั่นเอง

     

    หมับ  แรงกอดรัดรุนแรงเข้ารวบเอวผมดึงตัวออกจากฉากฆาตกรรมหม่องปองมะรวยตวย (นามสมมติชื่อพม่าไอ้ป๋องที่ผมตั้งให้ในหัว)

     

    ผมหันไปตามแรงดึงนั่น  อะไรเมิงวะกิง  จะขัดขวางการกู้ชาติของกรูเรอะ  เดี๋ยวพ่อยิงไส้แตก  ด่าทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นใคร 

    หน้าหล่อ ๆ ของมันดูเอ๋อเล็กน้อย  กู้ชาติอะไรเมิงวะ  ถ้าจะกู้ชาติเมิงบีบคอผิดคนแล้วว่ะ  ไอ้กิงว่าพร้อมกระชากผมให้ถอยร่นจากไอ้ป๋องเรื่อย ๆ

     

    แค่ก  เออดี  เมิงเอามันไปกู้ชาติไกล ๆ เลยนะไอ้กิง  อนาคตของประเทศกรูฝากไว้กับเมิงด้วย  เอี้ยเรนี่  ปากหมาแล้วยังแรงเยอะอีก  ไอ้ป๋องลูบต้นคอตัวเอง  ใบหน้าแดงก่ำจากการออกแรงหาอากาศหายใจเมื่อครู่

    โห  ไรว้า  ยังไม่มันส์เลย  จบซะแล้ว  เสียงบ่นกระปอดกระแปดดังไปทั่วใต้ถุนตึก 

     

    ไหนใครบ่น  ใครอยากลองของ  เดี๋ยวกรูจัดให้  เสนอหน้ามาได้เลย  ในตอนนี้ผมเกรียนอย่างสมบูรณ์แบบ  ยังคงหาเรื่องต่อไปแม้จะอยู่ในอ้อมแขนดึงรั้งของไอ้กิงอยู่ก็ตามที

     

    เลิกบ้าได้แล้ว  เดี๋ยวกรูพาเมิงไปเล่นของเอง  ไอ้กิงกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นพาตัวผมเดินไปไหนสักที่ 

    ฝากด้วยนะเมิง  อย่าเล่นแรงนักล่ะ  ฮ่า ๆ  ใครอีกคนอวยพรผม

     

    เหลือบไปมองใบหน้ากวนตรีนของไอ้กิง  คล้ายหัวใจจะเต้นไม่เป็นจังหวะ  อะไร  ไปไหน  ไม่เล่นโว้ย  ผมเริ่มโวยวาย  หาทางออกจากอ้อมกอดนี่  ไม่รู้เป็นอะไร  ผมจะรู้สึกหายใจติดขัดทันทีเมื่ออยู่กับมัน  สงสัยตัวมันคงมีคุณสมบัติคล้ายน้ำมูกชวนให้คัดจมูก

    เหอะน่า  ลองดู  มันเอียงศีรษะมาบอกผมสีหน้าเจ้าเล่ห์  ผมรู้สึกแปล๊บแปลก ๆ อีกแล้ว  ในใจรู้สึกเหมือนใครเอาอะไรมาทุบ  แต่ไม่ทันได้เถียงอะไรต่อ  ตัวผมก็หลุดห่างจากใต้ถุนตึกที่มีกองกระดาษวัสดุอุปกรณ์และสารพัดผู้คน  ห่างมาเรื่อย ๆ

     

     

    ไปไหนวะกิง  ผมถามมันหลังจากที่มันพาผมเดินขึ้นบันไดจนมาถึงชั้นบนสุดของตึกสตูดิโอ  เข้าห้องเก็บของและปีนบันไดลิงเปิดบานเปิดที่อยู่บนฝ้าเพดาน 

    เดี๋ยวก็รู้  มันไม่ตอบ  เพียงแค่ยื่นมือมาดึงตัวผมให้พ้นขึ้นไปเท่านั้น

     

     

    อากาศเย็นพัดปะทะเข้าตัวผมแผ่วเบา  ความมืดเข้าห่อหุ้มรอบกาย  แสงดาวกระจ่างเต็มฟ้ากว้าง  เสียงวุ่นวายที่ดังอื้ออึงขาดหายไป  ทัศนียภาพของมหาวิทยาลัยยามดึกสงัดสะท้อนเพียงแสงจากโคมไฟริมถนนเท่านั้น  ปรากฎเป็นทิวทัศน์ของสถานที่ที่กำลังหยุดนิ่งไม่ไหวติงแลดูสวยแต่เหงาอย่างบอกไม่ถูก  และแล้วความเงียบเหมือนจะครอบคลุมเข้ามา  ความสงบคล้ายจะพลิ้วไหวอยู่รอบตัว

     

    ว้าว  ไม่ยักรู้ว่าตึกนี้มีดาดฟ้าด้วยแฮะ  ผมตื่นเต้นพอดู  อยู่มาเกือบจบปี 1 ไม่เคยขึ้นมาชั้นดาดฟ้าของตึกที่ตัวเองเรียน 

    ดีมั้ย  แล้วหายบ้ารึยัง  ไอ้กิงถามผมสีหน้านิ่ง 

    ห๊ะ?  ผมหันไปมองมัน  ลืมไปเลยว่าเมื่อกี้ตัวเองประสาทแดกอยู่  เมิงพากรูมาปล่อยเชื้อบ้าหรือ 

    ก็เออสิวะ  ใคร ๆ เขาก็เซ็งกันทั้งนั้น  เมิงยังไปของขึ้นใส่อีก  มันด่าผม

    หา  ผมงงตัวเองอีกรอบ  โห  ให้เมิงมาด่าเรื่องนี้  กรูรู้สึกเหมือนตัวเองทำความผิดพลาดอย่างร้ายแรงยังไงก็รู้ไม่รู้ว่ะ 

    หึ  มันขำในลำคอ  เกินไปแล้วเมิง  ดูทำหน้าเข้า  มันยิ้มแบบเสียมิได้แล้วเอื้อมมือมาขยี้หัวผม

     

    ตุบ  ผมรู้สึกอึดอัดในใจอีกแล้ว  ก็จริงนี่หว่า  ให้คนที่ขาดการยับยั้งชั่งใจที่สุดในสามโลกมาด่าแบบเมิงนี่  แย่ว่ะ  เฮ้อ! ไม่น่าเลยกรู  ผมผายมือออกสองข้างส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมถอนหายใจเพิ่มความหนักแน่นให้กับคำพูดของตัวเอง

     

    เออ  ก็ได้ว๊ะ  วันนี้กรูยอมให้เมิงด่า  เหนื่อยไม่อยากเถียงกับเมิง  มันตัดบทสนทนาเข้าตัวมันเอาง่าย ๆ แล้วเปลี่ยนอิริยาบทเป็นนั่งทอดขายาวปล่อยตัวตามสบายไปกับพื้นดาดฟ้า  เมิงเป็นไร  กรูเห็นเมิงหงุดหงิดมาตั้งหลายวันแล้ว  เมิงคิดถึงบ้านขนาดนั้นเลยหรือวะ  สายตามันทอดมองท้องฟ้าก่อนจะเปลี่ยนมาสบตากับผม

    เอ่อ  อื้ม  ผมรับคำกับสายตานั่น  แล้วลงไปนั่งข้าง ๆ มันบ้าง  ไม่รู้เป็นอะไรสบตาจัง ๆ แล้วเหมือนเส้นเลือดหัวใจจะขอด  ไม่เชิงหรอกว่ะ  เออ  แต่  อืมก็งั้นแหละ  กรูคิดถึงบ้านน่ะ  ผมบอกออกไป  ในหัวก็จินตนาการถึงหน้าพ่อแม่พี่น้องลุงป้าน้าอาปู่ย่าตายายควบคู่กันไปด้วย  เหมือนจะมีน้ำซึมตรงหางตา  โอ้! เรเอ็งจะอ่อนไหวไปแล้ว

     

    เฮ้ย  ไอเร  เป็นไร  เสียงไอ้กิงเรียกทักผม

    ห๊ะ  หา  ใครเป็นอะไร  กรูไม่ได้เป็น 

    มันขำนิดนึงแล้วส่ายหัว  เมื่อกี้เมิงเหม่อไปพักนึง  ทำตาลอย  น้ำลายไหล  กรูเรียกตั้งนานกว่าจะรู้สึกตัว

    เฮ้ย  จริงดิ  ผมรีบเอามือปาดตรงริมฝีปาก

     

    ฮ่า ๆ  หลอกแค่นี้ดันเชื่ออีก  เมิงนี่มัน  ไอ้กิงหัวเราะสะใจหันมามองผม  ควายว่ะ  สิ้นคำด่ามัน

    เออสิวะ  ใครมันจะเป็นผู้รอบรู้  เทพธิดาพยากรณ์ 1900-1999-999 โทรมาหาเราสิคะ  รู้ลึก รู้จริง เก่งทุกทางเหมือนเมิงเล่า  ปัทโธ่เว้ย!”  อาการลูกผีลูกหงส์กลับเข้าสู่ตัวผมอีกครั้ง  ทำอะไรไม่ได้เลยหันหลังให้มันเอานิ้วถูดาดฟ้าเล่นแก้เครียดแมร่งเลย

     

    เป็นอะไรไปอีกแล้วเนี่ยะ  คิดถึงบ้านขนาดนั้นเชียว  อีกสองเดือนกว่า ๆ เมิงก็ได้กลับบ้านแล้ว  ไม่เห็นต้องเครียดเลยวะ  มันผ่อนเสียงถามผม

    กรูไม่ได้เครียด  กรูแค่อยากกลับบ้านตอนปีใหม่  เท่านั้นเอง  ผมหันตัวกลับไปตอบมันอีกครั้ง

    มันเลิ่กคิ้ว  แล้วทำไมต้องเป็นปีใหม่ด้วย  กรูเห็นเมิงอยากกลับช่วงนี้ชิบเป๋ง

    โห  เมิง  ก็ปีใหม่ไงวะ  กรูต้องอธิบายด้วยรึว่าทำไม 

     

    อืม  ไอ้กิงพยักหน้ารับเรียบ ๆ  ก่อนจะพูดต่อ  แต่  ถ้าเรื่องทำหน้าอกไม่ต้องอธิบายนะ  น่าน  ร้อยวันพันปีไม่เคยเล่นมุก  ผมถึงกับอึ้งทีเดียวเจอมุกดาราบันเทิงของมันเข้าไป

    เอ่อ  ตะกี้จะให้กรูขำเมิงดีมั้ย  ผมมองหน้าไอ้กิงเพื่อชั่งใจ  มันทำหน้านิ่ง ๆ แทนคำตอบ  เหอ ๆ  เลยขำจิตตกเป็นกำลังใจให้กับการเล่นมุกของมัน

     

    พอเลยเมิง  ไม่ฮาก็ไม่ต้องขำ  จากหน้านิ่งเริ่มเป็นหน้าบึ้งแทน  จนผมอดขำออกมาจริง ๆ ไม่ได้

    ฮ่า ๆๆ  กิงงอน  หาดูได้ยากกว่าเมิงเล่นมุกอีกนะเนี่ยะ ฮ่า ๆ โอ้ย!  ขำว่ะ  มันทำหน้าเซ็งหนักยิ่งกว่าเดิม  ผมเลยพยายามกลั้นขำในมุกของมัน  แต่ไม่รู้ทำไมหลาย ๆ ครั้งที่ไอ้กิงพยายามเล่นอะไรให้ฮาแม้จะไม่เคยฮาก็ตามเพื่อให้ผมหายบ้า  สิ่งเหล่านี้มักจะทำให้ผมอบอุ่นในใจเสมอ  ปีแรกของการเรียนมหาวิทยาลัยไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด  แต่ยอมรับได้เต็มปากเลยว่าถึงมันจะกวนประสาทผมเสมอแต่มันก็อยู่ข้างผมตลอดเช่นเดียวกัน

     

    เลิกขำได้แล้ว  แล้วไงตอนนี้เมิงจะบอกกรูได้รึยังว่าทำไมต้องปีใหม่  กลับเข้าคำถามเดิมอีกรอบ

    อืม  ก็มันเป็นโอกาสพิเศษไง  ปีนึงครั้งนึง  ช่วงเวลาที่กำลังจะเข้าสู่วันใหม่ ปีใหม่ ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา  นี่ไงเมิงเหตุผลแค่นี้เอง  ผมจำต้องอธิบายเรื่องที่คิดว่าสามัญมนุษย์เขาเข้าใจกันได้โดยไม่ต้องพูด

    ไอ้กิงทำหน้างงเหมือนจะไม่เข้าใจ  รึภาษาไทยมันไม่แตกฉาน  ผมเลยเพิ่มระดับเป็นแอดวานซ์  ปีใหม่ก็คือ  A Family day  It’s a happy day.  You’re  OK ?  ลองอธิบายเป็นภาษาต่างชาติที่ตัวเองไม่ถนัดเอาเสียเลย

     

    อืมอันนั้นกรูเข้าใจ  แต่กรูไม่เข้าใจจะวันไหนก็เหมือนกันทำไมเมิงต้องเจาะจงเอาวันปีใหม่ด้วยวะ  ไอ้กิงยังคงซักต่อ  นี่หรือที่เมิงว่าเมิงเข้าใจ

    เมิงย้อนกลับไปอ่านย่อหน้าข้างบนบรรทัดที่สองอีกรอบดิ๊  กรูว่ากรูอธิบายเมิงครบถ้วนกระบวนความแล้วนะ  จะให้กรูบอกเมิงยังไงดี  ก็ปีใหม่ไง  ปีใหม่อ่ะ  วันสิ้นปี  นับถอยหลังด้วยกัน  วันหยุดยาวที่จะกลับมาพร้อมหน้ากัน  ต้องมีอะไรมากกว่านี้อีกเรอะ  โอ้ย!  กรูปวดประสาท  ผมยกมือขึ้นกุมขมับตัวเองอย่างห้ามไม่ได้ 

     

    ก็นั่นไงเมิง  มันก็แค่วัน ๆ นึง  กับช่วงเวลาสมมติ  ใครจะรู้ว่าปีใหม่จริง ๆ มันอยู่ตรงไหน  มันอาจจะไม่ใช่ตอนนี้ที่เมิงรู้สึกก็ได้  ทุกอย่างมันดำเนินของมันไปอยู่แล้ว  มนุษย์เราก็แค่ไปล้อมกรอบและกำหนดให้  เท่านั้น  ไอ้นับถอยหลังที่ว่าก็ไม่รู้ว่านับไปสู่อะไร  ไหนจะความเชื่อที่ว่าเริ่มต้นสิ่งใหม่ในปีใหม่อีก  ของอย่างนี้  กรูว่าไร้สาระว่ะ  ไอ้กิงทิ้งท้ายความเป็นโคตรปัจเจกบุคคลแห่งปีด้วยความเห็นเรื่องวันปีใหม่บนใบหน้านิ่งสนิทของมัน

     

    อ่า  กรูจะบ้า  ทำไมกรูต้องมาเถียงตรรกกะประหลาดกับคนประสาทแบบเมิงในวันสิ้นปีด้วยวะ  วุ้ย  เออกรูยอมรับว่ามันอาจเป็นสิ่งสมมติ  เวลามันจับต้องไม่ได้อันนั้นกรูรู้  แต่เมิงคิดดูสิวะ  ไอ้ของสมมติเนี่ยะมันจะมีสักกี่อย่างกันเชียวที่ทำให้คนทั้งโลกเฮฮาร่วมกันได้มากแบบนี้  ขนาดว่าต่างชาติ  ต่างภาษา  ต่างเผ่าพันธุ์  ศาสนา  เขายังยินดีในวันนี้เลยนะเว้ย  กรูว่าแค่นี้มันก็เป็นวันพิเศษพอที่เราจะได้อยู่กับคนพิเศษแล้วนา  ผมเองลองยกพันแปดเหตุผลเรื่องวันปีใหม่มาเถียงกับมันดูบ้าง

     

    อากาศเย็นพอประมาณของยามดึกไล้ผ่านตัว  ทุกสิ่งที่รายล้อมหยุดเคลื่อนไหว  เหลือเพียงไอ้กิงกับผมที่นั่งจ้องหน้าเถียงกันอยู่บนดาดฟ้าที่ร้างไร้ผู้คน  

     

    เข้าใจรึยัง  ทำไมต้องวันนี้  ผมพูดขึ้นมาทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นชั่วครู่  ในใจรู้สึกตรูชนะแน่รอบนี้ ฮ่า ๆ ยอมแพ้กรูเสียดี ๆ ไอ้กิง  กำมือเตรียมร้องไชโย

     

    หน้าหล่อของมันนิ่งอีกแล้ว  บางทีผมอยากลองแงะหน้ามันเล่นดู  คนอะไรไม่รู้หน้านิ่งแล้วเร้าใจ(อันที่จริงหน้าไหนมันก็ทรมานใจทั้งนั้นแหละครับ  ขนาดผมผู้ชายด้วยกันนะนี่)  ในใจยังรอคำตอบจากมันอยู่

     

    มันสบตาผม  ปากหยักสวยเริ่มเผยอออกจากกันจนผมอดอ้าปากตามไม่ได้  ไม่  ยังไงกรูว่าก็ไม่จำเป็นต้องเป็นวันนี้

     

    อ่ะ  คำเดียวที่ส่งเสียงได้  ผมถึงกับอ้าปากค้างต่อคำไม่ถูก  ไปไม่เป็น  นึกว่ามันจะเห็นด้วย  สุดท้ายไอ้กิงก็คือไอ้กิง  แสบกว่าเมิงไม่มีจริง ๆ ด้วย  หว่า  โว้ย  เมิงนี่นะ  ยังไงของเมิงนี่  ไหนว่าวันนี้เมิงจะไม่เถียงกรูไง  ไม่เอาแล้ว  กรูไม่คุยด้วยแล้ว  ผมตัดพ้ออย่างจนใจ 

     

    กรูแค่อยากจะบอกว่า  วันไหน ๆ ก็ทำให้เหมือนวันปีใหม่ได้ทั้งนั้นไม่ใช่ไงวะ  ไม่เห็นจะต้องไปเฝ้ารอแมร่งขนาดนั้นเลย  มันสรุปความให้  ยักคิ้วข้างเดียวสีหน้าหนักแน่น

     

    เออ  เอาเถอะ  พ่อปรัชญาแมน  กรูมันคนทั่วไปไม่ละได้เหมือนเมิงหรอก  กรูมันบ้างานเทศกาลนี่หว่า  เมิงไม่รู้สึกเรอะ  วันพิเศษน่ะมันจะให้ความรู้สึกพิเศษเหมือนมีสารกระตุ้นอยู่รอบตัว  เหมือนเมิงดูดยายังไงยังงั้นแหละ  ผมเริ่มรู้สึกว่าเราสองคนชักจะคุยเป็นสาระมากขึ้นทุกที  สมองผมเริ่มบิดขมวดรอยหยักเริ่มกรีดตัวลึกขึ้น  สงสัยว่าคืนนี้ผมได้นั่งถกกับมันทั้งคืนแน่ 

     

    ท่ามกลางบรรยากาศแห่งวิชาตรรกะศาสตร์ว่าด้วยทฤษฎีจิตวิเคราะห์  เหมือนผมได้ยินเสียงแว่วมาจากที่ไกล ๆ  เสียงโห่ร้องยินดีพัดแผ่วมา  ตามด้วยท้องฟ้าที่สว่างเจิดจ้าด้วยดอกไม้ไฟหลากสีอวดตัวดอกแล้วดอกเล่า  ส่องให้คืนนี้สว่างยิ่งกว่าคืนไหน ๆ  ผมว่าผมพลาดอะไรไปแล้วแน่เลย

     

    กิง  ตอนนี้กี่โมงแล้ว  ผมเหลือบไปมองมัน

    ไอ้กิงดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือครู่นึง  เที่ยงคืนพอดีว่ะ  เลยมาสักนาทีได้  มันตอบเสียงเรียบ

     

    ผมนิ่งอึ้งทึ่ง  และ  ม่ายยย   ไม่จริง  นี่กรูเลยเวลานับถอยหลังมาแล้วหรือเนี่ยะ  กรูพลาดช่วงเข้าสู่ปีใหม่  ม่าย   ไม่เอา  ผมตีโพยตีพายโวยวายออกมาอย่างห้ามไม่ได้

    เฮ้ย  อะไรเมิง  แค่นี้เอง  ไม่เห็นต้องประสาทขนาดนี้เลยวะ  มันเอื้อมมือมาบีบไหล่ผม  ผมสะบัดตัวหลบแล้วล้มตัวลงไปนอนกับพื้นดาดฟ้าทันที  เท้าเตะกระทืบไปทั่ว  อาการของผมตอนนี้สุดจะบรรยายราวกับเด็กไม่ได้ของเล่น(ในอดีตผมเคยเป็นเอี้ยน้องเรมาก่อนครับ) 

     

    ประสาทเวรไรเล่า  เมิงน่ะแหละประสาท  ไม่รู้เรอะว่ากรูรอจะเคาท์ดาวน์ขนาดไหน  โธ่เว้ย!  บ้านก็ไม่ได้กลับแล้ว  งานเลี้ยงหร่าเหวอะไรก็ไม่มี  ขอแค่ให้กรูเคาท์ดาวน์เนี่ยะยังไม่ได้อีกรึไง  ทำไมกรูต้องมานั่งเป็นนักปราชญ์กับเมิงในวันส่งท้ายปีด้วย  กรูไม่ยอม  นอนไปบ่นไปหันใบหน้าไปด้านข้างไม่อยากมองหน้ามัน  กำมือทุบกับพื้นแข็ง ๆ อย่างช่วยไม่ได้  เหมือนมีน้ำคลอ ๆ ที่นัยน์ตา

     

    เร  เป็นอะไรนักหนา แค่ไม่ได้นับถอยหลังทำยังกับโลกแตก  บ้าไปแล้วเมิง  เสียงด่ามันยังคงหลอนประสาทผมเข้ามาในหัว  แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจ

     

    5...4...3...2...1  เย้  แฮปปี้นิวเยียร์  5...4...3...2...1  เย้  แฮปปี้นิวเยียร์  5...4...3...2...1  เย้  แฮปปี้นิวเยียร์...   ผมนอนนับถอยหลัง  มองดูนิ้วมือที่ลดไปทีละนิ้วพร้อมกับเวลาที่คืบคลานเข้าสู่ปีใหม่  ท่องซ้ำ ๆ กับตัวเองเหมือนท่องอาขยาน  นี่คงเป็นอาการจิตตกขั้นสุดของผม

     

    เร  ไอ้เร..  ไอ้กิงยังเรียกผมอยู่แต่ผมไม่สนใจ  ท่องสูตรไปเรื่อย ๆ เอาเคาท์ดาวน์ของกรูคืนมา 

    ไอ้เร  มันเรียกผมด้วยเสียงดัง  รู้สึกถึงสัมผัสตรงหัวไหล่ที่เหมือนจะออกแรงให้ผมเลิกบ้าแล้วลุกขึ้นมา

     

    เอี้ยไรอีกเล่า  ผมจำต้องลุกขึ้นมาตามแรงดึงของมัน  หันหน้าเซ็ง ๆ ไปมองไอ้ตัวต้นเหตุริดรอนสิทธิ์การฉลองปีใหม่

    ...

     

    ปรากฎมวนบุหรี่สีขาวเรียวยาวอยู่ตรงหน้า  ปลายมวนมีประกายไฟสีแดงวาบพร้อมไอควันขาวเลื่อนลอยออกมา  ผมไม่เข้าใจถึงการกระทำของมัน  ไอ้กิงเพียงยิ้มบาง ๆ พร้อมกับชูบุหรี่ในมือไว้หน้าผม

     

    อะไรวะ สาด  เถียงกันข้ามปีไม่พอ  นี่ยังจะชวนกรูดูดบุหรี่อีกหรือ  เมิงก็รู้กรูไม่ดูด  ไอ้บุหรี่เนี่ยะกรูเคยเตือนเมิงหลายครั้งแล้วนะว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพ  ไหนจะทำให้เป็นมะเร็งปอด  ถุงลมโป่งพอง  แก่เร็วอีก  ฟันเหลืองปากเหม็น  เสื่อมสมรรถภาพทางเพศอันนี้กรูว่าเมิงต้องกลัวที่สุดแน่ ๆ  ผมบ่นยาวอย่างไม่รู้จะประสาทเสียไปมากกว่านี้ได้อีกมั้ย

    ที่สำคัญที่สุด...  ใบหน้าผมเคร่งเครียดพร้อมจะอบรมเรื่องภัยร้ายจากบุหรี่ต่อ

     

    ดูดบุหรี่ทำให้พ่อตาย  ไอ้กิงพูดขัดขึ้นมาเสียก่อน  ใบหน้านั่นฉายแววยิ้มอ่อนโยนออกมา  ตั้งแต่กรูโดนเมิงด่าเรื่องดูดบุหรี่มา  ไอ้ดูดบุหรี่ทำให้พ่อตายถ้าดูดใกล้พ่อที่เมิงเคยเตือนกรู  แมร่งกรูว่าสร้างสรรค์เอี้ย ๆ คิดไปได้ไงวะ  มันพูดขำ ๆ

    เออ  ก็รู้นี่หว่า  ผมอายหน่อย ๆ มันชิงตัดมุกผมก่อนเสียได้  แล้วไง  เอาบุหรี่ออกมาให้กรูดูเพื่ออะไรวะ  อยากให้กรูด่ารับขวัญปีใหม่รึไง  ยังคงไม่เข้าใจความคิดมัน

     

    ไม่ได้ให้เมิงด่า  ก็แบบนี้ไง  ปีใหม่ที่เมิงคลั่งไคล้นักหนา  ชอบเทศกาลมากไม่ใช่เรอะ  กรูไม่มีเทียนเลยใช้บุหรี่แทน  มันอธิบายเรียบ ๆ

    ห๊ะ?  แล้วไง  เกี่ยวไรกันวะ  ผมยังคงไม่เข้าใจอย่างแรง  มันจะมามุกไหนอีก  บุหรี่ เทียน เทศกาล  ปริศนาใบ้คำเรอะ  ผมต้องใช้สมองอีกแล้ว  อยู่กับมันทีไรเหนื่อยทั้งความคิดทั้งหัวใจเลยทีเดียว  ลองเอานิ้วแตะปลายลิ้นเอาน้ำลายมาถูเป็นวงที่ขมับเหมือนอิคคิวซัง  ปิ๊ง!  ทันใดนั้นเหมือนความรู้แจ้งจะเข้าหัวผม

     

    ฮ่า    กรูเข้าใจแล้ว  อดขำในความเที่ยงของมันไม่ได้  อย่าเพิ่งงงครับ  เมิงอยากให้กรูเป่าเทียนเหมือนในวันเกิดใช่มั้ย  ฉลองปีใหม่ให้กรูหรือ  เมิงบอกไม่มีเทียนเลยจะให้กรูเป่าบุหรี่นี่แทน  กรูเดาถูกป่ะ  ผมยิ้มกว้าง

    อืม  มันพยักหน้ารับเบา ๆ 

    ฮ่า ๆๆ  เออ  เจ๋งโคตร  เป็นมุกที่ฮาที่สุดตั้งแต่กรูรู้จักเมิงมาเลย  เป่าบุหรี่  โว้ย!  คิดได้  กรูว่าปีใหม่เขาไม่ฉลองเหมือนเหมือนวันเกิดนะ  อืม  แต่สมเป็นเมิงชิบ  ผมพยายามอดทนอดกลั้นอารมณ์ฮาเอาไว้  แต่ทนไม่ได้จริง ๆ ฮ่า    กร๊าก ๆ  ระเบิดหัวเราะอย่างห้ามไม่ได้  น้ำหูน้ำตาเล็ด 

     

    ขำไรนักหนาวะ  พอกรูชวนคุยก็หาว่ากรูกวนประสาท  พอกรูจะฉลองให้ก็หัวเราะใส่กรูอีก  แมร่ง  ไอ้กิงบ่นเคือง ๆ ใส่ผม  เป็นรอบที่สองของวัน  เอ๊ะ! ไม่ใช่สิ นี่มันวันใหม่ปีใหม่แล้ว   เจอมันงอนรับศักราชใหม่ดูท่าปีนี้ผมจะเจอเรื่องแปลกประหลาดทั้งปีแน่

     

    เออก็ได้  ไม่ฮาแล้ว 

    ไม่ต้องแล้ว  กรูว่ากรูดูดบุหรี่ดีกว่า  ชิบหายเอ้ย  มันคงเคืองผมจริง ๆ  มือที่ถือมวนสีขาวไว้เริ่มขยับเป้าหมายไปสู่ริมฝีปากปากแทน

    หยุด ๆ  ผมรีบเอื้อมมือไประงับการเสริมสร้างนิโคตินเข้าร่างกายมันไว้ก่อน  มือผมประทับหยุดที่มือมันไว้รู้สึกเหมือนมีกระแสไฟแล่นผ่าน 

    อะไรเมิง  อยากดูดบุหรี่เรอะ  ไอ้กิงถามผมใบหน้ากวนตีน  สงสัยจะเข้าสู่โหมดสันดานเดิมมันแล้ว

     

    ไม่ใช่เว้ย  คนอย่างเมิงที่พร่ำบอกว่าวันนี้ไม่สำคัญ  อุตส่าห์คิดจะฉลองให้กรูทั้งที  กรูขอสนองเจตนารมย์เมิงหน่อยเหอะ  ผมดึงรั้งมือมันที่ถือบุหรี่ไว้ให้มาหยุดอยู่ตรงหน้าผมแทน  ผมเพ่งมองพยายามคิดให้ไอ้สิ่งนี้เป็นของศักดิ์สิทธิ์อะไรสักอย่างเพื่อเพิ่มความขลัง  ในใจรู้สึกดีไปกับการกระทำบ้า ๆ บอ ๆ ของมันอย่างบอกไม่ถูก  ผมพนมมือสองข้างเริ่มตั้งจิตอธิษฐาน

     

    ทำอะไร  ของเข้าเรอะเมิง  ไอ้กิงยังคงมีน้ำเสียงไม่พอใจ

    เอาน่า  อย่าเพิ่งขัดกรูเด่ะ  ก่อนเขาจะเป่าเทียนกันมันก็ต้องขอพรก่อนสิวะ  เนี่ยะกรูกำลังจะขอพรเทพแห่งมะเร็งที่เมิงจัดให้อยู่เลยนะเว้ย 

    ห๊ะ?  ดูมันจะงงกับเทพองค์ใหม่ที่ผมเพิ่งบัญญัติขึ้น สักพักสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นอมยิ้มสนุกแทน ฮ่า ๆ  เทพแห่งมะเร็ง  อะไรแปลก ๆ นี่เมิงคิดได้คิดดีนะ  ฟังแล้วกรูรู้สึกเหมือนต้องบูชาด้วยเครื่องในสักชิ้นไงก็ไม่รู้ว่ะ 

     

    ผมเลิ่กคิ้วมองมันที่กำลังอารมณ์ดีอดยิ้มตามไม่ได้  พนมมือตั้งจิตอธิษฐานอีกครั้งนึง  ขอให้ปีใหม่นี้เป็นปีที่ดี  มีความสุขโดยถ้วนทั่วกัน  ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ  ได้รัฐบาลที่ดีไม่โกงกินชาติบ้านเมือง  ราคาน้ำมันหยุดขึ้นสักที  เกิดความสามัคคีในผืนแผ่นดิน  เศรษฐกิจ...

    เดี๋ยว ๆ ไอ้เร  เมิงหยุดก่อน  ไอ้กิงร้องทักขัดผมไว้อีกแล้ว  ผมจิ๊จ๊ะไม่พอใจ

    มีปัญหาอะไรอีกครับคุณพี่  วันนี้คุณพี่มีปัญหาทั้งวันเลยนะครับ  ไม่ขวางผมสักเรื่องจะได้มั้ย 

     

    เปล่า  กรูไม่ได้จะขวางเมิง  เพียงแต่ว่าบุหรี่มวนเดียวเมิงทำอย่างกับว่าไปขอให้เขาร่างกฎหมายทำเป็นวาระแห่งชาติ  เทพแห่งมะเร็งจะช่วยเมิงได้มั้ยวะ  หึหึ  เจอมันแซวเข้า  ผมคิดว่าโหมดกวนตีนของมันกลับมาอย่างสมบูรณ์แล้วแน่ ๆ

    เออ ๆ  กรูไม่ขอเรื่องยากขนาดนั้นก็ได้วะ  งั้นเอาใหม่ ๆ  ผมรวบรวมสมาธิอีกรอบ  ขอให้ครอบครัวอยู่ดีมีสุข  ขอให้เรียนจบตามเกณฑ์  ให้เพื่อนผมเป็นผู้เป็นคนมากยิ่งขึ้น  ขอให้ไอ้กิงละอบายมุขบ้าง ขอให้ไอ้กิงเลิกบ้า    ขอให้ไอ้กิงเลิกฟันแล้วทิ้งเดี๋ยวกรรมจะตามทัน  ขอให้ไอ้..

     

    เฮ้ย  เมิง  มันขัดผมอีกแล้วครับ  รอบนี้ผมไม่เถียง  เพียงแต่หรี่ตาจ้องหน้ามันในความเงียบ  แสยะปากกัดฟันส่งเสียงเชิงขู่ในลำคอ เหมือนมันจะรับรู้อาการบ้าของผมได้เลยหยุดปากไว้

    ผมจึงยิ้มรับกิริยาของมัน  ต่อนะครับท่านเทพแห่งมะเร็ง  ขอให้ไอ้กิงสะกดคำว่าอดทนอดกลั้นได้บ้าง  ขอให้ไอ้กิงมันเลิกกวนประสาทชาวบ้านเขาเดี๋ยวเงาหัวมันจะหลุด  ขอให้ไอ้กิงหัดขี้เหร่มันหล่อเห็นแล้วหมั่นไส้

     

    เมิงนี่น้า  เฮ้อ!”  ไอ้กิงพึมพำกับตัวเอง  ถอนหายใจ  ยิ้มแบบเสียมิได้  แต่ในมือมันยังคงถือบุหรี่ในระดับสายตาให้ผมขอพรต่อไป

     

    ข้อสุดท้ายแล้วนะครับ  เหลือบเห็นหน้ามันที่เหมือนรอฟังอะไรที่จะประสาทไปกว่านี้ได้อีกมั้ย  ผมสูดหายใจแล้วพูดออกมา  ขอให้มันมีความสุข  สาธุ  ตบกระหม่อมตัวเองเป็นการจบพิธีแล้วยิ้มกว้างให้มัน

     

    ไอ้กิงเอ๋อเหรอไปช่วงนึง  รอยยิ้มหยักปรากฎบนใบหน้าหล่อเหลา  มันยิ้มแบบเม้มปากเหมือนกลั้นอะไรอยู่  พรเมิงนี่  สร้างสรรค์บรรลัย  มือมันที่ถือบุหรี่อยู่เริ่มควงมวนสีขาวนั่นไปมาเหมือนไม่รู้จะทำอะไร  จนผมต้องยิ้มตามท่าทีนั่น  บรรยากาศดีแบบประหลาดโอบล้อมไว้  ดาดฟ้าตึกคณะในวันปีใหม่ก็ไม่เลวสักเท่าไหร่ในปีแรกวัยมหาลัยของผม

     

    จบแล้วนะเมิง  ไอ้กิงถามผมพร้อมกับจับบุหรี่ในมือจะยัดเข้าปากอีกรอบ

    เฮ้ย  เดี๋ยว ๆ  ผมรีบหยุดมือมันไว้  ชิงมวนในมือมันมาถือไว้เอง  มันทำหน้างงเลิ่กคิ้วในเชิงถาม  ผมรีบอธิบาย  ไอ้นี่น่ะ  เป็นของเฉลิมฉลองนะเว้ย  เมิงเอาไปดูดก็เสียของกันพอดีสิวะ  แล้วนี่เมิงยังไม่ขอพรด้วย  เอ้า  ตั้งจิตเข้า  เทพแห่งมะเร็งยังไม่เป็นที่นิยม  รับรองท่านต้องให้พรเราได้แน่  ผมชูบุหรี่ไว้หน้ามันด้วยท่าทางมาดมั่น   

     

    ไอ้กิงแสยะปากท่าเซ็ง  เอาจริงหรือวะ  เหลือครึ่งมวนยังจะมีประสิทธิภาพพอให้กรูขออีกรึไง 

    ด้วยความที่ผมขอยาวจัดบวกเวลาเถียงเข้าไปอีก  ประกายไฟเลยมอดให้มวนสั้นลงเรื่อย ๆ  เหอะน่า  ของเค้าแรง  เชื่อกรูดิ  ผมพยักเพยิดขยับบุหรี่ไปใกล้มันอีก

    อืม  ก็ได้วะ  ปากมันรับคำง่าย ๆ แต่แววตามันกำลังด่า  ผมสัมผัสได้อยู่ในที  ไอ้กิงยกมือมาพนมแบบลวก ๆ เพ่งสายตาครุ่นคิด  ผมว่ามันต้องหาทางกวนตีนผมแน่เลย

     

    เมื่อกี้ไอ้เรมันขอไปเยอะแล้วครับท่านเทพ  น่าน  ว่าแล้วไง  ผมรอฟังต่อว่ามันจะให้พรหรือจะแช่ง  งั้นผมขอข้อเดียวละกัน  มันเหลือบสายตามามองผม  ผมจ้องกลับยิ้มท้าทาย  กวนกรูมาเลยกรูพร้อมเถียงทุกสถานการณ์ 

    ไอ้กิงผ่อนลมหายใจน้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยออกมา  ขอให้ไอ้เรสมหวังในพรที่มันขอด้วยครับ  สาธุ  มือหนาลูบผ่านศรีษะตัวเองแล้วมันก็ส่งรอยยิ้มอบอุ่นให้

     

    ตุบ  ในใจผมรู้สึกจี๊ดอย่างประหลาดอีกแล้ว  มือยังคงถือบุหรี่ที่มีใยสีขาวเลื่อนวนออกจากประกายสีแดงปฏิกิริยาของไออากาศกับเปลวไฟดูขัดแต่ก็เข้ากันได้ดี  เหมือนกับผมในตอนนี้กระมัง

     

    ไอ้ที่เมิงขอน่ะ  กรูว่าเมิงมีแต่ได้กับได้ยังไงไม่รู้ว่ะ  ขอไรแมร่งไม่สร้างสรรค์  ไม่คิดเอง  แบบนี้เขาเรียกละเมิดลิขสิทธิ์นะเว้ย  ติดคุกนะเมิง  หรืออีกทีเขาเรียกเอาหน้ารู้มั้ยเมิง  แบบประมาณว่าคนอื่นเขาคิดแทบอ้วกทำแทบตาย  แต่พองานเสร็จเมิงมาบอกชาวบ้านเขาว่าเมิงทำคนเดียวอะไรเทือกนั้น  คำบ่นมากมายออกจากปากทั้งที่ผมไม่ได้อยากพูดสักนิด  มือบีบจนก้นกรองแทบบี้สนิท  รู้สึกตัวรุมเหมือนเป็นไข้อาจเป็นเพราะผมมานั่งตากน้ำค้างบนดาดฟ้านานเกินไป

     

    อะไรวะ  ละเมิดตรงไหน  กรูไม่ได้ขอซ้ำกับเมิงสักข้อ  กรูแค่ขอให้เมิงได้อย่างที่เมิงขอแค่นั้น  มันตอบกลับใบหน้ากวนประสาท  รอยยิ้มนั่นเจ้าเล่ห์พิกล

    ไม่รู้เว้ย  กรูว่าเมิงกินแรงกรู  ผมยังคงไม่ลดละเถียงข้าง ๆ คู ๆ ลดอาการตึกตักในใจ 

     

    เฮ้ย!”  ผมตกใจเมื่อจู่ ๆ ไอ้กิงมาคว้าจับมือผมที่ถือบุหรี่ไว้  ยื่นใบหน้ามาในระยะประชิด  คำพูดจากปากมันไม่ไกลจากหน้าผมเท่าไหร่

    ขอพรเสร็จแล้ว  กรูขอนี่ต่อนะ  แววตากรุ้มกริ่มส่งให้ผม

     

    ขอนี่  ขอไหน  ขออะไร  ผมตื่นเต้นในใจอย่างไม่รู้สาเหตุ  มองตอบสะท้อนไปในสายตามัน  ตุบ ตุบรอบนี้มาสองตุบเลย  ลืมตัวเม้มริมฝีปากแน่น  เกร็งตัวแรงรอมันพูด

     

    ฮ่า ๆ  ทำหน้าอย่างกับลุ้นหวยใต้ดิน  เป็นไรวะ  กรูขอนี่เว้ย  มันหัวเราะถูกใจ  แล้วดึงบุหรี่ในมือผมไปถือ

     

    เอ้อ  โธ่  แมร่ง  ผมสบถออกมาเรียงอารมณ์ตัวเองไม่ถูก  ผิดหวัง  โล่งใจ  เป็นไรไปแล้วตรู

     

    เมิงนึกว่ากรูจะขออะไรเมิงหรือว๊ะ  ไอ้กิงยังคงย้อนถามกวนประสาท  หมั่นไส้หน้ามันพิกล

    ไม่ได้คิดไรเว้ย  ใครจะไปสนว่าเมิงอยากขออะไร  ด่าไว้ก่อนเลยผม

    จริงเรอะวะ  มันคงเก็บกดความกวนตีนมานาน  เริ่มคอมโบใส่ผมเป็นระยะทั้งหน้าตาและท่าทาง  ผมเห็นท่าไม่ดี

     

    เฮ้ย!”  เป็นมันตกใจบ้าง  เมื่อผมชิงบุหรี่คืนจากมือมันอีกครั้ง  ไม่รู้อะไรนักหนาเล่นแย่งไอ้มวนนี่กันทั้งคืนเป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์สุด ๆ ในคืนปีใหม่ 

    ทำไรอีกเมิง  ขอพรเสร็จแล้ว  ขอกรูดูดบุหรี่สักทีเถอะ  มันออกอาการเสี้ยนยา  หึหึ  ผมขำเป็นต่อในใจ

     

    ไม่ให้เว้ย  เมิงให้เป็นของฉลองแล้ว  เรื่องอะไรกรูจะคืนเดี๋ยวไม่ขลัง  ผมกระชับแท่งสีขาวที่มอดไปกว่าครึ่ง  ขอเสร็จแล้วก็ต้องเป่าไงเมิง  ถึงจะเสร็จสิ้นพิธี  แต่ไอ้บุหรี่นี่เป่าไงคงไม่ดับ  ดูดให้หมดมวนก็เกรงใจเมิงอีก  กรูเลยนี่ไง  พูดจบผมจัดการบี้มะเร็งอัดแท่งไปต่อหน้าต่อไอ้กิงที่กำลังแสดงอารมณ์ตกใจระคนอาลัยอาวรณ์อย่างชัดเจน  ตอกย้ำพรรับขวัญด้วยการเอาตีนไปขยี้ให้บี้ติดพื้นดาดฟ้าอีกรอบ

     

    ไอ้เร  สาดเอ้ย  มวนสุดท้ายของวันเลยนะนั่น  มันแสดงกิริยาเซ็งสุดชีวิต 

    นี่ไง  เมิงขอไว้ว่าให้กรูสมหวังในคำขอ  สมหวังแน่ ๆ ถ้าเมิงลดละเลิกอบายมุขข้อแรกเลยถ้าเมิงทำได้  พูดจบผมยิ้มกวนมันไปอีกที      

     

    มันมองหน้าผมแบบปลง ๆ  คงยอมรับแล้วว่าคืนนี้ผมคงประสาทแดกมากบ้างน้อยบ้างไปทั้งคืนแน่  ก็ดูเอาสิครับขนาดคนสุดโต่งอย่างมันวันนี้ยังต้องยอมลงให้  แล้วพวกผมเลยตัดสินใจปล่อยให้บรรยากาศไหลผ่านตัวแทนคำพูด  สูดอากาศยามเที่ยงคืนเข้าไปเต็มปอด  มองดูท้องฟ้าบ้างแทนการมองหน้ามัน  ไอ้กิงเองก็เอนตัวสบาย  เอามือยันตัวยืดขายาวผ่อนคลาย  เหมือนเราทั้งคู่จะเผลออมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

     

     

    ไอ้กิง  ไอ้เร  กรูนึกว่าหายไปไหน  พวกเมิงมาอยู่กันตรงนี้เองหรือวะ  เสียงไอ้ป๋องเรียกทักมาแต่ไกล  มันแสดงตัวออกมาจากช่องเปิดเดียวกับที่พวกผมเดินขึ้นมาบนดาดฟ้า

     

    มีอะไรอีกเมิง  รู้ได้ไงว่ากรูอยู่นี่  แล้วนี่เมิงยังกวนตีนกรูไม่พออีกเรอะ  ผมละจากบรรยากาศปล่อยวางตรงหน้าหันไปหาไอ้ป๋อง

     

    ไอ้ป๋องยังมีแววแขยง อยู่บนใบหน้า  รู้แล้วกันน่ากับไอ้ที่หลบคนในคณะน่ะ  แล้วกรูไม่ได้มาหาเรื่องเมิงด้วย  กรูมาตาม  ได้เวลาปาร์ตี้แล้วพวกเมิง 

    เฮ้ย  ได้ไงวะ  ผมกระตือรือล้นทันที

    แหม  ทีเรื่องนี้ไวเลยนะเมิง  ไอ้ป๋องย้อนผมบ้าง

    เออ  แต่ยังไงกรูก็ไม่ไหวตัวเรื่องเอี้ย ๆ ได้ไวเท่าพวกเมิงหรอก  ผมเหล่มองไอ้ป๋องสลับกับเหลือบแลไปทางไอ้กิง  ประมวลผลได้ไม่ยากว่าพวกมันขึ้นมาดาดฟ้าเพื่อทำอะไรกัน  ดูดยาเป็นคำตอบสุดท้าย

     

    มีไอ้แผนกับไอ้โจสองคนก็พอแล้วโว้ย  ของแบบนี้มันอยู่ที่สมอง  ไอ้ป๋องว่ายืดอกภูมิใจ

     

    ขออธิบายก่อนนะครับ  ด้วยความเป็นนักศึกษา  ด้วยความเป็นมหาวิทยาลัย  และด้วยความเป็นปี 1  ประกาศิตหนึ่งอย่างที่ทางคณะทิ้งไว้ให้คือ  ห้ามนำสุราของมึนเมาเข้าคณะ(ซึ่งผมเห็นว่าทำไม่เคยได้)  แล้วทางพี่ยามประจำมหาวิทยาลัยก็รับคำสั่งนี้ไปทำอย่างเคร่งครัด  เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์กดประสาทพวกผม  เพราะถึงไม่ได้กลับบ้านไม่ได้เที่ยวแต่ถ้าผ่อนคลายสักนิดกับน้ำสังสรรค์นี่  พวกผมคงไม่จิตตกกันขนาดนี้  แล้วด้วยความสามารถพิเศษอีท่าไหนของพวกมันไม่ทราบได้  จึงดลบัลดาลให้มันลักลอบขนส่งของผิดกฎเข้ามาในคณะได้

     

    ที่สำคัญเว้ยไอ้กิงไอ้เร  กรูไม่อยากจะโม้  ไอ้ป๋องยังคงปล่อยของไม่หมดครับ  พี่ปี 4 แมร่งพลาดเองที่ยกกุญแจสโมฯให้พวกกรู  ในใจคงนึกว่าพวกกรูจะเอาแต่อุปกรณ์ในการทำงาน  แต่เมิงรู้มั้ยในห้องสโมฯมีของดีกว่านั้นอีกนะเว้ย 

    มีอะไรวะ  ไอ้กิงสนใจขึ้นมาบ้าง

     

    ชุดบาร์บีคิวกลางแจ้ง  กระติกน้ำแข็งก็เพียบ  แก้วกับช้อนพลาสติกจานกระดาษอีก  ไม่รู้แมร่งมีเตรียมไว้ไปเข้าแคมป์รึไงกัน  แต่ก็เจ๋งไปเลยว่ะ  แสงสีเสียงพร้อม  ไฟเธคยังมี  กรูว่าคณะเราเอางบประมาณมาทำเรื่องไร้สาระได้ใจจริง ๆ  พวกไอ้โจที่ออกไปซื้อของเลยไปตลาดโต้รุ่งเอาของสดมาเพียบ  คืนนี้แดกกันทั้งคืนแน่  พวกเมิงรีบลงไปเลย  พวกกรูจัดสถานที่เรียบร้อยแล้ว  พูดจบไอ้ป๋องยกมือเรียกในเชิงเร่ง  ผมไม่รอท่าลุกขึ้นทันที  แต่ไอ้กิงยังนั่งสนิทอยู่ที่เดิม

     

    เฮ้ย  เป็นไร  ลุกดิ  เมิงยังวิจัยวันปีใหม่ไม่พอรึไง  ผมพูดรัวเร็ว  สมองสั่งการไปที่ใต้ถุนตึกแล้ว

     

    หึหึ  ไอ้กิงขำออกมาแทน  เปลี่ยนอารมณ์ง่ายจริงเมิง  กรูเชื่อแล้วว่าเมิงบ้าเทศกาล

    เออ  กรูปฏิเสธซะที่ไหนเล่า  เมิงลุกได้แล้ว  ไป  ผมยืนค้ำหัวรอมันยืนขึ้น  มันก็ยังทำหน้ากวนตีนไม่ยอมลุกสักที  เลยยื่นมือไป  เร็วเหอะ  เดี๋ยวแดกไม่ทัน  พยักหน้าเร่ง

     

    ไอ้กิงส่งยิ้มให้  เอื้อมมือหนานั่นมาจับยึดจับผมไว้  ความอบอุ่นแล่นผ่านพร้อมกับ  ตึก  ตัก  โป้ง  ป้าง  โครม  คราม  ตึง  ตัง  สารพัดเสียงส่องก้องสะท้อนในหัวผม  หัวใจจู่ ๆ ก็เต้นรัวแรง  ผมจึ้กทันทีเหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง  ไม่ทันไรผมเซเล็กน้อยตามแรงดึงของไอ้กิงที่ยันตัวเองให้ยืนขึ้น  มือแกร่งนั่นดึงกระชากผมให้เดินตามเมื่อตัวเองยืนเต็มความสูงแล้ว 

     

    เฮ้ย  เร็วดิ  ยืนนิ่งอะไรอยู่  มันยังคงกระชับอุ้งมือผมไว้

    เออ  อือ  แหมทีเมื่อกี้ด่ากรู  ตอนนี้น่ะรีบเองนะเมิง  ไหนว่าไม่สนปีใหม่ไงวะ  อดย้อนไปไม่ได้  ออกตัวเดินตามมัน

     

    ไอ้กิงหยุดตัวเองไว้ชั่วครู่  อมยิ้มหันมามองผม  คงเหมือนที่เมิงบอก  บรรยากาศพิเศษ  มันบีบมือผมแรงขึ้นอีกนิด  สายตาจับที่แววตาผม  กับคนพิเศษ  ไอ้กิงหยุดจังหวะ เผยรอยยิ้มกว้างก่อนคำพูดจะลอยออกมา  เร  สวัสดีปีใหม่ว่ะ 

     

    หะ  ผมอึ้งไปกะทันหัน  โช้ง  เช้ง  เฮ้ย! ผ่านบอลสิ  ไอ้สาด  เลี้ยงเดี่ยวอยู่ได้  แมร่ง  เดี๋ยวปั้ดเลยเมิง  เหมือนใครมาแข่งวินนิ่งส่งเสียงดังวุ่นวายในหัวผม  ความรุนแรงของจิตใจมากกว่าตอนแรก  รู้สึกบีบแน่นจนมืออีกข้างต้องมาจับหน้าอกตัวเองไว้  เกิดไรขึ้นนี่เรา  หรือเมื่อกี้เราจะขอพรเยอะจัด  เทพมะเร็งท่านจะเอาของเซ่นเป็นหัวใจอย่างแรกเลยเรอะครับ  นึกไม่ถึงของเขาแรงจริง

     

    เร  ไปเด่ะ  นิ่งอีกแล้วเมิง  ไอ้กิงย้อนเตือนผมอีกหน  คลายสัมผัสตรงมือเปลี่ยนมาผลักศีรษะผมแทน  เดินต่อไปแบบไม่รู้ท่าทีตัวเองนัก  ผมเริ่มสงสัยว่าไอ้มวนบุหรี่สีขาวที่พวกผมอุปโลกให้มีเทพมะเร็งมาสิงสถิตย์อยู่  คล้ายจะได้ผลจริงหรืออาจเกิดเป็นการอุปาทานหมู่   แต่ที่สุดแล้วไอ้กิงที่เถียงหัวชนฝาไม่บันยะบันยังกับผมมาทั้งคืน  ยังอุตส่าห์ทนทำตัวประสาทไปกับผมได้อีก  บรรยากาศพิเศษ...คงเป็นแบบนั้นจริง ๆ 

     

    ไอกิง  เรียกมันหยุดไว้บ้าง  ไอ้กิงเอียงคอมองผมเลิ่กคิ้วเชิงถาม  ผมยิ้มออกมา  สวัสดีปีใหม่เหมือนกันว่ะ  ไอ้กิงยิ้มร่ารับคำ  แล้วพวกผมสองคนก็เดินอารมณ์ดีลงไปสังสรรค์ต่อ

     

    ใต้ตึกสตูดิโอแปรสภาพเป็นปาร์ตี้ภาคกลางคืนขนาดใหญ่   ทุกคนคงลืมไปว่าตัวเองมีงานนิทรรศการคณะกันอยู่  สารพัดของสดถูกแปรรูปเป็นอาหารปิ้งย่างนานาชนิด  เครื่องดื่มถูกแจกจ่ายโดยทั่วถึงกัน  ไฟตกแต่งส่องสว่างสร้างสีสันไปทั่วแม้จะจัดเรียงแบบไร้ระเบียบก็ตามที ยังครับยังไม่หมด  สโมสรคณะผมยังมีเครื่องเสียงให้เล่นกัน  ตู้ลำโพงถูกต่อกับโน้ตบุ๊คจัดเพลงตามใจสั่ง  บรรยากาศคึกคักต่างจากช่วงก่อนรับปีใหม่ราวกับคนละเรื่อง  แต่เอาเถอะครับปีนึงหนนึง  คงต้องมีช่วงเวลาที่ต้องหยุดพักหาเรื่องสนุกทำกันบ้าง  แต่อย่าถามถึงงานนิทรรศการที่พวกผมต้องเผาโชว์ในวันรุ่งขึ้น  ป้ายบอร์ดอาจมีคราบเขม่าควันบ้างให้ดูเป็นกราฟฟิกกันไป   ตามทางเดินมีเศษกระดูกไก่แอบ ๆ แบบอยากมีส่วนร่วม  กับกลิ่นตกค้างของแอลกอฮอล์อีกนิดหน่อย 

     

     

    นั่นเป็นปีใหม่ปีแรกในชีวิตมหาลัยบวกกับนิทรรศการงานแรกของพวกผมด้วยนับว่าไม่เลวทีเดียวครับ    ในตอนนั้นผมยังไม่รู้ถึงสาเหตุของอาการหวั่นไหวของหัวใจ  (น่าน  น้ำเน่า)  คิดไปแต่ว่าเทพมะเร็งคงมีจริง  เพียงไม่นานในปีนั้นนั่นเอง  ที่ผมว่าผมต้องเจอเรื่องแปลกประหลาดเพราะไอ้กิงงอนรับปีใหม่  ผมก็ต้องเจอจริง ๆ นั่นคือความรู้สึกของผมเองครับ  เมื่อมาย้อนนึกดู  ทุก ๆ ปีต่อมาไอ้กิงก็ยังคงมีตรรกะรับปีใหม่ประหลาดตามประสามันเรื่อยไป    ปี 1 2 3 4 และ 5  มีมันอยู่ข้างผมเสมอ 

     

     

    แต่ในตอนนี้  ผมเหม่อมองไปยังท้องฟ้ากว้างที่ไม่คุ้นเคย  ความอ้างว้างเหมือนลอยวนอยู่รอบตัว  แต่ในคืนพิเศษเช่นนี้บรรยากาศที่โอบล้อมคงพอบรรเทาให้ความเหงาได้ลดน้อยลงไปบ้าง  คงเป็นปีที่มันไม่ได้ฉลองปีใหม่ร่วมกับผมอีกแล้ว   ผมยิ้มรับกับตัวเอง  พึมพำเบา ๆ   สวัสดีปีใหม่ว่ะกิง  หวังว่าเทพมะเร็งจะส่งเสียงผมไปถึงมัน  หึหึ  ยังคงขำกับเทพองค์นี้เสมอเลยผม  เช่นเดียวกัน  สวัสดีปีใหม่นะครับทุกคน

     

     

    ----------------------------------------------------------------------

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×