คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 : เปิดเทอมใหม่
ถ้าวันนั้นฉันบอกนายไป วันนี้สถานการณ์จะเป็นแบบไหนกันนะ ฉันอยากรู้แต่ไม่อยากสัมผัสมันเลยจริง ๆ กับคำตอบของ 'สิ่งที่ไม่เคยบอก'
--------------------------------------------------------
เสียงโหวกเหวกโวยวายของเพื่อนที่เพิ่งพบหน้ากัน เสียงแซวเซ็งแซ่จากรุ่นพี่ตัวดีที่ตั้งป้อมปากสุนัขกระจายกำลังทั้งมหาวิทยาลัย ทั้ง 3 แยก 4 แยก หน้าตึก ซุ้มโค้ก ซุ้มนู่นนี่นั่น หน้าตึกคณะ ทั้งคณะตัวเอง คณะชาวบ้าน และคะน้าหมูกรอบเผื่อพวกมันจะหิวขึ้นมา รุ่นน้องหน้าใสวัยเฟรชชี่เดินตัวลีบหดเล็กเหลือตัวเท่ากระเป๋าที่ตัวเองสะพายมา ถ้าจับตัวเองยัดใส่กระเป๋าแล้วเดินคงจะยัดไปแล้วมั้งเพื่อหลบกระสุนหน้าหม้อจากรุ่นพี่ทั้งหลาย
"น้องดาว น้องดาวจ๋า หันมามองพี่หน่อย" รุ่นพี่น้ำเสียงเป็นมิตรแต่หน้าตาเป็นภัยตะโกนเรียกรุ่นน้องผู้เคราะห์ร้ายที่เดินผ่าน
เด็กสาวทำหน้างงงวย หันซ้ายแลขวาไม่มีใคร ด้วยความเป็นรุ่นน้อง ด้วยความเกรงใจ ด้วยความกลัวหม้อบนหน้าของรุ่นพี่ จึงเอ่ยออกไปอย่างหวาดหวั่น "เอ่อ เรียกหนูเหรอคะ"
"จ้า น้องดาวนั่นแหละจ้า" รุ่นพี่แปลกหน้าที่หน้าแปลกยังคงเรียกเสียงหวานอยู่
น้องใหม่ปี 1 ล่อกแล่กก่อนตอบไปอย่างไม่มั่นใจ "หนูไม่ได้ชื่อดาวค่ะพี่ หนูชื่อ..." ไม่ทันที่จะได้ตอบ
"โอ้!! น้องนั่นแหละคือดาว ดาวที่ประกายบนท้องฟ้าแล้วมาส่องกระจ่างในใจพี่" (โหมุขมัน ขุดมาจากสมุดข่อยเล่มไหนว๊ะนั่น) ไม่พูดปล่าวมีท่าประกอบราวกับพระเอกลิเกมาเองก็ไม่ปาน ไม่นานนักเสียงลูกคู่ก็ขานพร้อมกัน "ฮิ้วววววววววววววววว" ทั้งเสียงเป่าปากเสียงกระทืบอย่างกับพวกแมร่งไปตั้งวงกลองยาวงานบวชมาดังลั่นไปทั้งบริเวณ
พาลทำให้น้องที่ต้องกลายเป็นดาวเพราะโดนสายตาทิ่มแทงทั้งจากรุ่นพี่ รุ่นเพื่อน รุ่นอาจารย์ อาม่าอาแป่ะที่ผ่านมามองกันเป็นตาเดียว ทั้งที่น้องไม่ได้ตั้งใจกลายเป็นดาวสักนิด น้องทำตัวลีบหดหนักยิ่งกว่าเดิม แล้วรีบดอลลี่จากไปด้วยความรวดเร็ว
บรรยากาศสดชื่นของการเปิดเทอมใหม่ หลังจากปิดยาวในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ความสดใหม่ของปีการศึกษาใหม่ นักศึกษาทั้งใหม่และเก่าที่ร่วมสร้างสีสันในรั้วมหาวิทยาลัย เพียงมันเป็นบรรยาเดิม ๆ ปีที่ 4 แล้วของผม....
แต่ผมก็ไม่เคยเบื่อเลย ปีที่ 4 อาจจะเป็นปีสุดท้ายของนักศึกษาหลาย ๆ คณะ แต่สำหรับผม ผมยังมีปีที่ 5 รออยู่ จึงไม่ต้องเร่งรีบมากในปีที่ 4 ของการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ผมยังคงลอยชายอยู่ได้แต่ก็คงไม่นานนัก ยังคงมีเวลาดื่มด่ำกับช่วงชีวิตที่เขาว่ากันว่า "สนุกที่สุดแล้ว"
ผมเป็นเด็กบ้านนอกครับ เหมือนเด็กต่างจังหวัดคนอื่น ๆ ที่สอบเอนท์เพื่อเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพฯเมืองฟ้าอมรแต่ฝุ่นอนันต์ ผมเรียนคณะที่ได้ชื่อว่า"ป่วง"ที่สุดคณะนึง คณะที่มันผับผ่าสิเรียนกันตั้ง 5 ปี อนาคตของผมคือ"สถาปนิก"ครับ ถ้าเรียนจบน่ะนะ ช่วงปีแรกของการใช้ชีวิตที่นี่ ทำเอาผมปวดตับ ไมเกรนแดก แหกขี้ตา ไหปลาร้าปูด แต่ช่างมันเหอะครับผมก็ผ่านมันมาได้ เพราะเพื่อนคนนึงของผม...
"ไอ้เรรรรรรรรรรรรรรรรรรร" เสียงทุ้มคุ้นเคยที่ลากยาวของ 'มัน'
'หมับ' มันกอดผมเข้าให้ทำอย่างกับหนังโบรคแบ็ค เม้าเท่น ที่แจ๊คกับเอนนิสได้เจอกันอีกครั้ง แต่ตอนนี้เราอยู่กันใต้ตึกคณะไม่ใช่หุบเขาโบรคแบ็ค และที่สำคัญไม่ได้อยู่กันแค่ 2 คนนะโว้ย สายตาผู้คนรายรอบสักร่วมร้อยเห็นจะได้แอบมองกัน แล้วซุบซิบเบา ๆ ให้ผมได้ยิน...
"ต๊าย หล่อนดูคู่เกย์นั่นสิย๊ะกอดกันไม่กลัวกะเทยเสียดาย แต่หน้าดีทั้งคู่เลยเนอะ" ไม่ใช้เว้ยยยยยยยยยคุณกะเทย ผมอยากตะโกนออกไปจริง ๆ แต่ขอบคุณที่ชมว่าผมหล่อ
"เฮ้ย!! พอเลยเมิงใจคอจะกอดให้กระดูกซี่โครงกรูทิ่มออกมาเลยใช่มั๊ย"
"ปากยังหมาเหมือนเดิมเลยนะเมิง" มันพูดยิ้ม ๆ อย่างไม่รู้สึกอะไร
"เมิงจะทำให้กรูกลายเป็นพวกรักร่วมเพศตั้งแต่เปิดเทอมเลยนะ เดี๋ยวเรทติ้งกรูตกหมด"
"เคยสนใจด้วยเหรอว๊ะ กรูนึกว่าเมิงจะก่อคานคอนกรีตเสริมเหล็กกลับไปฝากญาติผู้ใหญ่ที่บ้านซะอีก ฮ่า ๆ" มันยังคงหัวเราะชอบใจอย่างไม่รู้สำนึกอะไรสักนิด "เออ ๆ ถ้าเมิงกลัวหาแฟนไม่ได้ เลือกเด็กในสังกัดกรูไปสักคน หรือให้กรูหาให้ใหม่ก็ได้"
"ปากดีนะเมิง กรูหาของกรูได้ไม่ต้องพึ่งเมิงหรอก สาด"
"กรูไม่ได้ปากดี กรูพูดจริง ทำจริง คนจริงโว้ย"
"คร้าบ พ่อคนจริง ไปจริงไกล ๆ กรูหน่อยเห๊อะ" ผมว่าตัดรำคาญ
"เฮ้ย!! ไอ้กิง ไอ้เร กลับมากันเมื่อไหร่ว๊ะ" ไอป๋องเพื่อนอีกคนของผมมานู่นแล้วครับ
"มาเมื่อเมิงเห็นนี่แหล่ะว่ะ จะถามหาพระแสงด้ามยาวเรอะ"
"กวนตรีนคงเส้นคงวานะเมิง"
"ใจว่ะป๋อง กรูจะถือว่าเป็นคำชม" ผมพยักหน้ารับ
"ไอ้กิง เมิงเห็นน้องเฟรชชี่ปีนี้รึยังว๊ะ งาม ๆ ใส ๆ กันทั้งน้าน กรูล่ะเบื่อหญิงเหล็กในคณะเต็มทน แมร่งมาปีแรกก็ดีอยู่หรอก สักพักไปกันหมดความเป็นกุลสตรี จนตอนนี้กรูแยกไม่ออกแล้วว่าไหนหญิงรึพวกแมร่งปลอมตัวเป็นหญิงมาเรียน แรงถึกแรงควายปากหมากันทั้งน้าน" มันบ่นยาวพร้อมน้ำเสียงแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
"วอนตรีนแล้วเมิง อย่าให้หญิงเทียมวัวเทียมควายในคณะได้ยินนะเว้ย ศพไม่สวยแน่"
"เออ ไอกิงปีนี้มึงจะเป็น กิงคนคว้าดาวอีกป่ะว๊ะ"
"คว้าดง คว้าดาวไรกันไอ้ป๋อง ดาวมันมาคว้าถึงมือเองนะโว้ย กรูไม่ได้ว้อนท์ขนาด"
"เออ ไม่ว้อนท์เลยนะเมิงอ่ะ" ผมพูดออกมาหลังจากเงียบไปนาน "รูปหล่อ พ่อรวย เมียสวย มีรถ คุณสมบัติแมร่งครบยิ่งกว่ายาผีบอก เมิงไม่ว้อนท์แต่เมิงไปอ่อยดาวมหาลัยทุกปีเนี่ยะอ่ะนะ"
นี่แหล่ะครับที่มาของ 'กิงคนคว้าดาว' ถ้ากับผู้ชายมันคือเพื่อนที่โคตรจะดี แต่ถ้ากับผู้หญิงมันคือมหันตภัยร้ายแรง ไม่เคยรักใครจริงไม่เคยรักใครนาน ดาวมหาลัยเปลี่ยนทุกปี มันก็เปลี่ยนกับเขาด้วย แต่ก็จริงของมัน มันไม่เคยจะจีบใครก่อน สาว ๆ มากันเองทั้งนั้น แต่ทุกคนก็ต้องเสียใจกลับไป เพราะ 'มัน'
'มัน' เป็นคนแบบไหนเหรอครับ ผมจะอธิบายคร่าว ๆ ให้พอเข้าใจนะครับ 'เด็กเมือง หล่อ รวย และสุดโต่ง' ผมเคยคิดว่าคิดว่าโลกคือความเท่าเทียมกัน จนได้สำเหนียกว่าคิดผิดเมื่อได้พบมัน มันเป็นเด็กกรุงเทพฯผิวพรรณดี หน้าตาคมเข้ม สูงยาวรูปร่างได้สัดส่วน รูปหน้ารับกับทรงผมซอยสั้นเปิดหน้าผากเสริมโหงวเฮ้ง เน้นดวงตาเรียวโตที่ตกนิด ๆ ปากหยักได้รูป จมูกโด่งสวย ไว้เครานิดหน่อยตามสมัยนิยม โอ้ย! ตายกันไปเลยครับ ผมที่สูง 170 กว่า ๆ กลายเป็นไอ้แคระทันทีเมื่ออยู่กับมัน
หุหุหุ คงคิดว่าอย่างนี้ใช่มั้ยครับที่ทำให้ผมชอบมัน เปล่าเลยตัวมันต่างหากตัวมันทั้งหมดที่ทำให้ผมชอบมัน เพียงแต่มันไม่เคยรู้เลย และจะไม่มีทางรู้เด็ดขาด เพราะเมื่อนั้นผมกับมันคงต้องจบลง
แต่...อ๊ะ!! เหลืออีกอย่าง 'สุดโต่ง' แล้วผมจะค่อย ๆ อธิบายไปนะครับว่าเป็นเยี่ยงไร
"เฮ้ย!! เหม่อหาหอยเหรอว๊ะ" 'ป้าบ' มันตบผมเข้าให้ที่กลางหลัง
"โอ้ย! ไอ้สันดรทักกรูอย่างเดียวก็ได้ ไม่ต้องใช้ขาหน้ามาสะกิดกรู เวรเอ้ย" ผมลูบหลังตัวเองป้อย ๆ
"กรรมของเวร แค่เรียกเมิง ก็เปลี่ยนเผ่าพันธุ์ให้กรูซะงั้น เข้าเรียนได้แล้วเว้ย ได้เวลาแล้ว" ว่าแล้วมันก็ฉุดผมแล้วลาก ๆ จูง ๆ ขึ้นตึกเรียนให้เป็นขี้ปากคุณกะเทยอีกจนได้...
"ต๊าย หล่อนดูคู่เกย์นั่นสิย๊ะ สงสัยจะอดรนทนไม่ไหวลากกันไปไหนแล้วก็ไม่รู้ หุหุหุ.." น้ำเสียงฟังดูจิตตกพิกล แล้วผมก็ไปเรียนคร้าบไม่ได้ทำอย่างอื่น แล้วผมก็ไม่ใช่เกย์คร้าบ(?) ถึงผมจะชอบเพื่อนคนนี้ก็เหอะ...
---------------------------------------------------------
ติชมได้ตามสะดวกค่ะ ^^
TBC.
ความคิดเห็น