คุณเชื่อเรื่องรักแรกพบไหม
เสียงกระดิ่งที่ดังในใจ นำสู๋ทางนำในการพบเธฮ
ผู้เข้าชมรวม
71
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
มีคนเคยบอกว่า เมื่อเราอยู่ต่างประเทศจะมีโอกาสตกหลุมรักเพิ่มขึ้น70%
ใครว่ามาเที่ยวต่างประเทศคนเดียวแล้วจะสบายใจ เหงากว่าเดิมสิท่า ช่วงวันหยุดของเดือนสิงหากลับต้องมาตรงกับฤดูฝนในเกาหลีเป็นช่วงที่เดินทางค่อนข้างลำบาก ในเมืองแม้ไม่ค่อยมีคนพุ่งพล่านเท่าไหร่ยิ่งตอกย้ำความเดียวดายภายในใจมากขึ้นเท่านั้น ตั้งแต่ 3 ปีก่อนที่คนใจร้ายได้ทิ้งกันไป ชีวิตก็กลับกลายต้องมาจมดิ่งอยู่จนถึงทุกวันนี้ ไหนล่ะคำสัญญาที่ว่าจะไม่ทิ้งกันไป หึ น่าตลกสิ้นดี
วันที่ 2 แล้วน่ะ กับการนอนอืดอยู่แบบนี้ ไหนว่าจะมาเที่ยวไง 'ซัมเมอร์' ในห้องพักที่เงียบสงบ ตอนนี้มีเพียงแค่เสียงฮีตเตอร์เท่านั้นที่กำลังทำงาน บรรยากาศภายนอกที่มืดครื้มและมีฝนซาตลอดทั้งวันทำให้ลำบากต่อการเดินทางนัก
"เห้อ! หมดแล้วหรอเนี่ยะ" ซัมเมอร์นั่งบ่นกับตัวเองเนื่องจากตู้เย็นภายในห้องพักกลับว่างเปล่าไม่มีแม้แต่เครื่องดื่ม สงสัยคงต้องได้ออกไปซื้อที่ซูเปอร์มาร์เก็ตข้างนอกแล้วแหละ
เสียงฝีเท้าก้าวเดินบนฟุตบาทกระทบกัน ในเวลาค่ำๆแบบนี้เริ่มมีคนมากมายเดินซื้อของในย่านอินชอน ว่าจะแวะแค่ร้านสะดวกซื้อแปบเดียว แต่ไหนๆก็มาแล้วขอแวะเดินดูของกินแถวนี้ด้วยแล้วกัน บรรยากาศแสงสีในตอนกลางคืนแบบนี้ก็ชวนตกหลุมรักอยู่เหมือนกันน่ะ
ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหนแล้วกับการเดินซื้อของกินไป จะว่าไปก็สบายใจดีเหมือนกัน ช่วงเวลาที่ไม่ต้องเร่งรีบ มีแค่ตัวเราเท่านั้นจะทำอะไรก็ไม่มีใครห้าม ได้พบเจอผู้คนใหม่ๆ คนที่นี่ค่อนข้างอัธยาศัยดีเลยน่ะ ทำไมเพิ่งเห็นเนี่ย หรือเป็นเพราะก่อนหน้านี้เรามัวแต่โฟกัสตัวเราเองจนเกินไป เลยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลยว่าสวยงามขนาดไหน ฮึ! นั่น สวยจัง ขณะที่ฉันกำลังตะลึงอยู่กับภาพวาดที่แสนสะดุดตาภายในร้านแห่งนั้น
แชะ! ฉันตกใจกับเสียงชัตเตอร์จึงได้หลุดโฟกัสหันไปยังต้นเสียง
"เอ่อ ขอโทษน่ะครับพอดีผม จะถ่ายทางเดินนี้พอดี"
กริ๊ง กริ๊ง
การได้เจอกันครั้งแรกของฉันกับเขา มันเหมือนเวลาได้หยุดลงไปแล้วชั่วขณะ ในตอนนี้ฉันรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของก้อนเนื้อเล็กๆภายในร่างกายที่กำลังเต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมา
"ค คะ?"
ชายผิวขาว ตาชั้นเดียว เรียวจมูกที่โด่งชัดกับการแต่งตัวสไตล์ยุคไมล์เคิล กับรอยยิ้มแสนเสน่ห์ของเขา ได้เดินมาคุยกับฉัน
"ขอโทษน่ะครับ ผมถ่ายติดคุณไว้"
"ไม่เป็นไรค่ะ พอดีฉัน เหม่อไปหน่อย" พูดจบฉันก็หันไปมองภาพวาดนั้นอีกครั้ง และเขาก็ได้มองตามฉันไปด้วย
"ชอบภาพวาดนั้นหรอครับ"
"เอ่อ ใช่ค่ะ" ฉันได้ตอบกลับชายแปลกหน้าไป
"แล้วคุณ ชอบถ่ายรูปหรอคะ ฉันเห็นกล้องในมือคุณ"
"ครับ" ชายแปลกหน้ายิ้มกริ่มตอบรับฉันจนตาติดกันเป็นสระอิอยู่แล้ว เราได้คุยกันสักพัก
"ทำไมถึงชอบภาพวาดล่ะ" เขาได้ถามฉันขึ้นอีกครั้ง
"ไม่รู้สิ ฉันรู้สึกว่าภาพวาดมันสามารถแต่งแต้มสิ่งที่เราอยากให้มีลงบนผืนผ้าใบได้ตามที่เราต้องการแม้ว่าสิ่งนั่นจะไม่มีจริงก็ตาม แต่มันก็สามารถทำตามใจเราได้ แล้วคุณล่ะ ทำไมถึงชอบถ่ายรูป"
"อาจเป็นเพราะรูปถ่ายมันไม่สามารถแต่งแต้มหรือเติมอะไรลงไปในนั้นได้มั้งครับ ชอบที่มันจะยังคงเดิม แม้ที่ที่เราถ่ายนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาไปแล้วก็ตาม"
"โห สุดยอดอ่ะ" ฉันชื่นชมในทัศนคติของเขา แล้วเราก็ได้เดินไปคุยไปกันสักพัก จนเวลาเลยมา เกือบเที่ยงคืนของวันแล้ว เราทั้งคู่จึงได้แยกย้ายกันกลับที่พัก
สายๆของอีกวัน วันนี้เป็นวันที่มีแดดออกอ่อนๆ ฉันว่าจะไปอ่านหนังสือที่คาร์เฟ่
กลิ่นกาแฟคั่วบดหอมๆ พร้อมกับเสียงเครื่องชงกาแฟภายในร้านเหมาะสำหรับการอ่านหนังสือ เพื่อผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ฉันได้หยิบหนังสือที่อ่านค้างไว้ขึ้นมาอ่าน ผ่านไปนานแค่ไหนจนตอนนี้ภายในร้านกาแฟได้มีนักศึกษาเข้ามา พักกลางวันกันบางส่วน
"ขอนั่งด้วยคนน่ะครับ" เสียงปริศนาดังขึ้น
"คุณนั่นเอง"
"เจอกันอีกแล้วน่ะครับ" ชายหนุ่มส่งยิ้มให้ก่อนที่จะมานั่งข้างๆฉัน
"เมื่อวานลืมถามชื่อคุณเลย ฉันซัมเมอร์น่ะ"
"เจคครับ ชอบคอลลีน ฮูเวอร์ หรอครับ" เขาเหลือบมามองหนังสือในมือฉันก่อนเอ่ยถาม
"ใช่ค่ะ"
"เหมือนกันเลยน่ะครับ ผมชอบ Ugly love"
"เล่มนั้นอ่านแล้วเหมือนกันค่ะ เล่มนี้เป็นเล่มใหม่ It ends with us รู้สึกว่าคล้ายๆกับชีวิตตัวเองดีค่ะ"
"อดีตไม่น่าจำเท่าไหร่หรอครับ"
"ประมาณนั้นมั้งคะ"
"The past can hurt. But you can either run from it or learn from it สู้ๆครับ"
"ขอบคุณมากนะคะ"
"งั้นเอางี้ดีกว่า เดี๋ยวผมนำคุณเที่ยวเองเผื่อจะหายเฮิร์ทไงครับ"
"พูดจริงนะคะ"
"จริงสิครับ"
พูดจบก็ได้เดินไปเที่ยวตามเมือง แวะถ่ายรูป กินของอร่อยๆกับบรรยากาศที่ดี แม้อากาศจะหนาวไปหน่อยก็ตาม
'อยากหยุดช่วงเวลานี้ไว้จัง'
ช่วงเวลาที่มีความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ อาจเป็นเพราะเราไม่ได้มัวแต่โฟกัสอยู่กับเวลา ไม่ได้สนใจว่าจะต้องให้เวลาผ่านไปเร็วๆเพื่อให้ความทุกข์ที่มีในใจหายไปเร็วที่สุด ต่างจากความสุขที่อยากให้อยุดอยู่ตรงนี้นานๆ แม้ความเป็นจริง เหรียญยังมีสองด้าน แม้วันหนึ่งมีทุกข์แต่ใช่ว่าความสุขจะไม่มีเลย
เที่ยวสักพักก็ใกล้จะหมดวันแล้ว น่าแปลกใจที่ชายแปลกหน้าคนนี้ เราสามารถพูดกับเค้าได้หลายๆเรื่อง อาจเป็นเพราะว่าอีกไม่นานเราคงไม่ได้เจอกันอีก
"เจค!"
"หือ"
"พรุ่งนี้เราจะกลับไทยแล้วน่ะ"
"เร็วจัง" เขาพูดแค่นั้นก็จะหันมายิ้มกว้างๆใส่ฉัน เราทั้งคู่เงียบไปสักพัก ความรู้สึกเหมือนหน่วงๆภายในใจ
"ซัมเมอร์"
"หือ"
"เราจะได้เจอกันอีกไหม"
"แน่นอนสิ ถ้าเรามาเกาหลีอีกเดี๋ยวเราทักนายเป็นคนแรกเลย"
"เราไม่ได้หมายถึงแบบนั้น"
"แล้ว?"
"เรามาคบกันไหม"
"รู้ไหม เราสบายใจกับการที่เราได้อยู่กันแบบนี้มากกว่าน่ะ บางทีการที่เธอรู้จักเรามากกว่านี้หรือการที่เราได้รู้เรื่องของเธอมากกว่านี้ มันอาจจะส่งผลเสียต่อเราทั้งคู่ก็ได้น่ะ การที่เธอได้รู้ข้อเสียของเรามากขึ้นเรากลัวว่ามันอาจทำให้ใครคนใดคนหนึ่งรับไม่ได้แล้วสุดท้ายก็ต้องแยกทางกันไปในสักวัน สู้การที่เราเป็นเพื่อน เป็นที่พักพิงให้ได้เล่าความไม่สบายใจ หรือความสุขในแต่ละวันต่อกันไม่ดีกว่าหรอ"้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้
สิ้นคำพูดฉัน เราต่างมองหน้ากันสักพัก
"เข้าใจแล้วล่ะ"
"โชคดีน่ะ"
"อืม"
สิ้นคำพูดของฉันเราก็แยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง ฉันก็ได้เดินทางกลับประเทศไทยตามเดิม และใช้เวลากับตัวเองให้มากขึ้นโดยไม่ต้องยึดติดกับอดีตอีกแล้ว แต่เชื่อไหม สุดท้ายเค้าคนนั้นก็ไม่เคยหายไปจากหัวใจของฉัน เขาจะเป็นเพื่อนและความทรงจำที่ดีของฉันไปตลอดหลังจากนี้
................................The end................................
Talk with me
ในที่สุดก็จบแล้ว เย้เย้ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
ไรท์เพิ่งเริ่มเขียน ชอบไม่ชอบติชมกันได้นะค๊า
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ นทีเพทาย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ นทีเพทาย
ความคิดเห็น