คงจะดีถ้าโรงเรียนนี้สงบสุข - คงจะดีถ้าโรงเรียนนี้สงบสุข นิยาย คงจะดีถ้าโรงเรียนนี้สงบสุข : Dek-D.com - Writer

    คงจะดีถ้าโรงเรียนนี้สงบสุข

    ผมก็แค่อยากจะลองโดดเรียนดูสักครั้ง แต่ใครจะไปคิดว่าการโดดเรียนครั้งนี้มันจะพาผมไปเจอใครบางคนเข้า

    ผู้เข้าชมรวม

    99

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    8

    ผู้เข้าชมรวม


    99

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักสีเทา
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  1 ก.พ. 66 / 10:36 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    คุณเคยโดดเรียนกันบ้างมั้ยครับ?

    ถ้าเป็นนักเรียน ก็ต้องเคยโดดเรียนสักครั้งหรือสองครั้งสินะ

    “เห้อ...ที่นี่สบายดีจัง” 

    ผมนอนบิดขี้เกียจอยู่บนดาดฟ้าโรงเรียน

    และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมลองโดดเรียนกับเขาดูบ้าง

    ท้องฟ้าสดใสสีคราม สมกับเป็นช่วงฤดูร้อนจริงๆ

    หมู่นกน้อยใหญ่ส่งเสียงร้องจิ๊บๆไปทั่ว

     

    และการที่ผมโดดเรียนมานอนอยู่บนดาดฟ้ามันก็มีเหตุผลอยู่

    นั่นก็เพราะ....

    ผมอยากมีอิสระ

     

    ไม่รู้ทำไมคนอื่นๆถึงชอบเข้าหาผม ทั้งเพื่อนรุ่นเดียวกัน รุ่นพี่รุ่นน้อง หรือกระทั่งอาจารย์ 
                       อาจจะเป็นเพราะว่าเวลามีใครขอให้ช่วยอะไรผมไม่เคยปฏิเสธเลยละมั้ง

    ไม่ใช่เพราะผมมีน้ำใจอะไรหรอก

    แต่ผมเป็นพวกชอบใจอ่อน จนสุดท้ายก็เลยกลายเป็นคนที่ปฏิเสธใครไม่เป็นสะงั้น

    ส่วนพวกอาจารย์พอเห็นเราเป็นคนใช้งานง่ายหน่อย ก็ใช้งานไม่หยุดไม่หย่อน

    ให้ถือของบ้างล่ะ ใช้ไปซื้อข้าวบ้างล่ะ ให้ช่วยทำเอกสารบ้างล่ะ

    และที่น่าหงุดหงิดที่สุดคงจะเรื่องที่อาจารย์แอบส่งชื่อลงสมัครประธานนักเรียนอะไรนั่นนี่แหละ 

    "ไม่ได้อยากเป็นสักหน่อย"

    ได้ยินว่าไม่มีคนอื่นลงสมัครด้วย แบบนี้ยังไงก็คงหนีไม่พ้นต้องเป็นประธานนักเรียนสินะ

    ให้ตายสิน่าเบื่อชะมัด แค่เป็นหัวหน้าห้องตอนนี้ก็ลำบากจะตายอยู่แล้ว

    ผมก็แค่อยากมีชีวิตสงบๆบ้างเท่านั้นเอง ถ้าผมเป็นคนที่ปฏิเสธคนอื่นได้ง่ายๆก็ดีสิ

    ในขณะที่ผมกำลังนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น อยู่ๆก็มีเสียงดังตรงลูกบิดประตู

    แกร๊ก!!

    ประตูดาดฟ้าค่อยๆแง้มเปิดออกมาโดยที่ผมเองก็นอนอยู่ข้างๆประตู

    “แย่แล้วอาจารย์งั้นเหรอ!!!” 

    จะหาที่ซ่อนก็ไม่มีที่ให้แอบ ผมไม่รู้แล้วว่าจะต้องทำยังไงกับเหตุการณ์แบบนี้

    แต่ทันใดนั้นผมก็คิดขึ้นได้ว่า หรือบางทีให้พวกอาจารย์เห็นไปเลยว่าเราโดดเรียนก็อาจจะดีเหมือนกัน

    เรื่องประธานนักเรียนอะไรนั้นอาจจะถูกยกเลิกก็ได้

    ไม่ได้สิ ไม่ดีแน่ ขืนโดนจับได้มีหวังโดนอาจารย์โทรไปฟ้องผู้ปกครองแน่เลย

    “แย่แล้วทำยังไงดี!!!” 

    ผมเอาหลังชิดกำแพงพร้อมกับอาการเกร็งไปทั้งตัว

    ทันใดนั้นประตูก็ได้เปิดออกจนสุดและก็มีคนเดินออกมา 

    เตาะ...แตะ...เตาะ...แตะ....

    เสียงฝีเท้าค่อยๆเดินก้าวเข้ามาอย่างช้าๆ

    ดูเหมือนว่าโชคจะยังเข้าข้างผมอยู่บ้าง

    ประตูที่เปิดมานั้นได้บังตัวผมไว้ได้อย่างมิดชิดพอดี ทำให้คนที่เดินเข้ามาไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าผมได้แอบหลังประตูนี่

    และดูเหมือนว่าจะไม่ได้ปิดประตูด้วย

    ผมคิดในใจว่ารอให้อาจารย์เดินออกมาอีกซักหน่อย แล้วค่อยหาจังหวะแอบเดินหนีเข้าประตูไปเลย

    นี่น่าจะเป็นทางรอดที่ดีที่สุดตอนนี้ อันที่จริงผมไม่มีทางเลือกอื่นแล้วตะหาก

     

    เตาะ.. แตะ.. เตาะ.. แตะ.......

    เมื่อเสียงเดินค่อยๆห่างออกไปจากประตู

    ผมจึงแอบชะโงกหน้าออกมาดูเล็กน้อยว่าเป็นอาจารย์คนไหนที่ทำให้ผมตกใจจนเกือบหัวใจวายแบบนี้

    แต่เมื่อผมมองดูดีๆก็พบว่าคนที่เดินอยู่นั้นไม่ใช่อาจารย์ เป็นเพียงแค่นักเรียนหญิงคนหนึ่งเท่านั้น

    เธอเดินไปสุดทางและยืนชิดกับขอบรั้วกั้น พร้อมกับแหงนหน้ามองไปบนท้องฟ้าโดยที่หันหลังให้กับผม

    "ฮือ...ฮือออ...."

    เสียงสะอื้นลอยมาตามสายลมจนเข้ามาในหูของผม

    ดูเหมือนว่าเธอจะกำลังยืนร้องไห้อยู่

    บางครั้งคนเราก็เจอกับเรื่องหนักใจจนทำให้กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เธอเลยต้องมาแอบร้องไห้ที่นี่แบบนี้สินะ

    ผมเองก็ร้องไห้อยู่บ้างบางครั้งเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้บ่อยอะไรนัก

    ผมคิดว่าการมาแอบดูเด็กสาวร้องไห้อยู่แบบนี้นั้น ช่างเป็นภาพที่่ดูไม่ดีเอาเสียเลย 

    แต่ว่าอย่าเข้าใจผิดละ ผมไม่ได้แอบดูสักหน่อยก็แค่บังเอิญไปเห็นเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ

    ยังไงก็เถอะ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นโอกาสดีที่ผมจะหนีเข้าประตูที่เปิดทิ้งไว้ได้อย่างเนียนๆ

    ในขณะที่ผมยืนคิดอะไรอยู่คนเดียวนั้นเอง.....

    !!!! ปัง !!!!!

    ประตูเหล็กได้ถูกลมพัดจนปิดอย่างรุนแรง 

    ผมได้แต่คิดในใจว่านี่คงเป็นบทลงโทษจากพระเจ้า ที่ลงโทษเด็กไม่ดีที่คิดจะโดดเรียนหรือเปล่านะ?

     

    "เอ๊ะ!!!"

    ผู้หญิงคนนั้นหันหน้ามาอย่างรวดเร็วเพราะกับตกใจเสียงประตูที่ถูกลมพัดปิดจนเกิดเสียงดังสนั่น

    แต่ตอนนี้ดูเหมือนเธอจะไม่ได้สนใจเสียงเมื่อกี้แล้ว

    เพราะตอนนี้เธอเอาแต่จ้องหน้าผมตาเขม็งจนผมต้องรีบหาทางแก้ตัวอะไรสักอย่าง

    “อะ!! เอ่อ คือว่า...นี่น่ะ....แฮะๆ.."

    ผมยิ้มแห้งพร้อมกับพยายามหาเหตุผลให้กับเหตุการณ์ตอนนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี 

    อารมณ์เดียวกันกับตอนแอบขโมยเงินแม่แล้วถูกจับได้แล้วไม่มีข้ออ้างที่ฟังขึ้น

    เธอมองผมตาไม่กระพริบด้วยท่าทางตกใจ แต่ไม่นานเธอก็ยิ้มออกมาอย่างสดใส

    รอยน้ำตาของเธอนั้นได้หายไปเหมือนกับว่าเธอไม่เคยร้องไห้อยู่ 

    เมื่อลองมองเธอดูดีๆแล้ว ตัวของเธอตอนนี้นั้นเปียกปอนไปด้วยน้ำ

    เสื้อผ้าและกระโปรงมีลอยยับและเปื้อนอยู่มาก หน้าตาก็มีรอยช้ำอยู่นิดหน่อย 

    ผมคิดในใจว่าเธออาจจะไปเดินตกบ่อน้ำที่ไหนเข้าหรือไม่ก็ถูกใครรังแกมา 

    ซึ่งผมค่อนข้างมั่นใจว่าเธอไม่ได้เดินตกบ่อน้ำมาหรอก

     

    ผมจำเธอได้ เธอชื่อว่าฟ้าใสนักเรียนชั้นเดียวกับผม

    ถึงเราจะอยู่กันคนละห้องแต่ก็อยู่ห้องเรียนติดกัน

    ที่ผมจำเธอได้เพราะเธอค่อนข้างเป็นคนเงียบๆ เงียบซะจนจืดจาง

    ด้วยความจืดจางนี้นี่แหละที่ทำให้เธอสะดุดตาผมเข้า

    และเพราะบุคลิกเธอเป็นแบบนี้ ผมจึงได้ยินมาว่าเธอถูกเพื่อนแกล้งอยู่บ่อยๆ

    แต่ผมก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีการกลั่นแกล้งที่รุนแรงขนาดนี้

    พวกผู้หญิงนี่น่ากลัวจริงๆ เลยแหะ.....

     

    ดูเหมือนเธอเองก็เริ่มรู้สึกตัวแล้วเหมือนกัน ว่าผมได้เห็นเธออยู่ในสภาพที่เละสุดๆ

    “พอดี เมื่อกี้สะดุดล้มนิดหน่อยน่ะ ฮ่าๆ” 

    เธอพูดมาแบบนั้นทั้งๆที่ผมยังไม่ได้ถามอะไรเลย

    ต่อให้เป็นเด็กอนุบาลก็ดูออกว่าหล่อนโกหกชัดๆ

    ใครจะไปเชื่อล่ะ

    ด้วยความที่นิสัยของผมเป็นคนอยากรู้อยากเห็น หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นคนชอบเผือกเรื่องชาวบ้าน 

    แต่อีกใจนึงก็คิดว่าคงเป็นเรื่องไม่เหมาะสมแน่ถ้าผมจะถามอะไรออกไปตรงๆ

    ผมจึงพูดออกไปว่า

    “สะดุดล้มสินะ... แต่ที่หน้ามีรอยมืออยู่แน่ะ” 

    ผมรู้สึกเสียใจนิดๆที่ผ่ายแพ้ให้กับความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง บวกกับการที่ผมเป็นคนชอบแซะและขี้แกล้ง

    คำพูดของผมจึงออกไปทางแนวประชดประชัน แต่ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไร 

    อาจดูเหมือนผมเลวนิดๆ ก็ได้ แต่ผมก็ต้องบอกตามตรงว่าผมเองก็แอบนึกสนุกอยู่หน่อยๆ

    คงเป็นเพราะเดิมทีแล้วผมไม่ชอบคนโกหกด้วยนั่นแหละ ถ้าเจอคนโกหกก็จะชอบต้อนให้จนมุม

    แต่หลักฐานเด่นชัดขนาดนี้ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะปฏิเสธยังไง เลยอดไม่ได้ที่จะพูดแบบนั้น

     

    "อ๊ะ!!"

    ฟ้าใสส่งเสียงตกใจเล็กน้อยพร้อมกับเอามือจับที่แก้มของตัวเอง เธอไม่พูดอะไรและรีบหันหลังให้ผม

    ช่างเป็นภาพที่ดูแล้วน่าหดหู่เหลือเกิน

    ตอนนี้ผมสามารถเปิดประตูแล้วเดินหนีออกไปเลยก็ได้ แต่ผมเลือกที่จะไม่ทำแบบนั้น

    ไม่ใช่เพราะผมเป็นคนดีที่ทิ้งสาวน้อยที่กำลังเศร้าไว้คนเดียวไม่ได้หรอกนะ

    แต่เพราะความอยากรู้อยากเห็นมากกว่า ว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไงทำไมเธอถึงอยู่ในสภาพนี้

    ถ้าจะให้หนีไป มันก็ค้างคาแย่น่ะสิ

     

    “ชั้นว่า... เธอไปฟ้องครูดีกว่ามั้ง?” 

    ผมพูดพร้อมกับเดินมายืนข้างๆฟ้าใส

    ส่วนฟ้าใสก็เอาแต่ก้มหน้า แล้วตอบกลับมาเบาๆว่า....

    “ชั้นทำแบบนั้นไม่ได้หรอก” 

    นั่นสินะ คงเหมือนในการ์ตูนหรือในนิยายที่ถูกตัวร้ายรังแกแล้วเอาเรื่องบางอย่างมาปิดปาก

    หรือไม่ก็พวกตัวร้ายมีอิทธิพลอะไรสักอย่าง มีอิทธิพลมากจนพวกอาจารย์ไม่กล้าเข้ามายุ่งรึเปล่านะ?

    ฟ้าใสก็คงมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่ทำให้ไม่ไปฟ้องครูนั่นแหละ

    “งั้นเธอก็ไปฟ้องที่บ้านสิ เดี๋ยวพวกเขาคงหาทางทำอะไรสักอย่างเองแหละ” 

    “พวกเขาไม่สนใจหรอก” 

    “แล้วเธอจะทำยังไงล่ะ?” 

    “ชั้นไม่รู้” 

    “แล้วใครทำเธอเหรอ?” 

    “........” 

    ช่างเป็นบทสนทนาถามคำตอบคำที่หน้าอึดอัดสุดๆ 

    อึดอัดสะจนผมอยากจะวิ่งหนีไปให้ไวเดี๋ยวนี้เลย

    ผมเองก็ถามตรงเกินไปจนดูเหมือนเป็นคนไร้มารยาทเหมือนกัน

    ขณะเดียวกันผมก็ได้ยินเธอตอบกลับมาเบาๆว่า...

    “พวกสภานักเรียนน่ะ” 

    “เอ๊ะ! พวกสภานักเรียนน่ะเหรอ?” 

                      "......"

    ไม่รู้ว่าฟ้าใสนึกอะไรอยู่ถึงได้บอกผมว่าใครเป็นคนทำร้ายเธอ แต่ผมก็ตกใจเหมือนกันที่ได้ยินคำว่าสภานักเรียน

    พูดถึงสภานักเรียนรุ่นปัจจุบันแล้ว ผมได้ยินมาจากพวกอาจารย์ว่าเป็นกลุ่มนักเรียนที่ยอดเยี่ยมและน่านับถือมาก

    มันยากที่จะเชื่อจริงๆว่าสภานักเรียนจะทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้ 

     

    มีเรื่องน่าสนใจผุดขึ้นมาเรื่อยๆเลยแหะ 

    แต่ถ้าปีนี้ผมได้เป็นประธานนักเรียนคนต่อไป 

    ก็คงหนีไม่พ้นต้องไปเกี่ยวข้องกับสภานักเรียนรุ่นก่อนแน่นอน

    ผมจะโดนทำแบบฟ้าใสไหมนะ?

    แต่คงไม่หรอกมั้ง

    - กิ๊งก่อง กั๊งก่อง -

    สัญญานเตือนดังขึ้นบ่งบอกว่าเป็นเวลาเลิกเรียน 

    เด็กนักเรียนจำนวนมากเดินออกมาจากตึกเรียนเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน

    “เลิกเรียนแล้วนะ เธอไม่กลับบ้านเหรอ?” 

    “ชั้น...ไม่กลับ..หรอก” 

    ฟ้าใสตอบผมด้วยเสียงสั่นๆโดยที่เธอยังก้มหน้าอยู่

    ผมเองก็มีเรียนพิเศษต่อเหมือนกัน แถมยังมีร้านบะหมี่ที่อยากไปกินอยู่ด้วย

    ร้านนี้เป็นร้านดังขืนไปช้ามีหวังไม่มีโต๊ะว่างแน่

    รีบกลับดีกว่า 

    “งั้นชั้นกลับก่อนนะ” 

    ผมบอกลาเธอ แต่เธอไม่ตอบอะไรผมกลับมาเหมือนผมคุยกับอากาศ

    ผมเดินห่างออกมาจากฟ้าใสจนเดินมาถึงประตูที่ปิดสนิทจากแรงลมเมื่อกี้

    ใจจริงแล้ว ผมก็อยากจะชวนเธอกลับด้วยเหมือนกัน ถึงต่อให้ชวนเธอ เธอก็คงเอาแต่เงียบอยู่ดี

    ผมเลยคิดว่าเธอคงไม่อยากให้ใครในโรงเรียนเห็นเธอในสภาพแบบนี้

    สงสัยจะรอให้คนอื่นกลับให้หมดก่อนละมั้ง

    ช่างเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารจริงๆเลยนะ....

     

    ผมเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูเพื่อจะกลับ

    “นี่นาย....” 

    ฟ้าใสส่งเรียกผมเบาๆ

    “ดูเหมือนว่านายจะได้เป็นประธานนักเรียนคนต่อไปสินะ ฝากนายช่วยทำให้โรงเรียนนี้เป็นสถานที่ที่มีความสุขด้วยนะ ^^” 

    ผมหันกลับไปมองฟ้าใสอีกครั้งก็พบว่าเธอกำลังยิ้มให้ผมอยู่ 

    น่าแปลกที่รอยยิ้มนั้นไม่ทำให้รู้สึกถึงความสุขเลยสักนิด

    จากคนที่เงียบๆอยู่ๆมาพูดอะไรยาวๆแบบนี้ทำเอาผมขนลุกอยู่เหมือนกัน

    ผมไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะเป็นประธานนักเรียนแบบไหน เดิมที่กะจะเป็นแบบขอไปทีแค่นั้นเอง

    ถ้าผมอยากจะทำให้ที่นี่มีแต่ความสุข ผมจะทำได้ไหมนะ?

    ฟ้าใสค่อยๆ หันหน้ากลับไป พร้อมกับถอนหายใจออกมา

    "เห้อ....เอาล่ะ..."

    ฟ้าใสพูดพลางพร้อมกับถอดรองเท้าตัวเอง

     

    ถ้าผมหันหลังกลับไปแล้วทิ้งเธอไว้คนเดียวที่นี่ ผมคงต้องรู้สึกผิดไปตลอดทั้งชาติแน่

    แล้วอีกอย่างถ้าทำแบบนั้นมันไม่สมกับเป็นชายชาตรีเลยสักนิด

    ช่วยไม่ได้แหะ.....

    “ถ้าอยากให้ที่นี่มีแต่ความสุข...เธอเองก็มาเป็นด้วยกันสิ สภานักเรียนอะไรนั่นน่ะ” 

    ผมตัดสินใจชวนเธอมาเข้าร่วมด้วยเพราะยังขาดสมาชิกอยู่

    จะปล่อยทิ้งไว้แบบนี้ก็น่าสงสาร 

    อีกอย่างถ้าเอาเธอมาเป็นสภานักเรียนด้วยก็คงจะได้รู้ว่าทำไมสภานักเรียนนรุ่นปัจจุบันถึงทำร้ายเธอ

    แต่ผมก็พอรู้อยู่แล้วว่าฟ้าใสจะตอบผมยังไง

    “ไม่เอาหรอก” 

    นั่นสินะอยู่ๆถูกชวนให้เป็นสภานักเรียน ทั้งๆที่ตัวเองเพิ่งถูกสภานักเรียนทำร้ายมาก็คงต้องปฏิเสธอยู่แล้ว

    ผมจึงพูดต่อเพื่อหวังให้เธอเปลี่ยนใจ

    “เธอไม่อยากเอาคืนบ้างเหรอ?” 

    “ชั้นเหนื่อยแล้ว...พอแล้วล่ะ...” 

    “แต่ชั้นโคตรอยากเอาคืนเลย” 

    “เอ๊ะ!” 

    “ถ้าชั้นได้เป็นประธานนักเรียน ชั้นจะจัดการพวกสภานักเรียนรุ่นเก่าให้หมดเลย” 

    ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงพูดแบบนั้นออกไป ผมก็แค่เห็นว่าในการ์ตูนตัวเอกมักจะทำเรื่องแบบนี้แล้วดูเท่

    ผมเลยคิดว่าถ้าพูดแบบนี้ไปบ้างคงจะดูเท่ไม่น้อย แต่ดูเหมือนผมจะคิดผิดไป

    “ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” 

    ฟ้าใสหัวเราะออกมา ทำให้บทพูดที่ผมคิดว่าโคตรเท่เมื่อกลายเป็นเหมือนแค่คำพูดเฉิ่มๆจนผมเริ่มรู้สึกอายขึ้นมา

    “เธอหัวเราะอะไรไม่ทราบ?” 

    “นายทำได้เหรอ?” 

    “ทำอะไรเล่า?” 

    “ที่บอกว่าจะจัดการพวกสภานักเรียนรุ่นเก่า” 

    “.......” 

    แย่ละสิ เมื่อกี้ผมพูดออกไปโดยไม่ทันคิด 

    พอลองนึกว่าจะต้องไปจัดการสภานักเรียนรุ่นเก่าจริงๆก็เริ่มรู้สึกปอดแหกขึ้นมาทันที

    “นายนี่เป็นคนตลกดีนะ ก็ได้ ชั้นจะรอดู” 

    “เอ่อ เดี๋ยว คือ เมื่อกี้....” 

    “พูดแล้วห้ามคืนคำจ้า ฮิฮิ” 

    เธอพูดจบพร้อมกับยิ้มให้ผม

    แต่รอบนี้รอยยิ้มของเธอดูแตกต่างไปจากเดิมนิดหน่อย

    มันเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความหวังและความสุขอย่างแท้จริง

    พอดูดีๆแล้วฟ้าใสก็เป็นคนที่หน้าตาน่ารักมากเลยทีเดียว

    ถ้าเธอเป็นคนร่างเริงกว่านี้ หัดเข้าสังคมและแต่งตัวบ้างเธอต้องกลายเป็นสาวป้อบแน่นอนเลย

    พอเห็นแบบนั้นผมก็ชักอยากจะจัดการสภานักเรียนรุ่นปัจจุบันแบบจริงจังสะแล้วสิ

    แต่คงไม่ใช่เป็นการใช้กำลังอะไรหรอก แต่ต้องเป็นวิธีที่เอาคืนได้เจ็บแสบยิ่งกว่านั้น

    ใช้วิธีที่ผมถนัด ต้อนให้จนมุมจนฝ่ายนั้นเลือกที่จะยอมแพ้เอง

     

    ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ผมคิดว่าการคุยกับฟ้าใสนั้นก็สนุกดีเหมือนกัน 

    จนตอนนี้ผมลืมเรื่องเรียนพิเศษและร้านบะหมี่ไปจนหมด

    ผมจึงชวนเธอคุยต่ออีกนิด

    “เมื่อกี้เธอถอดรองเท้าทำไมละนั่น?” 

    “อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก” 

    “งั้นเหรอ?” 

    “นายว่าท้องฟ้าวันนี้สวยไหม?” 

    “ก็ธรรมดานะ” 

    “แต่ชั้นว่ามันสวยมากเลยนะ สวยซะจนชั้นอยากลองโบยบินแบบนกดูเลยล่ะ” 

    "ไม่เห็นจะเข้าใจเลย..."

    "แต่ชั้นไม่อยากบินแล้วล่ะ ฮิฮิ..."

    “เธอบินไม่ได้สักหน่อย” 

    “ฮ่าๆๆๆ นายนี่ตลกจริงๆ ฮ่าๆๆ” 

    “อะไรของเธอ!!” 

    ผมตัดสินใจอยู่ต่อเป็นเพื่อนเธออีกหน่อยแล้วค่อยกลับบ้านพร้อมกัน

    ดูเหมือนว่าการเป็นประธานนักเรียนของผมจะไม่ค่อยสดใสเท่าไร 

    แต่มันก็น่าสนุกดีเหมือนกันที่จะได้เอาคืนไอพวกที่ชอบรังแกคนอื่น

    ไม่ว่าจะสภานักเรียนหรือพวกอาจารย์ หรืออะไรที่ทำให้ผมหงุดหงิด

    ผมจะเปลี่ยนมันให้หมด!!....

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×