คงจะดีถ้าโรงเรียนนี้สงบสุข
ผมก็แค่อยากจะลองโดดเรียนดูสักครั้ง แต่ใครจะไปคิดว่าการโดดเรียนครั้งนี้มันจะพาผมไปเจอใครบางคนเข้า
ผู้เข้าชมรวม
96
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
คุณเคยโดดเรียนกันบ้างมั้ยครับ?
ถ้าเป็นนักเรียน ก็ต้องเคยโดดเรียนสักครั้งหรือสองครั้งสินะ
“เห้อ...ที่นี่สบายดีจัง”
ผมนอนบิดขี้เกียจอยู่บนดาดฟ้าโรงเรียน
และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมลองโดดเรียนกับเขาดูบ้าง
ท้องฟ้าสดใสสีคราม สมกับเป็นช่วงฤดูร้อนจริงๆ
หมู่นกน้อยใหญ่ส่งเสียงร้องจิ๊บๆไปทั่ว
และการที่ผมโดดเรียนมานอนอยู่บนดาดฟ้ามันก็มีเหตุผลอยู่
นั่นก็เพราะ....
ผมอยากมีอิสระ
ไม่รู้ทำไมคนอื่นๆถึงชอบเข้าหาผม ทั้งเพื่อนรุ่นเดียวกัน รุ่นพี่รุ่นน้อง หรือกระทั่งอาจารย์
อาจจะเป็นเพราะว่าเวลามีใครขอให้ช่วยอะไรผมไม่เคยปฏิเสธเลยละมั้ง
ไม่ใช่เพราะผมมีน้ำใจอะไรหรอก
แต่ผมเป็นพวกชอบใจอ่อน จนสุดท้ายก็เลยกลายเป็นคนที่ปฏิเสธใครไม่เป็นสะงั้น
ส่วนพวกอาจารย์พอเห็นเราเป็นคนใช้งานง่ายหน่อย ก็ใช้งานไม่หยุดไม่หย่อน
ให้ถือของบ้างล่ะ ใช้ไปซื้อข้าวบ้างล่ะ ให้ช่วยทำเอกสารบ้างล่ะ
และที่น่าหงุดหงิดที่สุดคงจะเรื่องที่อาจารย์แอบส่งชื่อลงสมัครประธานนักเรียนอะไรนั่นนี่แหละ
"ไม่ได้อยากเป็นสักหน่อย"
ได้ยินว่าไม่มีคนอื่นลงสมัครด้วย แบบนี้ยังไงก็คงหนีไม่พ้นต้องเป็นประธานนักเรียนสินะ
ให้ตายสิน่าเบื่อชะมัด แค่เป็นหัวหน้าห้องตอนนี้ก็ลำบากจะตายอยู่แล้ว
ผมก็แค่อยากมีชีวิตสงบๆบ้างเท่านั้นเอง ถ้าผมเป็นคนที่ปฏิเสธคนอื่นได้ง่ายๆก็ดีสิ
ในขณะที่ผมกำลังนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น อยู่ๆก็มีเสียงดังตรงลูกบิดประตู
แกร๊ก!!
ประตูดาดฟ้าค่อยๆแง้มเปิดออกมาโดยที่ผมเองก็นอนอยู่ข้างๆประตู
“แย่แล้วอาจารย์งั้นเหรอ!!!”
จะหาที่ซ่อนก็ไม่มีที่ให้แอบ ผมไม่รู้แล้วว่าจะต้องทำยังไงกับเหตุการณ์แบบนี้
แต่ทันใดนั้นผมก็คิดขึ้นได้ว่า หรือบางทีให้พวกอาจารย์เห็นไปเลยว่าเราโดดเรียนก็อาจจะดีเหมือนกัน
เรื่องประธานนักเรียนอะไรนั้นอาจจะถูกยกเลิกก็ได้
ไม่ได้สิ ไม่ดีแน่ ขืนโดนจับได้มีหวังโดนอาจารย์โทรไปฟ้องผู้ปกครองแน่เลย
“แย่แล้วทำยังไงดี!!!”
ผมเอาหลังชิดกำแพงพร้อมกับอาการเกร็งไปทั้งตัว
ทันใดนั้นประตูก็ได้เปิดออกจนสุดและก็มีคนเดินออกมา
เตาะ...แตะ...เตาะ...แตะ....
เสียงฝีเท้าค่อยๆเดินก้าวเข้ามาอย่างช้าๆ
ดูเหมือนว่าโชคจะยังเข้าข้างผมอยู่บ้าง
ประตูที่เปิดมานั้นได้บังตัวผมไว้ได้อย่างมิดชิดพอดี ทำให้คนที่เดินเข้ามาไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าผมได้แอบหลังประตูนี่
และดูเหมือนว่าจะไม่ได้ปิดประตูด้วย
ผมคิดในใจว่ารอให้อาจารย์เดินออกมาอีกซักหน่อย แล้วค่อยหาจังหวะแอบเดินหนีเข้าประตูไปเลย
นี่น่าจะเป็นทางรอดที่ดีที่สุดตอนนี้ อันที่จริงผมไม่มีทางเลือกอื่นแล้วตะหาก
เตาะ.. แตะ.. เตาะ.. แตะ.......
เมื่อเสียงเดินค่อยๆห่างออกไปจากประตู
ผมจึงแอบชะโงกหน้าออกมาดูเล็กน้อยว่าเป็นอาจารย์คนไหนที่ทำให้ผมตกใจจนเกือบหัวใจวายแบบนี้
แต่เมื่อผมมองดูดีๆก็พบว่าคนที่เดินอยู่นั้นไม่ใช่อาจารย์ เป็นเพียงแค่นักเรียนหญิงคนหนึ่งเท่านั้น
เธอเดินไปสุดทางและยืนชิดกับขอบรั้วกั้น พร้อมกับแหงนหน้ามองไปบนท้องฟ้าโดยที่หันหลังให้กับผม
"ฮือ...ฮือออ...."
เสียงสะอื้นลอยมาตามสายลมจนเข้ามาในหูของผม
ดูเหมือนว่าเธอจะกำลังยืนร้องไห้อยู่
บางครั้งคนเราก็เจอกับเรื่องหนักใจจนทำให้กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เธอเลยต้องมาแอบร้องไห้ที่นี่แบบนี้สินะ
ผมเองก็ร้องไห้อยู่บ้างบางครั้งเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้บ่อยอะไรนัก
ผมคิดว่าการมาแอบดูเด็กสาวร้องไห้อยู่แบบนี้นั้น ช่างเป็นภาพที่่ดูไม่ดีเอาเสียเลย
แต่ว่าอย่าเข้าใจผิดละ ผมไม่ได้แอบดูสักหน่อยก็แค่บังเอิญไปเห็นเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
ยังไงก็เถอะ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นโอกาสดีที่ผมจะหนีเข้าประตูที่เปิดทิ้งไว้ได้อย่างเนียนๆ
ในขณะที่ผมยืนคิดอะไรอยู่คนเดียวนั้นเอง.....
!!!! ปัง !!!!!
ประตูเหล็กได้ถูกลมพัดจนปิดอย่างรุนแรง
ผมได้แต่คิดในใจว่านี่คงเป็นบทลงโทษจากพระเจ้า ที่ลงโทษเด็กไม่ดีที่คิดจะโดดเรียนหรือเปล่านะ?
"เอ๊ะ!!!"
ผู้หญิงคนนั้นหันหน้ามาอย่างรวดเร็วเพราะกับตกใจเสียงประตูที่ถูกลมพัดปิดจนเกิดเสียงดังสนั่น
แต่ตอนนี้ดูเหมือนเธอจะไม่ได้สนใจเสียงเมื่อกี้แล้ว
เพราะตอนนี้เธอเอาแต่จ้องหน้าผมตาเขม็งจนผมต้องรีบหาทางแก้ตัวอะไรสักอย่าง
“อะ!! เอ่อ คือว่า...นี่น่ะ....แฮะๆ.."
ผมยิ้มแห้งพร้อมกับพยายามหาเหตุผลให้กับเหตุการณ์ตอนนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
อารมณ์เดียวกันกับตอนแอบขโมยเงินแม่แล้วถูกจับได้แล้วไม่มีข้ออ้างที่ฟังขึ้น
เธอมองผมตาไม่กระพริบด้วยท่าทางตกใจ แต่ไม่นานเธอก็ยิ้มออกมาอย่างสดใส
รอยน้ำตาของเธอนั้นได้หายไปเหมือนกับว่าเธอไม่เคยร้องไห้อยู่
เมื่อลองมองเธอดูดีๆแล้ว ตัวของเธอตอนนี้นั้นเปียกปอนไปด้วยน้ำ
เสื้อผ้าและกระโปรงมีลอยยับและเปื้อนอยู่มาก หน้าตาก็มีรอยช้ำอยู่นิดหน่อย
ผมคิดในใจว่าเธออาจจะไปเดินตกบ่อน้ำที่ไหนเข้าหรือไม่ก็ถูกใครรังแกมา
ซึ่งผมค่อนข้างมั่นใจว่าเธอไม่ได้เดินตกบ่อน้ำมาหรอก
ผมจำเธอได้ เธอชื่อว่าฟ้าใสนักเรียนชั้นเดียวกับผม
ถึงเราจะอยู่กันคนละห้องแต่ก็อยู่ห้องเรียนติดกัน
ที่ผมจำเธอได้เพราะเธอค่อนข้างเป็นคนเงียบๆ เงียบซะจนจืดจาง
ด้วยความจืดจางนี้นี่แหละที่ทำให้เธอสะดุดตาผมเข้า
และเพราะบุคลิกเธอเป็นแบบนี้ ผมจึงได้ยินมาว่าเธอถูกเพื่อนแกล้งอยู่บ่อยๆ
แต่ผมก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีการกลั่นแกล้งที่รุนแรงขนาดนี้
พวกผู้หญิงนี่น่ากลัวจริงๆ เลยแหะ.....
ดูเหมือนเธอเองก็เริ่มรู้สึกตัวแล้วเหมือนกัน ว่าผมได้เห็นเธออยู่ในสภาพที่เละสุดๆ
“พอดี เมื่อกี้สะดุดล้มนิดหน่อยน่ะ ฮ่าๆ”
เธอพูดมาแบบนั้นทั้งๆที่ผมยังไม่ได้ถามอะไรเลย
ต่อให้เป็นเด็กอนุบาลก็ดูออกว่าหล่อนโกหกชัดๆ
ใครจะไปเชื่อล่ะ
ด้วยความที่นิสัยของผมเป็นคนอยากรู้อยากเห็น หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นคนชอบเผือกเรื่องชาวบ้าน
แต่อีกใจนึงก็คิดว่าคงเป็นเรื่องไม่เหมาะสมแน่ถ้าผมจะถามอะไรออกไปตรงๆ
ผมจึงพูดออกไปว่า
“สะดุดล้มสินะ... แต่ที่หน้ามีรอยมืออยู่แน่ะ”
ผมรู้สึกเสียใจนิดๆที่ผ่ายแพ้ให้กับความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง บวกกับการที่ผมเป็นคนชอบแซะและขี้แกล้ง
คำพูดของผมจึงออกไปทางแนวประชดประชัน แต่ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไร
อาจดูเหมือนผมเลวนิดๆ ก็ได้ แต่ผมก็ต้องบอกตามตรงว่าผมเองก็แอบนึกสนุกอยู่หน่อยๆ
คงเป็นเพราะเดิมทีแล้วผมไม่ชอบคนโกหกด้วยนั่นแหละ ถ้าเจอคนโกหกก็จะชอบต้อนให้จนมุม
แต่หลักฐานเด่นชัดขนาดนี้ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะปฏิเสธยังไง เลยอดไม่ได้ที่จะพูดแบบนั้น
"อ๊ะ!!"
ฟ้าใสส่งเสียงตกใจเล็กน้อยพร้อมกับเอามือจับที่แก้มของตัวเอง เธอไม่พูดอะไรและรีบหันหลังให้ผม
ช่างเป็นภาพที่ดูแล้วน่าหดหู่เหลือเกิน
ตอนนี้ผมสามารถเปิดประตูแล้วเดินหนีออกไปเลยก็ได้ แต่ผมเลือกที่จะไม่ทำแบบนั้น
ไม่ใช่เพราะผมเป็นคนดีที่ทิ้งสาวน้อยที่กำลังเศร้าไว้คนเดียวไม่ได้หรอกนะ
แต่เพราะความอยากรู้อยากเห็นมากกว่า ว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไงทำไมเธอถึงอยู่ในสภาพนี้
ถ้าจะให้หนีไป มันก็ค้างคาแย่น่ะสิ
“ชั้นว่า... เธอไปฟ้องครูดีกว่ามั้ง?”
ผมพูดพร้อมกับเดินมายืนข้างๆฟ้าใส
ส่วนฟ้าใสก็เอาแต่ก้มหน้า แล้วตอบกลับมาเบาๆว่า....
“ชั้นทำแบบนั้นไม่ได้หรอก”
นั่นสินะ คงเหมือนในการ์ตูนหรือในนิยายที่ถูกตัวร้ายรังแกแล้วเอาเรื่องบางอย่างมาปิดปาก
หรือไม่ก็พวกตัวร้ายมีอิทธิพลอะไรสักอย่าง มีอิทธิพลมากจนพวกอาจารย์ไม่กล้าเข้ามายุ่งรึเปล่านะ?
ฟ้าใสก็คงมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่ทำให้ไม่ไปฟ้องครูนั่นแหละ
“งั้นเธอก็ไปฟ้องที่บ้านสิ เดี๋ยวพวกเขาคงหาทางทำอะไรสักอย่างเองแหละ”
“พวกเขาไม่สนใจหรอก”
“แล้วเธอจะทำยังไงล่ะ?”
“ชั้นไม่รู้”
“แล้วใครทำเธอเหรอ?”
“........”
ช่างเป็นบทสนทนาถามคำตอบคำที่หน้าอึดอัดสุดๆ
อึดอัดสะจนผมอยากจะวิ่งหนีไปให้ไวเดี๋ยวนี้เลย
ผมเองก็ถามตรงเกินไปจนดูเหมือนเป็นคนไร้มารยาทเหมือนกัน
ขณะเดียวกันผมก็ได้ยินเธอตอบกลับมาเบาๆว่า...
“พวกสภานักเรียนน่ะ”
“เอ๊ะ! พวกสภานักเรียนน่ะเหรอ?”
"......"
ไม่รู้ว่าฟ้าใสนึกอะไรอยู่ถึงได้บอกผมว่าใครเป็นคนทำร้ายเธอ แต่ผมก็ตกใจเหมือนกันที่ได้ยินคำว่าสภานักเรียน
พูดถึงสภานักเรียนรุ่นปัจจุบันแล้ว ผมได้ยินมาจากพวกอาจารย์ว่าเป็นกลุ่มนักเรียนที่ยอดเยี่ยมและน่านับถือมาก
มันยากที่จะเชื่อจริงๆว่าสภานักเรียนจะทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้
มีเรื่องน่าสนใจผุดขึ้นมาเรื่อยๆเลยแหะ
แต่ถ้าปีนี้ผมได้เป็นประธานนักเรียนคนต่อไป
ก็คงหนีไม่พ้นต้องไปเกี่ยวข้องกับสภานักเรียนรุ่นก่อนแน่นอน
ผมจะโดนทำแบบฟ้าใสไหมนะ?
แต่คงไม่หรอกมั้ง
- กิ๊งก่อง กั๊งก่อง -
สัญญานเตือนดังขึ้นบ่งบอกว่าเป็นเวลาเลิกเรียน
เด็กนักเรียนจำนวนมากเดินออกมาจากตึกเรียนเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน
“เลิกเรียนแล้วนะ เธอไม่กลับบ้านเหรอ?”
“ชั้น...ไม่กลับ..หรอก”
ฟ้าใสตอบผมด้วยเสียงสั่นๆโดยที่เธอยังก้มหน้าอยู่
ผมเองก็มีเรียนพิเศษต่อเหมือนกัน แถมยังมีร้านบะหมี่ที่อยากไปกินอยู่ด้วย
ร้านนี้เป็นร้านดังขืนไปช้ามีหวังไม่มีโต๊ะว่างแน่
รีบกลับดีกว่า
“งั้นชั้นกลับก่อนนะ”
ผมบอกลาเธอ แต่เธอไม่ตอบอะไรผมกลับมาเหมือนผมคุยกับอากาศ
ผมเดินห่างออกมาจากฟ้าใสจนเดินมาถึงประตูที่ปิดสนิทจากแรงลมเมื่อกี้
ใจจริงแล้ว ผมก็อยากจะชวนเธอกลับด้วยเหมือนกัน ถึงต่อให้ชวนเธอ เธอก็คงเอาแต่เงียบอยู่ดี
ผมเลยคิดว่าเธอคงไม่อยากให้ใครในโรงเรียนเห็นเธอในสภาพแบบนี้
สงสัยจะรอให้คนอื่นกลับให้หมดก่อนละมั้ง
ช่างเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารจริงๆเลยนะ....
ผมเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูเพื่อจะกลับ
“นี่นาย....”
ฟ้าใสส่งเรียกผมเบาๆ
“ดูเหมือนว่านายจะได้เป็นประธานนักเรียนคนต่อไปสินะ ฝากนายช่วยทำให้โรงเรียนนี้เป็นสถานที่ที่มีความสุขด้วยนะ ^^”
ผมหันกลับไปมองฟ้าใสอีกครั้งก็พบว่าเธอกำลังยิ้มให้ผมอยู่
น่าแปลกที่รอยยิ้มนั้นไม่ทำให้รู้สึกถึงความสุขเลยสักนิด
จากคนที่เงียบๆอยู่ๆมาพูดอะไรยาวๆแบบนี้ทำเอาผมขนลุกอยู่เหมือนกัน
ผมไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะเป็นประธานนักเรียนแบบไหน เดิมที่กะจะเป็นแบบขอไปทีแค่นั้นเอง
ถ้าผมอยากจะทำให้ที่นี่มีแต่ความสุข ผมจะทำได้ไหมนะ?
ฟ้าใสค่อยๆ หันหน้ากลับไป พร้อมกับถอนหายใจออกมา
"เห้อ....เอาล่ะ..."
ฟ้าใสพูดพลางพร้อมกับถอดรองเท้าตัวเอง
ถ้าผมหันหลังกลับไปแล้วทิ้งเธอไว้คนเดียวที่นี่ ผมคงต้องรู้สึกผิดไปตลอดทั้งชาติแน่
แล้วอีกอย่างถ้าทำแบบนั้นมันไม่สมกับเป็นชายชาตรีเลยสักนิด
ช่วยไม่ได้แหะ.....
“ถ้าอยากให้ที่นี่มีแต่ความสุข...เธอเองก็มาเป็นด้วยกันสิ สภานักเรียนอะไรนั่นน่ะ”
ผมตัดสินใจชวนเธอมาเข้าร่วมด้วยเพราะยังขาดสมาชิกอยู่
จะปล่อยทิ้งไว้แบบนี้ก็น่าสงสาร
อีกอย่างถ้าเอาเธอมาเป็นสภานักเรียนด้วยก็คงจะได้รู้ว่าทำไมสภานักเรียนนรุ่นปัจจุบันถึงทำร้ายเธอ
แต่ผมก็พอรู้อยู่แล้วว่าฟ้าใสจะตอบผมยังไง
“ไม่เอาหรอก”
นั่นสินะอยู่ๆถูกชวนให้เป็นสภานักเรียน ทั้งๆที่ตัวเองเพิ่งถูกสภานักเรียนทำร้ายมาก็คงต้องปฏิเสธอยู่แล้ว
ผมจึงพูดต่อเพื่อหวังให้เธอเปลี่ยนใจ
“เธอไม่อยากเอาคืนบ้างเหรอ?”
“ชั้นเหนื่อยแล้ว...พอแล้วล่ะ...”
“แต่ชั้นโคตรอยากเอาคืนเลย”
“เอ๊ะ!”
“ถ้าชั้นได้เป็นประธานนักเรียน ชั้นจะจัดการพวกสภานักเรียนรุ่นเก่าให้หมดเลย”
ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงพูดแบบนั้นออกไป ผมก็แค่เห็นว่าในการ์ตูนตัวเอกมักจะทำเรื่องแบบนี้แล้วดูเท่
ผมเลยคิดว่าถ้าพูดแบบนี้ไปบ้างคงจะดูเท่ไม่น้อย แต่ดูเหมือนผมจะคิดผิดไป
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”
ฟ้าใสหัวเราะออกมา ทำให้บทพูดที่ผมคิดว่าโคตรเท่เมื่อกลายเป็นเหมือนแค่คำพูดเฉิ่มๆจนผมเริ่มรู้สึกอายขึ้นมา
“เธอหัวเราะอะไรไม่ทราบ?”
“นายทำได้เหรอ?”
“ทำอะไรเล่า?”
“ที่บอกว่าจะจัดการพวกสภานักเรียนรุ่นเก่า”
“.......”
แย่ละสิ เมื่อกี้ผมพูดออกไปโดยไม่ทันคิด
พอลองนึกว่าจะต้องไปจัดการสภานักเรียนรุ่นเก่าจริงๆก็เริ่มรู้สึกปอดแหกขึ้นมาทันที
“นายนี่เป็นคนตลกดีนะ ก็ได้ ชั้นจะรอดู”
“เอ่อ เดี๋ยว คือ เมื่อกี้....”
“พูดแล้วห้ามคืนคำจ้า ฮิฮิ”
เธอพูดจบพร้อมกับยิ้มให้ผม
แต่รอบนี้รอยยิ้มของเธอดูแตกต่างไปจากเดิมนิดหน่อย
มันเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความหวังและความสุขอย่างแท้จริง
พอดูดีๆแล้วฟ้าใสก็เป็นคนที่หน้าตาน่ารักมากเลยทีเดียว
ถ้าเธอเป็นคนร่างเริงกว่านี้ หัดเข้าสังคมและแต่งตัวบ้างเธอต้องกลายเป็นสาวป้อบแน่นอนเลย
พอเห็นแบบนั้นผมก็ชักอยากจะจัดการสภานักเรียนรุ่นปัจจุบันแบบจริงจังสะแล้วสิ
แต่คงไม่ใช่เป็นการใช้กำลังอะไรหรอก แต่ต้องเป็นวิธีที่เอาคืนได้เจ็บแสบยิ่งกว่านั้น
ใช้วิธีที่ผมถนัด ต้อนให้จนมุมจนฝ่ายนั้นเลือกที่จะยอมแพ้เอง
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ผมคิดว่าการคุยกับฟ้าใสนั้นก็สนุกดีเหมือนกัน
จนตอนนี้ผมลืมเรื่องเรียนพิเศษและร้านบะหมี่ไปจนหมด
ผมจึงชวนเธอคุยต่ออีกนิด
“เมื่อกี้เธอถอดรองเท้าทำไมละนั่น?”
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก”
“งั้นเหรอ?”
“นายว่าท้องฟ้าวันนี้สวยไหม?”
“ก็ธรรมดานะ”
“แต่ชั้นว่ามันสวยมากเลยนะ สวยซะจนชั้นอยากลองโบยบินแบบนกดูเลยล่ะ”
"ไม่เห็นจะเข้าใจเลย..."
"แต่ชั้นไม่อยากบินแล้วล่ะ ฮิฮิ..."
“เธอบินไม่ได้สักหน่อย”
“ฮ่าๆๆๆ นายนี่ตลกจริงๆ ฮ่าๆๆ”
“อะไรของเธอ!!”
ผมตัดสินใจอยู่ต่อเป็นเพื่อนเธออีกหน่อยแล้วค่อยกลับบ้านพร้อมกัน
ดูเหมือนว่าการเป็นประธานนักเรียนของผมจะไม่ค่อยสดใสเท่าไร
แต่มันก็น่าสนุกดีเหมือนกันที่จะได้เอาคืนไอพวกที่ชอบรังแกคนอื่น
ไม่ว่าจะสภานักเรียนหรือพวกอาจารย์ หรืออะไรที่ทำให้ผมหงุดหงิด
ผมจะเปลี่ยนมันให้หมด!!....
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ Kiwi24 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Kiwi24
ความคิดเห็น