คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทส่งท้ายแล้ว หมดมุขพอดี
“โดดเวรอีกแล้วไอ้บ้าโซโกะ!”
เสียงบ่นอย่างหัวเสียดังจากปากคาบบุหรี่ของฮิจิคาตะ โทชิโร่ ขณะเดินไปตามตรอกซอกซอยแคบๆแต่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนในยามบ่าย
สายตาดุๆกวาดมองไปทั่วบริเวณ เป้าหมายคือเจ้าบ้าซาดิสม์ที่หายหัวไปตั้งแต่เที่ยง ทิ้งเขาให้จมอยู่กับกองเอกสารนับร้อยเพียงลำพัง
...น่าจะรู้อยู่แล้วเชียว ถ้าได้เข้าเวรพร้อมกับเจ้านั่น ไม่ซวยเรื่องนี้ก็ต้องซวยเรื่องนั้น ไม่ถูกไล่ฆ่าก็ต้องถูกโยนเรื่องหนักกบาลมาให้...
...หายไปไหนโว้ย! ถ้าเจอแม่จะอัดให้น่วม...
“อ๊ะ!” พลันสายตาประสบพบเจอเข้ากับสาวน้อยในชุดกี่เพ้าแขนยาวกำลังเดินเล่นอย่างสบายอารมณ์ รองปีศาจก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“ไง!” เขากล่าวทักทายเธอสั้นๆ
“มาเดินเล่นเรอะ อามายองเลอร์” คางุระทักตอบเรื่อยๆแบบไม่ใส่ใจเท่าไรนัก
ฮิจิคาตะแอบแสยะยิ้ม บังอาจโดดงานมันต้องเจอแบบนี้
“มาตามหาเจ้าโซโกะมั่นน่ะ เจ้าบ้านั่นโดดเวรตั้งแต่เที่ยงแล้ว ไม่รู้ว่าหายไปไหน...ไม่ได้ไปหาเธอหรอกเรอะ”
แต่อีกฝ่ายกลับเฉยๆผิดความคาดหมาย
“เหรอ รอเหลียวน่อ” หล่อนจกมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนกดๆดูอะไรสักอย่าง จากนั้นไม่กี่วินาทีก็เงยหน้ากลับมาสบตากับชายหนุ่ม
“ตอนนี้อาตี๋กำลังไปแรดอยู่ที่ร้านคอฟฟี่ เมดอ่ะน่อ” เธอบอกเสียงราบเรียบ ดวงตาแป๋วแหววไม่มีแววอาฆาตพยาบาทหรือหงุดหงิดใจให้เห็นแม้แต่นิดเดียว ทั้งๆที่ไอ้ร้าน “คอฟฟี่ เมด” นั่นล่ะ...มันเป็นร้าน “คอฟฟี่” ที่มี “เมด” สาวสวยเอ็กซ์หุ่นสะบึมเป็นพนักงานต้อนรับ พร้อมทั้งเป็นเพื่อนนั่งคุยกับลูกค้า(ส่วนมากเป็นตาแก่)ไปด้วยในตัว
แต่เดี๋ยวสิ คนอย่างโซโกะเนี่ยนะจะไปร้านขายความหื่นแบบนั้น ไม่สิ...ที่สำคัญคือยัยเด็กนี่รู้ได้ไงว่าโซโกะอยู่ที่นั่น แปลว่ามือถือของหล่อนมีระบบติดตามงั้นเรอะ อะไรกันนี่! หล่อนอายุเท่าไรกัน ทำไมทำตัวเหมือนเป็นคุณป้าไล่จิกสามีหุ่นอาเสี่ยที่แอบไปมีอีหนูอย่างนั้นล่ะเฮ้ย!
“เอาเปงว่ารู้เลี้ยวใช่มะว่าอาตี๋อยู่ไหน อั๊วะไปก่องน่อ มีธุระสำมะคัน” คางุระพูดพลางแคะจมูกอย่างไม่ใยดี
เป็นแฟนกันแน่หรือเปล่าเนี่ย ไอ้เราก็หวังว่าจะได้ยัยนี่มาช่วยตามจิกโซโกะสักหน่อย แล้วไอ้ความเฉยชาตายด้านนี่มันอะไรก๊าน!
“เดี๋ยวสิ! นี่หล่อนว่าเจ้าโซโกะมันไปทะ...ที่แบบนั้นงั้นเรอะ” ฮิจิคาตะถามตะกุกตะกัก พยายามหาเรื่องรั้งตัวคางุระไว้
“อือ...อีคงจะไปล่อลวงสาวสวยมาเล่งซาดิสม์ โซ่ แส้ กุญแจมือ อะไรอย่างนั้งแหละน่อ อีเล่าว่าสาวๆร้านนั้นสุโก้ยอย่าบอกใครเลยล่ะ”
คำบอกเล่าจากอาหมวยเล่นเอาท่านรองปีศาจถึงกับกุมขมับ
บ้าบอ...นี่มันบ้าบอเกินไปแล้ว สรุปเจ้าโซโกะมันจะมีความSSSSมากขึ้นเรื่อยๆเป็นอินฟินีตี้เลยหรือไงนะ วิปริตขึ้นทุกวัน แล้วยังกล้าเอามาเล่าให้ยัยหมวยฟังอีกตะหาก แถมยัยนี่ก็ดันไม่ว่าอะไรเลยเนี่ยอ่ะนะ บ้าชัดๆ โลกนี้มันไปกันใหญ่แล้ว
“นี่เธอ...ปล่อยให้โซโกะไปที่แบบนั้น ถ้าเกิดหมอนั่นนอกใจขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ” เขา กระดากปากเล็กน้อยเมื่อต้องพูดเรื่องทำนองนั้นออกไป
ทว่าท่าทีของคางุระเปลี่ยนทันที
“นอกใจ...งั้งเหรอ” เสียงเย็นเยียบแหบต่ำชวนขนลุก อาหมวยยิ้มเหยียดก่อนตวัดสายตาจิกกัดมายังฮิจิคาตะจนเจ้าตัวสะดุ้ง
“ลื้อรู้อะไรมั้ยอามายองเลอร์”
...ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่าว่าบรรยากาศมันมาคุขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ...
“ระ รู้อะไร”
กลัวทำไม แกกลัวทำไมกันโทชิโร่ เฮ้ย! ขาอย่าสั่นสิโว้ย... ไม่มีอะไรเกี่ยวอะไรกับเราสักนิด จะกลัวไปทำไมกัน...
“สันดานอาตี๋โง่นั่นไม่เคยสนใจใครหรอกน่อ อีไปหม้อสาวๆก็เพื่อเอามาเล่นสนุกเท่านั้นแหละ แต่อั๊วะน่ะเคยสงสัยว่าอีชอบเอาเวลาส่วนใหญ่ในชีวิตไปทุ่มเทกับอะไรบางอย่าง อั๊วะไม่หวงน่อว่าอีจะมีกิ๊กกี่คง แต่ถ้ามีคงที่ทำให้อีให้ความสนใจขนาดนั้นอั๊วะก็เลยเริ่มไม่ไว้ใจขึ้นมา”
สายตากระหายเลือดของยาโตะเริ่มส่งกลิ่นอันตราย
“เมื่อหลายวันก่องอั๊วะเลยเอามือถือไปเพิ่มระบบติดตาม พร้อมแฮกข้อมูลการใช้มือถือของอาตี๋มาหมด เลี้ยวอั๊วะก็พบว่า...” เธอเว้นระยะ ก่อนกล่าวต่อ
“คงที่อาตี๋นั่นให้ความสนใจที่สุดในชีวิตก็คือลื้อ!”
อ้าปากค้าง อึ้งสนิท ใบ้แดก
“ใช่เลี้ยว! ลื้อนั่งแหละอาฮิจิคาตะ ที่บังอาจทำร้ายจิตใจอันอ่อนไหวของสาวน้อยอย่างอั้วะ” คางุระเริ่มบทดราม่า ปาดน้ำตาสูดน้ำมูก พร่ำเพ้อพรรณนา
“อาตี๋นั่งคิกถึงแต่ลื้อตลอกเวลา ถ้าจะมีใครสักคนทำให้อีนอกใจอั๊วะล่าย ก็มีแต่ลื้อ...ลื้อเท่านั้งแหละน่อ! ทั้งๆที่รู้อย่างนั้น อั๊วะก็เลือกที่จะไม่ไปเฉ่งลื้อ เพราะไงๆลื้อก็เปงเพื่อนกับอากินจัง เลี้ยวลื้อเองก็เปงคนลีล่วย ถ้าวันนึงอาตี๋อยากเลิกกับอั้วะ อั้วะก็จะยอมยกอีให้เปงของลื้อโดยเต็มใจ”
พอพูดจบเจ้าหล่อนก็ทรุดร่างลงนั่งพับเพียบ คอตก น้ำตาร่วง รอบด้านมืดสนิท มีเพียงแสงสปอร์ตไลท์ส่องไปยังดาราราวัลออสการ์แห่งปีเล่นบทโศกากลางถนนเพียงลำพัง จนคนรอบตัวเริ่มหันมามองเขาและเธอด้วยสายตาแปลกๆ ประมาณว่า “ต๊าย! คนอะไรทำเด็กผู้หญิงร้องไห้”
“ยกให้โดยเต็มใจแถมข้าวสารสิบถัง ยังไม่คิดจะเอาเลยโว้ย!!”
ฮิจิคาตะน็อตหลุด เผลอตะโกนเสียงดังลั่น สุดจะทนกับข้อกล่าวหาจากคุณภรรยาหลวง หาว่าเขาเป็นภรรยาน้อยไปซะงั้น
“อย่ามาทำหน้าซื่อ!”
คุณภรรยาหลวงโต้กลับทันควัน
“ถ้าไม่เชื่อลื้อก็ลองแหกตาดูนี่สิ!”
ว่าแล้วก็ยื่นโทรศัพท์ใส่หน้าคุณภรรยาน้อย ที่รับมาดูอย่างงงๆ
ข้อมูลการใช้โทรศัพท์: โอคิตะ โซโกะ
วันที่xx เดือนoo
12.00 น.//อีเมล์ถึงคุณมิโด้ เคย์โกะ: ขอซื้อสารหนูครับ ติดต่อกลับด้วย
14.26 น.//โทรออกถึงคุณเคียวชิโร่:
((ข้อมูลที่ได้จากการค้นหาในไซต์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของยามาดะ เคียวชิโร่และโอคิตะ โซโกะ: ยามาดะ เคียวชิโร่ วิศวกรผลิตอาวุธสังหาร ติดต่อขายอาวุธให้กับโอคิตะ โซโกะโดยไม่ผ่านหน่วยงานราชการสิบสามครั้ง เพื่อใช้ในการลอบสังหารรองหัวหน้าฮิจิคาตะ...))
18.55 น.//อีเมล์จากคุณมิโด้ เคย์โกะ: โอคิตะคุงเองเหรอจ้ะ ไม่เจอกันนานสบายดีหรือเปล่า แล้วจะเอาสารหนูไปทำอะไรกันน่ะ
19.10 น.//อีเมล์ถึงคุณมิโด้ เคย์โกะ: เอาไปฆาตกรรมคุณฮิจิคาตะครับ
19.16 น.//อีเมล์จากคุณมิโด้ เคย์โกะ: พูดเล่นอีกแล้วนะโอคิตะคุง ฮะๆๆ
วันที่yy เดือนoo
03.25 น.//อีเมล์ถึงคุณอาคาสึกิ คานะ: อยากให้ช่วยคิดกลไกที่ทำให้มือถือของเบอร์ooo-xxxx-xxxระเบิดได้ให้หน่อยน่ะครับ
03.40 น.//อีเมล์จากคุณอาคาสึกิ คานะ: ขอทราบชื่อเจ้าของมือถือด้วยค่ะ
03.42 น.//อีเมล์ถึงคุณอาคาสึกิ คานะ: ฮิจิคาตะ โทชิโร่
14.26 น.//อีเมล์ถึงเบอร์xxx-xxxx-ooo(ไม่มีในเมมโมรี่): จดหมายฉบับบนี้ถ้าไม่คัดลอกส่งต่อไปอีกยี่สิบฉบับ ผู้ที่ได้รับจะตายภายในสามวัน (มีคนเคยลองดีจนตายมาแล้ว-จริงๆนะ) ถ้าอยากรอดจากคำสาปให้ส่งข้อความว่า “ฮิจิคาตะ โทชิโร่เป็นเกย์” ไปให้คนอื่นอีกยี่สิบฉบับภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง
วันที่aa เดือนoo
06.30 น.//อีเมล์ถึงคุณมิโด้ เคย์โกะ: ขอบคุณที่ส่งสารหนูมาให้ครับ
19.10 น.//อีเมล์ถึงคุณอาคาสึกิ คานะ: ตกลงพี่จะเบี้ยวผมใช่ไหมครับ
12.01 น.//อีเมล์ถึงคุณเสะโน่ ริวเคน: ช่วยทำการสาปแช่งคนในรูปไปตายให้ผมทีครับ
((ข้อมูลที่ได้จากการค้นหาในไซต์เกี่ยวกับเสะโน่ ริวเคน: เจ้าทรงมีชื่อในเกียวโต รับทำพิธีขับไล่วิญญาณร้าย และคำสาปแช่งต่างๆ...))
ไฟล์ที่แนบไปกับอีเมล์: (ไฟล์รูปภาพของฮิจิคาตะ โทชิโร่)
13.15 น.//อีเมล์จากคุณเสะโน่ ริวเคน: ช่วงนี้รับงานเยอะ ฉันส่งอุปกรณ์ทำพิธีไปให้แล้ว จัดการเองละกันนะ
“ดูสิ! ขนาดนี้ไม่เรียกว่าคิกถึงตลอกเวลาเลี้ยวจะเรียกว่าอะไรล่ายน่อ อะไรๆก็ฮิจิคาตะ เดี๋ยวก็ฮิจิคาตะ...เฮอะ! ที่ยอมขนาดนี้ ถือว่าอั๊วะใจดีกับลื้อมากเลี้ยวน่อ”
ฮิจิคาตะถึงกับช็อค
“แบบนี้มันเรียกคิดถึงตลอดเวลาที่ไหนล่ะโว้ย! นี่มันคิดจะฆ่าตูตลอดเวลาเลยต่างหาก! ดูยังไงก็วางแผนฆ่าตูชัดๆ”
“ช่างมังเถอะน่อ อั๊วะบอกเลี้ยวว่าอั๊วะยกเว้นให้ลื้อ เห็นแก่มิตรภาพอันยาวนานที่ลื้อสองคงมีให้กัง” สาวหมวยดูท่าจะไม่ได้ฟังที่เขาพูดเลยสักนิด “แต่คงอื่งนอกจากลื้ออั๊วะไม่ยอมน่อ ถ้าลื้อจับล่ายล่ะก็รีบบอกอั๊วะทันทีเลยเข้าใจมั้ย”
“แล้วทำไมถึงโยนหน้าที่จับผิดสามีมาให้ฉันซะงั้นล่ะ! เดี๋ยวสิ...เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ยอมรับให้ฉันเป็นเมียน้อยงั้นเหรอ ฉันผู้ชายนะเฮ้ย เธอมีปัญหาในการแยกแยะเพศหรือเปล่าเนี่ย!”
“ผู้ชายหรือผู้หญิงก็ไม่สำคัญ สำคัญที่ความกล้าหาญน่อ ลื้อคิกจะลิดรอนสิทธิสตรีรึไง”
ขณะที่การวิวาทกำลังดำเนินไปอย่างดูท่าว่าจะไม่มีวันหาข้อสรุปได้ เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
คางุระหยุดเถียงกับฮิจิคาตะ ก่อนกดรับสาย
“ฮัลโหล เออ...อั๊วะเอง โซบะเรอะ ลื้อเลี้ยงใช่มั้ย ไม่เลี้ยง...ไม่ไปน่อ ถ้าเลี้ยงไป เย็นนี้ ที่ไหน? โอเครับทราบ”
เมื่อคุยเสร็จแล้ว ดวงตาสีฟ้าก็หันกลับมายังรองปีศาจอีกครั้ง
“ขี้เกียจเถียงกับลื้อเลี้ยว เอาเปงว่าอั๊วะไม่ถือสาหาความลื้อละกัง อั๊วะไปซื้อสาหร่ายดองก่อนน่อ อาซิ้มแกจะปิดร้านเลี้ยว มัวแต่เถียงกับลื้อเสียเวลาจริงๆ”
จากนั้นคุณเธอก็จรลีอย่างรวดเร็ว ไม่เหลือเวลาให้เขาได้อ้าปากพูดอะไรสักคำ
ฮิจิคาตะ โทชิโร่ที่ยังคงช็อคไม่หาย แอบคิดว่าถ้าสองคนนี้คบกันไปเรื่อยๆจนถึงขั้นเป็นสามีภรรยากันจริงๆเมื่อไร...
...หายนะคงมาเยือนโลกอย่างไม่ต้องสงสัย...
............................................................................................................................................
“ชินปาจิ คางุระยังไม่กลับมาอีกเหรอ” ชายหนุ่มผมเงินถามขึ้นหลังจากกลับมาถึงร้านรับจ้างสารพัด แล้วพบว่าเจ้าแว่นกำลังนอนดูทีวีอยู่คนเดียว
“หืม...ยังครับ” ชินปาจิตอบ พลางทำสายตาเคลิ้มๆแปลกๆ
“ไปไหนนะ ซาดะฮารุก็ไม่ได้ไปด้วย” คุณกินหันไปยังเจ้าหมายักษ์ที่หลับสบายอยู่ใต้โต๊ะอุ่นขา
“เมื่อกี้โทรมาบอกว่าจะไปเดตน่ะครับ แหม...น่าอิจฉาจริงๆเลยน้า ฮะๆๆ”
พูดไปยิ้มไป แถมหัวเราะคิกคักเหมือนนางเอกการ์ตูนตาหวานรุ่นคุณป้ายังเอ๊าะ
กินโทกิชักสยองในท่าทีของลูกน้อง วันก่อนแค่ได้ยินเขาทะเลาะกันทางโทรศัพท์ยังหงุดหงิดจะเป็นจะตาย แล้วทำไมวันนี้มันกลับจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยล่ะเหวย
เมื่ออดรนทนไม่ได้จึงเอ่ยถาม “เป็นบ้าอะไรของแกฟะ”
เจ้าหนุ่มจืดจางวันนี้กลับเปล่งประกายเจิดจ้าอย่างน่าประหลาด โดยเฉพาะแววตาใสปิ๊งๆที่มันส่งมาให้จนเขาขนลุกพรึ่บพร้อมกันทั้งตัว
“โอซือจัง...” ชินปาจิหยิบเอาหมอนพิงขึ้นมากอด แล้วเอาหน้าถูๆอย่างเป็นสุขโดยไม่ได้รู้เลยว่ามันดูโรคจิตในสายตาคนอื่นขนาดไหน
“วันนี้เจอโอซือจังมาคับ ผมไปซื้อของให้ท่านพี่ที่ซุปเปอร์มาร์เกต แล้วก็เจอโอซือจัง...ฮิๆๆ เห็นบอกว่าจะลองจ่ายตลาดเพื่อหัดทำอาหารล่ะ น่าร้ากกกก~ จังเยย”
เจ้าแว่นชินปาจิล้มตัวลงนอนกลิ้งๆบนโซฟา ฮัมเพลงไปเรื่อย
“ด่าดีด๊า ด้าดาดาด่าด๊า”
กินโทกิได้แต่เหงื่อตก
ชินปาจิเอ๊ย! แกนี่มัน...
............................................................................................................................................
“ฮ่า! อุ่นดีจัง” คางุระทำหน้าเหมือนได้ขึ้นสวรรค์หลังจากยกเหล้าหวานขึ้นซด ใบหน้าขาวซีดขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างรวดเร็ว โซโกะนึกสยองขึ้นมาเพราะยังจำเรื่องราววันนั้นได้
“นี่ อย่าดื่มมากนักนะ ถ้าหล่อนเมาไม่รู้เรื่องล่ะก็ ฉันปล่อยให้หลับที่ร้านนี้แน่”
“จริงง่ะ” คางุระหันมามองเขาอย่างไม่เชื่อถือ “ถ้างั้งวันต่อมาอั๊วะตามไปหักคอลื้อแน่ บังอาจปล่อยให้สาวสวยอย่างอั๊วะต้องนอนตากอากาศเย็นเจี๊ยบอย่างนี้คงเลียวล่ายไง”
โอคิตะนึกหมั่นไส้สาวสวยขึ้นมากะทันหัน มือเลยพาลไปบีบแก้มย้วยๆของหล่อนเล่น
“อ๊าก! ทำอะไรของลื้อน่อ”
ปั่ก!
ศอกขวาถองเข้าหน้าโซโกะไปเต็มๆ ก่อนจะเริ่มเปิดฉากต่อสู้ คุณลุงเจ้าของร้านตะโกนด่าดังลั่นห้ามทัพ
“อย่ามาสู้กันในนี้นะโว้ย! คราวก่อนร้านฉันยับเยินหมด จะกัดกันเชิญไสหัวออกไปข้างนอกเลยไป๊!”
เพราะงั้นสองหน่อก็เลยจำต้องทำตัวสงบเสงี่ยมนั่งลงตามเดิม แต่ไม่วายฮึ่มๆใส่กันอยู่นั่น คางุระสะบัดหน้าไม่สนใจ หันไปจัดการกับโซบะร้อนอย่างรวดเร็ว
โซโกะเหลือบมองนาฬิกาข้อมือบอกเวลาห้าโมงกว่า อากาศตอนเย็นเริ่มหนาวจัด หิมะหยุดตกหลายวันแล้ว แต่ลมยังคงพัดพาเอาความเย็นมาเยือนไม่ขาดระยะ ท้องฟ้าเบื้องบนเปลี่ยนเป็นสีแดงอมส้มอ่อนจาง ริ้วเมฆลอยล่องอยู่ใกล้และไกลออกไป ผู้คนมากมายเดินขวักไขว่ตามถนน แม้จะอยู่กลางเมืองแต่กลับรู้สึกว่าบรรยากาศแบบนี้มันชวนให้ใจลอยเคว้งคว้างอย่างบอกไม่ถูก
แปะ!
อยู่ๆก็มีสัมผัสอุ่นๆเกิดขึ้นที่ข้างแก้ม เขาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันมาทางคางุระ เด็กสาวเอาถ้วยเหล้าหวานมาแนบกับแก้มเขาพลางทำหน้ายุ่ง กลิ่นหอมของสาเกร้อนลอยกรุ่น
“ดื่มสิน่อ” เสียงนั้นออกคำสั่ง แต่ดูไม่ค่อยวางอำนาจเท่าไรเลย ออกจะจ๋อยๆเสียด้วยซ้ำ “อากาศมันหนาวน่อ”
“อืม”
เขารับถ้วยเหล้าหวานมาดื่ม รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาบ้าง ไฟสีส้มริมถนนเริ่มส่องสว่าง เด็กสาวตรงหน้าจัดการกับอาหารจนหมดเกลี้ยงในเวลาไม่นาน และดูตั้งอกตั้งใจมากจนน่าขัน เขาก็เลยเผลอหัวเราะออกมาเบาๆ
“ขำอะไรน่อ”
“ท่ากินหล่อนยังกะหมูแน่ะ”
“ว่าไงนะ!”
คางุระขึ้นเสียงแว้ดทันที แต่ก็อารมณ์เดือดของเธอก็ค่อยๆสงบลงเมื่อลุงเจ้าของร้านหันมามองตาเขียวปั๊ด หล่อนกลับมาสบตากับโซโกะ แต่แปลก...ไม่มีความยียวนกวนประสาทในสายตาของเขาเลย
ความรู้สึกหนึ่งที่เกิดขึ้นในนาทีนั้นคือ เธออยากจะมองเขาในช่วงเวลาแบบนี้ไปอีกแสนนาน
แปลกดีที่สายตาเฉยชาในยามปกติเป็นดวงตาคู่เดียวกันกับสายตาอบอุ่นในตอนนี้ แปลกดีที่เธอมีคนที่รักมากมาย แต่เขากลับเป็นคนเดียวที่พิเศษออกไป
ไม่อยากไปจากคนๆนี้เลย
“ไปเดตกันไหม” อยู่ๆอีกฝ่ายก็ถามขึ้นเรียบๆ ปลุกเธอตื่นจากภวังค์
“ที่ไหนอ่ะน่อ”
“เดินเล่น เรื่อยเปื่อย”
“ไปสิ”
............................................................................................................................................
“เธอว่ามันแปลกไหม”
เด็กหนุ่มกล่าว ขณะแหงนหน้าขึ้นมองเวิ้งฟ้า เขากำลังนั่งอยู่บนชิงช้าในสวนสาธารณะ โดยมีคางุระไกวให้จากด้านหลัง
“อะไรแปลกอ่ะน่อ?”
โซโกะใช้เท้าหยุดการแกว่งของชิงช้าไว้ ก่อนหันหลังกลับมา
“พวกเรา” เขาว่า “พวกเราที่เป็นแบบนี้”
คางุระสูดอากาศเข้าไปเต็มปอด ก่อนถอนหายใจยาว
“แปลก” หล่อนตอบ “แปลกมาก”
“ไม่รู้สิ” โอคิตะหันกลับไป หลบสายตาของเธอ “ฉันเองไม่เคยรักใครมาก่อน ก็เลยไม่รู้...ว่ามันควรจะเป็นยังไง”
สิ่งที่เขารู้มีเพียงแค่ การมีเธออยู่ตรงนี้...มันทำให้โลกว่างเปล่าถูกเติมเต็ม
“อั๊วะยังสิบสี่อยู่เลยน่อ” อาหมวยพูดขึ้นลอยๆ “เวลาอั๊วะมองพวกผู้ใหญ่เขารักกัง อั๊วะรู้สึกว่ามังห่างไกลกับตัวอั๊วะเหลือเกิน เราเป็นแค่เด็กอ่ะน่อ ต่อไปในอนาคตเราอาจจะคิกว่านี่มังงี่เง่าก็ล่าย”
“หือ? วันนี้พูดอะไรมีสมองแฮะ”
“หมายความว่าไงอาตี๋” คางุระตบหัวโอคิตะไปหนึ่งป้าบ ก่อนลูบๆให้
“ก็มังจริงนี่ อั๊วะจะไม่พูกหรอกว่าอั๊วะจะมั่งคงกับลื้อตลอกไป อั๊วะคิกว่าพวกเด็กๆที่พูกงั้งช่างโง่จริงๆ ยังรู้จักชีวิตม่ายเท่าไรเลยแท้ๆ” เจ้าหล่อนพูดเหมือนคุณป้าไปได้ ทั้งที่ตัวเองก็เป็นแค่เด็กแก่แดดเท่านั้น
“เห...ฉันเป็นป๊อปปี้เลิฟของหล่อนเหรอ” โอคิตะถามยิ้มๆ ทำเอาอีกฝ่ายหน้าแดงระเรื่อ
“เธอคิดว่าเราจะจบกันเมื่อไร”
“พูกแบบนี้ขอเลิกทางอ้อมรึไงน่อ” อาหมวยชักสีหน้าอำมหิตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มือกระชับร่มพร้อมสาดกระสุน
“บ้าน่ะ” โซโกะไม่สนใจท่าทีของเธอ “ฉันแค่ถามว่าเธอคิดยังไง...เธอคิดว่าเราจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน”
ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่ใครจะรู้...วันเวลาแบบนี้ ความรู้สึกแบบนี้ อาจหายไปในวันใดวันหนึ่งก็ได้ ถ้ามันไม่หายไปจากใจเขา ก็ต้องหายไปจากใจเธอ
“นานจนกว่าวิญญาณของอั๊วะจะสูญสิ้น”
“สำนวนลิเกมาก”
“แต่อั๊วะพูกจริงน่อ”
ดวงตากลมโตสีฟ้าฉายแววจริงจัง
“อั๊วะไม่คิกหรอกว่าอั๊วะจะคบกับลื้อไปได้นานแค่ไหน เพราะต่อให้เราจบกันเลี้ยว...อั๊วะก็จะอยู่ทะเลาะกับลื้อตลอดไป ไม่ว่าในฐานะอะไรก็ช่างมัน”
เชื่อมั่นในสิ่งที่ศรัทธา แม้ว่าจะสูญเสียมันไปแล้ว แต่ศรัทธาก็ยังคงโชติช่วงในจิตใจ นั่นคือสิ่งที่ทำให้วิญญาณของนักสู้อย่างพวกเราไม่มีวันสูญสิ้น
...นี่คือสิ่งที่เธอเรียนรู้จากกินโทกิ...
“ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนกับเธอสักหน่อย” โซโกะกระตุกคิ้วกวนๆ
“ไม่เปงเพื่อนก็เปงศัตรูสิน่อ อั๊วะน่ะพร้อมฉะกับลื้อตลอกเวลาอยู่เลี้ยว” อาหมวยรีบตอกกลับ
“แต่ว่าถึงจะเปงศัตรู ก็จะขอเปงศัตรูที่อยู่เพื่อยืนยันว่าลื้อม่ายล่ายอยู่ตัวคงเลียว”
คำพูดนั้นทำให้เขาไม่กล้าหันกลับไม่มองเธออีกแล้ว ด้วยกลัวว่าตัวเองจะเผลอทำสายตาแปลกๆน่าอายออกไป
...ทำไมหล่อนถึงชอบพูดอะไรตรงๆแบบนี้นะ รู้ไหมว่าคำทุกคำที่เธอพูดสัญญามันจะดังวนลูปอยู่ในหัวฉันไปนานเท่าไรน่ะยัยบ้า...
เขาเองก็ไม่เคยสนใจหรอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอจะเป็นไปในรูปแบบไหน ฐานะอะไร ขอเพียงแค่ยังมีสายสัมพันธ์นั้นอยู่ ยังคงมีสิ่งที่ทำให้เขาและเธอเข้าใจกันได้โดยไม่ต้องเอ่ยปาก ไม่ต้องแม้แต่มองตา ถึงไม่อาจจำกัดความมันได้ด้วยคำพูด แต่มันก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญไม่เปลี่ยนแปลง
หลายครั้งที่เขารู้สึกถึงสายสัมพันธ์เช่นนี้กับคนมากมาย ทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่ใช่ญาติ ไม่อาจเรียกได้ว่ามิตร บางคนก็ถึงกับตั้งตัวเป็นศัตรู แต่ก็หัวใจก็ยังอุตส่าห์สร้างสายสัมพันธ์เหล่านั้นขึ้นมาจนได้ แล้วยังยึดถือเอาเป็นสิ่งสำคัญของตัวเองเสร็จสรรพ ทั้งที่ตัวเขาเองก็ไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนั้นเลยสักนิด
ถึงบอกไงว่าหัวใจคนเราน่ะมันแปลก
โอคิตะลุกขึ้นยืน แล้วหันไปทางคางุระ
“มาใกล้ๆนี่สิ”
“หีอ? ลื้อมีอะไรเรอะ” เด็กสาวถามแต่ก็ยอมเดินเข้าไปหาโดยดี
“หลับตาซะ”
“ไม่! อั๊วะไม่ล่ายกินหญ้าเปงอาหารน่ออาตี๋”
ถ้าหล่อนทำตามล่ะก็ หมอนี่ต้องเล่นเอานิ้วทิ่มรูจมูกแน่นอนร้อยเปอร์เซ็น
“ชิ!” คุณชายซาดิสม์สบถออกมาอย่างเสียดาย
...รู้ทันตลอดเลยนะยัยนี่ ไม่ยักโง่เหมือนฮิจิคาตะ...
(ตูอุตส่าห์ปลีกวิเวกแล้วยังตามกัดอีกเรอะเจ้าบ้า! - ฮิจิคาตะ)
“งั้นไม่ต้องก็ได้ ยืนอยู่ตรงนั้นเฉยๆก็พอ”
“ลื้อจะทำอะไร”
โซโกะไม่ตอบ แต่ดึงร่างเล็กนั้นเข้ามากอดเงียบๆ โอบรัดจนแนบแน่น ไร้ซึ่งคำอธิบายใดๆ
แต่คางุระไม่ถามอะไรอีกเลย
............................................................................................................................................
“คางุระจัง มีจดหมายถึงเธอแน่ะ”
ชินปาจิร้องบอกคางุระที่เดินงัวเงียมานั่งแปะบนโซฟา อากาศยามเช้ากลางเดือนมกราคมอุ่นมาขึ้นนิดหน่อย แสงแดดสดใสส่องผ่านซี่ไม้กั้นหน้าต่างเข้ามาอาบไล้ร้านรับจ้างสารพัด อาหมวยหงาวหวอดๆ ก่อนล้มตัวลงนอนต่อ
“จากครายอ่ะน่อ?” เธอถามเสียงยานๆ
“อืม...เดี๋ยวนะครับ ผู้ส่ง...คา...มุ...อิ..................................................”
นานกว่าสามสิบวินาที สมองของเด็กหนุ่มจึงจะประมวลผลเสร็จ
“เย้ยยย!”
เสียงแปดหลอดดังไปสามบ้านเจ็ดบ้านทำให้คุณกินที่ยังคงนอนเมาค้างอยู่ตะโกนออกมาจากในห้อง
“เงียบๆหน่อยได้ไหม คนจะหลับจะนอน!”
“ตกใจอะไรนักหนาน่อ ก็แค่การ์ดปีใหม่” คางุระทำหน้าเอือม ขณะหยิบจดหมายจากอาเฮียสุดรักปานจะฆ่ากันตายมาเปิดออก แล้วแกะอ่านข้างใน
ชินปาจิยังคงทำหน้าเหมือนเห็นผีกลางวันแสกๆ อยากจะโวยวาย แต่ตอนนี้ตกใจจนพูดอะไรก็ไม่เป็นภาษา
“อาเฮียบ้านี่ ส่งมาซะกลางเดือนแล้วเนี่ยอ่ะนะ”
เนื้อความในจดหมาย:
ขอให้ปีนี้คางุระและซากาตะซังแข็งแกร่งขึ้นมากๆนะ รีบๆฝึกฝนตัวเองเข้าล่ะ ฉันรอที่จะไปฆ่าพวกเธอแทบไม่ไหวแล้ว
ปล. พอดีอยู่ไกล อาจถึงเลยปีใหม่นะ
ปล.2 วันก่อนเจอตาเหน่งแน่ะ แถมดูเหมือนจะรู้ด้วยล่ะว่าฉันแอบไปเล่นกับเธอที่เอโดะมา เกือบจะได้ฉะกันเพราะเรื่องนั้นอยู่แล้วเชียว เสียแต่ฉันไม่มีเวลามากนักเลยไม่ได้ละเลงเลือดสักเท่าไร น่าเบื่อจริงๆ
ปล.3 ฝากความคิดถึงถึงแฟนเธอด้วยนะ แล้วก็บอกด้วยว่ารีบๆแข็งแกร่งขึ้นสักที ฉันจะได้ฆ่าทีเดียวสามคนเลย
ด้วยรัก...คามุอิ
...................................................[The End]............................................................
ความคิดเห็น