Fan Fic Tokyo Ghoul The Dream of Past
ไม่เจอกันนานเลยนะ....จำฉันได้รึเปล่า..อาริมะคุง
ผู้เข้าชมรวม
269
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เสียงฝีเท้าของเจ้าหน้าที่สืบสวนกูลผู้มีเรือนผมสีขาวหิมะได้ค่อยๆ ก้าวเดินออกมาจากลิฟต์เขาค่อยๆ เดินอย่างช้าๆ ไปตามทางเดินที่ทอดตรงไปสู่ห้องของเขา เขาได้เปิดประตูห้องออกแล้วก้าวเข้าไป วางกระเป๋าเอกสารสีดำที่มีลวดลายสีทองสะดุดตาไว้ก่อนจะเดินมาทิ้งตัวเองลงไปที่เตียง เขารู้สึกเหนื่อยมากและเขาต้องการพักผ่อนเดี๋ยวนี้และอีกอย่างพรุ่งนี้เขาก็มีประชุมกับผู้ร่วมอุดมการณ์ของเขาอีกด้วย “เจอกัน 10 โมงที่ศาลเจ้า ถ้านายตื่นสายละก็ฉันจะไปหานายถึงห้องเลยละนะ….อาริมะ~~” เสียงของหญิงสาวเจ้าของเรือนผมยาวสีเขียวดังแว่วขึ้นมาภายในหัวของเขา เอโตะกูลสาวที่เขาไว้ชีวิตเธอและเปิดอกคุยกันในตอนนั้นตอนนี้กลับโตเป็นผู้หญิงที่สวยมาก “มองอะไรตาแก่ หรือว่าจ้องจะตะครุบฉันรึไง หุๆ” บางครั้งเขาก็ไม่เข้าใจเธอเหมือนกันเพราะเอโตะมักจะมีท่าทีที่ดูจะสุขใจมากหลังจากที่ได้พูดจายียวนกวนประสาทเขา แต่เขาก็ไม่ได้ถือโทษโกรธอะไรเธอ ตอนนี้เขาเหนื่อยมากดวงตาของเขาค่อยๆ หลับลง อาริมะ คิโชว ราชาตาเดียวได้เข้าสู่ภวังค์แห่งนิทรายามราตรี…………..ชายหนุ่มวัยกลางคนค่อยๆ ลืมตาขึ้นเมื่อเขารู้สึกถึงบางอย่างที่มากระทบกับใบหน้าของเขาและรุ้สึกถึงบางสิ่งที่กำลังลูบไล้หัวของเขาอยู่ “อะ ขอโทษนะฉันกะจะเอื้อมมือไปจับมันไม่ให้หล่นใส่เธอแท้ๆ แต่ก็กลัวเธอจะตื่นน่ะ แต่เธอก็ตื่นจนได้เนี้ยสิ” เสียงอ่อนนุ่มคุ้นหูดังขึ้น อาริมะชายตามองไปยังเจ้าของเสียงที่ตอนนี้กำลังลูบไล้หัวของเขาที่วางอยู่บนตักของเธออยู่ “เธอคือ….” อาริมะดูจะแปลกใจเล็กน้อยกับภาพตรงหน้า “ไม่เจอกันนานเลยนะ….จำฉันได้รึเปล่า..อาริมะคุง” มินามิ อูรูกะ กูลสาวที่ตายไปเมื่อ 17 ปีก่อนในตอนที่อาริมะยังเรียนอยู่ ตอนนี้เธอได้มาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว “คุณมินามิ” "จำกันได้ด้วย.
..ดีใจจังเลยนะเนี้ย" “ที่นี่ที่ไหน?” “อือออ…ก็ไม่รู้หรอกนะว่าควรจะเรียกว่าอะไรดีแต่เรียกแดนสนธยาก็ละกัน” ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้กันครั้งสุดท้ายที่เขาจำได้เขาอยู่ที่ห้องของเขานี่ “ทำไมพวกเราถึงมาอยู่ที่นี่” อาริมะถามมินามิพร้อมกับยันตัวเองลุกขึ้น “นั่นมันเป็นคำถามของฉันมากกว่า..ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่” อาริมะเงียบไปสักพักก่อนจะตอบเธอกลับ “ฉัน..ไม่รู้ครั้งสุดท้ายที่จำได้ฉันนอนอยู่บนเตียงในห้องตัวเอง” มินามิทำสีหน้าตกใจเล็กน้อยก่อนที่เธอจะลุกขึ้นเดินไปตามทางที่มีออโรร่าอยู่บนท้องฟ้า “ครั้งสุดท้ายที่ฉันจำได้คือฉันอยู่ในที่ที่มืดและก็หนาวมากๆ พอรู้สึกตัวอีกทีก็มีเธอมานอนหนุนตักฉันซะแล้วละ” อาริมะลุกขึ้นยืน เขามองดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยออโรร่าและมีดาวตกตกเป็นระยะ “ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วอาริมะคุงไปเดินเล่นกันเถอะ..ฉันมีเรื่องอยากจะคุยตั้งหลายเรื่องเลย” อาริมะไม่พูด. อะไรเขาเพียงแต่เดินไปยังที่ที่มินามิยืนอยู่ ทั้งคู่ออกเดินไปด้วยกันบนเส้นทางที่ไม่รู้ว่าจะจบลงตรงไหน ระหว่างทางที่ทั้งคู่เดินนั้นไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต มีเพียงพวกเขาสองคนท่ามกลางดินแดนที่ไม่รู้จักเท่านั้น “เธอดูเปลี่ยนไปมากเลยนะ….สูงขึ้น แว่นก็เปลี่ยนใหม่ ตัดผมใหม่ ผมสีขาวนั่นอีกไปย้อมมางั้นเหรอดูเข้ากับเธอดีนะ” เด็กสาวพูดขึ้นระหว่างที่พวกเขากำลังเดินอยู่บนสะพานไม้ “เปล่า..ไม่ได้ย้อมมาหรอก” “งั้นเเหรอ~~อะ ดูสิข้างหน้ามีสวนสาธารณะด้วยละเราหยุดพักกันดีกว่าเนอะจะได้คุยกันสะดวกขึ้น” ทั้งคู่เดินมานั้งลงบนม้านั่งตัวเดียวกันโดยเว้นระยะนั้งไม่ห่างกันนัก มินามิเป็นคนเริ่มถามอาริมะก่อน “แล้ว..หลังจากฉันตายไปมีเรื่องเกิดขึ้นมากมายเลยสินะ แล้วเธอเป็นยังไงบ้าง” “ฉันย้ายโรงเรียนแล้วก็ยังเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนต่อ” อาริมะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง บรรยากาศเริ่มเงียบลงสายลมพัดพานร่างของทั้งคู่ “ตอนนั้น..เธอไม่ได้คิดอยากจะฆ่าฉันจริงๆ สินะ” เหลือเชื่อที่อาริมะเป็นคนทำลายความเงียบนี้ลง “อาริมะคุงหมายถึงคืนนั้นน่ะเหรอ” อาริมะไม่ตอบอะไรเขาเริ่มพูดต่อจากประโยคเมื่อครู่ “ถ้าเธอคิดจะฆ่าฉันจริงๆ คงลงมือไปโดยที่ไม่ให้ฉันตั้งตัวแล้ว ฉันอยากรู้เหตุผลว่าทำไม” มินามิเริ่มขยับเข้ามาใกล้อาริมะมากขึ้น “ถ้าฉันบอกเธอว่า ฉันชอบเธอ เธอจะเชื่อฉันมั้ย” อาริมะยังคงอยู่ในท่าทีนิ่งเฉยถึงแม้จะได้ยินคำพูดแบบนั้น “ดูเธอไม่แปลกใจเลยนะ..เฮ้อ..ก็สมกับเป็นเธอละนะ” มินามิขยับมือของเธอไปวางทับบนมือของอาริมะไว้ “ถ้าอาริมะคุงมีเรื่องอะไรที่อยากเล่าอยากจะระบายก็เล่ามาได้เลยนะ คนตายไปแล้วอย่างฉันจะรับฟังมันไว้เอง” ทัันใดนั้นอาริมะก็โผเข้าสวมกอดร่างของมินามิเอาไว้พร้อมกับคำพูดที่หลั่งออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ยมฑูตผู้นี้อัดอั้นมาตลอด “ขอโทษ..ที่พรากชีวิตไปจากเธอ ขอโทษ..ที่พรากอนาคตไปจากเธอ ฉันขอโทษ” มินามิสวมแขนของเธอโอบอ้อมตัวของอาริมะเอาไว้ “อะไรกัน..นี่เธอเป็นคนอ่อนไหวขนาดนี้เลยเหรอ….ตอนนั้นเธอเองก็ไม่ได้ฆ่าฉันทันทีนี่นา..ตอนแรกก็คิดว่าเธอจะเก็บฉันไว้ให้ฟูระคุงมาเจอจะได้รู้ความจริงซะอีก..แต่พอมาลองคิดดูแล้วฉันอยากได้ยินจาก. ปากของเธอมากกว่าขอรู้เหตุผลได้มั้ย” อาริมะยังคงร้องไห้อยู่แต่เขาก็อยากจะบอกให้เธอได้รู้ถึงเหตุผลของเขา “เพราะฉัน..ไม่ได้อยากฆ่าเธอ” มินามิได้ยินแบบนั้นเธอก็ไม่ได้มีทีท่าอะไรเธอเพียงสวมกอดอาริมะแน่นขึ้นเท่านั้น “ขอบคุณนะอาริมะคุง..ขอบคุณสำหรับทุกสิ่ง” ทั้งคู่ได้คลายกอดออกจากกันและกันและตอนนี้ก็ดูเหมือนเวลาของพวกเขาที่นี่่กำลังจะหมดลงแล้ว “ดูเหมือนพวกเราคงต้องบอกลากันจริงๆ แล้วละนะ อาริมะคุง ฉันดีใจนะที่ได้คุยกับเธอแบบจริงๆ จังๆ สักที ขอบคุณนะ” อาริมะรู้ดีว่าเขาอาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเขาจึงอยากจะบอกลามินามิเพราะในที่สุดเขาก็มีโอกาสได้พูดในสิ่งที่เขาอยากจะบอกเธอมาตลอดสักที “ขอบคุณนะ..อูรูกะ..แล้วฉันจะตามเธอไป” “ลาก่อน” คำพูดของทั้งคู่ดังขึ้นพร้อมกันก่อนที่จะมีแสงวาบขึ้นมาพร้อมกับเปลือกตาของยมฑูตผู้นี้ที่ค่อยๆ เปิด. ออก สิ่งแรกที่อาริมะเห็นคือเอโตะที่กำลังคร่อมตัวของเขาอยู่พร้อมปากกาดำในมือของเธอ “ชิ ดันตื่นก่อนซะได้ กะจะเสริมหล่อให้แท้ๆ ฮึๆ” เสียงของหญิงสาวผมยาวสีเขียวดังขึ้นขณะที่เธอค่อยๆ ลุกออกจากร่างของอาริมะ “เธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่” “ก็นานซะจนเห็นนายร้องไห้ตอนหลับนั่นแหละ ฉันปลุกเท่าไหร่นายก็ไม่ยอมตื่น” อาริมะลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินตรงมาหาเอโตะ “อะไร นายโกรธที่ฉันมาหานายถึงห้องงั้นเหรอ” อาริมะได้สวมกอดเอโตะซึ่งนั่นมันก็ทำให้เธอตกใจนิดหน่อย “จู่ๆ ก็มากอดกันแบบนี้ ถ้าคิดจะอ้อนทำเรื่องบนเตียงตอนนี้คงไม่สะดวกหรอกนะ คุณทาทาระกับคุณโนโระกำลังรอพวกเราอยู่” “ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกันไปไหน” “อะไรของนายจู่ๆ ก็มาขอบคุณกัน” อาริมะคลายกอดออกจากเอโตะแล้วเดินไปเก็บผ้าห่มจัดเข้าที่ให้เรียบร้อยแต่เขาก็ต้องไปสะดุดกับประตูหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ “นี่เธอพังหน้าต่างเข้ามาเหรอ” “ก็ยังดีกว่าพังประตูห้องนี่จริงมั้ย อีกอย่างฉันแปลกใจด้วยซ้ำที่นายไม่รู้สึกตัว คงจะหลับลึกน่าดูเลยนะเนี่่ย” อาริมะเดินไปเก็บบานหน้าต่างที่ถูกดึงจนหลุดขึ้นมาวางพิงไว้กับผนังของห้อง “เธอล่วงหน้าไปก่อนได้เลยเดี๋ยวฉันจะตามไป” เดี๋ยวฉันจะตามเธอไปคำพูดที่เขาพูดกับเธอคนนั้นในฝันได้แวบเข้ามาในหัวของอาริมะซึึ่งก็ดูเหมือนจะทำให้เขาชะงักไปสักพัก เอโตะที่สังเกตเห็นแบบนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรเธอเพียงเดินออกไปยังหน้าต่างที่เข้ามาก่อนหน้านี้พร้อมดึงผ้าคลุมให้คลุมศรีษะของเธอเอาไว้ “ไม่ว่าสิ่งที่นายฝันถึงเมื่อคืนจะเป็นอะไรก็ช่าง..แต่ฉันอยากให้นายรู้ไว้ว่า….นายไม่ได้อยู่ตามลำพังหรอกนะ” เอโตะหันมาส่งยิ้มให้กับอาริมะก่อนที่เธอจะหายไปจากอพาร์ตเมนต์ของเขา อาริมะยืนมองที่ที่เอโตะยืนอยู่เมื่อกี๊ก่อนที่เขาจะเดินไปสวมเสื้อโค้ทสีขาวและหยิบกระเป๋าควินเก้ติดตัวไปด้วย ในตอนนี้เขาได้ปลดปล่อยสิ่งที่เขาอยากจะบอกให้เธอคนนั้นได้รู้มาตลอดแล้วถึงแม้จะเป็นความฝันแต่มันก็ได้ทำให้เขาพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าเพื่อปณิธานที่เขาและเอโตะได้ตั้งมั่นไว้ “การสร้างโลกที่มนุษย์และกูลจะสามารถอยู่ร่วมกันได้”
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ Kishou ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Kishou
ความคิดเห็น