หวนคืนรักนิรันดร์กาล
ว่ากันว่าน้ำหยดหยดลงแผ่นหินทุกวันแผ่นหินยังกร่อนนับประสาอะไรกับใจคน ความรักของถงหว่านเออร์ที่มีต่อถงเฉินกงก็เป็นเช่นนั้นแต่เฉินกงพึ่งรู้เมื่อเขาหมดโอกาสแล้วหวนคืนคราวนี้ต่อให้ฟ้าถล่มนางต้องเป็นของเขา
ผู้เข้าชมรวม
10,308
ผู้เข้าชมเดือนนี้
38
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทนำ
“ท่านย่าอย่าขายข้าเลยนะเจ้าค่ะ”
เสียงร้องไห้ขอความเมตตาทำให้ผู้คนเดินผ่านไปมาอดสงสารไม่ได้ เพียงแต่พวกเขาทำได้เพียงแค่สงสารไม่อาจยื่นมือเข้าไปยุ่งด้วยได้ แค่ปากท้องของตนเองก็ลำบากมากพอแล้ว
“นังเด็กไร้ประโยชน์ บิดามารดาของเจ้าไม่อยู่แล้ว จะให้ข้าเก็บเจ้าเอาไว้ทำไม ขายเจ้าวันนี้บ้านข้าคงมีเงินซื้อข้าวอีกหลายปี”
หญิงชราไม่พูดเปล่ายังใช้ฝ่ามือของตนเองฟาดลงบนแผ่นหลังเล็ก เสียงฝ่ามือกระทบบนแผ่นหลังของเด็กน้อยดังจนคนยืนอยู่บริเวณนั้นได้ยิน แต่หญิงชราแซ่เจียงก็หาได้สนใจสายตาของคนเหล่านั้น ในใจของนางกำลังวาดหวังว่าจะขายเด็กน้อยได้ไม่ต่ำกว่าห้าตำลึง
“หุบปาก...จะร้องไห้หาบิดาเจ้าหรือ “เจียงซื่อตวาดเสียงดังให้เด็กน้อยหยุดร้องไห้ แต่แทนที่จะหยุดเพราะความตกใจเด็กหญิงร้องดังมากกว่าเดิม เจียงซื่อทั้งหยิกทั้งตี พร้อมลากร่างเล็กมุ่งหน้าไปยังถนนค้าทาส
ถนนค้าทาสไม่ว่าจะเป็นตรอกใดซอกใด ล้วนแต่เป็นการค้าขายมนุษย์ นอกจากนั้นยังมีสัตว์เลี้ยงด้วย แต่สิ่งที่ทั้งคนและสัตว์เหมือนกันก็คือถูกขังเอาไว้ในกรง
“ท่านย่าอย่าขายข้าเลยเจ้าค่ะ ไม่ว่าท่านย่าจะให้ข้าทำงานอะไรข้าจะไม่เกียจคร้าน”
เด็กน้อยส่งสายตาอ้อนวอนให้กับเจียงซื่อ นางไม่เข้าใจเพราะเหตุใดท่านย่าของถึงไม่เอ็นดูนางเหมือน ลูกของท่านอารองและอาสาม ท่านย่ามักด่าทอและกดดันท่านพ่อของนาง ท่านแม่ของนางเองทำงานหนักดูแลงานบ้านทั้งบ้าน หาได้เกียจคร้านเหมือนท่านอาสะใภ้
เดิมทีนางคิดว่าท่านย่าใจดำรักลูกหลานไม่เท่ากัน แต่หลังจากท่านพ่อท่านแม่จากไปนางถึงได้รู้ว่า ท่านพ่อเป็นลูกติดของท่านปู่ ตอนนี้ท่านปู่ไม่อยู่นางเจียงซื่อคนนี้นับว่าไม่มีความสัมพันธ์อันใดต่อกัน
เจียงซื่อไม่ได้สนใจสายตาอ้อนวอนนั้น ไม่มีความเห็นใจให้ นางหันไปยิ้มให้กับพ่อค้าทาส รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความประจบเอาใจ จากนั้นก็เจรจาต่อรองราคาความหวังจะขายห้าตำลึงแต่พ่อค้าให้เพียงหนึ่งตำลึงเท่านั้น
“นายท่านถึงนางจะตัวเล็กแต่ปีนี้นางห้าหนาวแล้ว ทำงานคล่องมือหากขายให้จวนขุนนางต้องได้ราคาแน่นอน”
“เพ้ย...ตัวแค่นี้ข้าจะซื้อมาทำอะไรหนึ่งตำลึงถือว่ามากพอแล้ว จะขายก็ข้าไม่ขายก็ไสหัวไปซะ ข้ามีหลายอย่างต้องทำ”
“นายท่านเห็นใจข้าเถอะ “เจียงซื่อยังคงพยายามต่อรอง “สะ...สามตำลึง ดีหรือไม่เจ้าคะ”
พอค้าทาสไม่พูดอะไร เขาแสดงสีหน้ารำคาญแล้วโบกมือเรียกคนให้ไล่สตรีนางนี้ไปเพื่อตัดความรำคาญ เจียงซื่อถอยหลังออกมาหลายก้าว ใครบ้างอยากเจ็บตัว พ่อค้าทาสไม่ได้มีคนเดียวสักหน่อย
“ท่านขายนางให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ”
เจียงซื่อมองคนมาของซื้อหลานสาวนอกไส้ด้วยสายตาดูแคลน สตรีที่มาขอซื้อนั้นอยู่ในชุดเก่ายิ่งกว่านางเสียอีก
“ห้าตำลึง เจ้ามีเงินซื้อหรือไม่ “น้ำเสียงของเจียงซื่อแข็งกระด้าง ภาพไม่ต่างอะไรกับนางมีเงินหนึ่งตำลึงก็มากพอแล้ว
“เมื่อครู่มิใช่บอกว่าสามตำลึงหรือเจ้าคะ”
“ไอ้หย่า...ฮูหยินท่านนี้หากไม่ซื้อไปเป็นทาสคงไม่พ้นซื่อเอาไปเลี้ยงให้เป็นภรรยาของบุตรชายในอนาคต หรือไม่ก็ทั้งสองอย่างราคาสามตำลึงมันไม่น้อยไปหน่อยหรือ”
สุ่ยหลิวยังคงยิ้มแม่หนูน้อยหน้าตามอมแมมเหมือนแมวตกน้ำ ในแววตาตื่นตระหนกราวกับกระต่ายน้อย ไม่รู้เพราะอะไรนางถึงอยากได้เด็กที่ตัวเล็กและผอมแห้งไปเลี้ยงที่บ้าน ไม่ผิดนางต้องการหาเด็กสักคนไปเลี้ยงเพื่อเป็นภรรยาและคลอดลูกให้กับบุตรชายของนาง
หรือในอนาคตบุตรชายของนางมีเงินแต่งภรรยา ได้อยู่กับคนที่ชอบนางก็แค่ยกเด็กคนนี้ให้เป็นทรัพย์ของเขาก็ได้
“ขายให้ข้าสามตำลึงก็ดีกว่าขายให้พ่อค้าหนึ่งตำลึงไม่ใช่หรือ หลานท่านไม่เพียงตัวเล็กแต่ผอมแห้งเหล่าพ่อค้ามนุษย์พวกนั้นคงให้ท่านได้ไม่มาก”
เจียงซื่อมีท่าทางลังเลเล็กน้อยแต่กระนั้นปากของนางก็ไม่โอนอ่อนผ่อนตาม สุ่ยหลิวมีหรือจะปล่อยโอกาสไป นางกล่าวประโยคถัดไปทันที
“คิดให้ดีนะสามตำลึงใช้จ่ายในครอบครัวได้อีกหลายปี”
“สามตำลึงก็สามตำลึง “เจียงซื่อตัดสินใจได้ในที่สุด สามตำลึงก็ยังดีกว่าหนึ่งตำลึง
หลังจากตกลงซื้อขายกันได้แล้ว เจียงซื่อก็ยื่นหนังสือเทียบเกิดของหว่านเออร์ นั้นหมายความว่านางขายขาด อีกทั้งยังพากันไปทำสัญญาทาสอย่างเป็นทางการ
หว่านเออร์มองตามหลังของเจียงซื่อ หญิงชราผู้มีฐานะเป็นย่าแม้ไม่ใช่ย่าแท้ ๆ ก็ตาเดินห่างออกไป ทุกฝีก้าวของเจียงซื่อเร่งรีบราวกับกลัวว่าคนที่ซื้อนางจะเปลี่ยน หว่านเออร์ก้มหน้าลงมือข้างหนึ่งยกขึ้นปาดน้ำตาออกจากแก้ม
ท่านแม่บอกว่าหากอยากให้คนเอ็นดูต้องยิ้มให้กว้าง ทำตัวให้น่ารัก อย่าร้องไห้มันจะทำให้คนอื่นรำคาญ ยิ้มเข้าไว้หว่านเออร์นำสิ่งที่ท่านพ่อและท่านแม่สอนมาใช้เพื่อประคองให้ตนเองมีชีวิตรอด บางทีบ้านหลังใหม่อาจไม่เลวร้ายอย่างที่นางหวาดกลัวก็ได้
“เด็กน้อยเจ้ามีชื่อว่าอะไร”
“หว่านเออร์เจ้าคะ “เมื่อขายกันแล้วนับว่าตัดขาดนางจะยังใช้แซ่เดิมได้อยู่หรือดังนั้นหว่านเออร์จึงบอกเพียงนามไม่บอกชื่อ
“น่าเอ็นดูเสียจริง นับแต่นี้เจ้าเป็นคนของบ้านข้าเช่นนั้นใช้แซ่ของบ้านข้าก็แล้วกัน ถงหว่านเออร์”
หว่านเออร์ผู้ใดแซ่ใหม่พยักหน้าไม่กล่าวอะไรออกมา จากนั้นก็เดินตามสุ่ยหลิว เดินตามไปเรื่อย ๆ ไม่พูดไม่ถาม
สุ่ยหลิวซื้อข้าวและเครื่องปรุงหลายอย่างอีกทั้งนางยังได้หนังสือไปให้บุตรชายของนางด้วย ความจริงชาวบ้านอย่างนางไหนเลยจะรู้หนังสือ แต่ร้านหนังสือเก่าร้านหนึ่งเจ้าของตายจากลูกหลานไม่ดูแลเลยเอาหนังสือทิ้ง นางเสียดายเลยของซื้อ หลังจากนั้นจึงกลับบ้าน
ผลงานอื่นๆ ของ Kimm-sapei2537 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Kimm-sapei2537
ความคิดเห็น