ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Twin , My Omega | #myomegakm

    ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER II

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 205
      18
      2 ก.ค. 61

    MY TWIN , MY OMEGA

    CHAPTER II

    รถยนต์คันสีดำคันหนึ่งขับมาจอดอยู่หน้าคฤหาสถ์หรูหรา ประตูรถเปิดออกโดยโชเฟอร์หรือคนขับรถประจำบ้าน อัลฟ่าตระกูลสูงศักดิ์ก้าวลงจากรถก่อนจะเดินตรงเข้าคฤหาสถ์ไป

    “ข้าวเย็นล่ะมาเรีย” อัลฟ่าหนุ่มเอ่ยถามกับหนึ่งในแม่บ้านที่มายืนต้อนรับอย่างเป็นมิตร

    “จัดเตรียมไว้ให้ในห้องทานอาหารเรียบร้อยแล้วค่ะ”

    “อืม ดี” อัลฟ่าหนุ่มพึมพำกับตัวเองก่อนจะถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกและส่งให้แม่บ้านคนเดิม เขาเดินตรงไปยังห้องรับประทานอาหารที่ว่า

    เมื่อเขาเปิดเข้ามาในห้อง ก็พบกับน้องชายของตนกำลังนั่งรอเขาให้มารับประทานอาหารเย็นพร้อมกัน

    พวกเขาใช้นามสกุลเดียวกัน อายุเท่ากัน เป็นอัลฟ่าเหมือนกัน หล่อเหมือนกัน พ่อคนเดียวกัน แตกต่างเพียงแค่ว่า เขาเป็นลูกต่างแม่กัน

    ที่นับพี่นับน้องได้ทั้งที่อายุเท่ากัน ก็เพราะเขาตกลงจะนับกันตามคนเป็นแม่นั่นแหละ คนเป็นพี่แม่เป็นเมียหลวง ส่วนคนน้องนั้น เราต่างก็รู้กันดี

    “ช้าว่ะ” คนเป็นน้องบ่นขึ้นทันทีที่เห็นหน้าพี่ชายตัวดีของตนที่ทำให้เขารอเก้อตั้งแต่ตกเย็นจนหัวค่ำ

    “ถ้าหิวก็กินไปก่อน บอกแล้วไง” คนเป็นพี่เดินไปยังเก้าอี้ของตนก่อนจะนั่งลงอย่างช้าๆ เขานั่งตรงข้ามกันทำให้สะดวกในการสื่อสารคุยกัน

    “เฮ่อ ก็เคยโดนพ่อบ่นเรื่องไม่รอไง”

    “แต่พ่อก็ไม่อยู่แล้วนี่” อัลฟ่าทั้งสองใช้มีดหั่นเสต็กก่อนจะตักมันเข้าปากของตน

    “อยู่ก็แต่สมบัติ ..ที่ไม่รู้จะได้รึเปล่า” คนเป็นพี่ส่ายหัวให้กับประเด็นที่น้องชายของตนกำลังพูดถึง ส่วนคนน้องก็ก้มหน้าก้มตากินต่อไป

    เขาพูดถึงสมบัติเป็นรอบที่ล้านหลังจากพ่อเสีย ทั้งที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าพ่อจะแบ่งสมบัติให้พี่และน้องคนละกี่เปอร์เซ็นต์ แต่คนเป็นพี่ก็พอเข้าใจหัวอกลูกเมียน้อยที่กลัวได้อะไรน้อยกว่าลูกเมียหลวงอย่างตน

    ถึงแม้บางครั้งจะดูหวังสมบัติมากเกินไปก็ตามเถอะ

    “ต้องได้สิ” อัลฟ่าหนุ่มคนพี่เอ่ยขึ้น

    “จะได้ได้ยังไง โจลัส เมียมันไม่ได้หากันง่ายๆ ปะวะ อายุก็ปูนนี้แล้—” คนน้องเงยหน้าก่อนจะพูดรัวๆ จนคนเป็นพี่อย่างโจลัสต้องรีบพูดแทรกขึ้น

    “จำน้องมิกซ์ได้ไหมล่ะ”

    “…” อัลฟ่าหนุ่มคนน้องเงียบไปสักพัก หลังจากที่นึกออกเขาก็พูดขึ้น “อ๋อ เด็กแฝดนั่นเหรอ”

    “อืม” การตอบกลับมาเพียงพยางค์เดียวของโจลัส เหมือนกับตั้งใจให้อีกฝ่ายสงสัย จนคนน้องต้องถามขึ้น

    “ยังไง”

    “น้องเขาเพิ่งฟื้นไม่นานหลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ วันนี้ไปคุยมาแล้ว”

    “เลิกฮุบดิ๊ เล่าให้หมด” คนน้องเริ่มเอือมระอากับการพูดของอีกฝ่ายที่ทำให้ตนลุ้นจนเริ่มรู้สึกเหนื่อย

    “กำลังแกล้งสนุกเลย ก็.. น้องเขายอมแต่ง”

    “ห๊ะ” ความประหลาดใจผุดขึ้นเต็มหัวของคนน้องจนเขาเผลออุทานออกมาโดยไม่รู้ตัว

    “อืม ตามนั้นแหละ”

    “เดี๋ยวๆ น้องรู้จักพี่ด้วยเหรอ”

    “ไม่รู้จัก”

    “แล้ว แล้ว..” คนน้องเกิดอาการกระวนกระวายด้วยความตื่นเต้นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่ หน้าตาเหวอๆ ตอนนี้ของเขา ถ้าหากได้เห็นคงขำขันน่าดู

    “น้องเขาไม่รู้จักพี่ พี่แค่เข้าไปในห้องพักเขาและบอกเขาไป ง่ายดีเหมือนกัน” โจลัสพูดออกมาหน้าตาเฉย แต่นั่นก็ไม่ทำให้น้องชายของตนเลิกทำหน้าเหวอสักที

    “ขอถามอีกครั้งได้ไหมพี่”

    “ว่ามา”


    “พี่ยังรักน้องเขาเหมือนเดิมใช่ไหม”


    “ก็ไม่เคยบอกว่าเลิกรักนะ” คนเป็นพี่ก้มหน้าก้มตากินอาหารในจานตนต่อจนหมด ส่วนคนน้อง หลังจากที่ได้รับคำตอบแล้วก็กินอาหารในจานตนต่อเช่นกัน

    บทสนทนาตัดจบลงเพียงแค่นั้น ทั้งสองไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก ต่างคนต่างแยกย้ายกันขึ้นห้องนอนของตน

    แต่ก่อนที่คนน้องจะขึ้นห้องนอนของเขานั้น เขาแวะเข้าไปในห้องทำงานของเขา เพื่อพูดคุยอะไรบางอย่างกับพ่อบ้านคนสนิทที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ประมาณห้าเดือนกว่าๆ

    “คุณ ไซจูน คิดว่ามันจะเป็นไปตามแผนไหมครับ” พ่อบ้านสูงราวๆ หนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรเอ่ยถามเจ้านายของตนทันทีที่เขาปิดประตูห้องทำงานของเขาแล้ว

    “ไม่น่ามีอะไรผิดพลาดว่ะ ที่เหลือก็รอแต่ง” ไซจูนนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานที่มีพนักพิงสูงจนเขาสามารถเอนพิงศีรษะของเขาเองได้

    “แล้วคุณไซจูนจะให้คุณโจลัสแต่งคนเดียวเหรอครับ” พ่อบ้านหัวแหลมพยายามโน้มน้าวเขาเพื่อที่จะเสนอความคิดอะไรบางอย่าง

    “หืม” ดูท่าอัลฟ่าผู้เป็นเจ้านายจะเริ่มสนอกสนใจ

    “คุณมิกซ์มีพี่ชายนะครับ ที่เป็นฝาแฝดกัน” พ่อบ้านรีบเสนอความคิดของตน ไม่รู้เจตนาอะไรถึงทำให้เขาเสนอไปแบบนั้น

    “รอดูก่อนแล้วกัน ไม่ค่อยได้เจอหน้า ยังไม่ค่อยสนใจ”

    “ครับ” พ่อบ้านรู้ดีว่าเจ้านายของตนกำลังสนใจในสิ่งที่ตนเสนอไป แต่เพียงแค่ต้องรอเวลาเท่านั้น

    “ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ไปนอนพักเถอะ ฉันอยู่อีกสักพักเดี๋ยวก็ไปนอนแล้ว” ไซจูนคว้าขาขวาของตนขึ้นมาไขว่ห้างบนขาซ้าย ก่อนจะมองบรรยากาศนอกหน้าต่างที่มีแสงดาวระยิบระยับสว่างนำ

    “ครับ” พ่อบ้านหนุ่มคว้าแผ่นกระดาษออกมาจากกระเป๋าเสื้อของตน ก่อนจะวางลงบนโต๊ะทำงานของเจ้านาย ไซจูนคว้ารูปที่อีกฝ่ายส่งมาขึ้นมาดูอย่างสนอกสนใจ

    “นี่รูป—”

    ปึ้ง

    ไม่ทันที่ผู้เป็นนายจะได้ถามถึงรายละเอียดข้อมูล พ่อบ้านก็ปิดประตูห้องทำงานและตรงไปยังห้องพักของเขาเสียแล้ว

    ไซจูนจ้องมองเด็กหนุ่มผมบลอนด์ในรูป หากมองผ่านๆ ไม่ได้สนใจอะไรเขาคงเหมือนพวกอัลฟ่าหน้าสวย แต่ถ้าหากได้รู้จักและมองลึกลงไป เขาคงจะเป็นเพียงแค่โอเมก้าแสนอ่อนไหวคนหนึ่งเพียงเท่านั้น

    “น่าสนใจดีเหมือนกัน” อัลฟ่าหนุ่มเอ่ยก่อนจะหยิบรูปสอดคั่นกลางไว้ในสมุดเล่มหนึ่งบนโต๊ะทำงานของตนและออกจากห้องไป



    อัลฟ่าร่างสูงเดินออกมาจากห้องน้ำภายในตัวห้องนอนของตน มีเพียงผ้าขนหนูผืนสีเทายาวพันรอบเอวของเขาเพียงเท่านั้นที่เป็นเครื่องนุ่งห่มปกปิดร่างกายทั้งหมดของเขาไว้

    โจลัสใช้ผ้าขนหนูอีกผืนหนึ่งขึ้นมาเช็ดผมที่เปียกปอนไปด้วยน้ำเปล่าหลังจากสระผมเสร็จ เขาตรงมานั่งบนเตียงของตนพลางเช็ดผมไปด้วยเรื่อยๆ

    ครืด ครืด

    เสียงโทรศัพท์สั่นไปมาเพราะระบบที่ถูกตั้งการแจ้งเตือนไว้ให้เป็นแบบสั่นไม่มีเสียงรบกวน

    สายหนึ่งโทรเข้ามาหาโจลัส เจ้าตัวคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดู เบอร์ที่ขึ้นมาบนจอโทรศัพท์ไม่ค่อยคุ้นตาเขานัก แต่เขาก็กดรับสายไป

    “ฮัลโหล”

    [ “คุณโจลัสใช่ไหมคะ” ] เสียงปลายสายเป็นเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งโจลัสก็พอคิดออกแล้วว่าเป็นเสียงของใคร

    “ใช่ครับ คุณไอรีนเหรอครับ”

    [ “ใช่ค่ะ ขอโทษที่มารบกวนตอนดึกดื่นแบบนี้นะคะ” ]

    “ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่คุณมีเรื่องด่วนอะไรรึเปล่าครับ” ด้วยความสงสัยเขาจึงถามออกไปอย่างตรงประเด็น

    [ “อาจจะฟังดูแปลกๆ นะคะ แต่มิกซ์เขาอยากคุยด้วยน่ะค่ะ” ]

    “คุย..?”

    [ “คุยเรื่องทั่วไปค่ะ เขาบอกว่าอยากทำความรู้จัก แต่ที่ให้ฉันมาคุยก่อนคงเพราะอายมั้งคะ” ] อัลฟ่าหนุ่มยิ้มกับสิ่งที่เขาได้ยิน

    โจลัสตอบรับไปอย่างโดยดี เขาพอเข้าใจอยู่บ้างว่าทำไมมิกซ์ถึงอยากคุยกับเขา

    เห็นหน้ากันนานๆ ครั้ง คุยกันได้ไม่กี่คำ คงไม่แปลกถ้ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยากจะทำความรู้จักว่าที่คู่วิวาห์ของตนก่อนจะย้ายเข้ามาอยู่บ้านอีกฝ่ายหรือก่อนแต่งงานกัน

    [ “ฮัลโหลครับ” ] เสียงบางเอ่ยขึ้นหลังจากรับโทรศัพท์มาจากแม่ของตน

    “ว่าไงหนูน้อย” อัลฟ่าหนุ่มกล่าวรับอย่างเป็นมิตรและเอ็นดู

    [ “เอ่อ..” ] โอเมก้าตัวน้อยไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี เขาคิดไม่ออกว่าจะชวนอีกฝ่ายคุยอย่างไร คงเพราะก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยคุยกันมาก่อนเลย

    “หืม”

    [ “เอ่อ ผม..” ] โอเมก้าตัวน้อยยังคงอ้ำอึ้งพูดไม่ถูก ส่วนอัลฟ่าก็ยิ้มให้กับความไร้เดียงสาของอีกฝ่าย

    “เอาแบบนี้ละกัน เดี๋ยวเราวางสายก่อน แล้วเดี๋ยวพี่โทรไปใหม่ ค่าโทรจะได้มาเปลืองเครื่องพี่”

    [ “อะ เอางั้นก็ได้ครับ” ]

    ปลายสายกดวางสายไป อัลฟ่ารอสักพักแล้วจึงกดโทรไปใหม่ คราวนี้บทสนทนาคงได้เริ่มจริงๆ จังๆ สักทีแล้วล่ะ

    “มิกซ์อยากคุยกับพี่เหรอครับ” ไม่มีคำว่า ฮัลโหล หลุดออกมาจากปากของอัลฟ่า มีเพียงประโยคที่เริ่มต้นเรื่องราวสักเรื่องเพียงเท่านั้นที่เขาพูดออกมา

    [ “คะ ครับ” ] โอเมก้าหยุดเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะรีบเอ่ยขึ้นก่อนที่อีกฝ่ายจะชวนคุยเรื่องอื่น [ “สรุปพี่ชื่ออะไรครับ” ] หนูน้อยยังคงสงสัยเรื่องเดิม ถึงแม้ฝ่ายอัลฟ่าจะให้สรรพนามสองอย่างให้ไปเลือกสรรแล้วก็ตาม

    “ไม่บอก” อัลฟ่าใช้น้ำเสียงกวนๆ หยอกล้อกับอีกฝ่าย

    [ “พี่!” ] โอเมก้าตะโกนเสียงดังลั่น ทำเอาอีกฝ่ายหลุดขำออกมาอย่างไม่รู้ตัว

    “เบาๆ สิเราน่ะ เดี๋ยวพี่กับแม่เราก็ตื่นหรอก” อัลฟ่ารีบเตือนทั้งๆ ที่ตอนนี้ตัวเขาเองก็หัวเราะเสียงดังไม่ต่างกันมากสักเท่าไหร่

    [ “ผมออกมาอยู่ตรงระเบียงแล้วน่า” ] เสียงที่ผ่อนคลายลง ลดอาการเกร็งลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ฝ่ายอัลฟ่าสบายใจขึ้น หนูน้อยของเขาคงจะปรับตัวได้บ้างแล้ว แต่เวลาที่เจอกันจริงๆ อาจจะแตกต่างออกไป

    ทั้งสองคุยกันราวๆ เกือบชั่วโมง มันคงฟังดูแปลกเพราะเขาทั้งคู่ไม่เคยคุยกันจริงจังมาก่อนเลยสักครั้ง แต่เหมือนกับมีอะไรบางอย่างที่ทำให้บทสนทนาของพวกเขาไหลลื่นและคุยกันได้เรื่อยๆ


    และพวกเขาต่างก็รู้สึกสบายใจเมื่อได้คุยกัน


    มันเป็นสัญญาณของอะไรหรือเปล่านะ


    จนกระทั่งเวลาห้าทุ่มเศษๆ ฝ่ายโอเมก้าตัวน้อยขอตัวไปนอนพักผ่อนเพราะต่อสู้กับความง่วงที่เข้าถาโถมไม่ไหว โจลัสไม่ได้ว่าอะไรยอมให้เขากดวางสายไปแต่โดยดี

    จะว่าไป เขาเองก็เพิ่งรู้ตัวว่าเขาอยู่ในผ้าขนหนูผืนนี้ผืนเดียวมาเป็นชั่วโมง เขาจึงรีบไปใส่เสื้อผ้าซะ

    โจลัสคว้าหนังสือเล่มหนึ่งมานั่งอ่านบนเตียง เขารู้สึกได้ผ่อนคลายเมื่อได้อ่านหนังสือสักเล่มก่อนนอน ช่างเป็นความรู้สึกที่คล้ายคลึงเมื่อเขาได้คุย ได้เห็นหน้า ได้พบสบตาโอเมก้าตัวน้อยของเขาอะไรเช่นนี้นะ

    “พรุ่งนี้แวะไปเยี่ยมหน่อยก็แล้วกัน” โจลัสว่าพลางวางหนังสือไว้ที่โต๊ะหัวเตียงก่อนจะทิ้งศีรษะของตนลงกับหมอนนุ่ม พลางว่าต่อ

    “แล้วเจอกันนะครับหนูมิกซ์” เขาพร่ำเพ้อถึงหนูน้อยโอเมก้าคนเดิมเป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะหลับไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×