ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Twin , My Omega | #myomegakm

    ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER III

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 262
      16
      8 ก.ค. 61

    MY TWIN , MY OMEGA

    CHAPTER III

    “ธัส ไปเช็คของในห้องน้องอีกทีซิ” คนเป็นแม่เอ่ยปากสั่งลูกคนโตของตน

    “ครับแม่” ธัสขานรับแม่ของเขา ก่อนจะเดินขึ้นบันไดและเข้าไปในห้องน้องชายของตนตามที่แม่สั่งให้ทำ

    “จะเก้าโมงแล้วเหรอเนี่ย..” ไอรีนเงยหน้ามองนาฬิกาแขวนผนังสี่เหลี่ยมเรือนหนึ่งในห้องนั่งเล่น “ธัส! เร็วๆ หน่อยนะลูก” เขาตะโกนบอกลูกชายคนโตของตนก่อนจะเดินเข้าไปหาลูกคนเล็กที่กำลังหาอะไรกินอยู่ในครัว

    มิกซ์กำลังปาดแยมผลไม้สีแดงสดน่ากินลงบนขนมปังโฮลวีท เขาพับขนมปังสองด้านเข้ามากันก่อนจะจับมันไว้และกินมัน

    เขาเคี้ยวขนมปังในปากจนแก้มตุ่ยออกมาอย่างเห็นได้ชัด หากพี่ชายของเขามาเห็น เขาคงโดนจับบีบจับฟัดแก้มเป็นแน่

    “มิกซ์ลูก รีบกินหน่อยนะ จะเก้าโมงแล้ว”

    “อั๊บแอ้ (ครับแม่)” มิกซ์ตอบกลับแม่ของตนในขณะที่กำลังเคี้ยวขนมปังอยู่เต็มปาก เขาหยิบขนมปังขึ้นมาอีกแผ่นและปาดแยมลงไปเช่นเดิม

    คนเป็นแม่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พลางส่ายหัวไปมาเบาๆ กับการกระทำของลูกน้อยแสนน่าเอ็นดู



    วันนี้เป็นวันที่ธัสไม่อยากให้มาถึงมากที่สุด เพราะวันนี้เป็นวันที่เขาและน้องชายของเขาจะไม่ได้อยู่ร่วมบ้านเดียวกันอีก

    เขาเลี่ยงหรือไม่ปฏิเสธอะไรไม่ได้ เขาทำได้เพียงจำใจยอมรับมัน



    “ผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” มิกซ์ที่นั่งๆ นอนๆ อยู่บนโซฟาเพื่อรอเวลาที่อัลฟ่าว่าที่คู่วิวาห์ของเขาจะมารับ ตัดสินใจไปเข้าห้องน้ำก่อนให้เสร็จสรรพ

    “จ้ะ” คนเป็นแม่พยักหน้ารับ

    เมื่อน้องชายคนเล็กของบ้านปิดประตูเข้าห้องน้ำไป ธัสก็รีบเรียกแม่ของตนทันที

    “แม่ครับ”

    “จ๋าลูก”

    “ถ้า.. ถ้ามิกซ์ไปอยู่บ้านนั้นแล้ว ผมจะยังไปหาน้องได้ไหมครับ” สายตาคู่หนึ่งคู่เดียวของลูกชายคนโตจ้องมองไปในตาของคนเป็นแม่อย่างคาดหวัง

    “ก็ลองคุยกับเขาดู” คนเป็นแม่ตอบคำถามข้อนี้ไม่ได้ จึงเสนอแนวทางอีกทางหนึ่งให้ธัสไป ไอรีนเองก็หวังว่าอัลฟ่าคนนั้นจะไม่ใจร้ายจนเกินไป

    ธัสพยักหน้ารับกับคำตอบจากปากของแม่ สีหน้าของเขาเป็นกังวลอย่างได้ชัด ไหนจะท่าทางนั่งกุมมือก้มหน้าก้มตามองพื้นนั่นอีก

    มิกซ์ที่เดินออกมาและเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของพี่ชาย เขาจึงรีบโผเข้าหาธัสทันทีด้วยความเป็นห่วง

    “พี่ธัสเป็นอะไร?” น้องเล็กมองหน้าพลางถามด้วยแววตาใสซื่อ

    “เปล่า” คำตอบที่เขาคิดไว้ในหัวมีหลากหลายตัวเลือกมาก แต่ปากทรยศกลับตอบไปสั้นๆ พยางค์เดียวให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่เชื่อและต้องถามย้ำอีกครั้ง

    “แน่?”

    “ไม่อะ” เสียงเฉยชาของคนเป็นพี่ทำให้คนเป็นน้องรู้สึกวูบโหวงโล่งขึ้นมากลางท้อง เขาไม่รู้ว่าพี่ของตนเป็นอะไร และทำไมต้องใช้น้ำเสียงแบบนั้นคุยกับเขา น้ำเสียงนั่นทำให้เขาไม่สบายใจเป็นอย่างมากเลยล่ะ

    “…” มิกซ์เงียบไปสักพัก สายตาเขาเลื่อนไปโฟกัสที่จุดอื่นก่อนจะเลื่อนย้อนกลับมายังพี่ชายของตน “แล้วเป็นอะไรล่ะ”


    “ไม่อยากให้ไป”


    ปากของธัสเลิกแข็งกระด้างและเลิกการพูดไม่ตรงกับใจไปชั่วขณะ เขาตอบอย่างตรงไปตรงมา ตรงเกินกว่าที่มิกซ์ได้คาดไว้มาก

    เกิดความผิดปกติบางอย่างขึ้นกับหัวใจบนอกซ้ายของมิกซ์อีกครั้ง

    จู่ๆ หัวใจดวงน้อยก็เต้น ‘ตึกตัก’ ขึ้นมา เต้นถี่และหนักใช่เล่นเลย มิกซ์คิดว่าเป็นอาการจากการตกใจหรืออะไรสักอย่างที่เกิดขึ้น เขาจึงไม่ได้คิดลึกลงไปอีกสักนิด


    เขาไม่รู้ตัวว่ากำลังเขินอาย


    เขินอายพี่ชายของตน


    ก๊อก ก๊อก

    ทั้งสามหันไปมองเสียงประตูบ้านที่ถูกเคาะ ไอรีนลุกจากโซฟาและตรงไปยังประตู ไอรีนชะงักมือของตนก่อนจะเปิดประตู เธอเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างแต่ก็จำใจเปิดประตูออกไป เมื่อเปิดออก ก็พบกับอัลฟ่าชายหนุ่มที่ทั้งสามเฝ้ารอ

    ธัสรู้สึกราวกับช่วงเวลาที่จะได้ใช้ร่วมกันของเขาและมิกซ์ได้หมดลง ณ ตรงนี้ เวลานี้ และเขาเองก็คงไม่อาจจะยืดยื้อหรือต่อรองอะไรได้อีก

    “สวัสดีครับ” อัลฟ่าเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตร พลางยิ้มให้แม่และลูกอีกสองคน ท่าทางของเขาไม่ได้น่ากลัวน่าเกรงขามอย่างที่เคยเป็นในสายตาโอเมก้าทั้งสามแล้ว คงนับเป็นเรื่องดีที่เขาได้รับ

    “สวัสดีค่ะ” ไอรีนเอ่ยทักทายกลับไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

    ส่วนโอเมก้าหนุ่มน้อยทั้งสองก็เอ่ยทักทายตามๆ กันไป พวกเขาคุ้นชินกับอัลฟ่าคนนี้แล้ว จึงไม่ค่อยเกร็งกันสักเท่าไรนัก ดีแล้วที่พวกเขาผ่อนคลายกันลงมาบ้าง

    “เอ่อ จะให้ขนของไปที่รถเลยไหมคะ” ไอรีนเอ่ยถามอัลฟ่า

    “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมให้คนขับรถของผมมายกให้”

    “ถ้างั้น เชิญเข้ามาก่อนนะคะ” โอเมก้าสาวยิ้มพลางผายมือเชื้อเชิญอัลฟ่า

    เมื่อเข้ามา ทั้งสายตาและร่างกายของอัลฟ่า ต่างก็มุ่งตรงไปยังว่าที่ภรรยาของตนอย่างไม่รีรอ เขาแทบไม่ได้สนใจโอเมก้าหนุ่มน้อยอีกคนเลยสักนิด

    “ว่าไง หนู” มือหนาถูกส่งไปลูบหัวเด็กน้อยอย่างอ่อนโยนด้วยความรักและเอ็นดู มิกซ์เงยหน้ามองอีกฝ่าย สายตาของโจลัสมองกลับไปในแววตาประกายใสซื่อด้วยสายตาที่อบอุ่น

    “…” โอเมก้าตัวน้อยไม่ปริปากพูดอะไร

    มิกซ์ชะงักกับการกระทำของอีกฝ่าย เขาเข้าใจมาเสมอว่า ‘การลูบหัว’ เป็นการกระทำของเพื่อนหรือคนในครอบครัวที่สนิทกัน แต่การที่อัลฟ่าหนุ่มคนตรงหน้ามาทำแบบนี้ มันกลับเปลี่ยนความคิดของเขาไปโดยสิ้นเชิง

    สิ่งที่อัลฟ่าคนนี้ทำมันผิดหรือเป็นตัวเขาเองที่เข้าใจอะไรบางอย่างผิดมาตลอด

    “พร้อมไหม” อัลฟ่าหนุ่มนั่งลงข้างๆ ว่าที่ภรรยาของตนก่อนจะเอ่ยถาม

    โอเมก้าตัวน้อยเลื่อนสายตาไปมองตาอีกฝ่ายเพียงชั่ววินาที ก่อนจะหันหนีสายตาคู่นั้นที่กำลังจ้องมาและส่ายหัวเบาๆ

    “ผมไม่เคยพร้อมกับอะไรแบบนี้หรอก ..ผมไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงอะไรที่มันกระทันหัน”

    อัลฟ่าหนุ่มพยักหน้าอย่างเข้าใจพลางปลอบประโลมเด็กน้อยด้วยการลูบหัวของเขาเผื่อว่าจะทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาได้บ้าง ไม่มากก็น้อย

    “คุณครับ..” ธัสเอ่ยเรียกอัลฟ่าที่กำลังแตะเนื้อแตะตัวน้องชายของเขาอยู่

    “หืม” โจลัสหันไปมองโอเมก้าอีกคนหนึ่งตามเสียงเรียก

    “ฤกษ์แต่งเมื่อไหร่เหรอครับ” ธัสไม่ได้รีบร้อนจะเอาฤกษ์เอาวันแต่งงาน แต่เขาถามไปเพราะมีจุดประสงค์อื่นแทรกซ้อนเอาไว้

    “ยังไม่มีฤกษ์หรอก รอจนกว่าจะแน่ใจว่าใช่โซลเมทกันไหมก็พอ”

    “ถ้ามันไม่ใช่สักที ก็เอาผมไปแทนแล้วกันครับ” คนเป็นพี่ชายยังคงปกป้องน้องของตน เขายังไม่เลิกตื๊ออัลฟ่าคนนี้เช่นเดิม

    “หืม ..เฮ่อ” อัลฟ่าหนุ่มถอนหายใจ เขาขอเสียมารยาทสักหน่อยเถอะ “ฉันยังไม่ได้บอกหนูเหรอ ว่าฉันไม่ได้อยากได้ทายาทอะไรขนาดนั้น”

    “…” ธัสเงียบไป

    “แต่ถ้าเกิดฉันเป็นโซลเมทกับหนูขึ้นมา ก็คงได้แต่งจริงๆ ล่ะนะ” อัลฟ่าพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เรียบเฉย เขาทำเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรเมื่อพูดถึงเรื่องที่เขาจะต้องแต่งงานกับคนอื่นที่ไม่ใช่ว่าที่ภรรยาของเขาคนปัจจุบันคนนี้ “ฉันน่ะ แค่อยากจะเจอกับโซลเมทของตัวเอง หนูยังไม่ต้องเข้าใจอะไรมันมากหรอก แค่รู้ไว้ก็พอ”

    “ครับ”

    “โซลเมทไม่ได้เจอกัน สบตากันแล้วจะรู้กันเลยเหรอครับ” เสียงใสถามขึ้นเมื่อบทสนทนาของทั้งสองคนจบลงแล้ว

    มิกซ์ดูเหมือนเด็กน้อยที่ยังไม่รู้เรื่องโซลเมทนัก จึงถามออกไปด้วยความสงสัยและใสซื่อ

    “ไม่เสมอไปหรอก บางคนบางคู่ก็ต้องรอให้เวลามันช่วยสาน” โจลัสยิ้มพลางตอบคำถามให้เด็กน้อยของเขาได้คลายความสงสัย ทำไมเขาถึงได้ชอบเวลาที่ได้ตามใจเด็กคนนี้นักนะ ถึงจะรู้ว่าไม่ควรตามใจใครแต่เขาก็อยากจะขอยกเว้นโอเมก้าน้อยคนนี้ไว้เพียงคนเดียว

    โอเมก้าน้อยพยักหน้ารับอย่างพยายามเข้าใจ ถึงจะไม่ได้เข้าใจถึงอะไรทั้งหมด แต่เขาก็พอใจจับแก่นสารของมันได้

    โจลัสก้มมองนาฬิกาบนข้อมือของตนเองสลับกับเงยหน้ามองคนขับรถที่เข้ามายกกระเป๋าและสัมภาระของมิกซ์ไปที่รถ ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟา

    “ได้เวลาแล้วล่ะ ไปกันหนูมิกซ์” อัลฟ่าส่งมือหนาของตนมาให้ว่าที่ภรรยาของเขาได้จับในขณะที่ลุกขึ้นจากโซฟา มิกซ์เองก็ไม่ได้ปฏิเสธไปอย่างไร เขาจับมือของอีกฝ่ายไว้ก่อนจะดึงตัวเองลุกขึ้นมา

    โจลัสฉวยโอกาสนี้ จับมือของอีกฝ่ายเอาไว้ไม่ปล่อย มิกซ์พยายามจะดึงมือของตนกลับมาแต่มันก็ไม่เป็นผล เขาปล่อยผ่านเรื่องนั้นไปเพราะคิดว่ามันคงไม่สำคัญอะไรมากนัก

    หากแต่ว่าไม่ได้มีโอเมก้าหนุ่มข้างหลังยืนมองอยู่

    มิกซ์หันไปมองพี่ชายของตน สายตาของธัสน่ากลัวผิดแปลกไปจากปกติ คิ้วของโอเมก้าตัวน้อยขมวดเข้าหากันก่อนจะดันตัวกันขึ้นไปข้างบน เขาไม่ได้จะทำร้ายจิตใจพี่ชายของเขา แต่เพราะความไม่รู้เขาจึงทำไปแบบนั้น

    และแม้กระทั่งตอนนี้ เขาก็ยังไม่รู้ตัวว่าเพราะอะไรถึงทำให้พี่ชายของตนในตอนนี้จ้องเขม็งมาที่ตัวเขาและอัลฟ่าคนนี้ถึงขนาดนั้น

    “ไว้เจอกันใหม่นะครับคุณไอรีน หนูธัส” อัลฟ่ากล่าวลาทั้งสอง

    “แวะมาหาหนูบ้างนะ” มิกซ์พูดกับแม่ของตน ก่อนจะกลับหันหลังไปหาพี่ชายที่ตอนนี้เลิกทำหน้าตาน่ากลัวแล้ว “บ๊ายบาย~” พี่น้องโบกมือบ๊ายบายกันและกัน ก่อนที่จะแยกจากกันไป

    แม่และธัสออกไปส่งลูกชายของตนที่หน้าบ้าน และยืนมองรถคันหรูจนกระทั่งลับตาไป

    ลูกชายคนโตดูเป็นปกติดีเมื่อออกไปส่งคนน้อง แต่เมื่อกลับบ้าน ด้านที่อ่อนแอกลับถูกเผยออกมา

    ธัสพุ่งเข้ากอดแม่ของตนที่นั่งอยู่บนโซฟา น้ำตามากมายพากันหลั่งไหลและพรั่งพรูออกมา เขาร้องไห้อย่างที่ไม่เคยเป็นและไม่อยากจะเป็นเลย

    คนเป็นแม่กอดและลูบหัวลูกของตน ไอรีนรู้ดีมาตลอดว่าลูกชายคนโตของเขาคิดอย่างไรกับลูกชายคนเล็ก เธอรู้ดีว่าธัสไม่ได้คิดกับน้องของตนแค่เพียงน้องชาย แต่มันลึกซึ้งมากกว่านั้น

    ซึ่งเธอเองก็ไม่อยากจะไปขัดความสุขของเขา จึงไม่ได้พูดอะไรไป ถึงแม้เธอจะรู้อยู่แล้วก็ตาม

    “ฮึก ผมไม่อยากให้น้องไป ผมไม่เอา!” ลูกชายคนโตร้องไห้ฟูมฟาย เขาไม่อยากทำตัวเหมือนคนขี้แพ้แบบนี้เลย แต่เหมือนสมองมันสั่งการให้เขาแสดงออกการกระทำออกมาเช่นนี้ และตัวเขาเองก็ควบคุมอะไรตัวเองไม่ได้อีกแล้ว

    “แม่เข้าใจ แต่ยังไงก็ต้องทำใจยอมรับมันนะ” คนเป็นแม่พยายามปลอบประโลมและพยายามทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นในคราเดียวกัน

    ธัสหนีขึ้นไปร้องไห้ในห้องนอนของตน เขาจมปลักอยู่กับสภาพเช่นนี้ราวๆ ชั่วโมงกว่าก่อนจะเผลอหลับไป



    “หนูจะเดินดูบ้านก่อนก็ได้นะ” โจลัสพูดกับโอเมก้าน้อยของตนในระหว่างที่กำลังพาเขาไปห้องโถงกลางบ้านที่มองขึ้นไปถึงชั้นสองได้

    “คะ.. ครับ” มิกซ์แทบไม่ได้สนใจเสียงรอบข้างตัวเขาเลย เพราะเขากำลังตื่นตาตื่นใจกับคฤหาสถ์หรูหราที่เขาได้รับสิทธิ์ให้เข้ามาอยู่อาศัย

    “เอาของน้องขึ้นไปไว้ห้องฉันเลย” โจลัสสั่งกับพ่อบ้านคนสนิทของน้องชายของตน ยังไม่ทันที่พ่อบ้านคนนั้นจะได้หยิบกระเป๋าเดินทางไปไหน อัลฟ่าร่างสูงอีกคนหนึ่งก็เดินตรงเข้ามา

    “เห้ย นั่นคนกู” ท่าเดินแสนสง่าผิดกับคำพูดหยาบโลนที่เอ่ยออกมา

    “มาเรีย ไปเรียกสเตปมายกกระเป๋าขึ้นไปหน่อย” โจลัสหันไปบอกแม่บ้านคนที่อยู่ใกล้ที่สุด

    มิกซ์หันมองอัลฟ่าคนนั้นก่อนจะค่อยๆ ถอนเท้าทีละก้าวไปหยุดอยูาข้างหลังของโจลัส จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าว่าที่สามีของเขาสามารถปกป้องเขาได้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น

    “อ้อนั่น มิกซ์?”

    “อืม” โจลัสตอบกลับเพียงพยางค์เดียว ก่อนจะถอยเท้าก้าวหนึ่งพลางคว้ามือของโอเมก้าและหันตัวไปทางโอเมก้าตัวน้อย “นี่ไซจูน น้องชายฉัน”

    “สะ สวัสดีครับ”

    “สวัสดี”

    มิกซ์รู้สึกไม่ไว้ใจเขานัก เขาจึงแสดงสีหน้าท่าทางกล้าๆ กลัวๆ ออกมาเช่นนี้

    ไซจูนไล่มองโอเมก้าคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาของเขาสื่อให้เห็นว่าเขาค่อนข้างสนใจโอเมก้าคนนี้ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมากนัก

    ไซจูนละความสนใจจากทั้งสองคน ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องทำงานของเขาพร้อมกับพ่อบ้านคนสนิทของเขา

    เมื่อเขาเปิดประตูเข้าห้องไปแล้ว โจลัสจึงปล่อยมือของมิกซ์เสีย

    “เดี๋ยวหนูก็ชินนะ ท่าทางแบบนั้นน่ะ”

    มิกซ์พนักหน้าเป็นการตอบรับ เขายังคงรู้สึกกลัวอยู่ แต่เขาเองก็รู้สึกปลอดภัยเมื่อได้อยู่ใกล้ๆ อัลฟ่าคนนี้คนเดียวของเขา



    โอเมก้าตัวน้อยเดินสำรวจทุกที่ทั่วคฤหาสถ์ ไม่ว่าจะเป็นสวนด้านข้าง สระว่ายน้ำหลังบ้าน ชั้นหนึ่งและชั้นสอง

    เขาเดินมาเรื่อยๆ จนมาถึงห้องของเขาและโจลัส เขาเปิดเข้าไปในห้องและเดินสำรวจอยู่สักพัก ห้องนี้ไม่ได้มีอะไรมากนัก เป็นห้องที่มีห้องน้ำในตัว มีระเบียง ชั้นหนังสือพร้อมหนังสือที่อัดแน่นแทบจะทุกตารางนิ้ว มีโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าเตียงนอนเตียงใหญ่

    มิกซ์ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงใหญ่แสนนุ่มนี้ เขากลิ้งไปกลิ้งมา ก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้าด้านนอกและเผลอหลับไปด้สยความเคลิบเคลิ้ม



    “เห็นมิกซ์กันบ้างไหม” โจลัสเดินเข้าไปถามแม่บ้านที่กำลังทำความสะอาดห้องโถงกันอยู่ แต่ทุกคนกลับตอบมาเป็นเสียงเดียวกันว่า

    “ไม่ค่ะ”

    โจลัสตัดสินใจไล่เดินดูห้องชั้นสองทุกห้อง เขาหาโอเมก้าตัวน้อยของเขาไม่เจอ จนกระทั่งมาถึงห้องนอนของเขาเอง

    อัลฟ่าเจ้าของห้องเปิดประตูเข้ามา ก่อนจะพบกับร่างเล็กที่นอนหันข้างไปทางระเบียง

    หัวใจเขาชุ่มชื้นขึ้นมาทันทีเมื่อหาตัวมิกซ์พบ ความกังวลและความเป็นห่วงสลายหายไปในพริบตา

    “เหนื่อยน่าดูเลยสินะ” อัลฟ่าพึมพำกับตัวเองก่อนจะล็อกประตูห้องและเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อขึ้นเตียงนอนอย่างช้าและเบาที่สุด

    เขานอนหันข้างหาโอเมก้าน้อยของเขา มือซ้ายเท้าคางของตัวเองไว้ และส่งมือขวาไปลูบหัวเด็กน้อยที่หลับพริ้มไปอยู่

    ไม่กี่นาทีต่อมา เด็กน้อยก็ลืมตาตื่น เขาสะดุ้งตกใจกับคนที่เจอตรงหน้า

    “..พี่?” ปกติแล้วเขาไม่เคยตื่นขึ้นมาเจอใครนอกจากแม่และพี่ของตน เขายังนอนได้ไม่อิ่มพอนักจึงยังสะลึมสะลือกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่อย่างนี้

    “มานี่มา” อัลฟ่าขยับตัวเข้าไปหาอีกฝ่าย ก่อนจะเข้าสวมกอดอันอบอุ่นให้ร่างบางของเขา มิกซ์หลับตาลงก่อนจะซุกเข้าที่หน้าอกของอีกฝ่ายเพื่อรับไว้ซึ่งความอบอุ่นที่อัลฟ่าคนนี้กำลังมอบให้

    เขารู้สึกปลอดภัยเมื่อมีอัลฟ่าคนนี้ของเขาอยู่ และเขาเองก็ไม่กลัวแล้วว่าจะมีใครเข้ามาทำอันตรายเขาในขณะที่เขาหลับ เพราะเช่นนั้นเขาจึงไม่คิดขัดขืนหรือต่อต้านการกระทำของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

    “ฝันดี มิกซ์” โอเมก้าตัวน้อยหลับไปอีกครั้งพร้อมกับความสบายใจที่ได้รับและรู้สึกหลังได้เข้าใกล้อัลฟ่าคนนี้ โจลัสเมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วก็คว้าผ้าห่มมาคลุมตัวเด็กน้อยและเขาเอาไว้ เขายังคงโอบกอดมิกซ์อยู่ และเขาคงไม่ปล่อยไปจนกว่าอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×