ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER III
MY TWIN , MY OMEGA
CHAPTER III
“ธัส ไปเช็คของในห้องน้องอีกทีซิ” คนเป็นแม่เอ่ยปากสั่งลูกคนโตของตน
“ครับแม่” ธัสขานรับแม่ของเขา ก่อนจะเดินขึ้นบันไดและเข้าไปในห้องน้องชายของตนตามที่แม่สั่งให้ทำ
“จะเก้าโมงแล้วเหรอเนี่ย..” ไอรีนเงยหน้ามองนาฬิกาแขวนผนังสี่เหลี่ยมเรือนหนึ่งในห้องนั่งเล่น “ธัส! เร็วๆ หน่อยนะลูก” เขาตะโกนบอกลูกชายคนโตของตนก่อนจะเดินเข้าไปหาลูกคนเล็กที่กำลังหาอะไรกินอยู่ในครัว
มิกซ์กำลังปาดแยมผลไม้สีแดงสดน่ากินลงบนขนมปังโฮลวีท เขาพับขนมปังสองด้านเข้ามากันก่อนจะจับมันไว้และกินมัน
เขาเคี้ยวขนมปังในปากจนแก้มตุ่ยออกมาอย่างเห็นได้ชัด หากพี่ชายของเขามาเห็น เขาคงโดนจับบีบจับฟัดแก้มเป็นแน่
“มิกซ์ลูก รีบกินหน่อยนะ จะเก้าโมงแล้ว”
“อั๊บแอ้ (ครับแม่)” มิกซ์ตอบกลับแม่ของตนในขณะที่กำลังเคี้ยวขนมปังอยู่เต็มปาก เขาหยิบขนมปังขึ้นมาอีกแผ่นและปาดแยมลงไปเช่นเดิม
คนเป็นแม่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พลางส่ายหัวไปมาเบาๆ กับการกระทำของลูกน้อยแสนน่าเอ็นดู
วันนี้เป็นวันที่ธัสไม่อยากให้มาถึงมากที่สุด เพราะวันนี้เป็นวันที่เขาและน้องชายของเขาจะไม่ได้อยู่ร่วมบ้านเดียวกันอีก
เขาเลี่ยงหรือไม่ปฏิเสธอะไรไม่ได้ เขาทำได้เพียงจำใจยอมรับมัน
“ผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” มิกซ์ที่นั่งๆ นอนๆ อยู่บนโซฟาเพื่อรอเวลาที่อัลฟ่าว่าที่คู่วิวาห์ของเขาจะมารับ ตัดสินใจไปเข้าห้องน้ำก่อนให้เสร็จสรรพ
“จ้ะ” คนเป็นแม่พยักหน้ารับ
เมื่อน้องชายคนเล็กของบ้านปิดประตูเข้าห้องน้ำไป ธัสก็รีบเรียกแม่ของตนทันที
“แม่ครับ”
“จ๋าลูก”
“ถ้า.. ถ้ามิกซ์ไปอยู่บ้านนั้นแล้ว ผมจะยังไปหาน้องได้ไหมครับ” สายตาคู่หนึ่งคู่เดียวของลูกชายคนโตจ้องมองไปในตาของคนเป็นแม่อย่างคาดหวัง
“ก็ลองคุยกับเขาดู” คนเป็นแม่ตอบคำถามข้อนี้ไม่ได้ จึงเสนอแนวทางอีกทางหนึ่งให้ธัสไป ไอรีนเองก็หวังว่าอัลฟ่าคนนั้นจะไม่ใจร้ายจนเกินไป
ธัสพยักหน้ารับกับคำตอบจากปากของแม่ สีหน้าของเขาเป็นกังวลอย่างได้ชัด ไหนจะท่าทางนั่งกุมมือก้มหน้าก้มตามองพื้นนั่นอีก
มิกซ์ที่เดินออกมาและเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของพี่ชาย เขาจึงรีบโผเข้าหาธัสทันทีด้วยความเป็นห่วง
“พี่ธัสเป็นอะไร?” น้องเล็กมองหน้าพลางถามด้วยแววตาใสซื่อ
“เปล่า” คำตอบที่เขาคิดไว้ในหัวมีหลากหลายตัวเลือกมาก แต่ปากทรยศกลับตอบไปสั้นๆ พยางค์เดียวให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่เชื่อและต้องถามย้ำอีกครั้ง
“แน่?”
“ไม่อะ” เสียงเฉยชาของคนเป็นพี่ทำให้คนเป็นน้องรู้สึกวูบโหวงโล่งขึ้นมากลางท้อง เขาไม่รู้ว่าพี่ของตนเป็นอะไร และทำไมต้องใช้น้ำเสียงแบบนั้นคุยกับเขา น้ำเสียงนั่นทำให้เขาไม่สบายใจเป็นอย่างมากเลยล่ะ
“…” มิกซ์เงียบไปสักพัก สายตาเขาเลื่อนไปโฟกัสที่จุดอื่นก่อนจะเลื่อนย้อนกลับมายังพี่ชายของตน “แล้วเป็นอะไรล่ะ”
“ไม่อยากให้ไป”
ปากของธัสเลิกแข็งกระด้างและเลิกการพูดไม่ตรงกับใจไปชั่วขณะ เขาตอบอย่างตรงไปตรงมา ตรงเกินกว่าที่มิกซ์ได้คาดไว้มาก
เกิดความผิดปกติบางอย่างขึ้นกับหัวใจบนอกซ้ายของมิกซ์อีกครั้ง
จู่ๆ หัวใจดวงน้อยก็เต้น ‘ตึกตัก’ ขึ้นมา เต้นถี่และหนักใช่เล่นเลย มิกซ์คิดว่าเป็นอาการจากการตกใจหรืออะไรสักอย่างที่เกิดขึ้น เขาจึงไม่ได้คิดลึกลงไปอีกสักนิด
เขาไม่รู้ตัวว่ากำลังเขินอาย
เขินอายพี่ชายของตน
ก๊อก ก๊อก
ทั้งสามหันไปมองเสียงประตูบ้านที่ถูกเคาะ ไอรีนลุกจากโซฟาและตรงไปยังประตู ไอรีนชะงักมือของตนก่อนจะเปิดประตู เธอเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างแต่ก็จำใจเปิดประตูออกไป เมื่อเปิดออก ก็พบกับอัลฟ่าชายหนุ่มที่ทั้งสามเฝ้ารอ
ธัสรู้สึกราวกับช่วงเวลาที่จะได้ใช้ร่วมกันของเขาและมิกซ์ได้หมดลง ณ ตรงนี้ เวลานี้ และเขาเองก็คงไม่อาจจะยืดยื้อหรือต่อรองอะไรได้อีก
“สวัสดีครับ” อัลฟ่าเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตร พลางยิ้มให้แม่และลูกอีกสองคน ท่าทางของเขาไม่ได้น่ากลัวน่าเกรงขามอย่างที่เคยเป็นในสายตาโอเมก้าทั้งสามแล้ว คงนับเป็นเรื่องดีที่เขาได้รับ
“สวัสดีค่ะ” ไอรีนเอ่ยทักทายกลับไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
ส่วนโอเมก้าหนุ่มน้อยทั้งสองก็เอ่ยทักทายตามๆ กันไป พวกเขาคุ้นชินกับอัลฟ่าคนนี้แล้ว จึงไม่ค่อยเกร็งกันสักเท่าไรนัก ดีแล้วที่พวกเขาผ่อนคลายกันลงมาบ้าง
“เอ่อ จะให้ขนของไปที่รถเลยไหมคะ” ไอรีนเอ่ยถามอัลฟ่า
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมให้คนขับรถของผมมายกให้”
“ถ้างั้น เชิญเข้ามาก่อนนะคะ” โอเมก้าสาวยิ้มพลางผายมือเชื้อเชิญอัลฟ่า
เมื่อเข้ามา ทั้งสายตาและร่างกายของอัลฟ่า ต่างก็มุ่งตรงไปยังว่าที่ภรรยาของตนอย่างไม่รีรอ เขาแทบไม่ได้สนใจโอเมก้าหนุ่มน้อยอีกคนเลยสักนิด
“ว่าไง หนู” มือหนาถูกส่งไปลูบหัวเด็กน้อยอย่างอ่อนโยนด้วยความรักและเอ็นดู มิกซ์เงยหน้ามองอีกฝ่าย สายตาของโจลัสมองกลับไปในแววตาประกายใสซื่อด้วยสายตาที่อบอุ่น
“…” โอเมก้าตัวน้อยไม่ปริปากพูดอะไร
มิกซ์ชะงักกับการกระทำของอีกฝ่าย เขาเข้าใจมาเสมอว่า ‘การลูบหัว’ เป็นการกระทำของเพื่อนหรือคนในครอบครัวที่สนิทกัน แต่การที่อัลฟ่าหนุ่มคนตรงหน้ามาทำแบบนี้ มันกลับเปลี่ยนความคิดของเขาไปโดยสิ้นเชิง
สิ่งที่อัลฟ่าคนนี้ทำมันผิดหรือเป็นตัวเขาเองที่เข้าใจอะไรบางอย่างผิดมาตลอด
“พร้อมไหม” อัลฟ่าหนุ่มนั่งลงข้างๆ ว่าที่ภรรยาของตนก่อนจะเอ่ยถาม
โอเมก้าตัวน้อยเลื่อนสายตาไปมองตาอีกฝ่ายเพียงชั่ววินาที ก่อนจะหันหนีสายตาคู่นั้นที่กำลังจ้องมาและส่ายหัวเบาๆ
“ผมไม่เคยพร้อมกับอะไรแบบนี้หรอก ..ผมไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงอะไรที่มันกระทันหัน”
อัลฟ่าหนุ่มพยักหน้าอย่างเข้าใจพลางปลอบประโลมเด็กน้อยด้วยการลูบหัวของเขาเผื่อว่าจะทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาได้บ้าง ไม่มากก็น้อย
“คุณครับ..” ธัสเอ่ยเรียกอัลฟ่าที่กำลังแตะเนื้อแตะตัวน้องชายของเขาอยู่
“หืม” โจลัสหันไปมองโอเมก้าอีกคนหนึ่งตามเสียงเรียก
“ฤกษ์แต่งเมื่อไหร่เหรอครับ” ธัสไม่ได้รีบร้อนจะเอาฤกษ์เอาวันแต่งงาน แต่เขาถามไปเพราะมีจุดประสงค์อื่นแทรกซ้อนเอาไว้
“ยังไม่มีฤกษ์หรอก รอจนกว่าจะแน่ใจว่าใช่โซลเมทกันไหมก็พอ”
“ถ้ามันไม่ใช่สักที ก็เอาผมไปแทนแล้วกันครับ” คนเป็นพี่ชายยังคงปกป้องน้องของตน เขายังไม่เลิกตื๊ออัลฟ่าคนนี้เช่นเดิม
“หืม ..เฮ่อ” อัลฟ่าหนุ่มถอนหายใจ เขาขอเสียมารยาทสักหน่อยเถอะ “ฉันยังไม่ได้บอกหนูเหรอ ว่าฉันไม่ได้อยากได้ทายาทอะไรขนาดนั้น”
“…” ธัสเงียบไป
“แต่ถ้าเกิดฉันเป็นโซลเมทกับหนูขึ้นมา ก็คงได้แต่งจริงๆ ล่ะนะ” อัลฟ่าพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เรียบเฉย เขาทำเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรเมื่อพูดถึงเรื่องที่เขาจะต้องแต่งงานกับคนอื่นที่ไม่ใช่ว่าที่ภรรยาของเขาคนปัจจุบันคนนี้ “ฉันน่ะ แค่อยากจะเจอกับโซลเมทของตัวเอง หนูยังไม่ต้องเข้าใจอะไรมันมากหรอก แค่รู้ไว้ก็พอ”
“ครับ”
“โซลเมทไม่ได้เจอกัน สบตากันแล้วจะรู้กันเลยเหรอครับ” เสียงใสถามขึ้นเมื่อบทสนทนาของทั้งสองคนจบลงแล้ว
มิกซ์ดูเหมือนเด็กน้อยที่ยังไม่รู้เรื่องโซลเมทนัก จึงถามออกไปด้วยความสงสัยและใสซื่อ
“ไม่เสมอไปหรอก บางคนบางคู่ก็ต้องรอให้เวลามันช่วยสาน” โจลัสยิ้มพลางตอบคำถามให้เด็กน้อยของเขาได้คลายความสงสัย ทำไมเขาถึงได้ชอบเวลาที่ได้ตามใจเด็กคนนี้นักนะ ถึงจะรู้ว่าไม่ควรตามใจใครแต่เขาก็อยากจะขอยกเว้นโอเมก้าน้อยคนนี้ไว้เพียงคนเดียว
โอเมก้าน้อยพยักหน้ารับอย่างพยายามเข้าใจ ถึงจะไม่ได้เข้าใจถึงอะไรทั้งหมด แต่เขาก็พอใจจับแก่นสารของมันได้
โจลัสก้มมองนาฬิกาบนข้อมือของตนเองสลับกับเงยหน้ามองคนขับรถที่เข้ามายกกระเป๋าและสัมภาระของมิกซ์ไปที่รถ ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟา
“ได้เวลาแล้วล่ะ ไปกันหนูมิกซ์” อัลฟ่าส่งมือหนาของตนมาให้ว่าที่ภรรยาของเขาได้จับในขณะที่ลุกขึ้นจากโซฟา มิกซ์เองก็ไม่ได้ปฏิเสธไปอย่างไร เขาจับมือของอีกฝ่ายไว้ก่อนจะดึงตัวเองลุกขึ้นมา
โจลัสฉวยโอกาสนี้ จับมือของอีกฝ่ายเอาไว้ไม่ปล่อย มิกซ์พยายามจะดึงมือของตนกลับมาแต่มันก็ไม่เป็นผล เขาปล่อยผ่านเรื่องนั้นไปเพราะคิดว่ามันคงไม่สำคัญอะไรมากนัก
หากแต่ว่าไม่ได้มีโอเมก้าหนุ่มข้างหลังยืนมองอยู่
มิกซ์หันไปมองพี่ชายของตน สายตาของธัสน่ากลัวผิดแปลกไปจากปกติ คิ้วของโอเมก้าตัวน้อยขมวดเข้าหากันก่อนจะดันตัวกันขึ้นไปข้างบน เขาไม่ได้จะทำร้ายจิตใจพี่ชายของเขา แต่เพราะความไม่รู้เขาจึงทำไปแบบนั้น
และแม้กระทั่งตอนนี้ เขาก็ยังไม่รู้ตัวว่าเพราะอะไรถึงทำให้พี่ชายของตนในตอนนี้จ้องเขม็งมาที่ตัวเขาและอัลฟ่าคนนี้ถึงขนาดนั้น
“ไว้เจอกันใหม่นะครับคุณไอรีน หนูธัส” อัลฟ่ากล่าวลาทั้งสอง
“แวะมาหาหนูบ้างนะ” มิกซ์พูดกับแม่ของตน ก่อนจะกลับหันหลังไปหาพี่ชายที่ตอนนี้เลิกทำหน้าตาน่ากลัวแล้ว “บ๊ายบาย~” พี่น้องโบกมือบ๊ายบายกันและกัน ก่อนที่จะแยกจากกันไป
แม่และธัสออกไปส่งลูกชายของตนที่หน้าบ้าน และยืนมองรถคันหรูจนกระทั่งลับตาไป
ลูกชายคนโตดูเป็นปกติดีเมื่อออกไปส่งคนน้อง แต่เมื่อกลับบ้าน ด้านที่อ่อนแอกลับถูกเผยออกมา
ธัสพุ่งเข้ากอดแม่ของตนที่นั่งอยู่บนโซฟา น้ำตามากมายพากันหลั่งไหลและพรั่งพรูออกมา เขาร้องไห้อย่างที่ไม่เคยเป็นและไม่อยากจะเป็นเลย
คนเป็นแม่กอดและลูบหัวลูกของตน ไอรีนรู้ดีมาตลอดว่าลูกชายคนโตของเขาคิดอย่างไรกับลูกชายคนเล็ก เธอรู้ดีว่าธัสไม่ได้คิดกับน้องของตนแค่เพียงน้องชาย แต่มันลึกซึ้งมากกว่านั้น
ซึ่งเธอเองก็ไม่อยากจะไปขัดความสุขของเขา จึงไม่ได้พูดอะไรไป ถึงแม้เธอจะรู้อยู่แล้วก็ตาม
“ฮึก ผมไม่อยากให้น้องไป ผมไม่เอา!” ลูกชายคนโตร้องไห้ฟูมฟาย เขาไม่อยากทำตัวเหมือนคนขี้แพ้แบบนี้เลย แต่เหมือนสมองมันสั่งการให้เขาแสดงออกการกระทำออกมาเช่นนี้ และตัวเขาเองก็ควบคุมอะไรตัวเองไม่ได้อีกแล้ว
“แม่เข้าใจ แต่ยังไงก็ต้องทำใจยอมรับมันนะ” คนเป็นแม่พยายามปลอบประโลมและพยายามทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นในคราเดียวกัน
ธัสหนีขึ้นไปร้องไห้ในห้องนอนของตน เขาจมปลักอยู่กับสภาพเช่นนี้ราวๆ ชั่วโมงกว่าก่อนจะเผลอหลับไป
“หนูจะเดินดูบ้านก่อนก็ได้นะ” โจลัสพูดกับโอเมก้าน้อยของตนในระหว่างที่กำลังพาเขาไปห้องโถงกลางบ้านที่มองขึ้นไปถึงชั้นสองได้
“คะ.. ครับ” มิกซ์แทบไม่ได้สนใจเสียงรอบข้างตัวเขาเลย เพราะเขากำลังตื่นตาตื่นใจกับคฤหาสถ์หรูหราที่เขาได้รับสิทธิ์ให้เข้ามาอยู่อาศัย
“เอาของน้องขึ้นไปไว้ห้องฉันเลย” โจลัสสั่งกับพ่อบ้านคนสนิทของน้องชายของตน ยังไม่ทันที่พ่อบ้านคนนั้นจะได้หยิบกระเป๋าเดินทางไปไหน อัลฟ่าร่างสูงอีกคนหนึ่งก็เดินตรงเข้ามา
“เห้ย นั่นคนกู” ท่าเดินแสนสง่าผิดกับคำพูดหยาบโลนที่เอ่ยออกมา
“มาเรีย ไปเรียกสเตปมายกกระเป๋าขึ้นไปหน่อย” โจลัสหันไปบอกแม่บ้านคนที่อยู่ใกล้ที่สุด
มิกซ์หันมองอัลฟ่าคนนั้นก่อนจะค่อยๆ ถอนเท้าทีละก้าวไปหยุดอยูาข้างหลังของโจลัส จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าว่าที่สามีของเขาสามารถปกป้องเขาได้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“อ้อนั่น มิกซ์?”
“อืม” โจลัสตอบกลับเพียงพยางค์เดียว ก่อนจะถอยเท้าก้าวหนึ่งพลางคว้ามือของโอเมก้าและหันตัวไปทางโอเมก้าตัวน้อย “นี่ไซจูน น้องชายฉัน”
“สะ สวัสดีครับ”
“สวัสดี”
มิกซ์รู้สึกไม่ไว้ใจเขานัก เขาจึงแสดงสีหน้าท่าทางกล้าๆ กลัวๆ ออกมาเช่นนี้
ไซจูนไล่มองโอเมก้าคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาของเขาสื่อให้เห็นว่าเขาค่อนข้างสนใจโอเมก้าคนนี้ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมากนัก
ไซจูนละความสนใจจากทั้งสองคน ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องทำงานของเขาพร้อมกับพ่อบ้านคนสนิทของเขา
เมื่อเขาเปิดประตูเข้าห้องไปแล้ว โจลัสจึงปล่อยมือของมิกซ์เสีย
“เดี๋ยวหนูก็ชินนะ ท่าทางแบบนั้นน่ะ”
มิกซ์พนักหน้าเป็นการตอบรับ เขายังคงรู้สึกกลัวอยู่ แต่เขาเองก็รู้สึกปลอดภัยเมื่อได้อยู่ใกล้ๆ อัลฟ่าคนนี้คนเดียวของเขา
โอเมก้าตัวน้อยเดินสำรวจทุกที่ทั่วคฤหาสถ์ ไม่ว่าจะเป็นสวนด้านข้าง สระว่ายน้ำหลังบ้าน ชั้นหนึ่งและชั้นสอง
เขาเดินมาเรื่อยๆ จนมาถึงห้องของเขาและโจลัส เขาเปิดเข้าไปในห้องและเดินสำรวจอยู่สักพัก ห้องนี้ไม่ได้มีอะไรมากนัก เป็นห้องที่มีห้องน้ำในตัว มีระเบียง ชั้นหนังสือพร้อมหนังสือที่อัดแน่นแทบจะทุกตารางนิ้ว มีโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าเตียงนอนเตียงใหญ่
มิกซ์ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงใหญ่แสนนุ่มนี้ เขากลิ้งไปกลิ้งมา ก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้าด้านนอกและเผลอหลับไปด้สยความเคลิบเคลิ้ม
“เห็นมิกซ์กันบ้างไหม” โจลัสเดินเข้าไปถามแม่บ้านที่กำลังทำความสะอาดห้องโถงกันอยู่ แต่ทุกคนกลับตอบมาเป็นเสียงเดียวกันว่า
“ไม่ค่ะ”
โจลัสตัดสินใจไล่เดินดูห้องชั้นสองทุกห้อง เขาหาโอเมก้าตัวน้อยของเขาไม่เจอ จนกระทั่งมาถึงห้องนอนของเขาเอง
อัลฟ่าเจ้าของห้องเปิดประตูเข้ามา ก่อนจะพบกับร่างเล็กที่นอนหันข้างไปทางระเบียง
หัวใจเขาชุ่มชื้นขึ้นมาทันทีเมื่อหาตัวมิกซ์พบ ความกังวลและความเป็นห่วงสลายหายไปในพริบตา
“เหนื่อยน่าดูเลยสินะ” อัลฟ่าพึมพำกับตัวเองก่อนจะล็อกประตูห้องและเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อขึ้นเตียงนอนอย่างช้าและเบาที่สุด
เขานอนหันข้างหาโอเมก้าน้อยของเขา มือซ้ายเท้าคางของตัวเองไว้ และส่งมือขวาไปลูบหัวเด็กน้อยที่หลับพริ้มไปอยู่
ไม่กี่นาทีต่อมา เด็กน้อยก็ลืมตาตื่น เขาสะดุ้งตกใจกับคนที่เจอตรงหน้า
“..พี่?” ปกติแล้วเขาไม่เคยตื่นขึ้นมาเจอใครนอกจากแม่และพี่ของตน เขายังนอนได้ไม่อิ่มพอนักจึงยังสะลึมสะลือกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่อย่างนี้
“มานี่มา” อัลฟ่าขยับตัวเข้าไปหาอีกฝ่าย ก่อนจะเข้าสวมกอดอันอบอุ่นให้ร่างบางของเขา มิกซ์หลับตาลงก่อนจะซุกเข้าที่หน้าอกของอีกฝ่ายเพื่อรับไว้ซึ่งความอบอุ่นที่อัลฟ่าคนนี้กำลังมอบให้
เขารู้สึกปลอดภัยเมื่อมีอัลฟ่าคนนี้ของเขาอยู่ และเขาเองก็ไม่กลัวแล้วว่าจะมีใครเข้ามาทำอันตรายเขาในขณะที่เขาหลับ เพราะเช่นนั้นเขาจึงไม่คิดขัดขืนหรือต่อต้านการกระทำของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
“ฝันดี มิกซ์” โอเมก้าตัวน้อยหลับไปอีกครั้งพร้อมกับความสบายใจที่ได้รับและรู้สึกหลังได้เข้าใกล้อัลฟ่าคนนี้ โจลัสเมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วก็คว้าผ้าห่มมาคลุมตัวเด็กน้อยและเขาเอาไว้ เขายังคงโอบกอดมิกซ์อยู่ และเขาคงไม่ปล่อยไปจนกว่าอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมา
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น