Story Slowlife Star​ !!! ชีวิตเรียบง่าย​ ของชายผู้พิชิตใจ​ ซูเปอร์​สตาร์​ - นิยาย Story Slowlife Star​ !!! ชีวิตเรียบง่าย​ ของชายผู้พิชิตใจ​ ซูเปอร์​สตาร์​ : Dek-D.com - Writer
×

    Story Slowlife Star​ !!! ชีวิตเรียบง่าย​ ของชายผู้พิชิตใจ​ ซูเปอร์​สตาร์​

    เมื่อชีวิตจบลง แล้วคิดจะปล่อยว่างทุกสิ่งเพื่อจะไปตามทาง แต่แล้วก็ได้รับโอกาสได้เริ่มต้นใหม่ "เรน ครั้งนี้ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยให้เธอคนนั้นไปเป็นของนายเด็ดขาด ฉันจะพิชิตใจเธอให้ได้"

    ผู้เข้าชมรวม

    6,349

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    73

    ผู้เข้าชมรวม


    6.34K

    ความคิดเห็น


    24

    คนติดตาม


    164
    จำนวนตอน :  82 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  31 ต.ค. 67 / 21:49 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

           วันหนึ่งหากคุณพบว่าชีวิตคุณที่ผ่านมาตลอดตั้งแต่อดีตจนมาถึงปัจจุบัน​เป็นเพียงแค่เรื่องเล่า​ หรือนิทานเอาไว้เตือนสติสอนใจคนรุ่นหลังไม่ให้เอาเยี่ยงอย่าง​ หรือยึดเอาแบบอย่างตามชีวิตของคุณ​ คุณคิดว่ามันจะดีไหม๊​.? แต่สำหรับผมมันเป็นก็แค่การใช้ชีวิตให้ผ่านไปอีกวัน​ จะทำตามอย่างใครหรือไม่เอาอย่างใคร​ ชีวิตผมมันก็คงไม่มีทางเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว


            อันที่จริงผมรู้ตัวนานแล้วล่ะว่า​ สุดท้ายเส้นทางชีวิตผมมันจะต้องลงเอยแบบไหน​ ความตายนะรึผมเตรียมใจยอมรับมันตั้งแต่ผมอายุ​ 40​ ปีแล้ว นี่อยู่เกินมาตั้ง​ 12​ ปีก็ถือว่ามีกำไรเหลือเฟือ.... เมื่อ​ 2​ วันก่อนผมยังคงนั่งทำงานเล็ก​ ๆ​ น้อย​ ๆ​ ตามประสาคนวัยกลางคน​ แต่มาวันนี้ผมนอนอยู่โรงพยาบาลประจำจังหวัด​ ชื่อโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา​


             ผมหน้ามืดเป็นลมหายใจไม่ทัน​ จึงถูกหลานพามาส่งโรงพยาบาลเสนาที่ใกล้บ้านมากที่สุด​ แต่หมอวินิจฉัย​ว่าอาการของผมมันหนักเกินไปสำหรับที่นั่น​ จึงได้ส่งต่อมายังโรงพยาบาล​พระนครศรีอยุธยา​ ผมไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดีที่มีอะไรหลายอย่างได้มาจากพ่อกับแม่​ รวมถึงโรคทางพันธุกรรม​อย่างเบาหวานด้วย

            

             พ่อผมเป็นคนกินเหล้าเก่งมากสมัยเด็กท่านใช้ให้ผมไปซื้อให้บ่อย​ ๆ​ โตขึ้นมาผมก็เลยได้ความสามารถนั้นมาด้วย​ พอมาถึงตอนนี้มันก็เลยกลายเป็นโรคอีกอย่างหนึ่งที่ผมเป็น​ "ตับแข็ง" ใช้แล้วผมเป็นโรคตับแข็งที่ได้มาจากการกินเหล้าหนักเกินไป​ โรคเบาหวานจากการกินอาหารตามใจปาก​ โรคหัวใจและความดันจากการที่ไม่เคยออกกำลังกายเลย


              ตอนนี้ผมนอนอยู่บนเตียงห้องพิเศษ​ในโรงพยาบาล​ มีเครื่องประดับที่หมอติดให้เต็มทั่วทั้งตัว​ อย่างเช่น​ สายยางให้เลือดกับน้ำเกลือ​ที่โยงยาวไปทั่วทั้งแขนเหมือนกับสร้อยข้อมือ​ สายท่อหายใจที่สอดไว้ทางจมูกพาดไปทางหู​ เหมือนใส่หน้ากากแฟนซี​ สายไฟที่มีแผ่นแม่เหล็กแปะอยู่ที่หน้าอกคอยวัดชีพจรหัวใจ​ มองดูไกล​ ๆ​ คล้ายสร้อยคอ

             

             และยังมีอุปกรณ์​อะไรสักอย่างที่ผมไม่รู้จักหนีบนิ้วมือผมเอาใว้อีกอย่าง  สาเหตุ​ที่ผมแยกแยะอุปกรณ์​พวกนี้ไม่ได้มันก็คงไม่แปลก​ เพราะผมไม่มีความรู้เรื่องนี้เลยและก็ไม่เคยคิดจะสนใจมันด้วย​ การศึกษา​ของผมจบแค่ชั้นมัธยมศึกษา​ปีที่​ 3​ แล้วก็ไปต่อการศึกษานอกระบบจนจบ ม.​6​ ระหว่างที่เรียนนั้นผมก็ทำงานไปด้วย​ ผมเริ่มทำงานตั้งแต่อายุ​ 16​ ปี


             ตามอายุจริงผมยังคงไม่สามารถทำงานในโรงงานได้  แต่เพราะพี่สาวผมรู้จักกับหัวหน้างานจึงฝากให้เข้าทำงานได้​ อีกอย่างผมก็เป็นคนที่ตัวใหญ่กว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน​ หากไม่รู้จักมาก่อนจะบอกว่าผมอายุมากกว่า​ 20​ ปี​ ก็คงไม่มีใครเถียง​ หน้าตาผมไม่ถึงกับจัดว่าหล่อมาก​ แต่ถ้าเทียบกับคนแถวนั้นยังนับว่าติด​ 1​ ใน​ 5​ ของผู้ชายทั้งโรงงานได้สบาย​ ๆ


             ผมใช้ชีวิตทำงานไปเรื่อยโดยไม่ไม่คิดจะศึกษาหาความรู้อะไรเพิ่มเติม​ แค่เช้าไปทำงานเย็นกลับบ้าน​ สิ้นเดือนรอรับเงินเดือนนั้นคือสิ่งที่ผมคิดมาตลอด​ จนกระทั่งวันนี้ผมถึงเริ่มคิดได้​ ว่าการที่เราใช้ชีวิตเรียบง่ายเกินไป​เหมือนสิ่งที่พระพุทธองค์ท่านสอนเอาไว้มันก็ไม่ผิด​ แต่แค่มันเหมาะสำหรับคนบางจำพวกเท่านั้น


             ผมไม่ได้แต่งงานไม่มีลูกมีแต่หลาน​ หลานแท้​ ๆ​ ของผม​ ที่เกิดจากพี่น้องพ่อแม่เดียวกันมีแค่​ 4​ คน​ ชายหนึ่งหญิงสามเมื่อครั้งอดีต​ แต่ปัจจุบันเป็นหญิง​ 4​ คน ผมไม่ติดอยู่แล้วว่าหลานผมจะเปลี่ยนไปแค่ไหน​ แค่มันดูแลตัวเองได้ไม่เป็นภัยสังคมให้คนเข้าตามมาเอาเรื่องที่บ้าน​ ก็ถือว่าดีมากแล้ว​... ปัจจุบันผมนอนโรงพยาบาลลมหายใจรวยรินมาแล้ว​ 3​ วัน


             ผมรู้ตัวดีว่าหลานต้องเสียเงินมากแค่ไหนในการดูแลผม​ โชคดีที่พ่อแม่ผมจากไปก่อนแล้วไม่อย่างนั้นพวกท่านคงทุกใจมากที่เห็นผมในสภาพแบบนี้​ ผมคงเป็นลูกพ่อแม่ที่จากไปก่อนพี่น้อง​อีก​ 5​ คนที่เหลือ​ ผมรู้ตัวเรื่องโรคมานานแต่ก็ไม่เคยคิดจะไปรักษาตัว​ เพราะรายได้ผมน้อยมาก มันแค่พอใช้จ่ายให้รอดตายไปเดือน​ ๆ​ หนึ่งเท่านั้น​ ก็อย่างที่คนทั่วไปคิดไม่ไหวจริง​ ๆ​ ก็ไปโรงพยาบาลแล้วก็ไปจบที่วัดเลย​ มันจะได้ไม่ลำบากลูกหลานมากเกินไป


            ผมไม่มีลูกจึงลำบากแต่หลาน​ และเรื่องนี้เองคือหนึ่งในเรื่องที่ผมเสียใจ​ สมัยที่ยังไม่เป็นโรคร้ายยังคงมีสุขภาพดี​ ผมไม่เคยคิดเรื่องแต่งงานเลย แต่เมื่ออายุเลย​ 40​ ปีมาแล้วถึงได้คิด​ แต่ผู้หญิงที่ไหนจะมาเอาคนที่ไม่ได้ร่ำรวยแถมยังแก่แล้วด้วย​ ถึงจะหน้าตาดีก็เถอะ​มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย​ สมัยนี้มีเงินขี้เหร่​ก็เปลี่ยนเป็นหน้าตาดีได้ขอแค่มีหมอเก่ง​ ๆ​ ช่วยสักคน


            ผมนอนคิดเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา​ 52​ ปี​ แล้วก็เริ่มปลงตก​ จะอยู่ให้ลูกหลานเสียเงินอีกทำไมในเมื่อต้องจากไปอยู่แล้ว​ โรคล่าสุดที่ผมได้มาคือ​ ลิ้นหัวใจรั่วทำให้เหนื่อยง่ายคล้ายกับโรคหอบ​หืด ซึ่งผมรู้ตัวมานานแล้วตั้งแต่อายุ​ 42​ ปี​ แค่ไม่ได้มาตรวจเท่านั้น​ อาชีพสุดท้ายที่ผมทำงานเป็นลูกจ้างเขาก็คือ​ ร.ป.ภ. ในโรงงานน้ำมันแห่งหนึ่ง


             ผมทำอยู่หลายปีจนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้า​ แต่เพราะอาการเหนื่อยง่ายหายใจไม่ทันจึงได้ลาออกมานอนพักอยู่ที่บ้าน​ ซึ่งตอนนั้นมีโรคระบาด​ที่ชื่อ​ โควิด​ กำลังระบาดอยู่พอดี​ ผมจึงได้นอนพักยาวอยู่เกือบ​ 2​ ปี​ เพราะหางานทำอยากมากในช่วงนั้น​ ถึงแม้โรคเหนื่อยง่ายผมจะดีขึ้นแล้วก็ตาม​ สุดท้ายผมเลยต้องมานั่งหางานตามอินเตอร์​เน็ต​


             แต่คนที่ไม่มีความรู้ทางคอมพิวเตอร์​เลยอย่างผมจะไปทำอะไรได้​ ผมจึงได้แต่หาอ่านหนังสือการ์ตูน​บ้าง​ นิยายบ้างฆ่าเวลาไป​ จนมาเจอกับเว็บนิยายเว็บหนึ่งที่เปิดกว้างสำหรับคนที่ชอบอ่านนิยาย​ ที่อยากจะเขียนนิยาย​หารายได้บ้างนิดหน่อย ผมจึงได้เริ่มอาชีพสุดท้ายในชีวิตที่เว็บนั้น​ แน่นอนคนชอบอ่านไม่ใช่ว่าจะเขียนนิยายได้ทุกคน​ ผมเองก็เหมือนกัน​ผมใช่เวลาอยู่หลายปี


             แต่งนิยายมาก็แทบจะนับไม่ถ้วน​ ไม่มีเรื่องไหนที่ประสบ​ความ​สำเร็จ​ เพียงขายได้แค่เรื่องละไม่กี่ร้อยบาท ทั้งที่คนอ่านเว็บนี้เป็นล้านคน​ แต่ผมก็ไม่ย่อท้อคนที่มีประสบการณ์​มักพูดให้ฟังอยู่เสมอว่า​ "ความพยายามอยู่ที่ไหน​ ความสำเร็จจะอยู่ที่นั่น" แต่กับผมมันคงเป็นได้แค่คำพูดปลุกใจแค่นั้น​... จากวันนั้นถึงวันนี้ผมเขียนนิยายมาตลอด​ 


            แม้ได้เงินไม่มาก​ แต่กลับมีความสุขมากกว่า​ อยากเขียนอะไรก็เขียน​ชีวิตจริงผมไม่ทางทำอะไรแบบในนิยายได้อยู่แล้ว​ การเอาตัวเองไปอยู่ในนิยายมันจึงกลายเป็นความฝันสูงสุดในชีวิตนี้ของผม​.... เขาบอกว่าคนเราหากใกล้ตายควรทำอะไรที่มีค่าทิ้งเอาไว้บ้างให้สำหรับคนข้างหลัง... ​ ผมไม่มีสมบัติจึงได้บริจาคร่างกายตัวเองให้เป็นอาจารย์​ใหญ่สำหรับนักศึกษาแพทย์​


            เพื่อหวังว่าเกิดใหม่อีกที่ชีวิตผมจะได้มีอะไรดี ๆ​ กับเขาบ้างในชีวิตข้างหน้า..!!! เสียงเครื่องวัดชีพจรดังขึ้น​ หลังจากที่ผมไม่รู้สึกตัวอีกแล้ว​


          #   นิยายเรื่องนี้อาจมีชื่อและตัวละครที่ตรงกับชีวิตจริงมาปะปนไปบ้าง​ แต่ขอให้ทุกท่านอ่านมันด้วยความสนุกเท่านั้นพอ​ เพราะยังไงมันก็คือนิยาย​ อาจมีเรื่องจริงบ้างเรื่องแต่งบ้างผสมปนเปกันไป​ หากใครซีเลียตอ่านเเล้ว, เหตุการณ์​จริงมันไม่ใช่อย่างนี้นี่น่า, ​ เวลานี่มันไม่ควรเกิดเรื่องนั้นซิ, ​ คน​ ๆ​ นี้ตัวจริงไม่ใช่นิสัยอย่างนั้น, ​ ในชีวิตจริงไม่มีใครทำอย่างนั้นได้หรอก, ​ อะไรทำนองนี้​ หากคุณคิดมากเรื่องที่กล่าวมา  แนะนำให้ไปอ่านเรื่องอื่นเถอะครับ​... 


         #​ #​ นิยายของผมคือตัวผมที่ไม่สามารถเป็นตัวผมในโลก​จริงได้​ ฉะนั้นจงอ่านมันซะ​ มันก็แค่ความบรรเทิง.....! 

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น