Story Slowlife Star !!! ชีวิตเรียบง่าย ของชายผู้พิชิตใจ ซูเปอร์สตาร์
เมื่อชีวิตจบลง แล้วคิดจะปล่อยว่างทุกสิ่งเพื่อจะไปตามทาง แต่แล้วก็ได้รับโอกาสได้เริ่มต้นใหม่ "เรน ครั้งนี้ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยให้เธอคนนั้นไปเป็นของนายเด็ดขาด ฉันจะพิชิตใจเธอให้ได้"
ผู้เข้าชมรวม
6,349
ผู้เข้าชมเดือนนี้
73
ผู้เข้าชมรวม
ย้อนอดีต ความรัก คลั่งรัก สโลว์ไลฟ์ ชีวิตประจำวัน สู้ชีวิต ข้ามเวลา วงการบันเทิง รักโรแมนติก แก้ไขอดีต แอคชั่น ก่อการร้าย ครอบครัว
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
วันหนึ่งหากคุณพบว่าชีวิตคุณที่ผ่านมาตลอดตั้งแต่อดีตจนมาถึงปัจจุบันเป็นเพียงแค่เรื่องเล่า หรือนิทานเอาไว้เตือนสติสอนใจคนรุ่นหลังไม่ให้เอาเยี่ยงอย่าง หรือยึดเอาแบบอย่างตามชีวิตของคุณ คุณคิดว่ามันจะดีไหม๊.? แต่สำหรับผมมันเป็นก็แค่การใช้ชีวิตให้ผ่านไปอีกวัน จะทำตามอย่างใครหรือไม่เอาอย่างใคร ชีวิตผมมันก็คงไม่มีทางเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว
อันที่จริงผมรู้ตัวนานแล้วล่ะว่า สุดท้ายเส้นทางชีวิตผมมันจะต้องลงเอยแบบไหน ความตายนะรึผมเตรียมใจยอมรับมันตั้งแต่ผมอายุ 40 ปีแล้ว นี่อยู่เกินมาตั้ง 12 ปีก็ถือว่ามีกำไรเหลือเฟือ.... เมื่อ 2 วันก่อนผมยังคงนั่งทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามประสาคนวัยกลางคน แต่มาวันนี้ผมนอนอยู่โรงพยาบาลประจำจังหวัด ชื่อโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา
ผมหน้ามืดเป็นลมหายใจไม่ทัน จึงถูกหลานพามาส่งโรงพยาบาลเสนาที่ใกล้บ้านมากที่สุด แต่หมอวินิจฉัยว่าอาการของผมมันหนักเกินไปสำหรับที่นั่น จึงได้ส่งต่อมายังโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ผมไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดีที่มีอะไรหลายอย่างได้มาจากพ่อกับแม่ รวมถึงโรคทางพันธุกรรมอย่างเบาหวานด้วย
พ่อผมเป็นคนกินเหล้าเก่งมากสมัยเด็กท่านใช้ให้ผมไปซื้อให้บ่อย ๆ โตขึ้นมาผมก็เลยได้ความสามารถนั้นมาด้วย พอมาถึงตอนนี้มันก็เลยกลายเป็นโรคอีกอย่างหนึ่งที่ผมเป็น "ตับแข็ง" ใช้แล้วผมเป็นโรคตับแข็งที่ได้มาจากการกินเหล้าหนักเกินไป โรคเบาหวานจากการกินอาหารตามใจปาก โรคหัวใจและความดันจากการที่ไม่เคยออกกำลังกายเลย
ตอนนี้ผมนอนอยู่บนเตียงห้องพิเศษในโรงพยาบาล มีเครื่องประดับที่หมอติดให้เต็มทั่วทั้งตัว อย่างเช่น สายยางให้เลือดกับน้ำเกลือที่โยงยาวไปทั่วทั้งแขนเหมือนกับสร้อยข้อมือ สายท่อหายใจที่สอดไว้ทางจมูกพาดไปทางหู เหมือนใส่หน้ากากแฟนซี สายไฟที่มีแผ่นแม่เหล็กแปะอยู่ที่หน้าอกคอยวัดชีพจรหัวใจ มองดูไกล ๆ คล้ายสร้อยคอ
และยังมีอุปกรณ์อะไรสักอย่างที่ผมไม่รู้จักหนีบนิ้วมือผมเอาใว้อีกอย่าง สาเหตุที่ผมแยกแยะอุปกรณ์พวกนี้ไม่ได้มันก็คงไม่แปลก เพราะผมไม่มีความรู้เรื่องนี้เลยและก็ไม่เคยคิดจะสนใจมันด้วย การศึกษาของผมจบแค่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้วก็ไปต่อการศึกษานอกระบบจนจบ ม.6 ระหว่างที่เรียนนั้นผมก็ทำงานไปด้วย ผมเริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 16 ปี
ตามอายุจริงผมยังคงไม่สามารถทำงานในโรงงานได้ แต่เพราะพี่สาวผมรู้จักกับหัวหน้างานจึงฝากให้เข้าทำงานได้ อีกอย่างผมก็เป็นคนที่ตัวใหญ่กว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน หากไม่รู้จักมาก่อนจะบอกว่าผมอายุมากกว่า 20 ปี ก็คงไม่มีใครเถียง หน้าตาผมไม่ถึงกับจัดว่าหล่อมาก แต่ถ้าเทียบกับคนแถวนั้นยังนับว่าติด 1 ใน 5 ของผู้ชายทั้งโรงงานได้สบาย ๆ
ผมใช้ชีวิตทำงานไปเรื่อยโดยไม่ไม่คิดจะศึกษาหาความรู้อะไรเพิ่มเติม แค่เช้าไปทำงานเย็นกลับบ้าน สิ้นเดือนรอรับเงินเดือนนั้นคือสิ่งที่ผมคิดมาตลอด จนกระทั่งวันนี้ผมถึงเริ่มคิดได้ ว่าการที่เราใช้ชีวิตเรียบง่ายเกินไปเหมือนสิ่งที่พระพุทธองค์ท่านสอนเอาไว้มันก็ไม่ผิด แต่แค่มันเหมาะสำหรับคนบางจำพวกเท่านั้น
ผมไม่ได้แต่งงานไม่มีลูกมีแต่หลาน หลานแท้ ๆ ของผม ที่เกิดจากพี่น้องพ่อแม่เดียวกันมีแค่ 4 คน ชายหนึ่งหญิงสามเมื่อครั้งอดีต แต่ปัจจุบันเป็นหญิง 4 คน ผมไม่ติดอยู่แล้วว่าหลานผมจะเปลี่ยนไปแค่ไหน แค่มันดูแลตัวเองได้ไม่เป็นภัยสังคมให้คนเข้าตามมาเอาเรื่องที่บ้าน ก็ถือว่าดีมากแล้ว... ปัจจุบันผมนอนโรงพยาบาลลมหายใจรวยรินมาแล้ว 3 วัน
ผมรู้ตัวดีว่าหลานต้องเสียเงินมากแค่ไหนในการดูแลผม โชคดีที่พ่อแม่ผมจากไปก่อนแล้วไม่อย่างนั้นพวกท่านคงทุกใจมากที่เห็นผมในสภาพแบบนี้ ผมคงเป็นลูกพ่อแม่ที่จากไปก่อนพี่น้องอีก 5 คนที่เหลือ ผมรู้ตัวเรื่องโรคมานานแต่ก็ไม่เคยคิดจะไปรักษาตัว เพราะรายได้ผมน้อยมาก มันแค่พอใช้จ่ายให้รอดตายไปเดือน ๆ หนึ่งเท่านั้น ก็อย่างที่คนทั่วไปคิดไม่ไหวจริง ๆ ก็ไปโรงพยาบาลแล้วก็ไปจบที่วัดเลย มันจะได้ไม่ลำบากลูกหลานมากเกินไป
ผมไม่มีลูกจึงลำบากแต่หลาน และเรื่องนี้เองคือหนึ่งในเรื่องที่ผมเสียใจ สมัยที่ยังไม่เป็นโรคร้ายยังคงมีสุขภาพดี ผมไม่เคยคิดเรื่องแต่งงานเลย แต่เมื่ออายุเลย 40 ปีมาแล้วถึงได้คิด แต่ผู้หญิงที่ไหนจะมาเอาคนที่ไม่ได้ร่ำรวยแถมยังแก่แล้วด้วย ถึงจะหน้าตาดีก็เถอะมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย สมัยนี้มีเงินขี้เหร่ก็เปลี่ยนเป็นหน้าตาดีได้ขอแค่มีหมอเก่ง ๆ ช่วยสักคน
ผมนอนคิดเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา 52 ปี แล้วก็เริ่มปลงตก จะอยู่ให้ลูกหลานเสียเงินอีกทำไมในเมื่อต้องจากไปอยู่แล้ว โรคล่าสุดที่ผมได้มาคือ ลิ้นหัวใจรั่วทำให้เหนื่อยง่ายคล้ายกับโรคหอบหืด ซึ่งผมรู้ตัวมานานแล้วตั้งแต่อายุ 42 ปี แค่ไม่ได้มาตรวจเท่านั้น อาชีพสุดท้ายที่ผมทำงานเป็นลูกจ้างเขาก็คือ ร.ป.ภ. ในโรงงานน้ำมันแห่งหนึ่ง
ผมทำอยู่หลายปีจนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้า แต่เพราะอาการเหนื่อยง่ายหายใจไม่ทันจึงได้ลาออกมานอนพักอยู่ที่บ้าน ซึ่งตอนนั้นมีโรคระบาดที่ชื่อ โควิด กำลังระบาดอยู่พอดี ผมจึงได้นอนพักยาวอยู่เกือบ 2 ปี เพราะหางานทำอยากมากในช่วงนั้น ถึงแม้โรคเหนื่อยง่ายผมจะดีขึ้นแล้วก็ตาม สุดท้ายผมเลยต้องมานั่งหางานตามอินเตอร์เน็ต
แต่คนที่ไม่มีความรู้ทางคอมพิวเตอร์เลยอย่างผมจะไปทำอะไรได้ ผมจึงได้แต่หาอ่านหนังสือการ์ตูนบ้าง นิยายบ้างฆ่าเวลาไป จนมาเจอกับเว็บนิยายเว็บหนึ่งที่เปิดกว้างสำหรับคนที่ชอบอ่านนิยาย ที่อยากจะเขียนนิยายหารายได้บ้างนิดหน่อย ผมจึงได้เริ่มอาชีพสุดท้ายในชีวิตที่เว็บนั้น แน่นอนคนชอบอ่านไม่ใช่ว่าจะเขียนนิยายได้ทุกคน ผมเองก็เหมือนกันผมใช่เวลาอยู่หลายปี
แต่งนิยายมาก็แทบจะนับไม่ถ้วน ไม่มีเรื่องไหนที่ประสบความสำเร็จ เพียงขายได้แค่เรื่องละไม่กี่ร้อยบาท ทั้งที่คนอ่านเว็บนี้เป็นล้านคน แต่ผมก็ไม่ย่อท้อคนที่มีประสบการณ์มักพูดให้ฟังอยู่เสมอว่า "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จจะอยู่ที่นั่น" แต่กับผมมันคงเป็นได้แค่คำพูดปลุกใจแค่นั้น... จากวันนั้นถึงวันนี้ผมเขียนนิยายมาตลอด
แม้ได้เงินไม่มาก แต่กลับมีความสุขมากกว่า อยากเขียนอะไรก็เขียนชีวิตจริงผมไม่ทางทำอะไรแบบในนิยายได้อยู่แล้ว การเอาตัวเองไปอยู่ในนิยายมันจึงกลายเป็นความฝันสูงสุดในชีวิตนี้ของผม.... เขาบอกว่าคนเราหากใกล้ตายควรทำอะไรที่มีค่าทิ้งเอาไว้บ้างให้สำหรับคนข้างหลัง... ผมไม่มีสมบัติจึงได้บริจาคร่างกายตัวเองให้เป็นอาจารย์ใหญ่สำหรับนักศึกษาแพทย์
เพื่อหวังว่าเกิดใหม่อีกที่ชีวิตผมจะได้มีอะไรดี ๆ กับเขาบ้างในชีวิตข้างหน้า..!!! เสียงเครื่องวัดชีพจรดังขึ้น หลังจากที่ผมไม่รู้สึกตัวอีกแล้ว
# นิยายเรื่องนี้อาจมีชื่อและตัวละครที่ตรงกับชีวิตจริงมาปะปนไปบ้าง แต่ขอให้ทุกท่านอ่านมันด้วยความสนุกเท่านั้นพอ เพราะยังไงมันก็คือนิยาย อาจมีเรื่องจริงบ้างเรื่องแต่งบ้างผสมปนเปกันไป หากใครซีเลียตอ่านเเล้ว, เหตุการณ์จริงมันไม่ใช่อย่างนี้นี่น่า, เวลานี่มันไม่ควรเกิดเรื่องนั้นซิ, คน ๆ นี้ตัวจริงไม่ใช่นิสัยอย่างนั้น, ในชีวิตจริงไม่มีใครทำอย่างนั้นได้หรอก, อะไรทำนองนี้ หากคุณคิดมากเรื่องที่กล่าวมา แนะนำให้ไปอ่านเรื่องอื่นเถอะครับ...
# # นิยายของผมคือตัวผมที่ไม่สามารถเป็นตัวผมในโลกจริงได้ ฉะนั้นจงอ่านมันซะ มันก็แค่ความบรรเทิง.....!
ผลงานอื่นๆ ของ Kimdon ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Kimdon
ความคิดเห็น