ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    What & Why .. เพราะอะไรและทำไม? (YAOI-YERYEO)

    ลำดับตอนที่ #3 : What & why .. เพราะอะไรและทำไม? : 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 578
      0
      28 ต.ค. 54

     ร่างเล็กๆที่บอบช้ำนอนซุกหน้าไว้ที่หมอน ก่อนจะปล่อยน้ำตาไหลออกมาตามทาง ไร้เสียงสะอื้นออกมา เพราะเขาเหนื่อยเกินไปเสียแล้ว เหนื่อยที่ต้องรับทนเรื่องแบบนี้ .. เพราะอะไรถึงต้องเป็นเขาและทำไมจะต้องมาอยู่ในวังวนแบบนี้ ร่างบางได้แต่ทวนคำถามในหัวซ้ำๆ แต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบ

    แอ๊ดด .. เสียงประตูเปิดขึ้น ร่างบางสะดุ้งแต่ไร้แรงจะหันกลับไปดู เสียงฝีเท้าเดินเบาๆมาทางเขา
    นี่กะมาฆ่ากันให้ตายเลยใช่ไหม เอาสิ เอาเลย เขาจะอยู่หรือตายมันก็เท่านั้นแหละ ..

    "ตัวเล็ก ปวดหัวหรอจ้ะ อุ้ยน้ำตาไหลด้วย"ฮีชอลยิ้มแล้วนวดเบาๆที่ขมับของเรียวอุคด้วยความเอ็นดู เรียวอุคจ้องใบหน้านั้น ด้วยความดีใจ ดีจังที่ไม่ใช่อีกคนที่มาหาเขา

    "กินโจ๊ะนะตัวเล็ก"ฮีชอลเอ่ย ก่อนจะช่วยเรียวอุคพยุงขึ้นมา แล้วจัดการหยิบโจ๊กขึ้นมาป้อนคนตรงหน้าด้วยความรัก ทั้งๆที่เรียวอุคไม่ได้เป็นอะไรกับเขาด้วยซ้ำ

    " พี่ฮีชอล อย่าดีกับผมเลย พี่ควรจะตบตีผมด้วยซ้ำได้โปรด ...
    อย่าดีกับผมอย่างนี้เลย
    ผมมันน่าสมเพช น่ารังเกียจและทรยศ ... "


    "ร้องไห้ทำไมตัวเล็ก ปวดหัวหรอจ้ะ? โอ๋ๆ เดียวกินยาแก้ปวดหน่อยนะ" ฮีชอลหยิบยาแล้วยื่นให้

    "ขอโทษนะครับ.."ร่างบางเอ่ยเบาๆ 

    "ขอโทษไรละ เรียวอุคไม่ได้ทำอะไรผิดนะแค่ป่วยเองอย่างอแงนะ" คิดผิดแล้วละพี่ฮีชอล ผมทั้งเลว ทั้งทรยศพี่ ถ้าพี่รู้ พี่คงเจ็บปวดมาก ที่ผมทำแบบนี้ ...

    "เรียวอุค พี่จะไม่รู้บ้านสักสองสามวันนะ พี่จะไปฝรั่งเศส เรียวอุคต้องกินเยอะๆนะ แล้วจะซื้อของมาฝาก ปารีส พี่เนี่ยใฝ่ฝันมานานมากเลยรู้ไหม เรียวอุคอยากได้อะไรบอกพี่นะ พี่จะไปซื้อให้จ้ะ หลุยส์สักใบดีไหม? เอ๋หรือจะน้ำหอม เอ๋หรือ...."ฮีชอลกล่าวไปเรื่อยๆ ส่วนเรียวอุคก็สบายใจที่เขาจะไม่ได้เจอคนบางหลายวันหน่อยดีจริงๆด้วยซินะ ..

    "เดียวเรียวอุคไปพักผ่อนที่ไร่กับเยซองนะ จะได้สดชื่นไงละคนป่วย พี่จะให้เยซองดูแลเรียวอุคเองนะจ้ะ"ร่างบางใจหายวาบ ทำไม ? ทำไมเยซองไม่ไปกับพี่ฮีชอลละ

    "ทำไมเขาไม่ไปกับพี่ฮีชอลละ?"

    "เขาต้องไปช่วยซองมินดูไวน์ตัวใหม่จ้ะ อีกอย่างพี่ไปธุระนะเยซองคงไม่สนุกหรอก ให้ดูแลตัวเล็กนะดีแล้วละจ้ะ" ดูแลหรอ .. เขาคงหั่นผมเป็นชิ้นๆ ไปบ่มไวน์รสใหม่มากกว่า ... 

    ทำไมนะ .. ถึงหนีคนๆนี้ไม่พ้นอีกแล้ว ให้ผมได้พักหายใจบ้างไม่ได้หรือ ?
    พระเจ้าครับ .. ท่านเกลียดผมหรืออย่างไร ทำไมต้องมาเจอผู้ชายคนนี้ด้วย ?

    "ผ้ากับกะละมัง"เสียงเรียบๆเอ่ย ขึ้นขัดบทสนทนาของฮีชอลกับเรียวอุค เสียงที่เขาไม่อยากได้ยิน..

    "มาพอดีเลยตัวเล็กอิ่มพอดีเลย เดียวฉันเอาถ้วยไปเก็บก่อนเยซองเช็ดตัวให้เรียวอุคสิ"ร่างบางถลึงตาอย่างหวาดหวั่น .. ก่อนที่จะชำเลืองมองคนตรงหน้าประตูที่ไม่แม้แต่จะมีสีหน้าใดๆทั้งสิ้นแค่เดินตรงไปในห้องน้ำ เพื่อใส่น้ำเตรียมจะเช็ดตัวให้เขา ..

    "เดียวพี่มานะจ้ะตัวเล็ก"
    พี่ฮีชอล ได้โปรด วิ่งเถอะครับ ได้โปรด ..

    ร่างสูงไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆออกมาทั้งนั้น ได้แต่เดินหายเข้าไปในห้องน้ำสักพัก

    ร่างเล็กที่นอนอยู่ที่นอนได้แต่ถอนหายใจช้าๆเบาๆ มันยังไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ แต่

    ในใจเขากระวนกระ วายเหลือเกิน อากาศเย็นๆที่ลมข้างนอกพัดเข้ามาทาง

    หน้าต่างทำให้ร่างบางรู้สึกเย็นเหลือเกิน ภาวนาให้คนที่ลงไปข้างล่างขึ้นมาให้เร็วที่สุด

     

    เพราะเขากลัว

     

    “หนาวหรือ?”เสียงเย็นๆเอ่ยขึ้น ในใจของเขาแทบหายวาบ

     

    “นะ..นิดหน่อยครับ”เรียวอุคกล่าวเบาๆ

     

    “ถอดเสื้อซะ” ร่างบางถลึกก่อนจะกระชับผ้าห่มให้แน่นขึ้นเพื่อปกป้อง

     

    “เร็ว..ฉันไม่มีอารมณ์หรอก” ร่างสูงก้าวขามาอย่างรวดเร็วก่อนจะนั่งลงข้างๆแล้วโน้ม

    ตัวกระชากผ้าห่มหนาๆนั้นออก ร่างบางถอยกรู อย่างหวาดกลัวแต่โดนตรึงแขนสอง

    ข้างไว้เหนือศรีษะเพียงมือข้างเดียว ส่วนอีกมือปลดกระดุมเสื้อนอนบางๆนั้นออก

    อย่างรวดเร็ว

     

    “เคลิ้มหรอ?”

     

    “ไม่..”ร่างสูงมองหน้านิ่งก่อนจะหยิบผ้าขนหนูนิ่มๆที่มีน้ำมาเช็ดตัวคนตรงหน้าเบาๆ

    ที่ใบหน้าสีหวานราวกับขนมหวานที่เขาเคยลิ้มลองอย่างไม่รู้จักเบื่อ ไล่ลงมาตามซอก

    คอที่มีรอยต่างๆราวกับสีกุหลาบ ดอกไม้ที่หมายถึง ‘รัก’ ไม่หรอกสำหรับเขามันเป็นรอย

    ที่แค่แสดงว่าคนคนนี้เป็นของเขาเท่านั้น ร่างกายที่บอบบางเช่นนี้ทำไมยังขาวใสได้

    ขนาดนี้

    “อะ..อย่า”ร่างบางร้องเมื่อเขาไล่ต่ำลงมาเรื่อยๆ

     

    “นายคิดว่าฉันอยากแตะตัวนายมากอย่างงั้นหรอ?”

     

    “พอเถอะครับ..”

     

    “หึหึ..ทำไมหรอ?”เยซองกระตุกยิ้มก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าหาคนตรงหน้า จมูกโด่งแตะที่

    หน้าปลายจมูกของอีกคน ใกล้กันเสียได้ยินลมหายใจของอีกคนว่าหายใจถี่ขนาดไหน

     

    “ตัวเล็กมาแล้วจ้ะ..ทำไรกัน?”ฮีชอลเดินเข้ามาก่อนจะยิ้มให้ทั้งสอง

     

    “ผมอยากจะวัดไข้นะครับ ตัวอุ่นแล้ว”เยซองหันไปบอกบุคคลที่เข้ามา ฮีชอลยิ้มอย่าง

    ดีใจนานๆจะเห็นเยซองสนใจน้องชายคนนี้ เพราะเรียวอุคไม่ได้เหมือนซองมินที่เย็นชา

    ไม่ต่างอะไรกับเยซองเลย

     

    “ตัวเล็ก อยากนอนพักไหมจ้ะ?ไปกันเถอะเยซอง”คนตัวบางเอ่ยๆ เกินจะเดินไปปิดหน้า

    ต่างเพราะลมหนาวกำลังเข้ามา ฤดูหนาวกำลังมา พัดพาหัวใจที่หนาวเหน็บคนตัวเล็ก

    ไปทุกๆปี ฮีชอลจำได้เสมอว่าเรียวอุค ไม่ชอบอากาศหนาว …

     

    ไว้ฉันจะมาฟังคำตอบ”เยซองเอ่ยเบาๆก่อนจะลุกขึ้น แล้วเดินออกจากห้องไปพร้อม

    คิมฮีชอล ร่างเล็กที่อยู่ในห้องรีบใส่เสื้อก่อนจะทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง

    หิมะกับลมหนาวมาอีกแล้วหรือ ..ทำไมนะหัวใจของเขาช่างหนาวเย็นแบบนี้ฃ

     

    อยากจะหนีออกไปให้ไกลจากตรงนี้เสียเหลือเกิน มันทรมานมากที่ต้องอยู่คนเดียว

     





     

    ภายในห้องสีขาวกว้างใหญ่ ตกแต่งด้วยสีแดงขาวสลับกันทั้งห้อง ดอกกุหลาบสีแดง

    ปักอยู่แจกันและหมอนสีขาว ขลิบขอบสีแดง กรอบรูปสีขาวที่มีรูปคู่ของคนในห้อง

    ที่เจ้าของห้องแขวนมันไปรอบๆห้อง ดูแล้วน่ารักเสียเหลือเกิน

     

    “เยซอง ฉันเอาของไปแค่นี้พอไหม?”ร่างสูงที่นั่งอยู่โซฟาหรูที่ขาวกำมะหรี่ พยักหน้าเบาๆ

     

    “ที่นู้นคงหนาวกว่านี้เอาเสื้อหนาวไปเยอะๆนะ”เสียงทุ้มเอ่ยด้วยความเป็นห่วง

     

    “ฉันจะได้ไปช้อปปิ้งที่ปารีส ว้าวความฝันของฉันเลยรู้ไหม^^”ฮีชอลยิ้มแป้น

     

    “อย่ามากจนขนไม่ไหวนครับ คุณผอมบางแบบนี้”

     

    “กลัวอะไรละ มีทงเฮทั้งคน น้องชายฉันเนี่ยทั้งถึกทั้งทน”ร่างสูงยิ้มบางๆก่อนจะเดินไปที่

    ตู้เสื้อผ้าและหยิบเสื้อหนาวตัวใหญ่สีแดงเข้มมาใส่ในกระเป๋าเดินทางให้ฮีชอล

     

    “นี่มันของนายนะเยซอง”

     

    “ผมรู้ครับ ผมให้คุณใส่ตอนอยู่ที่นั้น จะได้รู้สึกเหมือนผมกอดคุณอยู่ไง..”       

    คนตรงหน้าแดงก่อนจะจิ้มแก้มคนรักของเขา “เจ้าอ้วนบ้า!”

    ฮีชอลกล่าวแก้เขิน ก่อนจะปิดกระเป๋าลง และจูงมือคนรักลงไปข้างล่าง

     

    “ไปทานข้าวข้างนอกดีกว่าไหม?”เยซองชวน

     

    “ทานที่บ้านก็ดีแล้วนะ อีกอย่างฉันห่วงตัวเล็ก”เยซองยิ้มบางๆให้ฮีชอล แล้วเดินไปทานข้าวด้วยกัน







     

    กรุงปารีส ฝรั่งเศส

     

    “เซฟครับ ขอเพิ่มเนื้อแกะย่างเป็นสี่ที่ครับ และขอซุปเห็ดร้อนๆอีกสอง”เสียงผู้จัดการ

    ร้านกล่าว เนื่องจากลูกค้าวันนี้เยอะเป็นพิเศษ ร้านวินเทจแนวยุโรปของที่นี่แม้จะเป็น

    ร้านไม่ใหญ่มากแต่ก็มีชื่อเสียงพอดูเชียว ไม่รู้ว่าลูกค้าติดใจในรสชาติอาหารหรือ

    ติดใจคนทำกันแน่นะ ..

     

        

    ”ได้ครับ ”หนุ่มร่างสูงเอ่ยก่อนจะยกยิ้ม แล้วลงมือทำอาหารต่อไป

    การทำอาหารคือสิ่งที่เค้าชอบมาก และเขารักที่จะทำมันและประสบความสำเร็จ

    ได้ดีเสียด้วย แต่เหนื่อยมากทีเดียว ยิ่งใกล้เทศกาลสำคัญๆ ลูกค้ายิ่งเยอะ

     

    ”มีอีเมลถึงนายหลายวันแล้วนะ ไม่ตอบหน่อยหรอพ่อหนุ่มฮอต”

     

    ”ไม่เป็นไร ผมอ่านแล้วโทรหาเขาแล้ว”

     

    “ฮอตจังนะเรา มีสาวแล้วหรอไม่อยากเชื่อเลยทงเฮมีคนครองใจเสียแล้ว”ผู้จัดการร้าน

    แซวขำๆ คนโดนแซวยิ้ม ก่อนนะส่ายหน้า

     

    “อะไรกัน พี่ชายผมจะมาเยี่ยมต่างหากครับ คุณคิบอม”ร่างสูงกล่าว

     

    “คนนี้อะหรอ สวยแบบนี้ผู้ชายหรอ?”คิบอมตั้งคำถามแบบไม่น่าเชื่อ

     

    “พี่ชายผมจริงๆครับคุณคิบอม เดียวคงได้พบกันครับ แล้วผมจะพามาทักทาย”ทงเฮบอก

    ตอนจะเข้าครัวไปทำงานต่อ คิบอมยิ้มกริ่มพลางคิดในใจ พี่ชายโสดปะวะ?






    หลังเลิกงานทงเฮฮัมเพลงเบาๆในลำคอ ระหว่างล้างจานกองโตในห้องครัว

     

    “คุณทงเฮ ไม่ต้องล้างหรอกค่ะ เดียวดิฉันล้างเองคะ”แม่ครัวตัวอ้วนใจดีเอ่ยอย่างใจดี

    เพราะเธอเห็นเขาหั่น สับ ล้าง ต้ม อบทุกอย่างในครัวนี้ แม้แต่ตอนเลิกงานเขาก็จะเลิก

    ดึกกว่าคนอื่นเพราะมัวแต่คอยทำความสะอาด ส่วนคนอื่นๆรีบกลับบ้านไปแล้ว

    เพราะแค่ทำงานทั้งวันก็เหนื่อยจะแย่

     

    “ไม่ต้องครับป้า กลับบบ้านเถอะครับ ผมทำได้สบายๆมาก”ทงเฮบอก

     

    “คุณทงเฮขยันจังนะคะ ภรรยาคงรักตายเลย”คนฟังได้แต่ขำออกมาขบขัน

     

    “ขำอะไรคะ?”

     

    “ผมยังไม่มีภรรยาครับป้า ฮ่าๆๆ”

     

    “แหม หล่อขนาดนี้ก็ต้องมีแฟนบ้างใช่ไหมละคะเห็นสาวๆรอทุกคืน..”นั้นคือเรื่องจริง มี

    สาวๆมารอเขาหลังเลิกงานตลอด คอยขอเบอร์ ช่วยเที่ยวตลอด แต่ทงเฮก็เลิกงานดึกมาก จึงไม่ได้ออกไปไหนกับใคร ส่วนเรื่องความรักหรอ เลิกพูดได้

    เลยทั้งชีวิตของเขารักพี่ชายคนเดียว เขาไม่เคยคบกับใครทั้งนั้น

     

    “ไม่มีครับผม..อ่าเสร็จแล้วได้กลับบ้านแล้วนะ~”ทงเฮกล่าวก่อนจะยกมือปาดเหงื่อ

    ก่อนจะลาหญิงอ้วนคนนี้ และเดินไปเปลี่ยนชุดเตรียมตัวกลับบ้าน สายตาคมมอง

    ไปที่นาฬิกาก็ดึกมากแล้ว ก่อนจะรีบก้าวเท้ายาวๆไป

     

    “ทงเฮๆ รีบไปไหนเล่า มานี่มา”คิบอมที่นั่งอยู่ที่โต๊ะกับพนักงานอีกสามสี่คน เป็นปกติ

    หลังเลิกงานที่พวกเขาจะรวมตัวคุยกันแบบนี้ ก็นี่แหละนะคนโสดรีบกลับไปก็ไม่มีใคร

    อยู่ดีเลย

     

    “มาๆๆมาดื่มกันหน่อยเร็ว..”คังอินเพื่อนในร้านชวนพร้อมกับยื่นแก้วที่อำพันให้

     

    “ไม่ดีกว่าครับ เชิญตามสบายนะครับผมจะรีบกลับไปแล้วนอนเลย เหนื่อยมากกกก”

    ลากเสียงยาวๆให้รู้ว่าเขาเหนื่อยแค่ไหน พร้อมกับโบกมือลา

     

    “โห่..ไรวะทงเฮนายก็ลางานแล้วนะเว้ย ซักหน่อยๆ”คิบอมบอก

    “หรือว่ารีบกลับไปหาพี่ชายอะ เห้ยยยยยหรือเมียวะ”ทั้งโต๊ะส่งเสียงขบขำกันในใจก็รู้

    กันอยู่ว่าทงเฮไม่มีใครและไม่ยุ่งสุงสิงกับใครเลย

     

    “ไว้มีจะมาเปิดตัวนะ ไปละโชคดี”ทงเฮกล่าวก่อนเดินออกนอกร้านไป

     

    “จะว่าไปต่อไปมันไม่อยู่เราก็เหงาเนอะ สาวๆคงไม่มากันแล้ว”คังอินบอก

     

    “ใครจะทำซุปเห็ดอร่อยเท่ามันวะเนี่ย ไม่รู้ละถ้าร้านฉันเจ๊งฉันจะไปลากหัวมันกลับมา”

    คิบอมบอกขำๆก่อนจะกระดกน้ำเมานั้นเข้าปาก

     

     

    ร่างสูงเดินไปตามท้องถนน แสงสีไฟตามค่ำคืนช่างเชิญชวนให้เขาเดินชมวิวต่อไปเรื่อยๆ

    อากาศหนาวๆแบบนี้บรรยากาศดีที่สุด ต้นคริสมาสต์ที่เตรียมไว้ฉลองกำลังเตรียมจัด

    ในไม่กี่วัน ผู้คนที่เดินเล่นพร้อมรอยยิ้มยามค่ำคืน ร้านขายของเล่นใกล้ๆที่มีรถไฟและ

    กล่องดนตรีเสียงเพราะๆ และร้านกาแฟหลายๆร้านที่เขาชอบไปนั่งอ่านหนังสือ

     

    “ลาก่อนปารีส..”ทงเฮกล่าวก่อนจะยกยิ้ม ต่ออีกไม่กี่วันเขาจะต้องจากเมืองนี้เสียแล้ว

    เมืองที่เขาอยู่กับเกือบ7ปี ตั้งเข้ามหาลัยและฝึกงานจนได้งานที่ร้านอาหารเล็กๆนี้

    ร้านที่อบอุ่นในมหานครที่สวยงามในฝันของเขา เขามีความสุขมากที่ได้ทำงานร่วมกับ

    ทุกคนและได้อยู่ในเมืองนี้ แต่ทว่าความฝันบางทีก็ต้องสิ้นสุดลงเสียที ใช่ไหม?

     

    ทงเฮไขกุญแจเข้าบ้านเช่นเคยทุกวัน บ้านหลังเล็กๆ ที่ทำตัวอิฐแดงและหลังคาสีดำ

    ข้างหน้าบ้านมีพุ่มไม้สีเขียวขจีที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ .. ช่างน่ารักเหมือนในนิทาน

    โซฟาสีครีมนุ่มๆ ตัวโปรดของเขา อีกไม่กี่วันมันคงเป็นตัวโปรดของเจ้าของคนใหม่อีก

    ไม่นาน ทงเฮล้มตัวลงนอนลงโซฟา ความเหนื่อยล้าครอบคลุมทำให้เผลอหลับไป

     

     

    ติ๊ด ติ้ด ติ้ด ~

    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้เขาต้องตื่นจากการหลับใหล

     

    “ฮัลโหลครับ”

     

    ‘ทงเฮ อีกสักพักจะไปสนามบินแล้วนะ’

     

    “คงถึงอีกทีเย็นๆพรุ่งนี้นะครับ ไม่ต้องห่วงนะครับผมจะรับเอง”

     

    ‘จ้ะ แล้วตอนนี้เก็บของหมดหรือยัง?’

     

    “เก็บหมดแล้วครับ พร้อมจะย้ายแล้วยกเว้นห้องนอนครับไว้พี่มาค้าง”

     

    ‘โอเคจ้ะ แล้วเจอกันนะ รักน้ะ’

     

    “รักเหมือนกันครับ”ร่างสูงพูดก็วางสายไป ก่อนจะยิ้มกว้าง .. พี่ฮีชอลจะได้เจอกันแล้วนะ

    เราจะได้อยู่ด้วยกันเสียที คิดถึงใจจะขาดแล้ว และที่สำคัญเกาหลีบ้านเกิดของเขา

     

    เป็นอย่างไรบ้างนะ …








    คนตัวบางแต่งตัวอย่างรีบร้อนและเตรียมขนกระเป๋าเดินทาง เพื่อเตรียมตัวเดินทางคืนนี้เลยหลังจากตอนแรกเขาจะไปวันมะรืนแต่ เขาคิดถึงคนที่อยู่ที่นู้นใจจะขาดเสียแล้วจึงต้องรีบไป

    "รถอยู่ข้างล่างแล้วครับ"เสียงทุ้มเอ่ย ก่อนจะหยิบกระเป๋าของอีกคนให้ แล้วจูงมือเรียวนั้นลงไปข้างล่างเพื่อไปส่งที่หน้าบ้าน ..

    "ทำไมไม่ให้ผมไปส่งละครับ?"

    "นี่เยซอง ฉันไปไม่กี่วันนะ ไม่ได้ย้ายไปอยู่ที่นั้น นายไม่ต้องหรอกเดียวเหนื่อย อีกอย่างฝากเก็บกระเป๋าให้ตัวเล็กด้วยนะ ฝากจุ้บด้วยละ"ฮีชอลบอกเพราะตอนนี้มันก็ดึกมากแล้ว เรียวอุคที่ไม่สบายคงนอนหลับสบายอยู่มันทำให้เขาไม่อยากกวน

    "ได้ครับ"ร่างสูงรับปากตอนจะกอดคนตรงหน้าเบาๆ

    "ผมคิดถึงคุณ.."ร่างบางยิ้มเขินๆก่อนจะจุ้บแก้มป่องๆนั้นสักฟอด และขึ้นรถไปพร้อมโบกมือลา






    เยซองมองรถที่กำลังไกลออกไป ก่อนจะเดินเข้าตัวบ้านของเขา สายตามองไปทางด้านบนก่อนจะรีบก้าวเท้ายาวๆขึ้นไป ห้องของใครบางคน .. ร่างสูงเปิดประตูเข้าไปโดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาติเจ้าของห้องที่กำลังหลับใหล เจ้าหญิงที่กำลังสู่ห่วงนิทรา หวังว่าจะมีเจ้าชายรูปงามมาจุมพิตแต่ทว่าในโลกแห่งความจริง มีเพียงอสูรเท่านั้นที่จะจุมพิตเจ้าหญิงคนนี้

    "ตื่น!"เสียงเข้มเอ่ย ก่อนจะกระชากแขนคนที่นอนหลับใหลอยู่ให้ตื่นขึ้นมา

    "โอ้ย! เจ็บนะ"เสียงหวานร้อง ก่อนจะสะบัดข้อมือของตัวเองแต่ไม่เป็นผล มีหรือที่แรงอันน้อยนิดจะสู้กับผู้ชายตรงหน้าคนนี้ได้

    "ฮีชอลบอกให้ฉันมาเก็บกระเป๋าให้ แต่ฉันว่าไม่ต้องหรอกมั้ง ไปทั้งอย่างนี้ละ"เยซองบอกก่อนจะฉุดคนตรงหน้าให้ลุกขึ้นตามแรงของเขา ร่างบางเซล้มลงไปกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง


    "ไม่นะ ผมไปอยู่ที่นั้นหลายวันจะให้ผมใส่อะไรละ โอ้ยเจ็บ ได้โปรดปล่อยผมเถอะ"เรียวอุคขอร้อง

    "ก็ไม่ต้องใส่ซิ" 

    ร่างบางใจหายก่อนจะส่ายหน้าแรงอันน้อยนิดพยายามผลักคนตรงหน้า แต่ไม่เป็นผลเลย ร่างสูงช้อนคนตรงหน้าขึ้นมาอย่างง่ายดาย ก่อนจะบดขยี้ริมฝีปากบางนั้นด้วยความรุนแรงและโหยหา..
    ร่างบางดิ้นอยู่ในอ้อมกอดนั้น แต่ไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าหยุดการกระทำนั้นได้เลย

    "อื้อ..อื้อ!!"เรียวอุคพยายามจะผละออก ก่อนที่ร่างสูงจะผละออกเบาๆและขบริมฝีปากล่างนั้นเบาๆ

    "ฮีชอลเขาฝากมาให้นะ"เยซองเอ่ยก่อนจะยกยิ้ม และอุ้มร่างบางออกจากห้อง


    "โอ้ยย!!"เรียวอุคร้องเมื่อถูกโยนเข้าไปในรถอย่างไม่ใส่ใจของคนที่อุ้มเขามา ในใจอย่างจะเปิดประตูแล้ววิ่งหนีไปเสีย แต่ก็รู้ว่า ถ้าทำแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ...

    "ฉันยังไม่ได้ลงโทษที่นายหนีฉันวันนั้นนะเรียวอุค"เสียงเย็นเอ่ยเบาๆ ใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกบ่งบอกไม่ได้เลยว่าเขาเยาะเย้ยหรือโกรธ หรือไม่รู้สึกอะไรเลยก็ได้ แต่มันน่ากลัวที่สุดสำหรับเรียวอุค


    "ผม.."

    "หุปปาก!ฉันไม่ได้ต้องการคำขอโทษหรืออะไรทั้งนั้น"ร่างสูงเอ่ยก่อนจะจ้องตาคนตรงข้ามเขาที่กำลังสั่นไม่ต่างจากร่างกายของเขาเอง

    "ฉันจะทำให้นายยืนไม่ได้อีกหลายวันเลยคิมเรียวอุค"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×