ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] IMPORTANT..................... [ MINKEY SHINee ]

    ลำดับตอนที่ #2 : PART 2 : You Never Look At 'ME'

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.3K
      3
      12 ต.ค. 52

    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .



    IMPORTANT
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .


    Important
    .
    .
    .
    .
    .
    .

    .




    1
    2
    3..................




    20000
    20001
    20002.............





    อากาศที่ยิ่งทวีความหนาวเย็น ทำให้ร่างบอบบางร่างหนึ่ง ต้องกัดฟันแน่น เพราะซี่ฟันที่กระทบกันดังกึกๆนั้น มีแต่จะยิ่งทำให้รู้สึกหนาวไปยิ่งกว่าเก่า จนดูคล้ายว่าจะสั่นไปทั้งตัว


    คีย์มารออยู่ตั้งแต่ก่อนเวลานัด นี่เป็นนัดครั้งสำคัญที่สุด และเค้าไม่อยากทำให้อะไรๆ มันพลาด ทั้งที่เป็นฝ่ายนัด แต่คนที่เฝ้ารอ ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมาถึงแต่อย่างใด


    ก็เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง ต้องรอ รอ รอ แม้อีกฝ่ายจะไม่มา แม้อีกฝ่ายจะเป็นฝ่ายเบี้ยวนัด แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่จะโทรมาบอกกันก่อน ถึงเค้าจะโทรหาตอนนี้ มินโฮก็คงปิดเครื่อง นั่นคือสิ่งที่เค้าคุ้นเคย.......คุ้นเคยมานาน


    ร่างบางนั่งรออยู่ในร้านเนิ่นนาน จนเกินทน จึงออกมารอหน้าร้านแทน อากาศที่หนาวเย็นไม่ได้ทำให้รู้สึกหนาวมากมายนัก ที่หนาวกว่าน่ะ คือตรงหัวใจต่างหากล่ะ






    20020
    20021
    20022







    20022 เรียวปากบางยกยิ้มเศร้า 20023 20024







    ก็บอกแล้วไง ว่าบางครั้งเมื่อต้องเลือก
    เราก็สามารถที่จะเลือก เดินจากไป ได้เหมือนกัน








    หนังสือเล่มนั้นน่ะ ไม่เอาก็ได้นะ มินโฮ.........
    ความรักของนายน่ะ ฉันไม่เอาแล้ว.....ก็ได้นะ







    ตัวเลขที่เฝ้านับอยู่ในใจพุ่งจำนวนขึ้นเรื่อย มากขึ้น ....มากขึ้น





    50000
    50001
    50002






    นิ้วเรียวสวย หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ท ด้วยมือที่สั่นเทา กดหมายเลขที่จำขึ้นใจ เสียยิ่งกว่าตัวเลขในชีวิตทั้งหมด เสียงปลายทางเป็นอย่างที่คาดคิด ตัดเข้าสู่ระบบ รับฝากข้อความ

    แต่คราวนี้ เค้าไม่ได้กดทิ้ง เพื่อจะโทรกลับไปใหม่อย่างทุกครั้ง ตรงกันข้าม เสียงหวานเศร้าที่สั่นเพราะอากาศและด้วยอาการกลั้นแรงสะอื้น กรอกเสียงเข้าไปอย่างอดทน ช้าๆชัดๆ





    "มินโฮเหรอ.....ไม่ต้องมาแล้วนะ ฉันจะกลับแล้ว"




    หลังจากที่พูดจนจบ ก็กดตัดสายในทันที น้ำตาหยดโต ไหลเรื่อยจากใบหน้าขาวที่แสนซีดช้าๆ






    ไม่เอาแล้ว

    ไม่รอแล้ว













    ครั้งแรกที่จะกลับก่อน
    ครั้งสุดท้าย ที่จะ ..........รอ












    .

    .

    .

    .

    .











    "คีย์ ..ตื่นเถอะ"

    ดวงตาคู่สวยลืมขึ้นอย่างงัวเงีย เมื่อได้รับแรงสั่นที่ต้นแขนเบาๆ แทมินนั่นเองที่กำลังปลุกเค้า คีย์ยิ้มหวานให้แก่เพื่อนซี้ ก่อนจะฟุบลงกับหมอนอย่างเก่า ร้อนถึงแทมินต้องดึงเพื่อนขึ้นมาจากที่นอนอีกครั้ง






    "ตื่น ..มินโฮมารออยู่หน้าบ้านแล้ว"







    เพียงคำพูดนั้นเพียงคำเดียว ทำให้ร่างบางนั้นผุดลุกขึ้นนั่งทันที ใบหน้าหวานมองหน้าเพื่อนเขม็ง ราวกับไม่เชื่อ ร่างเล็กจึงต้องย้ำด้วยใบหน้าจริงจัง







    "จริงๆนะ ไม่ได้โกหกเสียหน่อย"







    ว่าแล้วก้อเดินเข้าครัวไปอย่างเก่า คีย์นั่งลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเดินช้าๆไปยังหน้าต่างบานใหญ่ในห้องนอน
    มือสวยขยับม่านเล็กน้อย ดวงตาคู่นั้นเบิ่งโตอย่างไม่เชื่อสายตา





    ไม่ผิดแน่ มินโฮกำลังยืนอยู่หน้าบ้านเค้า ที่แปลกยิ่งกว่านั้น ในมือร่างสูงยังมีดอกไม้ช่อใหญ่เสียด้วย









    ร่างบางหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน ทั้งที่ไม่มีครั้งไหนที่ร่างสูงจะทำเพื่อเค้าขนาดนี้ กลับไม่ดีใจเลยแม้แต่น้อย




    ทำไมต้องเป็นครั้งนี้ ......ครั้งที่เค้ากำลังจะตัดใจ





    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .







    "จะไม่ลงไปจริงๆเหรอ ?"



    ถามย้ำเป็นครั้งที่เท่าไหร่ ก็นับไม่ถ้วน เมื่อเห็นว่านอกจากคีย์จะไม่สนใจที่มินโฮมายืนอยู่หน้าบ้านแล้ว ร่างบางยังหยิบหนังสือเล่มโปรดมาอ่านอย่างสบายใจ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพียงแต่แทมินรู้ดีเท่านั้น ว่าแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น




    "ลงไปหน่อยก็ได้นิ ถ้านายไม่อยากคุยก็ไล่กลับไปซะ"




    ร่างบางลังเลเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองเพื่อนรักด้วยแววตาน่าสงสาร แทมินนึกรู้ทันที ว่าคำพูดต่อไปคืออะไร




    " แทมินช่วยไปแทนฉันหน่อยสิ บอกว่าฉันไม่อยู่ก้อได้ น้า"





    ว่าแล้วไง......





    "ไม่ได้หรอก ฉันบอกไปแล้วว่านายนอนอยู่"

    "งั้นก็บอกไปว่า...ฉันไม่ยอมตื่นก็ได้นิ"





    ร่างเล็กมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ เค้าไม่อยากไปเจอมินโฮ เพราะกลัวว่าอาจเผลอ พูดอะไรไม่ดีออกไป แต่คิดๆแล้ว ไม่เห็นต้องแคร์เลย





    ร่างสูงยืดตัวตรงทันทีที่ได้ยินเสียงประตู จากที่ยืนพิงผนังก่อนหน้านี้ จงใจยิ้มกว้างและขยับจะเอ่ยทักทาย แต่ก็ต้องกลืนมันทั้งหมด เมื่อเห็นว่าคนที่เปิดประตูออกมาไม่ใช่คนที่คิดไว้ กลับเป็นเพื่อนของคนรักเค้าเอง คนที่มักจะหน้าหงิกใส่เค้าอยู่เป็นประจำ





    แทมินทำตาขวาง ก่อนจะเอ่ยห้วนๆ


    "คีย์ไม่สบาย"





    ดวงตาคมเบิ่งกว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น ละล่ำละลักถามแทบไม่หายใจ




    "เป็นอะไรมากไหม ตัวร้อนหรือว่าปวดหัว พาไปหาหมอรึยัง"

    "นายเคยสนใจด้วยเหรอ"




    มินโฮชะงักคำพูดทั้งหมด เมื่อเห็นสีหน้านั้น เค้ารู้ว่าแทมินไม่ค่อยชอบเค้านัก แต่ไม่คิดว่าจะได้รับคำพูดเช่นนั้นกลับมา เมื่อเห็นคนตรงหน้าเงียบ อารมณ์ไม่พอใจก็ยิ่งเดือดดาล เจ็บแทน สงสารเพื่อนยิ่งนักที่ต้องทนรับความไม่เอาใจใส่จากผู้ชายคนนี้




    "เมื่อวานนายไปมุดหัวอยู่ไหนมา คีย์เค้าไปรอนายเป็นชั่วโมง นั่นเหรอสิ่งที่นายควรทำ นายนัดแล้วนายก็ผิดนัด รู้ไหมว่าคีย์จะเสียใจขนาดไหน ถ้านายไม่ได้ชอบเค้าจริงๆ แล้วนายมาคบเค้าทำไม ทั้งๆที่นายไม่เคยสนใจเลยว่าคีย์จะเป็นยังไง จะเจ็บไหม ร้องไห้ไหม นายนี่มันแย่ที่สุด !!! "




    "ฉัน...."




    เงียบไปอย่างอึดอัดใจ เพราะสิ่งที่แทมินพูดมาล้วนถูกทั้งหมด เค้าผิดและสมควรโดนด่า







    "พอเถอะแทมิน"



    เสียงนุ่มที่ดังขึ้นเรียกให้ทั้งสองหันไปมองอัตโนมัติ คีย์เดินมาจับแขนเพื่อนเบาๆเป็นเชิงขอร้อง แทมินจึงเดินปึงปังเข้าบ้านทั้งที่ยังส่งสายตาอาฆาต




    เสียงโหวกเหวกของเพื่อนรักทำให้ร่างบางต้องเดินลงมาจากห้องนอน เพราะรู้นิสัยของเพื่อนดี เมื่อแทมินเดินกลับเข้าไปแล้ว ดวงหน้าหวานจึงหันมาเผชิญหน้ากับคนรักเต็มตา มินโฮมีท่าทีอึกอักราวกับจะพูดอะไรสักอย่างแต่พูดไม่ออก ท่าทีเช่นนั้นทำให้คนมองสะท้อนใจ






    อยากพูดอะไรกัน แก้ตัวอะไรอีก...นั่งแต่งเพลงจนลืมฉัน งานด่วน หรือว่าหลับเพลิน





    ทันใดนั้นเค้าก็รู้สึกอยากจามขึ้นมา คันยิบๆที่จมูก และก็รู้สาเหตุในทันที ในมือของมินโฮมีดอกคาร์เนชั่นสีสวยหวานช่อใหญ่ ร่างบางสะกดกลั้นอาการอยากจามจนน้ำตาแทบไหล ยิ้มฝืดๆให้กับร่างสูงนั้น ทั้งที่เค้านึกเสียใจ



    .
    .
    .
    .
    .





    ....มินโฮไม่เคยจำได้ว่าเค้าแพ้ดอกไม้......
    .

    .
    .
    .
    .
    .




    "มินโฮ....."




    คนถูกเรียกสะดุ้งเบาๆ เพราะไม่ทันตั้งตัว เมื่อเห็นว่าร่างบางนั้นยิ้มหวาน จึงคลายความกังวลลงได้




    คำพูดมากมายที่อยากเอ่ย อยากพาไปฉลองหลังจากที่ผิดนัดหลายครั้ง อยากขอโทษในสิ่งที่เคยขอโทษมาแล้วซ้ำๆหลายต่อหลายครั้ง










    แต่สิ่งที่ได้ยินนั้น ไม่ได้เป็นสิ่งที่คาดคิดไว้เลยแม้แต่น้อย








    "เราเลิกกันเถอะ"



    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .



    Important........


    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .




    แทมินลากเพื่อนที่นั่งพิงประตูราวกับลุกไม่ขึ้น มาที่โต๊ะทานข้าว ร่างเล็กพยายามคะยั้นคะยอให้เพื่อนกินอะไรสักอย่าง แต่ไม่เป็นผล เค้าจ้องมองคนที่เอาแต่เหม่อ หลังจากที่คนๆนั้นกลับไปแล้ว



    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .



    “เราเลิกกันเถอะ...”

    “..........”





    ร่างบางเอ่ยขึ้น ทั้งที่ยังยิ้มหวานไม่เปลี่ยนแปลง ยิ้ม...ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ใจกำลังเต้นอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่อีกคนดูเหมือนจะเป็นใบ้ไป จนในที่สุด หลังจากต่างฝ่ายต่างเงียบ คีย์จึงเป็นฝ่ายเอ่ยคำลาอีกครั้ง






    “งั้น...ฉันไปกินข้าวล่ะนะ แทมินคงรออยู่”

    ทำท่าจะถอยกลับเข้าไปในบ้าน แต่ช้ากว่าอีกคนที่ตั้งสติได้พร้อมกับยื้อแขนบางนั้นไว้





    “พูดเล่นใช่ไหม ......”

    “ป่าวนิ ฉันพูดจริงๆ”




    แม้จะยิ้ม แต่ในดวงตาไม่ได้ยิ้มต่อไปแล้ว มินโฮเพียงจ้องมอง และรู้ในทันทีว่านี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
    กระนั้นก็ยังยิ้มตอบ




    “ฉันงงไปหมดแล้วนะ ...นายงอนฉันเรื่องเมื่อวานเหรอ ฉันก็มาง้อนายแล้วไง”

    “ไม่ใช่ ...เลิกกันก็แค่นั้นแหละ”





    ว่าพลางดึงแขนตัวเองกลับ แต่มือที่ยึดเหนี่ยวเค้าไว้ กลับลงแรงกว่าที่คิด ร่างบางเลิกคิ้วขึ้นเป็นนัยให้ปล่อย แต่นอกจากจะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว แววตาร่างสูงในตอนนี้ยังฉายแววงุนงง เพราะไม่เข้าใจในท่าทีนั้นแม้แต่น้อย โดยไม่ได้รู้เลยว่า การมองอย่างนั้น จะยิ่งทำให้คนเห็นเจ็บปวดขึ้นเท่าตัว




    ไม่เคยเลย…………………


    มินโฮไม่เคยเข้าใจอะไรเลย ไม่เคยจดจำเรื่องของเค้าได้เลย คีย์มองดอกไม้ช่อใหญ่อย่างปวดใจ






    “ปล่อยเถอะ..”

    “อธิบายมาก่อน เมื่อกี้นายแค่ล้อเล่นใช่ไหม เมื่อวานเรายังดีๆกันอยู่เลย”






    ร่างบางสะบัดมือจนหลุดในที่สุด ก่อนจะสูดลมหายใจช้าๆ พรั่งพรูคำพูดที่อยากเอ่ยมาตลอด







    “ฟังฉันให้ดีนะ ...ชเวมินโฮ นายมันเฮงซวย งี่เง่า ! ฉันมันโง่เองถึงไปคบกับคนอย่างนาย จะไปตายไหนก็เชิญเลย ฉันจะไม่โกรธนาย ไม่รอนาย ไม่ทำอะไรเพื่อนายอีกแล้ว .............”







    น้ำตาเม็ดโต พร้อมใจกันไหลพรั่งพรู ราวกับเก็บกดมานาน ครั้งแรก และครั้งสุดท้ายเท่านั้น ที่จะร้องไห้ให้กับคนๆนี้






    “แล้วจะบอกให้อีกอย่างนึงนะ”






    มือบางสั่นเทาฉวยเอาดอกไม้ในมือร่างสูงมาถือไว้เอง ก่อนจะปาใส่อกคนตรงหน้าสุดแรง






    “ฉันเกลียดดอกไม้......ถ้านายจะกรุณาจำไว้”





    สิ่งสุดท้ายที่เห็น ก่อนที่คีย์จะกระแทกปิดประตูดังปังใหญ่ นั่นคือสีหน้างุนงง ที่บ่งบอกว่าเจ้าของไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ร่างบางทรุดตัวลงสะอื้นออกมาอย่างสุดกลั้น








    งี่เง่า งี่เง่า งี่เง่า










    จบเสียที ....กับการทนเป็นที่สองรองจากเศษกระดาษ

    พอกันที.......กับคนรักที่ไม่เคยจำอะไรในตัวเค้าได้













    .........................แค่นี้พอแล้ว กับคนที่ชื่อชเวมินโฮ..................................




    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .








    “คีย์ กินสิ ข้าวจะเย็นหมดแล้วนะ”

    “.......................”

    “คีย์….”




    ได้ยินแต่ก็ไม่อยากตอบ แทมินดูจะเข้าใจความรู้สึกเพื่อนดี จึงไม่ได้เอ่ยว่าอะไร แต่มือบางวางลงบนมือเล็กของเพื่อนเบาๆ ถามย้ำอีกครั้ง






    “ไม่กินจริงๆน่ะเหรอ ? ไม่เสียใจใช่ไหมถ้าใครจะเอาไปกิน ไม่ร้องไห้แล้วใช่ไหมถ้าฉันเอาไปเททิ้งน่ะ”






    ร่างบางหันหน้ามามองแทมิน ด้วยงงในความนัยที่เพื่อนต้องการจะบอก เมื่อตีความออกได้ จึงส่ายหัวเบาๆ




    จะไม่เสียใจเมื่อเสียไป จะไม่ร้องไห้ถ้าถูกใครเอาไปอีกแล้ว










    “ไม่แล้ว ....แทมิน ฉันไม่หิว”

    “ถ้าหิวก็อย่าร้องไห้นะ”








    เอ่ยเสียงหนักแน่นแก่คนที่น้ำตายังเปื้อนใบหน้า นิ้วเรียวปาดน้ำตาเหล่านั้นออกช้าๆ








    “ก็ฉันบอกแล้วไง ว่าไม่หิว”






    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .










    “นี่ อย่ากินอยู่คนเดียวได้ไหม แบ่งฉันมั่งเส่ะ”

    “เงียบๆหน่อยเด่ะ เดวคนอื่นเค้าก้อคิดว่าฉันตะกละเหมือนนายหรอก”

    “หนอย ..เจ้านี่”







    เสียงต่อล้อต่อเถียงของคนสองคนดังตามหลังแทมินมาตลอดทาง ร่างบางได้แต่ชักสีหน้าเหนื่อยหน่าย ตามแบบฉบับ แต่ก็ไม่ได้พูดว่าอะไร นอกจากเดินนำหน้า แล้วฟังต่อไป






    “ไม่ต้องบอก เค้าดูหน้าก็รู้กันหมดแหล่ะ ว่านายน่ะ ต ะ ก ล ะ”





    คนเสียงทุ้มที่ร่างหนากว่าว่า และฉกเอาขนมในมือยางทั้งหมดมาถือไว้แทน ร้อนถึงร่างบางต้องแย่งคืน








    “เฮ้ย เอาไปหมดได้ไง เอามานะ แบ่งมั่งเส่ะ”

    “ไม่ !”

    “ใครซื้อห๊ะ ?”

    “ฉัน!”

    “ก็แหงล่ะ นายซื้อ!!”

    “แล้วจะถามเพื่อ?”

    “จงฮยอนนนนนน ขอฉานม่างน้า”







    เสียงที่ขู่ฟ่อมาตลอดทางเปลี่ยนเป็นออดอ้อน กระนั้นเจ้าของนามจงฮยอน ก็ยังไม่ยอมใจอ่อน เอาแต่กินต่อไป ส่งผลให้คนถูกแย่งขนม(ของคนอื่น)ไป ต้องมุ่ยหน้าอย่างขัดเคือง






    “กินให้อ้วนไปเลยไอ้บ้า ชิ”

    “แน่นอน แล้วอย่ามาง้อนะ แทมินจ๋า อ่ะกินไหม”





    คีย์สะบัดหน้าพรืด เดินไปเกาะแขนเพื่อนสนิทที่เดินนำหน้า ไม่ทำท่าสนใจคนข้างหลังอีก




    สอดส่ายสายตาหาเครื่องเล่นที่ถูกใจ วันนี้พวกเค้ามาเที่ยวสวนสนุก หลังจากที่เอ่ยปากขอแทมินตั้งแต่เมื่อคืน แต่โดยไม่มีสาเหตุ แทมินกลับลากคนขี้หาเรื่องข้างหลังเค้ามาด้วยเสียอย่างนั้น



    ดวงตาคู่สวยเหลือบไปเห็นชิงช้าสววรค์ที่ใครต่อใครต่างพากันต่อคิวรอขึ้นกันอย่างเนืองแน่น อากาศหนาวมากแล้ว อีกไม่นานหิมะอาจจะตก ทุกคนก็คงอยากขึ้นชิงช้าสววรค์กับแฟนทั้งนั้นแหละน่า






    รำพึงในใจเพราะเห็นว่าคนที่รอต่อคิวนั้น เป็นคู่รักกันเสียส่วนมาก











    คู่รักกัน...











    “แทมิน.............ฉันอยากกินไอติม”







    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .





    จงฮยอนนั่งจ้องคนตัวบางข้างๆที่กำลังตักไอศกรีมถ้วยใหญ่ใส่ปากไม่หยุด ...ก็เข้าใจหรอกนะว่าอยากกิน แต่....






    “นี่..ช้าๆหน่อยก้อได้ กลัวฉันแย่งกินรึไง”

    “ใช่น่ะสิ ไอ้ตะกละ”





    ว่าแล้วก็หันกลับไปสนใจถ้วยไอศกรีมเหมือนเดิม รสสัมผัสเย็นชื้นหวานจัดค่อยๆกำซาบทั่วทั้งปาก จนแทบชา คีย์รู้สึกเหมือนปากเค้ากำลังจะไร้ความรู้สึกช้าๆ ขณะที่ตรงตาเค้ากลับไม่ใช่





    หยดน้ำร้อนๆซึมผ่านแพขนตาเบาๆ ร่างบางกระพริบตาถี่ๆให้มันจางหายไป พยายามให้รสเย็นๆของไอศกรีมไล่น้ำตาเหล่านั้นไปด้วย












    ไม่ได้............

    ทำไม่ได้









    “คีย์...เป็นอะไรมากไหม”


    “เปล่า..”







    เสียงหวานขึ้นจมูกตอบกลับคำถามนั้นเบาๆ เพราะกลัวเพื่อนทั้งสองจะรู้ว่าเค้ากำลังร้องไห้อยู่ เค้ารู้ว่าทำให้แทมินเป็นห่วงมากพออยู่แล้ว ที่มาด้วยวันนี้ก็เพราะไม่อยากให้เค้าอยู่คนเดียว ทั้งที่แทมินแสนจะไม่ชอบสวนสนุกเอาเสียเลย ......







    .

    .
    .
    .
    .
    .








    “เฮ้ยๆ ...เร็วๆนะ เดี๋ยวไปเจอกันที่สวนสนุกเลย”

    “โอเค”






    เสียงทุ้มรับคำเบาๆ ก่อนจะหันไปรวบรวมข้าวของที่วางเกลื่อนบนโต๊ะตรงหน้าเข้ากระเป๋าใบโต ร่างสูงนั้นชะงักเล็กน้อยเมื่อรู้สึกตัวเองกำลังตาบอดไปชั่วขณะ มินโฮสะบัดหัวช้าๆเรียกเรี่ยวแรง .......










    หน้ามืด………………………………………











    ตั้งแต่เช้า เค้ายังไม่ได้แตะข้าว หรืออะไรเลย เพราะต้องนั่งแก้โปรเจ็กต์สุดท้ายที่ทำพร้อมกับเพื่อนให้เสร็จ เพลงที่เค้าเคยแต่งไว้คร่าวๆ ถูกนำมาปรับใหม่เกือบทั้งหมด แทบจะต้องอดหลับอดนอนทำ อาการเดิมๆที่มักจะเป็นอยู่เสมอ เช่นหน้ามืด จึงตามมาอย่างช่วยไม่ได้











    จะเว้นก็แต่ตอนนั้น ...ตอนที่ยังมีคีย์









    ร่างบอบบาง ที่มักโผล่ใบหน้าพร้อมรอยยิ้มสดใสมาหาทุกครั้ง ในเวลาอาหาร คะยั้นคะยอให้เค้าทานข้าว ให้เค้านอนพัก มีก็แต่ตอนนั้น ที่มินโฮไม่เจ็บป่วยอะไรเลย ..เคยชิน เคยชินเสียจนใจหายทุกครั้งที่คิดถึง








    ร่างนั้นที่มีน้ำตา.............





    คีย์ที่ยิ้มเสมอ ร่าเริงอยู่เสมอ คีย์ที่เค้าไม่มีทางนึกออกว่าจะร้องไห้ได้ วินาทีที่เค้าเห็นน้ำตาที่ไหลจากดวงตาคู่สวยที่มีแววซุกซนอยู่เสมอนั้น มินโฮรู้สึกโกรธตัวเองอย่างไม่อาจให้อภัย









    ทำให้คนคนนั้นร้องไห้ได้ถึงเพียงนี้ ...................................................








    จะผิดไหม ถ้าไม่ทำอะไรเลย ไม่ง้อ ไม่ขอคืนดี

    จะผิดไหม ถ้าจะปล่อยไป ถ้าจะตัดใจเสีย











    เพราะเค้า..................ไม่อาจทนได้ ที่เห็นดวงตาคู่นั้นต้องร้องไห้ ไม่ได้จริงๆ





    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .

    IMPORTANT

    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .











    " กลับเถอะ ....ฉันหนาว"



    เสียงหวานเอ่ยขึ้น พร้อมกับฟันขาวที่กระทบกันเบาๆแสดงคำพูด เรียกให้จงฮยอนต้องหันมามองด้วยความ หมั่นไส้




    "เหรอออออออออ แล้วไอ้ที่ซัดๆไอติมจนแทบหมดร้านเมื่อกี้ ไม่หนาววเหรอ"

    "อย่ามาว่าฉันนะ ก็ฉันอยากกินนี่"






    ร่างบางเถียงกลับทันที โดยมีแทมินที่มองอยู่ด้วยยิ้มน้อยๆ ไม่รู้เป็นไง ที่คีย์กับจงฮยอนมักจะเถียงกันตลอดเวลา การพาจงฮยอนมาด้วยวันนี้ จึงช่วยได้มาก..ใช่ว่าเค้าจะไม่เห็น แววตาเศร้าที่เกิดขึ้นทุกครั้ง เวลาที่คิดอะไรอยู่คนเดียว






    "แทมินจ๋า หนาวไหม มามะเดี๋ยวฉันกอดนายเอง"






    ร่างหนา ที่เลิกเถียงกับอีกคนแล้ว หันมาทำหน้าออดอ้อนใส่เค้า มือหนา ที่คุ้นเคยตวัดรับเอาร่างเล็กเข้าไปในอ้อมแขน ถ้าเป็นเวลาปกติ มันก็ดีอยู่หรอก แต่ตอนนี้ไม่ควรมาสวีทต่อหน้าคนอกหัก



    มือเล็กจึงดันตัวคนตรงหน้าออกเบาๆ






    "ไม่เอาฮะ ...อย่าเล่นสิ เดวผมไปห้องน้ำก่อนนะ พี่กับคีย์อยู่นี่แหละ เดี๋ยวมา"




    ว่าแล้วก็หายไปอีกทาง ทิ้งให้คนตัวใหญ่ยืนอมลมงอนๆ คีย์ลากเสียงยียวน







    "55555+ โดนทิ้งงงงงงงงงงงงงงงงงงง"

    "ใคร้ ใครทิ้ง แทมินจ๋าแค่ไปห้องน้ำ เดวก้อมาแล้ว"

    "เหรออออออออออออออ"

    "อย่าทำเสียงแบบนี้ดิ นี่กวนฉันเหรอ"

    "อะไร..ฉันยังไม่ดะ............."






    เสียงหวานที่ยังพูดไม่หยุด กลับหายเงียบไปดื้อๆ ดวงตาคู่สวยเพ่งมองไปยังด้านหลังร่างหนาแน่วแน่ จงฮยอน มองตามสายตาของคีย์ ที่หยุดนิ่งอยู่ที่ใครบางคน...........

    .
    .
    .
    .

    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .



    ร่างสูงที่วิ่งเข้ามาหาทั้งสอง แรงหอบน้อยๆประกอบกับอากาศที่หนาวเย็น ทำให้มินโฮดูราวกับกำลังพ่นควันออกมาจากตัวได้อย่างไงอย่างนั้น ร่างสูงค้อมตัวลงท้าวมือลงกับหัวเข่า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้คนร่างบางตรงหน้า




    รอยยิ้มที่บรรจงยิ้มให้เจื่อนลงไปอย่างเห็นได้ชัด เมื่อคนที่ตั้งใจวิ่งมาหา กลับเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เป็นกิริยาที่ไม่คาดฝันว่าจะได้รับอีกเช่นกัน





    เพราะเคยเห็นแต่รอยยิ้ม เคยมีแต่คำพูดหวานหูที่มอบให้ มินโฮจึงไม่เคยทำใจได้ ว่าเค้าจะเสียสิ่งเหล่านี้ไปหมด เพียงแค่ข้ามวัน










    มันเร็ว จนไม่มีแม้แต่เวลาจะคิดเสียด้วยซ้ำไป









    "พอดีมีงานที่นี่ วันนี้ฉันมาเล่นเปียโนที่นี่ด้วยนะ ไปดูไหม"

    "ขอบใจมากนะ แต่ไม่ดีกว่า ฉันจะกลับแล้ว ไปเหอะจงฮยอน"








    มือบางฉุดมือหนาของเพื่อนไปอีกทาง แต่ร่างสูงนั้นกลับก้าวเดินมาขวางด้วยความเร็วไม่แพ้กัน







    "เดี๋ยว..อย่าเพิ่งไป"

    "มีอะไรเหรอ"






    ดวงตาคู่สวยที่เคยฉายภาพเค้าอยู่เสมอ เหลือแต่ความว่างเปล่าจนน่าใจหาย มินโฮเลื่อนสายตามองชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่ร่างบางจูงมืออยู่ ก่อนจะหันกลับมาเอ่ยเสียงแผ่ว ราวกับขอความเห็นใจ







    "ขอฉัน.....คุยกับนายได้ไหม ไม่นาน...แค่แปปเดียว"






    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .









    "หนาวมั้ย.."



    เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าคนที่นั่งม้านั่งตัวเดียวกันนั้นห่อตัวเข้ากับร่างตนเองเล็กน้อย แต่ศรีษะได้รูปนั้นเพียงแต่ส่ายหน้าเบาๆปฏิเสธ ดวงตาคู่สวยที่มินโฮเฝ้าชื่นชมไร้ซึ่งความรู้สึก อย่างที่เค้าเคยคิดอยากเห็นสักครั้ง







    ยามที่ผิดนัดบ่อยๆ คีย์จะโกรธไหม

    ยามที่เค้ามักจะลืมอะไรต่อมิอะไรอยู่เสมอ คีย์เคยคิดน้อยใจบ้างรึเปล่า

    ยามที่เค้าไม่ใส่ใจ คีย์เคยอยากงอนเค้ารึไม่

    แล้วยามที่เค้าทำอะไรที่ไม่คำนึงถึงใจใคร คีย์เคยร้องไห้บ้างไหม








    ทุกคำถามที่เค้าเคยถามตัวเองอยู่เสมอ คีย์เคยตอบมันด้วยการกระทำที่ตรงกันข้าม คีย์ไม่เคยโกรธแม้ว่าเค้าจะผิดนัดจนแทบนับไม่ถ้วน คีย์ไม่เคยมีท่าทีน้อยใจ แม้ว่าเค้าจะลืมแม้แต่วันเกิด คีย์ไม่เคยงอนให้ต้องง้อ อย่างที่คู่อื่นมักจะเป็นกันอยู่บ่อยๆ









    และที่สำคัญ ...................คีย์ไม่เคยร้องไห้เลย นอกจากวันนั้น







    มือเรียว เลื่อนไปเกาะกุมมือบาง ที่กำแน่นเข้ากับสาบเสื้อด้านหน้าของตนเอง ดึงเอามือนั้นมากุมไว้ด้วยมือทั้งสองมือ ...ใช่ ...คีย์ไม่เคยทำอะไรที่ทำให้เค้าต้องลำบากใจ แต่เค้าขอแลกให้คีย์เป็นแบบนั้นเสียมากกว่าเป็นแบบนี้








    ไม่ใช่เลิกกันแบบนี้








    ร่างบางเหลือบมองคนข้างๆ ที่อยู่ๆก็ดึงมือเค้าไปจับเอาไว้แน่น ไม่ว่าจะพยายามดึงและบิดออกก็ไม่เป็นผล จึงได้นิ่งงัน มินโฮเงียบ เค้าเองก็เงียบ









    ไม่ได้.............................

    ทำไม่ได้









    เพราะเค้าเป็นคนแบบนี้ เพราะเค้าเป็นคนแบบที่แทมินมักจะว่าอยู่บ่อยๆ เค้าใจอ่อน ใจดีมากจนเกินไป เพราะแบบนี้เองจึงเป็นเค้าที่ต้องเจ็บปวดอยู่ฝ่ายเดียว








    คนเดียว......................







    นึกไปถึงแววตาที่ร่างสูงข้างๆมองมายังเค้าเมื่อครู่ มินโฮเศร้าเหรอ เสียใจเหรอ รักเค้างั้นเหรอ



    หลายสิ่งหลายอย่างที่เค้าไม่เข้าใจกำลังมาอยู่ตรงหน้า พร้อมกันนั้น คีย์รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ขึ้นมา จึงหันหน้าหนีไปอีกทาง แต่เสียงทุ้มนั้นก็เอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน










    "อย่าร้องนะ"

    "................................"

    "อย่าร้อง......ฉันไม่ดี .....ฉันไม่เอาไหน....อย่าร้องเลย"

    ".................................."

    "ทำไมเราต้องเลิกกัน คีย์"





    ทำไมงั้นเหรอ มีหลายสิ่งหลายอย่าง ที่ตอบคำถามนี้ได้ เพราะเค้าไม่สามารถทนการไม่ได้รับความเอาใจใส่ได้อีก เพราะเค้ารอไม่ไหวแล้ว รอให้มินโฮเป็นฝ่ายหันมาไม่ไหว เพราะเค้าเหนื่อยมามากพอแล้วกับการไม่ได้รับความสำคัญ








    เพราะเค้า...........ไม่อาจรักคนที่ไม่รักเค้าเลยได้อีก






    "ฉันไม่ดี ฉันรู้ แต่..........เราไม่ต้องเลิกกันไม่ได้เหรอ แค่ให้โอกาสฉันไม่ได้เหรอ"





    มินโฮเห็นเค้าเป็นอะไรกันแน่ เมื่อมีอยู่กลับไม่สนใจ พอเสียไปก็เรียกร้องจะเอาคืน คีย์นึกสับสน แล้วถ้ากลับไปล่ะ เค้าต้องเจอกับอะไรอีก มินโฮจะเปลี่ยนอะไรเพื่อเค้าได้ ในเมื่อ....เค้าไม่เคยสำคัญพอ ให้มินโฮเปลี่ยนอะไรเพื่อเค้าได้เลย






    "ทำไม....ทำไมล่ะ"

    "ไม่ดีเหรอ..ฉันอุตส่าห์ทำให้นายมีเวลาแต่งเพลงเยอะๆ ไม่มีฉันไปเกะกะกวนใจ"





    ประโยคแรกที่หลุดออกมา แม้แผ่วเบาแต่แฝงความประชดประชัน ร่างสูงบีบมือบางในมือตนเองแน่นเข้าไปอีก






    "ไม่ใช่ ...ฉันไม่เคยต้องการแบบนั้น"

    "แล้วนายต้องการแบบไหนล่ะ ให้ฉันกลับไปคบกับนาย ไปเป็นของตาย รอนายเหมือนเดิมใช่ไหม หรือว่าพอนายอยาก นายค่อยมาหา หรือว่าคนที่นายมอง แค่ตอนที่มีอะไรกัน .....มินโฮ"


    "ไม่ใช่คีย์.... ไม่ใช่"






    เสียงทุ้มนั้นปฏิเสธแผ่วๆ รู้สึกเจ็บปวดเมื่อคิดว่าร่างบางนั้นคิดแบบนี้มาโดยตลอด เค้าเคยแย่ถึงเพียงนั้น เคยทำร้ายคีย์ที่เค้ารักถึงเพียงนั้นหรือ




    .
    .
    .
    .








    "ทำไม.....ทำไมนายไม่เคยคิดถึงใจฉันบ้างเลย"





    เสียงหวานสั่นเครือ และหายไปกับเสียงสะอื้น มินโฮโกรธทุกอย่างที่ทำให้คนคนนี้ร้องไห้ โกรธตัวเองที่เป็นต้นเหตุ โกรธคนข้างๆที่ไม่เคยพูดอะไรบ้างเลย โกรธ..ที่เหมือนเค้าจะเป็นฝ่ายผิดอยู่ตลอดเวลา










    "ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะนายไม่เคยพูดน่ะสิ!"









    เสียงทุ้มกระชากเอ่ย ดวงตาคู่สวยที่เริ่มแดงจากการร้องไห้หันขวับมามองเค้าในทันที แววตาเศร้านั้นดื้อดึงขึ้นมาเพียงเสี้ยวนาที ก่อนจะเถียงกลับด้วยเสียงที่สั่นทั้งจากอารมณ์และการร้องไห้







    "แล้วเรื่องแบบนั้น ถ้านายสังเกตก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอ ที่นายไม่รู้ เพราะนายไม่มองไงล่ะ นายไม่เคยมองฉันเลย................ไม่เคยเลยมินโฮ"








    สิ้นคำนั้น ร่างบางก็สะบัดมืออกจากการเกาะกุม และจ้ำอ้าวไปทางเพื่อนๆที่รออยู่ทันที มินโฮมองแผ่นหลังบางๆที่เดินหนีไป โดยความรู้สึกที่ยังครุ่กรุ่น







    ทำไมไม่พูดออกมาว่าโกรธ ว่าเสียใจ ทำไมไม่เคยบอกให้เค้ารู้เลยว่าคิดอะไรอยู่



    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .








    นี่ฉันผิดใช่ไหม ฉันผิดใช่ไหมที่ฉันไม่รู้อะไรเลย คีย์.






    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .







    ............................................................................





    TBC


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×