คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : พระช่วย ( เรื่องสั้น)
หัวค่ำวันนั้น รถ บ.ข.ส. สีส้มค่อยถอยก้นออกจากชานชาลา พาผู้โดยสารยัดทะนานมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพฯ พอรถกลับลำตั้งหลักได้ โชเฟอร์อัดเกียร์หนึ่งพารถเคลื่อนช้า ๆ จากสถานีขนส่งภูเก็ต รถคันยาวโคลงตัวโยกเยก เนิบช้าตามทางที่เป็นหลุมเป็นบ่อถนนลูกรัง เอียงซ้ายทีขวาที เข้าจังหวะเดียวกันกับก้านปัดน้ำฝนซึ่งเหวี่ยงก้านไปมาท่ามกลางสายฝนหยอยหยิม
พอถึงช่วงที่ถนนราบเรียบ โชเฟอร์หยิบผ้าขนหนูผืนน้อยเช็ดหัวเกียร์เสียหน่อยหนึ่ง แล้วเปลี่ยนเป็นเกียร์สอง เร่งเครื่องไปได้หน่อยก็อัดเกียร์สามไปกระชั้น รถคันยาวเริ่มออกตัวฉิวลิ่วไปตามเส้นทางลาดยาง จากท่ารถมาไม่ถึงห้ากิโล
“เอี๊ยด ..ครึ่บ ครืด .” โชเฟอร์แตะเบรกกระทันหัน ทำเอาผู้โดยสารที่กำลังปล่อยอารมณ์เพลิน ๆ พากันหัวคะมำไปตาม ๆ กัน .
ก็รถมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งปาดมาตัดหน้า เหมือนจะท้ามฤตยู บ.ข.ส. ไอ้คนนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์คล้องกระเป๋าแอร์เมล์รุ่นโบราณโบกมือไหว ๆ กลางฝนพรำ ตะโกนโหวกเหวกชี้แจงกับโชเฟอร์
“ผมตกรถพี่ .ซื้อตั๋วไว้แล้ว ขึ้นรถไม่ทัน เลยให้เพื่อน ขี่มอเตอร์ไซด์มาดักทางที่นี่”
ที่นั่งเต็มหมดแล้ว คุณรอเที่ยวหลังเถอะ” โชเฟอร์ปฏิเสธหงุดหงิด คงนึกอยากจะลงไปอัดเจ้านั่นเสียสักป้าบ ฐานเอาไม้จิ้มฟันดันมาขวางไม้ซุง
“ผมมีธุระด่วน จำเป็นต้องไปเที่ยวนี้ ถ้าไม่มีที่นั่งผมยืนเอาก็ได้”
“เอ้า ตามใจคุณ” โชเฟอร์ตัดบท แล้วเคลื่อนรถออก ไอ้หนุ่มกระโดดแผล็วเกาะประตูรถแล้วเก้กังขึ้นมาข้างบน หัวเปียกน้ำฝน ตรงไหล่เสื้อยืดชุ่มชื้น กางเกงขาสั้นตาสก๊อตเก่า ๆ มอมเลอะเปรอะคราบโคลน
ไอ้เบ็ญน่ะเอง .จะขึ้นกรุงเทพฯแต่ละครั้งแต่ละเที่ยว ต้องไปขึ้นรถช้ากว่าใครเขาเสียทุกครั้งและก็กระหืดกระหอบหิ้วโน่นหิ้วนี่พะรุงพะรังเป็นไอ้บ้าหอบฟาง
ครั้งนี้ก็เช่นกัน ไอ้เบ็ญมัวไปเสียเวลา..เถอะน่า เถอะน่า ขอตาสุดท้ายอยู่ที่วงไฮโลว์ ตีนเหมืองตั้งแต่บ่ายโมง มิไยที่เพื่อนฝูชาวไฮโลว์นิยมจะออกปากขับไล่ให้เตรียมตัวไปขึ้นรถเข้ากรุงเทพ เดี๋ยวจะตกรถเหมือนครั้งก่อน ๆ
“ทันน่า .ทันน่า ” ไอ้เบ็ญดูเวลานาฬิกาข้อมือ เหลือเวลาอีกตั้งสองสามนาทีกว่ารถจะออก ขอเฝ้าไฮโลว์ที่แทงเป็นอันดับเบิ้ลมาเจ็ดแปดตาแล้ว ไม่ออกตานี้ให้มันรู้ไป เจ้ามือคงหนีไม่รอดหรอกน่า เพราะอั้นมาเต็มแก่แล้วและจากการกวาดกระเป๋าทั้งแบงค์ร้อยและเศษเหรียญลงกองในช่องสิบเอ็ดไฮโลว์ครั้งสุดท้าย .
พอเปิดถ้วยออกมา .หกสี่เอี่ยวลอยหน้าพริ้มยิ้มสิบเอ็ดแต้มอยู่ในจาน ไอ้เบ็ญเต้นเหย็งร้องเพลงทุงยาบ่าเล ลั่น แล้วคว้าเอาเงินรางวัลสิบเอ็ดเท่าของเงินที่แทงหกร้อยแปดสิบบาท บ๋ายบายเจ้ามือ หิ้วกระเป๋าที่เตรียมมาแต่เที่ยง ว่าจ้างครูเริญสองร้อยบาทให้บึ่งมอเตอร์ไซด์มาส่งท่ารถ
ครับ .ไอ้เบ็ญจอมซ่าของเพื่อน ๆ หรือคุณเบญจรงค์ ทองชาม ขวัญใจนักร้องน้องหนูใน
คอฟฟี่ช๊อบ
ไอ้เบ็ญเป็นคนง่าย ๆ ที่เพื่อนเกลียดไม่ลง มือใหญ่ใจเติบ พกเงินเป็นฟ่อนเอาไว้แทงไฮโลว์ และให้เพื่อนยืมกลับบ้านกันเมียตบบ้องหูหลังจากหมดตูดจากวงพนัน
จากการที่ชอบนุ่งกางเกงขาสั้นสวมเสื้อยืดเก่า ๆ จนใคร ๆ ดูไม่ออก คาดไม่ถึงว่า เจ้าเบ็ญเป็นนายหัว (เสี่ย) คนหนึ่งของภูเก็ต แถมยังเป็นผู้จัดการร้านค้าที่เพียงแค่นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่กับบ้านเฉย ๆ ก็มีเงินเข้าร้านวันนึงเป็นหมื่น
ครั้งนี้เจ้าเบ็ญมีธุระที่จะต้องเข้าไปเลือกหาสินค้าที่กรุงเทพฯ และสั่งของใหม่เข้ามาขาย ทั้งต้องไปจ่ายค่าของหลายรายการให้กับเอเย่นต์ที่กรุงเทพ เพราะมัวแต่ไปหลงเพลินอยู่ในวงไฮโลว์ จนลืมแลกเช็คเดินทางจึงนำเงินสดติดอยู่ในกระเป๋ากางเกงเกือบแสน รวมทั้งเงินที่ได้มาจากวงไฮโลว์อีกเจ็ดพันกว่าบาท กระเป๋าตุงไปเลย และเป็นการเสี่ยงอย่างยิ่งที่พกพาเงินสดเดินทางสายภูเก็ต กรุงเทพฯ ในช่วงปี ๒๕๑๕๒๕๒๐
เจ้าเบ็ญยืนโหนราวอยู่ข้างหลังที่นั่งคนขับ ให้รถเหวี่ยงซ้ายทีขวาทีอยู่พักหนึ่ง ก็มีมือมาสะกิดเอว
“โยม ๆ นั่งกับหลวงพ่อ ตรงนี้ก็ได้”
“เจ้าเบ็ญเอี้ยวตัวไปดู เห็นพระภิกษุอายุอานามสักห้าสิบเศษ ท่านเบียดตัวขยับที่ให้นั่ง”
“ไม่ไหวหรอกครับ .หลวงพ่อนั่งให้สบายเถอะ ที่นั่งพิเศษเขาจัดไว้ให้พระนั่งได้แค่คนเดียว ผมจะไปเบียดท่านได้ยังไง”
“ก็นั่งเบียดมาสิ ดีกว่ายืน” หลวงพ่อตบที่นั่งแปะ ๆ อย่างมีน้ำใจเมตตาอารี
“ขอบคุณครับ” เจ้าเบ็ญหย่อนก้นลงนั่งเพราะเมื่อยเต็มแก่ ยกมือไหว้ขอบคุณท่านเสียทีหนึ่ง
“หลวงพ่อไปกรุงเทพหรือครับ” เจ้าเบ็ญถามไถ่ตามมารยาท มากกว่าจะถามด้วยความสนใจใคร่รู้
“ยังงั้นแหละโยม”
“ธุระอะไรหรือครับ”
“ไปหาหมอ” หลวงพ่อไอตบท้ายสองสามแค็กเป็นการยืนยัน
“อ้าวหลวงพ่อเป็นอะไรล่ะ”
“ก็โรคคนแก่แหละโยม ปวดเมื่อย มึนงงตามเรื่องของสังขารนั่นแหละ”
“อ้อ ..” แล้วเจ้าเบ็ญก็นั่งเงียบ ก่อนจะงีบหลับไปในความมืดของการเดินทาง
ซักพักใหญ่ก็มีมือมาสะกิด เจ้าเบ็ญชักฉุนเพราะกำลังงีบเพลิน .หลวงพ่อนั่นเอง
“โยมช่วยเปิดหน้าต่างรถให้หลวงพ่อหน่อยเถิด หลวงพ่อเปิดไม่เป็น”
เจ้าเบ็ญกุลีกุจอยกบานหน้าต่างให้หลวงพ่อหน่อยหนึ่ง ลมเย็น ๆ และละอองฝนบาง ๆ พัดเข้ามา พอสดชื่นชวนให้เจ้าเบ็ญหลับตาพริ้ม ฝันถึงกรุงเทพที่น่าเที่ยวกับเงินเต็มกระเป๋า พอกำลังเคลิ้มได้ที่เอาอีกแล้ว .
“โยม ๆ ช่วยปิดหน้าต่างให้หลวงพ่อทีเถอะ ฝนมันหนาเม็ด ลมก็เย็นด้วย”
เจ้าเบ็ญช่วยจัดการให้ตามประสงค์ทั้งที่ยังงัวเงีย พร้อมกับนึกรำคาญอยู่ในใจ รู้งี้ยืนหลับนกโหนราวรถ เป็นพระนางสิริมหามายา เหนี่ยวกิ่งรังยังจะดีกว่า
แค่นั่งรถมาด้วยกันไม่กี่ชั่วโมง เจ้าเบ็ญต้องเปิด ๆ ปิด ๆ ยุ่งอยู่กับไอ้หน้าต่างรถ บริการพระเดชพระคุณ หลวงพ่อจอมยุ่งเสียจนเซ็ง
โชเฟอร์อัดบุหรี่วาบ ๆ ในความมืด เหยียบคันเร่งห้อตะบึงไปบนเส้นทางสีพรำฝน คงคิดถึงเมียน้อย หน้าแฉล้มซึ่งรออยู่ที่ท่ารถขนส่งสายใต้ ไฟหน้ารถเปิดสูงต่ำสลับกัน แหวกความมืดเป็นทางออกไป บางช่วงก็ต้องเปิดสปอตไลท์ให้เห็นแนวถนนเมื่อผ่านโค้งเขาและหุบเหว
เจ้าเบ็ญรู้สึกว่าหลวงพ่อนั่งสั่นสะท้าน เรอเอิ้ก ๆ ในความมืด
“เป็นไรครับหลวงพ่อ”
“สงสัยเมารถล่ะโยม โยมช่วยหายาดมในย่ามให้ทีเถอะ .อย่ารำคาญคนแก่ พระบ้านนอกเลยนะ นึกว่าเอาบุญเถอะ” หลวงพ่อคงรู้ว่าเจ้าเบ็ญรำคาญท่าน จึงพูดออกตัว จนเจ้าเบ็ญสงสารและนึกตำหนิตัวเอง
เจ้าเบ็ญเอามือควานล้วงลงไปในย่าม มืดจนมองไม่เห็นอะไร มือสัมผัสเอาซองกระดาษบ้าง ผ้าเช็ดปากบ้าง พวงกุญแจบ้าง จนคว้าได้หลอดยาดม พอหยิบส่งให้หลวงพ่อ ท่านก็ทำหลุดมือหล่นลงพื้นเสียอีก แถมยิ่งเรอเอิ้ก ๆ ทำท่าจะอาเจียนออกมาเต็มกลั้น
“ลูกพี่ .ช่วยเปิดไฟหน่อย ผมจะหายาให้หลวงพ่อ” เจ้าเบ็ญร้องบอกโชเฟอร์
พอไฟสว่าง เจ้าเบ็ญก็เที่ยวโก้งโค้งมุดหาหลอดยาดมที่กลิ้งหนีตามใต้เก้าอี้ที่นั่ง แหวกตีนผู้โดยสาร คนนั้นทีคนนี้ที จ้าละหวั่นไปหมด เล่นเอาผู้โดยสารที่กำลังหลับสบายกระทืบเท้าจิ๊กปากด้วยความหงุดหงิด
“ได้แล้วหลวงพ่อ ถือดี ๆ อย่าทำหล่นเสียอีกล่ะ”
“เออ อือ ..ขอบใจโยม” หลวงพ่อรับยาดมไปดมฟืด ๆ ดูท่าจะสบายขึ้น
“ถึงไหนแล้วนี่โยม”
“เลยตะกั่วป่ามาแล้วครับ นี่คงแถวคุระ”
“รบกวนโยมอีกทีเถอะ .โยมช่วยบอกนายหัวรถให้จอดหน่อยเถอะ .หลวงพ่อไม่ไหวแล้ว มันจะอ้วก ..จะหนักจะเบายังไงก็บอกไม่ถูก คนไม่สบายก็พรรค์นี้แหละ .ช่วยทีเถอะโยม นึกว่าเอาบุญ ..”
“ว้า ..เรื่องมากจริงโว้ยหลวงพ่อ ” เจ้าเบ็ญหงุดหงิดสุดกลั้น
“ถ้ารถไม่จอดให้ หลวงพ่อคงต้องอายคนอยู่บนรถนี่แหละโยมเอ๋ย ” หลวงพ่อครางเสียงกระเส่าสุดอั้น
“ลูกพี่ ..จอดหน่อย ..พระขี้จะแตก” เจ้าเบ็ญแหกปากลั่น ไม่ได้ไว้หน้าพระสงฆ์องค์เจ้าเลย
รถค่อย ๆ ชะลอ แล้วเลียบเข้าชิดข้างทาง ท่ามกลางความมืด และแนวทึมทึบของป่าทั้งสองข้างทาง เสียงคนโดยสารตื่นขึ้นมาถามสาเหตุที่รถจอดกลางป่ากลางทาง
“พระจะขี้ครับ พระจะขี้ จอดให้พระหน่อย” ไอ้เจ้าเบ็ญปากหมาชี้แจงลั่น แล้วกึ่งลากกึ่งประคองหลวงพ่อให้เก้ ๆ กัง ๆ ลงจากรถ
“อย่าช้านะคุณ ..ตรงนี้มันที่เปลี่ยว และรถผมต้องทำเวลาเข้าท่าให้ทันด้วย” โชเฟอร์กำชับลงมา
“เอาตรงนี้แหละหลวงพ่อ” เจ้าเบ็ญประคองหลวงพ่อลงมาข้างรถแล้วสั่งการ
“ไม่ได้โยม . .อายคนโดยสารเขา .เป็นพระเป็นสงฆ์จะมานั่งอุจาดอยู่ข้างทางได้ยังไง โยมช่วยพา
หลวงพ่อเข้าไปในป่านั่นหน่อยเถอะ”
“บ๊ะ ..เรื่องมากจริง ..เอ้า ..ตามผมมา” แล้วเจ้าเบ็ญก็พาหลวงพ่อดุ่มเข้าไปในสุมทุมพุ่มรก
“หลวงพ่อจัดการของหลวงพ่อไป สุดแล้วบอกผมด้วย ผมจะฉี่ของผมมั่ง”
ไม่ทันจะฉี่สุด เจ้าเบ็ญก็ต้องสะดุ้ง เพราะมีเสียงปืนดังขึ้นสามนัด แล้วรถที่จอดสโลว์เครื่องอยู่ริมทางเห็นไฟสว่างอยู่นั้น ก็เร่งเครื่องใส่เกียร์เคลื่อนไปเสียแล้ว
“เฮ้ย .เฮ้ย ..รอด้วย ..ผมยังไม่ได้ขึ้นรถ อย่าทิ้งผม .”เจ้าเบ็ญวิ่งสวบ ๆ ผ่าดงออกไป ตะโกนตามหลังรถไปเหมือนคนบ้า เห็นแต่ตาไฟท้ายรถเป็นดวงแดงห่างออกไปไล่ไม่ทัน
หลวงพ่อก็กะเร้อกะรังออกมา ดูท่าทางตื่นเต้นอยู่ครามครัน
“เพราะหลวงพ่อ คนเดียวแท้ ๆ เห็นไหมล่ะ รถมันทิ้งเราแล้ว บ้าจริง ๆ เจ้าเบ็ญพล่ามด้วยความยัวะ แล้วด่าออกมา ไม่รู้ว่าด่ารถ ด่าพระหรือด่าตัวเอง
“ทำไงล่ะลูก .” หลวงพ่อทำเสียงสลดกลัวถูกเจ้าเบ็ญดุเอา
“ก็จะทำไงได้ล่ะ เดินนะสิ เดินไปจนถึงด่านคุระบุรีโน่นแหละ ถ้ามีรถผ่านมา หลวงพ่อคอยโบก ให้เขาหยุดรับก็แล้วกัน ถ้าผมโบก รถมันไม่กล้าจอดหรอก มันกลัวโจรปล้น แต่ตอนนี้มีทางเดียว ต้องวิ่งไปให้พ้นจุดเปลี่ยวนี่เสียก่อน ไป หลวงพ่อต้องวิ่งไปกับผมแล้วล่ะ .ข้าวของกระเป๋าเสื้อผ้าผมยังติดอยู่บนรถ”
“หลวงพ่อวิ่งไม่ได้ วิ่งไม่ไหวลูกเอ๋ย .เป็นพระเป็นเจ้าวิ่งไม่ได้ .มันไม่งาม” หลวงพ่อขอความเห็นใจ
“เป็นพระก็ต้องวิ่ง ..ถ้าไม่วิ่ง ผมทิ้งหลวงพ่อไว้ที่นี่จริง ๆ ด้วยเอ้า .” เจ้าเบ็ญออกคำสั่งขึงขัง
จากนั้นก็คว้าปีกหลวงพ่อได้ ลากวิ่งถูลู่ถูกังไปตามทาง รู้สึกรำคาญย่ามของหลวงพ่อที่แกว่งปัดไปปัดมาอยู่ที่ไหล่หลวงพ่อ จึงปลดเอามาถือไว้เสียเอง และเพื่อความคล่องตัวในการวิ่ง กลัวเงินในกระเป๋ากางเกงตัวเองจะหล่นหาย จึงล้วงเงินฟ่อนใหญ่ใส่ย่ามหลวงพ่อไว้ แล้วพากันวิ่งเหยาะ ๆ ไปท่ามกลางความมืดทั้งพระทั้งโยม
มีรถแล่นผ่านมาบ้างนาน ๆ ครั้ง เจ้าเบ็ญโบกขอความช่วยเหลือไปเหอะ ไม่มีรถคันไหนกล้าจอดรับแม้กระทั่งให้หลวงพ่อออกไปยืนรำเป็นจราจรอยู่กลางถนน ก็ไม่มีคันไหนยอมรับ .กลัวจะเป็นพระปลอม
ทั้งเดินทั้งวิ่งมาจนเหงื่อตก หอบแฮ่ก ๆ ท่ามกลางฝนหยิม ๆ ทั้งหลวงพ่อและเจ้าเบ็ญต้องเดินทอดน่องโผเผมาหลายกิโล
“เออ เมื่อตอนรถมันทิ้งเรา หลวงพ่อได้ยินเสียงปืนไหม” เจ้าเบ็ญฉุกคิดขึ้นมาได้ หอบแฮ่ก ๆ ถามหลวงพ่อ
“หลวงพ่อได้ยินลูก” หลวงพ่อก็ลมสว้านขึ้นคอ เริ่มคุ้นเคยและเรียกเจ้าเบ็ญว่าลูกด้วยความเมตตา
“หรือโจรมันปล้นรถจนจุดที่รถจอด”
“ท่าจะใช่กระมังลูก” หลวงพ่อเห็นด้วย
“ใช่แน่ ๆ เลยหลวงพ่อ ..ใช่แน่ ๆ “ เจ้าเบ็ญสรุป “ โจรปล้นรถแน่ ๆ นี่บุญแท้ ๆ ที่ผมลงไปกับหลวงพ่อ โอ หลวงพ่อช่วยให้ผมแคล้วคลาดจากโจรปล้นแท้ ๆ “ เจ้าเบ็ญสำนึกบุญคุณ ทั้งที่เมื่อแรกแทบจะอัดหลวงพ่อให้จมป่า
“ข้าวของลูกบนรถมีอะไรบ้างล่ะ” หลวงพ่อแสดงความห่วงใย
“กระเป๋าเก่า ๆ ใบนึง เสื้อผ้ายังไม่ได้ซักสองสามชุด ช่างมันเถอะผมไม่เสียดายหรอก เฮ้อ ..ผมโชคดีเพราะพระช่วย” เจ้าเบ็ญยกมือหลวงพ่อขึ้นจบหัว
“มีรถสวนมาคันหนึ่งแน่ะหลวงพ่อ หลวงพ่อลองโบกดูทีซิว่าจะจอดรับหรือเปล่า เราอาศัยรถเขาย้อนกลับไปก็ยังดีไปตั้งหลักที่ตะกั่วป่า ดีกว่ามาเดินมืดอยู่กลางทาง” เจ้าเบ็ญออกความเห็น
“คันนี้จอดแน่ .ใช่ .มันต้องจอดแน่” หลวงพ่อป้องหน้าดูไฟรถที่กระพริบสูงต่ำถี่ ๆ แล้วเดินจีวรกางกร่างออกไปกลางถนน
“รถปิกอัพบึ่งมาจอดกึกหน้าหลวงพ่อ มีคนนั่งอยู่ตอนหน้ารถสองคน และที่กระบะท้ายอีกสี่
“เรียบร้อยดีไหม” หลวงพ่อถามคนในรถเหมือนรู้จักคุ้นเคย เจ้าเบ็ญใจชื้นที่หลวงพ่อเจอคนรู้จัก
“สบาย ๆ ..ขึ้นรถเถอะลูกพี่” คนในรถตอบหลวงพ่อ ทำเอาเจ้าเบ็ญงุนงง หลวงพ่อคงเกรงว่ามันจะงงหนักไปอีกก็เลยดึงจีวรออก ขยุ้มโยนเข้าไปในรถ เหลือชุดข้างในเป็นกางเกงขาสั้นสีขี้ม้า แถมที่เอวพกยูเอสอาร์มี่กระบอกเบ้อเร่อ
“ไม่ต้องตกใจโยม ..เอ๊ย .ไอ้น้อง” หลวงพ่อถอดครบหัวเราะร่วน “ฉันเสือผันไงล่ะ ทำอุบายวางแผนให้ลูกน้องปล้นรถเมื่อตะกี๊”
“อ้าว .แล้วกัน .อะไรวะ” เจ้าเบ็ญมึนยังกะโดนตบบ้องหู
“ไม่ต้องทำเป็นงงไอ้น้อง ข้าวของติดตัวเอ็งมีอะไรบ้าง นั่น นาฬิกาข้อมือถอดมาเสียดี ๆ เงินทองในกระเป๋ากางเกงล่ะมีเท่าไหร่ ลองปลิ้นออกมาดูซิ”
เจ้าเบ็ญปลดนาฬิกาปลอมราคาถูกของหาดใหญ่ส่งให้ แล้วปลิ้นกระเป๋าให้ดู ไม่มีเงินสักบาท
เสือผันรับนาฬิกาปลอมไปส่งให้ลูกน้องตัว แล้วสั่งรถออก
ก่อนจากไป เสือผันหันมาชี้ที่ไหล่เจ้าเบ็ญ
“ย่ามพระนั่น ..มีแต่ซองฎีกาอยู่ปึกหนึ่ง ข้าให้เอ็งไว้ดูต่างหน้าเป็นที่ระลึกโว้ย แถมย่ามให้ด้วย”
รถเสือผันแผดเครื่องลั่น แล่นลับหายไปในความมืด เจ้าเบ็ญก้มดูย่ามที่ช่วยสะพายให้พระปลอม ล้วงลงไปในย่ามก็ใจชื้น .เงินทั้งฟ่อนยังอยู่
๛-----------------------------๛
(เรื่องพระช่วย ของอัครา บุญทิพย์ จากหนังสือต่วยตูน)
ความคิดเห็น