ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    @~ภาษาและกลอน~@

    ลำดับตอนที่ #11 : พระช่วย ( เรื่องสั้น)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 400
      0
      24 ก.พ. 51

                 หัวค่ำวันนั้น รถ บ... สีส้มค่อยถอยก้นออกจากชานชาลา พาผู้โดยสารยัดทะนานมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพฯ พอรถกลับลำตั้งหลักได้ โชเฟอร์อัดเกียร์หนึ่งพารถเคลื่อนช้า ๆ จากสถานีขนส่งภูเก็ต รถคันยาวโคลงตัวโยกเยก เนิบช้าตามทางที่เป็นหลุมเป็นบ่อถนนลูกรัง เอียงซ้ายทีขวาที เข้าจังหวะเดียวกันกับก้านปัดน้ำฝนซึ่งเหวี่ยงก้านไปมาท่ามกลางสายฝนหยอยหยิม

                    พอถึงช่วงที่ถนนราบเรียบ โชเฟอร์หยิบผ้าขนหนูผืนน้อยเช็ดหัวเกียร์เสียหน่อยหนึ่ง แล้วเปลี่ยนเป็นเกียร์สอง เร่งเครื่องไปได้หน่อยก็อัดเกียร์สามไปกระชั้น รถคันยาวเริ่มออกตัวฉิวลิ่วไปตามเส้นทางลาดยาง จากท่ารถมาไม่ถึงห้ากิโล……

                    เอี๊ยด…..ครึ่บครืด…….” โชเฟอร์แตะเบรกกระทันหัน ทำเอาผู้โดยสารที่กำลังปล่อยอารมณ์เพลิน ๆ พากันหัวคะมำไปตาม ๆ กัน…….

                    ก็รถมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งปาดมาตัดหน้า เหมือนจะท้ามฤตยู บ... ไอ้คนนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์คล้องกระเป๋าแอร์เมล์รุ่นโบราณโบกมือไหว ๆ กลางฝนพรำ ตะโกนโหวกเหวกชี้แจงกับโชเฟอร์

                    ผมตกรถพี่…….ซื้อตั๋วไว้แล้ว ขึ้นรถไม่ทัน เลยให้เพื่อน ขี่มอเตอร์ไซด์มาดักทางที่นี่

                    ที่นั่งเต็มหมดแล้ว คุณรอเที่ยวหลังเถอะโชเฟอร์ปฏิเสธหงุดหงิด คงนึกอยากจะลงไปอัดเจ้านั่นเสียสักป้าบ ฐานเอาไม้จิ้มฟันดันมาขวางไม้ซุง

                    ผมมีธุระด่วน จำเป็นต้องไปเที่ยวนี้ ถ้าไม่มีที่นั่งผมยืนเอาก็ได้

                    เอ้า……ตามใจคุณโชเฟอร์ตัดบท แล้วเคลื่อนรถออก ไอ้หนุ่มกระโดดแผล็วเกาะประตูรถแล้วเก้กังขึ้นมาข้างบน หัวเปียกน้ำฝน ตรงไหล่เสื้อยืดชุ่มชื้น  กางเกงขาสั้นตาสก๊อตเก่า ๆ มอมเลอะเปรอะคราบโคลน

                    ไอ้เบ็ญน่ะเอง….จะขึ้นกรุงเทพฯแต่ละครั้งแต่ละเที่ยว ต้องไปขึ้นรถช้ากว่าใครเขาเสียทุกครั้งและก็กระหืดกระหอบหิ้วโน่นหิ้วนี่พะรุงพะรังเป็นไอ้บ้าหอบฟาง

                    ครั้งนี้ก็เช่นกัน ไอ้เบ็ญมัวไปเสียเวลา..เถอะน่าเถอะน่าขอตาสุดท้ายอยู่ที่วงไฮโลว์ ตีนเหมืองตั้งแต่บ่ายโมง มิไยที่เพื่อนฝูชาวไฮโลว์นิยมจะออกปากขับไล่ให้เตรียมตัวไปขึ้นรถเข้ากรุงเทพ เดี๋ยวจะตกรถเหมือนครั้งก่อน ๆ

                    ทันน่า…….ทันน่า………” ไอ้เบ็ญดูเวลานาฬิกาข้อมือ เหลือเวลาอีกตั้งสองสามนาทีกว่ารถจะออก ขอเฝ้าไฮโลว์ที่แทงเป็นอันดับเบิ้ลมาเจ็ดแปดตาแล้ว  ไม่ออกตานี้ให้มันรู้ไป เจ้ามือคงหนีไม่รอดหรอกน่า เพราะอั้นมาเต็มแก่แล้วและจากการกวาดกระเป๋าทั้งแบงค์ร้อยและเศษเหรียญลงกองในช่องสิบเอ็ดไฮโลว์ครั้งสุดท้าย….

                    พอเปิดถ้วยออกมา…….หกสี่เอี่ยวลอยหน้าพริ้มยิ้มสิบเอ็ดแต้มอยู่ในจาน ไอ้เบ็ญเต้นเหย็งร้องเพลงทุงยาบ่าเล  ลั่น  แล้วคว้าเอาเงินรางวัลสิบเอ็ดเท่าของเงินที่แทงหกร้อยแปดสิบบาท บ๋ายบายเจ้ามือ หิ้วกระเป๋าที่เตรียมมาแต่เที่ยง  ว่าจ้างครูเริญสองร้อยบาทให้บึ่งมอเตอร์ไซด์มาส่งท่ารถ

                    ครับ……….ไอ้เบ็ญจอมซ่าของเพื่อน ๆ หรือคุณเบญจรงค์   ทองชาม  ขวัญใจนักร้องน้องหนูใน

    คอฟฟี่ช๊อบ

                    ไอ้เบ็ญเป็นคนง่าย ๆ ที่เพื่อนเกลียดไม่ลง มือใหญ่ใจเติบ พกเงินเป็นฟ่อนเอาไว้แทงไฮโลว์ และให้เพื่อนยืมกลับบ้านกันเมียตบบ้องหูหลังจากหมดตูดจากวงพนัน

                    จากการที่ชอบนุ่งกางเกงขาสั้นสวมเสื้อยืดเก่า ๆ จนใคร ๆ ดูไม่ออก คาดไม่ถึงว่า เจ้าเบ็ญเป็นนายหัว (เสี่ย) คนหนึ่งของภูเก็ต แถมยังเป็นผู้จัดการร้านค้าที่เพียงแค่นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่กับบ้านเฉย ๆ ก็มีเงินเข้าร้านวันนึงเป็นหมื่น

                    ครั้งนี้เจ้าเบ็ญมีธุระที่จะต้องเข้าไปเลือกหาสินค้าที่กรุงเทพฯ และสั่งของใหม่เข้ามาขาย ทั้งต้องไปจ่ายค่าของหลายรายการให้กับเอเย่นต์ที่กรุงเทพ เพราะมัวแต่ไปหลงเพลินอยู่ในวงไฮโลว์ จนลืมแลกเช็คเดินทางจึงนำ

    เงินสดติดอยู่ในกระเป๋ากางเกงเกือบแสน รวมทั้งเงินที่ได้มาจากวงไฮโลว์อีกเจ็ดพันกว่าบาท กระเป๋าตุงไปเลย และเป็นการเสี่ยงอย่างยิ่งที่พกพาเงินสดเดินทางสายภูเก็ต กรุงเทพฯ ในช่วงปี ๒๕๑๕๒๕๒๐

                    เจ้าเบ็ญยืนโหนราวอยู่ข้างหลังที่นั่งคนขับ ให้รถเหวี่ยงซ้ายทีขวาทีอยู่พักหนึ่ง ก็มีมือมาสะกิดเอว

                    โยม ๆ นั่งกับหลวงพ่อ ตรงนี้ก็ได้

                    เจ้าเบ็ญเอี้ยวตัวไปดู เห็นพระภิกษุอายุอานามสักห้าสิบเศษ ท่านเบียดตัวขยับที่ให้นั่ง

                    ไม่ไหวหรอกครับ…….หลวงพ่อนั่งให้สบายเถอะ ที่นั่งพิเศษเขาจัดไว้ให้พระนั่งได้แค่คนเดียว ผมจะไปเบียดท่านได้ยังไง

                    ก็นั่งเบียดมาสิ ดีกว่ายืนหลวงพ่อตบที่นั่งแปะ ๆ อย่างมีน้ำใจเมตตาอารี

                    ขอบคุณครับเจ้าเบ็ญหย่อนก้นลงนั่งเพราะเมื่อยเต็มแก่ ยกมือไหว้ขอบคุณท่านเสียทีหนึ่ง

                    หลวงพ่อไปกรุงเทพหรือครับเจ้าเบ็ญถามไถ่ตามมารยาท มากกว่าจะถามด้วยความสนใจใคร่รู้

                    ยังงั้นแหละโยม

                    ธุระอะไรหรือครับ

                    ไปหาหมอหลวงพ่อไอตบท้ายสองสามแค็กเป็นการยืนยัน

                    อ้าวหลวงพ่อเป็นอะไรล่ะ

                    ก็โรคคนแก่แหละโยม ปวดเมื่อย มึนงงตามเรื่องของสังขารนั่นแหละ

                    อ้อ…..” แล้วเจ้าเบ็ญก็นั่งเงียบ ก่อนจะงีบหลับไปในความมืดของการเดินทาง

                    ซักพักใหญ่ก็มีมือมาสะกิด เจ้าเบ็ญชักฉุนเพราะกำลังงีบเพลิน….หลวงพ่อนั่นเอง

                    โยมช่วยเปิดหน้าต่างรถให้หลวงพ่อหน่อยเถิด หลวงพ่อเปิดไม่เป็น

                    เจ้าเบ็ญกุลีกุจอยกบานหน้าต่างให้หลวงพ่อหน่อยหนึ่ง ลมเย็น ๆ และละอองฝนบาง ๆ พัดเข้ามา พอสดชื่นชวนให้เจ้าเบ็ญหลับตาพริ้ม ฝันถึงกรุงเทพที่น่าเที่ยวกับเงินเต็มกระเป๋า พอกำลังเคลิ้มได้ที่เอาอีกแล้ว…….

                    โยม ๆ ช่วยปิดหน้าต่างให้หลวงพ่อทีเถอะ ฝนมันหนาเม็ด ลมก็เย็นด้วย

                    เจ้าเบ็ญช่วยจัดการให้ตามประสงค์ทั้งที่ยังงัวเงีย พร้อมกับนึกรำคาญอยู่ในใจ รู้งี้ยืนหลับนกโหนราวรถ เป็นพระนางสิริมหามายา เหนี่ยวกิ่งรังยังจะดีกว่า

                    แค่นั่งรถมาด้วยกันไม่กี่ชั่วโมง เจ้าเบ็ญต้องเปิด ๆ ปิด ๆ ยุ่งอยู่กับไอ้หน้าต่างรถ บริการพระเดชพระคุณ หลวงพ่อจอมยุ่งเสียจนเซ็ง

                    โชเฟอร์อัดบุหรี่วาบ ๆ ในความมืด เหยียบคันเร่งห้อตะบึงไปบนเส้นทางสีพรำฝน คงคิดถึงเมียน้อย หน้าแฉล้มซึ่งรออยู่ที่ท่ารถขนส่งสายใต้ ไฟหน้ารถเปิดสูงต่ำสลับกัน แหวกความมืดเป็นทางออกไป บางช่วงก็ต้องเปิดสปอตไลท์ให้เห็นแนวถนนเมื่อผ่านโค้งเขาและหุบเหว

                    เจ้าเบ็ญรู้สึกว่าหลวงพ่อนั่งสั่นสะท้าน เรอเอิ้ก ๆ ในความมืด

                    เป็นไรครับหลวงพ่อ

                    สงสัยเมารถล่ะโยม โยมช่วยหายาดมในย่ามให้ทีเถอะ…….อย่ารำคาญคนแก่ พระบ้านนอกเลยนะ นึกว่าเอาบุญเถอะหลวงพ่อคงรู้ว่าเจ้าเบ็ญรำคาญท่าน จึงพูดออกตัว จนเจ้าเบ็ญสงสารและนึกตำหนิตัวเอง

                    เจ้าเบ็ญเอามือควานล้วงลงไปในย่าม มืดจนมองไม่เห็นอะไร มือสัมผัสเอาซองกระดาษบ้าง ผ้าเช็ดปากบ้าง พวงกุญแจบ้าง จนคว้าได้หลอดยาดม พอหยิบส่งให้หลวงพ่อ ท่านก็ทำหลุดมือหล่นลงพื้นเสียอีก แถมยิ่งเรอเอิ้ก ๆ ทำท่าจะอาเจียนออกมาเต็มกลั้น

                    ลูกพี่…….ช่วยเปิดไฟหน่อย ผมจะหายาให้หลวงพ่อเจ้าเบ็ญร้องบอกโชเฟอร์

                    พอไฟสว่าง เจ้าเบ็ญก็เที่ยวโก้งโค้งมุดหาหลอดยาดมที่กลิ้งหนีตามใต้เก้าอี้ที่นั่ง แหวกตีนผู้โดยสาร คนนั้นทีคนนี้ที จ้าละหวั่นไปหมด เล่นเอาผู้โดยสารที่กำลังหลับสบายกระทืบเท้าจิ๊กปากด้วยความหงุดหงิด   

                    ได้แล้วหลวงพ่อ ถือดี ๆ อย่าทำหล่นเสียอีกล่ะ

    เออ……อือ……..ขอบใจโยมหลวงพ่อรับยาดมไปดมฟืด ๆ ดูท่าจะสบายขึ้น

                    ถึงไหนแล้วนี่โยม

                    เลยตะกั่วป่ามาแล้วครับ  นี่คงแถวคุระ

                    รบกวนโยมอีกทีเถอะ…….โยมช่วยบอกนายหัวรถให้จอดหน่อยเถอะ….หลวงพ่อไม่ไหวแล้ว มันจะอ้วก…..จะหนักจะเบายังไงก็บอกไม่ถูก……คนไม่สบายก็พรรค์นี้แหละ….ช่วยทีเถอะโยม  นึกว่าเอาบุญ……..”

                    ว้า…..เรื่องมากจริงโว้ยหลวงพ่อ……”  เจ้าเบ็ญหงุดหงิดสุดกลั้น

                    ถ้ารถไม่จอดให้  หลวงพ่อคงต้องอายคนอยู่บนรถนี่แหละโยมเอ๋ย……” หลวงพ่อครางเสียงกระเส่าสุดอั้น

                    ลูกพี่…..จอดหน่อย……..พระขี้จะแตกเจ้าเบ็ญแหกปากลั่น ไม่ได้ไว้หน้าพระสงฆ์องค์เจ้าเลย

                    รถค่อย ๆ ชะลอ  แล้วเลียบเข้าชิดข้างทาง ท่ามกลางความมืด และแนวทึมทึบของป่าทั้งสองข้างทาง เสียงคนโดยสารตื่นขึ้นมาถามสาเหตุที่รถจอดกลางป่ากลางทาง            

                    พระจะขี้ครับ  พระจะขี้  จอดให้พระหน่อยไอ้เจ้าเบ็ญปากหมาชี้แจงลั่น  แล้วกึ่งลากกึ่งประคองหลวงพ่อให้เก้ ๆ กัง ๆ ลงจากรถ

                    อย่าช้านะคุณ……..ตรงนี้มันที่เปลี่ยว  และรถผมต้องทำเวลาเข้าท่าให้ทันด้วยโชเฟอร์กำชับลงมา

                    เอาตรงนี้แหละหลวงพ่อเจ้าเบ็ญประคองหลวงพ่อลงมาข้างรถแล้วสั่งการ

                    ไม่ได้โยม….….อายคนโดยสารเขา…….เป็นพระเป็นสงฆ์จะมานั่งอุจาดอยู่ข้างทางได้ยังไง โยมช่วยพา

    หลวงพ่อเข้าไปในป่านั่นหน่อยเถอะ

                    บ๊ะ……..เรื่องมากจริง……..เอ้า……..ตามผมมาแล้วเจ้าเบ็ญก็พาหลวงพ่อดุ่มเข้าไปในสุมทุมพุ่มรก

                    หลวงพ่อจัดการของหลวงพ่อไป สุดแล้วบอกผมด้วย ผมจะฉี่ของผมมั่ง

                    ไม่ทันจะฉี่สุด  เจ้าเบ็ญก็ต้องสะดุ้ง เพราะมีเสียงปืนดังขึ้นสามนัด แล้วรถที่จอดสโลว์เครื่องอยู่ริมทางเห็นไฟสว่างอยู่นั้น ก็เร่งเครื่องใส่เกียร์เคลื่อนไปเสียแล้ว

                    เฮ้ย…….เฮ้ย……..รอด้วย……..ผมยังไม่ได้ขึ้นรถ……อย่าทิ้งผม….”เจ้าเบ็ญวิ่งสวบ ๆ ผ่าดงออกไป ตะโกนตามหลังรถไปเหมือนคนบ้า เห็นแต่ตาไฟท้ายรถเป็นดวงแดงห่างออกไปไล่ไม่ทัน

                    หลวงพ่อก็กะเร้อกะรังออกมา  ดูท่าทางตื่นเต้นอยู่ครามครัน

                    เพราะหลวงพ่อ คนเดียวแท้ ๆ เห็นไหมล่ะ รถมันทิ้งเราแล้ว บ้าจริง ๆ เจ้าเบ็ญพล่ามด้วยความยัวะ แล้วด่าออกมา  ไม่รู้ว่าด่ารถ  ด่าพระหรือด่าตัวเอง

                    ทำไงล่ะลูก……….” หลวงพ่อทำเสียงสลดกลัวถูกเจ้าเบ็ญดุเอา

                    ก็จะทำไงได้ล่ะ เดินนะสิ เดินไปจนถึงด่านคุระบุรีโน่นแหละ  ถ้ามีรถผ่านมา  หลวงพ่อคอยโบก ให้เขาหยุดรับก็แล้วกัน ถ้าผมโบก รถมันไม่กล้าจอดหรอก มันกลัวโจรปล้น แต่ตอนนี้มีทางเดียว ต้องวิ่งไปให้พ้นจุดเปลี่ยวนี่เสียก่อน……ไป………หลวงพ่อต้องวิ่งไปกับผมแล้วล่ะ…….ข้าวของกระเป๋าเสื้อผ้าผมยังติดอยู่บนรถ

                    หลวงพ่อวิ่งไม่ได้ วิ่งไม่ไหวลูกเอ๋ย…….เป็นพระเป็นเจ้าวิ่งไม่ได้…….มันไม่งามหลวงพ่อขอความเห็นใจ

                    เป็นพระก็ต้องวิ่ง……..ถ้าไม่วิ่ง  ผมทิ้งหลวงพ่อไว้ที่นี่จริง ๆ ด้วยเอ้า…….” เจ้าเบ็ญออกคำสั่งขึงขัง

                    จากนั้นก็คว้าปีกหลวงพ่อได้  ลากวิ่งถูลู่ถูกังไปตามทาง  รู้สึกรำคาญย่ามของหลวงพ่อที่แกว่งปัดไปปัดมาอยู่ที่ไหล่หลวงพ่อ จึงปลดเอามาถือไว้เสียเอง และเพื่อความคล่องตัวในการวิ่ง กลัวเงินในกระเป๋ากางเกงตัวเองจะหล่นหาย จึงล้วงเงินฟ่อนใหญ่ใส่ย่ามหลวงพ่อไว้ แล้วพากันวิ่งเหยาะ ๆ ไปท่ามกลางความมืดทั้งพระทั้งโยม

                    มีรถแล่นผ่านมาบ้างนาน ๆ ครั้ง เจ้าเบ็ญโบกขอความช่วยเหลือไปเหอะ  ไม่มีรถคันไหนกล้าจอดรับแม้กระทั่งให้หลวงพ่อออกไปยืนรำเป็นจราจรอยู่กลางถนน ก็ไม่มีคันไหนยอมรับ….กลัวจะเป็นพระปลอม

    ทั้งเดินทั้งวิ่งมาจนเหงื่อตก  หอบแฮ่ก ๆ ท่ามกลางฝนหยิม ๆ ทั้งหลวงพ่อและเจ้าเบ็ญต้องเดินทอดน่องโผเผมาหลายกิโล

                    เออ……เมื่อตอนรถมันทิ้งเรา  หลวงพ่อได้ยินเสียงปืนไหมเจ้าเบ็ญฉุกคิดขึ้นมาได้ หอบแฮ่ก ๆ ถามหลวงพ่อ

                    หลวงพ่อได้ยินลูกหลวงพ่อก็ลมสว้านขึ้นคอ เริ่มคุ้นเคยและเรียกเจ้าเบ็ญว่าลูกด้วยความเมตตา

                    หรือโจรมันปล้นรถจนจุดที่รถจอด

                    ท่าจะใช่กระมังลูกหลวงพ่อเห็นด้วย

                    ใช่แน่ ๆ เลยหลวงพ่อ……..ใช่แน่ ๆ เจ้าเบ็ญสรุป โจรปล้นรถแน่ ๆ นี่บุญแท้ ๆ ที่ผมลงไปกับหลวงพ่อ โอ……หลวงพ่อช่วยให้ผมแคล้วคลาดจากโจรปล้นแท้ ๆ เจ้าเบ็ญสำนึกบุญคุณ ทั้งที่เมื่อแรกแทบจะอัดหลวงพ่อให้จมป่า

                    ข้าวของลูกบนรถมีอะไรบ้างล่ะหลวงพ่อแสดงความห่วงใย

                    กระเป๋าเก่า ๆ ใบนึง เสื้อผ้ายังไม่ได้ซักสองสามชุด ช่างมันเถอะผมไม่เสียดายหรอก……เฮ้อ…..ผมโชคดีเพราะพระช่วยเจ้าเบ็ญยกมือหลวงพ่อขึ้นจบหัว

                    มีรถสวนมาคันหนึ่งแน่ะหลวงพ่อ  หลวงพ่อลองโบกดูทีซิว่าจะจอดรับหรือเปล่า เราอาศัยรถเขาย้อนกลับไปก็ยังดีไปตั้งหลักที่ตะกั่วป่า ดีกว่ามาเดินมืดอยู่กลางทางเจ้าเบ็ญออกความเห็น

                    คันนี้จอดแน่…….ใช่…….มันต้องจอดแน่หลวงพ่อป้องหน้าดูไฟรถที่กระพริบสูงต่ำถี่ ๆ แล้วเดินจีวรกางกร่างออกไปกลางถนน

                    รถปิกอัพบึ่งมาจอดกึกหน้าหลวงพ่อ  มีคนนั่งอยู่ตอนหน้ารถสองคน และที่กระบะท้ายอีกสี่

                    เรียบร้อยดีไหมหลวงพ่อถามคนในรถเหมือนรู้จักคุ้นเคย เจ้าเบ็ญใจชื้นที่หลวงพ่อเจอคนรู้จัก

                    สบาย ๆ ……..ขึ้นรถเถอะลูกพี่คนในรถตอบหลวงพ่อ ทำเอาเจ้าเบ็ญงุนงง หลวงพ่อคงเกรงว่ามันจะงงหนักไปอีกก็เลยดึงจีวรออก  ขยุ้มโยนเข้าไปในรถ  เหลือชุดข้างในเป็นกางเกงขาสั้นสีขี้ม้า แถมที่เอวพกยูเอสอาร์มี่กระบอกเบ้อเร่อ

                    ไม่ต้องตกใจโยม…..เอ๊ย….ไอ้น้องหลวงพ่อถอดครบหัวเราะร่วน ฉันเสือผันไงล่ะ ทำอุบายวางแผนให้ลูกน้องปล้นรถเมื่อตะกี๊

                    อ้าว…….แล้วกัน…….อะไรวะเจ้าเบ็ญมึนยังกะโดนตบบ้องหู

                    ไม่ต้องทำเป็นงงไอ้น้อง……ข้าวของติดตัวเอ็งมีอะไรบ้าง……นั่น……นาฬิกาข้อมือถอดมาเสียดี ๆ เงินทองในกระเป๋ากางเกงล่ะมีเท่าไหร่  ลองปลิ้นออกมาดูซิ

                    เจ้าเบ็ญปลดนาฬิกาปลอมราคาถูกของหาดใหญ่ส่งให้ แล้วปลิ้นกระเป๋าให้ดู ไม่มีเงินสักบาท

                    เสือผันรับนาฬิกาปลอมไปส่งให้ลูกน้องตัว แล้วสั่งรถออก

                    ก่อนจากไป เสือผันหันมาชี้ที่ไหล่เจ้าเบ็ญ

                    ย่ามพระนั่น……..มีแต่ซองฎีกาอยู่ปึกหนึ่ง ข้าให้เอ็งไว้ดูต่างหน้าเป็นที่ระลึกโว้ยแถมย่ามให้ด้วย

                    รถเสือผันแผดเครื่องลั่น แล่นลับหายไปในความมืด เจ้าเบ็ญก้มดูย่ามที่ช่วยสะพายให้พระปลอม ล้วงลงไปในย่ามก็ใจชื้น…….เงินทั้งฟ่อนยังอยู่

    -----------------------------

    (เรื่องพระช่วย ของอัครา  บุญทิพย์ จากหนังสือต่วยตูน)

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×