คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 2
ท้ายหมู่บ้าน
“นี่!อินุยาฉะแล้วคาโงเมะไม่มาด้วยหรอ?”
เสียงอสูรตัวกระจิริดเอ่ยถาม “ก็ข้าบอกไปแล้วไงว่าคาโงเมะไม่ค่อยสบาย
เจ้านี้น่ารำคาญจริงเลยชิปโป”
“ก็ข้าคิดถึงคาโงเมะนี่ แล้วต้องไปปราบอสูรตั้งหลายวันนางก็คงเหงาแย่” ชิปโปพูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ
ขนาดเดินทางไปยังหมู่บ้านอื่นเพื่อไปปราบอสูรกับอินุยาฉะ
พักนี้อินุยาฉะเดินทางไปยังหมู่บ้านอื่นอยู่บ่อยๆ
เพื่อปราบอสูรจึงทำให้ต้องทิ้งคาโงเมะไว้ตามลำพัง อันที่จริงลำพังอินุยาฉะคนเดียวก็เอาอยู่แล้วทำไมต้องลากข้ามาด้วยก็ไม่รู้
ชิปโปบ่นในใจเพราะถ้าบ่นให้อินุยาฉะในตอนนี้ได้ยินล่ะก็มีหวังกลายเป็นศพแน่ๆ
อินุยาฉะที่ช่วงนี้อารมณ์ขึ้นๆลงๆยังไงชอบกล
“ว่าแต่รินจะไปด้วยหรือเปล่า” อินุยาฉะถามขึ้นเพราะทั้งสองกำลังจะเดินผ่านบ้านของรินและส่วนใหญ่รินเองก็มักจะติดตามไปด้วยเพื่อไปหาสมุนไพรตามป่าเขา
“ข้าไม่รู้หรอกเพราะไม่ได้บอกรินไว้ล่วงหน้า”
“แวะถามเลยล่ะกัน เฮ้! รินเจ้าอยู่หรือป่าวเนี่ย”
อินุยาฉะตะโกนถามทันทีที่เข้าใกล้บริเวณบ้านของริน
นี่ถ้าคาโงเมะมาด้วยอินุยาฉะคงโดนดุไปแล้วโทษฐานเสียงดังโวยวาย
บริเวณบ้านของรินนั้นเงียบสงบ บ้านอยู่ติดกับลำธารที่ฝั่งตรงข้ามเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์
บริเวณบ้านที่เต็มไปด้วยสวนดอกไม้และพืชสมุนไพรมากมายจึงทำให้บ้านของรินให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลาย
ตัวบ้านไม้ยกสูงที่ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป บวกกับมีพื้นที่กว้างขวางจึงทำให้บ่อยครั้งพวกอินุยาฉะและคนในหมู่บ้านต่างแวะเวียนมาเที่ยวอยู่บ่อยครั้ง
ถึงแม้หลายๆ คนจะอยากให้รินย้ายไปอยู่ในหมู่บ้านด้วยกันเพื่อสะดวกต่อการดูแลซึ่งกันและกัน
แต่ก็มีเหตุผลที่รินไม่สามารถเข้าไปอยู่ในหมู่บ้านได้ นั้นก็เป็นเพราะรินนั้นเป็นคนของเซตโชมารุ
ถึงจะไม่บ่อยนักที่เชตโชมารุพี่ชายต่างแม่ของอินุยาฉะจะมาเยี่ยมเยียนและดูเหมือนเขาเองก็ไม่อยากจะเข้าไปในหมู่บ้านสักเท่าไหร่
นั้นจึงทำให้รินเลือกที่จะอยู่ท้ายหมู่บ้านเพื่อให้การมาของเซตโชมารุนั้นสบายใจมากขึ้น
แต่ถึงยังไงการอยู่ท้ายหมู่บ้านของรินก็ทำให้รินสบายใจมากกว่าด้วยจึงทำให้ไม่มีใครกล้าแย้ง
“เฮ้!! เจ้าไม่อยู่หรอ” จะว่าไปอินุยาฉะก็ค่อยดูแลรินด้วยเช่นกันในเรื่องความปลอดภัย
มันก็แน่ล่ะนะเพราะถ้าเกิดอันตรายกับรินล่ะก็มีหวังพี่ชายต่างแม่คงดูถูกอินุยาฉะน่าดูว่าไม่สามารถดูแลใครได้
“จ๊ะ อยู่สิ มีอะไรหรอ” หญิงสาวมนุษย์เดินออกมาจากระเบียงบ้าน
‘งดงาม’
นั้นคงเป็นสิ่งที่มนุษย์หนุ่มต่างพูดเมื่อเห็นริน
ผมสีดำสนิทล้อมรอบใบหน้ารูปไข่ดวงตากลมโตที่สว่างสดใส
รอยยิ้มที่ดูกี่ครั้งก็เต็มไปด้วยความจริงใจ ผิวพรรณที่ผุดผ่องกว่ามนุษย์ทั่วๆไปและกลิ่นกายที่หอมราวกับดอกไม้ในยามเช้า
เสียงเจื้อแจ้วของรินนั้นเปรียบได้กับนกที่กำลังร้องเพลงขับขาน เพียงแค่มอง หน้าของชิปโปก็แดงระเรือขึ้นทันที
“พวกข้าจะไปหมู่บ้านถัดไปสักหน่อยเห็นว่ามีอสูรมาวุ่นวาย
เจ้าจะไปด้วยไหมล่ะ” อินุยาฉะตามเสียงเรียบพรางยกมือขึ้นกอดอก
“อ่า แย่จังรินยังไม่ได้เตรียมตัวเลย มันกะทันหันเกินไป
ท่านอินุยาฉะไปเถอะเดียวจะเสียเวลาเปล่าๆ” รินพูดด้วยสีน้าเป็นกังวลพรางยิ้มให้ชิบโป
“ไปเตรียมตัวซะ
ข้ารอได้หมู่บ้านอยู่ไม่ไกลเดินทางไม่นานก็คงถึง” อินุยาฉะพูดพลางนั่งลงกับพื้นเป็นการบ่งบอกว่าเขาได้ตัดสินใจแล้ว
“เอาแต่ใจแบบนี้ไง คาโงเมะเลยไม่รักเจ้า” ความปากไวของชิปโปเป็นเหตุนั้นจึงทำให้กำปั้นของอินุยาฉะถึงหัวของชิปโปทันทีที่พูดจบ
“โอ๊ย!!! เจ็บนะเจ้าบ้านี้!!
ค่อยดูเถอะข้าจะรายงานคาโงเมะให้หมดเลย”
“ก็ลองดูสิเจ้าบ้า!
ข้าจะจับเจ้าให้เป็นเหยื่อล่ออสูรข้างหมู่บ้านนี้ดีไหมมันจะได้อิ่มแล้วไม่มายุ่งกับชาวบ้านอีกดีไหม!!!”
เสียงทะเลาะตบตีกันระหว่างอสูรทั้งสองยังคงดังต่อไปเรื่อยๆ
และดูเหมือนทั้งสองจะไม่สนใจรินอีกต่อไป
รินจึงเข้าบ้านเพื่อเก็บของและเตรียมตัวออกเดินทางไปกับอินุยาฉะและชิปโป
รินรักที่จะเดินทางไปในที่ไกลแสนไกล รักที่จะได้พบปะและพูดคุยกับผู้คน
ได้เห็นในสิ่งต่างๆที่ไม่เคยเห็น ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆที่ตัวเองยังไม่เคยรู้
มันติดเป็นนิสัยมาตั้งแต่เด็กจนโตเป็นผู้ใหญ่ นั้นอาจเป็นเพราะในวัยเด็กของเธอนั้นไม่เหมือนกับเด็กคนอื่นๆ
ช่วงเวลาการเรียนรู้ของเธอจึงสำคัญเสมอ รินเปลี่ยนชุดที่ความรู้สึกทะมัดทะแมงรวบผมสีดำสนิทไว้ด้านหลังเพื่อไม่ให้ลุมล่ามจนเกินไป
พร้อมทั้งเก็บเสื้อผ้าและอุปกรณ์ต่างๆเพื่อเดินทางไม่นานก็ลงมาหยุดอยู่ตรงหน้าอสูรทั้งสองที่ยังคงทะเลาะกันไม่หยุดเสียที
“ไปกันเถอะ” รินพูดด้วยรอยยิ้มที่สดใสและไม่แปลกใจที่เห็นทั้งสองทะเลาะกันเป็นเด็กๆ
เพราะทุกครั้งที่เดินทางไปกับท่านอินุยาฉะและชิปโปภาพแบบนี้มีให้เห็นทั้งทาง
นั้นเลยทำให้การเดินทางไม่น่าเบื่อเลยสักนิด
“เสร็จสักที! ไปกันเถอะ” อินุยาฉะพูดขึ้นพรางโยนชิปโปที่เกาะอยู่บนหัวเขาออก นั้นจึงทำให้ชิปโปโวยวายไม่หยุดหย่น
“ท่านคาโงเมะไม่”
“ไม่ไปหรอกไม่สบายน่ะ” ไม่ทันจะถามจบท่านอินุยาฉะก็พูดตัดทันที
และเดินนำไปโดยที่ไม่พูดอะไรต่อ สำหรับรินนั้นทราบดีว่าควรพูดต่อหรือควรหยุดเงียบอยู่เฉยๆ
ดูจากท่าทางแล้วท่านคาโงเมะคงสบายดีแน่ๆ และที่แน่ๆ ก็คือทะเลาะกันมาสินะ
ช่วงนี้ดูเหมือนจะทะเลาะกันบ่อยจังเลย เฮ้ออ รินแอบถอนหายใจเพียงลำพังและเดินตามอินุยาฉะไปอย่างเงียบๆ
ปราสาทเซตโชมารุ
สูงขึ้นไปเหนือท้องฟ้าจนไม่สามารถเทียบได้ ยังคงมีปราสาทเก่าสีดำสนิทที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว
ปราสาทที่มากไปด้วยเมฆที่หนาทึบ มันยิ่งใหญ่เกินกว่าจะบรรยายได้ ปราสาทที่ครั้งหนึ่งเคยเงียบสงัดมาหลายร้อยปี
แต่บัดนี้มันถูกเติมเต็มไปด้วยเหล่าอสูรทั่วสารทิศที่ต่างหลั่งไหลกันเข้ามาเพื่อทำพิธีที่สำคัญยิ่ง
พิธีบูชาอสูรผู้ยิ่งใหญ่ ทั้งนี้เพื่อเป็นการแสดงความเคราพต่ออสูรที่อยู่ในจุดสูงสุดเหนืออสูรทั้งปวง
แต่กระนั้นก็เพื่อเป็นการได้เห็นกับตาว่าอสูรที่อยู่ในจุดสูงสุดนั้นจะน่าเกรงครามเพียงใด
ในโลกอสูรนั้นไม่มีอสูรตนใดที่มีความศรัทธา ดังนั้นการยืนอยู่จัดสูงสุดจึงเป็นเรื่องที่อันตรายเพราะนั้นหมายความว่า
การจะถูกโค่นจากบัลลังนั้นทำได้ทุกเมื่อ เมื่อมีโอกาส จึงไม่แปลกที่วันนี้จะหมายถึงการประเมินจากอสูรจากทั่วสารทิศว่าอสูรที่อยู่ในจุดสูงสุดนั้นสามารถโค่นง่ายหรือไม่
แต่กระนั้นก็ยังมีอสูรบ้างกลุ่มที่มาที่นี่ก็เพื่อจะพึ่งพาบารมีและความยิ่งใหญ่
การถูกปกครองจากอสูรผู้ยิ่งใหญ่นั้นหมายถึงความปลอดภัยถึงแม้จะไร้เกียติแต่เพื่อการคงอยู่ของเผ่าพันธุ์ก็ถือเป็นเรื่องที่สมควรจะแลก
“อากิ” หนึ่งในอสูรสาวที่เดินทางมาเพื่อแสดงความเคราพต่ออสูรผู้ยิ่งใหญ่
อากิเป็นผู้นำของเงือกทะเล ซึ่งเผ่าพันธุ์ของพวกเธออยู่กันมาช้านานและสงบสุขภายใต้การปกครองของอสูรจิ้งจอกเงินจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก
อากิเงือกสาวผู้งดงามไม่เพียงต้องการอยู่ภายใต้การปกครองของอสูรจิ้งจอกเงินเท่านั้นนางยังยอมเป็นผู้รับใช้ที่ของอสูรจิ้งจอกเงินอีกด้วยเหตุผลเดียวนั้นคือ
เมื่อช้านานก่อนที่เผ่าพันธุ์เงือกทะเลไม่มีอสูรผู้ยิ่งใหญ่ค่อยปกครองพวกเธอคือเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอและมักจะถูกรุกรานทั้งจากมนุษย์และอสูรนั้นเป็นเพราะความงดงามและเลือดของพวกเธอที่จะสร้างความเป็นนิรันดรให้กับผู้ที่ดื่มมัน
จึงทำให้เกิดการสูญเสียมากมายเกี่ยวเผ่าพันธุ์ของนางรวมไปจนถึงท่านแม่ของอากิ แต่เมื่อได้อยู่ภายใต้การปกครองของอสูรจิ้งจอกเงินเผ่าพันธุ์ของนางก็ไม่เคยถูกรุนรานอีกเลยนั้นจึงทำให้ทั้งอากิและเผ่าพันธุ์ของนางพร้อมจะรับใช้อสูรจิ้งจอกเงินทุกประการ
ซึ่งไม่เพียงเผ่าพันธุ์ของอากิเท่านั้นที่ความจงรักภักดี
ยังมีเหล่าอสูรมากมายหลายเผ่าพันธุ์ที่ยอมรับใช้ด้วยความภักดีต่ออสูรจิ้งจอกเงิน
ปราสาทที่ยิ่งใหญ่มากมายไปด้วยเหล่าอสูรทั้งจากแผ่นฟ้า ใต้มหาสมุทร ทั่วแผ่นดิน
เสียงดังกึ่งกะถึกนั้นทำให้บริเวณโดยรอบปราสาทไม่หลงเหลือของสิ่งมีชีวิตอื่น
แต่เมื่อประตูปราสาทถูกเปิดออกด้วยทหารผู้เฝ้าปราสาทเสียงโดยรอบกลับเงียบสงัดราวกลับทั่วปราสาทนั้นไม่มีอสูรตนใดอยู่
ณ บริเวณนั้น เสียงหายใจของเหล่าอสูรเริ่มเงียบลง
บ่งบอกได้ว่าการมาของเขาผู้นั้นคือเรื่องที่น่ากลัว
เซตโชมารุเดินออกมายังนอกปราสาทด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยพร้อมอาวุธข้างกายที่ยังคงอยู่ติดตัวไม่ห่างรวมทั้งชุดเกาะที่บ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่
อสูรหลายๆตนที่ไม่สามารถทนกับการจ้องมองใบหน้าของเซตโชมารุได้ต่างก็ก้มลงกับพื้นเพื่อบ่งบอกถึงความเคราพ
ไม่ต้องการจะต่อกรด้วย เช่นเดียวกับอากิ เผ่าพันธุ์ของเธอสัมผัสได้ว่าเขาผู้นั้นสมควรที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือไม่
บรรยากาศรอบตัวของเซตโชมารุในตอนนี้ราวกับมีพิษมากมายออกมาจากร่างกายที่ยิ่งใหญ่ของเขา พิษที่มีผลต่อจิตใจที่ถึงแม้เขาจะไม่กลายร่างเหมือนกับอสูรมากมายที่อยู่ในที่นี้ก็ตาม
เซตโชมารุหยุดลงอยู่ตรงกลางระหว่างเหล่าอสูรนับร้อยตนเหตุผลเดียวนั้นคือรอ และเพียงไม่นานก็มีอสูรยักษ์สามตนกระโดดออกมาจากเหล่าอสูรนับร้อยสิ่งเดียวที่มันต้องการคือโค่นอสูรผู้ที่ขึ้นชื่อว่าอยู่ในจุดสูงสุด
ยักษ์ทั้งสามต่างลงมือพร้อมกันเพราะคิดว่าพละกำลังจะสามารถเอาชนะเซตโชมารุได้แต่เพียงพริบตาที่ยักษ์ทั้งสามกระโดดเข้าไปนั้นร่างกายของพวกมันก็ถูกฟันด้วยเกรงเล็บทันที
“แทบไม่ต้องชักดาบ” จาเค็นที่ยืนสังเกตอยู่ข้างๆพูดขึ้นทันที
“ช่างโง่เง่าซะจริงๆ
ที่คิดจะมาต่อกรกับท่านเซตโชมารุผู้ยิ่งใหญ่” ไม่นานหลังจากนั้นเหล่าอสูรจากท้องนภาราวสิบตัวพุ่งเป้าหมายจะโค่นบัลลังนั้น
พิษมากมายจากเซตโชมารุก็ทำงานทันทีที่เหล่าอสูรนั้นเข้าใกล้
“ไม่ถึงตัวท่านเชตโชมารุก็ตายซะแล้ว” จาเค็นยังคงทำหน้าที่ได้ดีในการสรรญเสริญนายของมัน
เหล่าอสูรมากมายยังคงพุ่งตรงไปยังเซตโชมารุเพียงหมายจะโค่นเขาซ้ำแล้วซ้ำเหล่าโดยที่เขาแทบไม่ต้องชักดาบเลยแม้แต่น้อย
‘นี่คือคนที่ท่านปกครองมาโดยตลอดรึท่านพ่อ’ หนึ่งคำถามพุดขึ้นเมื่อเหมือนเห็นเหล่าอสูรมากมายต่างต้องการจะขึ้นเป็นใหญ่หลังจากที่ท่านพ่อต้องตายไป
‘ไม่ใช่ว่าพวกเขาจงรักภักดีหรอกเหรอ หรือที่พวกมันยังอยู่เพราะเพียงแค่ต้องการข้ามข้าผู้นี้ไปให้ได้
เพียงต้องการขึ้นมาแทนที่ท่าน’ เซตโชมารุยังคงตัดเพ้อภายใจจิตใจขนาดที่ยังคงฟาดฟันเกรงเล็บไปกับเหล่าอสูรมากมาย
‘พวกมันไม่คู่ควรที่จะให้เลือดต้องมาแปดเปลื้อนดาบแม้แต่น้อย’
ไม่นานอสูรที่เคยอยู่ในปราสาทมากมายก็บางตาลงทันที
ศพมากมายนอนเกลื่อนกลาดไปทั่วบริเวณ เซตโชมารุยังคงเดินไปเรื่อยๆ
เหยียบย้ำลงบนศพและเลือดของอสูรผู้อวดดี
ด้วยสีหน้าอันราบเรียบเซตโชมารุก็พูดออกมาว่า “ถ้าอยากให้เผ่าพันธุ์ของพวกเจ้ายังคงอยู่ก็เลิกทำเช่นนี้ซะ”
ลึกลงไปยังมหาสมุทรอากิกำลังเล่าเรื่องที่ตนเองไปเจอมาให้เหล่าเงือกทะเลฟังถึงความยิ่งใหญ่ของเซตโชมารุ
“พอท่านเซตโชมารุพูดจบนะ พวกอสูรที่ยังคิดจะต่อกรก็ลงไปนั่งกับพื้นเลย”
“นี่ท่านเซตโชมารุสังหารอสูรเป็นร้อยๆตัวเลยหรอ”
หญิงชราของเงือกทะเลเอ่ยถาม
“แน่นอนสิท่าน
บริเวณปราสาทเนี่ยเงียบสงัดและเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเลยล่ะ
ท่านเซตโชมารุต่อสู้กับอสูรนับร้อยตัวโดยที่ไม่กลายร่างและไม่ชักดาบเลยเหละ”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ อสูรตนนี้ก็คงเลือดเย็นน่าดู
“ทำไมท่านพูดเช่นนั้นล่ะ
ก็ในเมื่ออสูรพวกนั้นหวังจะฆ่าท่านเซทโชมารุนะ”
“วิธีของท่านอินุไทโชกับท่านเซตโชมารุนั้นต่างกันหนัก
ในตอนนั้นท่านอินุไทโชเพียงแค่สั่งสอนไม่ยอมสังหารอสูรตนใดเลย
แต่พอมาเป็นท่านเซตโชมารุกลับทำได้โดยไม่ลังแลเลยแม้แต่น้อย ไม่ดูน่ากลัวไปหน่อยหรอกหรือ”
“สำหรับข้า
ข้าเห็นด้วยแล้วนะที่ท่านเซตโชมารุทำเช่นนั้นอย่างน้อยก็เป็นการบ่งบอกว่าท่านเซตโชมารุนั้นแข็งแกร่งเพียงใด”
อากิตอบหญิงสาวชราไปด้วยเหตุผลที่เธอนั้นเห็นว่าถูกต้อง
ความคิดเห็น