เพียงวันที่ 28 ธันวาคม เพียงวันเดียว มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 497 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 41 คน บาดเจ็บ 540 คน สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเมาสุรา ขับรถเร็วเกินกำหนด และขับรถตัดหน้ากระชั้นชิด โดยยานพาหนะคือ รถจักรยานยนต์ ปิกอัพ และรถเก๋ง เกิดในช่วงทางตรงของถนนนอกเขตทางหลวงแผ่นดิน และช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือเวลา 16.01-20.00 น.
เฉพาะวันที่ 2 มกราคม ว่า มีอุบัติเหตุ 509 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 56 คน บาดเจ็บ 576 คน รวมช่วง 7 วันอันตรายคือ ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2549 - 2 มกราคม 2550 มีผู้เสียชีวิตรวม 407 คน เกินจากปีที่ผ่านมา 7 คน
นายพงศ์โพยมกล่าวว่า จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด คือ เชียงรายและบุรีรัมย์ จังหวัดละ 17 คน รองลงมา ชัยภูมิ 16 คน ประจวบคีรีขันธ์และกรุงเทพฯ จังหวัดละ 15 คน ส่วนจังหวัดที่ไม่มีอุบัติเหตุเลย มี 7 จังหวัด คือ ชัยนาท นราธิวาส แม่ฮ่องสอน ยโสธร ลำพูน สมุทรสงคราม และอ่างทอง ขณะที่สาเหตุของการเสียชีวิตคือ เมาสุราและขับรถเร็วเกินกำหนด โดยเกิดอุบัติเหตุกับจักรยานยนต์มากที่สุด
[ วันที่ 2007-01-03 ] |
|
เฉพาะวันที่ 1 ม.ค. ซึ่งเป็นวันที่ 5 ของช่วง “7 วันระวังอันตราย” ในเทศกาลฉลองปีใหม่ 2550 (28 ธ.ค. 2549-3 ม.ค. 2550) พบว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 784 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 76 คน บาดเจ็บ 903 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ส่วนใหญ่เกิดจากเมาสุรา รองลงมาคือ ขับรถเร็วเกินกำหนด และไม่พกพาใบขับขี่ ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ รองลงมา รถปิกอัพ และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ส่วนช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ยังคงอยู่ในช่วงเวลา 16.01-20.00 น.
นายอนุชากล่าวอีกว่า จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 7 คน รองลงมา ได้แก่ เพชรบูรณ์ 6 คน บุรีรัมย์ 5 คน ตรัง 4 คน ตาก ประจวบคีรีขันธ์ ภูเก็ต กรุงเทพฯ จังหวัดละ 3 คน ส่วนจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครปฐม 37 ครั้ง รองลงมา ได้แก่ เชียงใหม่ 27 ครั้ง เชียงราย ขอนแก่น 25 ครั้ง ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ 22 ครั้ง ส่วนจังหวัดที่ไม่มีการเกิดอุบัติเหตุในวันที่ 1 ม.ค. เลย ได้แก่ ยโสธร
สำหรับจำนวนอุบัติเหตุสะสม 5 วัน (วันที่ 28 ธ.ค. 2549-1 ม.ค. 2550) มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นรวม 3,569 ครั้ง เปรียบเทียบกับปี 2549 มากกว่า 120 ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.48 มีผู้เสียชีวิตรวม 351 คน เปรียบเทียบกับปี 2549 มากกว่า 4 คน สูงขึ้นร้อยละ 1.15 ผู้บาดเจ็บรวม 3,970 คน เปรียบเทียบกับปี 2549 มากกว่า 95 คน สูงขึ้นร้อยละ 2.45 จังหวัดที่มีอุบัติเหตุสูงสุดสะสม 5 วัน ได้แก่ เชียงราย 115 ครั้ง รองลงมา เชียงใหม่ 108 ครั้ง ศรีสะเกษ 107 ครั้ง ขอนแก่น 103 ครั้ง
จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดสะสม 5 วัน ได้แก่ เชียงราย บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ และกรุงเทพฯ 14 คน รองลงมา นครสวรรค์ 13 คน เพชรบูรณ์ 12 คน ตามลำดับ จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุดสะสม 5 วัน ได้แก่ นครราชสีมา 130 คน รองลงมา เชียงราย 126 คน ขอนแก่น 121 คน เชียงใหม่ ศรีสะเกษ 116 คน และจังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตช่วงรณรงค์ 5 วัน จำนวน 10 จังหวัด ในการเรียกตรวจตามมาตรการ 3 ม. 2 ข. 1 ร. มีการเรียกตรวจ 1,942,870 คัน พบการกระทำผิดและดำเนินคดี จำนวน 35,494 ราย เนื่องจากไม่สวมหมวกนิรภัยสูงที่สุด รองลงมา ได้แก่ ขับขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ปลอดภัย และไม่พกพาใบขับขี่
นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน น.พ.มงคล ณ สงขลา รมว.สาธารณสุข เปิดเผยถึงผลการให้บริการรักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วยฉุกเฉินในช่วงหยุดฉลองเทศกาลปีใหม่ว่า ช่วง 5 วันตั้งแต่ 28 ธ.ค. 2549-1 ม.ค. 2550 หน่วยแพทย์ฉุกเฉินออกปฏิบัติการไปรับและให้การปฐมพยาบาลผู้เจ็บป่วย ณ ที่เกิดเหตุรวมทั้งหมด 7,736 ครั้ง เฉลี่ยออกทุก 1 นาที โดยผู้ป่วยฉุกเฉินที่ออกไปให้ความช่วยเหลือมากที่สุด ได้แก่ อุบัติเหตุจราจร จำนวน 4,217 ราย รองลงมา ได้แก่ การป่วยฉุกเฉิน เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูงกำเริบ จำนวน 2,803 ราย ถูกทำร้ายร่างกายจากเหตุทะเลาะวิวาท 441 ราย พลัดตกหกล้ม 189 ราย นอกจากนี้ ยังพบผู้ที่ทำร้ายตัวเอง 38 ราย จมน้ำ 10 ราย ตกจากที่สูง 91 ราย เพลิงไหม้ 8 ราย อื่นๆ 290 ราย
รมว.สาธารณสุขกล่าวด้วยว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอร่างพระราชบัญญัติระบบการแพทย์ ฉุกเฉิน คาดว่าจะเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเดือนนี้ โดยสาระสำคัญส่วนหนึ่งได้เสนอเบอร์โทร.แจ้งเหตุเพียง 3 หลัก และใช้เป็นเบอร์กลางสำหรับแจ้งร่วมกับภัยฉุกเฉินอื่นๆ คือเพลิงไหม้ เหตุร้าย และการเจ็บป่วย เช่นเดียวกับที่อารยประเทศใช้กัน ซึ่งจะทำให้ประชาชนจำได้ง่ายขึ้นด้วย
ขณะที่วันสุดท้ายของเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ยังคงมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนถนนอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 2 ม.ค. ร.ต.ท.ชูศักดิ์ ปิ่นรัตน์ ร้อยเวร สภ.อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ไปสอบสวนอุบัติเหตุรถชนหน้าร้านอาหารไพศาล ริมอ่างเก็บน้ำมาบประชัย หมู่ 4 ต.โป่ง พบรถยนต์โตโยต้าโฟร์วีลไดรฟ์ สีดำ ทะเบียน กน 2706 ชลบุรี ตกอยู่ไหล่ทางริมขอบอ่างเก็บน้ำ สภาพพังยับเยิน โดยมีขวดสุราต่างประเทศมีร่องรอยดื่มกินครึ่งขวดกระเด็นออกมานอกรถ ส่วนคนขับหายไป
หลังจากที่ตำรวจระดมกำลังกันออกค้นหา ก็พบศพจมอยู่ในอ่างเก็บน้ำระดับความลึกร่วม 2 เมตร ทราบชื่อนายอรุณ สุดาดวง อายุ 50 ปี บ้านอยู่หมู่ 5 ต.หนอง-ปรือ อ.บางละมุง สภาพศพมีรอยเขียวช้ำ แพทย์ลงความเห็นว่าเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจจากการจมน้ำ ใกล้กันพบรถคู่กรณีเป็นรถกระบะยี่ห้อฟอร์ด สีน้ำเงิน ทะเบียน ผก 50 ชลบุรี สภาพหน้ายุบ มีนายวศิน มาดี อายุ 30 ปี เจ้าของและเพื่อนอีกคนบาดเจ็บเล็กน้อยยืนรอตำรวจ สอบสวนได้ความว่า นายอรุณเป็นเจ้าของฟาร์มงูขนาดใหญ่ และยังเป็นเจ้าของคณะแสดงโชว์งูให้กับนักท่องเที่ยวชมในเมืองพัทยา ก่อนเกิดเหตุร่วมวงดื่มสุรากับญาติฉลองปีใหม่ หลังจากนั้นขับรถมุงหน้ากลับบ้าน ถึงที่เกิดเหตุรถเสียหลักชนประสานงากับรถคู่กรณี ทำให้นายอรุณร่างกระเด็นตกลงไปในอ่างน้ำจมน้ำเสียชีวิต
ส่วนที่ จ.เชียงราย พ.ต.ท.สมจันทร์ ปุริมศักดิ์ สารวัตรเวร สภ.อ.เมืองเชียงราย รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ รพ.โอเวอร์บรุ๊คเชียงราย ว่านายสัญญา พฤทธิพงศ์พันธ์ อายุ 33 ปี ซึ่งประสบอุบัติเหตุรถชนบนถนนสายเชียงราย-เทิง หมู่ 18 ต.ดอยลาน อ.เมืองเชียงราย เมื่อวันที่ 1 ม.ค. เสียชีวิตลงแล้ว ส่วนนายรักษ์ธน เตือนสกุล อายุ 19 ปี ซึ่งประสบอุบัติเหตุจากเหตุการณ์เดียวกัน และมีข่าวว่าเสียชีวิตแล้วนั้น จากการตรวจสอบโดยละเอียดพบว่าไม่ได้เสียชีวิต เพียงแต่บาดเจ็บสาหัส ถัดมาเมื่อเวลา 09.00 น. ขณะที่นายขจร กาวี อายุ 72 ปี บ้านเลขที่ 40 หมู่ 7 ต.หนองแดง อ.แม่จริม จ.แพร่ ขับรถบรรทุก 6 ล้อ โตโยต้า ทะเบียน 10-0284 น่าน ดัดแปลงเป็นรถโดยสารประจำทาง รับผู้โดยสารที่กลับไปฉลองปีใหม่กับญาติมาเต็มคันรถ ออกจากบ้านน้ำตวง มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองน่าน ถึงบ้านน้ำแนะ ต.น้ำตวง อ.แม่จริม รถเสียหลักแหกโค้งพลิกคว่ำ มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือนายศุขพงษ์ ยอดออน อายุ 17 ปี และนายเจ้อซัว วัฒนตระกูล อายุ 64 ปี บาดเจ็บอีก 32 ราย นำส่ง รพ.เวียงสา กับ รพ.แม่จริม
ที่ จ.ชุมพร พ.ต.ท.นิยม อนันตกุล สารวัตรเวร สภ.อ.ท่าแซะ รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำบนถนนเพชรเกษมขาเข้า กทม.ระหว่าง กม.485-486 หมู่ 2 ต.นากระตาม เมื่อไปสอบสวนพบรถเก๋งมิตซูบิชิแลนเซอร์ สีน้ำเงิน ทะเบียน 497 กรุงเทพมหานคร ชนต้นไม้ขนาดใหญ่ริมถนน พลิกคว่ำสภาพพังยับเยิน มีผู้โดยสารติดอยู่ในซากรถ 5 ราย ประกอบด้วยนายสุริยา กุมภาการ อายุ 29 ปี คนขับ น.ส.สาวิตรี กุมภาการ อายุ 33 ปี นายเจริญ กุมภาการ อายุ 37 ปี ด.ญ.ประกายดาว กุมภาการ อายุ 13 ปี นางกนกกร กุมภาการ อายุ 35 ปี ทั้งหมดเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน บ้านอยู่ กทม. สภาพศีรษะแตก เนื้อตัวเป็นแผลถลอก จึงนำส่ง รพ.ชุมพรเขตอุดมศักดิ์ แต่ ด.ญ.ประกายดาวเสียชีวิตในเวลาต่อมา และยังพบเด็กหญิงวัย 8 เดือน กระเด็นออกมาจากรถเสียชีวิต รวมมีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 4 ราย สอบสวนได้ความว่า นายสุริยาขับรถคันดังกล่าวพาทั้งหมดไปเยี่ยมญาติที่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นทางโค้งหักศอกลงเนิน ทำให้รถเสียหลักแหกโค้งชนต้นไม้
สำหรับบรรยากาศการเดินทางกลับเข้ากรุงของประชาชนในวันที่ 2 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดวันตามสถานีขนส่งประจำจังหวัด สถานีรถไฟก็คลาคล่ำไปด้วยคนที่ต้องเดินทางกลับเข้า กทม. เพื่อเริ่มต้นทำงานวันแรกของปีในวันที่ 3 ม.ค.นี้ ขณะที่ถนนสายหลักที่มุ่งหน้าเข้าเมืองหลวง ก็กลับมาคับคั่งอีกครั้งด้วยยวดยานนานาชนิด จนถึงขั้นติดขัดเป็นช่วงๆ จากนั้นตั้งแต่ช่วงเย็นเป็นต้นมา ตามสถานีขนส่ง และสถานีรถไฟหัวลำโพง ก็เนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่หอบหิ้วสัมภาระกลับมากันพะรุงพะรัง ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของทหารและตำรวจ ที่ต้องคอยตรวจตราสัมภาระสิ่งของผิดปกติ หรือสิ่งของที่วางไว้โดยไม่มีเจ้าของ โดยหากพบเห็นกระเป๋าที่คิดว่าผิดปกติ ก็จะเข้าตรวจค้นทันที
ต่อมาในบ่ายวันเดียวกัน เกิดอุบัติเหตุตายหมู่ที่ถนนสายจัตุรัส-หนองบัวระเหว บ้านหนองแก ต.ส้มป่อย อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ เมื่อรถตู้โตโยต้า ทะเบียน นข 1026 ชัยภูมิ ขับโดยนางกาญจนา อัครพูนชัย อายุ 39 ปี อยู่หมู่ 18 ต.วังตะเฆ่ พยายามขับแซงรถบรรทุกอ้อย เป็นจังหวะเดียวกับที่นายพร รอดสวัสดิ์ อายุ 37 ปี ขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ทะเบียน กขต 906 ชัยภูมิ มีภรรยาและลูกอีก 2 คนวัย 7 ขวบ และ 1 ขวบ ซ้อนท้ายสวนมาและชนกันเต็มแรง ส่งผลให้ครอบครัวรอดสวัสดิ์ตายทั้งหมดทันที |
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น