Relashionship #zustin - นิยาย Relashionship #zustin : Dek-D.com - Writer
×

    Relashionship #zustin

    ถ้าไม่มีรัก ก็คงไม่มีทุกข์ ถ้าไม่รู้สึก ก็คงไม่เจ็บ...

    ผู้เข้าชมรวม

    354

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    354

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    3
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  17 ก.ย. 60 / 23:34 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


    บทนำ



            หลายคนบอกว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่ดี ไม่ใช่ที่ที่เด็กอายุไม่ถึงยี่สิบอย่างผมควรจะมา แล้วยังไงในเมื่อมันเป็นที่ที่เพอร์เฟ็คสำหรับผมที่สุดในตอนนี้

    เป็นที่ที่ผมสามารถปล่อยกายปล่อยใจ และลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากนั้นก็มาสนุกกับเสียงเพลงบีสท์หนักๆที่แม้ว่าฟังแล้วจะไม่เข้าใจแต่ก็สนุกโคตรๆ หรือเพลงร็อคที่ฟังแล้วหูแทบแตก  

    เลือดภายในกายสูบฉีดเมื่อน้ำเปลี่ยนนิสัยไหลลงคอ หัวใจเต้นแรงตุบตับไปตามจังหวะดนตรี กลิ่นบุหรี่ที่ครั้งแรกเคยต่อต้านว่ามันเหม็นและแสบจมูก ตอนนี้กลับหอมหวนชวนลอง ลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศ พื้นที่ถูกคลอบคลุมด้วยความมืดและถูกส่องสว่างด้วยแสงอันหลากหลายจนน่าเวียนหัว แต่มันกลับให้ความรู้สึกล่องลอยชวนเคลิบเคลิ้ม ยิ่งสติสัมปชัญญะถูกครอบครองด้วยแอลกอฮอล์เหล้าเบียร์อีกหลายชนิดยิ่งทำให้มันรู้สึกล่องลอยและเคลิบเคลิ้มได้ไม่ยาก


         นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ลืมความเจ็บปวดได้ชั่วขณะ

         เสียงเพลงฮิตติดชาร์ตเพลงหนึ่งกำลังถูกนำมารีมิกซ์ใหม่ให้จังหวะแปลกใหม่ขึ้นและสนุกกว่าเดิมด้วยดีเจชื่อดังคนหนึ่ง ผู้คนรอบกายต่างโยกย้ายร่างกายไปตามเสียงเพลงให้เข้าจังหวะ บรรยากาศภายในเย็นเฉียบแต่ก็ไม่สามารถกลบความร้อนแรงของแต่ละคนไปได้ 


         “จัสตินเดี๋ยวนี้มึงเที่ยวบ่อยนะ แต่ก่อนไม่เห็นจะเที่ยวแบบนี้?”   เสียงหนึ่งถามขึ้นด้วยความสงสัย พร้อมกับแก้วแอลกอฮอล์ที่ถูกเติมจนเต็มและหยิบยื่นมาให้  


         “กูแค่ไม่อยากอยู่บ้าน”  คนถูกถามตอบด้วยสภาพที่ไม่ค่อยเต็มร้อยนัก เพราะเริ่มมึนเมาไปกับแอลกอฮอล์ที่หลั่งไหลลงไปในลำคอ เนื่องจากว่าปกติก็ไม่ได้สายปาร์ตี้อยู่แล้ว ซึ่งถ้าให้แยกประเภทคนที่ดื่มแล้วเมาเร็วที่สุดจัสตินคงอยู่ในระดับนั้น


         “มึงเป็นไรรึเปล่าเนี่ย ทะเลาะกับแฟน?”  คนถามก็ยังคงถามต่อด้วยความสงสัยระคนแปลกใจ

    จะไม่น่าแปลกได้อย่างไร เรียนห้องเดียวกันมาก็นาน ร้อยวันพันปีไม่แม้แต่จะเคยคุยกัน  แน่นอนว่าจัสตินน่ะเด็กเรียนส่วนพวกเขานั้นมันเด็กเลว


         “มึงรู้ได้ไงวะ?


         “ถ้าให้พูดเรื่องน่าเศร้าของคนวัยนี้ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องความรักหรอกว่ะ แต่ที่จริงไม่ว่าจะรุ่นไหนความรักแม่งก็เป็นปัญหาสำหรับทุกคนนั่นแหละ” 


         “”  ใช่มันคือเรื่องของความรัก 

         จัสตินเถียงไม่ออกเพราะมันคือเรื่องจริง เจ้าตัวเลยเงียบไปพักใหญ่


         “แล้วไง ใช่อย่างที่กูพูดรึเปล่าล่ะ?”  ยังคงถามย้ำอยู่อย่างนั้น ไม่ใช่เพราะอยากช่วยให้คำปรึกษาหรืออย่างไร  เขาถามแค่เพราะอยากรู้เท่านั้น


         “อือกูเลิกกับเขาแล้ว” เจ้าตัวตอบพร้อมกับพิงศีรษะลงบนพนักโซฟา  มือข้างหนึ่งยังคงถือแก้วสุราไว้


         “ทำไมวะ?


         “กู” เสียงเบาและแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน “ช่างมันเถอะ”  ชั่งใจอยู่นานสองนานว่าจะพูดหรือไม่พูด สุดท้ายก็เลือกอย่างหลัง

    เขาไม่อยากพูดถึงมันอีก เพราะยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งเจ็บ


         การที่ต้องจากกันทั้งที่ยังรักมันช่างเป็นเรื่องไม่ดีเอาเสียเลย


         “เออ แล้วแต่มึงไว้อยากพูดเมื่อไรก็ค่อยพูด”  คนถามเลิกล้มความตั้งใจทันทีเมื่อดูท่าแล้วว่ายังไงคนตรงหน้าก็ไม่มีทางยอมพูดออกมาแน่  “เอานี่ไปลองไป เผื่ออะไรมันจะดีขึ้น”  ไม่ว่าเปล่าลูอียื่นบุหรี่เพิ่งสูบยังไม่ถึงครึ่งมวลให้จัสติน เผื่อเจ้าตัวจะอยากรู้อยากลอง

         และก็เป็นอย่างที่คิดไว้เขาไม่ปฏิเสธ


         ตั้งแค่เกิดมาไม่เคยแม้แต่จะริลองของมึนเมา สุราหรือยาเสพติด เขาทำตัวเป็นเด็กดีมาตลอด แต่วันนี้เด็กคนนั้นที่เคยคิดได้แบบนี้อยู่ๆก็หายตัวไป เขาสูญเสียการเป็นตัวเองไปเพราะใครหลายคน และเพราะเหตุการณ์บางเหตุการณ์


    จริงอยู่ที่ช่วงวัยเรียนแบบนี้ไม่ควรเอาเรื่องของความรักมาเป็นทุกอย่างของชีวิต เมื่อก่อนก็คิดเช่นนั้น แต่หลังจากที่ลองได้รักใครสักคน เลยไม่แปลกถ้าหากว่าความรักในตอนนี้จะเป็นทุกอย่างสำหรับเขา

    เมื่อทุกอย่างสำหรับเขาได้หายไปแล้ว ทุกอย่างในตอนนี้มันเลยดูไร้จุดมุ่งหมาย ไร้ความหวังจนรอบตัวนั้นห่อเหี่ยวไปหมด


         “มึงจะเศร้าอะไรนักหนาวะ”  ลูอีพูดและตบบ่าคนอกหักดังปุๆ เมื่อเห็นท่าทีของเพื่อนนั้นดูแล้วห่อเหี่ยวเกินกว่าจะรับได้ “มานี่มาตามกูมา เดี๋ยวพาไปสนุก”   เลยลากแขนเพื่อนคนนี้ให้ลุกขึ้นจากโต๊ะตามออกมาท่ามกลางผู้คนมากมายที่กำลังเบียดเสียด  คนที่ถูกลากซึ่งมีอาการมึนเมากว่าเริ่มรูสึกตาลายและรอบตัวนั้นหมุนไปมาราวกับม้าหมุน


         “ทำอะไรของมึงเนี่ย?”  จัสตินถาม


         “ทำให้มึงหายเศร้าไง” 


         “ทำยังไงวะ?


         “ไอ้นี่น่ะแค่เบๆ” ลูอีพูดและดึงบุหรี่ที่จัสตินคีบไว้ตรงปลายนิ้วกลับมาคืน “มึงต้องลองนี่”  และเปลี่ยนเป็นบางอย่างที่อยู่ในซองซิบล็อคห่อเล็ก ซึ่งดูจากลักษณะแล้วมันจะเป็นผงสีขาวๆ


         “อะไรวะ?”  แน่นอนว่าเด็กที่ไม่ประสาเรื่องเที่ยวกลางคืน และสุรายาเสพติดอย่างเขาย่อมต้องไม่รู้


         “ไม่ต้องรู้หรอก แค่มึงทำตามกูแล้วทุกอย่างแม่งจะสนุกเองเว้ย!” ลูอีตอบ ว่าแล้วก็จัดการผงสีขาวที่อยู่ในซองไปตามขั้นตอนอย่างที่เคยทำ


         ส่วนจัสตินนั้นไม่ต้องรอให้ความสงสัยครอบงำอยู่นาน ความอยากรู้อยากลองมันมีมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้วบวกกับคำชักชวนที่ว่าจะทำให้เขาสนุก


         เพราะความสนุกมันจะทำให้เขาลืมความทุกข์ เจ้าตัวเลยไม่รอช้าที่จะลิ้มลองเสพสมมันไปตามเพื่อนที่ชวนลอง

     

     


         อ้วกกก!

         ยังไม่ทันตกเที่ยงคืนเลยด้วยซ้ำคนไม่เคยเที่ยวอย่างจัสตินถึงกับต้องขอตัวกลับก่อนเพราะรู้ลิมิตของตัวเองแล้วว่าเริ่มไม่ไหวแล้ว

    แต่เมื่อพอเดินออกมานอกร้านอย่างโซซัดโซเซ  ชนคนอื่นมาแล้วนับไม่ถ้วน เจ้าตัวถึงกับล้มลงไปกองข้างถังขยะอย่างน่าสงสาร และโก่งคออ้วกอย่างไม่เป็นท่า สิ้นลายคนก่อนหน้านี้ที่ไม่ว่าใครจะยิบยื่นอะไรให้ก็พร้อมอยากรู้อยากลองไปหมด


         อ้วกกก!


         เจ้าตัวยังคงโกงคออ้วกไม่หยุด  ทุกอย่างภายในท้องที่ก่อนหน้านี้ได้ยัดมันเข้าไปนั้นขย้อนออกมาแทบหมด สายตาของเขาตอนนี้ที่ไม่ว่าจะมองอะไรก็พร่ามัวไปหมดหูอื้อตาลายจนมองและได้ยินอะไรไม่ค่อยชัดถ้าหากจะชัดสุดก็คงจะเป็นเสียงอาเจียนของตนเองเสียมากกว่า  ชีพจรก็เต้นตุบๆจนแทบจะระเบิดออกมาอยู่รอมร่อ   


         “รู้แล้วใช่มั้ยว่าลองแล้วมันเป็นยังไง?”  และพร้อมกันกับที่เจ้าตัวยังคงอาเจียนเอาของเก่าออกมาไม่หยุด เสียงทุ้มต่ำของใครบางคนก็ดังขึ้น พร้อมกับสัมผัสบางอย่างที่กลางหลัง

    จัสตินไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร รู้แค่ว่าตอนนี้เจ้าของเสียงกำลังใช้ฝ่ามือนั้นลูบที่กลางหลังเขาไปมา และรู้อีกย่างหนึ่งว่าฝ่ามือนั้นค่อนข้างใหญ่แถมยังอบอุ่นมาก  เพราะเสื้อที่ใส่ผ้านั้นค่อนข้างบางเลยไม่แปลกอะไรถ้าหากจะรับรู้ถึงอุณหภูมิของฝ่ามือ   


         สักพักกว่าที่จัสตินจะกลับมาอยู่ในสภาพปกติไม่มีอาการอยากอาเจียนอีกต่อไป เจ้าตัวรับขวดน้ำเปล่าจากคนที่นั่งลูบหลังซึ่งยื่นมาให้ เขาคงจะเอาติดตัวมาเพราะไม่งั้นจะเอาเวลาที่ไหนไปซื้อให้เพราะก็ช่วยลูบหลังให้อยู่ตรงนี้จนหายอาเจียนจากนั้นก็กระดกเข้าไปอึกใหญ่ เพราะรู้สึกว่าท้องมันจะโล่งและว่างเปล่าเสียเหลือเกิน


         “ดีขึ้นรึยัง?”  เสียงทุ้มต่ำถามขึ้นอีกครั้ง

         ว่าไปแล้วเสียงนี้มันก็คุ้นๆราวกับว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน  ไม่รอให้ความสงสัยอยู่นาน จัสตินหันหน้ากลับไปมองคนที่อยู่ข้างหลัง แต่เพราะว่ารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังหมุนวนอีกครั้ง ดวงตากลับพร่ามัวจนแทบมองไม่เห็น แต่ถึงจะเห็นหน้าไม่ชัด แต่ลักษณะท่าทางและรูปร่างนั้นทำให้เขานึกถึงใครอีกคน


         ใครที่เคยรู้จัก


         ใบหน้าคมเข้มแบบนั้น


         มีไม่กี่คนหรอกในชีวิตเขา


         “เซน” 


         เสียงนั้นแผ่วมากพอๆกับสติที่เริ่มประคับประคองไม่อยู่ แค่เพียงเสี้ยววินาทีหลังจากที่พูดชื่อนั้นออกไปร่างโป่รงก็ล้มลงไปแทบจะกองอยู่ข้างถังขยะและกองอ้วกของตัวเอง แต่ดีที่เจ้าของชื่อนั้นรับไว้ทัน

     

     


    TBC.




    เเจ้งนิดหน่อย...

    1.ฟิคเรื่องนี้เขียนนสนองนี้ดตัวเอง อย่าคาดหวังอะไรมาก เเต่จะพยายามเขียนให้ดีที่สุดค่ะ 

    2.เรื่องนี้มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเเละของมึนเมา ควรใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ 

    3.ไม่มีเเท็กค่ะ ยังคิดไม่ออก ถ้าจะให้ฟีดเเบ็คก็คอมเม้นด้านล่างเลย หรือเมนชั่นในทวีตที่ลงฟิค 

    4.ปกกากขออภัยค่ะ ทำได้เเค่นี้จริงๆ 

    5.นามปากกาอ่านว่า กิงก่องโก๊ะ เเต่เรียกสั้นๆว่าก๋อมก็ไได้ฮะ 

    6.จะอัพฟิคถ้ามีเเรงเเละเวลา เเต่ถ้าทวงมากๆก็อัพบ่อยๆ 555555555555555 เข้าไปทวงได้ในทวิต @KING_KONG_KO

    7.เรือลำนี้ลูกเรือน้อย วอนทุกคนช่วยกันจับไม้พายเเล้วเเจว เอ้าบึดจัมบึด!!! 

    8.ตักเตือนในเรื่องของการเขียนเเละเนื้อหาอีกต่างๆได้มากมายค่ะ รับฟังเสมอ เพราะอยากให้งานเขียนออกมาดีเช่นกัน 

    สุดท้ายเเล้ว ตอนนี้ขอลาก่อยยยย พรุุ่งนี้น้องมีงาน  enjoy reading นะคะ 

    รักคนอ่านที่สุดในโลก 

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น