My child เด็กน้อยของฉัน - My child เด็กน้อยของฉัน นิยาย My child เด็กน้อยของฉัน : Dek-D.com - Writer

    My child เด็กน้อยของฉัน

    การเริ่มต้นของความรักครั้งใหม่กำลังก่อตัวขึ้น อดีตที่แสนเจ็บปวดจะมีจุดจบอย่างไร คุณ..คือผู้ตัดสินเท่านั้น!

    ผู้เข้าชมรวม

    1,374

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    1.37K

    ความคิดเห็น


    12

    คนติดตาม


    4
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 ก.ค. 60 / 15:26 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น



    MY CHILD 

    เด็กน้อยของฉัน







    คิม  ดานี  


    แอมเบอร์  หลิว



         แสงสีขาวส่องสว่างจ้า ไปทั่วอาณาบริเวณที่ไร้ขอบเขตอันมืดมิด ดวงตาของเธอไม่สามารถสู้แสงได้ มือแกร่งยกขึ้นมาบังอุปสรรคเหล่านี้เพื่อบรรเทาอาการแสบตา แสงสว่างจ้าค่อยๆจางหายไปเรื่อยๆ จนเห็นปลายทางที่สามารถไปต่อได้ เธอตัดสินใจก้าวไปทางนั้นอย่างมั่นคง เพื่อคลายความคลางแคลงใจว่าเหตุใด เธอถึงมาอยู่ ณ ที่ แห่งนี้


         ก้าวแล้วก้าวเล่า เธอก็ยังไปไม่ถึงไหนสักที ป่าทึบมีต้นไม้นานาชนิด ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่อายุราวร้อยๆปี รากไม้หนาและเถาวัลย์คือสิ่งกีดขวางชั้นยอดที่ทำให้เธอเดินไปยังทางออกอย่างยากลำบาก 

          ฉันอยู่ที่ไหน’ คำถามนี้ผุดขึ้นในหัวของเธอนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ เธอจึงเดินต่อไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ ฝ่าเท้าสัมผัสผืนดินเปียกชื้น มีดินบางส่วนติดตามซอกนิ้วเเละเล็บจนมีสีดำแลน่าแขยง แต่เธอก็ยังไม่ท้อ ตั้งใจเดินต่อไปเพื่อที่จะออกไปจากป่าลึกนี้ให้ได้ 

         เสียงเหนื่อยหอบถี่และหยาดเหงื่อที่ไหลรินบนใบหน้าคมคายเป็นสายบ่งบอกได้ว่า ร่างกายของเธอมาถึงจุดล้าแล้ว เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี เธอพลีให้กับการเดินทางครั้งนี้เสียหมด 

         มีคำกล่าวที่ว่า ‘ถ้าใจไหวยังไงกายก็ไปต่อได้’  ใช่… หากคนเราคิดอยากจะประสบความสำเร็จในการทำสิ่งใดสักอย่าง ใจของเราต้องเข้มแข็งและกล้าหาญถึงจะปลดผนึกอุปสรรคแล้วก้าวไปข้างหน้าต่อได้ แต่บางครั้ง...ต่อให้ใจของเราสู้เต็มที่แต่ร่างกายถึงจุดลิมิตแล้ว เราควรมองย้อนกลับมาที่ตัวของเราเองและทำการหยุดพักมันเสียหน่อย 

         เข่าที่แสนจะอ่อนแรงทรุดลงไปกับพื้น มือทั้งสองข้างดันพื้นดินไว้ จากนั้นพยายามหายใจเอาอากาศเข้าสู่ปอดให้ได้มากที่สุด เปลือกตาปิดลงช้าๆ ดันหลังและพิงหัวเข้ากับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ณ เวลานี้เธอต้องการพักผ่อนมากที่สุด ลมเย็นยะเยือกพัดผ่านลำตัวของเธอไปโดยไร้ความปราณี 

         แขนยาวกอดกุมร่างกายเพื่อคลายหนาว ริมฝีปากแดงเปลี่ยนสีเป็นสีม่วงอ่อน สัญญาณไม่ดีนัก…เธอจะมีชีวิตรอดออกจากสถานที่บ้าๆแห่งนี้ได้หรือไม่?

         ‘หลับดีไหม’ เธอคิดในใจ บรรยากาศรอบข้างเงียบสงัด ซึ่งมันเป็นใจต่อการนอนหลับเสียจริง ร่างสูงตัดสินใจหลับตาลงอีกครั้งพร้อมพาตัวเองเข้าสู่ห้วงนิทราเต็มอัตรา จนกระทั่ง…

         “แอมเบอร์” เสียงเรียกขานดังเข้าสู่โสตประสาทของเธอ ทำไมมันช่างน่าดึงดูดยิ่งนัก แผ่วเบาเหลือเกิน ดังกว่านี้ได้ไหม? 

         “แอมเบอร์” เสียงนี้ดังขึ้นอีกเท่าตัว! 
         ชัดเจน…มีใคนบางคนพยายามสื่อสารกับเธอ แต่ทว่าใครเป็นคนเรียกกันล่ะ?

         ดวงตาเบิกกว้าง นัยต์ตาสีอำพันสั่นระริกแสดงความหวาดกลัวและหวั่นเกรง กายสูงลุกขึ้นจากพื้นดินอย่างโซซัดโซเซจากนั้นเร่งฝีเท้าไปตามต้นเสียง หวังว่าจะเจอเจ้าของเสียงนิรนามนั้น

         สำเนียง เสียงไพเราะ เสนาะหู…

         ฟังเเล้วดู คุ้นหูนัก มิยากหมาย…

         แต่ทว่า เสียงเรียกนั้น อันตราย…

         ถึงคลับคล้าย เจ็บอุทรา อีกคราหนึ่ง...


         หันไปทางไหนก็เจอแต่ความมืดมิด ใครกันที่เรียกชื่อของเธอ… และใครกันที่พยายามจะสื่อสารกับเธอ…
    ดวงตาพร่ามัวมองไปทุกสารทิศแต่ไม่เจอใครสักคน มีทางเดียวที่จะจบเรื่องนี้ได้ คือเธอต้องเรียกเขาผู้นั้นกลับบ้าง

         “ค..คุณเป็นใคร” เสียงแหบพร่าแสดงอาการขาดน้ำกังวานไปทั่วป่า แต่ไร้ซึ่งการตอบกลับใดๆ
         “ได้โปรด บอกฉันทีว่าคุณเป็นใคร!” แอมเบอร์ไม่ละความพยายาม
         “ได้โปรด ชะ...”

         “ฉันเอง…ซูจอง” หญิงสาวผมยาวสีน้ำตาลในชุดเดรสสีขาวกระโปรงฟูฟ่องปรากฏตัวต่อหน้าร่างสูง 

         “ซะ…ซูจอง?” 
         
         ไม่จริง! ‘อดีต’ คนรักของเธอ...ทำไมมาอยู่ที่แห่งนี้ได้ 

         “ทะ..ทำไม เธอมาอยู่ที่นี่ได้?” ความสงสัยพลุ่งพล่านในตัวของแอมเบอร์สุดขีด มือแกร่งสั่นไร้เรี่ยวแรงยกขึ้นมาเพื่อจะจับใบหน้าขาวนวลของบุคคลตรงหน้า 

         “ฉันรักพี่นะ” นัยต์ตาหญิงสาวคลอน้ำใสจนเอ่อล้น แอมเบอร์ใช้มือปาดหยดน้ำบริสุทธิ์นั้นอย่างอ่อนโยนพร้อมโน้มตัวประทับรอยจูบแสนอบอุ่นบนหน้าผากของสาวน้อย ไม่นานทั้งสองผละออกจากกันและจ้องมองตาอย่างหวานซึ้ง แต่ทว่า…เสียงหวานเอ่ยวาจาเจ็บปวด “ระหว่างเราคงเป็นไปไม่ได้

    “เราเลิกกันเถอะนะ” คำสามพยางค์หลุดออกมาจากปากเจ้าหญิงสุดที่รักของเธอ คำๆนี้มันบาดลึกลงไปในหัวใจของแอมเบอร์นัก ต่อให้เอาปืนมายิงตัวของเธอ ยังไม่เจ็บเท่าคนรักต้องจากเธอไปเลย 

         ได้โปรด…เธออยากตื่นจากฝันร้ายนี้เสียที ใครก็ได้ ช่วยเธอด้วย!!!!!!




         กริ๊ง… กริ๊ง… กริ๊ง…. 



         เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นทั่วห้องนอนของร่างสูง คนบนเตียงเบิกตากว้างพลางหายใจเฮือก เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอ มือทั้งสองข้างลูบใบหน้าอันชุ่มชื้นไปด้วยเหงื่อ เหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้…มันก็แค่ความฝัน แต่ทำไมมันถึงรู้สึกเจ็บแทบสิ้นสติเช่นนี้ 

         มือแกร่งจับบริเวณหัวใจของตนพลางพบว่ามันเต้นเร็วเหลือเกิน แตกต่างจากวันนั้น ที่ ‘เขา’ บอกลาเธอด้วยความเยือกเย็นสมนาม ‘เจ้าหญิงน้ำแข็ง’ 

         นานพอสมควรแล้วที่เธอกับ ‘คริสตัล’ สมาชิกในวงf(x) เลิกรากัน เวลากว่าหกเดือนเต็มที่เธอและเขาไม่สานสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อ อีกฝั่งยังคงคลุมเครือในเรื่องเหตุผลของการเลิกรา แต่แน่นอน…ทาสผู้ซื่อสัตย์ ย่อมเคารพการตัดสินใจของเจ้าหญิงของเขาโดยไม่สงสัยอะไรสักอย่าง มีครอบครอง ก็ต้องมีสูญเสีย มีรักก็ย่อมมีเลิกรา เพียงแต่การจากกันครั้งนี้ยังคงเป็นฝันร้ายหลอกหลอนเธออยู่ร่ำไป จะมีไหม..ใครสักคนที่จะทำให้เธอพร้อมหลับตานอนฝันถึงทุกคืนวัน....

         ครืน..ครืน… เสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้น แขนยาวเอื้อมหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะใกล้หัวเตียงพลางอ่านมัน

         ‘ได้ข่าวว่าจะซ้อมอ่านบทละครนี่นา~ หนูพาตัวช่วยมาด้วยนะพี่แอมเบอร์คนเท่ เจอกันที่คาเฟ่ที่เดิมนะคะ จาก-แชนนอน’

         รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของแอมเบอร์เล็กน้อย มือแกร่งวางโทรศัพท์บนเตียงนอนสีเทาหม่น ก่อนขายาวจะก้าวไปยังห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายให้สะอาด เสื้อเชิ้ตสีแดงเลือดหมูเข้าคู่กับกางเกงขาสั้นสีดำจะเป็นชุดสำหรับวันสบายๆของแอมเบอร์ในวันนี้ สแนปแบคสีดำคู่ใจสวมทับบนศีรษะเข้าที่ กระเป๋าเป้สะพายหลังแบกขึ้นบ่าเรียบร้อยพร้อมออกเดินทาง ไม่นานก็ถึงที่หมาย 

         กรุ๊ปเพื่อนๆของแอมเบอร์ต่างกรูเข้ามากอดเจ้าตัว ทำเอาร่างสูงเสียหลักเซไปไม่น้อยพลางใช้มือแกะเพื่อนแต่ละคนออกจากเอวของตัวเอง 

         “นี่ๆ พอได้แล้วน่า ทำเหมือนไม่เจอกันสักสองปี” เจ้าตัวพูดเสียงปนขำ

         “เอ๋…ทำไมขอบตาพี่ถึงดำอีกแล้วอะ วันก่อนก็หายไปแล้วนี่คะ” แชนนอนสาวผมบลอนด์หน้าตาน่ารักแย้งขึ้นมา
         “หรือว่า ฝันร้ายอีกแล้วหรอ?” เด็กมักจะไม่โกหก เฮ้อ…ทำไมเจ้าเด็กคนนี้ถึงได้ไร้เดียงสาได้ขนาดนี้นะ แอมเบอร์คิดในใจ

         “อื้ม พี่ฝันร้ายน่ะ” 

         “วันหลังก็หัดนอนเร็วๆแล้วก็เลิกดูหนังแอคชันได้เเล้วนะ! มันจะทำให้พี่ฝันร้ายอะ” แชนนอนพูดพลางตีไหล่แอมเบอร์รัวๆ กิริยาแบบนี้เรียกเสียงหัวเราะไม่น้อยจากเพื่อนๆอีกหลายคน ร่างสูงจึงบีบจมูกของเเชนนอนไปหนี่งครั้งพร้อมยีผมอีกหนึ่งที เมื่อช้อนสายตาขึ้น ร่างสูงหยุดชะงัก 

         เด็กผู้หญิงตรงหน้าที่มีหน้าตาละม้ายคล้าย ‘คริสตัล’  เธอคือใคร? 

         แชนนอนเห็นดังนั้นเลยออกปากแนะนำเพื่อนของเธอ “อ๋า…นี้เพื่อนหนูเอง คนที่บอกว่าจะมาเป็นตัวช่วยซ้อมบทละครพี่ไง” ละสายตาไม่ได้…ทำไม่ได้เลย! 

         จมูกโด่งรั้น ผิวเนียนแลนุ่มนวล ผมยาวสีดำขลับเข้ากับใบหน้ารูปไข่เป็นอย่างดี นี่มัน…คริสตะ…

         “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ ดานี ยินดีที่ได้รู้จักนะคะรุ่นพี่” สาวน้อยโค้งตัวอ่อนช้อยทำความเคารพและทักทายร่างสูง แอมเบอร์ยืนนิ่งราวกับถูกสาปเป็นก้อนหินด้วยมนตราของเมดูซ่าดานี แชนนอนที่ยืนอยู่ข้างๆจึงสะกิดเรียกสติเจ้าตัวให้กลับมา

         “อะไรกัน ดานีโค้งขนาดนี้แล้ว พี่จะไม่รับคำแนะนำตัวอีกหรอ?” 

        คนบื้อเอ๋ย “อะ..เอ่อ อ่า.. สวัสดีค่ะ พี่ชื่อ แอมเบอร์ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน” 

         ประหม่า! อาการของเธอแสดงออกชัดเจนว่าเธอประหม่ามาก เหงื่อที่มือผุดขึ้นทำให้ต้องแสร้งเนียนล้วงกระเป๋ากางเกงแก้เก้อ ดานีเงยตัวขึ้นพร้อมส่งรอยยิ้มให้กับรุ่นพี่ที่น่าเคารพตรงหน้าหนึ่งครั้ง แต่หารู้ไม่ว่าการกระทำเช่นนี้ทำให้หัวใจของใครบางคนเต้นรัวราวกับกลับไปเจอรักแรกของตนอีกครั้ง

         “เอาล่ะๆ รู้จักกันหมดแล้วนะ ทีนี้เข้าไปในคาเฟ่ได้หรือยัง หิวจะเเย่เเล้วเนี่ย” เพื่อนในกลุ่มพูดแทรกขึ้นมาท่ามกลางเสียงเจื้อยแจ้ว

          เมื่อเข้ามาในร้าน ทุกคนมีท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น บรรยากาศคาเฟ่นั้นให้ความรู้สึกสบาย การตกแต่งภายในมีความโมเดิร์นประกอบกับไฟสีเหลืองนวล ให้ความรู้สึกอบอุ่นและความผ่อนคลายในการนั่งดื่มกาแฟพร้อมทำงานหรืออ่านหนังสือไปด้วย กลุ่มของแอมเบอร์จับจองที่นั่งกันเสร็จแล้วก็ทำพูดคุยและหยอกล้อกันเล็กน้อย เพื่อให้ดานีรู้สึกสบายใจและไม่เกร็งในการมาหาเพื่อนใหม่ในครั้งนี้ 

         “ใครจะสั่งน้ำอะไรไหม ฉันจะสั่งให้” แอมเบอร์ออกตัวเรื่องการสั่งเครื่องดื่มเป็นคนแรก และนี่เป็นสิ่งที่เธอทำอย่างสม่ำเสมอจนขึ้นชื่อในเรื่อง ‘ไอดอลใจกว้าง’ ไม่ว่าจะถามศิลปินหน้าใหม่วงไหน ต้องมีสักวงหรือสองวงที่รู้จักกับแอมเบอร์อย่างแน่นอน เพราะการเอาใจใส่และเป็นห่วงผู้อื่นก่อนตนเองอยู่เสมอ ทำให้ไม่มีใครไม่เอ็นดูเธอและไม่อยากผูกมิตรกับเธอผู้นี้

         “อ่า..ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเถอะค่ะ ฉันเป็นน้องเล็กของกลุ่ม” ดานีลุกลี้ลุกลนในการห้ามการณ์แอมเบอร์จนร่างสูงต้องนั่งลงที่เดิม

         “โอเค! ฉันเอาเอสเพรสโซ่ปั่นนะ แล้วก็ฉันเอาคาราเมลมัคคีอาโต้…….” ดานีจดทุกคำลงบนกระดาษอย่างตั้งใจพร้อมทวนเมนูอีกครั้งก่อนจะเดินไปสั่งที่เคาท์เตอร์ แอมเบอร์เดินไปตรงเคาท์เตอร์เพื่อเป็นการเช็คความเรียบร้อยภารกิจของน้องเล็ก 

         “สั่งอะไรไปคะ” เสียงแหบพร่าไม่สมหญิงดังขึ้น ดานีตกใจเล็กน้อยจึงหันหลังไปมองหน้ารุ่นพี่ของเธอโดยไม่ตั้งใจ 
         “ไอซ์อเมริคาโน่ค่ะ” เมื่อได้ยินคำตอบ คนอายุมากกว่าถึงกับส่ายหัวเบาๆพร้อมโคลงหัวเล็กน้อย
         “เป็นเด็กดื่มกาแฟไม่ดีนะรู้ไหม หืม?” เสียงเข้มเอ่ยขึ้น

         “ค..คะ?” 

         “เด็กๆน่ะ...ดื่มกาแฟมันไม่ดี มันจะทำให้นอนไม่หลับ โกรทฮอร์โมนของเธอทำงานไม่เต็มที่” ดวงตากลมสุกใสมองร่างสูงอย่างไม่ละสายตา ‘อบอุ่น’ คำนี้เหมาะสำหรับเขาที่สุดเเล้ว เธอจะดื่มอะไร เมนูไหน ทำไมต้องมาวุ่นวายด้วยนะ แต่ทำไม…สำหรับพี่คนนี้ เธอถึงรู้สึกดีเมื่อมีเขาอยู่ใกล้ๆ ความเป็นผู้ใหญ่และความมีน้ำใจหลอมลละลายหัวใจของเด็กสาวเข้าอย่างจัง 

         อยากรู้จักให้มากกว่าเดิม!

         “แต่ถ้าเธอจะดื่ม ฉันก็ไม่ว่าอะไรนะ แค่เเนะนำเฉยๆน่ะ” แอมเบอร์ตอบดานีอีกครั้ง แต่ดูเหมือนเด็กสาวจะนิ่งเงียบไป มือแกร่งจึงถือวิสาสะเอื้อมไปแขนเรียวอย่างแผ่วเบา พร้อมเรียกชื่อเธอเพื่อเรียกสติ

         “นี..ดานี..ดานีอา” สัมผัสกร้านแตะจรดผิวนวล ทำให้ดานีได้สติกลับมาอีกครั้ง

         “อะ..อ้อ คะ?” ร่างบางตอบตะกุกตะกัก พลันดวงตาใสมิวายหลบสายตาเสน่ห์เบื้องหน้า แอมเบอร์ตกใจเล็กน้อย เพราะเธอก็ทำแบบนี้บ่อยๆกับเพื่อนของเธอ แต่ไม่มีใครมีปฏิกิริยาเช่นดานีเลย

         “สรุปดื่มอเมริคาโน่นะคะ พี่สั่งให้แล้ว” ร่างสูงยีผมคนอ่อนกว่าเล็กน้อยจากนั้นเดินกลับไปที่โต๊ะ แก้มใสระเรื่อบัดนี้กลับมีสีชมพูแต้มแต่งบนใบหน้าเพิ่มขึ้น ภายในรู้สึกเร่าร้อนปานเขินอายแต่อีกนัยน์กลับรู้สึกดี แปลกดีแท้! 

         ดานีเดินกลับไปที่โต๊ะของกลุ่มและนั่งลงข้างเพื่อนสาวของเธอ แชนนอน ร่างสูงนั่งฝั่งตรงข้าม เงยหน้าขึ้นมาทีไรใจเต้นแรงกว่าเดิมทุกที ได้โปรดเก็บอาการหน่อยดานี

         “เครื่องดื่มได้เเล้วครับ” บริกรเสิร์ฟเครื่องดื่มพลางทวนชื่อเมนูอีกครั้ง 

         “แก้วนั้นของดานี” ทุกสายตาหันไปมองร่างสูงที่นั่งดูดเครื่องดื่มของเธออย่างสบายอารมณ์ จนแอมเบอร์ต้องเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองเพื่อนๆของเธอกลับ

         “มีอะไร?” ยิ้มกรุ้มกริ่มของแชนนอนและเพื่อนๆอีกหลายคนแสดงออกอย่างชัดเจน ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ แต่คนซื่อบื้อบางคนยังไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ ว่าเธอกำลังตกเป็นเหยื่อในภารกิจหลักครั้งนี้! ดานีเองก็เช่นกัน เธอไม่รู้เหตุผลภายใต้รอยยิ้มฉกาจเหล่านั้น ได้แต่รับเครื่งดื่มและดูดมันอย่างสบายอารมณ์เฉกคนตรงหน้าเธอ

         “พี่อ่านบทแล้วใช่ไหมคะ? ตีบทคาแรกเตอร์ออกหรือยัง?” ดานีถามแอมเบอร์
         “อื้อ พี่อ่านแล้ว แต่ยังจำไม่ค่อยได้น่ะ” ท่าทางขมักขเม้นและสีหน้าตึงเครียดดึงเสน่ห์ของตัวเธอเองออกมาโดยไม่รู้ตัว ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน ฟันกรามขบกันเผยให้เห็นสันกรามของใบหน้าคมชัดเจนยิ่งขึ้น ส่วนตัว...แอมเบอร์มักเป็นคนที่เวลาทำงานเธอจริงจังเพื่อคุณภาพ เมื่อถึงเวลาเล่นเธอก็พักผ่อนอย่างเต็มที่เช่นกัน ดานีมองสถานการณ์ตรงหน้าออกแล้วว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป เธอจึงเสนอไอเดียขึ้นมา

         “ฉันว่า เราลองซ้อมบทเลยดีไหมคะ จะได้รู้อารมณ์และจำบทไปด้วย” เสียงใสเอ่ยเรียกความสนใจจากเพื่อนๆไม่น้อย ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยเหมือนกันหมด 
         “แล้วใครจะเล่นคู่แอมเบอร์ล่ะ แชนนอนหรอ?” เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งเสนอ
         “เอ้อใช่ เธอเคยแสดงมูริมสคูล ฉันจำได้” แอมเบอร์สวนกลับ
         “อ่า..ใช่ค่ะ แต่ฉันไม่ค่อยมีบทพูดนะ ให้ดานีช่วยจะดีกว่า! ดานีน่ะ เคยเล่น สคูล 2013 ที่ดังๆด้วยนะ” แชนนอนเสนอเพื่อนของเธอด้วยรอยยิ้ม ดานีเมื่อได้ยินดังนั้นถึงกับตกใจ เธอผ่านงานแสดงมามากพอสมควรทั้งเอ็มวีและละคร แต่ตอนอยู่ต่อหน้าร่างสูงคนนี้ เธอกลับสูญเสียความมั่นใจไปเล็กน้อย แต่ทว่า..

         “ดานีอา เธอ…ช่วยฉันได้ไหม?” น้ำเสียงเว้าวอนทำใจของเธอระทวยยิ่งนัก ต่อจากนี้ไม่มีคำว่าปฏิเสธอีกต่อไป! เด็กรุ่นใหม่อย่างเรา รุกเป็นรุก…รับเป็นรับ สู้เขา คิม ดานี!

         “ดะ..ได้ค่ะ พี่แอมเบอร์” สิ้นคำตอบตกลง ร่างสูงจับมือของเธอพร้อมกล่าวคำขอบคุณ แต่ใครจะไปได้ยินกันเล่า..ในเมื่อตอนนี้ เสียงที่ดังกว่าคำว่าขอบคุณ มันคือชื่อของพี่ต่างหากที่กังวานอยู่ในสมองของฉันน่ะ ดานีคิดในใจ

         “โอเค งั้นเริ่มกันเล้ย” แชนนอนพูดอย่างตื่นเต้น เพื่อนๆคนอื่นๆคอยช่วยกันจำบทและวิจารณ์การแสดงของแอมเบอร์ ครั้งนี้ถือเป็นผลงานการแสดงเรื่องเเรกของเธอ ซึ่งมันเป็นโปรเจคต์ที่ใหญ่มาก การนำซีรีส์อเริกามาดัดแปลงเป็นเวอร์ชันเกาหลีช่างเป็นเรื่องท้าทายยิ่งนัก แต่สิ่งที่ท้าทายกว่านั้นคือแอมเบอร์ได้รับบทเป็นเลขาของตัวหลักในเรื่อง บทของเธอค่อนข้างที่จะต้องใช้ท่าทาง คำพูดเป็นทางการ และการแสดงออกทางสีหน้าเป็นหลัก ถือว่าเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่เป็นคนต่างชาติ แต่ด้วยเวลาและโอกาสเธอตัดสินใจเข้าร่วมการแสดงซีรีส์เรื่องนี้เพื่อพัฒนาศักยภาพของตนเอง และใช้เวลาที่เหลือในการทุ่มเทให้กับละครเพื่อที่จะลืมเธอคนนั้นซะ

         เวลาล่วงเลยผ่านจนถึงเวลาเลิกซ้อมอ่านบท เพื่อนบางคนขอตัวกลับก่อนโดยอ้างว่ามีภารกิจส่วนตัวต้องไปทำ คนแล้วคนเล่าทยอยออกจากคาเฟ่ไปจนเกือบหมด เหลือเพียงแชนนอน แอมเบอร์ และดานี ท่าทีอ่อนล้าแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดแต่แอมเบอร์ยังไม่ละความตั้งใจ จำบทและฝึกการพูดอักขระให้ชัดเจนต่อไป แชนนอนเห็นโอกาสตรงหน้าเป็นใจจึงออกอุบายขอตัวไปรับโทรศัพท์ ซึ่งแสร้งว่าผู้จัดการของเธอโทรมามีเรื่องจะคุยด้วย ทำให้เหลือเพียงแอมเบอร์ และหญิงสาวอีกหนึ่งคนนั่งอยู่ด้วยกัน สองต่อสอง

         “เราพักก่อนดีไหมคะ ดานีเห็นพี่หลับตามาหลายครั้งแล้ว คงปวดตาน่าดู” หญิงสาวบอกออกไปด้วยความเป็นห่วง
         “อา…ดีเหมือนกันค่ะ พี่ปวดตานิดหน่อยน่ะ” ร่างสูงตอบกลับพลางฟุบหน้าลงบนโต๊ะ

         ดานีชายตามองแอมเบอร์เป็นพักๆ คนแก่กว่ายังคงฟุบหน้าและนิ่งเงียบไป สบโอกาส....สาวน้อยจึงล้วงโทรศัพท์ของตนขึ้นมาถ่ายรูปรุ่นพี่ที่น่ารักคนนี้อย่างลับๆ หารู้ไม่..การกระทำของเธอมีคนเป็นพยานอยู่ด้วย กลุ่มเพื่อนและเเชนนอนแสดงอาการตื่นเต้นและแปะมือกัน เพราะเห็นว่าเหยื่อทั้งสองคนเป็นไปตามที่คาดไว้เมื่อปล่อยให้อยู่ตามลำพัง 


         แชะ! 

         เห้ย….ลืมปิดเสียง ซวยแล้วดานีอา

         ร่างสูงเงยหน้าหันไปทางสาวน้อยพร้อมกับแสดงสีหน้าเรียบเฉย ขายาวก้าวไปหาคนอ่อนกว่าอย่างไม่ยำเกรง เขาเดินช้าๆ ช้าๆและช้าๆ….ตาจ้องตาอยู่นาน ดานีตกใจเผลอปล่อยโทรศัพท์ในมือลงบนพื้น แต่ร่างสูงก้มรับโทรศัพท์ข้างตัวร่างบางทันพอดี 
         ความเเข็งทื่อปรากฏขึ้นทันใด หญิงสาวสั่นเล็กน้อยเป็นจังหวะที่แอมเบอร์ยืดตัวขึ้นมาเห็นพอดี ใบหน้านวลก้มหน้าต่ำหลบสายตาพิฆาตเบื้องหน้าของตน ระยะห่างระหว่างใบหน้าของเธอและริมฝีปากของเขาห่างกันไม่ถึงคืบ เงาคนตัวสูงกว่าคร่อมลงมาจนสัมผัสได้ ดานีรีบยกมือขึ้นมาจับไหล่แอมเบอร์ทั้งสองข้างห้ามไม่ให้ร่างสูงเข้าใกล้เธอมากกว่านี้และทำสิ่งที่เธอจินตนาการอยู่

         “อยากซื้อโทรศัพท์ใหม่หรอคะ?” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นพร้อมอมยิ้มเล็กน้อย

         “ปะ..เปล่าค่ะ” หญิงสาวตอบกลับเสียงสั่น

         “แล้วเมื่อกี๊ เธอปล่อยโทรศัพท์ทำไมหรอ ตกใจฉันหรือเปล่า?”

         “คะ..คือว่า ฉันถ่ายรูปอยู่น่ะค่ะ แล้วลืมปิดเสียง ทำให้พี่ต้องตื่นเลย”
         “ขอโทษนะคะ ฉันผิดไปแล้ว ให้อภัยฉันด้วยค่ะ!” ดานีโค้งตัวให้แอมเบอร์หลายครั้งก่อนที่การก้มครั้งสุดท้ายจะถูกขัดขวาง มือหนาของอีกคนจับท้ายทอยของเธออย่างอ่อนโยนแล้วดันตัวของเธอเข้าหากัน กอด…นี่คือการกอด!

         “พอแล้ว พี่ไม่ได้โกรธเราเลย หยุดโค้งเถอะนะ” 

         “พะ..พ..พี่แอม” 

         “ที่ก้มหน้า...มันพักสายตาได้แค่นิดเดียว พี่ขอพักอีกสักหน่อยได้ไหม?” 

         ร่างบางพยักหน้าพลางฟุบหน้าซบลงไหล่กว้างของร่างสูง แขนอรชรยกขึ้นโอบเอวคนตรงหน้าอย่างเเผ่วเบา ความอบอุ่นถูกถ่ายทอดผ่านร่างสองร่างที่ตอนนี้กลมกลืนแทบจะเป็นหนึ่งเดียวกัน กลิ่นหอมของกายร่างสูงถูกสูดดมและจดจำมันไว้ในก้นบึ้งของหัวใจของดานี 

         ไม่ลืม…เธอจะไม่มีวันลืมความรู้สึกเช่นนี้เลย

         “ขอบคุณที่มาช่วยซ้อมบทให้พี่ มันช่วยได้มาก มากกว่าที่พี่คิดไว้” แอมเบอร์พูดเสียงเบาข้างใบหูของร่างบาง

         “ตอนเจอเธอครั้งเเรก เธอทำให้พี่นึกถึงรักแรก ความรู้สึกอยากปกป้อง ดูแล และอยากเจอเธอทุกวันมันแผ่ซ่านไปทั่วตัวของพี่เลย รู้ไหมคะ?” ทั้งสองผละออกจากอ้อมกอดซึ่งกันเเละกัน แอมเบอร์จ้องเข้าไปในนัยต์ตาของสาวน้อยอย่างกล้าหาญ
         “คอยดูละครเรื่องแรกของพี่ด้วยนะ แล้วหวังว่าเธอจะมีโอกาสได้ซ้อมบท ‘ของเรา’ ในอนาคต” แอมเบอร์ยิ้มพร้อมกับยีผมเด็กสาว
     
         “เช่นกันค่ะ ฉันก็รู้สึกดีมากที่ได้เจอรุ่นพี่วันนี้”

         “เราต้องพบกันอีกนะ เด็กน้อยของฉัน” ทั้งสองยิ้มตาหยีด้วยความสุขใจ แอมเบอร์แก้เขินโดยการเอามือจับท้ายทอยของตนเองและถูมันไปมา ส่วนดานี เธอพองลมในปากพลางเอามือมาพัดหน้าที่ร้อนผ่าวของตน ได้จังหวะแชนนอนจึงเดินเข้ามาและทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ 

         “อ๊ะ..ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะคะ ทั้งสองคนเลย” เด็กน้อยตาโตทำหน้าใสซื่อถามออกไปอย่างแนบเนียน 

         “ไม่มีอะไร!” ทั้งดานีและแอมเบอร์ตอบโดยพร้อมเพรียงกันอย่างมิได้นัดหมาย ทั้งสองมองหน้ากันอีกครั้งแล้วหันไปมองทางอื่น แชนนอนจึงแก้สถานการณ์ให้กลับมาปกติ 

         “เมื่อกี๊เห็นเธอถ่ายรูปนี่ ตอนฉันกำลังเดินเข้ามาน่ะ ก่อนจะไปเข้าห้องน้ำ”
         “ขอดูรูปหน่ยดิ! นะนะนะนะนะน้า” ทั้งสองเพื่อนสาวยื้อแย่งโทรศัพท์โดยมีแอมเบอร์เป็นผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ร่างสูงทำได้แค่ยิ้มบางๆ และเดินไปเก็บของใส่กระเป๋าเตรียมตัวกลับ

         “ว้าวววว นั่นมันรูปพี่แอมเบอร์ตอนหลับนี่ อัพไอจีเลยดิ!” แชนนอนเย้าหยอก
         “บะ..บ้าหรอ อัพได้ไง พี่แอมเบอร์เค้ายังไม่ระ..”
         “อัพสิ พี่อนุญาต” ร่างสูงยิ้มตอบร่างบาง ดานีจึงได้ไอจีแอมเบอร์และเบอร์โทรมาในคราวเดียวกันจากเหตุการณ์ในวันนี้ ทั้งสองบอกลาและเดินทางกลับที่พักของตน ดานีอัพรูปในอินสตาแกรมพร้อมแท็กแอมเบอร์และคนอื่นๆ แอมเบอร์เองก็ได้รูปจากดานีและอัพลงอินสตาแกรมของเธอเช่นกัน แต่ที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือแอมเบอร์ได้คอมเมนต์รูปของดานีด้วยประโยคที่ว่า
     
         well done my child ^^’
     
         ประโยคสั้นๆเป็นหลักฐานชั้นยอดให้กับดานีได้ว่า เธอจะเป็นอีกคนที่แอมเบอร์ได้จดจำเอาไว้ในสมอง หรือไม่ก็.. 
    ‘หัวใจ’

         หลังจากวันนั้นทั้งสองยังคงติดต่อและสานสัมพันธ์อันดีต่อกันเรื่อยมา

     
         การเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน ถือเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่ไม่สามารถลืมความหลังได้ของคนที่ตนเคยรัก แต่เวลาคือบทพิสูจน์ทุกอย่างจริงๆ เพียงแค่เรารออย่างอดทน โอกาสและบุคคลที่คู่ควร..เขาจะต้องโคจรมาพบเจอกับเราแน่นอน



         เพียงเเค่เชื่อในความรัก

         เพียงศรัทธาในตัวของเราเอง

         เพียงเเค่เปิดใจเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ

         และ

         เพียงเเค่เราเพิกเฉยอดีตที่แสนเจ็บปวดนั่นซะ ทุกอย่างที่ตามหาจะมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเราอย่างอัศจรรย์ใจ!







         18 มิถุนายน ค.ศ.2016


         มือขาวบอบบางใช้นิ้วเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ไปมาเพื่อความสุนทรีย์ แต่แล้ว ก็ต้องหยุดอยู่รูปๆหนึ่ง รูปคน ‘เคยรัก’ รูปของคนที่ทำให้ใจเธอเต้นเเรงแม้กระทั่งปัจจุบันกาล รูปของคนที่รักและซื่อสัตย์ต่อเธอเรื่อยมา บัดนี้…เขาปลดผนึกตัวเองออกจากความรวดร้าวในอดีตได้เเล้ว
     
         ยินดีด้วย…ที่เธอเริ่มต้นใหม่ได้อย่างมีความสุข 

         และ

         ขอยินดีด้วย…ที่ฉันต้องทนทุกข์เพราะตัวฉันเอง 


         ก๊อก ก๊อก ก๊อก


         “ตัล..คริสตัล..คริสตัล” เสียงเรียกปลุกเธอให้ออกจากภวังค์ที่แสนเศร้านั้นได้ทันเวลา

         “อา..โอปป้า มีอะไรหรอคะ?” หญิงสาวปาดน้ำตาอย่างเร่งรีบและทำเสียงให้กลับมาปกติได้มากที่สุด

         “หมดเวลาพักกองเเล้ว ไปถ่ายฉากต่อไปกันเถอะ” 

         “อ้า..ได้ค่ะ ไปกันเลย” ขายาวก้าวออกจากประตูห้องพัก ปั้นสีหน้าสุดชิคให้ตรงกับคาแรกเตอร์ของเธอ แต่ทว่าก้นบึ้งจิตใจของเธอนั้น เจ็บปวดไม้แพ้ ‘คนรักเก่า’ เช่นกัน





         ลาก่อนความรัก…




         สวัสดีความหลอกลวง...









    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


    เรื่องนี้เป็นฟิคเรื่องแรคที่แต่งนะคะ กำลังฝึกเขียนเลย ยังไงเข้ามาอ่านให้คลายเครียดกันเถอะนะคะ ถ้าอยากคุยกันละก็ twitter : theseqond | ask.fm : theseqond เหมือนกันค่ะ ฝากติดตามผลงานเรื่องนี้และเรื่องต่อๆไปด้วยนะคะ ☺


         ขอขอบคุณธีมจาก SHALUNLA THEME ค่ะ


    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ไม่สามารถเข้าถึงเนื้อหานิยายได้ เนื่องจากเจ้าของเรื่องปิดการเข้าถึง

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×