[OS-End] The Happy Café : Junhoe x Donghyuk - [OS-End] The Happy Café : Junhoe x Donghyuk นิยาย [OS-End] The Happy Café : Junhoe x Donghyuk : Dek-D.com - Writer

    [OS-End] The Happy Café : Junhoe x Donghyuk

    ผู้เข้าชมรวม

    381

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    381

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    16
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  29 มี.ค. 58 / 18:45 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    [OS] The Happy Café : Junhoe x Donghyuk (gift for @JunDongcafe by nov-pink)
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       [OS] The Happy Café : Junhoe x Donghyuk

      2/2  #END

      กริ๊ง!!

      เสียงกระดิ่งที่ดังขึ้นเป็นสัญญาณของการมีลูกค้าเข้าร้าน  ใบหน้าเล็กโผล่ขึ้นมาจากการก้มหาของในลิ้นชักทันทีที่ได้ยิน พลันรอยยิ้มสดใสก็ปรากฏขึ้นมาเพื่อตอนรับคนที่มาใหม่

      จะว่าไปก็ลูกค้าคนเดิมของเมื่อวานนั่นแหล่ะ

      สวัสดีครับ วันนี้รับอะไรดีครับ?   บาริสต้าตัวเล็กส่งเสียงร้องถามคนตัวสูงที่ยืนทำท่าเงอะงะอยู่ตรงประตูทางเข้าร้าน  บ่ายแก่ๆแบบนี้ยังไม่มีลูกค้าเข้าร้านมากนักเพราะเป็นเวลาที่ร้านเพิ่งจะเปิด ทำให้การพูดคุยด้วยเสียงที่ดังขึ้นมาหน่อยไม่ใช่ปัญหา

      เอสเพรสโซ่เย็นครับ อ่า.. ผมขอไปนั่งที่เดิมนะฮะ

      คุณลูกค้าจะนั่งตรงไหนก็ได้ตามสบายเลยครับ ฮะๆ เมื่อวานคุณก็ถามแบบนี้นะ   บาริสต้าตัวน้อยตอบเขาปนขำเล็กๆ  จุนฮเวจำคนๆนี้ได้ว่าเป็นคนที่เอ่ยทักเขาเมื่อตอนครั้งแรกที่มา ใบหน้าจิ้มลิ้มกับไฝใต้นั้นน่ะช่างเป็นเอกลักษณ์เหลือเกิน  จุนฮเวยิ้มแหยๆกลับไปเล็กน้อยก่อนจะเดินไปยังโต๊ะตัวเดิมที่เคยนั่งในวันก่อน เขามาในเวลาที่ร้านเพิ่งจะเปิดเหมือนทีแรกเลย เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็ยังไม่มีลูกค้าเลยนอกจากเขาคนเดียว

      แล้วพนักงานแพนเค้กคนนั้นไปไหนนะ?

      สาบานเถอะว่ามากินกาแฟ?

      เมื่อรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ กู จุนฮเว ก็ส่ายหน้าน้อยๆให้กับตัวเอง เขาแค่อยากจะมาขอบคุณหรอกนะที่ทำแพนเค้กให้เขา แถมฟรีเสียด้วย เขารบเร้าเพื่อจะจ่ายเงินให้อยู่นานแต่ร่างเพรียวนั้นก็ปฏิเสธลูกเดียวและบอกให้เขาจ่ายเพียงค่ากาแฟ  ไม่กลัวขาดทุนหรือยังไงกัน?

       

      กริ๊ง!!

      พี่จินฮวานนนนนนนนนนนน

      เสียงเล็กอันคุ้นหูดังขึ้นพร้อมกับเสียงกระดิ่งประตู  ขายาวที่เพิ่งจะก้าวถึงโต๊ะตัวที่ต้องการจะนั่งหยุดชะงักทันทีแล้วหมุนตัวไปยังทิศทางประตูตามสัญชาตญาณในทันที

      คุณ! / คุณ!”

       

      เอสเพรสโซ่รสเข้มถูกวางลงตรงหน้าร่างสูงที่ก้มหน้าอ่านนิตยสารแฟชั่นในมืออยู่ หางตาเหลือบไปเห็นเงาคนที่ใกล้เข้ามาทำให้ต้องละสายตาจากตัวหนังสือแล้วพับเก็บมันลงไป เพื่อเงยหน้าขึ้นไปมอง

      ขอบคุณนะครับ

      ไม่เป็นไรครับ เชิญตามสบายได้เลยนะครับ   จุนฮเวอยากจะทึ้งหัวตัวเองซักสองสามทีเพื่อเรียกสติ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเขาถึงมีอาการแปลกๆแบบนี้ทุกครั้งที่เห็นรอยยิ้มจากคนๆนี้

      คนที่ทำแพนเค้กให้เขานั่นไง

      ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อ ดงฮยอก?

      ก่อนที่ร่างบางจะเดินห่างจากเขาไปมากกว่านี้  ไหนๆตอนนี้ก็ยังไม่มีลูกค้าเข้าร้าน คนตรงหน้าอาจจะยังพอมีเวลาว่างอยู่บ้าง จุนฮเวจึงไม่รีรอที่จะเรียกเอาไว้

      เอ่อ คุณครับ อย่าเพิ่ง ป..  ไป!”   ร้องเรียกเสียงหลงเพื่อที่จะรั้งตัวอีกคนเอาไว้  และมันก็ได้ผล       ดงฮยอกหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับเขาพลางเอียงคอลงเล็กน้อยเชิงสงสัยว่าเรียกตนหรือเปล่ายังไงยังงั้น

      อ่า ผมเรียกคุณนั่นแหล่ะครับ เอ่อ พอจะมีเวลาคุยกับผมซักครู่มั้ยครับ?

      เมื่อแน่ใจว่ายังไงก็ใช่ตัวเองแน่ๆที่ถูกเรียก ดงฮยอกจึงไม่ลังเลที่จะพยักหน้าตอบกลับไป รอยยิ้มแห่งความเคอะเขินถูกแย้มออกมาเหมือนเด็กๆ ถ้าให้เดาจริงๆดงฮยอกคิดว่าคนที่เรียกเขาก็คงมีอาการเช่นเดียวกันบ้างละมั้ง?

      มีอะไรหรือครับ?

      เอ่อ.. อ่า..”   กลายเป็นคนที่เรียกซะเองที่พูดไม่ออก

      หือ?

      อ่า คุณจะไม่โดนว่าใช่มั้ยครับที่ผมเรียกมาคุยแบบนี้

      อ๋า ไม่หรอกครับ ลูกค้ายังไม่มีเลย ของก็ถูกพี่จินฮวานเตรียมไว้หมดแล้ว ไม่มีหน้าที่อะไรต้องทำนอกจากรอลูกค้าแล้วล่ะครับ ฮ่าๆ   คำตอบยาวเหยียดถูกส่งมาให้ตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะที่สดใส แม้ขณะที่พูด ดวงตาสวยนั้นก็ยังหยีขึ้นเป็นรูปสระอิราวกับคนที่ยิ้มตลอดเวลา จุนฮเวแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากเล็กน้อยเพื่อบ่ายเบี่ยงอาการร้อนผ่าวบนใบหน้า เขาไม่คิดว่าตัวเองจะเขินคนตรงหน้าหรอกนะ แต่พอได้มานั่งคุยต่อหน้าแบบนี้ทำไมรู้สึกเหมือนทำอะไรไม่ถูกไปหมดเสียเลย

      ส่วนดงฮยอกเมื่อรู้ว่าตัวเองพูดมากเกินไปก็รีบชะงักหุบยิ้มในทันที ดวงตาสวยจดจ้องไปยังคนตรงหน้าอย่างขอโทษ เขาคิดว่าตัวเองคงกำลังพูดมากเกินไป นิ้วเรียวแปะทับริมฝีปากตนเองให้หยุดขยับเหมือนอาการของเด็กเล็กๆ ก่อนจะย่นหน้าน้อยๆอย่างอายๆเพราะไม่รู้ว่าลูกค้าของเขาตรงหน้านี้กำลังคิดอะไรอยู่

      ลดมือลงจากริมฝีปากก่อนจะยิ้มแห้งๆส่งไป   ขอโทษนะครับ ผมคงพูดมากไปหน่อย แหะๆ

      ไม่เป็นไรครับ น่ารักดี

      เอ้ะ? ค... คุณว่า อะไร นะฮะ?    ดวงฮยอกไม่มั่นใจว่าหูของเขาเพี้ยนหรือลูกค้าพูดผิดกันแน่ เขาได้ยินว่าร่างสูงนี่บอกเขาว่าน่ารักอย่างนั้นหรือ?

      อ้อ ผมหมายถึงว่า ว่า แบบว่าสนุกดีอ่ะครับ คนพูดมากๆแบบมีสีสันดีนะฮะ   ที่นี้เป็นคราวของใบหน้าหล่อคมเสียเองที่ต้องเป็นฝ่ายยิ้มแห้งๆ  ฝ่ามือหนาจับแก้วกาแฟขึ้นมาดูดแก้เก้อและเบนสายตามองไปทางอื่นอย่างอายๆที่เผลอหลุดพูดอะไรออกไป

      คุณหมายถึงว่าผมพูดมากเกินไปหรอครับ?   ร่างเล็กที่ยังไม่หายสงสัยเอ่ยถามขึ้น และด้วยความที่กลัวอีกฝ่ายจะเข้าใจผิดทำให้จุนฮเวที่กำลังจะรีบอธิบายโดยยังไม่ได้คลายปากจากการคาบหลอดกาแฟ ส่งผลให้ตัวเขานั้นถึงกับสำลักกาแฟออกมา

      แค่ก แค่ะ มะ ใช่นะ แค่กๆ

      โอ๊ะ คุณ คุณ ใจเย็นๆนะครับ ทิชชู่ๆๆ   มือสวยคว้าเอาทิชชู่แล้วส่งให้ร่างสูง จุนฮเวรีบคว้ามาเช็ดที่มุมปากแล้วก้มไอใส่ในทิชชู่อีกสองสามรอบแล้วรีบเงยขึ้นมามองอีกคนด้วยสายตาตกใจขีดสุด

      ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะ!! แบบผมหมายถึงว่าคนพูดเยอะๆพูดมากๆมันทำให้ไม่เหงาดี แบบน่ารักดีอ่ะครับ อยู่ด้วยแล้วมีความสุขดีแบบนี้ คือไม่ได้ว่านะ ไม่ได้ว่าจริงๆ!”

      สีหน้าตื่นตระหนก บวกกับท่าทางเงอะงะลนลานทำให้ดงฮยอกรู้สึกขำ ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เพราะอาการของจุนฮเวเมื่อกี้มันน่าตลกจริงๆ

      ครับๆโอเคครับ เชื่อแล้วๆ แต่ผมก็ต้องขอโทษด้วยนะที่ทำให้คุณสำลักกาแฟเลย

      เมื่อบอกออกมาแบบนั้นแล้ว จุนฮเวค่อยคลายสีหน้ากังวลลงไปหน่อย แล้วก็ยิ้มแห้งๆสไตล์เจ้าตัวส่งไปอีกครั้ง มือหน้ายกขึ้นมาขยี้หัวตัวเองน้อยก่อนจะจิ๊ปากเบาๆอย่างขัดใจในตัวเองที่เกือบทำให้บาริสต้าแพนเค้กเข้าใจผิดไปเสียแล้ว

      ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมมากกว่าต้องขอโทษ แบบผมเป็นคนพูดอะไรไม่ค่อยจะรู้เรื่องนะฮะ

       

      ความเงียบเริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อทั้งคู่ไม่รู้จะพูดอะไร  จุนฮเวกัดริมฝีปากชั่งใจว่าจะชวนคุยอย่างไรดี ในขณะที่ดงฮยอกก็นั่งไม่ติดเก้าอี้เพราะไม่รู้ว่าจะคุยอะไรเหมือนกัน  สลับกันมองเสี้ยวหน้าของอีกคนเป็นพักๆไปมาก่อนจะโผล่งขึ้นพร้อมๆกันจนชวนให้แปลกใจ

      คุณชื่ออะไรหรอครับ? / คุณชื่ออะไรฮะ?

      ประโยคแรกเป็นดงฮยอกและประโยคที่สองเป็นของจุนฮเว  ทั้งคู่เบิกตาขึ้นเล็กน้อยอย่างประหลาดใจที่พูดพร้อมกันอีกแล้ว ก่อนจะหัวเราะออกมาด้วยกันทั้งคู่

      ผมคิม ดงฮยอกครับ  จุนฮเวเดาไม่ผิดจริงๆด้วย เพราะเมื่อวานเหมือนจะได้ยินผ่านๆหูมาอยู่

      กู จุนฮเวครับ  

      อ่า ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณกู จุนฮเว  

      จริงๆเรียกผมว่าจุนเน่ก็ได้ฮะ มันเป็นชื่อที่ครอบครัวผมจะเรียกผมแบบนั้น เพื่อนๆด้วยน่ะครับ

      อ้อมแอ้มบอกอีกฝ่ายไป ดงฮยอกพยักหน้ารับเล็กน้อยแล้วยิ้มออกมา

      งั้นขออนุญาตเรียกว่าคุณจุนเน่นะครับ

      ไม่ต้องมีคุณก็ได้นะ ฮะๆ

      อ๋า ฮ่าๆๆ     ระเบิดเสียงหัวเราะใส่กันอีกครั้ง ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้จุนฮเวและดงฮยอกต่างคนต่างรู้สึกอยากจะยิ้ม อยากจะหัวเราะให้กันเมื่อได้มานั่งคุยอยู่แบบนี้

      ขอบคุณมากนะครับสำหรับแพนเค้กในวันนั้น ผมรู้สึกดีขึ้นมากๆเลย   ดงฮยอกยิ้มรับเล็กน้อยก่อนจะตอบไปบ้าง

      อ๋อ ไม่เป็นไรครับ วันนั้นผมเห็นคุณสีหน้าเครียดๆเลยเป็นห่วงน่ะ

      จุนฮเวเงยหน้ามองอีกฝ่ายในทันทีที่ได้ยินคำว่าเป็นห่วง  ริมฝีปากหนายกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะก้มไปเสมองที่แก้วกาแฟเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึก เขาเองไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าเขินน่ะ แมนๆแบบนี้จะมาเขินก่อนได้ยังไงกัน

      ส่วนฝ่ายดงฮยอกนั้นได้อายม้วนกับคำพูดตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว

      ผมเพิ่งตกงานน่ะฮะ วันนั้นเพิ่งโดนไล่ออกจากงานหมาดๆเลย ก็เลยเฟลๆนิดหน่อยน่ะ   ใบหน้าที่ผ่อนคลายอยู่ดีๆของจุนฮเวก่อนเริ่มจะเข้าสู่โหมดเครียดอีกครั้ง หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อยบ่งบอกว่าเรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่เครียดอยู่มากพอตัว  ริมฝีปากหนาเม้มเข้าหากันอย่างคนใช้ความคิด ร่างเล็กที่มองดูอยู่อดคิดไม่ได้ว่าเรื่องนี้มันต้องเป็นเรื่องที่หนักหนาสำหรับร่างสูงมากแน่ๆถึงได้ทำสีหน้าแบบนั้น

       

      ช่วงเศรษฐกิจติดขัดแบบนี้ การหางานทำเป็นอะไรที่ยากมาก น้อยที่จะรับสมัครคนทำงานในช่วงนี้ ตัวเขาก็เช่นกัน หากไม่ติดว่าร้านนี้เป็นของพี่ชายเขาเองเขาก็คงไม่ได้มีงานทำ มีเงินใช้อยู่นี่หรอก

      แล้วคนนี้ล่ะจะทำยังไงต่อไป ?

      นั่นคือความคิดของดงฮยอก

       

      ในขณะที่หัวกำลังครุ่นคิดอะไรเกี่ยวกับร่างสูงอยู่  จู่ๆเสียงทุ้มแปร่งๆที่คุ้นหูมากก็ดังขึ้นจากทางตำแหน่งเคาท์เตอร์

      ไอ้ดง แกอู้หรอ!!

      เป็นเสียงไอ้พี่ฮันบินเองที่เรียกเขา ดงฮยอกหันมาส่งสายตาค้อนใส่คนที่เป็นได้ชื่อว่าเป็นพี่ชาย เสียงตะโกนร้องของฮันบินค่อนข้างจะดัง ดงฮยอกเกรงว่าจุนฮเวจะตกใจและคิดว่าคนในนี้เป็นพวกไม่มีมารยาท แต่ก็ได้หลุดขำออกมาเมื่อเห็นว่า คนตัวเล็กๆที่เดินตามออกมาจากประตูเข้าหลังร้านนั้นได้บิดเข้าที่เอวของพี่ชายของเขา คาดว่าจะเต็มแรง

      คนนั้นน่ะ คิม จินฮวาน แฟนของ คิม ฮันบิน นั่นแหล่ะ

      ฮันบินจะเสียงดังทำไม ไม่เห็นหรือไงว่ามีลูกค้า นี่แหน่ะๆ

      โอ้ยๆๆๆ ขอโทษๆ ไม่รู้ว่ามีลูกค้า

      จุนฮเวมองไปทางต้นเสียงที่ทะเลาะกันอยู่ตรงเคาท์เตอร์ด้านในร้าน เขาไม่ได้รำคาญเลย กลับกันเขาคิดว่ามันดูมีสีสันดีที่พนักงานในร้านหยอกกันเองแบบนี้

      จังหวะที่จุนฮเวหันไปมองก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ฮันบินหันมาหมายจะขอโทษลูกค้าที่นั่งอยู่

      เห้ย!! / เห้ย!!”

      ไอ้เน่!! / ไอ้บิน!!”

       

      ดงฮยอกขอตัวออกมาเพื่อเปลี่ยนให้ฮันบินไปนั่งคุยกับจุนฮเวแทน ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเด็ก แต่ฮันบินถูกย้ายไปเรียนที่ออสเตรเลียตอนช่วงมัธยมต้น จนเมื่อมัธยมปลายก็กลับมาเรียนที่เกาหลีอีกครั้งแต่คนละห้องกับจุนฮเว แต่มันไม่ได้ทำให้สายสัมพันธ์เพื่อนระหว่างเขาจบลง ทั้งคู่ยังเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากเหมือนเดิม จนเมื่อขึ้นมหาวิทยาลัยที่ทั้งสองเข้าได้คนละแห่งทำให้ต้องแยกย้ายกันไปเรียน ภารกิจของนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งค่อนข้างรัดตัวเลยทำให้ไม่ได้เจอกัน ล่วงเลยมาปีที่สองก็ห่างๆกันไปบ้าง  ก็เพิ่งจะกลับมาเจอกันจังๆก็ตอนนี้แหล่ะ  

      จุนฮเวและฮันบินนั่งคุยกันไปสัพเพเหระ ถามสารทุกข์สุกดิบไปตามประสาคนไม่ได้เจอกัน พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดี ด้วยความที่ผูกพันมาตั้งแต่เด็กๆทำให้พวกเขามีเรื่องเล่าให้กันฟังมากมายในช่วงที่ห่างกันออกไป และนั่นก็ทำให้ฮันบินรู้ว่าเพื่อนของเขากำลังลำบาก

      มึงมาทำงานกับกูมั้ย?

      ได้หรอวะ?

      เอ้า! ไอ้นี่ ได้ดิ เพื่อนกูทั้งคน เดี๋ยวกูให้เงินเดือนมึงเท่าไอ้ดงน้องกูเลย

      เห้ยไม่ดิมึง ฮ่าๆ ว่าแต่มึงมีน้องทำไมกูไม่รู้วะ? ตอนเด็กๆพ่อแม่มึงมีมึงคนเดียวนะ?

      ไม่ใช่น้องแท้หรอก ลูกลุงกู มันสอบติดมหาลัยในโซลเลยต้องย้ายมาอยู่นี่ แต่ก่อนมันอยู่ปูซาน พ่อมันห่วงเลยมาฝากกูดูแล กูก็รับอาสา แล้วแฟนกูเค้าอยากเปิดร้านกาแฟเลยหุ้นกันกับกูเปิดแล้วเอามันมาทำช่วงเลิกเรียน ช่วงปิดเทอม มันจะได้รู้จักหาเงิน มีเงินใช้

      อ๋อ…”

      ว่าแต่มึงอ่ะ ทำมั้ยที่ร้านกู? ข้าวก็กินกับกูไม่ต้องไปหากินที่อื่น ไม่ต้องเปลือง พนักงานร้านนี้กินข้าวด้วยกันประจำ

      แล้วแบบแฟนมึงกับน้องมึงจะไม่ว่ากูหรอวะ?   จุนฮเวยังคงกังวลไม่หาย ที่ฮันบินเสนอน่ะเขาสนใจ แต่เขาแค่เกรงใจแฟนของเพื่อนและดงฮยอกมากกว่า กลัวจะคิดว่าเขามาอาศัยเกาะเพื่อน ในขณะที่ร่างสูงท้าวแขนกับเข่าแล้วฟุบใบหน้าลงบนฝ่ามืออย่างคนคิดไม่ตก เสียงเล็กๆใสๆที่มักจะเอ่ยทักเขาเป็นคนแรกประจำที่เข้ามาในร้าน

      ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณเป็นเพื่อนฮันบินก็เหมือนเป็นเพื่อนผมนั่นแหล่ะนะ ฮันบินคงไม่อยากเห็นเพื่อนลำบากหรอก อีกอย่างร้านก็ยังวุ่นๆนะ ยังต้องการลูกมือช่วยอีกเยอะเลย มาทำด้วยกันก็ได้นะครับ อยู่กับแบบครอบครัวสนุกดีออก นอกจากพวกเราก็ยังมีอีกสองคนที่เฮฮามาก ถ้าคุณได้เจอต้องชอบแน่ๆเลย

      จินฮวานเอ่ยบอกออกไปพลางนั่งลงข้างๆฮันบิน มือของฮันบินเลื่อนไปกุมมือเล็กๆของจินฮวานอย่างอัติโนมัติก่อนจะหันยิ้มให้ จุนฮเวเงยหน้าจากฝ่ามือตนเองขึ้นมามองเล็กน้อยถึงกับต้องเบะปากเล็กน้อยให้เพื่อนตัวเองที่มาโชว์หวานต่อหน้าเขา ก่อนจะหันไปโค้งหัวให้จินฮวานอย่างขอบคุณ 

      สรุปว่าทำนะ มึงไม่ต้องพูดมาก อยากจะเริ่มงานวันไหนก็มา มาแล้วก็นู้น เดินไปหาไอ้ดงให้มันสอนงานมึงนู้น   ฮันบินสรุปเองเออเองพร้อมกับโบ้ยปากไปทางดงฮยอกที่กำลังขะมักเขม้นในการถูพื้นทำความสะอาดร้าน และเหมือนเจ้าตัวเองจะรู้ตัวว่าถูกมองเลยหันหน้ามาสบตาผู้เป็นพี่ชายพลางแลบลิ้นใส่ ทำให้อีกสามชีวิตที่นั่งอยู่บนโต๊ะถึงกับหัวเราะขำขัน จินฮวานขอตัวเพื่อไปต้อนรับลูกค้าเพราะเห็นว่ามีลูกค้าเข้ามาร้านแล้ว ฮันบินเองก็ขอตัวไปเชควัตถุดิบว่าต้องเอาอะไรมาเตรียมไว้เพิ่ม ส่วนดงฮยอกก็เปลี่ยนตำแหน่งมาทำความสะอาดบริเวณใกล้ๆโต๊ะของเขาที่ยังไม่มีคนมานั่ง

      ผมจะมาทำงานที่นี่ด้วยนะ

      ห๊ะ จริงหรอครับ?????  ร่างเพรียวหยุดชะงักสิ่งที่ทำอยู่ในทันทีแล้วหันมาสบตาเขา ใบหน้าเล็กแสดงสีหน้าตกใจปนดีใจ แววตาสวยส่อประกายแสดงความยินดีกับร่างสูงอย่างปิดไม่มิด

      ฮะๆ จริงครับ ฮันบินน่ะรับผมเข้า

      อ๋อ ดีเลยครับ   ดงฮยอกยิ้มให้ร่างสูงอีกครั้ง กี่รอบกันที่คนนี้ส่งยิ้มให้เขา แม้จะหลายครั้งแล้วแต่จุนฮเวยังไม่ชินเสียทีกับอาการใจเต้น สติหลุดที่เป็นอยู่ เขารู้สึกแปลกใจที่อาการแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับใคร ทั้งชีวิตก็เคยเจอคนยิ้มให้มามากมาย แต่ทำไมกับดงฮยอกคนนี้ถึงรู้สึกแตกต่างจากคนอื่น?

      รอมาเป็นพนักงานร้านนี้ก่อนเถอะจะหาคำตอบให้ได้ว่าทำไมใจชอบเต้นแรง

      เต้นแรงกับแค่ดงฮยอกคนเดียวด้วย ?

      หลังจากที่นั่งทานกาแฟไปจนหมดและจ่ายเงินเรียบร้อย จุนฮเวบอกกับฮันบินว่าอีกสองวันจะเข้ามาทำงาน เนื่องจากพรุ่งนี้กับมะรืนเขามีกิจกรรมของมหาลัย เมื่อตกลงกันเสร็จฮันบินตบบ่าเพื่อนเบาๆก่อนจะเข้าผลุบเข้าไปหลังร้านกับจินฮวาน เหลือเพียงดงฮยอกที่ยืนอยู่ เพียงเคาท์เตอร์ทำกาแฟเท่านั้นที่กั้นระยะห่างของทั้งคู่เอาไว้

      ร่างเล็กกว่าส่งยิ้มให้คนตัวสูง เช่นเดียวกับที่คนตัวสูงก็ยิ้มตอบกลับมาเช่นกัน  ริมฝีปากหนาเอ่ยคำขอบคุณออกมาเบาๆให้ได้ยินเพียงแค่สองคนเท่านั้น

      ขอบคุณนะครับที่ทำให้รู้สึกดีขึ้น

      พยักหน้าเบาๆก่อนจะตอบกลับคนตัวสูงออกไปให้ได้ยินแค่สองคนเช่นกัน ..

      ฉันเต็มใจทำให้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอนายแล้ว จุนเน่

      สรรพนามที่เปลี่ยนไปจากคนตัวเล็กที่ใช้พูดกับเขาเมื่อกี้ มันไม่ได้ทำให้จุนฮเวรู้สึกแปลกใจหรือไม่ชอบใจเลยซักนิด แต่กลับทำให้รู้สึกอุ่นใจมากขึ้นไปอีกเท่าตัว มันหมายถึงการที่ต้อนรับและให้ความสนิทสนมมากขึ้นต่างหาก รอยยิ้มสวยๆแบบที่จริงใจๆนั้นทำให้จุนฮเวรู้สึกดี เช่นเดียวกับที่รอยยิ้มของจุนฮเวก็ทำให้ดงฮยอกรู้สึกอบอุ่นใจ มันอาจจะเร็วเกินไปก็ได้นะหากจะบอกว่าทั้ง   จุนฮเวและดงฮยอก ต่างคนต่างถูกใจกันและกัน ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งที่ชีวิตก็มีคนผ่านมาให้เจอมากมาย แต่กับคนตรงหน้านี้มันพิเศษไปกว่าใคร  

      แต่ทั้งคู่ก็ไม่รู้ว่าต่างฝ่ายต่างคิดอะไร มีเพียงรอยยิ้มที่ส่งให้กันไปมาเท่านั้น หากจะให้ความรู้สึกถูกเปิดเผยออกมาคงจะต้องใช้เวลาซักพัก ความใกล้ชิดจะเป็นตัวแปรสำคัญให้เขาทั้งคู่ชัดเจนต่อกันมากยิ่งขึ้น

      ทั้งเขาและ เขา คิดว่าอย่างนั้นอ่ะนะ ^ ^

       

      มันรู้สึกดีไม่น้อยเลยที่ยามเราทุกข์ใจจะมีใครซักคนที่ห่วงใยเรา

      และมีไม่มากเลยที่คนหนึ่งคนจะมามีอิทธิพลให้เราอยากจะยื่นมือเข้าไปหา

       

      เวลาเท่านั้นที่จะทำให้อะไรๆมันชัดเจน

       

      บางทีต้องขอบคุณการตกงานของจุนฮเวและอากาศร้อนๆในวันนั้นมากๆเลยที่ทำให้คนทั้งสองคนมาเจอกัน ไม่อยากจะเชื่อว่าแค่คาเฟ่ธรรมดาๆแห่งเดียว กาแฟแก้วเดียว ขนมแพนเค้กจานเดียว จะนำพาซึ่งความพิเศษวิ่งมาหาถึงเพียงนี้

      Happy Café ก็ Happy Café สมชื่อจริงๆ  ความสุขรายล้อมมากเมื่อก้าวเข้ามา J

      ก็ไม่แน่ The Happy Café อาจจะได้มีสาขาที่สองก็ได้นะ  ใครจะไปรู้

      บริหารงานโดย กู จุนฮเว และ คิม ดงฮยอก อะไรอย่างนี้ใช่มั้ยตัวเอง คิคิ

      บทสนทนาระหว่างฮันบินและจินฮวานคุยกันระหว่างที่แอบมองคนสองคนยิ้มให้กันอยู่หลังประตู

      > <

       

       

       

      THE  END

      Writer talk : จบแล้ว อันนี้จบจริงๆแล้ว555555555555555 ประโยคสุดท้ายบอกทีว่าบีจินไม่ได้ขี้___ใช่มั้ย อิอิ เป็นตอนต่อของอันแรกที่เขียนไปค่ะ เนื่องจากว่าไม่อยากให้มันค้างๆคาๆแบบนั้น อยากจบแบบให้จุนดงอย่างน้อยก็ได้ใกล้ชิดกันเข้ามาหน่อย แล้วค่อยทิ้งเป็นปมให้ตัวละครสานต่อกันไป ตราบใดที่จินตนาการมันไม่มีวันหมด เรื่องราวก็คงยังไม่จบไปตามจินตนาการ รู้สึกว่าตอนนี้ไม่ดีเท่าตอนแรกนะ แง้ การจัดสรรเวลาไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ สมาธิไม่ค่อยมีด้วยเนื่องจากไม่สบาย แต่ก็อยากเขียนจะตายอยู่แล้วT3T เลยออกมาเท่าที่เห็นนะคะ ดีไม่ดีตรงไหนใครที่อ่านก็ติติงมาได้เลย

      ก็เขียนมาให้เป็นของขวัญให้บ้าน JunDongCafe (@JunDongCafe) ขอให้บ้านนี้อยู่ชงจุนดงไปนานๆ ถ้าหากว่าiKONเดบิวต์แล้วขอให้โมเม้นบานตะไท สู้ๆนะคะ! เมดทุกคนสู้ค่ะ เราต้องสู้ไปด้วยกัน! อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้เหล่าบรรดาจุนดงชิปเปอร์ไปตลอดเลยนะคะ เลิ๊ฟมากค่ะ จุ้บๆ=3=

      ปล. ตรวจเช็คบทความและคำผิดไปรอบหนึ่งแล้วนะคะ แต่ด้วยความที่ไม่สบาย เบลอๆบ้าง อาจจะดูไม่ละเอียดน้า ฝากเชคอีกทีด้วยนะคะ

      Story by Nov-pink (@nvbPx) [ for @JunDongCafe ]



      --------------------------------------------


      ฮัลโหลลลลลล จุนดงชิปเปอร์ทุกท่านนน วันนี้เมดได้รับของขวัญจากไรท์เตอร์ท่านเดิม
      ที่ได้เขียนฟิคให้บ้านเราในครั้งที่แล้ว สำหรับตอนนี้จะเป็นตอนจบนะคะ
      ขอคิมเม้นท์ให้ไรท์เตอร์หน่อยน๊าา เพื่อเป็นกำลังใจในการเขียนเรื่องดีๆแบบนี้มาให้เราได้ฟินกันอีก

      เมดต้องขอขอบคุณไรท์เตอร์มากๆเลยนะคะ
      Enjoy reading นะคะ จุนดงชิปเปอร์~~~~~~

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×