เพลงกล่อมวิญญาณ
จริงหรือเท็จ..ภาพที่ปรากฏเป็นแค่เงาของใครคนหนึ่งหรือแค่ดวงจิตที่แตกสลายของตัวเราเอง.."กระต่ายเอ๋ย!..หูยาวยาว ตัวขาวขาว ตาดำดำ หลงวนจนมืดค่ำ หาทางออกก็ไม่เจอ กระต่ายนั่งร้องไห้ วอนจันทร์ฉายข้าเสนอ ....
ผู้เข้าชมรวม
100
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
หญิงสาวผิวขาวจัด รูปร่างโปร่งบางแทบจะปลิวลม กำลังนั่งยองๆ อยู่ริมตลิ่ง มองดูปลาตัวเล็กตัวน้อยโผล่ขึ้นมางับเศษขนมปัง ที่เธอโปรยลงไปบนผิวน้ำ แดดสีเหลืองยามเย็นสาดต้องใบหน้าเรียบเฉยของเธอ แววตาภายใต้กรอบขนตายาวเป็นแพมีริ้วรอยของความกังวล
“จะทำอย่างไรดี? เราจะแก้ปัญหานี้อย่างไร?” เธอป้อนคำถามกับสมองอ่อนล้าของตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไหร่ เจ้าตัวก็จำไม่ได้และทุกครั้งเธอจะไม่มีคำตอบให้กับตัวเอง เมื่อขนมปังหมด เธอก็ลุกเดินไปทิ้งถุงเปล่าลงถังขยะด้านบน ยิ้มตอบชายร่างท้วม ที่ยืนขายของในซุ้มขายเครื่องดื่มและขนมจิปาถะ หญิงสาวเดินทอดน่องออกจากสวนสาธารณะแห่งนั้น วิ่งข้ามถนน ตรงเข้าไปในซอยเล็ก ฝั่งตรงข้าม พยายามผ่อนฝีเท้าให้ช้าลง ฉันไม่อยากกลับบ้าน…เธอร่ำร้อง ใบหน้าเรียบเฉยของเธอซีดเผือด แต่ไม่ว่าจะเดินๆ หยุดๆ เพื่อถ่วงเวลานานแค่ไหน สุดท้าย เธอก็กลับมาถึงบ้าน สตรีร่างโปร่งบางอีกคน ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนเธอไม่ผิดเพี้ยน กำลังยืนรออยู่หน้าประตูบ้าน
“ไปไหนมา? บอกแล้วใช่ไหม ว่าให้อยู่แต่ในบ้าน” น้ำเสียงที่ออกมาจากปากของผู้ที่ยืนคอยอยู่ห้วนสั้น
“เราไม่ใช่นักโทษ ฝนคงลืมไปแล้วกระมัง” เธอโต้เสียงแผ่ว ..อย่ามาหาเรื่องอีกนะ ไม่งั้นฉันจะไม่ทน อีกเสียงแทรกขึ้นมาในหัว แต่ริมฝีบากบางกลับหุบเงียบ
“ก็ไม่เคยบอกว่าเป็นนักโทษ สำนึกตัวเองไว้บ้างซี ตัวน่ะ อ่อนแอขี้โรค โดนแดดโดนฝนเข้าหน่อย ก็ทำท่าจะเป็นจะตายเราเบื่อนะ ที่ต้องมาคอยดูแลตัว” หญิงสาวมองตอบใบหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย ความชิงชังเริ่มก่อตัวขึ้นมาอีก …..ไม่..เราต้องไม่โกรธ ปลายฝนเป็นพี่สาวเรา เราต้องอดทน เราต้องอดทน …เธอเตือนตัวเอง ก้าวหลีกพี่สาวฝาแฝดเพื่อเข้าไปในบ้าน
“เดี๋ยว..” เสียงห้วนสั้นเหมือนเคย มือเรียวแข็งแรงคว้าหมับที่ต้นแขนของแฝดผู้น้อง
“ตัวเอาชุดราตรีสีดำของเราไปไว้ไหน?” เธอตัวสั่น…แย่แล้ว คราวนี้ต้องแย่แน่ๆ ชุดราตรี ชุดราตรี
“อยู่ในตู้ไง เราแขวนไว้ อยู่ในตู้ ในตู้ของฝนในห้องฝน” เธอละล่ำละลักแล้วผลุนผลันวิ่งเข้าบ้าน ตรงไปที่ห้องนอนของตัวเอง
“ต้องหลบ..ไปหลบ..หลบที่ไหนดี ห้องเรา..ห้องเราปลอดภัยที่สุด” เธอล๊อคประตูแล้วขึ้นไปนอนขดตัวบนเตียง ริมฝีปากซีดสั่นละริก นิ้วมืือเรียวเล็กประสานกันแน่นสอดอยู่ระหว่างซอกเข่าแล้วนับเวลารอ…ไม่นานนัก สิ่งที่หวาดกลัวก็บังเกิด
“อิงฟ้า…เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ นังขี้โรค” เสียงตะโกนหยาบคาย พร้อมกับเสียงทุบประตูโครมคราม ทำให้ร่างเล็กๆ ที่นอนขดตัวอยู่บนเตียงยิ่งคู้ตัวให้กลมป้อมยิ่งขึ้น
“แก..จะเปิดไม่เปิด แกไปยุ่งอะไรกับชุดของชั้น ของของชั้น เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ…ได้…อยากมุดหัวอยู่ในนั้นทั้งวันก็ตามใจ แล้วก็ไม่ต้องโผล่ออกมาเลยนะ พอกันที”
…"กระต่ายเอ๋ย..หูยาวยาว ตัวขาวขาว ตาดำดำ หลงวนจนมืดค่ำ หาทางออกก็ไม่เจอ กระต่ายนั่งร้องไห้ วอนจันทร์ฉาย ข้าเสนอ ให้ทางข้าพบเจอ แลกด้วยเลือดและวิญญาณ"….อิงฟ้าท่องบทกลอนแปลกๆ ซ้ำซากเพื่อให้กลบเสียงก่นด่ารกหู เสียงเอ็ดตะโรข้างนอกเงียบลง พร้อมกับร่างบอบบางบนเตียงเริ่มผ่อนคลาย ริมฝีปากแห้งผากยังคงขยับพึมพำแผ่วเบา จนในที่สุดก็สงบนิ่ง ลมหายใจแผ่วลึกสม่ำเสมอ
“ฝน..น้องอยู่ไหนลูก ฝนดูแลน้องดีๆ นะ ยายฟ้าไม่แข็งแรง อ่อนแอมาตั้งแต่เด็กแล้ว พ่อยังต้องอยู่ที่นี่อีกนาน อาจจะหลายเดือน พ่อขอคุยกับน้องหน่อยสิ” …ไม่มีทาง..ปลายฝนเบ้ปาก ขืนให้มันพูดพ่อก็รู้ซีว่าเราขังมันไว้ในห้อง
“ฟ้าหลับอยู่ค่ะพ่อ เมื่อวานออกไปเดินเล่นที่สวน เจอแดดเลยมีไข้นิดหน่อย แต่หนูให้กินยาแล้ว ้้้้้้้้้้้เดี๋ยวก็ดีขึ้น พ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
“งั้นหรือ..ไม่เป็นไร ถ้างั้นฝากฝนด้วยนะ พ่อคงไม่ได้กลับง่าย แล้วก็อาจติดต่อยากหน่อยระหว่างนี้ เพราะไม่ค่อยมีสัญญาณเลย อย่าลืมบอกน้องตามนี้นะ เดี๋ยวจะน้อยใจอีกว่าพ่อไม่โทรหา” เสียงพ่อสั่งมาด้วยประโยคที่เกือบจะซ้ำซาก ทำไมพ่อห่วงแต่อิงฟ้า นังจืดนั่นมีอะไรดี ตั้งแต่มันเกิดมาเคยทำประโยชน์อะไรให้พ่อบ้างหรือเปล่า? มันเป็นคนฆ่าแม่ด้วยซ้ำ พ่อก็ยังรักมัน ห่วงมัน..หนูต่างหากเป็นลูกที่พ่อควรจะภูมิใจ หนูทำชื่อเสียงให้พ่อตั้งเท่าไหร่ พ่อก็แค่พวกหาของเก่า ถึงจะเรียกให้โก้ว่านักโบราณคดี แต่มันจะแตกต่างกันตรงไหนกับพวกกระจอก ที่หากินกับเศษซากปรักหักพังและการล่มสลายของคนอื่น คิดอย่างหมิ่นแคลน แล้วนวยนาดขึ้นบันได มาหยุดยืนหน้าประตูห้องนอนด้านทิศตะวันตก ปลายฝนมองกุญแจทองเหลืองดอกใหญ่ที่คล้องสลักแน่นหนาแล้วยิ้ม อยู่อีกวันก็แล้วกันให้ครบสามวัน นังขี้โรค
…อิงฟ้านั่งชันเข่าอยู่บนพื้น หลังพิงกำแพงเย็นเฉียบ ใบหน้าแหงนเงยน้อยๆ ไปที่ผนังอีกด้าน รูปเขียนสีน้ำมันขนาดใหญ่แขวนอยู่ตรงนั้น แววตาอ่อนโยนของสตรีในภาพ มองตอบมาที่เธอ ในสำนึกรับรู้เลือนลาง อิงฟ้าได้ยินเสียงอ่อนเบาของสตรีนั้น
“ฟ้าร้องไห้ทำไมลูก..ฝนรังแกฟ้าอีกแล้วใช่ไหม? เด็กไม่ดี แม่ว่าแม่ต้องลงโทษฟ้าแล้วล่ะ” ดวงตางามของอิงฟ้าเบิกกว้าง
“อย่านะคะแม่..เดี๋ยวฝนโกรธ ฟ้าก็จะโดนทำโทษแบบนี้อีก” เธอบอกเสียงสั่นรัว สตรีในภาพคลี่ยิ้มอ่อนโยน
“ไม่ต้องกลัว..ฟ้าจะปลอดภัย แม่จะดูแลฟ้าเอง” อิงฟ้าซบหน้าลงกับเข่า น้ำอุ่นๆ ใหลซึมออกมาจากดวงตา
“แม่ขา…ฟ้าคิดถึงแม่ ฟ้ารักแม่” เธอสะอื้น..ลุกเดินกระปรกกระเปลี้ยไปเปิดตู้เย็นเล็กมุมให้อง คว้าขวดนมออกมาเปิดดื่มโดยไม่เสียเวลารินใส่แก้ว กินแต่นม นม แล้วก็นม สามวันแล้ว เมื่อไหร่ปลายฝนจะหายโกรธเสียทีนะ แม่ไม่ควรทำแบบนี้เลย ชุดราตรีชุดนั้น ราคาแพงลิบ ปลายฝนตัดมาเพื่อใส่ไปออกงานสังคมกับแฟนหนุ่ม หญิงสาวเดินกลับไปนั่งห้อยเท้าบนเตียง คิ้วเรียวขมวดมุ่น แม่ตายแล้ว…เธอรู้ แม่ตายเพราะช่วยเธอขึ้นมาจากบึงนั่น เธอรอด แล้วแม่ก็เป็นฝ่ายจากไปแทน..แต่แม่ก็มักจะออกมาพูดคุยกับเธอเสมอ แม่คอยปลอบใจเวลาเธอเป็นทุกข์และร้องไห้เพราะปลายฝน เธอไม่กลัวแม่ เพราะแม่ย้งคงสวยงาม และอ่อนโยนกับเธอเสมอ เธอเคยถามแม่ว่า โกรธหรือเปล่า ที่เธอเป็นสาเหตุทำให้แม่ตาย แม่ตอบว่า..
"แม่ไม่เคยโกรธฟ้า ฟ้าไม่ได้ทำอะไรผิด ฝนต่างหาก ฝนเป็นคนทำให้แม่ตาย ทำให้ฟ้าอ่อนแอแบบนี้ เธอเคยเถียงว่าไม่ใช่
“ฟ้าต่างหาก ฟ้าเป็นคนทำให้แม่ตาย ฝนเขาบอกแบบนี้ เขาพูดกับฟ้าตลอด เขาเกลียดฟ้า” แม่ส่ายหน้า แล้วเริ่มท่องบทกลอนเนื้อหาแสนประหลาด ด้วยน้ำเสียงหวานเยือกเย็น “.…กระต่ายเอ๋ย..หูยาวยาว ตัวขาวขาว ตาดำดำ หลงวนจนมืดค่ำ หาทางออกก็ไม่เจอ กระต่ายนั่งร้องไห้ วอนจันทร์ฉาย ข้าเสนอ ให้ทางข้าพบเจอ แลกด้วยเลือดและวิญญาณ”
…ปลายฝนไขกุญแจ เธอค่อยๆ เปิดประตู หวังจะได้เห็นร่างผอมบางของน้องสาวฝาแฝด นอนตัวงออยู่บนเตียง สะอื้นไห้และอ้อนวอนให้เธอยกโทษ…แต่สิ่งที่เห็น คือหญิงงามคนหนึ่ง ผมยาวสลวยเป็นเงาระยับลุ่ยลงมาปิดบังใบหน้าไว้ซีกหนึ่ง เธอกำลังนั่งอยู่บนเตียง หย่อนเท้าเล็กๆ ทั้งสองข้างลงมาเรี่ยพื้น และแกว่งไปมา ปลายฝนหน้าบึ้ง
“ดูท่าทางก็มีความสุขดีนี่” แฝดผู้น้องเงยหน้าขึ้นมองแล้วยิ้มให้ ปลายฝนชะงัก นังบ้า!..ถูกขังจนเสียสติไปแล้วหรือไง
“ทำไมมองเราแบบนั้น..ตัวยิ้มทำไม?” ปลายฝนตะคอก และนึกเคืองมากขึ้น ่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่เมื่อเห็นสายตาของอิงฟ้าที่มองตอบเธออย่างเอือมระอาปนสังเวช
“เด็กขี้อิจฉาที่น่าสงสาร” น้ำเสียงแผ่วนุ่มที่ดังออกมาจากปากของแฝดผู้น้องทำให้อิงฟ้าผงะ!
“นังบ้า..อย่ามาเล่นละครห่วยๆ กับฉัน” ตวาดเสียงดังพลางยืนกำมือนิ่ง สูดลมหายใจยาวลึกเข้าไปในปอดแล้วค่อยๆ ผ่อนมันออกมา ….เย็นไว้ ดร.ปลายฝน เธอเป็นนักจิตวิทยาเป็นผู้เชี่ยวชาญและเป็นเจ้าของบทความเชิงวิชาการมากมาย…อิงฟ้าก็แค่คนป่วย เธอบอกตัวเองในใจแล้วปรับสีหน้า น้ำเสียงต่อมาจึงเรียบเย็นเฉกเดียวกับใบหน้า
“พรุ่งนี้บ้านเราจะมีงาน งานวันเกิดน่ะ..ตัวจำได้ไหม?พรุ่งนี้พวกเราก็จะมีอายุครบยี่สิบห้าปีเต็ม เราสั่งตัดชุดให้ตัวด้วยนะ บ่ายๆ คนจากห้องเสื้อวิลาศจะเอามาส่ง”
“แล้วพ่อล่ะ…พ่อจะกลับมาไหม? ไม่เห็นพ่อโทรมามั่งเลย หลายวันแล้ว” อิงฟ้าเสียงสั่น ใบหน้าเอิบอิ่มงดงามเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นขาวซีด
“ศจ.ดร.ปราชญ์ วินทะวงศ์ กำลังขุดเหมืองอยู่บนเขา หาเศษซากกระดูกเน่าๆ อยู่ เขาโทรมาแล้ว บอกไม่ว่าง..ไม่แน่นะของขวัญวันเกิดของตัวปีนี้ อาจจะเป็นสร้อยพระศอเส้นใดเส้นนึงของพระนางคลีโอพัตรา แต่ก็อย่าเพิ่งดีใจไปล่ะ..เพราะที่ได้มา อาจจะเป็นไหเก่าๆ ใบหนึ่งหรือแค่ชามแตกๆ ที่ใส่อะไรไม่ได้เลย แม้แต่เศษอาหาร” อิงฟ้ายืนก้มหน้านิ่ง นึกในใจว่า หยาบคาย! ที่ตัวเรียนจนจบดอกเตอร์ เกียรตินิยมอันดับหนึ่งได้นี่ ก็เพราะ ศจ.ดร.ปราชญ์ วินทะวงศ์กุลีขุดเหมืองคนนี้มิใช่หรือ? คนอะไร?..ดูถูกได้กระทั่งพ่อตัวเอง “เด็กขี้อิจฉา ก้าวร้าว นิสัยไม่ดี ” เสียงแผ่วนุ่มแทรกขึ้นมาระหว่างความคิด อิงฟ้าเอามืออุดหู ปลายฝนทำหน้าเชิด
“ทำไม? ตัวคงคิดว่าเรานิสัยแย่ที่พูดถึงงานของพ่อแบบนี้ ตัวลองมาเป็นเรามั่งซี แล้วจะรู้ว่ามันอึดอัด ทรมานขนาดไหน เราจะออกไปทำงานล่ะ..ตัวจะออกไปเดินเล่นในสวนก็ได้ แต่อย่าลืมสวมหมวกและกางร่มด้วยล่ะ” ปลาฝนสั่งแล้วเดินออกไปจากห้องพลางดึงประตูปิดให้ …เป็นอิสระแล้ว…พรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงที่บ้าน แขกคงมากันเยอะและมีแต่คนเต่งตัวสวยงาม แฟนฝนก็คงจะมาด้วย คนที่มาในงานคงมีแต่เพื่อนของฝน อิงฟ้าหน้ามุ่ย..ไม่มีเพื่อนเราสักคน หญิงสาวพึมพำ แล้วยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงใครคนหนึ่ง…
..ชายหนุ่มร่างสูงที่นั่งพิงพนักม้าหินอยู่ ขยับขึ้นนั่งตัวตรงเมื่อมองเห็นหญิงสาวร่างบางคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาใกล้ ใบหน้าคมสันสะอาดสะอ้านกับแววตาอบอุ่นภายใต้กรอบแว่นสีชาแสดงถึงความแปลกใจยิ่งยวด
“สวัสดีค่ะคุณหมอ ขอฟ้านั่งด้วยคนนะคะ” หล่อนพูดกับเขา เมื่อเขาพยักหน้าก็ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ถอดหมวกออกมาโบกไปมา หน้าตาเนื้อตัวแดงก่ำ นายแพทย์กีรติยิ้ม
“ทำไมไม่กางร่ม..ร่างกายคุณยังไม่ปกติเท่าไหร่นะ..ต้องระวังดีๆ ว่าแต่เดินมาไกลถึงนี่ เหนื่อยมากไหม? หน้ามืดระหว่างทางหรือเปล่า?" คุณหมอหนุ่มถามคนไข้ อิงฟ้าสั่นหน้า
“คุณหมอชอบคิดว่าฟ้าเป็นคนป่วยอยู่เรื่อยเชียว ความจริงฟ้าแข็งแรงนะคะ แค่ไม่ค่อยมีโอกาสออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์เท่านั้นเอง” ท้ายประโยค พึมพำเสียงเบา แต่นายแพทย์กีรติก็ได้ยินชัดเจน
“วันนี้ทำไมออกมาได้ ดอกเตอร์ปลายฝนไปไหนเสียล่ะ”
“ไปทำงานค่ะ..แต่เขาอนุญาตแล้วนะคะ ว่าให้ฟ้าออกมาเดินเล่นได้..เอ่อ..คุณหมอคะ พรุ่งนี้คุณหมอว่างหรือเปล่าคะ?” อิงฟ้าถาม แล้วอธิบายว่าพรุ่งนี้มีเลี้ยงวันเกิดที่บ้าน อยากจะชวนคุณหมอไปด้วย นายแพทย์กีรติ ไม่ได้รับปากแต่บอกว่าจะพยายามหาเวลาว่างปลีกตัวไป
สตรีสาวในชุดเปลือยใหล่สีเหลืองทอง เป็นจุดสนใจของทุกคนในงาน ผมยาวสลวยของหล่อนเกล้าสูงเผยให้เห็นต้นคอเรียวระหง และสีเหลืองทองของชุดที่สวมอยู่ก็ขับผิวขาวนวลของเจ้าหล่อนให้ดูละออตายิ่งขึ้น เธอยืนถือจานเปล่า ตาจรดจ้องอยู่ที่สลัดบาร์ มองพืชผักหลายชนิดที่หั่นเรียบร้อยบรรจุในชามแก้วใบใหญ่วางเรียงราย
“แครอท มะเขือเทศ กะหล่ำปลี พริกหวาน แคนตาลูป ข้าวโพด เผือก แล้วก็..อะไรอีก อ้อ..สัปปะรด ราดด้วยสลัดครีมข้นๆ หวานมัน อร่อย” เธอพึมพำ แล้วสะดุ้งกับเสียงห้าวทุ้มของผู้ชายคนหนึ่ง
“ขอโทษนะครับ คุณฟ้า..เอ่อ..อิงฟ้าใช่ไหมครับ” อิงฟ้าประคองจานสลัด มองตอบชายหนุ่มด้วยท่าทีอึดอัด
“ใช่ค่ะ” ตอบแล้วทำท่าจะถอยห่าง แต่ชายหนุ่มก้าวเท้าเข้าขวาง
“ไปนั่งที่โต๊ะด้วยกันนะครับ วันนี้วันเกิดคุณไม่ใช่หรือ?”
“เอ้อ..คือ” อิงฟ้งอึกอัก อุปทานหรือเปล่าไม่รู้..ที่รู้สึกว่าสายตาทุกคู่กำลังจับจ้องมาที่เธอ
“เขาชวนก็ไปเถอะน่า อิดเอื้อนอยู่ได้” ปลายฝนขยับเข้ามายืนใกล้ๆ พลางกระซิบเสียงเกรี้ยว ขัดกับริมฝีปากยิ้มเยื้อน
อิงฟ้าเดินไปทรุดตัวลงนั่งปะปนกับคนอ่ื่นๆ เพื่อนและแฟนของดอกเตอร์ปลายฝน พี่สาวฝาแฝดของเธอ เวลาแต่ละวินาทีผ่านไปอย่างเชื่องช้า เธอนั่งเงียบ ฟังคนอื่นพูดคุยและหัวเราะอย่างสนุกสนาน นานๆ ครั้งจะเงยหน้ามองไปที่ประตูหน้าบ้านสักที
“คุณฟ้าเงียบจังเลยนะครับ ไม่สนุกหรือเปล่า?” ชายหนุ่มคนเดิมถาม อิงฟ้าค่อยเหลือบตามอง ทำไมต้องมาคอยเซ้าซี้ คุณเป็นแฟนของฝนนะ..เดี๋ยวเขาก็โกรธฉันหรอก เมื่อไหร่คุณหมอจะมาเสียที…หล่อนครวญในใจ
“ว่าไงครับ หรือว่าอาหารไม่อร่อย ลองสเต๊กดูไหมครับ เนื้อเขานุ่มกำลังดี ไม่สุกมากด้วย เดี๋ยวผมไปตักให้” เขาคะยั้นคะยอ
“ไม่” อิงฟ้าตอบเสียงห้วน เอาช้อนเขี่ยสลัดในจานไปมา ปลายฝนมองน้องสาวฝาแฝดอย่างขุ่นเคือง ไม่มีมรรยาท ไร้สง่า..คงเป็นความรู้สึกผิดล่ะซี..แกคงกลัวคนอื่นจะรู้ ว่าแกเป็นฆาตกร ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาสาว หันไปยิ้มกับคนรัก พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มนวลว่า
“อย่าไปตอแยกับเขานักเลย เดี๋ยวจะลุกขึ้นมาอาละวาดเอาอีก เขาชอบอยู่เงียบๆ อยุ่กับความคิดฝันของตัวเอง แต่เขาไม่มีพิษมีภัยกับใครนะคะ นอกจากเวลาโกรธมากๆ ก็…ต้องระวังนิดนึง” ทุกคนในโต๊ะเงียบกริบ..ต่างก็พุ่งสายตาไปที่่อิงฟ้า สายตาทุกคู่ฉายแววหวาดหวั่น
“เอ่อ..แล้วเขาเคยอาละวาดบ้างไหม?แล้วคุณรับมือยังไง?” ชายหนุ่มถาม ดอกเตอร์ปลายฝนยิ้มหวาน ยืดใหล่ขึ้นอธิบายด้วยน้ำเสียงนุ่มเนิบ เป็นจังหวะจะโคน เหมือนกำลังบรรยายในห้องเรียนที่มีนักศึกษาจำนวนมากนั่งฟังอยู่
“ตั้งแต่ที่ฉันเข้ามาดูแลเต็มที่ อาการของเขาก็ดีขึ้น คือสงบขึ้น แม้จะมีอาการซึมเศร้าบ้าง แต่ความแข็งกร้าวลดลง ในรายของอิงฟ้า เขาไม่ได้เจ็บป่วยทางกาย แต่เป็นจิตใจเขาอยู่ในโลกของเขาในรูปแบบที่เขาสร้างขึ้น เพราะเขาจะรู้สึกว่าเขาปลอดภัย มันเป็นกลไกทางจิต เป็นการปกป้องตนเอง”
“จากอะไร?” หลายเสียงถามขึ้นพร้อมกัน ดร.ปลายฝน มองอิงฟ้า น้องสาวฝาแฝดของเธอกำลังนั่งก้มหน้านิ่ง ริมฝีปากขบกันแน่นและสั่นระริก
“ความรู้สึกผิดไงคะ..เขาไม่อยากให้โลกรับรู้ว่าเขาทำ ขณะเดียวกันจิตใต้สำนึกก็คอยเตือนอยู่ตลอดว่าตัวเขาเป็นผู้กระทำ เขาอยากรับโทษกับความผิดนั้น แต่ก็หวาดกลัว เลยสร้างเกราะด้วยการจำลองเหตุการณ์ขึ้นมาใหม่ บิดเบือนมันเสมือนว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำ” แล้วเธอก็หัวเราะเบาๆ ยกแก้วเครื่องดื่มสีสวยขึ้นชูให้น้องสาว
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะจ้ะอิงฟ้า พี่มีของขวัญจะมอบให้เธอ แต่เอาไว้ให้จบงานก่อน เดี่ยวเอาไปให้ที่ห้อง” อิงฟ้าเงียบกริบ!หน่วยตายาวรีเบิกโตมองพี่สาวอย่างชิงชัง คนโกหก!…เธอร่ำร้อง เสียงแผ่วเบานุ่มนวลในหัวสนับสนุนความคิดของเธอ
ใช่..เด็กขี้อิจฉา นิสียไม่ดี
"แล้วครั้งล่าสุด ที่น้องสาวคุณลุกขึ้นมาอาละวาดนี่ นานแค่ไหนแล้วคะดอกเตอร์ พอจะจำได้ไหม?' ดร.สาวมองหน้าคนถาม แม่นี่เป็นใคร? หญิงสาวใบหน้ากลมป้อม ขยับแว่นสายตาเหนือดั้งจมูกให้เข้าที่ ก่อนแนะนำตนเอง
“ดิฉันเป็นนักข่าวอิสระ เคยไปขอสัมภาษณ์ดอกเตอร์เกี่ยวกับงานเขียนเล่มแรกของคุณที่ออกตีพิมพ์ จำได้ไหมคะ?”
“เสียใจจริงๆ ที่ต้องบอกว่าจำไม่ได้ และก็งานวันนี้จัดขึ้นเป็นการส่วนตัว เฉพาะคนที่สนิทจริงๆ ถ้าคุณต้องการเขียนข่าวเกรงว่าจะไม่มีข้อมูลให้” ดอกเตอร์สาวพูดเสียงเรียบเย็น แววตาตำหนิเปิดเผย นักข่าวอิสระหน้าเสีย
“คุณต้องการข้อมูลแบบไหนคะ? บางทีฉันอาจช่วยคุณได้” อิงฟ้ากล่าวเสียงเบา นักข่าวอิสระตาโต พร้อมกับเสียงฮือฮารอบตัว ดอกเตอร์ปลายฝนหน้าเข้มเพราะแรงอารมณ์
“อย่าก่อเรื่องดีกว่า นี่ก็ดึกมากแล้ว ตัดเค้กกันเลยดีไหมคะ? คนป่วยจะได้ไปพักผ่อน ส่วนพวกเราใครอยากสนุกต่อค่อยว่ากันอีกที" คนในโต๊ะเงียบเสียง แฟนหนุ่มของดอกเตอร์ปลายฝนชำเลืิองดูนาฬิกาข้อมือ
“เพิ่งจะสี่ทุ่ม แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจุดเทียนเลยนะ ทุกคนครับ” เขาหันไปตะโกนบอกกลุ่มเพื่อนอีกฟากของห้อง ทุกคนต่างกรูกันเข้ามายืนรายล้อมเจ้าของวันเกิด ครู่เดียว เสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ก็ดังขึ้น อิงฟ้าน้ำตาซึม…ไม่มีของขวัญวันเกิดอีกตามเคย แปดปีเต็ม ตั้งแต่แม่จากไป เธอไม่เคยได้รับของขวัญวันเกิดจากใคร แม้แต่จาก ศจ.ดร.ปราชญ์ ผู้เป็นบิดา…เราทำผิด เราเป็นคนฆ่าแม่ ทุกคนเลยเกลียดเรา ฝนเกลียดเรา พ่อก็เกลียดเรา…อิงฟ้าคิดอย่างหมกมุ่น ไม่ทันเห็นร่างสูงตรงของของนายแพทย์กีรติ
“ผมมาไม่ทันเป่าเค้ก แต่ก็แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะครับคนสวย” อิงฟ้าอุทานอย่างลิงโลด “คุณหมอมา”.. นึกอย่างปลาบปลื้ม รับกล่องของขวัญจากมือนายแพทย์กีรติ
“ขอบคุณค่ะ ฟ้าอยากดูในกล่อง”
“เอาไว้ดูตอนกลับห้องแล้วดีกว่าไหม?” นายแพทย์หนุ่มแนะยิ้มๆ
“ความลับหรือคะ?” อิงฟ้ากระซิบกระซาบ นายแพทย์กีรติพยักหน้า ดอกเตอร์ปลายฝนหรี่ตามองนายแพทย์หนุ่มด้วยแววตาเป็นอริเปิดเผย นายแพทย์กีรติมองตอบด้วยสายตาท้าทาย แสดงออกมาสิ..เผยธาตุแท้และตัวตนที่แท้จริงของคุณออกมา…..
…อิงฟ้านั่งซุกตัวอยู่มุมห้อง ในมือกำสร้อยคอเส้นเล็กแขวนจี้รูปหยดน้ำไว้แน่น ของขวัญวันเกิดจากคุณหมอ สวยน่่ารักเหลือเกิน
“ดีใจล่ะสิ..ได้ของขวัญจากคุณหมอ เคยบอกแล้วใช่ไหม? ว่าห้ามไปพบเขาอีก ตอนนี้ตัวเป็นคนไข้ของเราไม่ใข่หมอบ้านั่น นี่คงแล่นไปหาเขามาล่ะซี เขาถึงมางานวันเกิดแล้วให้ของขวัญ ทำตัวทุเรศที่สุด” ปลายฝนทำเสียงสะบัด ตาดำคมจ้องเขม็งไปที่มือกำแน่นของน้องสาว อิงฟ้าสะดุ้ง รีบเอามือไขว้หลัง ซ่อนสมบัติล้ำค่าของตนให้พ้นสายตาของพี่สาว
“เข้ามาทำไม มันดึกแล้วเราจะนอน” อิงฟ้าทำเสียงตำหนิ ดอกเตอร์ปลายฝนหงายหน้าหัวเราะ
“กล้าไล่เราหรือ? ไอ้เรื่องสร้อยซังกะบ๊วยนั่นไม่สำคัญกับเราหรอก นี่ต่างหาก ชุดราตรีเรา...ตัวทำใช่ไหม?” อิงฟ้าผงะ!..ใบหน้างามซีดเผือด มองเศษผ้าสีดำกระรุ่งกระลิ่งในมือพี่สาวฝาแฝดอย่างตระหนก
“เราเปล่า .เราเปล่า..คุณแม่ต่างหาก คุณแม่เป็นคนทำ” อิงฟ้าละล่ำละลัก พี่สาวฝาแฝดกรีดเสียง ใบหน้าบิดเบี้ยว ถมึงทึง
“ยังจะกล้าปฏิเสธ แล้วอย่าไปโยนให้คุณแม่ คนตายไปตั้งสิบยี่สิบปี จะลุกขึ้นมาทำบ้าๆ อย่างนี้ได้ยังไง? เมื่อไหร่จะหายบ้าซะที เลิกทำตัวงี่เง่าได้แล้ว เราเบื่อ..ได้ยินไหม..เราเบื่อ..เบื่อที่ต้องมานั่งคอยดูแลคนโรคจิตอย่างตัว เราจะไม่ยอมอีกต่อไปแล้ว อาทิตย์หน้าเราจะส่งตัวไปอยู่โรงพยาบาล และเราจะแต่งงาน เราจะมีครอบครัว ครอบครัวจริงๆของเรา พอกันทีกับคนป่วยหนัก ไร้ทางเยียวยาอย่างตัว”
ศจ.ดร.ปราชญ์ วินทะวงศ์ ก้าวพรวดพราดเข้าไปในบ้าน แสงแฟลตจากกล้องนับสิบตัววูบวาบ พร้อมกับคำถามเซ็งแซ่รอบตัว เขาเอามือปัดไมโครโฟนที่จ่อมาถึงปากออกให้พ้นทาง ก่อนจะก้าวยาวๆ ไปยังร่างไร้วิญญาณของบุตรี
“ฝน..ลูกพ่อ นี่มันเกิดอะไรขึ้น” เขาพึมพำเสียงแผ่วโหย ลูบมือไปตามใบหน้างดงามซีดเผือดของดอกเตอร์สาวก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบบริเวณ ไม่สนใจกับคำถามเซ็งแซ่รอบตัว อิงฟ้าล่ะ…อิงฟ้าอยู่ไหน?แล้วเกิดอะไรขึ้นกับปลายฝน
“ศาสตราจารย์คะ พอจะบอกได้ไหมคะ ว่าทำไมดอกเตอร์ปลายฝนถึงฆ่าตัวตาย” ศจ.ดร.ปราชญ์ชะงัก…ฆ่าตัวตายหรือ? ไม่..เป็นไปไม่ได้
“มีเหตุจูงใจอะไรหรือเปล่าคะ นอกจากความเครียดจากการเจ็บป่วยของคู่แฝด จริงหรือไม่คะที่คุณอิงฟ้ามีอาการป่วยทางจิต ใช้เวลารักษาหลายปีไม่ดีขึ้น ดอกเตอร์ปลายฝนจึงต้องเปลี่ยนโรงพยาบาล เปลี่ยนหมอและหันมารับเคสเอง”
“พอซักที ” ศจ.ดร.ปราชญ์ตะโกนด้วยใบหน้าเครียดเคร่ง
“พวกคุณอย่าเอาคำถามบ้าๆ อย่างนี้มาถามผม ผมไม่มีคำตอบให้หรอก ลูกสาวผมเป็นคนเก่ง เข้มแข็งและมีศักยภาพมากพอ คงไม่ทำอะไรสิ้นคิดแบบนี้หรอก อีกอย่าง อิงฟ้าไม่ใช่คนป่วย ไม่ได้ป่วยทางจิต เธอแค่มีอาการซึมเศร้าและร่างกายอ่อนแอกว่าคนอื่นแค่นั้น”
“แต่ดอกเตอร์เป็นคนให้สัมภาษณ์เองนะคะ ว่าคุณอิงฟ้ามีอาการป่วยทางจิต ซึมเศร้า เห็นภาพหลอนและอาจคุ้มคลั่งถ้าถูกกระตุ้น” นักข่าวคนเดิมถาม ศจ.ดร.ปราชญ์ขบฟัน
“ไม่ใช่..อิงฟ้าไม่ใช่คนป่วย และยายฝนไม่มีทางพูดถึงน้องแบบนั้นแน่ พวกคุณกลับไปเถอะ ผมขอร้อง อย่าทำให้ผมต้องรู้สึกแย่มากไปกว่านี้เลย..” ศจ.ดร.ปราชญ์กางมือปิดหน้า กดนิ้วหนักๆ ลงบนเปลือกตากั้นน้ำใสๆ ไม่ให้ใหลรินออกมา เขาไม่เข้าใจ ..ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น เขาได้รับข่าวดีจากบุตรี งานแต่งกำลังจะเริ่มในอีกสองวันข้างหน้า เขาทิ้งงาน บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อร่วมงานมงคลนี้ การณ์กลับกลายเป็นว่าเขาต้องมาร่วมงานศพแทน ไม่มีเหตุผลอะไรเลย ที่ดอกเตอร์สาวสวย มากความสามารถ อนาคตไกลอย่างดอกเตอร์หยาดฝน จะฆ่าตัวตาย โดยเฉพาะในเมื่ออีกไม่กี่วันก็จะได้สวมชุดเจ้าสาว เคียงคู่กับนักธุรกิจหนุ่ม คนรักที่คบหาดูใจกันมานานหลายปี
อิงฟ้ากำลังนอนขดตัวอยู่ใต้โปงผ้าห่ม สองมือปิดหู ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก เธอส่ายศีรษะไปมาเมื่อน้ำเสียงแผ่วนุ่มเยือกเย็นเอ่ยขึ้น “ฟ้าไม่ต้องกลัวฝนแล้วนะ…แม่ลงโทษเด็กขี้อิจฉานิสัยไม่ดีไปแล้ว ต่อไป ฝนจะแกล้งฟ้าไม่ได้อีกแล้ว ฝนตายแล้ว..เหมือนแม่ไง..”
“ไม่ใช่..ฝนแค่นอนหลับ เพราะฝนเหนื่อย เหนื่อยที่ต้องคอยดูแลฟ้า เขาเลยนอนหลับ” อิงฟ้าตะโกน เสียงแผ่วนุ่มเยือกเย็นยังเอ่ยอย่างปลอบประโลม
“ไม่ใช่จ้ะ..ฝนไม่ได้หลับ ฝนไม่หายใจ ฝนตายแล้ว”
“คุณแม่..ทำอะไรฝน ฆ่าฝนหรือคะ?” อิงฟ้าตระหนก น้ำเสียงแผ่วนุ่มเยือกเย็นเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด
“ไม่ใช่..แม่แค่ทำโทษฝน เด็กขี้อิจฉานั่น ดื้อด้าน อวดดีเกินไป เขาชอบแกล้งฟ้า ชอบรังแกฟ้า..แต่ฟ้าก็ยังห่วงเขาเด็กนั่นน่ารำคาญที่สุด ฟ้าให้เขาทานยาก่อนนอนนั่นถูกต้องแล้ว…ฟ้านี่เป็นเด็กดีและมีน้ำใจจริงๆเลย..หึหึหึ…” อิงฟ้าลุกจากเตียง ..ต้องบอกคุณพ่อ..คุณแม่โหดร้ายเกินไปแล้ว ต้องเป็นคุณแม่แน่ๆ ที่ทำร้ายฝน คุณแม่ชอบตำหนิฝน ว่าเป็นเด็กขี้อิจฉาเด็กไม่ดีอยู่เรื่อย แล้วคุณแม่ก็เป็นคนบอกเองว่าจะทำโทษฝน
ศจ.ดร.ปราชญ์ ยืนเอามือไขว้หลัง ทอดสายตายาวไกลออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้ายามค่ำคืนหม่นมืดเหมือนจิตใจของเขาตอนนี้ เขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับงาน ทุ่มเทเพื่อให้ลืมความเจ็บปวดจากการสูญเสียภรรยา เขาหมกมุ่นกับความรู้สึกของตัวเอง จนลืมไปว่ายังมีอีกสองชีวิตที่กำลังเจ็บปวดไม่ต่างจากเขาโดยเฉพาะอิงฟ้า..แฝดผู้น้องของดอกเตอร์หยาดฝน วินทะวงศ์ นักจิตวิทยาสาวผู้มากความสามารถ เจ้าของบทความเชิงวิขาการมากมายและผลงานวิจัยเกี่ยวกับกลไกทางจิต อิงฟ้ากลายเป็นคนเศร้าซึม จากเด็กสาวร่าเริงสดใสเปลี่ยนเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว อ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ คนที่เข้มแข็งที่สุดกลายเป็นหยาดฝนเธอดูแลทั้งพ่อและน้องสาว เมื่อเขาดีขึ้นก็ปลีกตัวออกไปทำงานที่ตนรักไกลถึงอีกฟากโลก ปล่อยให้อิงฟ้าอยู่ภายใต้การดูแลของพี่สาว เขารับรู้ข่าวสารและความเป็นไปของคู่แฝดผ่านทางโทรศัพท์
“ยังไม่นอนอีกหรือคะพ่อ” น้ำเสียงอ่อนเบา ดังขึ้นด้านหลัง ศจ.ดร.ปราชญ์ละสายตาจากหน้าต่าง หันมามองบุตรี อิงฟ้ายืนเอียงคอน้อยๆ ผมยาวสลวยลุ่ยลงมาปิดบังใบหน้าซีกหนึ่ง
“แล้วฟ้าล่ะ..ทำไม่ไม่นอน ยังไม่ง่วงหรือลูก”
“หนูมีอะไรจะบอกพ่อค่ะ เรื่องของฝน ” อย่านะ …น้ำเสียงแผ่วนุ่มกระซิบกระซาบ …แต่หนูอยากบอก พ่อต้องรู้ความจริงว่าแม่นั่นแหล่ะ เป็นคนทำร้ายฝน แม่ฆ่าฝน!….ไม่ใช่ แม่แค่ทำโทษเขา เขาจะได้เลิกรังแกฟ้า…แต่แม่ทำให้เขากลัว ฝนเขากลัวแม่ รู้ไหม? เขาต้องกินยาทุกคืน ไม่งั้นเขาจะนอนไม่หลับเพราะเขากลัวแม่….
“อิงฟ้า..ฟ้า..มีอะไรหรือเปล่าลูก..หนูบอกมีเรื่องจะบอกพ่อ..เรื่องอะไรหรือลูก?” ศจ.ดร.ปราชญ์ ถามบุตรีคนเล็ก อิงฟ้าเงยหน้ายิ้มเยือกเย็น น้ำเสียงที่กล่าวตอบเนิบช้า นุ่มนวล
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณ..ลูกแค่ตกใจ”
“อะ…อะไรนะ?” ศร.ดร.ปราชญ์อึกอัก..น้ำเสียงและท่าทางของอิงฟ้าทำให้เขาตกใจกลัว นี่เขาหูฝาดหรืออุปทานไปเอง
“หนูจะบอกพ่อค่ะ ว่าฝนเขามักจะกินยานอนหลับก่อนนอน ฝนคงเครียดเรื่องของหนู หนูเป็นภาระให้ฝนใช่ไหมคะพ่อ” เสียงตอนท้ายสั่นระริก ศจ.ดร.ปราชญ์กระพริบตา..
“เอ้อ…ไม่ใช่นะลูก ฝนเขาไม่ได้คิดอย่างนั้น ไม่เคยคิด ฝนรักน้องมากเขารับปากกับพ่อเอง ว่าจะดูแลน้องให้ดีที่สุด”
“แล้วพ่อล่ะคะ?รักหนูหรือเปล่า” อิงฟ้าถาม สายตาจ้องนิ่งไปที่บิดา
“รักซีลูก..เราทุกคนรักฟ้า..พ่อหมายถึงทั้งพ่อและฝน เราทั้งคู่รักลูก”
“โกหก..พ่อเกลียดหนู ฝนก็เกลียดหนู ฝนว่าหนูเป็นฆาตกร พ่อก็ด้วย” ศจ.ดร.ปราชญ์ตกตะลึง..เสรยงแหลมเล็กเกรี้ยวกราดที่ดังออกมาจากปากของอิงฟ้า เป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของเขา อิงฟ้าผู้เศร้าซึม อ่อนแอและขลาดกลัวหายไปไหน…หรืิอว่า..เขานึกถึงคำพูดของนักข่าว…คุณอิงฟ้ามีปัญหาทางจิต ซึมเศร้าและอาละวาดคุ้มคลั่งเป็นบางคราว
“ได้เวลานอนแล้วค่ะพ่อ” อิงฟ้ากล่าวเสียงเนิบ ศจ.ดร.ปราชญ์พยายามทำความเข้าใจกับคำพูดของบุตรีในขณะที่หนังตาหนักอึ้ง….กระต่ายเอ๋ย..หูยาวยาว ตัวขาวขาว ตาดำดำ หลงวนจนมืดค่ำ หาทางออกก็ไม่เจอ กระต่ายนั่งร้องไห้ วินจันทร์ฉาย ข้าเสนอ ให้ทางข้าพบเจอ แลกด้วยเลือดและวิญญาณ….น้ำเสียงเยือกเย็นนั้นเหมือนแว่วมาจากที่ไกลแสนไกล เขาพยายามเบิกตา ต่อสู้กับความง่วงงุนที่จู่โจมเข้ามา แต่ไม่เป็นผล
นายแพทย์กีรติเดินอน่างรีบเร่งเข้าไปในบ้านที่เงียบเชียบและมืดมิด อิงฟ้าโทรหาเขา น้ำเสียงร้อนรนนั้นทำให้เขาไม่อาจนิ่งเฉย ถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนจริงๆ เธอจะโทรตามเขามาทำไมดึกดื่นค่อนคืนขนาดนี้ เขาเข้ามายืนงง กลางห้องโถงที่มืดมิด ก่อนจะปรับสายตาให้ชินกับความมืด
“อิงฟ้า คุณอยู่ไหน? ทำไมไม่เปิดไฟ อยู่ได้ยังไง มืดๆ แบบนี้" เงียบ!…นายแพทย์กีรติลังเล จะว่าไฟดับก็ไม่ใช่ โคมไฟหน้าบ้านยังเปิดสว่าง แต่ภายในบ้านกลับมืดสนิท อิงฟ้าโทรหาเขาเพราะเรื่องนี้หรือเปล่า? อยู่คนเดียวท่ามกลางความมืดอาจจะกลัว ศจ.ดร.ปราชญ์ไม่น่ารีบกลับเลย งานสำคัญกว่าลูกหรือยังไง..เขาคิด
“อิงฟ้า .คุณอยู่ไหน?ไม่ต้องกลัวนะ ผมมาแล้ว” …..กระต่ายเอ๋ย! หูยาวยาว ตัวขาวขาว ตาดำดำ หลงวนจนมืดค่ำ หาทางออกก็ไม่เจอ กระต่ายนั่งร้องไห้ วอนจันทร์ฉายข้าเสนอ ให้ทางข้าพบเจอ แลกด้วยเลือดและวิญญาณ….เสียงหวานเยือกเย็นดังมาจากที่ไหนสักแห่งภายในบ้าน นายแพทย์กีรติยิ้มกับตัวเองในความมืด ก่อนจะเดินตามเสียงนั้นไป….
…จบบริบูรณ์…
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ ทอแสง เขมวัลย์ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ทอแสง เขมวัลย์
ความคิดเห็น